วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 2


แค่วันแรกกับบททดสอบของบัวสาย ปกรณ์พลก็ปวดร้าวไปทั้งตัว เดินกลับบ้านไม่ไหว เดือดร้อนพวกเจิดต้องหามกลับมา...

สมุนของฝาจีบไปรู้เห็นว่าที่บ้านบัวสายมีผู้ชายมาอยู่ ท่าทางเป็นผู้ดีสงสัยจะเป็นคนกรุงเทพฯมาหาข้อมูลลำตัด บัวผ่องยุให้บัวสายต้อนรับขับสู้ เธอเลยรับไว้แต่ในฐานะอะไรไม่รู้

“แปลก...ก็น้าบัวสายแกเกลียดคนกรุงเทพฯ คนเขารู้กันทั้งตำบล รับคนแปลกหน้าไว้ทำไม”

“เขาว่าน้าบัวสายจะหัดลำตัดให้ด้วย ถ้าไอ้หมอนี่ผ่านการทดสอบ”

ฝาจีบสงสัยว่าทดสอบยังไง สมุนจึงนำทางไปยังทุ่งนาที่กลุ่มของบัวสายพาหนุ่มแปลกหน้าไปช่วยลงแขกเกี่ยวข้าว เพียงมายืนดูได้ไม่นานพวกฝาจีบก็มีปากเสียงกับเพลงลำและไข่กา แต่ไม่ช้าพวกนักเลงประจำถิ่นก็เป็นฝ่ายล่าถอยเพราะไม่กล้าเสี่ยงกับเคียวเกี่ยวข้าวคมกริบของพวกเพลงลำ

ปกรณ์พลเต็มใจเกี่ยวข้าวทั้งที่เหนื่อยล้า แม้จะเงอะงะบ้างแต่ความตั้งใจจริงของเขาก็ทำให้เพลงลำพอใจ แต่ลึกลงไปในใจแล้วเพลงลำรู้สึกว่าเขามีบุญคุณที่มาช่วยเธอจากพวกฝาจีบเมื่อคืนก่อน มิฉะนั้นเธออาจพลาดถูกพวกมันฉุดไปแล้ว พฤติกรรมเลวร้ายของฝาจีบอีกอย่างคือชอบฉุดสาวๆที่พอใจไปปล้ำแล้วยังถ่ายคลิปเก็บไว้แบล็กเมล์ ขู่ไม่ให้แจ้งความ

เมื่อปกรณ์พลดีกับเธอ อะไรที่เธอพอจะช่วยเขาได้ก็อยากช่วย ความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองคนเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ทว่าความที่ไม่เคยชินกับงานหนักกลางแดดจัดปกรณ์–พลถึงกับหมดแรงเป็นลมในวันที่สองของการเกี่ยวข้าว

เพลงลำ เจิด และไข่กาต้องช่วยกันพาเขากลับไปพักกับบัวเผื่อนโดยไม่ให้บัวสายรู้ ชายหนุ่มไข้ขึ้นสูงทั้งคืนเพลงลำเป็นทุกข์เป็นร้อนห่วงใยเขามากจนไข่กาผิดสังเกต เธอบอกไข่กาว่ากลัวปกรณ์พลจะมาตายที่นี่แล้วจะเกิดเรื่องใหญ่ แต่ไข่กากับเจิดไม่ค่อยเชื่อนัก

ooooooo

เฉวียนแม่ของทองน้ำงามติดการพนัน ที่หายไปหลายวันก็หมกตัวอยู่ในบ่อนและเป็นหนี้เป็นสินเพิ่มขึ้น ทองน้ำงามกลุ้มใจมาก เตือนแล้วเตือนอีกแม่ไม่เชื่อ แถมยังขอร้องให้เธอแต่งงานกับฝาจีบเพื่อความสุขสบายและช่วยปลดหนี้ให้แม่

ทองน้ำงามรักชอบเจิดจึงไม่รับปากรับคำแม่ ได้แต่เก็บความกลัดกลุ้มนี้ไว้อย่างไม่มีทางออก ฝ่ายกำนันฝอยกำลังมุ่งมั่นวางตัวฝาจีบลงสมัครผู้ใหญ่บ้านแทนคนเก่า กำนันหาเสียงกับชาวบ้านและคิดจะซื้อเสียงด้วยเงินคนละไม่กี่ร้อย เพลงลำรู้ทันจึงขัดขวางหัวชนฝา แต่กำนันกลับหาว่าเธอทำตัวเป็นพวกกวนเมือง

เพลงลำพยายามโน้มน้าวชาวบ้านให้คิดดีๆ พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจต่อสู้กับอิทธิพลมืด ไม่ใช่ใครยัดเยียดตัวอะไรมาพร้อมเงินสองร้อยก็เลือกเพราะอยากได้เงิน ถ้าเกิดเขาส่งสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกประเภทที่ว่ายน้ำก็ได้ อยู่บนบกก็เป็น ซ้ำมีสี่เท้ามีหางมีทางลายทั้งตัวท่าทางเหมือนจระเข้มาให้เลือก พวกเราจะเลือกหรือ?

กำนันฝอย ฝาจีบ ฝาจุก ต่างขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้ากันด้วยความฉงนกับถ้อยคำของเพลงลำ

“ตัวอะไรวะ อยู่บนบกก็ได้อยู่ในน้ำก็ได้”

“ก็ตัวเงินตัวทองน่ะสิพ่อ”

ฟังคำตอบจากลูกสาวแล้วกำนันฝอยตาเหลือกด้วยความโกรธเพลงลำ ทำท่าจะเอาเรื่องแต่เจิดถลันเข้ามาปกป้องผู้หญิงที่ตนรัก

“ค่อยพูดจากันเถอะ นี่เป็นที่ประชุมนะ ที่เพลงลำให้ความเห็นก็มีเหตุผล กำนันเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อถามความเห็นเรื่องงบพัฒนาหมู่บ้านไม่ใช่หรือ”

ฝาจุกเหยียดยิ้ม เดินกรีดกรายเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเจิด

“ที่นี่ไม่ใช่โรงลำตัดจะออกแขกออกรั้วก็เชิญไปที่อื่น พ่อข้าจะหาเสียงให้พี่ฝาจีบก็จะเป็นอะไรไป พ่อวางตัวพี่ฝาจีบไว้เพื่อสืบทอดตำแหน่งกำนันตำบลนี้ เพราะฉะนั้นพี่ฝาจีบต้องได้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านก่อน”

“ใช่แล้ว ลูกสาวของข้านังฝาจุกพูดถูก ตำแหน่งสำคัญของผู้นำชุมชนแบบนี้คนที่เหมาะสมจะต้องเป็นคนที่มีโทรทัศน์”

ฝาจุกสะดุ้งที่พ่อพูดผิดรีบกระซิบข้างหูพ่อว่าเขาเรียกวิสัยทัศน์

“เออ...วิสัยทัศน์...ต้องมีวิสัยทัศน์มีแค่โทรทัศน์หรือเคเบิลทีวีไม่ได้ ไอ้ฝาจีบลูกชายของข้ามีคุณสมบัติที่พร้อมจะรับใช้ชุมชน ถามหน่อย ณ ที่นี้มีใครบ้างที่จะลุกขึ้นมาอ้างความเหมาะสมแข่งกับลูกชายของข้า”

“มี!” เพลงลำสวนทันควัน ไข่กากับเจิดมองหน้าเธออย่างสงสัย

ไข่กากระซิบถามเพลงลำว่า “ใครล่ะ คนตำบลนี้ล้วนแต่มีโรคประจำตัวทรัพย์จางกันทั้งนั้น ใครจะกล้าไปแจกเงินแข่งกับกำนันฝอยพ่อไอ้ฝาจีบ”

“มีก็แล้วกัน” เพลงลำตอบมั่นใจ แต่เจิดไม่สบายใจเตือนเธอเบาๆ

“เพลงลำ นี่เป็นเรื่องที่ชาวบ้านเขาต้องตัดสินใจกันเองว่าจะเลือกใครเป็นผู้นำชุมชน ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปชี้นำใคร”

“ฉันไม่ได้ชี้นำ แต่นี่เป็นการเสนอความคิดเห็น เพราะคนที่ฉันจะเสนอเป็นทางเลือกใหม่ให้ชาวบ้านเลือกเขามีคุณสมบัติที่เหมาะสม เป็นคนตรง ไม่โกงไปโกงมาซ้ำยังเป็นคนดีอีกด้วย”

ชาวบ้านตะโกนถามเซ็งแซ่ว่าใคร ให้เพลงลำบอกมาเร็วเข้า หญิงสาวยิ้มร่ายืดตัวตรงอย่างทะนงองอาจ ผายมือมาที่คนใกล้ตัว

“พี่เจิดคนนี้ไงล่ะ”

เจิดตกใจแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันฮือฮาวิจารณ์กันอื้ออึง

ooooooo

หลังจากทิ้งระเบิดไว้แล้วเพลงลำก็เดินนำไข่กากับเจิดออกจากที่ประชุม เจิดสีหน้ากังวลบ่นเพลงลำหาเรื่องให้ตนเสียแล้ว แค่งานที่แม่บัวสายสั่งให้ดูแลในคณะก็แทบไม่มีเวลาหายใจ ไหนฤดูงานชุกอีกล่ะ เราต้องตระเวนไปเล่นลำตัดจะเอาเวลาที่ไหนไปรับใช้ชุมชน

“ใช่...นึกยังไงไปเสนอชื่อพี่เจิดเขา รู้ก็รู้ว่าแม่ไม่ต้องการมีปัญหากับกำนันฝอย ใครอยากจะเป็นอะไรเราแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว”

“ไม่พอ เป็นคนดีดีไปวันๆ ยังไม่พอสำหรับสังคม ต้องแสดงความดีให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย พี่เจิดมีคุณสมบัติในข้อนี้ เพราะฉะนั้นพี่เจิดเป็นคนที่เหมาะสม”

“แต่ตำแหน่งกำนันผู้ใหญ่บ้านมันต้องใช้เงินด้วยนะ ดีด้วย แจกเงินด้วย เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ต้องทำยังงั้น”

“เราก็ไม่ต้องแจก แต่ฉันมีวิธีที่ทำให้พี่เจิดเป็นผู้ใหญ่บ้านได้”

เจิดและไข่กาหยุดมองเพลงลำ ถามเป็นเสียงเดียวกันว่าทำยังไง

“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่ฉันสัญญาจะคิดออกเร็วๆนี้แหละ นี่มันกี่โมงแล้วไข่กา”

“เกือบเที่ยง”

“คุณไก่อ่อนป่านนี้ตื่นหรือยัง” ขาดคำของเพลงลำ นักมวยในค่ายบัวเผื่อนวิ่งส่งเสียงมาแต่ไกล

“พี่เพลงลำ...น้าบัวเผื่อนให้มาตามพี่ไปที่ค่าย”

เพลงลำไม่รอช้าวิ่งนำหน้าทุกคนไปยังบ้านน้าชาย แล้วช่วยกันพาปกรณ์พลที่อาการน่าเป็นห่วงส่งโรงพยาบาลประจำท้องถิ่นโดยเร็ว

ส่งเขาเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ไข่กาแนะนำให้หาทางติดต่อญาติของเขาเพราะเราไม่รู้ว่าเขามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง เจิดเห็นด้วย กลัวเขาเป็นอะไรขึ้นมาเราจะเดือดร้อน

“ติดต่อทางไหนล่ะ” เพลงลำถาม

“โทรศัพท์ของเขาไง เอาโทรศัพท์ของเขามาเปิดแล้วสุ่มโทร.หาคนที่มีชื่อในเครื่อง เขาต้องรู้สิว่าคุณคนนี้เป็นวงศ์วานว่านเครือใคร”

เพลงลำทำตามที่เจิดบอก ทันทีที่เปิดเครื่องเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เพลงลำจึงต้องฟังงามไฉไลโวยวายต่อว่าอยู่หลายคำกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง

“ฉันเป็นผู้หวังดีกับคุณไก่อ่อน...เอ๊ย...ปกรณ์พล... ว่าแต่คุณเป็นอะไรกับพี่กรณ์คนนี้ล่ะ ถึงได้มาเสียงแว้ดๆ เหมือนนังมารร้าย”

“ฉันเป็นอะไรกับพี่กรณ์น่ะเหรอ ก็เป็นผู้หญิงที่พี่กรณ์จะแต่งงานด้วยน่ะสิ อวดดียังไงถึงได้กล้ามาว่าฉันเป็นนางมารร้าย”

“อ้อ...คู่รักคุณไก่อ่อนนี่เอง”

“แกว่าใครเป็นไก่อ่อน พี่กรณ์เหรอ อย่าดูถูกพี่กรณ์ของฉันนะ แกรู้ไหมว่าพี่กรณ์เป็นใคร”

“เพราะไม่รู้น่ะสิถึงได้ถามอยู่นี่ไง พี่กรณ์ของคุณเขากำลังป่วยหนัก ฉันพาเขามาส่งโรงพยาบาล คุณมารับตัวเขาได้ที่ตำบลบางลำ มาไม่ถูกถามใครเขาก็รู้จักทั้งนั้นคณะลำตัดแม่บัวสาย” ให้ข้อมูลเสร็จสรรพเพลงลำตัดสายทิ้งทันที

ooooooo

งามไฉไลกำลังจะไปตามหาปกรณ์พลที่สุพรรณ-บุรีอยู่พอดี เมื่อได้รับการติดต่อจากหญิงนิรนามให้เดินทางมารับชายหนุ่มที่โรงพยาบาลในตำบลบางลำจึงยอมให้โพยมยงไปด้วย แต่ไม่ยอมให้บอกโฉมตรูแม่ของปกรณ์พล

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเป็นเวลาที่ไข่กากับเจิดกำลังจะกลับเพราะกลัวบัวสายสงสัยที่หายกันไปหมด รถของสองแม่ลูกเกือบเฉี่ยวชนไข่กากับเจิด คนขับรถรีบลงมาขอโทษแต่งามไฉไลหาว่าทั้งคู่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง

ไข่กาโกรธจะเอาเรื่องแต่เจิดปรามให้ใจเย็น แล้วพากันกลับไปพลางนึกในใจว่าขออย่าให้หล่อนเป็นญาติของปกรณ์พลเลย

งามไฉไลเป็นห่วงปกรณ์พลมาก เธอถลาเข้ามาที่เตียงคนไข้ชนเพลงลำที่นั่งเฝ้าแทบตกเก้าอี้

“พี่กรณ์...พี่กรณ์อยู่ที่นี่จริงๆด้วย พี่กรณ์ขา...ทำไมเนื้อตัวพี่กรณ์ถึงได้ร้อนจี๋ยังงี้ล่ะคะ เป็นไข้หวัดนก ติดหวัดสองพันเก้า หรือว่าโดนยุงกัดจนเป็นไข้เลือดออก”

“ก็มีทางที่เป็นไปได้ทุกโรคครับ” หมอตอบอย่างสุภาพ

งามไฉไลเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเขียวขุ่นโกรธจัดแผดเสียงดังลั่น “ก็ถ้ารู้ว่าพี่กรณ์เป็นอะไรทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้เขานอนอยู่บนเตียงแคบๆนี่อยู่ได้จะปล่อยให้เขาตายหรือยังไง”

โพยมยงสะดุ้งกับเสียงลูกสาวรีบเข้ามาปราม ขณะที่เพลงลำยืนฟังอยู่เงียบๆ

“งาม...ใจเย็นๆลูก แม่ว่าพาคุณกรณ์กลับกรุงเทพฯดีกว่า ให้รถโรงพยาบาลไปส่งโรงพยาบาลที่แม่ถือหุ้นถึงที่นั่นเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”

“ได้ยินที่คุณแม่ของฉันสั่งมั้ย หรือว่าไม่มีรถพยาบาล หรือมีแต่ไม่มีมาตรฐานเพราะเป็นโรงพยาบาลบ้านนอก...โธ่ พี่กรณ์นะพี่กรณ์ ไม่น่าทำตัวลำบากมาหาข้อมูลบ้าบอนั่นเลย ที่นี่บ้านนอก สุขอนามัยจะดีได้ยังไง น้ำดื่มสะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม้แต่โรงพยาบาลยังซอมซ่อเล็กนิดเดียว ทำยังไงดีล่ะคะคุณแม่ขา”

โพยมยงหันไปถามพยาบาลด้วยท่าทีวางอำนาจ “อ้าว...ว่ายังไงยะ ฉันถามว่ามีรถพยาบาลส่งคนไข้ไปกรุงเทพฯมั้ย ถ้าไม่มี...ถามอีกคำ มีสนามบินมั้ย”

พยาบาลหน้าเจื่อน เพลงลำก้าวเข้ามาถามด้วยความสงสัยว่าคุณนายจะเอาสนามบินไปทำอะไร

สองแม่ลูกหันขวับมาจ้องเพลงลำ งามไฉไลตวัดสายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า

“ที่คุณแม่ของฉันถามว่าที่นี่มีสนามบินมั้ย ก็เพราะว่าคุณแม่จะเรียกเครื่องบินส่วนตัวมารับพี่กรณ์กลับกรุงเทพฯน่ะสิ”

“โรงพยาบาลเอกชนที่ฉันถือหุ้นอยู่มีเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ป่วย”

“ใช่...คุณแม่แค่สั่ง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเฮลิคอปเตอร์ก็จะมารับพี่กรณ์ทันที ไม่มีสนามบินใช้สนามหญ้ากว้างๆก็ได้”

“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลชุมชน เราไม่มีสนามบินหรือแม้แต่สนามหญ้ากว้างๆ แต่เรามีทุ่งนาครับ”

“อะไรนะคุณหมอ ทุ่งนา?”

คนขับรถยื่นหน้าเข้ามาโค้งคำนับเจ้านายอย่างนอบน้อมแล้วบอกว่า “ทุ่งนาก็ลงได้ครับคุณนาย แค่คุณนายสั่งในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ นักบินก็พร้อมที่จะลงทุกที่แม้แต่หลังคาบ้านครับ”

“งั้นฉันสั่ง...เร็วๆเข้า ให้ส่งเฮลิคอปเตอร์มารับว่าที่ลูกเขยของฉันเร็วๆ ถ้าคุณกรณ์เป็นอะไรไป นอกจากฉันจะฟ้องโรงพยาบาลที่นี่ให้เหลือแต่เสาเข็มแล้ว ฉันจะไล่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของฉันออกด้วยย่ะ”

“ครับคุณนาย”

“อ้อ...แล้วสั่งให้ส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาพร้อมกับเครื่องเลยนะ ต้องเป็นระดับแพทย์ผู้อำนวยการเท่านั้น หมอที่เพิ่งจะหลุดจากเครื่องแบบแพทย์ฝึกหัดไม่เอา ฉันต้องมั่นใจว่าปกรณ์พลปลอดภัย”

เพลงลำได้ฟังอดคิดในใจไม่ได้ว่ายัยคุณนายคนนี้โอเว่อร์จริงๆ ส่วนยัยลูกสาวก็เอาแต่กอดคนป่วยร่ำไห้อย่างกับจะเป็นจะตาย

ปกรณ์พลไข้ขึ้นถึงกับเพ้อเรียกชื่อเพลงลำ โพยมยงเข้าใจว่าเขาคิดเรื่องเพลงลำตัดที่จะทำวิทยานิพนธ์ แต่งามไฉไลกลับนิ่วหน้าสงสัยก่อนจะรีบก้าวตามสาวนิรนามที่เลี่ยงออกไปนอกห้องผู้ป่วย

งามไฉไลตามมากระชากไหล่เพลงลำคาดคั้นว่าเป็นใคร ใช่ผู้หญิงที่ตนพูดโทรศัพท์ด้วยหรือไม่ ครั้นคำตอบคือใช่ เธอกวาดสายตามองเพลงลำหัวจดเท้าแล้วเท้าจดหัว ถ้อยคำที่พูดออกมาล้วนแต่ดูแคลน

“แล้วแกรู้จักมักจี่พี่กรณ์ได้ยังไง แกถึงได้ถือวิสาสะมาใช้โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา โทรศัพท์มือถือถือว่าเป็นสมบัติส่วนตัวนะ”

“ก็ถ้าฉันไม่ใช้ คุณจะรู้หรือว่าเขาอยู่ที่นี่”

“อย่ามายอกย้อนฉันนะ ฉันไม่แจ้งนักข่าวมาทำข่าวโรงพยาบาลด้อยศักยภาพน่ะดีเท่าไหร่แล้ว ฉันสังเวชโรงพยาบาลซอมซ่อ รักษาคนจนๆ รอดหรือตายมีค่าเท่ากัน...ฉันจะไปขอให้หมอทำใบส่งตัวคนไข้ ถึงที่โน่นแล้วเขาจะได้รู้ว่าโรงพยาบาลทางนี้ให้ยาอะไรไปบ้าง”

เพลงลำไม่สนใจยักไหล่เดินจากไป โพยมยงตามออกมาให้ข้อมูลลูกสาวว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อเพลงลำเป็นคนพาปกรณ์พลส่งโรงพยาบาล งามไฉไลเกิดความระแวงทันที เพราะเมื่อสักครู่ปกรณ์พลเพิ่งเพ้อเรียกชื่อเพลงลำ

บัวผ่องกับบัวสายเพิ่งรู้ว่าปกรณ์พลไม่สบายต้องหามส่งโรงพยาบาล บัวผ่องเอ็ดบัวเผื่อนที่ไม่ยอมบอก กลัวเขามาตายคาบ้านจะกลายเป็นคนใจจืดใจดำ แต่บัวสายกลับไม่ใส่ใจ หาว่าเขาอ่อนแอเอง โดนแดดแค่นี้ก็ล้มแล้วจะไปทำอะไรกิน

บัวเผื่อนระอาในความขัดแย้งของแม่กับพี่สาว พยายามทำตลกเพื่อคลี่คลายสถานการณ์แต่ก็โดนบัวผ่องด่าเปิงจนต้องเปิดแน่บไป

เพลงลำกำลังจะกลับบ้านเดินออกจากโรงพยาบาลมาเจอเจิดกับไข่กาที่ย้อนกลับมาด้อมๆมองๆ อยากรู้ว่าผู้หญิงหน้าสวยเสียงแหลมคนนั้นเป็นญาติปกรณ์พลหรือเป็นคู่รัก แต่เพลงลำไม่สนบอกทั้งสองคนว่าหมดหน้าที่เราแล้วกลับบ้านกันเถอะ

“ยังไปไม่ได้!” งามไฉไลกรีดเสียง ก้าวฉับๆมายืนตรงหน้าเพลงลำ

“ทำไมล่ะคุณ หมอกำลังทำหนังสือส่งตัวให้ฉันหมดหน้าที่แล้ว”

“ยัง...แกยังมีหน้าที่ต้องตอบคำถามของฉัน แกเป็นอะไรกับพี่กรณ์ของฉัน ทำไมเขาต้องมาอยู่ที่บางลำนี่ แล้วก็เพ้อถึงแก...นังเพลงลำ ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้”

“อุ๊ต๊ะ มีเพ้อ!” ไข่กาอุทานตาโต

“ฉันไม่รู้จะตอบอะไรคุณ ไว้ให้เขาฟื้น เขาคงตอบคุณได้ดีกว่าคนอื่น”

“ก็ดีแล้วที่แกคิดว่าแกเป็นคนอื่น เพราะจริงๆแล้วแกก็เป็นแค่คนอื่นของพี่กรณ์จริงๆ พี่กรณ์มีการศึกษามีสกุลรุนชาติ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสนใจผู้หญิงบ้านนอก เอ๊ะ หรือว่าแกเป็นลำตัด”

เจิดเห็นท่าไม่ดีจะอ้าปากท้วงแต่สาวเมืองกรุงไม่เปิดโอกาส ตวาดแว้ดแสบแก้วหู

“ไม่ต้องยุ่ง! ถ้าเป็นลำตัด แกยิ่งต้องเตือนตัวเองให้สำนึกในความต่ำต้อยให้มากๆ เป็นลำตัดต้องเต้นกินรำกินถึงจะอิ่มท้อง อย่าฝันว่าจะได้แต่งงานกับพี่กรณ์เลย เรื่องเจ้าหญิงเจ้าชายมีแค่นิทานเท่านั้นแหละ”

สามคนพากันงงงันที่หล่อนคิดไปได้ขนาดนั้น เจิดเอ่ยอย่างสุภาพว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิด ขณะที่ไข่กาแสดงท่าทีโมโหตอบโต้งามไฉไลหลายคำแถมยังจะเอาเรื่อง เจิดกับเพลงลำเลยต้องช่วยกันรั้งเธอออกมา

ooooooo

ฝาจุกโกรธเพลงลำที่เสนอเจิดเข้ามาเป็นคู่แข่งของฝาจีบ แทนที่พี่ชายจะนอนมากลับต้องลุกขึ้นไปหาเสียงด้วยการแจกหนัก

“เฮ่ย...ไอ้เจิดมันจะมีน้ำยาอะไรมาเป็นคู่แข่ง

ไอ้ฝาจีบของข้า มันเป็นคนลำตัดค่าตัวสักเท่าไหร่กันเชียว หน้างานก็มีเงิน ไม่มีงานเงินก็หมด ไม่รู้มันคิดยังไงจะมาสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ห้า”

“มันจะคิดอะไรล่ะพ่อ ไอ้เพลงลำเป็นคนคิดแทน... ไอ้เจิดน่ะคนรักใคร่ชอบพอฝีปากมันก็มากอยู่นะ ไปเล่นลำตัดที่ไหนคนไม่ได้ติดน้าบัวสายคนเดียว แต่สาวแก่แม่ม่ายไปรอดูไอ้เจิดด้วย”

“นั่นสิ พ่อต้องหาทางจัดการตัดไฟแต่ต้นลมนะ”

“พวกเอ็งไม่ต้องห่วง พ่อจะหาทางกำจัดคู่แข่งทุกคนที่บังอาจทำตัวเป็นคู่แข่งลูกพ่อ ไม่ยกเว้นแม้แต่ไอ้เพลงลำ”

ฟังพ่อรับปากแข็งขันแล้วลูกสาวลูกชายถึงกับยิ้มพราย...แต่เย็นวันเดียวกันเพลงลำกลับยิ้มไม่ออก นั่งมองข้าวในจานหน้าหมองเหมือนอาหารไม่ถูกปากจนบัวผ่องทักถามกลัวหลานคนสวยจะซูบโทรม

ความจริงเพลงลำคิดเรื่องปกรณ์พลแต่กลัวยายและแม่รวมทั้งไข่กาและเจิดจะสงสัยเลยคุยเรื่องเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านซึ่งตนให้เจิดลงสมัครแข่งกับฝาจีบลูกชายกำนันฝอย

เจิดรู้ทัน หลังอาหารมื้อนั้นเขาตามเพลงลำลงมาที่ศาลาท่าน้ำ ถามเธอตรงๆว่าคิดถึงปกรณ์พลใช่ไหม ถึงยังไม่หลับไม่นอนเสียที

“ตามันสว่าง มันเลยไม่ง่วง คุณปกรณ์พลเขาคงปลอดภัยแล้วล่ะ พี่เจิดล่ะทำไมป่านนี้ยังไม่นอน”

“นอนไม่หลับเหมือนกัน คิดถึงเรื่องที่จะลงสมัครเลือกตั้ง”

“อย่ากลัวไปเลยพี่เจิด ห่วงแม่ให้น้อยๆลงหน่อย เป็นตัวของตัวเองให้มากๆ ฉันรู้นะพี่อยู่กับแม่มาหลายปีดีดักนี่เป็นเพราะพี่เป็นห่วง ที่แม่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่คิดจะพยุงลำตัดไว้ แม่ถึงต้องเลี้ยงคนลำตัดไว้เหมือนลูก”

“พี่ไม่ได้ห่วงแม่หรอก แต่พี่ห่วงเพลงลำ”

“ห่วงฉัน?”

“กลัวเพลงลำจะหาตัวตนของตัวเองไม่พบ จนป่านนี้แล้วยังตัดสินใจไม่ถูกอีกหรือว่าจะเป็นอะไร”

“ฉันก็เป็นฉันไง”

“แบบไหนล่ะ แบบนักเลงหรือลำตัด”

“นี่พี่เจิดจะพยายามหว่านล้อมฉันเพื่อแม่งั้นสิ ฉันบอกพี่เจิดแล้วไงว่าฉันจะไม่เป็นลำตัด ชั่วชีวิตของแม่ แม่เล่นลำตัดมาตั้งแต่เป็นสาวรุ่น ฉันไม่เคยเห็นแม่ร่ำรวยมีความสุขกับชีวิตเลย ยังดีที่ปู่ย่าตายายทิ้งที่นาผืนใหญ่เอาไว้ให้ปลูกข้าวกิน ไม่ยังงั้นแม่อาจจะพาชาวคณะอดตายเพราะยึดมั่นจะรักษาประเพณีการเล่นลำตัดไว้ก็ได้...

ฉันจะเลือกอนาคตของฉันเอง พี่เจิดไม่ต้องห่วงฉันหรอก เพราะสิ่งที่ต้นไม้ใหญ่อย่างแม่ทิ้งไว้ให้ก็คือความดี ฉันจะเป็นคนดี”

เพลงลำกลับขึ้นเรือน ทิ้งเจิดนั่งทอดถอนใจ ยังไงก็หว่านล้อมเธอไม่สำเร็จ...

ทางด้านโพยมยงกับงามไฉไล สองแม่ลูกเจ้ากี้ เจ้าการส่งปกรณ์พลไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯจนได้ โฉมตรูทราบเรื่องรีบมาดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง โดยมีดาหวันติดตามมาด้วย

งามไฉไลเฝ้าเขาอยู่คนเดียว ส่วนโพยมยงกลับบ้านไปแล้ว เธอเล่าฉอดๆว่าปกรณ์พลป่วยเพราะติดเชื้อโรคสารพัดชนิดจากบ้านบางลำ เธอไม่ยอมให้เขากลับไปที่นั่นอีกแน่ แต่ชายหนุ่มบอกอย่างกังวลว่าตนยังไม่ผ่านการทดสอบ

ทุกคนไม่เข้าใจว่าทดสอบอะไร แต่ยังไงงามไฉไลก็ไม่ให้เขาไปอยู่กับคณะลำตัดแม่บัวสายอีก จะให้บุรุษ พยาบาลมายืนเฝ้าหน้าห้อง ส่วนโฉมตรูกับดาหวันให้กลับไปก่อน ตนจะเฝ้าพี่กรณ์อย่างใกล้ชิด

อรรถทราบจากโฉมตรูว่าปกรณ์พลไปอยู่กับคณะลำตัดของบัวสายก็อึ้งไป แววตาส่อพิรุธจนโฉมตรูสงสัยถามว่ามีอะไรหรือเปล่า อรรถนิ่งครู่หนึ่งก่อนปฏิเสธเสียงแผ่ว ทั้งที่ความจริงรู้จักลำตัดคณะนี้เป็นอย่างดี

ooooooo

การหาเสียงเริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ พวกเพลงลำใช้เวทีลำตัดในงานวัดหาเสียงให้เจิด ปรากฏว่าสร้างความไม่พอใจให้ฝั่งกำนันฝอยถึงกับเล่นสกปรกส่งลูกน้องมาป่วนด้วยการจุดประทัดเสียงดังจนผู้คนแตกตื่น

บัวผ่องตกใจถึงกับเป็นลมแต่พวกเพลงลำเข้าใจว่ายายถูกยิงจึงรีบพาส่งโรงพยาบาล กว่าจะรู้อะไรเป็นอะไรก็โกลาหลวุ่นวายกันไปหมด

กำนันฝอยกับลูกๆสะใจเป็นบ้าที่บัวผ่องล้มหงาย หลังตึงต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนชาวบ้านวิ่งกันกระจายจนน่าขัน แต่แล้วพวกกำนันก็แตกตื่นเพราะบัวผ่องกับบัวเผื่อนบุกมาเอาเรื่องถึงบ้านด้วยปืนยาวของจริง ทุกคนวิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีคมกระสุนของสองแม่ลูกกันจ้าละหวั่น

เหตุการณ์วันนี้ทำให้ฝาจีบโกรธมากถึงกับวางแผนเปิดศึกกับพวกเพลงลำ เริ่มต้นด้วยการใช้รถเกี่ยวข้าวแอบไปขโมยเกี่ยวข้าวที่ออกรวงงามๆของนานางสำอางเพื่อนบ้านของบัวสายจนหมดเพียงชั่วข้ามคืน เพลงลำระแวงอยู่แล้วจึงชวนไข่กา เจิด และคนอื่นๆไปค้นเหล็กเส้นจากอู่ช่างเอื้องตัดเป็นท่อนให้มีความยาวประมาณ

ต้นข้าว เธอกับพวกนำท่อนเหล็กเหล่านั้นไปปักเป็นแนวตั้งแทรกปนกับต้นข้าวรอบแนวคันนาที่รถเกี่ยวจะลงได้

แล้วกลางดึกคืนนั้นพวกเพลงลำก็ไปเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างมั่นใจว่าต้องได้ตัวคนร้ายแน่ๆ ปรากฏว่าจริงดังคาด เสียงรถเกี่ยวข้าวดังขึ้นแต่ไกล ไม่นานนักก็เห็นเงารถเลื่อนลงนา เสียงดังกระทบกันของโลหะและเสียงฝาจีบกับพวกโวยวายลั่นเมื่อรถเกี่ยวท่อนเหล็กเข้าไปจนพังหมด

ooooooo

งามไฉไลยังเฝ้าปกรณ์พลอย่างใกล้ชิดที่โรง- พยาบาล ป้อนข้าวป้อนน้ำให้เขาอย่างเอาใจและ

ไม่ยอมให้โฉมตรูมาเฝ้าแทน

“พี่กรณ์ขา...ทานเสียหน่อยสิคะ งามอุตส่าห์ขับรถไปซื้อมาตั้งไกล เลือกร้านอร่อยมีชื่อเสียงแล้วก็แพ้งแพงไกลแค่ไหนก็ไปสรรหามาให้พี่กรณ์ พี่กรณ์จะได้ฟื้นไข้เร็วๆไงคะ”

ชายหนุ่มเมินหน้าหนี บอกว่าพี่ไม่หิว ใจคิดแต่จะกลับไปบางลำให้จงได้

“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ ต่อไปนี้งามจะสั่งอาหารภัตตา– คารให้พี่กรณ์เป็นพิเศษ โรงพยาบาลของเราถึงแม้ว่าจะได้มาตรฐานยังไง มาตรฐานการรับประทานก็ยังไม่ถึงคนระดับเรา นะคะพี่กรณ์ขา...น่านะ”

“พี่ไม่หิวจริงๆ พี่ไม่เป็นไรมาก”

“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงคะ อาการพี่กรณ์ปางตายออกยังงี้แล้วยังจะอวดดีอีก งามจะไม่ปล่อยให้พี่กรณ์กลับไปที่ตำบลบ้านนอกนั่นอีกแล้ว งามเป็นห่วงพี่กรณ์”

“พี่ต้องกลับไปทำงาน”

“ยังนอนแซ่วอยู่บนเตียงนี่ยังจะห่วงงานอีก ห่วงงานหรือว่าห่วงใครกันแน่คะพี่กรณ์ ไม่รู้ล่ะ ถ้างามห่วงพี่กรณ์ พี่กรณ์จะห่วงใครไม่ได้นอกจากงามเท่านั้น หรือว่างามยังดีไม่พอในสายตาของพี่กรณ์”

“ไม่ใช่ยังงั้นหรอกครับ”

“งั้นก็แล้วไปค่ะ งามจะถือว่างามดีพอที่จะเป็นหนึ่งในหัวใจพี่กรณ์แล้ว แล้วหัวใจของพี่กรณ์ก็มีงามเป็นคนเดียวในดวงใจนะคะ”

ปกรณ์พลอ้ำอึ้ง ลอบถอนหายใจลึกๆ คิดถึงเพลงลำ

ooooooo

กำนันฝอยถึงกับเหงื่อกาฬแตกซิกหลังได้รับรายงานความเสียหายค่าซ่อมรถเกี่ยวข้าวจากฝาจุกเป็นเงินหลักล้าน!

“รถเกี่ยวข้าวยี่ห้อนี้เป็นของนอก อะไหล่ต้องสั่งมาจากนอก เพราะมันถูกท่อนเหล็กตัดใบ แถมทะลวงเข้าไปในห้องเครื่องพังยับไปหลายชิ้น เสียหายเป็นเงินจำนวน...”

“พอๆ อย่าเพิ่งบอกตัวเลข ข้าจะเป็นลม” กำนันปรามลูกสาวแล้วหันไปทางลูกชายสั่งให้เอารถไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถไถนา...

ฝาจีบไปกับสมุนจำนวนหนึ่ง ขณะเขาก้มๆเงยๆอยู่กับรถเกี่ยวข้าวที่พังยับเยิน เพลงลำเดินออกมาจากหลังอู่ซ่อม แสยะยิ้มกวนๆเข้ามาหยุดยืนมอง โดยมีไข่กาเดินตามหลังมาด้วยท่าทีกวนๆพอกัน

“รถเกี่ยวเป็นอะไรไปวะ ไอ้ฝาจีบ”

ฝาจีบเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นเพลงลำกับไข่กาก็ตวัดเสียงตอบว่า “ยุ่งอะไรด้วย”

“ในฐานะที่เพลงลำเป็นผู้ช่วยช่าง มีความรู้ความชำนาญในเรื่องรถไถรถเกี่ยวทุกประเภท”

“ฮึ! รถเสียโว้ย ช่างแกละอยู่มั้ย”

“ไม่อยู่”

“ไปไหนวะ”

“เดินจงกลมล่ะมั้ง” เพลงลำตอบยียวนแล้วเดินไปรอบรถเกี่ยวข้าว “ช่างแกละไม่อยู่ อยู่แต่นายช่างเพลงลำว่ะ ข้าจะวินิจฉัยโรครถเกี่ยวชำรุดคันนี้ ถ้าเห็นว่าคำวินิจฉัยไม่ถูกต้องจะขนไปขายเชียงกงก็ตามใจ”

“เอ็งรู้หรือว่ารถของข้าเป็นอะไร”

“ชำเลืองด้วยตาซ้าย สะบัดลูกกะตาขวาผ่านอีกแว้บ แถมเตะเข้าสีข้างอีกป้าบ...ก็รู้แล้ว”

เพลงลำเตะรถเกี่ยวข้าวเสียงดังโครม ฝาจีบกับสมุนถลาเข้ามาชี้หน้าอย่างคั่งแค้น

“เอ็งเตะรถเกี่ยวของข้า”

“เขาเรียกว่าวินิจฉัยหรือนัยหนึ่งวิเคราะห์ ต้องมีสาเหตุที่ทำให้รถเกี่ยวข้าวราคาสี่ล้านของกำนันฝอยกำลังจะเป็นเศษเหล็ก”

“เฮ้ย! จริงหรือวะ อย่าพูดเป็นเล่นนะโว้ย พี่ฝาจีบเขาเป็นคนไม่มีอารมณ์ขัน” สมุนแผดเสียง

“ถ้าข้าบอกว่ารถคันนี้มีสาเหตุมาจากอะไร เกรงว่าลูกพี่ของเอ็งต้องอัดอารมณ์ขันให้หนักๆว่ะ”

“ฮ่าๆๆๆๆ” ไข่กาหัวเราะก๊าก ฝาจีบฉุนกึกกระชากเสียงห้วนถามว่ารถเกี่ยวของตนเป็นอะไร?

“มันโดนท่อนเหล็กที่ปักอยู่กับพื้นนาว่ะ นี่แสดงว่าไอ้รถเกี่ยวคันนี้ต้องลุยลงไปในนาข้าวที่มีเหล็กหกหุนขนาดครึ่งเมตรปักทางตั้ง ตั้งขนาดไล่เลี่ยกับต้นข้าว อาจจะเดือนมืดหรืออาจจะตาถั่ว คนขับก็เลยไม่เห็นฟันเข้าเต็มที่”

“เหล็กทิ่มใบเกี่ยวขาด ซ้ำยังทะลวงเข้าไปในเครื่องอีก ฝาจีบเอ๋ย”

“พังเละ ประกันไม่รับเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ”

ไข่กาและเพลงลำวิเคราะห์ราวกับตาเห็น แล้วพากันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนฝาจีบและสมุนหน้าซีดนิ่งอึ้งไป

ooooooo

ปกรณ์พลรบเร้าขอออกจากโรงพยาบาล งามไฉไลไม่เห็นด้วยแต่ขัดเขาไม่ได้ เธอเจ้ากี้เจ้าการขับรถมาส่งเขาถึงบ้าน โฉมตรูที่นั่งมาด้วยจะประคองลูกชายก็โดนเธอเบียดออกไป

“มาค่ะพี่กรณ์ขา...งามจะประคองพี่กรณ์ขึ้นตึกเอง ถอยออกไปนะยายหวัน เกะกะ”

อรรถเดินออกมาจากในบ้าน แตะหน้าผากปกรณ์พลด้วยความห่วงใย

“กรณ์เป็นยังไงบ้าง พ่อเพิ่งกลับจากสิงคโปร์ กำลังจะไปโรงพยาบาล พอดีหนูงามโทร.มาบอกว่าแกจะกลับบ้าน”

“ก็พี่กรณ์น่ะสิคะคุณลุงขา ยังเป็นคนป่วยอยู่เลย จู่ๆก็ร้องจะกลับบ้านท่าเดียว คุณหมอเกรงใจต้องยอมให้กลับ นี่ก็ให้ยามาค่ะ มีใบนัดให้ไปตรวจไข้อีกครั้งอาทิตย์หน้าค่ะ”

“ผมไม่ชอบนอนโรงพยาบาลครับคุณพ่อคุณแม่ อยากกลับมานอนที่บ้านมากกว่า”

“ผลตรวจเลือดออกมาแล้วไม่มีอาการติดเชื้อค่ะ ฉันก็เลยต้องยอมตามลูก ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ เราดูแล กันเองได้”

“ผมขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”

“งามไปด้วยค่ะ งามจะพาพี่กรณ์ไปนอนเองค่ะ”

งามไฉไลคล้องแขนประคองปกรณ์พลเข้าบ้าน... อรรถ โฉมตรู และดาหวันต่างมองตามเธอไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น