วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 5


บัวสายดีใจมากที่เพลงลำตัดสินใจเล่นลำตัดในงานประจำปีของบางลำ ฝาจุกแอบมาสอดแนมแล้วนำความไปบอกกำนันฝอยเพื่อให้หาทางชิงถ้วยรางวัล ที่สำคัญปีนี้ทางจังหวัดจัดให้เป็นปีท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรม มีถ่ายทอดโทรทัศน์ทั่วประเทศ

กำนันฝอยแปลกใจร้อยวันพันปีบัวสายไม่เคยเอาลูกไปเล่นลำตัดที่ไหน แต่ยังไงก็ไม่ยอมให้บัวสายได้หน้าได้ชื่อเสียงทั้งที่บางลำเป็นเขตอิทธิพลของเขา จึงยินยอมให้ฝาจีบลงแข่งประชันลำตัดกับคณะบัวสาย ทั้งที่แน่ใจว่าสู้ไม่ได้ แต่ต้องใช้เล่ห์กลเพื่อให้ได้ชัยชนะ

การซ้อมลำตัดและเพลงเรือเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง แต่เพลงลำยังไม่ค่อยมีกะจิตกะใจเพราะคิดถึงปกรณ์พล เธอซ้อมกับชาวคณะและทำได้ดีแต่บัวสายบอกว่ายังไม่ดีที่สุด แต่ยังมีเวลาฝึกฝนกว่าจะถึงวันงาน ส่วนบัวเผื่อนเป็นนักมวยแต่ก็ต้องลงเล่นลำตัดในครั้งนี้ด้วย บัวผ่องเลยถ่ายทอดวิชาอย่างหนักเพื่อไม่ให้เสียชื่อลำตัดตัวแม่อย่างตน แล้วลูกชายก็จะได้เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เชื้อไม่ทิ้งแถว

ด้านปกรณ์พลแม้มีกำหนดการหมั้นกับงามไฉไลแต่หัวใจเขาอยู่ที่เพลงลำ เขาตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากกุชงค์ให้พาหนีออกจากบ้านแล้วเดินทางไปหาเพลงลำ สองคนเจอกันบนสะพานข้ามคลองพูดคุยกันเรื่องการ์ดงานหมั้นที่เธอได้รับ ปกรณ์พลปฏิเสธไม่ได้เป็นคนส่งก่อนจะชวนเพลงลำหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน

เพลงลำคิดหนัก แม้จะรักเขาหมดหัวใจแต่ไม่อาจทำให้แม่และยายเสียใจ ย้ำกับเขาทั้งน้ำตาว่า

“ถึงฉันจะรักคุณแค่ไหน ฉันก็ทิ้งแม่ทิ้งคณะลำตัดไปไม่ได้ แม่ให้ชีวิตฉัน เลี้ยงฉันมาจนโต ถึงจะเหนื่อยจะหนัก แม่ก็ไม่เคยไม่รักลูก คุณกลับไปเสียเถอะ กลับไปทำหน้าที่ของลูก ฉันก็จะกลับไปทำหน้าที่ของฉันต่อแม่... คิดเสียว่าเราไม่เคยพบกัน คุณไม่เคยมาที่นี่ ไม่เคยมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณที่บางลำ ฉันจะเล่นลำตัด สานต่องานของแม่ ต่อไปนี้เราจะไม่จดจำกันอีก ถ้าความทรงจำมันจะทำให้เราเจ็บปวด”

ปกรณ์พลหน้าเสีย ทำท่าจะคัดค้านและขอร้องแต่เพลงลำไม่เปิดโอกาส สะบัดตัววิ่งหนีไป ทิ้งชายหนุ่มยืนนิ่งงัน ไม่นานเสียงปืนดังหนึ่งนัด ร่างปกรณ์พลสะดุ้งเฮือกก่อนตกสะพานลงไปในลำคลอง

ที่กรุงเทพฯ ดาหวันกับโฉมตรูเพิ่งทราบว่าปกรณ์พล หายไปจากบ้าน ทั้งคู่ร้อนใจพยายามโทร.หากุชงค์แต่ติดต่อไม่ได้ ขณะเดียวกันงามไฉไลยังไม่ทราบเรื่อง เธอสาละวนอยู่กับการเลือกเครื่องประดับที่จะใส่วันหมั้น วาดฝันเป็นคุ้งเป็นแควอย่างมีความสุข โดยมีโพยมยงผสมโรงหน้าระรื่น

ที่แท้มือปืนยิงปกรณ์พลคือฝาจีบนั่นเอง แต่ไม่แม่นกระสุนเจาะหัวไหล่แต่ไม่ได้ฝังใน เขาโชคดีหล่นลงไปหมดสติที่กอสวะ พวกกำนันฝอยนั่งเรือจะไปสู่ขอทองน้ำงามให้ฝาจีบผ่านมาเจอ ฝาจุกอยู่ในเรือมองเห็นหนุ่มกรุงก็รีบโดดลงไปพาขึ้นเรือแล้วบอกพ่อว่าแผลเขาไม่ลึก ไม่รู้โดนอะไรมา ตนจะพาเขากลับเรือน

“เอ็งจะเอาเขากลับไปที่เรือนทำไม หาเรื่องเดือดร้อนอีกแล้วนังฝาจุก เอาเขาไปส่งโรงหมอ แค่นี้ก็เสียเวลาพอแล้ว”

“ไม่เอา ฉันจะพาเขากลับเรือน ปรนนิบัติเขาให้ฟื้น จากนั้นฉันก็จะเอาเขาทำผัว”

“เฮ้ย! นังฝาจุก”

“หรือพ่อไม่อยากให้ฉันมีผัวซะที ผู้ชายคนนี้แหละฉันเลือกสรรแล้ว เขามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผัวฉันได้”

“นังฝาจุก...นังลูกเวร”

“ฟ้าส่งเขามาให้ฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ยอมเสียเขาไปเป็นอันขาด เป็นไงเป็นกัน!”

ooooooo

ทองน้ำงามหลบออกจากบ้านเพราะรู้ว่ากำนันฝอยจะมาสู่ขอเธอจากแม่ เธอมาอยู่ที่บ้านลำตัดของบัวสาย ช่วยดูเรื่องอาหารการกินที่จะเลี้ยงชาวคณะ ที่สำคัญเธออยากอยู่ใกล้เจิดผู้ชายที่เธอหลงรัก

แต่แล้วเจิดกลับทำให้ครูสาวน้อยใจขอตัวกลับไป เพียงเพราะเขาพูดเหมือนเห็นด้วยถ้าเธอได้แต่งงานกับฝาจีบลูกกำนันฝอย...

ผ่านไปหนึ่งวันอรรถก็รู้เรื่องปกรณ์พลหนีไปจากบ้าน เขาทะเลาะกับโฉมตรูอยู่ชั้นบน ขณะที่ชั้นล่างงามไฉไลกำลังเหยียบย่างเข้ามาด้วยรอยยิ้ม แล้วชะงักไปอย่างไม่เข้าใจเมื่อดาหวันบอกว่าข้างบนเกิดสงคราม

อรรถส่งเสียงเกรี้ยวกราดใส่โฉมตรูอย่างหัวเสีย

“ไปบางลำ...แล้วคุณก็ปล่อยลูกไปที่นั่นโดย

ไม่ห้ามเขาเลย นี่คุณกำลังจะทำอะไร คุณก็รู้ว่าเขาต้องหมั้นกับหนูงามไฉไลอีกไม่กี่วันนี่แล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าคุณคิดอะไรอยู่ ทำไมคุณถึงได้ปล่อยลูกไปที่นั่นอีก นี่คุณคิดว่าผมเป็นจอมเผด็จการงั้นหรือ”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด คุณคิดว่าคุณทำอะไรได้หรือต้องการทำก็ทำไปเถอะค่ะ คุณเป็นพ่อของปกรณ์พล ก็ทำอย่างที่คุณต้องการทำก็แล้วกัน”

โฉมตรูเดินออกไปจากห้องด้วยความโกรธ ดาหวันได้ยินรีบก้าวตามไปถามเธอว่าทำไมพูดกับคุณอรรถอย่างนั้น

“ถ้าฉันไม่มีสิทธิ์ค้านอะไรได้ก็ไม่ต้องพูดกัน คุณอรรถอยากจับตากรณ์หันซ้ายหันขวาก็เชิญ”

ฟังแล้วดาหวันยิ่งหนักใจ เพราะสองสามีภรรยาไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้ ฝ่ายงามไฉไลก็คาดคั้นสาวใช้อยู่ข้างล่างว่าเกิดอะไรขึ้น

ooooooo

ฝาจุกพาปกรณ์พลมาเยียวยารักษาแผลจนเขารู้สึกตัว เธอดีใจระริกระรี้จนโดนกำนันฝอยตำหนิด้วยความหมั่นไส้และไม่พอใจ

“ให้มันน้อยๆหน่อยนังฝาจุก...เขายังไม่ตาย แผลโดนกระสุนถากไปนิดเดียว นี่ถ้ามือปืนมันตั้งใจจะยิงล่ะก็... คงรอดหรอก”

“ใครนะเจ็บแค้นคุณปกรณ์พลถึงขั้นจะฆ่าเขาหรือจะเป็นน้าบัวสาย...ต้องเป็นน้าบัวสายแน่ๆ ฉันได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าน้าบัวสายไล่ยิงพ่อของคุณปกรณ์พล ถ้าคุณปกรณ์พลจะย้อนมาอีกก็มีเหตุผลที่ต้องยิงหัวเขา”

“นังบัวสายนี่มันร้ายจริงๆ ลูกของมันจะเหมือนใครถ้าไม่ใช่แม่ ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีใครอยากได้เป็นลูกเป็นเมียหรอก สู้ครูทองน้ำงามก็ไม่ได้ พูดถึงครูทองน้ำงามเลยไม่ได้ขอครูให้พี่ชายของเอ็งเลย พับผ่า! มันน่าโมโหนัก”

ปกรณ์พลลุกนั่งอย่างงงๆ มองรอบตัวแล้วถามว่าที่นี่ที่ไหน ฝาจุกขยับเข้าใกล้จีบปากตอบว่า

“บ้านกำนันฝอยพ่อของฝาจุกเองค่ะ ฝาจุกเจอคุณปกรณ์พลค้างอยู่บนกอสวะเลยพาคุณมาที่นี่ แผลแค่เฉียดๆ หัวใจเลยใส่ยาแดงแล้วพันผ้าให้ คุณรอดตายเพราะฝาจุก”

ปกรณ์พลไม่ได้สนใจ ลุกยืนบอกว่าจะไปบ้านเพลงลำ ฝาจุกผวาเข้ากอดขาเขาไว้แน่น

“ขืนไปตอนนี้มันก็ยิงคุณทะลุไส้น่ะสิคะ อย่าไปเลยค่ะ อยู่ที่นี่แหละ บ้านพ่อกำนันก็เหมือนบ้านของฝาจุก พ่อกำนันฝอยอายุมากแล้ว อยู่ได้ไม่เท่าไหร่เดี๋ยวก็ตาย บ้านช่องเรือนชานทรัพย์สินมรดกต้องตกเป็นของฝาจุก อยู่ด้วยกันนะคะ”

“อ้าวเฮ้ย! นังฝาจุก! ปล่อยคุณคนนี้เขาเถอะ ไปกอดขาเขาไว้ยังงั้นทำไม เขาไม่ได้เจ็บสักเท่าไหร่ ไม่ตายหรอก”

“ปล่อยไม่ได้ อ้อยเข้าปากช้างแล้วอย่าหวังเลย”

“ปล่อยผมก่อนเถอะครับ งั้นผมสัญญาว่าจะอยู่อีก...อีกสักพักก็แล้วกันครับ” ปกรณ์พลยิ้มเจื่อนๆด้วยความหวั่นกลัวลูกสาวตัวแสบของกำนัน

ooooooo

อรรถมาตามปกรณ์พลที่บางลำแล้วมีปากเสียงกับบัวสายครู่ใหญ่ ก่อนที่เพลงลำจะยอมบอกความจริงว่าปกรณ์พลมาบางลำจริงแต่ตอนนี้เขาคงกลับไปแล้วเธอบอกให้เขากลับไปทำหน้าที่ของเขาต่อพ่อแม่

“ได้ยินแล้วใช่มั้ย ถ้าเข้าใจดีแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก ฉันกับลูกไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับพวกคุณ ไปเสียเถอะ ถ้าคุณกลับมาอีกฉันไม่รับรองความปลอดภัย”

“ที่นี่บ้านคนลำตัด ใครที่มีเกียรติล้นฟ้าก็อย่าแบกเกียรติยศมาให้หนักแผ่นดินแถวๆนี้เลย ไปเอาปืนมาให้ยาย นังไข่กา”

เพลงลำตกใจร้องห้ามแต่บัวผ่องกลับแผดเสียงกึกก้องสั่งเพลงลำไปเอาปืนมาเร็วๆ อรรถมองหน้าบัวสาย แล้วค่อยๆถอยออกไปด้วยแววตาเจ็บปวด บัวสายก็คล้ายกัน น้ำตาเธอร่วงพราวพรู ค่อยๆลดปืนลง และไม่ยอมตอบคำถามของใครต่อใครที่สงสัยว่าเธอร้องไห้ทำไม

อรรถกลับถึงบ้านอย่างเหนื่อยใจ ถามดาหวันว่าโฉมตรูไปไหนก็ได้คำตอบว่าเข้าห้องปิดประตูสวดมนต์ตั้งแต่เขาออกไป จนป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย...

ด้านเพลงลำยังสงสัยไม่หายว่าแม่ร้องไห้ทำไม

เจิดกับไข่กาตามมาคุยแต่ไม่มีใครรู้เหตุผลแท้จริง ส่วนเรื่องปกรณ์พลทุกคนสงสัยว่าเขาหายไปไหน เพลงลำระบุว่าเจอเขาที่สะพานข้ามคลองและเชื่อว่าเขาไม่มีวันหลงทาง พอเจิดถามว่าเขากลับทำไม เพลงลำอึกอักตอบไม่ได้

เวลานั้นปกรณ์พลยังอยู่บ้านกำนันฝอยโดยมีฝาจุกดูแลอย่างใกล้ชิด หาข้าวหาปลามาให้กินและโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อ อ้างว่าแผลยังเลือดไหลไม่หยุด ต้องใส่ทิงเจอร์แล้วพันแผลอีกสามรอบ นอนพักสามเดือน พอแผลตกสะเก็ดค่อยไป

กำนันฝอยฟังแปร่งหู สีหน้าไม่พอใจ ท้วงฝาจุกว่าถ้าหมอนี่อยู่นานขนาดนั้นมีหวังเอ็งมีลูกเป็นครอก

“พ่อ...ฉันไม่ใช่หมานะจะได้มีลูกเป็นครอก มานั่งลงก่อนเถอะค่ะคุณปกรณ์พลขา เดี๋ยวฝาจุกหาสำรับคับค้อนมารับรองคุณใหม่ นั่งก่อนค่ะ นอนเลยดีไหมคะ คุณเพิ่งจะถูกน้าบัวสายยิงมา”

“แม่บัวสาย...” ปกรณ์พลครางอย่างไม่เชื่อ

“จะใครเสียอีกล่ะ ตั้งแต่ไปเล่นลำตัดฉลองพระนครคราวนั้นแล้วท้องไม่มีพ่อกลับมา นังบัวสายมันเกลียดผู้ชาย ใครยื่นหน้าเข้าไปในบ้านมัน มันยิงเละ”

“น้าบัวสายน่ะหรือครับ เกลียดผู้ชาย”

“แต่ฉันชอบผู้ชายค่ะ รับรองไม่มีการยิงทิ้ง”

“นังฝาจุก!”

“ก็จริงๆนี่พ่อ น้าบัวสายเกลียดผู้ชาย เพราะผู้ชายทำให้ไอ้เพลงลำไม่มีพ่อ อย่าไปยุ่งกับไอ้เพลงลำเลยนะคะคุณปกรณ์พล เพราะว่าคุณจะตายเหมือนสุนัขข้างถนน”

ปกรณ์พลฟังแล้วอึ้งไปกับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเพลงลำ

ooooooo

เมื่อรู้ว่าปกรณ์พลไปบางลำ งามไฉไลโมโหแทบเต้น กลับไปเล่าให้แม่ฟังแล้วคอยโทร.ถามดาหวันเป็นระยะว่าเขากลับมาหรือยัง

รอแล้วรอเล่าไม่มีข่าวคืบหน้า สองแม่ลูกใจร้อนมุ่งหน้าไปบางลำเพื่อตามปกรณ์พลด้วยตัวเอง ไปถึงเจอเพลงลำกับทองน้ำงามตรงหน้าบ้าน งามไฉไลไม่พูดพร่ำทำเพลงกล่าวหาเพลงลำหน้าด้านแย่งคู่หมั้นของตนไป

“ใครบอกว่าคุณปกรณ์พลเป็นคู่หมั้นของคุณเท่าที่ฉันรู้ เขายังไม่ได้หมั้นกับคุณนะ”

“ฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ร่วมจัดการเรื่องหมั้นของเขา เขาจะหมั้นอาทิตย์หน้านี่แล้ว พอหมั้นเสร็จเห็นจะต้องรีบหาฤกษ์แต่ง ไม่ไหว...แมลงสาบแถวนี้มันชุม”

เพลงลำสีหน้าสลดลง ทองน้ำงามถลันเข้ามากั้นไว้เมื่อเห็นงามไฉไลเงื้อง่าจะเอาเรื่องเพลงลำ

“คุณกลับไปก่อนดีกว่า ฉันเป็นพยานได้ว่าไม่เห็นคู่หมั้นคู่หมายของคุณในบ้านนี้”

“แกเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วย”

“ฉันเป็นครูค่ะ เคยสอนหนังสือเพลงลำตอนมัธยมต้น”

“เป็นครู...ไม่สั่งสอนในเรื่องศีลธรรมเลยหรือยังไง ผู้หญิงบางลำถึงได้ชอบแย่งผู้ชายของคนอื่นนักหรือว่าไม่มีปัญญาหาผู้ชายดีไว้ครอบครอง ก็เลยชอบฉกชิงวิ่งราวผู้ชายของชาวบ้าน”

เพลงลำหน้าชา อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี...

เวลาเดียวกันที่บ้านกำนันฝอย ฝาจีบกำลังวางแผนเอาชนะการประชันลำตัดกับบัวสายในงานประจำปี

“น้าบัวสายจะเอาไอ้เพลงลำลงเล่นประชัน ฉันก็จะเอาลำตัดตัวดีๆที่รับงานเฉพาะกิจมาตั้งเป็นคณะ แล้วจ้างครูเพลงมาเขียนคำกลอนให้เจาะเฉาะเฉพาะกะโหลกของนังเพลงลำ จี้ตัวต่อตัว หัวต่อหัว วางแผนรุมอัดมันให้ยับกลางเวที แต่ฉันจะตั้งเงื่อนไข”

“ยังไง?” สิ้นเสียงของกำนัน ทุกคนแตกตื่นกับเสียงร้องไห้ของฝาจุกที่ดังลั่นบ้าน กำนันตะโกนถามลูกสาวว่าเป็นอะไร ขณะที่ฝาจีบพูดโพล่งอย่างเบื่อหน่ายน้องสาวว่าร้องทำไม ทำท่าเหมือนพ่อกำลังจะตาย

“พ่อตายน่ะสิดี ฉันจะได้แบ่งสมบัติพ่อกับสมบัติแม่ แต่นี่มันไม่ใช่ พ่อจ๋า คุณปกรณ์พลเขาไปแล้วจ้ะพ่อ เขาไปไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ฉันดูต่างหน้าเลยจ้ะ พอบ่ายแก่ฉันย่องๆเข้าไปในเรือนนอน คิดมิดีมิร้ายกับเขา แต่เข้าไปเห็นแต่ที่นอนเปล่าๆ ตัวเขาไม่มีแล้ว”

กำนันฝอยถอนหายใจอย่างโล่งอกว่าไปเสียได้ก็ดี แต่ฝาจีบฟังอย่างงงงัน

“ทำไมพ่อพูดยังงี้ล่ะ ฟ้าประทานเขาให้มาเป็นผัวของฉัน แล้วพ่อจะเสือกไสเขาไปไหน ไม่รู้ล่ะ พ่อต้องให้คนช่วยตามเขากลับมาหาฉันโดยด่วน เพราะยังไงเขาก็ติดหนี้บุญคุณของฉัน นี่ถ้าไม่ได้ฉันเขาจมน้ำตายไปแล้ว”

“นังฝาจุก...นี่เอ็งช่วยไอ้หนุ่มกรุงเทพฯนั่นไว้ใช่มั้ย”

“พี่รู้...งั้นพี่ฝาจีบก็เป็นคนยิงเขาใช่ไหม”

“ใช่ ข้าหมั่นไส้มัน มันเข้ามาทำตัวเป็นผู้ดีมีความรู้สูงฉลาดกว่าคนอื่น ข้อสำคัญมันทำหยามเจ้าถิ่นด้วยการเกะกะกับไอ้เพลงลำ ถึงจะไม่ชอบหน้ามันแต่ไอ้เพลงลำมันก็เป็นทรัพยากรของท้องถิ่นโว้ย”

“หยุด...หยุดโว้ย...หยุดทั้งสองคน เลิกเห่ากันที ข้าปวดหัว” กำนันโวย แต่ฝาจุกยังไม่หยุดเกรี้ยวกราด

“พ่อต้องจัดการพี่ฝาจีบนะ จะสมัครเป็นผู้นำชุมชนแล้วยังทำตัวเป็นนักเลงหมาๆอยู่อีก ดีนะที่ฝีมือห่วยแตกยิงไม่เข้าเป้า ไม่ยังงั้นล่ะก็คุณปกรณ์พลของฉันคงตายไปแล้ว ไอ้ฉันก็คิดว่าเป็นฝีมือน้าบัวสาย ที่แท้ก็พี่ฝาจีบนี่เอง ฉันจะไปตามคุณปกรณ์พลที่บ้านนังเพลงลำ”

ฝาจุกกระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนวิ่งอ้าวออกไป

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น