วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 8


ในเมื่อมั่นใจว่ามือเพลิงไม่ใช่ใครนอกจากฝาจีบที่ทำตัวเป็นขี้แพ้ชวนตี เพลงลำกับไข่กาจึงหอบเอาถังน้ำมันเปล่ามาคาดคั้นเอาเรื่องเขาถึงบ้าน

ฝาจีบทำจริงแต่เป็นไปตามคำสั่งของงามไฉไล... เขาทำยียวนกวนประสาทไม่ยอมรับ ทำให้เพลงลำโกรธจัดถึงกับตะบันหน้าด้วยหมัดจนฝาจีบดั้งจมูกหักเลือดทะลักนอนแน่นิ่ง ฝาจุกตกใจมากรีบโทร.ไปขอค่ารักษาจากงามไฉไล แต่หล่อนปฏิเสธเสียงแหลมว่าไม่จ่าย หาว่าฝาจีบไม่ระวังตัวเองช่วยไม่ได้ และอย่าหวังว่าตนจะไปเยี่ยมด้วย

เพลงลำไปเสียค่าปรับที่โรงพักโทษฐานชกหน้าฝาจีบจนสลบ เจิดกับทองน้ำงามตามมาเตือนด้วยความไม่สบายใจ ไม่อยากให้เพลงลำใช้ความรุนแรง อีกทั้งตอนนี้เธอมีชื่อเสียงชนะการประชันลำตัดต้องรักษาชื่อเสียงในด้านดีไว้

วันเดียวกัน โพยมยงไปเจรจาเร่งรัดอรรถและโฉมตรูให้รีบหมั้นและจัดงานแต่งระหว่างงามไฉไลกับปกรณ์พลแต่ไม่สำเร็จเพราะโฉมตรูอ้างว่าเตรียมตัวไม่ทัน แต่งานหมั้นให้คงไว้ตามกำหนดเดิม เมื่องามไฉไลทราบจากแม่ก็อารมณ์เสียและพาลโกรธเคืองโฉมตรูที่คอยขัดขวางเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

โฉมตรูกลุ้มใจมาก สงสารปกรณ์พลที่ไม่ได้รักงามไฉไลแต่ต้องหมั้นเพราะอรรถบังคับ คิดไปคิดมาเธออยากบอกความจริงว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของอรรถ แต่ดาหวันห้ามไว้ ย้ำว่าหัวเด็ดตีนขาดต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อเกียรติยศของมารดาผู้ล่วงลับและญาติผู้ใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่

ใกล้ถึงงานหมั้น โพยมยงจัดการทุกอย่างเองหมด อรรถกับโฉมตรูเห็นรายชื่อแขกจำนวนมากถึงกับบ่นอุบว่างานหมั้นหรืองานแต่งงานกันแน่ อลังการเกินเหตุ ปิดโรงแรมชั้นหนึ่งจัดพิธี ใช้บริษัทจากฮ่องกงเข้ามาจัดเรื่องอาหาร จ้างคนออกแบบงานให้ใหญ่ที่สุด ใช้ดอกไม้สดที่ต้องสั่งมาจากฮอลแลนด์ แถมให้ทีมจัดงานจ้างลำตัดคณะบัวสายจากบางลำมาเล่นโชว์แขกต่างประเทศด้วย

ooooooo

เมื่อบัวสายได้รับการติดต่อก็ตัดสินใจเองไม่ได้ เธอห่วงความรู้สึกของเพลงลำ ทั้งที่ใจจริงอยากได้ค่าจ้างหลักแสนเพราะจะได้เอามาจุนเจือคณะลำตัดที่นานๆจะมีงานสักครั้ง

“รับเถอะจ้ะแม่ เงินแสนใช่จะหาได้ง่ายๆ ทุกวันนี้ถ้าไม่ใช่ฤดูงานเราก็แทบจะไม่มีรายได้อะไร เราเป็นลำตัด เป็นศิลปะพื้นบ้าน ใครเขาจ้างเราก็มีหน้าที่รับแม่ไม่ต้องห่วงความรู้สึกของเพลงลำหรอก เพลงลำรู้ว่าทำอะไรอยู่”

“เราจะไม่รับงานนี้ก็ได้ ไม่มีเหตุผลต้องแก้ตัวกับใคร มันเป็นสิทธิ์ของเรา”

“แล้วแม่จะตอบคนลำตัดได้ยังไง แม่สอนอยู่เสมอว่าเราต้องทำหน้าที่ของศิลปินพื้นบ้านให้ดีที่สุด สง่างามที่สุด เพื่อจะสืบสานมรดกนี้ไว้ให้กับลูกหลาน”

“ก็ได้...แม่จะตอบตกลง แต่แม่มีเงื่อนไข”

เงื่อนไขของบัวสายเล่นเอาโพยมยงตาเหลือกลาน อุทานต่อหน้าผู้จัดงานที่นำความมาบอกถึงบ้านว่า

“เป็นล้านเชียวหรือ ลำตัดบ้านนอกที่แทบจะไม่มีใครรู้จักในกรุงเทพฯน่ะหรือราคาเป็นล้าน มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ”

“เจ้าของคณะยื่นข้อเสนอมาแบบนั้นฮ่ะ บอกไม่เอาก็ไม่เป็นไร นี่เป็นราคามาตรฐานของลำตัดชื่อดัง”

โพยมยงเสียดายเงิน บ่นแล้วบ่นอีก แต่งามไฉไลยินดีจ่ายเพราะคิดว่าคุ้ม เธอกล่อมแม่จนยินยอม จังหวะนี้กุชงค์เข้ามาได้ยิน เขาไม่เห็นด้วย อยากให้สองแม่ลูกคิดใหม่เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน

“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย” โพยมยงถามเสียงแข็ง

“ในฐานะที่ผมเป็นผู้ประสานงานเรื่องหมั้น... คุณแม่นายกรณ์ขอให้ผมมาฟังข่าว เพราะดูเหมือนญาติผู้ใหญ่ฝ่ายโน้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย”

“กลับไปบอกคุณโฉมตรูว่าทุกสิ่งทุกอย่างฉันจัดการเองได้ เพราะถึงยังไงลูกสาวของฉันก็ต้องการงานหมั้นที่ออกแบบเอง จะได้ออกมายิ่งใหญ่เกริกไกรเป็นที่กล่าวขานไม่รู้จบ งานครึๆเรียบง่ายน่ะน่าเบื่อ ส่วนงานแต่ง ฉันจะทำให้ใหญ่พอๆกับงานช้างที่สุรินทร์”

กุชงค์ฟังแล้วอึ้ง...โพยมยงฝันเฟื่องน่าดู เอาช้างทั้งโขลงมาฉุดก็คงไม่อยู่!

ooooooo

บัวผ่องไม่เห็นด้วยที่บัวสายจะรับงานแสดงลำตัดในงานหมั้นของปกรณ์พลกับงามไฉไล แต่บัวเผื่อนกับเพลงลำยืนยันยังไงต้องรับ เราจะได้เป็นลำตัดเงินล้าน ให้บัวสายรับเงินมัดจำเอาไว้ได้เลย

งามไฉไลมอบเงินมัดจำห้าแสนพร้อมสัญญาจ้างผ่านผู้ประสานงานไปให้คณะลำตัดเซ็น ถ้าพวกเขาไม่กล้ายกคณะมาเล่นตนจะปรับสิบเท่า ยึดบ้านยึดที่นาและทรัพย์สินทั้งหมดของบัวสาย

หลังจากได้เงินมัดจำและเซ็นสัญญา ไข่กาบอกทุกคนว่าตนจะไปป่าวประกาศให้คนบางลำรู้ว่าเรากลายเป็นลำตัดเงินล้านไปแล้ว นอกจากสร้างชื่อเสียงให้กับบางลำ แม่บัวสายยังยกมาตรฐานลำตัดให้สูงขึ้น

กำนันฝอยรู้ข่าวถึงกับร้อนรน ส่วนฝาจีบยิ่งเจ็บใจ เพิ่งถูกเพลงลำชกดั้งหักแล้วมันยังกลายเป็นลำตัดเงินล้าน แบบนี้ตนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฝาจุกก็อิจฉาตาร้อนผ่าว ก่นด่าโพยมยงว่าบ้าไปแล้วที่จ้างลำตัดด้วยเงินเป็นล้าน

นอกจากจะเจ็บใจและอิจฉา สองพี่น้องมีความรู้สึกเดียวกันคือเสียใจ เพราะฝาจีบหลงใหลงามไฉไล ส่วนฝาจุกคลั่งไคล้ปกรณ์พลทุกลมหายใจ สองคนอยากหาทางถล่มงานหมั้นให้เละ ประสานเสียงกระจองอแงจนกำนันฝอยปวดประสาท

“เฮ้ย! หยุดส่งเสียงกันเสียทีเถอะ ใครจะไปทำ อะไรได้ในเมื่อมันเป็นความต้องการของคุณนายโพยมยง แค่นังบัวสายกับไอ้เพลงลำกลายเป็นลำตัดเงินล้าน พ่อก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้ว มันเสียไปหมด อย่าว่าแต่หน้าเลยว่ะ”

“ก็ฉันรักคุณงามไฉไลนี่ ผู้หญิงร้ายๆยังงี้แหละโดนใจฉันที่สุด ฉันไม่แต่งงานกับครูทองน้ำงามหรอก จืดสิ้นดี พ่อต้องจัดการเรื่องคุณงามไฉไลให้ฉันนะ ไม่ยังงั้นฉันจะจัดการเอง”

“ฉันด้วย พ่อก็ต้องจัดการหยุดเรื่องนี้ ฉันจะไม่ยอมมีผัวเป็นอันขาด ถ้าไม่ได้คุณปกรณ์พลเป็นผัวฉันขอตาย”

สองพี่น้องประกาศกร้าว ร่ำไห้ดีดดิ้นกันจนกำนันฝอยหนักใจถึงกับกุมกบาล!

ooooooo

ปกรณ์พลตัดสินใจแน่วแน่ทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ แม้กุชงค์มาเตือนเรื่องหมั้นให้คิดดีๆ แต่เขายืนยันคำเดิมว่าจะหมั้นกับงามไฉไล ถึงเขาจะเจ็บแค่ไหนก็คงไม่เจ็บมากไปกว่าเพลงลำ...

ดัสกรแวะเวียนมาแถวบ้านอรรถบ่อยครั้งเพราะอยากพบปกรณ์พล...แล้วเช้าวันนี้ก็ได้พบสมใจ ปกรณ์–พลต้อนรับดัสกรในฐานะเพื่อนเก่าของแม่ สองคนคุยกันถูกคอเพราะชอบดนตรีเหมือนกัน พอดาหวันรู้จากสาวใช้ก็ตกใจ กลัวโฉมตรูกับอรรถที่ออกไปแจกการ์ดงานหมั้นกลับมาเจอ

อรรถหงุดหงิดเพราะไปแต่ละที่ปรากฏว่าโพยม–ยงมาแจกการ์ดไว้หมดแล้ว อีกทั้งไม่สบายใจที่เธอจ้างลำตัดคณะบัวสายมาเล่นในงาน เมื่อพากันกลับมาถึงบ้าน ดาหวันรีบต้อนทั้งสองคนขึ้นข้างบนเพื่อไม่ให้เห็นปกรณ์พลกับดัสกรที่นั่งคุยกันในสวนหลังบ้าน

จนกระทั่งดัสกรขึ้นรถกลับ อรรถเห็นไวๆ ถามโฉมตรูว่าใครมา หรือว่าเพื่อนปกรณ์พล

“เพื่อนของฉันเองค่ะ เพื่อนเก่า”

“อ้าว...แล้วทำไมคุณไม่รับรองเพื่อนเก่าล่ะ จะได้ถือโอกาสเชิญเขามางานหมั้นของปกรณ์พล เราแทบจะไม่มีหน้าที่เชิญแขกเลยนะ คุณโพยมยงรับไปจัดการจนหมด”

โฉมตรูอึกอักไม่รู้จะพูดยังไง อรรถยังหงุดหงิดโพยมยงก็เลยบ่นไม่หยุด

“แค่งานหมั้นทำเสียใหญ่โตเหมือนงานแต่ง ใช้งบไปตั้งห้าล้าน แล้วงานแต่งจะไม่ต้องตำน้ำพริกละลายแม่น้ำทั้งสายรึไง”

“ฉันจะไปดูลูกค่ะ” โฉมตรูเลี่ยงออกไปดื้อๆ อรรถชะงักแปลกใจ

ooooooo

โฉมตรูหวั่นกลัวว่าอรรถจะรู้ความจริงในอดีตว่าปกรณ์พลเป็นลูกของดัสกร เธอหน้าซีดเข้ามาในห้องปกรณ์พล พอลูกถามว่าไม่สบายหรือเปล่า เธออ้างว่าร้อนและเวียนหัว ไปกราบเรียนผู้ใหญ่เรื่องงานหมั้น ปรากฏว่าโพยมยงส่งบัตรเชิญไปแล้ว เลยเชิญกันซ้ำซ้อน

“เมื่อกี้มีเพื่อนเก่าของคุณแม่มาเยี่ยม ผมมัวแต่คุยเพลินก็เลยไม่ได้ถามว่าเขาเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นนักดนตรี เล่นอยู่ในวงฝรั่ง เพิ่งจะกลับเมืองไทย เขาเป็นคนดนตรีที่อัจฉริยะมากครับ เล่นดนตรีเป็นอาชีพแต่ไม่ได้เรียนโน้ต พวกนี้หูขั้นเทพเลยนะครับ”

โฉมตรูไม่ผสมโรงแต่เปลี่ยนเรื่องถามลูกรู้หรือยังว่าโพยมยงจ้างลำตัดคณะบัวสายมาเล่นในงานหมั้น

“กุชงค์เล่าให้ผมฟังแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมงามไฉไลต้องทำอย่างนั้น”

“แม่ก็ไม่เข้าใจเหตุผลของงามไฉไลกับคุณโพยมยง”

“ผมต้องพูดกับงาม...ไม่ใช่แค่เรื่องลำตัด เรื่องจ้างคนไปโห่เพลงลำในงานประชันก็ฝีมือของงามไฉไล”

“จริงหรือกรณ์”

“ผมยอมทำตามความต้องการของคุณพ่อแล้ว แต่ผมขอให้ทุกคนเลิกยุ่งกับเพลงลำ แค่นี้เพลงลำยังเจ็บปวดไม่พออีกหรือครับ ถ้างามไม่หยุดก็จะไม่มีการหมั้น”

ปกรณ์พลพูดจริงทำจริง เขาเดินทางไปเจรจากับงามไฉไลที่บ้าน ทำให้เธอคั่งแค้น น้อยใจ และเจ็บใจ

“เหตุผล? พี่กรณ์ต้องให้เหตุผลกับงามว่าทำไมงามถึงแตะต้องนังเพลงลำไม่ได้”

“เพลงลำไม่เกี่ยวกับเรื่องของเรา”

“ทั้งที่พี่กรณ์ยังยืนยันว่าจะรักมันไปตลอดชีวิต ถ้ามันยังอยู่ในหัวใจของพี่กรณ์ แล้วงามจะอยู่ที่ไหน”

“เธอก็อยู่ในที่ที่เธอต้องการจะอยู่ เรื่องจ้างลำตัดแม่บัวสายมาเล่นในงานฉลองหมั้นก็เหมือนกัน พี่ต้องการให้งามยกเลิก”

“ไม่ได้ค่ะ คุณแม่ให้คนไปทำสัญญาวางเงินมัดจำไปแล้ว งามไม่ยอมยกเลิกแน่ นังเพลงลำทำจองหองอวดเก่ง งามอยากรู้นักว่ามันจะรู้สึกยังไง มันต้องเจ็บเหมือนอย่างที่งามเจ็บ”

“งาม...”

“พี่กรณ์ทำเหมือนงามเป็นวัตถุ งามก็ทำเหมือนนังเพลงลำเป็นสิ่งของ พี่กรณ์หลบหน้าไม่ยอมให้งามพบ แต่พอนังเพลงลำจะเดือดร้อนพี่กรณ์กลับแล่นมาขอร้อง แล้วอย่างนี้จะให้งามคิดยังไงคะ”

ปกรณ์พลพูดไม่ออก ผลุนผลันออกไป สวนทางกับโพยมยงโดยไม่ทักทายสักคำ

“ปกรณ์พลมาทำไม เขาทำหน้าเครียดจนแม่กลัวว่าเขาจะบีบคอหนู”

“พี่กรณ์ไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะคุณแม่ พ่อแม่เขาเลี้ยงมาดี เขาถึงได้เป็นสุภาพบุรุษ ถึงเขาจะรักนังเพลงลำยังไง งามก็เชื่อว่า...งามเอาเขาอยู่!”

งามไฉไลเชิดหน้าทะนงในตนเอง

ooooooo

คืนก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อเล่นลำตัดในงานหมั้นของปกรณ์พลกับงามไฉไล...เจิดยังอาทรและห่วงใยความรู้สึกของเพลงลำจึงย้ำเตือนให้ทบทวนดีๆ จะเปลี่ยนใจก็ยังได้ แต่เพลงลำยืนยันอย่างเดิม เธอพร้อมแล้วทั้งการเล่นลำตัดและเผชิญหน้ากับปกรณ์พล

ด้านฝาจีบกับฝาจุกที่ต้องการล้มงานหมั้นก็วางแผนกันแยบยลจะลักพาตัวงามไฉไลกับปกรณ์พล แถมยังยุให้กำนันฝอยจับโพยมยงและรวบรัดเป็นเมียเสียอีกคน แต่ปรากฏว่าถึงเวลาเข้าจริงๆ ขณะที่เพลงลำขึ้นเวทีเล่นลำตัดแล้วงามไฉไลหาทางฉีกหน้าทั้งด่าและดูถูกชาวลำตัดอย่างสาดเสียเทเสียอยู่นั้น ฝาจีบให้ลูกน้องทำลายระบบไฟในโรงแรมจนไฟดับมืดก่อนจะเข้ามาจับตัวงามไฉไลไปได้คนเดียว อารามรีบร้อนเลยลืมพ่อกับน้องไว้ที่โรงแรม

สองพ่อลูกหัวเสียที่ถูกทิ้งแถมยังต้องคอยหลบตำรวจที่เข้ามาตรวจสอบภายในงานเพื่อหาคนร้ายที่จับตัวงามไฉไลไป ชาวคณะลำตัดทุกคนถูกเรียกตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ ยกเว้นเพลงลำที่ปกรณ์พลพาหนีออกไปขณะไฟดับ

ฝาจีบกับลูกน้องจับงามไฉไลในสภาพหมดสติขึ้นรถออกไปนอกเมือง พอเธอฟื้นขึ้นมาก็โวยวายด่าทอฝาจีบอย่างโกรธแค้นที่เขาทำให้เธอไม่ได้หมั้นกับปกรณ์พล ขณะเดียวกันโพยมยงยังไม่รู้ชะตากรรมของลูกสาวที่หายไป เอาแต่ร้องไห้จนเป็นลมในที่สุด

เมื่อรู้ว่าฝาจีบต้องการเธอเป็นเมีย งามไฉไลยิ่งโกรธทั้งดิ้นทั้งจิกตบเขาสารพัด ส่วนปกรณ์พลที่พาเพลงลำหนีออกจากโรงแรมก็ติดต่อกุชงค์ให้มารับ เสร็จเรื่องที่โรงพักแล้วเขาจะพาเธอไปส่งบางลำด้วยตัวเอง

โพยมยงฟื้นขึ้นมาทราบว่ายังไม่มีวี่แววของลูกสาวก็ร่ำไห้เหมือนจะขาดใจ คร่ำครวญว่าใครกันเอาตัวลูกตนไป มันไม่ได้ปล้นเพชรทองแต่เอาตัวลูกสาวตนไปทำไม

ขณะที่โพยมยงมืดแปดด้าน พวกฝาจีบพางามไฉไลไปไกลแล้ว ทุกคนอยู่ในรถบรรทุกกำลังวิ่งออกนอกเมืองที่ถนนหนทางค่อนข้างเปลี่ยว งามไฉไลจิกข่วนฝาจีบไม่ยั้งมือ ปากก็ร่ำร้องด่าทอเขาไม่หยุดหย่อน

“ปล่อยฉันนะ หยุดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะกลับไปหาคุณแม่กับพี่กรณ์...ไอ้บ้า ไอ้คนสารเลว ฉันจะให้คุณแม่เอาตำรวจมาลากคอแกเข้าคุกให้หมด ไม่ยกเว้นแม้แต่อีตากำนันฝอย”

“อย่าร้องไห้ไปเลย ไม่มีใครได้ยินหรอก นี่มันรถบรรทุกนะ ไม่ใช่รถเมล์ใครจะช่วยคุณได้ล่ะ”

“แก...แกจับตัวฉัน ไอ้ฝาจีบ...แกมันไอ้ผู้ร้าย ไอ้เลว ฉันไม่มีวันยอมเป็นเมียแกหรอก ฉันเกลียดแกนี่แน่ะ”

“โอ๊ย...เล็บคมยังกับนางแมว ที่ผมห้ามไม่ให้คุณร้องก็เพราะร้องไปก็ไม่มีใครได้ยิน คนขับรถของผมมันกำลังใช้ความเร็วบึ่งเต็มที่เลย อีกไม่นานก็จะ...” ฝาจีบชะงักเพราะลูกน้องคนหนึ่งยื่นหน้ามาบอกว่าพวกเราลืมพ่อกำนันกับฝาจุกไว้ที่โรงแรม

ฝาจีบเครียดทันที ถ้าตำรวจจับกำนันฝอยกับฝาจุกได้พวกตนอาจถูกจับเข้าซังเต

“แก!...นี่หมายความว่ายัยฝาจุกน้องสาวของแกเป็นคนวางแผนด้วยใช่ไหม จริงสินะก็ยัยฝาจุกนั่นหลงรักพี่กรณ์ ต้องวางแผนจับพี่กรณ์มาด้วยแน่ แต่แผน ผิดพลาดแกก็เลยจับฉันมาคนเดียว”

พูดขาดคำ งามไฉไลก็โผนเข้าข่วนหน้าฝาจีบเจ็บปวดจนร้องจ๊าก!

ooooooo

การสอบสวนจบลงด้วยดีไม่มีใครในคณะลำตัดน่าสงสัย ตำรวจจึงปล่อยตัวทุกคนกลับไป แต่เพลงลำยังติดค้างอยู่กับปกรณ์พลและกุชงค์ ซึ่งทั้งสามคนเพิ่งลงจากสถานีตำรวจกันหมาดๆ

“ไม่มีข้อสงสัยอะไรแล้ว ผมกับกุชงค์จะไปส่งคุณที่บางลำ แกไปกับฉันด้วยจะได้ยืนยันว่าฉันพาเพลงลำหนีออกจากเหตุวุ่นวายไม่ได้มีเจตนาอื่น”

“ฉันเข้าใจ” กุชงค์ตอบเสียงเรียบ

“หวังว่าตำรวจคงจะหาเบาะแสคุณงามไฉไลได้นะคะ ฉันไม่โกรธคุณงามไฉไลหรอกค่ะที่จ้างฉันมาประจานในงานหมั้น ว่าแต่ตำรวจจะตามคุณงามไฉไลพบไหมคะ”

“เขาก็พยายามอยู่ครับ ตอนนี้เขาตรวจรถทุกคันที่ออกจากกรุงเทพฯ” ตอบแล้วปกรณ์พลเดินนำไปขึ้นรถกุชงค์เพื่อไปส่งเพลงลำที่บ้าน

แม่และยายดีใจมากที่เพลงลำกลับมาอย่างปลอดภัย แล้วพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ชุลมุนในงานหมั้น ก่อนที่เจิดจะบอกว่าไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่ตนอยากรู้ว่าเงินค่าตัวที่เหลืออีกห้าแสนบัวสายจะคิดยังไง

“เลิกแล้วกันไป แค่ลูกสาวหายไปคุณโพยมยงก็เดือดร้อนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เราอย่าไปซ้ำเติมเขาเลย”

“ขอบใจมากนะคุณปกรณ์พล คุณคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของฉันที่ฉันปล่อยลูกหลานไปหาเรื่องเดือดร้อน เพราะอยากจะได้เงินค่าตัวเป็นล้าน”

“ไม่หรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดของยายบัวผ่องหรือแม่บัวสาย จริงๆแล้วมันเป็นความผิดของงามไฉไลเอง ผมเองก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะขอโทษแทนงามไฉไลได้ ที่ทำให้คนลำตัดเดือดร้อนไปด้วย”

“งั้นคุณก็กลับไปได้แล้ว ขอบใจคุณทั้งสองคนที่พาเพลงลำมาส่งถึงบ้าน” บัวเผื่อนตัดบท ปกรณ์พลและกุชงค์เลยต้องบอกลา...

ออกจากบ้านบัวสายแต่ปกรณ์พลยังไม่กลับกรุงเทพฯ เขาให้กุชงค์แวะที่บ้านกำนันฝอยเพราะสงสัยเรื่องการหายตัวไปของงามไฉไล

กำนันฝอยกับฝาจุกเพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ไม่นานหลังจากถูกฝาจีบทิ้งเอาไว้ที่กรุงเทพฯ สองพ่อลูกกำลังอ่อนเพลีย พอเห็นปกรณ์พลกับเพื่อนก็สะดุ้งสุดตัวเหมือนวัวสันหลังหวะ

ฝาจุกร้อนตัวถึงกับร้องวี้ดว้ายปฏิเสธเสียงหลงจนกำนันฝอยต้องตวาดปรามก่อนหันไปทักทายปกรณ์พล ทั้งที่ตัวเองก็หน้าซีดมีพิรุธ พูดระรัว

“คุณปกรณ์พลจริงๆด้วย ใคร อะไร ที่ไหน ไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆนะ”

“ใช่...ไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ลักพาตัวใครนะ สาบานได้”

สองพ่อลูกส่อพิรุธเต็มๆ ทำให้ปกรณ์พลมั่นใจในสิ่งที่ตนสงสัย ถามหาฝาจีบแล้วคาดคั้นว่าเขาจับงามไฉไลไปซ่อนที่ไหน กำนันฝอยใจหายวาบแต่ปรับสีหน้าให้เข้มดุลุกขึ้นยืนตอบโต้เสียงแข็ง

“ใครจะไปรู้ว่าใครอยู่ที่ไหน ไอ้ฝาจีบมันไม่ได้อยู่บ้านมาตั้งหลายวันแล้ว มันออกไปหาเสียงจะเล่นการเมืองท้องถิ่น ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ที่นี่เป็นเขตอิทธิพลของกำนันฝอย ไม่ยังงั้นจะหาว่าไม่เตือน...นังฝาจุก ไปเอาปืนประจำตำแหน่งของข้ามาเดี๋ยวนี้”

“พ่อ...อย่านะ อย่าทำอะไรคุณปกรณ์พล ฉันรักเขานะ ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นคู่หมั้นของใคร ฉันยังมีลุ้น”

“จนป่านนี้แล้วเอ็งยังไม่รู้อีกหรือว่าไอ้คุณปกรณ์พลคนนี้เขาไม่ได้รักเอ็งเลย ว่าที่คู่หมั้นเขาก็ไม่ได้รัก เขารักนังเพลงลำ อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า พ่อจะหาผัวให้เอ็ง เอาไอ้ที่รวยกว่าคุณปกรณ์พลคนนี้”

“พ่อ...” ฝาจุกหน้าเสีย น้ำตาคลอ

ปกรณ์พลและกุชงค์มองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะช่วยกันต้อนกำนันฝอยต่อไป

“กำนันสารภาพมาดีกว่าว่านายฝาจีบเป็นคนลักพาตัวคุณงามไฉไลไป เพราะกล้องที่โรงแรมเห็นรถบรรทุกผ่านออกไป แล้วที่บ้านของกำนันก็ไม่มีรถบรรทุกจอดอยู่”

“กำนันต้องรู้เห็นเป็นใจกับลูกชายแน่ หรือว่าเราจะแจ้งตำรวจท้องที่ให้สกัดจับรถบรรทุกคันที่ว่านั่น ตำรวจอาจจะทำวิสามัญฆาตกรรมคนที่อยู่ในรถบรรทุกก็ได้”

“พ่อ...พี่ฝาจีบ!” ฝาจุกอุทานตกใจ กำนันฝอยกระซิบเตือนลูกสาวให้อยู่เฉยๆ อย่าทำพิรุธเป็นอันขาด เดี๋ยวพ่อจัดการเอง

“ว่ายังไงครับกำนัน...เป็นกำนันแต่กลับทำผิดกฎหมายเสียเอง มันน่าจะเพิ่มโทษให้เป็นสองเท่านะ”

กำนันฝอยยืดอกทำใจดีสู้เสือ “อย่ามากล่าวหา ผมนะคุณปกรณ์พล คุณมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาลูกชายของผมว่าเป็นโจรลักพาตัว ไอ้ฝาจีบมันเอารถบรรทุกออกรับจ้างขนข้าว ลูกชายผมเป็นคนทำมาหากิน เป็นความหวังของครอบครัวจะมากล่าวหากันชุ่ยๆยังงี้ไม่ได้”

ฝาจุกมองพ่อสลับกับผู้ชายที่หลงรักแล้วแทรกขึ้นหวังคลี่คลายสถานการณ์

“ขึ้นเรือนกินน้ำให้ชื่นใจแล้วค่อยคิดหาทางช่วยคุณงามไฉไลดีกว่าค่ะคุณปกรณ์พล ไหนๆคุณก็กลับไปที่บ้านน้าบัวสายไม่ได้เพราะคนที่นั่นรังเกียจคุณ แต่ที่นี่เรายินดีต้อนรับค่ะ”

“นังฝาจุก!” กำนันแผดเสียง

“ถ้าเราบริสุทธิ์ใจเราจะไปกลัวทำไมล่ะพ่อ เราต้องแสดงความบริสุทธิ์ให้คุณปกรณ์พลเห็นว่าเราให้ความ ร่วมมือกับเขาเต็มที่”

กำนันฝอยเงียบไป นึกในใจว่านังฝาจุกลูกสาวเราก็ฉลาดไม่เบา

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น