วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 1


เพื่อน สาวงามประจำทุ่งบ้านสร้างกำลังสอนเด็กสาวในหมู่บ้านที่มาฝึกรำกับคณะปี่พาทย์ของครูแสง แม้เธอร้างการรำไทยมานาน แต่ก็ยังร่ายรำได้อย่างอ่อนช้อยงดงาม ผิดกับแพงน้องสาวของเธอราวฟ้ากับดิน

แพงท่าทางกะโปโล นุ่งผ้าถุงเก่าๆ เสื้อสีซีด กำลังมุดเข้าไปในกองฟางโผล่แต่บั้นท้าย พร้อมกับตะโกนเรียกหาอีทิ้ง แมวรักที่ตัวเองเลี้ยงไว้

“อีทิ้งๆหายหัวไปไหนวะ เจอเมื่อไหร่โดนจับอดข้าวอดน้ำให้เข็ดแน่” แพงขู่เสร็จคลานถอยออกจากกองฟาง ได้ยินเสียงร้องเมี้ยวๆก็หันขวับ “อยู่นี่เอง กลัวข้าจะไม่ให้ข้าวให้ปลาเอ็งล่ะสิถึงโผล่ออกมา”

แพงจะเดินไปหาอีทิ้ง แต่มันกลับวิ่งหนีไปอีก อารามรีบร้อนจะวิ่งตาม ไม่ทันมองพื้นดินตรงหน้าที่เฉอะแฉะ เธอเสียหลักลื่นล้มหน้าคะมำจมแอ่งโคลน มอมแมมไปทั้งตัว...

อีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่ผาดกับพิศ พ่อของเพื่อนและแพงกำลังยืนหน้าเครียดดูรวงข้าวซึ่งหลายต้น เริ่มมีอาการเฉาให้เห็นเพราะขาดน้ำมาหลายอาทิตย์ ผู้ใหญ่ผาดบ่นอุบ ถ้าฝนยังทิ้งช่วงแบบนี้ มีหวังข้าวได้ยืนต้นตายกันทั้งทุ่งบ้านสร้างแน่ พิศเสนอตัวจะจัดการเรื่องนี้เอง จังหวะนั้นมีเสียงเอะอะของชาวบ้านใน

ท้องนา พร้อมกับชี้ให้ดูอะไรบางอย่าง ทั้งคู่มองตามมือชาวบ้านเห็น ลอ ไอ้หนุ่มบ้านทุ่งหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายกำยำกำลังควบไอ้เปลี่ยวควายคู่ใจลัดเลาะผ่านทุ่งนา หนำซ้ำยังอวดเก่งลุกขึ้นยืนบนหลังไอ้เปลี่ยว

“อกอีแป้น ผีตายโหงตายห่าสิงเอ็งเหรอวะ ไอ้ลอ เดี๋ยวก็ตกลงมาคอหักตายหรอกเว้ย”

“ตกไม่กลัว...กลัวไม่ตกหรอกจ้ะยายแป้น” ลอว่าแล้วควบไอ้เปลี่ยวต่อไปอย่างสนุกสนาน

“สันดานควายตัวผู้ว่าคึกคะนองแล้ว ยังไม่เท่าเจ้าของที่เลี้ยงมัน ควายทำงานเสร็จก็คิดถึงคอก ส่วนไอ้ลอก็คิดถึงนังเพื่อนของมันไง จริงไหมไอ้พิศ” ผู้ใหญ่ผาดหัวเราะชอบใจ ขณะที่พิศพลอยยิ้มไปด้วย...

ฝ่ายเพื่อนจบท่าร่ายรำได้อย่างสวยงามจนครูแสงต้องเอ่ยปากชื่นชม และเสียดายที่เธอทิ้งการร่ายรำไป เพื่อนเองก็เสียดายเช่นกัน แต่จะให้ไปตระเวนรำที่อื่นบ่อยๆไม่ได้เพราะไม่มีใครดูแลพ่อ

“แต่น้องเอ็งปีนี้ก็โตเป็นสาวแล้วไม่ใช่หรือ จะฝากผีฝากไข้อะไรมันไม่ได้หรือไง”

“อีแพงน่ะเหรอจ๊ะครู จะไปหวังอะไรกับมันได้” เพื่อนพูดไม่ทันขาดคำ เสียงโวยวายของแพงดังลั่นเข้ามาพร้อมกับเจ้าของเสียงที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลน

“อีทิ้ง...อยู่เฉยๆให้ข้าลากคอเอ็งกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะเว้ย” แพงไม่พูดเปล่า วิ่งเข้าไปหาอีทิ้งซึ่งอยู่กลางวงปี่พาทย์ กระโจนใส่หวังจะจับแมวจอมซนของตัวเองให้ได้ แต่มันโดดหนี เธอเลยหน้าคะมำชนเครื่องดนตรีล้มระเนระนาด เพื่อนด่าเสียงลั่นทุ่งให้น้องสาวตัวดีหยุดเดี๋ยวนี้ แต่เธอหาฟังไม่

“หยุดไม่ได้หรอกพี่เพื่อน เดี๋ยวอีทิ้งมันไปเยี่ยวเรี่ยราดใส่เครื่องดนตรีครู แล้วฉันจะยิ่งซวย” แพงเหลือบไปเห็นอีทิ้งเข้าไปคลอเคลียอยู่ใกล้ๆขาพี่สาวตัวเองก็พุ่งใส่ ชนเพื่อนหงายหลังก้นจ้ำเบ้ามือกระแทกพื้น ขณะที่ตัวเองตะครุบแมวไว้ได้ เพื่อนโกรธมากชี้หน้าน้องสาว อย่างเอาเรื่อง แพงถึงกับหน้าเสีย

ooooooo

ลอเห็นเพื่อนกลับถึงเรือนด้วยอาการข้อมือเจ็บ ช่วยบีบนวดให้อย่างรักใคร่ห่วงใย คอยถามไถ่ว่าค่อยยังชั่วหรือยัง ทั้งคู่มัวแต่หวานใส่กัน ไม่ทันเห็นแพงแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งไม่วางตา

“ขอบใจมากนะจ๊ะพี่ลอ ดูสิออกไปทำงานให้บ้านฉันตั้งแต่เช้ามืด ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน แล้วยังต้องเสียเวลามาดูแลฉันอีก”

“ไม่เป็นไรหรอกแม่เพื่อน ต่อให้หิวขนาดไหน พี่ก็หิ้วท้องรอแม่เพื่อนทำกับข้าวให้กินได้จ้ะ”

เพื่อนออกตัวว่าป่านนี้ตนยังไม่ได้เข้าครัวเลย กลัวเขาจะไส้กิ่วเสียก่อน แพงรีบเสนอหน้าทันที เพราะมีของกินจะให้เขา แต่ยังไม่ทันพูด เพื่อนชิงด่าตัดหน้าเสียก่อน แถมขู่ ถ้ายังไม่เอาแมวตัวนั้นไปปล่อยวัด ตนจะเป็นคนเอาไปปล่อยเอง เธอขอร้องอย่าทำแบบนั้น สัญญาจะไม่ปล่อยมันออกมาเพ่นพ่านอีก เพื่อนไม่ยอม

“โธ่ พี่เพื่อน ขอฉันเลี้ยงอีทิ้งให้มันฟังฉันบ่นบ้างเถอะ ไม่อย่างนั้นอยู่บ้าน ฉันก็มีแต่โดนพ่อกับพี่บ่น ด่ากรอกหูทุกวัน ด่าจนฉันหูจะหนวกอยู่แล้ว” ระหว่างที่แพงอ้อนวอนพี่สาว พิศเข้ามาทันได้ยินก็ช่วยซ้ำเติมว่าที่เธอถูกด่าก็เพราะทำตัวเอง เกิดมาเป็นตัวซวยทำให้เมียของเขาตายทำให้เพื่อนกำพร้าแม่

“พ่อ ถ้ารู้ว่าเกิดมาแล้วทำให้แม่ตาย ฉันก็ไม่อยากเกิดหรอก”

พิศโกรธ ทำท่าจะเอาเรื่อง ลอต้องช่วยกันไว้ แล้วหันไปไล่แพงจะไปไหนก็ไป คนถูกไล่เดินหน้าเศร้าลงเรือน พิศมองตามอย่างหัวเสีย พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของเขา ตอนนั้นฝนฟ้าคะนอง สายแม่ของเพื่อนเจ็บท้องจะคลอดแพง นอนร้องโอดโอยปวดแทบทนไม่ไหว หมอตำแยต้องไล่พิศออกไปรอข้างนอก เพื่อนในวัย 5 ขวบ เข้ามากอดพ่อ ถามว่าแม่จะเป็นอะไรหรือเปล่า

“แม่เอ็งต้องไม่เป็นอะไรนังเพื่อน”

ไม่กี่อึดใจ สายกรีดร้องสุดเสียง แล้วตามมาด้วยเสียงเด็กร้องอุแว้ๆ สองพ่อลูกรีบเข้าไปในห้อง เห็นหมอตำแยอุ้มเด็กทารกตัวน้อยอยู่ในห่อผ้า บอกกับพิศว่าได้ลูกสาว แต่สายไม่รอด เขาถึงกับปล่อยโฮลั่น

“อีลูกอัปรีย์ เอ็งทำให้เมียข้าตาย”...

แพงยังคงเป็นตัวซวยของพ่อมาตลอด ตอนเธออายุได้ 6 ขวบ เล่นซนไปหยิบฟืนในกองไฟขึ้นมาดูตามประสาเด็ก แต่ฟืนร้อนมือก็เลยโยนทิ้ง โชคไม่ดีตรงนั้นเป็นกองฟาง ไฟลุกพรึ่บ เพื่อนกำลังนั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ โวยวายฟ้องพ่อว่าเธอจะเผาบ้าน พิศรีบตักน้ำมาดับไฟได้ทัน แล้วหันไปเล่นงานแพงยกใหญ่ เด็กน้อยพยายามอธิบายว่าทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาไม่ฟัง

“มึงไม่ได้ตั้งใจยังทำให้แม่มึงตาย แล้วถ้ามึงตั้งใจมึงไม่ทำให้ชีวิตกูกับพี่สาวมึงบัดซบไปมากกว่านี้อีกรึ” พิศว่าแล้วคว้าไม้เรียวฟาดแพงไม่ยั้ง เด็กน้อยร้องไห้โฮ

ooooooo

พิศยังโมโหลูกสาวคนเล็กไม่หาย สั่งห้ามลอไปให้ท้ายเธออีก เพื่อนออกรับแทน พ่อจะไปโทษพี่ลอไม่ได้ เป็นเพราะแพงต่างหากที่หัวแข็ง สอนอะไรไม่เคยจำ แถมยังชอบอวดฉลาด

“ฉันก็แค่สงสารอีแพงมันจ้ะอา ช่วยเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก”

“เอาล่ะๆ ข้าพูดเตือนเอ็งมากเดี๋ยวจะกลายเป็นโดนนังเพื่อนแขวะข้าให้อีก อะไรก็แตะเอ็งไม่ได้สักอย่าง มันจะหวงเอ็งมากกว่าหวงพ่อมันซะอีก”

เพื่อนเขินอายไม่กล้าหันไปสบตาลอ ขณะที่พิศหัวเราะชอบใจ แล้วนึกถึงห่อใบตองที่ถือติดมือ ขึ้นมาได้ บอกลูกสาวสุดรักสุดสวาทว่า เมื่อเช้าไปช่วยเพื่อนบ้านล้มควาย เลยได้เนื้อมาให้เธอทำกับข้าว แล้วชวนลอกินข้าวเย็นด้วยกัน จะได้คุยเรื่องฝนทิ้งช่วงจนข้าวจะเฉาตายทั้งทุ่งบ้านสร้าง เขายินดีช่วย มีอะไรก็ขอให้บอก เพื่อนรับห่อเนื้อไปจากมือพ่อจะเอาไปแกงให้ชายคนรักกิน เพราะรู้ว่าเป็นของโปรด ลอไม่วายปากหวาน

“ถึงจะเป็นของโปรดพี่ แต่ถ้าไม่ใช่รสมือแม่เพื่อนทำล่ะก็ แกงเนื้อไหนว่าอร่อยพี่ก็เมินหมดแหละจ้ะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ลอเอาไอ้เปลี่ยวไปอาบน้ำ แล้วพี่ลอก็อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวด้วย กลับมาจะได้กินแกงเนื้อรสมือของฉัน” เพื่อนสบตากับลอหวานฉ่ำ มองตามเขาเดินออกไปโดยไม่รู้ว่าพ่อมายืนข้างๆ

“โชคดีของเรานะนังเพื่อน ที่ไอ้ลอมันอยู่ช่วยทำไร่ทำนาให้เราไม่งั้นข้าคนเดียวคงไม่ไหว”

“พี่ลอเขาบอกฉันเสมอว่าเขาสำนึกบุญคุณที่พ่อช่วยเลี้ยงเขามา ถ้าไม่มีพ่อ เขาก็ไม่มีใคร”

พิศอดชื่นชมไม่ได้ว่าลอเป็นคนดี สมกับที่พ่อของเขาได้สั่งเสียไว้ก่อนตาย...

ครู่ต่อมา ลอกับควายคู่ใจมาถึงบึงน้ำร่มรื่น เขาตีบั้นท้ายไล่ไอ้เปลี่ยวลงไปแช่น้ำ ส่วนตัวเองปลดผ้าขาวม้าถอดกางเกงจะลงเล่นน้ำ แพงแอบดูอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านไปทั่วบริเวณนั้น ตกใจกับภาพตรงหน้า รีบเอามือปิดตาแต่ถ่างนิ้วแอบดู ลอรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ รีบดึงกางเกงขึ้นมามัด หันขวับไปมอง แต่ไม่เจอใคร เขาไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก ลงไปแหวกว่ายในน้ำอย่างสบายใจ

แพงชะโงกหน้าออกมามองอีกครั้ง บ่นให้เขาที่ทำอะไรไม่รู้จักอาย แล้วชูห่อผ้าขาวม้าที่ข้างในมีข้าวเหนียวเปียกฝีมือตัวเองขึ้นดู ก่อนจะอมยิ้ม โดยไม่ทันระวัง เธอเหยียบรังมดแดงเต็มๆ มดไต่ขาขึ้นไปถึงผ้านุ่ง

“เฮ้ย มดแดง...ซวยแล้วอีแพง คันโว้ย” แพงเต้นเป็นลิงเป็นค่าง เพื่อให้มดหล่นจากตัว

ooooooo

ลอดำผุดดำว่ายจนรู้สึกว่าตัวสะอาดแล้ว จึงขึ้นจากน้ำ พลันได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากหลังกอกกที่อีกด้านหนึ่งของบึง เสียงคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูกตัดสินใจว่ายน้ำเข้าไปดู แหวกกอกกอย่างเงียบกริบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เห็นแพงยืนแช่ตัวอยู่ในน้ำมีผ้าแถบพันอก ผ้านุ่งถูกถลกขึ้นมาถึงขาอ่อน เกายิกๆ

“อูย...ยิ่งคันก็ยิ่งแสบ ยิ่งแสบก็ยิ่งคัน ซวยอะไรอย่างนี้นี่อีแพง”

มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น แพงหันขวับตามต้นเสียง เห็นลอยืนอยู่ก็ตกใจ ด่าลั่นว่าลามกมาแอบดูคนอื่น แล้วรีบคว้าเสื้อแขนยาวที่พาดอยู่ริมตลิ่งมาสวมทับ

“น้อยๆหน่อยอีแพง ข้าเนี่ยนะมาแอบดูเอ็ง เอ็งมีอะไรให้ข้าแอบดูนักหนาวะ”

แพงขุ่นเคือง ควักขี้เลนจากในน้ำปาใส่ลอไม่หยุด เขาหลบทัน แล้วลอยหน้าท้าทาย มีฝีมือแค่นี้เองหรือ เธอถูกปรามาสก็เจ็บใจ ควักขี้เลนขึ้นมาอีกครั้ง เล็งอย่างตั้งใจแล้วขว้างใส่ คราวนี้โดนเต็มหน้าลอ เธอหัวเราะชอบใจ ท้าทายเขาคืนบ้าง ถ้าแน่จริงจับตนให้ได้ แล้วดำหายลงไปในน้ำ ลอกวาดตามองก่อนจะว่ายตามไปช้าๆอย่างมีแผนการ ทั้งคู่หยอกล้อกันในน้ำอย่างสนุกสนาน ตามประสาหนุ่มสาวที่เติบโตมาด้วยกัน

จังหวะหนึ่ง แพงว่ายน้ำหนี แต่ไม่เห็นลอว่ายตาม รีบลอยตัวขึ้นผิวน้ำ กวาดตามองหาไปรอบบริเวณก็ไม่เจอ ชักใจคอไม่ดี จะว่ายน้ำหาแต่ขาเป็นตะคริว ปวดจนขยับไม่ได้ เริ่มจมลงก้นบึง

เหตุการณ์จมน้ำครั้งนี้ซ้ำรอยกับเมื่อตอนที่แพงอายุ 7 ขวบ เพื่อนพยายามเรียกให้น้องสาวขึ้นจากน้ำได้แล้ว แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือ ลอ วัย 13 ปีผ่านมาได้ยินพอดี โดดลงน้ำดำหา ขณะที่เพื่อนยืนลุ้นอยู่ริมบึงให้เด็กหนุ่มแปลกหน้าช่วยเหลือน้องสาวได้ทันเวลา...

ระหว่างที่พิศกำลังนั่งดื่มเหล้ากันไปคุยกันไปกับเทิดเรื่องที่ฝ่ายหลังจะกลับมาอยู่ทุ่งบ้านสร้าง แต่ยังหาที่อยู่ไม่ได้ เขาก็เลยจะชวนให้เทิดพักอยู่ที่เรือนตัวเอง มีเสียงเพื่อนร้องเอะอะดังเข้ามา

“พ่อๆ ช่วยด้วย...ช่วยอีแพงด้วย ฮือๆๆๆ”

เทิดกับพิศตกใจเมื่อหันไปเห็นลอลูกชายของเทิดอุ้มแพงที่เนื้อตัวเปียกปอนไม่ได้สติเข้ามา พิศละล่ำละลักถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าแพงจมน้ำ ลอช่วยงมขึ้นมาแต่เธอยังไม่ได้สติ เทิดรีบเข้าไปรับเด็กน้อยจากมือลูกชาย อาสาจะจัดการให้เอง แล้วอุ้มขึ้นเรือนไปกับพิศ เพื่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น

“อีแพง บอกอย่าลงเล่นน้ำก็ไม่เชื่อ หาเรื่องแท้ๆ”

ลอเข้าไปจับมือเพื่อนไว้ ปลอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง น้องสาวของเธอไม่เป็นอะไรแน่นอน ถ้ามีพ่อของเขาอยู่ด้วย เธอรู้สึกคลายความกังวลลงอย่างประหลาด เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางมั่นใจของเด็กหนุ่มตรงหน้า

“ถ้าเอ็งโกหก น้องสาวข้าเป็นอะไรไปล่ะก็ ข้าเอาเอ็งตายแน่”

“คนอย่างไอ้ลอไม่เคยผิดคำพูด เชื่อไอ้ลอได้เลยจ้ะ...เพื่อน”...

แพงยังคงจมอยู่ใต้น้ำใกล้จะขาดอากาศหายใจ ทันใดนั้นลอว่ายน้ำเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เห็นเธอกำลังจะหมดสติ รีบประกบปากแบ่งลมหายใจให้ ก่อนจะประคองร่างเธอขึ้นสู่ผิวน้ำ แล้วอุ้มไปนั่งพักใต้ต้นไม้ บอกให้หายใจช้าๆ เดี๋ยวจะสำลัก แพงไอแค้กๆพักหนึ่ง ก็รู้สึกดีขึ้น เขาหยิบผ้าขาวม้าแห้งๆมาให้เช็ดหน้าเช็ดตา ไม่วายต่อว่าที่เธอหาเรื่องใส่ตัวจนเกือบจะจมน้ำตาย

“ยังมาว่าฉันอีก ก็เพราะพี่ลอนั่นแหละแกล้งฉัน”

ลอสวนทันทีเธอต่างหากที่หาเรื่องเขาก่อน หัดโตเสียบ้างปีนี้เป็นสาวแล้วแต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก คอยแต่จะแกล้งตนอยู่ได้ ตนเสียเวลากับเธอมากแล้ว ข้าวก็ยังไม่ได้กินยิ่งหิวๆอยู่ด้วย เดี๋ยวพาลโมโหหิวขึ้นมาจะยันเธอโครมเข้าให้ บ่นเสร็จดึงผ้าขาวม้าคืน แล้วขึ้นหลังไอ้เปลี่ยวจะกลับเรือนของพิศ แพงรีบคว้าห่อข้าวเหนียวเปียกฝีมือตัวเองตามไปขวางไว้ คุยว่าทำข้าวเหนียวเปียกไว้ให้ เพราะเห็นเขาทำงานหนักมาทั้งวันยังไม่ได้กินอะไร ลอถึงกับร้องเอะอะ คนอย่างเธอเปียกข้าวเหนียวเป็นด้วยหรือ แล้วเขาจะกระเดือกลงไหม

“ถ้าพี่ลอไม่อยากกระเดือกลงคอก็บุญวาสนาของพวกหมาวัดแล้วที่ได้กินของอร่อยๆ ฝีมืออีแพง” ว่าแล้วแพงสะบัดเดินจากไปอย่างหัวเสีย ลอมองตามสีหน้าครุ่นคิด

ooooooo

ด้วยความที่กลัวแพงจะเสียน้ำใจ ลอตัดสินใจจะลองกินข้าวเหนียวเปียกฝีมือเธอ รีบตามจนทัน

“จะรีบเดินไล่ควายที่ไหนหาอีแพง ไหนบอกว่าโตเป็นสาวพูดกันรู้เรื่องแล้วไง ยังนิสัยเป็นเด็กอยู่เลย ว่าเข้าหน่อยก็โกรธตะพึดตะพือหน้าหงิกเหี่ยวเป็นตูดยายแป้นเลย”

“พี่ลอ...ฉันขอเอาเลือดออกจากปากพี่หน่อยเถอะจะได้เลิกด่าฉันสักที” พูดจบแพงกำหมัดพุ่งใส่ แต่ดันลื่นตกคันนาหน้าคะมำ ลอรีบคว้าตัวไว้ทัน เธออยู่ในอ้อมกอดเขาใบหน้าใกล้กันแค่คืบ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลอไม่ได้คิดอะไรด้วย ที่ตามมาก็แค่จะลองกินข้าวเหนียวเปียกฝีมือเธอเท่านั้น แพงฉีกยิ้มด้วยความดีใจ แต่ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินประโยคที่ตามมาของเขา

“ข้าไม่อยากให้เอ็งไปทำบาปกับหมาวัด เดี๋ยวมันท้องเสียแล้วจะเดือดร้อนไปทั้งวัด”

แพงงอนกระทุ้งศอกใส่ลอหนึ่งดอก แม้จะจุกแต่เขาก็อดยิ้มไม่ได้ เธอหายงอนพลอยยิ้มตามไปด้วย แล้วยื่นห่อข้าวเหนียวเปียกให้ ลอพยายามกระเดือกลงคออย่างยากเย็น เพราะมันยังแข็งเป็นไตเนื่องจากข้าวเหนียวไม่สุก เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขากินด้วยความเอร็ดอร่อย ลอเริ่มหายใจไม่ออกเพราะข้าวเหนียวติดคอ ผลักแพงพ้นทาง วิ่งไปเอาน้ำจากกระบอกไม้ไผ่มาซดจนหมดเกลี้ยง พลางต่อว่า

“ทีหน้าทีหลังไม่ต้องทำอะไรมาให้ข้ากินอีกแล้ว ข้าไม่อยากตายเพราะน้ำมือเอ็ง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”

“แหม ใช่สิ ฉันมันทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง สู้พี่เพื่อนก็ไม่ได้ใช่ไหม พี่ลอจะพูดแบบนี้ใช่ไหม”

ลอยอมรับว่าใช่ ในเมื่อฝีมือทำอาหารของแพงสู้พี่สาวไม่ได้ก็ไม่ควรไปวัดรอยเท้า รังแต่จะทำให้ตัวเองเสียความตั้งใจเปล่าๆ พูดพลางเอานิ้วจิ้มหัวเธอจนหน้าหงาย แพงสะบัดหน้าหนีด้วยความน้อยใจ ก่อนจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งที่ถูกเขาต่อว่า ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นเคยว่าเธอสักคำ ชักเอะใจทำไมเขาถึงเงียบนัก หันไปมองอีกทีเจอด้วงยืนฉีกยิ้มแทนที่ลอก็ตกใจ ปล่อยหมัดตรงใส่หน้าโดยสัญชาตญาณ คนถูกต่อยถึงกับเซถลา แพงชะเง้อคอยาวหาพี่ลอ เห็นขี่ไอ้เปลี่ยวหลังไวๆ ทำท่าจะตาม ด้วงรั้งไว้

“เอ็งไม่ต้องไปไหนเลย หลวงพ่อให้ข้ามาตาม ป่านนี้ทำไมเอ็งยังไม่ไปท่องหนังสือกับหลวงพ่ออีก”

แพงอ้างวันนี้ไม่ว่าง ด้วงตำหนิว่าเธอเป็นคนรบเร้าหลวงพ่อเองแล้วมาขี้เกียจแบบนี้ ระวังท่านจะเลิกสอนไม่รู้ด้วย หญิงสาวถึงกับชะงัก...

ฝ่ายเพื่อนตักแกงเนื้อฝีมือตัวเองมาชิม ก่อนจะยิ้มพอใจที่ได้รสชาติอร่อยสมใจในแบบที่พี่ลอของตัวเองชื่นชอบ แล้วเหลือบไปเห็นอีทิ้งคาบปลาช่อนตากแห้งที่เตรียมจะทอดไว้กินกับแกงเนื้อ ก็เอ็ดตะโรลั่น

“อีทิ้ง อีแมวขโมย เอาปลาแห้งข้าคืนมาเดี๋ยวนี้”

นังแมวขโมยตกใจเสียงร้อง คาบปลาช่อนกระโจน หนี เพื่อนคว้าอีโต้ขึ้นมาจะเอาเรื่อง แต่มันวิ่งหายไปเสียก่อน ครู่ต่อมา อีทิ้งคาบปลาช่อนมายืนแทะกินอยู่หลังเรือน เพื่อนค่อยๆย่องมาทางด้านหลัง เหวี่ยงแหคลุมตัวมันไว้พอดิบพอดี

ooooooo

แกงเนื้อหอมกรุ่นกับปลาช่อนตากแห้งย่างตั้งสำรับเตรียมไว้ที่ชานเรือน โดยมีพิศ เพื่อนและลอนั่งล้อมวงกันอยู่ พิศไม่เห็นแพงอยู่แถวนั้นก็ถามหามืดค่ำป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้านกลับช่อง ได้ความว่าเธอไปเรียนหนังสือกับหลวงพ่อที่วัด เขาบ่นอุบเป็นผู้หญิงจะเรียนหนังสือไปทำไม คอยช่วยงานบ้านจะดีกว่า

“ไม่เอาหรอก อย่าให้มันมาช่วยอะไรฉันเลยดีกว่าจ้ะพ่อ ช่วยทีไรยุ่งทุกที ให้มันอยู่ใกล้หลวงพ่อน่ะดีแล้ว จะได้ช่วยดัดสันดานให้มันเป็นผู้หญิงขึ้นมาหน่อย” เพื่อนพูดจบหันมาเห็นลอไม่แตะข้าวสักคำทั้งที่เป็นของโปรด ร้องทักว่าทำไมไม่กิน เขาขอเก็บไว้กินพรุ่งนี้แทนได้ไหม

“คือพี่อิ่มอยู่จ้ะ อิ่มมากด้วย ข้าวแม้แต่เม็ดเดียวตอนนี้ก็ทำให้พุงพี่แตกได้จ้ะ”

“อิ่ม?...พี่ลอไปกินอะไรมาทำไมถึงอิ่มก่อนมากินแกงเนื้อของฉัน”

ลอไม่รู้จะตอบอย่างไรดี รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หันไปถามพิศว่าจะคุยกับเขาเรื่องฝนทิ้งช่วงไม่ใช่หรือ เพื่อนไม่พอใจมากคาดคั้นให้เขาบอกมาก่อนว่าไปกินอะไรมาถึงอิ่ม ลอได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ...

ทางด้านแพงกลับจากเรียนหนังสือกับหลวงพ่อ ไม่เห็นอีทิ้งก็ร้องเรียกหา เพื่อนเดินเข้ามาบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาหา เพราะมันไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอจะไม่ได้เห็นหน้ามันอีกแล้ว นังแมวขโมยตัวนั้นจะต้องไม่อยู่ให้เกะกะขวางหูขวางตาตนอีกต่อไป แพงขอร้องหากอีทิ้งไปทำอะไรให้พี่เพื่อนไม่พอใจ เธอขอโทษแทนมันด้วย

“นะพี่เพื่อน สงสารมันเถอะ พ่อแม่มันไม่มี มีก็แต่ฉันคนเดียวที่ดูแลมันอยู่”

“หยุดเพ้อเจ้อไร้สาระได้แล้วอีแพง มันก็แค่แมวหลงตัวหนึ่ง จะอยู่หรือจะตายมันก็แค่แมว” เพื่อนหมั่นไส้ผลักน้องสาวจนล้ม เธอลุกพรวดจับแขนพี่สาวเขย่าให้บอกว่าเอาอีทิ้งไปปล่อยที่ไหน เพื่อนตัดรำคาญ แกล้งบอกว่ามันตายไปแล้ว ตนโยนซากมันทิ้งน้ำ ป่านนี้คงลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แพงน้ำตาคลอเบ้า

“พี่เพื่อนฆ่ามันหรือ”

“อีแพง นี่เป็นการสั่งสอนให้เอ็งรู้ว่า เวลาที่เอ็งมายุ่งเรื่องของข้ากับพี่ลอแล้วผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าข้ารู้ว่าเอ็งเอาอะไรไปให้พี่ลอกินตัดหน้าข้าอีกล่ะก็ เอ็งกับข้าได้เห็นดีกันแน่”...

ในเวลาต่อมา แพงกับเพื่อนสนิทแก้วและด้วงช่วยกันค้นหาไปทั่วคุ้งน้ำเผื่อจะเจอซากอีทิ้งลอยติดอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่หาจนดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่เจอ แก้วต้องปลอบให้เพื่อนทำใจ คิดเสียว่ามันไปดีแล้ว ด้วงปากไม่ดี เผลอพูดว่ามันก็แค่แมวตัวเดียว แพงเถียงว่าไม่ใช่ อีทิ้งเป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกว่าเป็นของของเธอ

“ไอ้ด้วง ข้าอุตส่าห์สั่งให้เอ็งหุบปาก ดันเสือกทะลึ่งอีก ก็รู้อยู่ว่าอีแพงไม่เคยได้อะไรใหม่นอกจากต้องรอให้พี่สาวมันเบื่อก่อน...อีแพง ข้าว่านี่ก็มืดมากแล้ว เอ็งกลับบ้านเถอะวะ ไว้พรุ่งนี้เสร็จงานแห่แล้ว เราค่อยไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้มัน”

ooooooo

เช้าวันงานแห่นางแมวขอฝน ขบวนแตรวงกับกลองยาวพร้อมด้วยเรือง ก้อนและลอร้องรำทำเพลงกันมาหยุดที่หน้าเรือนของพิศเพื่อมารับเพื่อนซึ่งเป็นเทพีขอฝน ก้อนยุส่งให้ลอขึ้นไปอุ้มเธอมานั่งเสลี่ยงเลยดีกว่า โอกาสไอ้อุ้มสาวแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เรืองเห็นด้วย ช่วยกันผลักลอเข้าไปด้านใน

“ไอ้ลอมันจะช่วยไปอุ้มเทพีมานั่งเสลี่ยงให้เองจ้ะอาพิศ” เรืองตะโกนลั่น พิศตะโกนสวนทันควัน

“เออ...งั้นก็ขึ้นมาเลยไอ้ลอ”

ก้อนเห็นเพื่อนรักไม่ขยับ เร่งให้ขึ้นไปไวๆ นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้ง้อเพื่อนไปในตัว ครู่ต่อมาลอขึ้นไปเคาะประตูห้องเรียกหญิงคนรักให้ไปกันได้แล้ว เมื่อเห็นเธอในชุดโจงกระเบนคาดผ้าสไบ ทาปากแดงเปิดประตูห้องออกมา เขาถึงกับตะลึงในความงาม พอตั้งสติได้รีบบอกว่าอาพิศให้ตนมาอุ้มเธอไปขึ้นเสลี่ยง

“ฉันเดินไปขึ้นเสลี่ยงเองได้ ไม่ต้องให้พี่มาอุ้มฉันหรอก” เพื่อนแกล้งงอน

ลอพยายามง้อให้เธอหายโกรธ สัญญาจะไม่ทำแบบเมื่อวานนี้อีก ต่อให้หิวจนไส้กิ่ว ก็จะหิ้วท้องรอกินแต่แกงเนื้อฝีมือเธอคนเดียว เธอหัวเราะขำที่แกล้งเขาสำเร็จ เธอหายโกรธตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ที่ทำเป็นงอน ก็แค่อยากให้เขาง้อเท่านั้น แล้วยื่นดอกชบาให้เขาช่วยทัดหูให้

“แม่เพื่อนของพี่ รู้ตัวไหมว่าแม่เพื่อนเป็นเทพีขอฝนที่สวยที่สุด สวยจนเทวดาต้องหลงแล้วเทฝนลงมาให้ทุ่งบ้านสร้างของเราชุ่มฉ่ำเหมือนหัวใจพี่ที่กำลังชุ่มฉ่ำด้วยความสวยของแม่เพื่อน”

เพื่อนเขินอาย ขอให้เขาเลิกชมเธอแล้วพาไปขึ้นเสลี่ยงได้แล้ว ลอยิ้มปลื้มปริ่มก่อนจะอุ้มเธอออกไป...

เสียงแตรวงและกลองยาวประโคมกันสนั่นเมื่อเห็นลออุ้มเทพีขอฝนมาวางบนเสลี่ยง จากนั้นขบวนแห่ก็เคลื่อนออกไปจากบริเวณเรือนของพิศ ทันทีที่ท้ายขบวนลับสายตา แพงค่อยๆชะโงกหน้ามองตามด้วยแววตา เศร้าสร้อย ขณะที่ทุกคนสนุกสนาน มีเพียงเธอเท่านั้นที่ถูกทิ้งโดยไม่มีใครสนใจ

พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำของเธอ ตอนนั้นแพงยังเป็นเพียงเด็กน้อย กำลังนั่งฟังลอเอาใบไม้มาเป่าเป็นเพลง เขาเป่าจนใบไม้ขาด แพงจึงอาสาจะไปหาใบไม้ใบใหม่มาให้ แล้ววิ่งหายเข้าไปในดงไม้ใกล้ๆ ระหว่างนั้นเพื่อนเดินเข้ามาชวนลอไปเล่นด้วยกัน เขาไม่อยากไปเพราะเล่นติดพันอยู่กับแพง

“เล่นกับอีแพงจะไปสนุกอะไร มันยังเด็กเล่นไม่รู้เรื่องหรอก ไปเล่นกับฉันดีกว่า ไปเถอะนะพี่ลอ” เพื่อนไม่รอให้เขาปฏิเสธ ดึงแขนออกไปจนได้ สักพักแพงกลับมาพร้อมด้วยใบไม้หอบใหญ่ แต่ลอหายไป

เด็กน้อยใจเสีย เดินหาเขาไปพลางร้องไห้ไปด้วย มัวหลับหูหลับตาร้องไห้ไม่ทันมองทาง ตกคันนาร่วงไปในปลักโคลน ร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ ในที่สุดแพงก็เดินตามหาลอจนเจอ เขาเห็นเธอเปรอะไปด้วยโคลนรีบพาไปล้างเนื้อล้างตัว ด้วยไม่อยากให้แพงไปตกน้ำ

ตกโคลนซ้ำอีก ลอจึงชวนให้เธอเล่นด้วยกัน เพื่อนไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยอมทำตามที่เขาต้องการ

ooooooo

เสียงโห่เสียงกลองยาวผสานกับเสียงแตรวงดังสนั่นครึกครื้นไปทั่วถนนในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างมายืนรอพร้อมกับขันน้ำเพื่อจะสาดน้ำใส่เทพีขอฝนและนางแมวขอฝนซึ่งอยู่ในชะลอมหลังขบวนแห่เทพี เสียงลอร้องเพลงแห่นางแมวเชิญชวนชาวบ้านออกมาสาดน้ำ

ด้วงเป็นอีกคนหนึ่งที่ถือขันน้ำเอามาสาดใส่เทพี พอขบวนแห่ผ่านหน้า เขาถึงได้เห็นว่านางแมวในชะลอมคืออีทิ้ง รีบวิ่งไปบอกแพงที่กำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่กับแก้วที่ศาลาริมคลอง เจ้าของแมวรีบวิ่งไปที่ขบวนแห่ โดยมีด้วงกับแก้ววิ่งตามไปอีกทอดหนึ่ง...

เมื่อมาถึงขบวนแห่ แพงเห็นแมวของตัวเองเปียกโชกไปทั้งตัว พยายามร้องห้าม พร้อมกับสั่งให้ปล่อยอีทิ้ง แต่ไม่มีใครได้ยินเพราะเสียงเพลงกลบ แพงตัดสินใจวิ่งไปบอกลอให้หยุดขบวนแห่ก่อน

“อ้าว หยุดทำไมล่ะอีแพง อีกเดี๋ยวก็ครบรอบหมู่บ้านแล้ว”

“แต่ฉันไม่ยอมให้อีทิ้งเป็นนางแมวนี่ ฉันจะเอามันออกมา มันยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ ปล่อยให้มันโดนสาดน้ำเปียกทั้งวันแบบนี้ เดี๋ยวมันก็ตายพอดี”

“อีแพง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าอุตส่าห์ใจดีไม่เอาอีทิ้งไปปล่อยแต่เอามันมาเป็นนางแมวแห่คู่กับข้า เอ็งก็ยังเสนอหน้ามาขวางอีก เอ็งเห็นคนอื่นเขามีความสุขไม่ได้ใช่ไหม เห็นแล้วจะชักดิ้นชักงอตายหรือไง”

แพงปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พี่สาวกล่าวหา ตนแค่สงสารอีทิ้งที่ไม่ค่อยสบาย กลัวมันจะตาย พิศเหลืออดสั่งให้แพงหยุดได้แล้ว คนทั้งทุ่งบ้านสร้างกำลังเดือดร้อน แต่เธอยังเห็นแก่ตัวอีก เขาจะไม่ยอมให้เธอทำให้ใครต้องเดือดร้อนเหมือนเขาเด็ดขาด แล้วกระชากแขนแพงออกไป เธอพยายามแข็งขืน แต่ถูกพ่อขู่ ถ้าไม่ไปดีๆจะโดนไม้เรียว ลอได้แต่มองตามเป็นห่วง เพื่อนเห็นสายตาของชายคนรัก เสียงแข็งใส่

“พี่ลอ ถ้ายังไปสงสารมันอีก มันก็จะหาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้เราไม่หยุดนะ”...

ด้านพิศฉุดกระชากลากถูแพงมายังใต้ถุนเรือน คว้าไม้เรียวที่เหน็บเสาเรือนจะมาตี แก้วกับด้วงเข้าไป ขอร้องเขาอย่าตีเธอเลยเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เขาหาว่าเธออิจฉาพี่สาวตัวเองที่ได้เป็นเทพีขอฝนก็เลยขัดขวาง

“เปล่าจ้ะพ่อ ฉันไม่ได้อิจฉาพี่เพื่อน อีทิ้งมันไม่ค่อยสบาย ฉันกลัวมันจะตาย”

ป่วยการจะอธิบาย พิศเกลียดลูกคนเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้วที่ทำให้สายเมียรักของตัวเองต้องตาย จึงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เฆี่ยนเธอไม่ยั้ง ด้วงกับแก้วช่วยกันล็อกแขนเขาไว้ บอกให้แพงหนีไปก่อน ไว้พิศใจเย็นเมื่อไหร่ค่อยกลับมา แพงได้แต่ยืนสะอื้นน้ำตาคลอเบ้า...

หลังจากแห่จนรอบหมู่บ้าน ขบวนแห่ขอฝนมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้าน เสียงแตรวงและกลองยาวยังคงครึกครื้นสนุกสนาน ลอนำผ้าขาวม้ามาคลุมไหล่ให้เพื่อนที่เปียกปอน ก่อนจะแนะให้กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งๆ เธอไม่ยอมกลับ ชาวบ้านยังสนุกกันอยู่ จะให้เทพีทิ้งไปได้อย่างไร หรือที่เขาชวนกลับเพราะเป็นห่วงแพง ลอยังไม่ทันจะตอบคำถาม เรืองเดินเข้ามากับก้อน บอกให้เขาไปดูอีทิ้งหน่อย ท่าทางไม่ค่อยดี ให้อะไรก็ไม่ยอมกิน แถมยังอ้วกอีกด้วย ลอชักจะเชื่อเรื่องอีทิ้งไม่สบาย จัดแจงจะเอามันกลับไปคืนเจ้าของ

“ฉันว่าอย่ากระต่ายตื่นตูมกันเลยจ้ะพี่ อีทิ้งมันเป็นแมวหลง กว่าจะมาเจออีแพงเก็บไปเลี้ยง มันก็เฉียดตายมาหลายครั้ง เรื่องแค่นี้มันคงไม่ตายง่ายๆหรอก”

จังหวะนั้นชาวบ้านพากันตื่นเต้นชี้ชวนให้ดูท้องฟ้าที่เมฆฝนกำลังตั้งเค้า อึดใจฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา ยังความดีอกดีใจให้ชาวทุ่งบ้านสร้าง ต่างพากันออกมาร้องรำ ทำเพลงท่ามกลางสายฝน

“ผู้ใหญ่ ข้าวในนาของพวกเราจะไม่เฉาตายแล้วโว้ย” ครูแสงตะโกนลั่น

ooooooo

แพงไม่หนีไปไหน แถมยังบอกให้แก้วกับด้วงปล่อยพ่อของตน ไม่ต้องไปห้าม ทั้งคู่ชะงัก ทำให้พิศสะบัดมือหลุด แพงเชิญพ่อตีตามสบาย ตนชินกับไม้เรียวของพ่ออยู่แล้ว แต่ขอให้ปล่อยอีทิ้ง อย่าเอามันไปทรมาน

“อีแพง เอ็งนี่มันดื้อด้านจริงๆ ก็เพราะสันดานเอ็งเป็นแบบนี้ หัวหมอ อวดฉลาด ข้าถึงต้องคอยสั่งสอนเอ็งไม่อย่างนั้นทั้งหมู่บ้านก็จะมีแต่คนเกลียดขี้หน้าเอ็ง”

แพงเถียงคำไม่ตกฟาก ยิ่งทำให้พิศโกรธ เงื้อไม้เรียวจะฟาด ทันใดนั้นฝนเทลงมาห่าใหญ่ เขาถึงกับชะงัก ความขุ่นเคืองมลายสิ้น เปลี่ยนเป็นความยินดีที่เห็นฝนตก วิ่งออกไปยืนตากฝนร้องไชโยๆเสียงลั่น

“เห็นไหมอีแพง แหกตาเอ็งดู พี่สาวเอ็งเป็นเทพีแห่นางแมวขอฝน ฝนก็ตกลงมาช่วยทุกคน ถ้าไม่มีข้ากับพี่สาวเอ็ง ชีวิตเอ็งก็ไม่ต่างจากอีทิ้งหรอก หัดรู้จักสำนึกบ้าง” พิศแดกดันเสร็จ หันไปตื่นเต้นกับสายฝนต่อไป แพงได้แต่มองด้วยสายตาเจ็บปวด แก้วสงสารเพื่อนจับใจ ปลอบว่าอย่าไปฟังที่เขาพูด แพงไม่ว่าอะไรปาดน้ำตาทิ้งแล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไป ด้วงจะตาม แต่แก้วรั้งไว้ ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวจะดีกว่า...

ขณะที่เพื่อนมีแต่ชาวบ้านห้อมล้อม ชื่นชมที่ทำให้ฝนตก ยกเธอขึ้นเสลี่ยงแห่แหนไปรอบๆ แพงกลับวิ่งร้องไห้ไปตามคันนาอย่างโดดเดี่ยว คันนาที่เปียกฝนทำให้เธอลื่นล้ม เนื้อตัวเปื้อนโคลนยิ่งดูน่าเวทนา ลอ ก้าวมายืนตรงหน้า เอาผ้าขาวม้าออกมากางบังฝนให้ แล้วพยุงให้ลุกขึ้นด้วยความห่วงใย

“พี่ลอจ๋า” แพงโผกอดลอร้องไห้โฮท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย...

เย็นวันเดียวกัน ลอพาแพงมายังป่าช้าหลังวัดที่ซึ่งเขาเอาซากอีทิ้งมาฝัง เธอปล่อยโฮลั่น ทรุดลงแปะกับพื้นพยายามจะขุดซากมันขึ้นมา ลอปราดมาดึงแขนให้ลุกขึ้น อีทิ้งไปสบายแล้วอย่าไปรบกวนมันดีกว่า เธอแค่อยากจะกอดมันเท่านั้น มันชอบให้กอดเพราะมันก็เหมือนเจ้าของมัน เป็นแมวที่ไม่มีใครเอา

“ไม่จริงหรอกอีแพง เอ็งกับอีทิ้งไม่เหมือนกัน อีทิ้งอาจไม่มีใคร แต่เอ็งยังมีข้าเป็นพี่ชายที่คอยดูแลเอ็ง ถึงเราจะไม่ได้เป็นพี่น้องคลานตามกันมา แต่ข้าก็รักเอ็งเหมือนน้องสาวแท้ๆของข้า เพราะฉะนั้นเอ็งไม่ต้องกลัวว่าเอ็งจะเหมือนอีทิ้ง เอ็งมีข้าอยู่กับเอ็งนะอีแพง” ลอดึงแพงมากอดปลอบใจเหมือนพี่ชายปลอบน้องสาว...

ตั้งแต่กลับจากป่าช้า แพงเอาแต่นั่งซึมไม่ยอมพูดจา เพื่อนยกสำรับมาวางให้ก็ไม่ยอมแตะต้อง แถมลุกหนี เธอรีบตามไปขวางไว้ พยายามปรับความเข้าใจกับน้องสาวเรื่องที่เอาอีทิ้งไปแห่นางแมวขอฝน อ้างว่าทำไปเพราะหวังดีกับมันและเธอ เนื่องจากมันสร้างแต่ความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปทั่ว เที่ยวขโมยปลาย่างบ้านคนโน้นทีคนนี้ที พอพ่อมาบอกว่าจะจัดแห่นางแมว ตนก็เลยเสนอให้เอาอีทิ้งไปแห่

“เพราะถ้าฝนตกขึ้นมา อีทิ้งก็จะไม่ใช่แค่อีแมวขโมยที่ทุกคนรังเกียจ มันโผล่ไปบ้านไหนก็จะมีแต่คนป้อนข้าวป้อนน้ำให้มัน เอ็งจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะมันอีกไง พ่อเขาห่วงเอ็ง ข้าก็ห่วงเอ็ง เห็นเอ็งไม่เหมือนคนอื่นเขา ถ้าคิดว่าพวกข้าเกลียดชังเอ็ง ป่านนี้เอ็งโดนขี้เถ้ายัดปากไปนานแล้ว ข้าวที่ข้าเอามาให้ พ่อเขาเก็บไว้ให้เอ็ง สั่งมาด้วยว่าให้เอ็งกินให้หมด พรุ่งนี้ออกไปจับปลาจะได้ไม่เป็นลมเป็นแล้งไป อ้ออีกอย่าง พ่อบอกไม่ให้เอ็งเลี้ยงแมวอีก เพราะลำพังเลี้ยงเอ็งคนเดียวเขาก็ห่วงจะแย่อยู่แล้ว” เพื่อนพูดจบลงเรือนไป

แพงตระหนักว่าพี่สาวหวังดีจริงๆ ถึงกับพึมพำน้ำตาคลอ “ฉันขอโทษจ้ะพ่อ ขอโทษจ้ะพี่เพื่อน”

ooooooo

เพื่อนกำลังหุงข้าวเตรียมอาหารอยู่ที่ครัวท้ายเรือน เห็นพิศถือข้องจับปลากลับมาพร้อมด้วยปลามากมายในมือ ก็ร้องทักทำไมกลับเร็วนัก เขาได้ปลามาเยอะ จึงเอากลับมาให้เธอทำกับข้าวก่อน ส่วนแพงยังไม่ยอมกลับ เมื่อวานฝนตกปลาเต็มคลอง ก็เลยจะอยู่หาปลาต่อ

“เห็นไหมพ่อ อีแพงมันโตซะที่ไหน เมื่อวานยังน้ำหูน้ำตานอง มาวันนี้เป็นกระดี่ได้น้ำ ก็ดีเหมือนกันจ้ะ ฉันจะได้เอาปลามาย่างให้พี่ลอกินกับแกง เดี๋ยวเที่ยงแล้วจะหิ้วท้องรออีก”

ระหว่างนั้นมีเสียงกริ่งจักรยานดังเข้ามาไม่หยุด พร้อมกับเสียงตะโกนของวีระลูกชายเศรษฐีในอำเภอ

“แม่เพื่อน แม่เพื่อนจ๊ะ อยู่รึเปล่าเอ่ย แม่ยอดขมองอิ่มของไอ้วี” วีระดีดกริ่งจักรยานไม่หยุด โดยมีไม้สมุนคู่ในยืนกางร่มให้ ส่วนมาดสมุนอีกคนหนึ่งยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ พิศรำคาญออกมาบอกให้หยุดดีดกริ่งได้ไหม เสียงมันทำให้ตนปวดหัว วีระทักทายเขาอย่างนอบน้อม คุยอวดเพิ่งได้จักรยานคันใหม่มาจากปีนัง จึงอยากจะมาชวนเพื่อนไปนั่งซ้อนท้าย พิศโกหกว่าลูกสาวของตนไม่อยู่ ให้เขาเอาจักรยานกลับไปจะดีกว่า

วีระไม่ค่อยเชื่อนักเพราะก่อนมาที่นี่ ถามชาวบ้านใกล้ๆแล้ว ได้ความว่าเพื่อนอยู่บ้าน พยายามชะเง้อคอยาวมองเข้าไปข้างใน เห็นเพื่อนแอบหลบอยู่หลังเสา แกล้งพูดเสียงดังให้ได้ยิน

“แต่ฉันตั้งใจมาหาแม่เพื่อน แล้วก็ไม่ได้มามือเปล่าด้วย ฉันซื้อเสื้อผ้าสวยๆจากพระนครมาให้แม่เพื่อนด้วยนะ ผ้าขาวม้าผืนใหม่ของอาพิศ ฉันก็เอามาฝาก ไอ้มาดไปพาแม่เพื่อนลงมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

มาดพยักหน้ารับคำ ตรงดิ่งจะขึ้นเรือน พิศไม่พอใจเข้ามาขวาง พร้อมกับไล่ไปให้พ้นทั้งลูกพี่ลูกน้อง เขาไม่สนใจจะขึ้นเรือนให้ได้ สองคนยื้อยุดฉุดกันไปมา พิศเสียหลักจะล้ม เพื่อนเห็นท่าไม่ดีรีบออกมาห้าม

“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้มาด ลากคอลูกพี่เอ็งออกไปให้พ้นจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้” ไม่ไล่เปล่า เพื่อนโบกมีดขู่ด้วย วีระไม่สะทกสะท้าน กลับยิ้มชอบใจ ก่อนจะยอมล่าถอย เธอรีบพยุงพ่อให้ลุกขึ้นถามว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พิศไม่เจ็บกาย แต่เจ็บใจที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนท้าทาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโดนตนฟันหัวแบะไปแล้ว

“เอ็งจะเอาข้าวไปให้ไอ้ลอกินไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ เดี๋ยวไอ้ลอมันจะหิ้วท้องรอ”

ooooooo

ระหว่างทางเอาข้าวไปให้ลอ วีระขี่จักรยานตามมาด้านหลังจะให้เพื่อนซ้อนท้ายไปด้วยกันให้ได้ แต่เธอไม่เล่นด้วย เขาไม่ยอมเสียหน้า สั่งให้มาดไปฉุดเธอมา เพื่อนฮึดสู้เอาห่อผ้าที่มีแกงร้อนๆฟาดหน้าถึงกับร้องลั่น เซถลาเป็นนกปีกหัก เธอสบช่องรีบวิ่งหนี วีระไม่ยอมรามือ ไล่ตามไปติดๆ

เพื่อนวิ่งหนีเข้าไปในป่าช้า พลางส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ วีระกับสมุนไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ เธอเข้าไปแอบในเจดีย์พังๆ พยายามทำตัวลีบสุดชีวิต ไม้กับมาดกวาดตามองหาไปทั่วบริเวณแต่ไม่เจอ...

ด้านลอขี่ไอ้เปลี่ยวมาถึงกองฟางซึ่งเป็นที่นัดหมายกับเพื่อน แต่ไม่เจอใครก็แปลกใจทำไมยังไม่มา

“ไม่เป็นไร สำหรับแม่เพื่อนแล้วไอ้ลอรอได้เสมอ” ลอพูดจบหยิบขลุ่ยที่เหน็บเอวไว้ขึ้นมาเป่าฆ่าเวลา...

ขณะที่ลอนั่งเป่าขลุ่ยอย่างสบายอารมณ์ วีระกับพวกรุกคืบเข้าใกล้เจดีย์ที่เพื่อนซ่อนตัวอยู่ เธอค่อยๆขยับหนีลึกเข้าไปด้านใน แต่ต้องตกใจแทบสิ้นสติเหมือนเจองูเห่าแผ่แม่เบี้ย จะร้องก็ไม่กล้าได้แต่ยืนหน้าซีด

ก่อนที่เธอจะถูกวีระกับพวกจับตัวได้ สมภารบุญกับก้อนเข้ามาขัดจังหวะ แม้จะใหญ่คับทุ่งบ้านสร้าง แต่วีระก็ไม่กล้าหือกับพระ จำใจล่าถอยกลับไปพร้อมสมุนคู่ใจทั้งสองคน สมภารบุญอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกนั้นมาทำอะไรแถวเจดีย์ร้าง สั่งให้ก้อนเข้าไปดู พบเพื่อนนอนหมดสติอยู่กับพื้น รีบเข้าไปดูแล...

พอรู้ข่าวจากแพงว่าเพื่อนถูกงูกัด ลอวิ่งหน้าตั้งกลับเรือนของพิศ แต่ปรากฏว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เป็นลมหมดสติตกใจที่เห็นงู ด้วงซึ่งเป็นคนมาแจ้งข่าวให้แพงรู้ ฟังสมภารบุญไม่ทันได้ศัพท์ เอาไปพูดเป็นตุเป็นตะไปเองว่าเธอถูกงูกัด ทั้งแพงและลอพากันโล่งใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนไปทำอะไรที่ป่าช้าถึงได้ไปเจองู เธอไม่กล้าบอกได้แต่อึกอัก ทำให้ลอยิ่งสงสัยมากขึ้น หันไปมองพิศ

“อาพิศ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม”

ทันทีที่รู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนเกือบถูกงูกัดตาย ลอโกรธมากลงจากเรือนจะไปเอาเรื่องวีระกับพวก พิศตามมาห้าม แต่ก้อนกลับตามมาสนับสนุนให้ลอจัดการสั่งสอนพวกนั้นเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นจะได้ใจ สมภารบุญต้องเข้ามาปรามสองหนุ่มไม่ให้ใช้กำลังตัดสินปัญหา รังแต่จะทำให้บานปลาย กลายเป็นใช้กำลังตัดสินกันไม่หยุด แล้วถามว่าคำพูดแบบนี้ลอคุ้นบ้างไหม เขายังไม่ทันจะตอบคำถาม พิศชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“เอ็งต้องจำได้สิไอ้ลอ เพราะนั่นมันเป็นคำพูดของพ่อเอ็งก่อนที่มันจะตาย พระของพ่อเอ็งที่ห้อยคออยู่นั่น มันไม่ได้ช่วยเตือนสติเอ็งเลยเหรอ” คำพูดของพิศ ทำให้ลอถึงกับอึ้ง แม้จะแค้นวีระที่คิดจะรังแกหญิงคนรักของตน แต่ก็ต้องหักใจหันหลังกลับไปทางหลังเรือน ก้อนจะตามแต่สมภารบุญห้ามไว้

“ปล่อยมันไอ้ก้อน กัลยาณมิตรที่ดีต้องไม่สนับสนุนให้เพื่อนทำเรื่องเดือดร้อน”

ทางฝ่ายเพื่อนเห็นลอยังหงุดหงิดอารมณ์เสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น เข้ามาสำทับให้เขาเชื่อที่สมภารบุญเตือน เธอเห็นด้วยที่คนอย่างวีระควรจะถูกสั่งสอนเสียบ้าง แต่คนที่ทำไม่ใช่พี่ลอของเธอ ลอกลัวจะรอให้คนมาจัดการเก้อ เพราะตั้งแต่อำเภอยันทุ่งบ้านสร้าง มีแต่คนก้มหัวให้กับเงินของพ่อของวีระ

“ไม่หรอกจ้ะพี่ เงินของมันซื้อไม่ได้ทุกอย่างเหมือนที่มันพยายามจะซื้อหัวใจฉัน แต่มันก็แพ้พี่ลอมาตลอด ฉันรักพี่ลอเพราะพี่ลอเป็นคนดี ขยันทำมาหากินและที่สำคัญ เพราะพี่ลอไม่เคยรักใครอื่นนอกจากฉันคนเดียว” เพื่อนว่าแล้วหอมแก้มเขาเบาๆเป็นการยืนยันในความรักที่เธอมีต่อเขา ทั้งคู่มัวแต่หวานใส่กัน ไม่ทันสังเกตเห็นแพงยืนมองอยู่ด้วยแววตาเศร้าสร้อย

ooooooo

วีระยังเจ็บใจไม่หาย เกือบจะได้ตัวเพื่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกสมภารบุญมาขัดจังหวะเสียก่อน อาฆาตแค้น ต่อไปอย่าหวังว่าตนจะไปทำบุญให้ มาดเตือนลูกพี่ให้ระวังลอจะมาเอาคืนที่ไปทำให้เพื่อนขวัญเสีย เขาหาได้เกรงกลัวไม่ แถมไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

“อย่าประมาทมันนะพี่ ฝีมือมันมี เห็นมันเข้าๆ ออกๆฝึกเชิงมวยที่บ้านผู้ใหญ่ผาดมาตลอด ถ้ามันคิดจะเอาเรื่องคงรับมือไม่ได้ง่ายๆ”

“ไอ้ลอ ไอ้กระจอกเอ๊ย อย่างเอ็งมันก็เป็นได้แค่ไอ้ลูกโจร” วีระขบกรามแน่นด้วยความแค้น...

ค่ำวันเดียวกัน ลอนอนมองดวงจันทร์อยู่บนแคร่ใกล้ๆกับคอกเลี้ยงควายโดยสุมกองไฟควันโขมงเพื่อไล่ยุง มือของเขากำพระเครื่องที่ห้อยตัวเองไว้ อดคิดถึงวันที่เห็นพ่อถูกตำรวจยิงตายต่อหน้าไม่ได้ เสียงเรียกของแพงปลุกเขาตื่นจากภวังค์ หันไปถามว่าลงมาทำไมค่ำมืดป่านนี้ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี เธอไม่ใช่เด็กๆอีกแล้ว แพงไม่วายยอกย้อน ถ้าอย่างนั้นเวลาพี่เพื่อนลงมาหาพี่ลอตอนกลางคืนบ่อยๆก็ไม่ดีเหมือนกันใช่ไหม

“พูดกับเอ็งแล้วข้าอารมณ์เสีย เดี๋ยวคันฝ่าตีนขึ้นมาแล้วจะยันโครมเอ็งเข้าให้ คืนนี้ข้ากลับไปนอนที่กระท่อมพ่อข้าก็ได้วะ” ลอว่าแล้วขยับจะไป แพงอยากจะเขกหัวตัวเองนักที่ปากเสีย ระหว่างนั้นเพื่อนเดินข้ามาบอกว่าดึกแล้ว เขาไม่ต้องกลับไปนอนที่กระท่อมให้ลำบาก ถ้าข้างล่างยุงเยอะก็ขึ้นไปนอนบนเรือนก็ได้

“ก็ดีเหมือนกันนะพี่เพื่อน นอนที่ชานเรือนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปเอามุ้งมากางให้” แพงรีบสนับสนุน

เพื่อนไม่พอใจที่แพงมากวนใจคนรักของตัวเองจนไม่ได้พักผ่อน ก็หันไปเล่นงาน เธอเถียงว่าไม่ได้มากวนใจ แค่เห็นเขายังนอนไม่หลับก็เลยมาชวนคุย

“ช่างเถอะแม่เพื่อน พี่ชินแล้ว นังนี่มันเกิดมาผิดที่ มันน่าจะเกิดเป็นนกเอี้ยงนกขุนทองมากกว่า”

แพงต่อปากต่อคำไม่เลิก ถ้าเธอเกิดเป็นนกเอี้ยงนกขุนทอง ก็ขอให้ชาติหน้าเขาเกิดเป็นควาย เธอจะได้เป็นนกเอี้ยงมาเลี้ยงควายเฒ่าแล้วแลบลิ้นใส่ ลอฉุนที่โดนล้อเลียนลุกพรวดจะไล่เตะ แต่แพงวิ่งหนีไปเสียก่อน

เพื่อนมองตามไม่ค่อยพอใจที่เห็นน้องสาวกับชายคนรักสนิทสนมกัน ตามขึ้นเรือนไปหาเรื่องดุด่า แต่กลับถูกแพงเหน็บคืนให้บ้าง แล้วเดินหนีเข้าห้อง เพื่อนโกรธน้องสาวก็เลยพาลไม่ให้ลอนอนบนชานเรือน แถมไม่ให้เขาแตะเนื้อต้องตัวอีกต่างหาก ชายหนุ่มน้อยใจ หันหลังลงเรือนกลับไปนอนที่กระท่อมตัวเอง เธอถึงกับหน้าเจื่อน แพงแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งเห็นพี่สาวที่มีเรื่องขุ่นเคืองใจกับลอ แอบหัวเราะชอบใจ

ooooooo

ที่ศาลาวัด ขณะพระกำลังสวดให้ศีลให้พรชาวบ้านที่มาทำบุญตักบาตร เรืองซึ่งแอบชอบแพงอยู่ พยายามชวนไปอำเภอเพื่อรับแรมพี่สาวของเขาที่จะกลับจากพระนครมาอยู่ที่ทุ่งบ้านสร้าง แต่เธอไม่ยอมไปด้วย เสียงคุยของทั้งคู่รบกวนการสวดให้ศีล สมภารบุญจึงส่งสายตาดุใส่ แพงเห็นเข้าก็หันไปเล่นงานเรือง

“เอ็งทำให้ข้าโดนหลวงพ่อดุแล้ว นี่มันเวลาทำบุญ ถ้าเอ็งไม่อยากได้บุญได้กุศลก็ลงศาลาไป”

“โธ่ว่าแต่ไอ้เรืองเรื่อย ดูพี่สาวเอ็งก่อนเถอะ ชะเง้อคอยาวตั้งแต่ขึ้นศาลาไม่ได้สนใจจะทำบุญเหมือนกันนั่นแหละ” คำพูดของเรืองทำให้แพงหันไปมองเพื่อนซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าๆของกลุ่มชาวบ้าน เห็นเธอเป็นอย่างที่เขาพูด รู้ทันทีว่ามองหาใคร

ด้วยความที่ชอบแกล้งคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แพงรอจนทำบุญเสร็จ เห็นเพื่อนยังชะเง้อคอมองหาชายคนรัก ทำชี้โบ๊ชี้เบ๊ว่าพี่ลอมาแล้ว เธอรีบปั้นหน้าวางท่าเมิน หวังจะให้เขามาง้อ พอรู้ความจริงว่าแพงแต่งเรื่อง ลอไม่ได้มาวัดก็โกรธจะหยิกแขนน้องแก้แค้น แพงชิงวิ่งหนีไปเสียก่อน เพื่อนไม่รามือไล่ตามไปติดๆ...

ลอไม่ได้ไปวัด เพราะไปซ้อมเชิงมวยอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่ผาด โดยมีก้อนเป็นคู่ซ้อมให้ ทั้งคู่ต่อสู้กันด้วยแม่ไม้มวยไทย ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงเชียร์ของลูกศิษย์ ทำให้ผู้ใหญ่ผาดออกมาดู ศิษย์เอกปะทะฝีมือกับลูกชายตัวเอง แรกๆ ก้อนพอจะสู้ได้ แต่ในที่สุดก็ถูกลอใช้ท่าจระเข้ฟาดหางเข้าเต็มหน้าล้มลงหมดสภาพ ผู้ใหญ่ผาดสั่งยุติการชก ไล่ลูกศิษย์คนอื่นๆ กลับบ้าน วันนี้ซ้อมแค่นี้พอ แล้วหันไปชมลอ

“เชิงมวยที่ข้าสอนเอ็ง แข็งแรงขึ้นทุกวันนะไอ้ลอ แต่เอ็งต้องจำคำที่ข้าสอนไว้ให้มั่น ข้าฝึกมวยให้พวกเอ็งเพื่อไว้ช่วยดูแลคนอื่น ไม่ใช่ฝึกเอาไว้เพื่อให้ไปมีเรื่องมีราว... ไอ้ก้อนโดนตีนไอ้ลอแค่นี้ทำเป็นนอนขี้เกียจลุกไม่ขึ้นเลยนะเอ็ง รีบๆลุกขึ้นมาช่วยข้าทำงานได้แล้ว”

ก้อนแกล้งเจ็บมากร้องโอดโอย จะได้ไม่ต้องอยู่ช่วยงานพ่อ ลอซึ่งรู้กันกับเขาทำทีเข้าไปช่วยพยุง อาสาจะพาไปใส่ยา ผู้ใหญ่ผาดไม่ติดใจสงสัยอะไร อนุญาตให้ลูกชายหยุดช่วยงานตนหนึ่งวัน

ทันทีที่พ้นสายตาพ่อ ก้อนเดินปร๋อ แถมคุยอวดว่าตัวเองเล่นละครตบตาได้เก่งมากจนพ่อเชื่อสนิทใจ ลอไม่สบายใจนักที่ต้องโกหกผู้ใหญ่ผาด และที่สำคัญไม่อยากให้ก้อนมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมางของตน เขาต่อว่าว่าพูดแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน จะปล่อยให้เพื่อนไปเอาเรื่องวีระกับพวกคนเดียวได้อย่างไร ลอทักท้วง ไม่ได้จะไปมีเรื่อง แค่จะไปเจรจาไม่ให้มันมาใกล้แม่เพื่อนของตนเองอีก

“สันดานอย่างไอ้วีระ มันไม่เจรจากับเอ็งง่ายๆ หรอก เอ็งต้องมีข้าไปด้วยไม่งั้นข้าไม่ให้เอ็งไปเด็ดขาด”...

ขณะที่เรืองรอขึ้นเรือที่ท่าน้ำเพื่อจะไปรับพี่สาวที่ตัวอำเภอกับครูแสงพ่อของเขา แพงวิ่งหนีเพื่อนที่ไล่หยิกเข้ามา เขาบอกให้พ่อไปรอที่เรือก่อน แล้วเข้าไปถามแพงตกลงจะไปเที่ยวอำเภอกับเขาใช่ไหม รีบไปกันได้แล้วเรือจอดรอนานแล้ว เธอไม่ว่างไปด้วย ต้องไปช่วยพี่ลอทำนา แล้วหันไปกระเซ้าพี่สาวจะไปกับตนไหม

“แต่เอ๊ะ...พี่เพื่อนคงไม่อยากเจอหน้าพี่ลอเพราะพี่เพื่อนกำลังเล่นตัวอยู่ใช่ไหม” แพงทำหน้าล้อเลียน

“เสียเวลาเปล่าอีแพง ไอ้ลอมันไม่อยู่ให้เอ็งไปช่วยงานมันหรอก” เรืองนึกได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ แต่สายไปแล้ว เพื่อนหันขวับ คาดคั้นให้เขาบอกมาว่าพี่ลอของตนหายไปไหน ถึงไม่มาทำบุญ เรืองถึงกับหน้าเสีย

ครู่ต่อมาเพื่อนขึ้นเรือไปกับเรืองและครูแสง ทิ้งแพงไว้ที่ท่าเรือไม่ยอมเอาไปด้วย เธอพยายามตะโกนบอกว่าเธอเองก็เป็นห่วงพี่ลอเหมือนกันขอเธอไปด้วย แต่เพื่อนไม่สนใจ...

ในเวลาเดียวกัน ที่โรงสีข้าวของนายประจวบ วีระกำลังซ้อมลูกหนี้ที่บังอาจขอผัดผ่อนจ่ายหนี้คืนให้ประจวบพ่อของเขา ท่ามกลางสายตาคนงานที่กำลังแบกกระสอบข้าวสารขึ้นจากเรือมาไว้ในโกดัง ลูกหนี้พยายามร้องขอความเมตตาแต่ไร้ผล เขาเงื้อหมัดจะชกหน้า ประจวบทำทีเข้ามาห้ามไม่ให้ลูกชายซ้ำเติมคนที่ตกทุกข์ได้ยาก และจะให้ลูกหนี้ผัดผ่อนอีกครั้ง แต่มีข้อแม้ต้องขายที่ดินทั้งหมดให้ตนก่อน แล้วมาทำงานเป็นลูกจ้างทำนาให้ตน ลูกหนี้ยังไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธ ประจวบรีบยัดเงินใส่มือ

“ยังไม่ต้องตอบข้าตอนนี้ เอาเงินนี่ไปซื้อของกินของใช้ กลับบ้านแล้วค่อยๆคิด ข้าไม่รีบ” ประจวบรอจนลูกหนี้ไปพ้นโรงสี รีบสั่งการ “ส่งพวกเราตามมันไป แล้วหาที่ลับตาคนกระทืบบังคับให้มันขายที่ให้ข้า ถ้ามันปากแข็งไม่ยอมขาย ก็หักขาตัดลิ้นมันให้พิการ ทีนี้มันไม่มีปัญญาทำนาเองอีกแน่” ประจวบยิ้มเหี้ยม โดยไม่ล่วงรู้ว่าลอกับก้อนแอบมองอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ที่สองพ่อลูกเลวได้ใจขนาดนี้

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น