เพลงลำตำหนิบัวเผื่อนที่ปลอมเป็นผีหลอกเฉวียน บัวสายขอให้น้องชายนึกถึงทองน้ำงามที่จิตใจดีมีน้ำใจช่วยเหลือพวกเราตลอดมา ล่าสุดก็ช่วยประกันตัวเจิดในข้อหายักยอกทรัพย์ ยังไงเราก็ควรเห็นแก่เธอ ไม่น่าไปหลอกแม่ของเธอแบบนั้น
บัวเผื่อนรับฟังคำท้วงติงของทั้งพี่และหลาน แต่บอกว่าทำไปเพราะไม่ชอบให้ใครมาเล่นพนันในงานศพแม่ของตน...
ด้านงามไฉไลกระวนกระวายที่โพยมยงไม่ยอมมางานศพบัวผ่อง เธออยากให้แม่มาแสดงน้ำใจเพราะครั้งหนึ่งคนลำตัดเคยช่วยชีวิตเธอไว้ ดังนั้นเธอจึงขอร้องกุชงค์ให้พยายามอีกครั้ง
ในที่สุดโพยมยงก็ทนแรงรบเร้าของกุชงค์ไม่ไหว เดินทางมาบางลำพร้อมกับเขา เป็นเวลาที่กำนันฝอยกำลังเดินหน้าจีบโฉมตรู พอโพยมยงล่วงรู้ก็หาทางกีดกัน แม้เธอไม่ได้รักชอบกำนันแต่ก็ไม่อยากให้โฉมตรูได้เป็นเมียเศรษฐีแห่งบางลำ
เพราะความงกทำให้โพยมยงคิดรวบหัวรวบหางกำนันฝอยที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย ที่ดินเกือบทั้งตำบลเป็นของกำนัน เธอมาดหมายว่าถ้าได้แต่งงานกับกำนันก็จะขับไล่พวกเพลงลำไปจากที่นี่แล้วตั้งคณะลำตัดขึ้นมาแทน
โฉมตรูไม่ได้มีท่าทีใดๆเลยกับกำนัน เธอจึงไม่เดือดร้อนอะไรกับการกระทำของโพยมยง ส่วนเรื่องลูกสาวโพยมยงอยากให้แต่งงานเร็วๆแล้วกลับไปอยู่กรุงเทพฯ แต่งามไฉไลยืนกรานแต่งเสร็จจะอยู่บางลำเหมือนเดิม ด้านปรกณ์พลก็สัญญาว่าเขียนวิทยานิพนธ์เรื่องลำตัดเรียบร้อยจะแต่งงานกับเธอทันที
โพยมยงเดินหน้าตื๊อกำนันฝอยตามแบบฉบับของเธอที่ถนัดการร้องเพลง เธอมาครวญเพลงท่ามกลางสายฝนแล้วจับผลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในกระท่อมกลางท้องนาด้วยกันในสภาพแนบชิด โฉมตรูกับดาหวันผ่านมาเห็นจะจะกับตาคิดว่าสองคนทำบัดสี
แทนที่โพยมยงจะโกรธดาหวันที่กล่าวหาให้ร้าย เธอกลับยิ้มย่องสมอ้างเหมือนว่ามีอะไรกับกำนันฝอยจริง แล้วทึกทักกับกำนันว่าเขาต้องรับผิดชอบเธอ ถ้าไม่ยอมแต่งงานเธอจะแจ้งตำรวจว่าเขาล่อลวงมาทำมิดีมิร้าย
โฉมตรูกับดาหวันกลับถึงบ้านโดนปกรณ์พลซักถามว่าหายไปไหนมา ดาหวันเล่าสิ่งที่เห็นอย่างหมดเปลือกแต่โฉมตรูกระดากอายเกินจะเอ่ยปาก ฝ่ายโพยมยงที่กระหยิ่มยิ้มย่องว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เธอเล่าให้กุชงค์ฟังอย่างหน้าชื่นตาบาน แถมยังยุให้กุชงค์จีบฝาจุก ถ้าลงเอยกันได้งามไฉไลลูกสาวของตนก็จะหมดคู่แข่งไปด้วย
เมื่องามไฉไลทราบเรื่องโพยมยงต้องการจดทะเบียนสมรสกับกำนันฝอยก็เดือดเนื้อร้อนใจจะหาทางคุยกับแม่ให้เปลี่ยนใจ เพราะเธอเชื่อว่าแม่ไม่ได้รักกำนันแต่ท่านต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง
เจิดมีใจให้ทองน้ำงามครูสาวแสนดีแต่โดนเฉวียนแม่ของเธอกีดกัน ไม่อยากได้คนลำตัดที่มีแต่ตัวเป็นเขย ยังเฝ้ารอลูกคนรวยอย่างฝาจีบ เมื่อทองน้ำงามแข็งขืนเลยโดนแม่จับขังในบ้าน เจิดรู้ข่าวจึงแอบมาช่วยเหลือและจะพาเธอหนีไปอยู่กินกันก่อนแล้วค่อยกลับมาขอขมาแม่
ทองน้ำงามรักเจิดมานานแต่เธอทำอย่างที่เขาต้องการไม่ได้
“ฉันเป็นครูนะ แล้วฉันก็ทิ้งแม่ไปไม่ได้”
“แต่เรารักกันนะครับ”
“จำเรื่องของเพลงลำกับคุณปกรณ์พลได้ไหม ถ้าคราวนั้นเพลงลำหนีไปกับคุณปกรณ์พล ชื่อเสียงของเพลงลำ ของแม่บัวสาย ของยายบัวผ่องคงเสียหาย คนคงเอาไปพูดกันว่าหนีตามผู้ชาย แล้วฉันจะดูหน้านักเรียนได้ยังไง”
เจิดอึ้งไป เฉวียนก้าวเข้ามาพร้อมไม้คมแฝก ได้ยินเจิดชวนลูกสาวของตนหนีตาม เธอโกรธมากขว้างไม้คมแฝกใส่เจิดจนกระโดดหนีกลับไป
เพลงลำกับไข่กาเห็นเจิดวิ่งหอบแฮ่กกลับมายามค่ำคืนก็ซักไซ้เป็นการใหญ่ พอรู้ว่าเขาไปทำอะไร สองสาวจึงรุมตำหนิอย่างไม่ชอบใจ
“พี่เจิด ผู้หญิงดีๆน่ะไม่มีใครเขาหนีตามพี่หรอก พี่ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู”
“ก็ประตูมันปิดขังครูทองน้ำงามไว้ พี่ก็ต้องพาครูออกทางหน้าต่างน่ะสิ”
“แล้วครูทองน้ำงามก็ไม่ยอมหนีตามพี่?”
“ไม่ใช่เพราะไม่รักพี่เจิด แต่เป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงดีๆเขาไม่ทำกัน ผู้หญิงต้องรักศักดิ์ศรีของความเป็นหญิง ถึงจะรักกันแค่ไหนก็ต้องไม่ชิงสุกก่อนห่าม เพราะมันจะเป็นตราบาปให้คนเขาตราหน้าไปทั้งชาติว่าใจง่าย”
“ใช่ พี่ผิดไปแล้ว พี่ควรจะนับถือเพศหญิง พี่ทำแบบนี้เหมือนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนเพศแม่ เพราะเห็นแก่ตัว...เพลงลำ...พี่เสียใจ”
เจิดหน้าเศร้าสำนึกผิด ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนคิดน้อยเกินไป
ooooooo
ฝาจุกทราบเรื่องพ่อกำนันเสียท่าโพยมยงก็เป็นเดือดเป็นแค้น บ่นแล้วบ่นอีกว่าทำไมพ่อถึงพลาดได้ คุณนายจอมงกนั่นมีแผนจะฮุบสมบัติของพ่อ แล้วก็มีแผนจะขัดขวางไม่ให้ตนแต่งงานกับปกรณ์พล
“ก็ตอนนั้นมัน...มัน...” กำนันฝอยพูดไม่ออก ทำท่าจะร้องไห้
“มันเป็นยังไง ไหนพ่อเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อย”
“มันเล่าไม่ถูกโว้ย ความผิดของเอ็ง เอ็งวิ่งหนีฝนเอาตัวรอด ไม่ห่วงพ่อเลย”
กำนันฝอยโยนความผิดให้ลูกสาวหน้าตาเฉยแล้วเดินเข้าห้อง ฝาจุกก้าวตามไม่ลดละ แต่แล้วสองพ่อลูกก็สะดุ้งโหยงเมื่อเห็นฝาจีบกับสมุนสองคนนอนหลับปุ๋ยอยู่หน้าเตียง
ฝาจุกจะปลุกทั้งสามคนแต่กำนันฝอยรีบห้ามเพราะสงสารลูกชาย
“อย่า! ให้มันนอนเถอะ พี่เอ็งเร่ร่อนหนีตำรวจคงจะเหนื่อย โธ่! ลูกพ่อ อยู่ดีๆก็ต้องกลายเป็นโจร ต้องอดมื้อกินมื้อ ซุกหัวซ่อนตัว เอ็งไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว หลบตำรวจอยู่ในบ้านนี่แหละ บ้านกำนันฝอยซะอย่างใครจะกล้าค้นบ้านกำนันฝอย”
“พ่อ!” ฝาจุกอุทานแล้วก็อึ้งไปอย่างวิตกกังวล
ooooooo
เช้าวันนี้งามไฉไลให้ปกรณ์พลพาเธอเข้ากรุงเทพฯไปพบโพยมยง ปะเหมาะพอดีมาเจอโพยมยงกำลังเก็บสัมภาระเหมือนจะเดินทาง
การมาของลูกสาวทำให้โพยมยงแปลกใจ เอ่ยปากประชดประชันว่า
“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม่คงจะตัดพ้อต่อว่าลูกว่าลูกลืมแม่ แต่ตอนนี้แม่เปลี่ยนแผนใหม่”
“แผน? แผนอะไรอีกคะคุณแม่ ที่งามมาที่นี่งามจะมาขอร้องให้คุณแม่ล้มความตั้งใจที่จะแต่งงานกับกำนันฝอย งามรู้ว่าคุณแม่ไม่ได้รักกำนันฝอย”
“ถูกต้อง แม่เกลียดอีตากำนันฝอย ไหนจะเห็นแก่ตัว ไหนจะเชย ไหนจะล้าหลัง ไหนจะตกยุค แล้วไหนจะมีครอบครัวยุ่งเหยิงอีกล่ะ มีครบคุณลักษณะของผู้ชายน่าเกลียด”
“คุณป้าครับ ถ้ากำนันฝอยเป็นยังงั้นแล้วคุณป้าจะแต่งงานกับกำนันฝอยทำไมล่ะครับ”
“นั่นสิ ทำไมคะคุณแม่”
“เพราะกำนันฝอยร่ำรวยที่สุดในบางลำ แม่จะฮุบสมบัติกำนันฝอย แล้วก็ใช้อิทธิพลของกำนันฝอยตั้งคณะลำตัด”
“ตั้งคณะลำตัดหรือคะ”
“ใช่...เพื่อโค่นนังเพลงลำ” โพยมยงประกาศกร้าว งามไฉไลกับปกรณ์สบตากันอย่างหนักใจ
แล้วโพยมยงก็เดินหน้าตามแผนของตนต่อไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของลูกสาว เธอกลับมาบางลำอีกครั้งเพื่อบีบบังคับกำนันฝอยให้จดทะเบียนสมรส
งามไฉไลกลุ้มใจ กลับบางลำพร้อมปกรณ์พลแล้วบ่นอย่างไม่เห็นด้วยกับแผนร้ายของแม่ที่จะแต่งงานกับกำนันฝอยเพื่อฮุบสมบัติและใช้อิทธิพลของกำนันตั้งคณะลำตัดเพื่อโค่นล้มเพลงลำ
“นี่งามจะทำยังไงดีคะพี่กรณ์ คุณป้า...ถึงจะเปลี่ยนใจคุณแม่ได้”
“นั่นน่ะสิครับคุณแม่ เราต้องเปลี่ยนใจคุณป้าโพยมยงให้ได้นะครับ”
โฉมตรูอึกอักพูดไม่ออก ไม่รู้จะใช้วิธีไหนถึงจะเปลี่ยนใจโพยมยงได้ ตรงข้ามกับดาหวันที่บอกว่า
“ปล่อยให้คุณนายโพยมยงจับกำนันฝอยแต่งงานเถอะค่ะ ถือเสียว่าสัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม”
“ดาหวัน” โฉมตรูปรามคนของตน พลางเหลือบมองงามไฉไลอย่างเกรงใจ
“คุณแม่ของงาม ถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้วไม่มีใครเปลี่ยนใจท่านได้หรอกค่ะ”
“หนูงาม ค่อยๆคิดอ่านแก้ไขเถอะ กำนันฝอยคงไม่ยอมทำตามความต้องการของคุณโพยมยงหรอก เพราะกำนันฝอยต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ให้ลูกหลาน”
“ทำใจดีๆไว้ก่อนงาม อาจเป็นอย่างที่คุณแม่ว่าก็ได้”
“แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นล่ะคะพี่กรณ์”
“อิฉันบอกแล้วว่าสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม อยากรู้นักว่ากำนันฝอยจะทำยังไง” ดาหวันบ่นพึมพำ สีหน้าฉายแววเยาะหยันกำนัน
เพลงลำกับไข่กาสงสารเจิดที่ไม่มีปัญญาไปสู่ขอทองน้ำงามจากแม่ พอบัวสายและบัวเผื่อนทราบเรื่องจึงนำขบวนกลองยาวไปเจรจากับเฉวียนขอให้เห็นแก่หนุ่มสาวที่รักกัน แต่เฉวียนไม่ยินยอมแถมยังด่าเจิดซ้ำอีกว่าเป็นแค่คนลำตัดต่ำต้อย ลูกสาวของตนมีไว้สำหรับคนรวยอย่างฝาจีบลูกกำนันฝอยเท่านั้น
ด้านกำนันฝอยที่โดนโพยมยงบีบบังคับให้แต่งงานจดทะเบียนสมรสก็เครียดจัดไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี เขาไม่ต้องการคนงกอย่างโพยมยง แต่อยากลงเอยกับโฉมตรูผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นผู้ดีมีสกุล ขณะที่ฝาจุกลูกสาวกำนันก็อยากแย่งปกรณ์พลมาจากงาม–ไฉไล สองพ่อลูกจึงตกอยู่ในภาวะชอกช้ำใจไม่ต่างกัน
ในวันที่โพยมยงหอบสัมภาระมาอยู่บ้านกำนันฝอย เป็นช่วงเวลาที่ฝาจีบกับสมุนกลับมากบดานอยู่ที่นี่ แต่สองฝ่ายไม่ได้เจอกันจะจะ เพียงแต่โพยมยงเห็นเงาดำในห้องกำนัน แล้วนึกว่าผีเมียกำนันหลอก หวาดกลัวถึงกับจับไข้หัวโกร๋น
ดาหวันไปตลาดได้ยินชาวบ้านลือกันเรื่องโพยมยงกลายเป็นเมียใหม่กำนันฝอยเสียแล้ว เมื่อคืนเธอโดนผีหลอกจนจับไข้ งามไฉไลเป็นห่วงแม่จึงไปหาพร้อมปกรณ์พล ขอร้องแม่ให้ล้มเลิกจับกำนันฝอยและเลิกคิดเรื่องตั้งคณะลำตัดเพื่อโค่นล้มพวกเพลงลำ
โพยมยงดึงดันแข็งขืนไม่ฟังใคร เชื่อมั่นในแผนการของตัวเอง ด้านฝาจีบกับสมุนที่ไม่รู้จะหนีไปกบดานที่ไหน อีกทั้งกำนันสงสารไม่อยากให้ลูกชายเร่ร่อน แต่พวกเขาต้องหลบมาอยู่ในเล้าหมูเพราะกลัวโพยมยงกับตำรวจมาเห็น หนักเข้าก็ทนไม่ได้ ฝาจุกจึงย้ายพวกเขาไปอยู่ในยุ้งข้าว ให้ทนร้อนทนคันกันหน่อย รับรองว่าเธอจะจัดการโพยมยงให้แจ้นกลับกรุงเทพฯเร็วๆนี้
เจิดกลุ้มใจที่ไม่สามารถลงเอยกับทองน้ำงามได้เพราะความจน เพลงลำเห็นใจจึงไปคุยกับอรรถเพื่อขอยืมเงินแปดแสนที่เฉวียนเรียกร้องเป็นสินสอดเพื่อนำมาล้างหนี้กำนันฝอย
อรรถยินดีไม่มีปัญหา แต่พอเพลงลำกลับมาบอกเจิด ชายหนุ่มกลับปฏิเสธความช่วยเหลือเพราะเกรงใจ แต่จะใช้วิธีตามหาฝาจีบให้พบแล้วจับส่งตำรวจ ทองน้ำงามจะได้หมดภาระต้องแต่งงานกับฝาจีบเพื่อล้างหนี้
“แล้วพี่คิดเหรอว่าจับไอ้ฝาจีบได้แล้วมันจะติดคุก กำนันฝอยต้องใช้เงินวิ่งเต้นเรื่องประกันตัว ยิ่งตอนนี้กำนันฝอยมีคุณนายโพยมยงเป็นคู่คิด มีหรือจะไม่ช่วยกันคิดเรื่องร้ายๆ”
“ใช่ ร้ายบวกร้ายบวกร้ายของนังฝาจุก เลยเท่ากับร้ายยกกำลังสาม”
“เฮ้อ! นี่เราจะทำอะไรไม่ได้เลยหรือ” เจิดทอดถอนใจอย่างหมดทาง
ooooooo
ในที่สุดแผนแรกของโพยมยงก็สำเร็จ เธอได้จด ทะเบียนสมรสกับกำนันฝอยเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมาย กำนันเสียใจถึงกับร่ำไห้ โดยที่ฝาจุกก็ช่วยอะไรพ่อไม่ได้
ความร้ายกาจของโพยมยงยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เธอฮึดสู้ผีในบ้านกำนันโดยไม่รู้ว่าเป็นพวกฝาจีบและฝาจุกที่คิดแผนขับไล่เธอกลับกรุงเทพฯด้วยการยุให้กำนันปลอมตัวเป็นผีเปรตให้เห็นจะจะ แต่โพยมยงก็ฟาดผีด้วยไม้หน้าสามจนแผนแตก กำนันหัวแตกเลือดอาบ ร้องโอดโอยเจ็บปวดต่อหน้ามือปราบผี เดือดร้อนฝาจุกต้องรีบทำแผลให้
“พ่อ! ทำเป็นร้องเป็นหมูถูกเชือดไปได้ เอ้า ฉันห้ามเลือดที่แผลแตกให้แล้ว ไม่น่าเล้ย”
“ก็เพราะใครล่ะ เพราะเอ็ง เอ็งเป็นคนวางแผนให้พ่อปลอมตัวเป็นเปรตไปขอส่วนบุญยัยคุณนายโพยมยง”
“แล้วไง เลยได้รับส่วนบุญที่ฉันจัดไปแบบเต็มๆ เต็มหน้าผากเลยใช่ไหม”
“แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเลยพ่อ คุณนายทำพ่อเลือดตกยางออก มีความผิด”
“ผิดยังไงยะ ตำรวจจับฉัน อย่างมากเขาก็หาว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทของคนในครอบครัว เจรจารอมชอมกันได้”
“แต่ผมจะไม่มีวันเจรจารอมชอมกับคุณนาย”
“แม้แต่เรื่องตั้งคณะลำตัดงั้นหรือ”
โพยมยงส่งเสียงเย้ยหยัน กำนันฝอยนิ่งงัน ฟังเธอพล่ามต่อไปอย่างสนใจ
“ฉันกับกำนันฝอยมีเป้าหมายเดียวกัน คือโค่นชื่อเสียงคณะลำตัดแม่บัวสายกับไอ้เพลงลำให้สิ้นซาก บางลำต้องมีลำตัดคณะใหม่ ฉันจะหาทางให้บริษัทห้างร้านที่ฉันถือหุ้นด้วยบีบบรรดาเคเบิ้ลทีวีให้จัดเวลาให้ลำตัด แล้วเอาคณะเราออกอากาศ ขี้คร้านจะดังระเบิด ลำตัดแม่โพยมยง”
“ลำตัดกำนันฝอย”
สองคนทุ่มเถียงกันจะตั้งชื่อคณะลำตัดเป็นชื่อตัวเอง ฝาจุกเลยลุกขึ้นเท้าเอวเชิดหน้าแว้ดขึ้นว่า
“ลำตัดแม่ฝาจุกต่างหากล่ะ”
เพลงลำกับไข่กาแอบฟังอยู่นานแล้ว ค่อยๆย่องกลับออกไปบ้านเล่าให้พวกบัวสายฟังอย่างเป็นกังวล
“พวกนั้นคิดจะตั้งคณะลำตัดตอนนี้เพราะเห็นว่ายายตาย แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่หน้างาน หาว่าพวกเราไม่มีงานแสดงลำตัด คุณนายโพยมยงพยายามจะโค่นแม่โค่นเพลงลำ ก็เลยหาเหตุจับกำนันฝอยเป็นสามี”
“เอาล่ะๆ พอเถอะไข่กา ใครจะตั้งคณะลำตัดเราก็ควรจะยินดี คนบางลำเล่นลำตัดได้ทุกคน ยิ่งมีคณะเกิดใหม่ ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของบางลำยิ่งดัง”
“แม่...ยายเคยทำชื่อเสียงไว้ ในฐานะแม่เพลงลำตัด ถ้าคนรุ่นลูกรุ่นหลานทำให้ลำตัดผิดเพี้ยนไปจะยิ่งอันตรายนะ” เจิดท้วง
“วันเวลาเปลี่ยนไป อะไรๆก็ต้องเปลี่ยน คนดูลำตัดเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขาต้องการอะไร”
“แต่เพลงลำได้ยินมาว่ากำนันฝอยกับคุณนายโพยมยงจะโค่นเรานะ”
“ลำตัดใครเล่นดี บางลำก็ดัง” น้ำเสียงและท่าทีของบัวสายเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น มองโลกในแง่ดี
ข่าวการตั้งคณะลำตัดของกำนันฝอยกับโพยมยงเลื่องลือออกไปถึงหูผู้คนในตลาด เพียงไม่นานดาหวันก็คาบข่าวมาบอกคนที่บ้าน งามไฉไลกับปกรณ์พลร้อนใจมากไม่อยากให้สองคนนั้นทำลายพวกเพลงลำ จึงเดินทางไปบ้านกำนันฝอยในวันนี้เลย
ฝาจุกแล่นถลามารับหน้าปกรณ์พลด้วยความดีใจ เชื้อเชิญชายหนุ่มขึ้นเรือน ถามเสียงหวานว่าทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ จะมานั่งมานอนหรือมาค้างคืนก็ยินดี
“ฉันมาหาคุณแม่” งามไฉไลพูดโพล่ง ฝาจุกหน้างอสะบัดเสียงตอบว่าคุณนายไม่อยู่ พออีกฝ่ายถามห้วนๆว่าไปไหน ฝาจุกตอบเสียงห้วนเช่นกันว่าอาบน้ำ
“ไปอาบน้ำ ไม่ได้อาบบนบ้านนี่หรือครับฝาจุก”
“อุ๊ย พอดีเครื่องสูบน้ำเสียน่ะค่ะคุณปกรณ์พล คุณนายโพยมยงเลยต้องเดินไปอาบที่...”
ฝาจุกตอบชักช้าไม่ทันใจ งามไฉไลเลยผลักกระเด็นออกจากปกรณ์พล แล้วถามเสียงแข็งว่าที่ไหน?
เวลานั้นกำนันฝอยเดินนำหน้าโพยมยงซึ่งสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าคลุมผม ถือตะกร้าเครื่องอาบน้ำหรูหราออกไปกลางท้องทุ่ง
“นี่น่ะหรือ ที่ที่จะให้ฉันมาอาบน้ำ”
“ที่นี่แหละคุณนาย เวลาเครื่องสูบน้ำเสียพวกผมก็มาอาบน้ำกันที่นี่”
“ปลักควาย?”
“ครับ ตอนที่ควายมันไถนาร้อนๆ มันลงมานอนแช่น้ำจนดินเป็นปลัก พอมันหายร้อนมันก็ขึ้นจากปลัก”
พูดแล้วกำนันฝอยส่งเสียงร้องเพลง ท่าทีเย้ยหยัน “กลิ่นโคลนสาบควายมันติดผิวกายเจ้ามา...มาอยู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าตั้งสามปีกว่าแล้วยังมีกลิ่น...ตุตุ”
โพยมยงโกรธจัดด่ากระจายก่อนผลักกำนันฝอยล้มคว่ำจมปลักควายอย่างสาแก่ใจ...ด้านปกรณ์พลกับงามไฉไลออกจากบ้านกำนันก็ตรงไปยังบ้านบัวสาย ชายหนุ่มต้องการคุยกับเพลงลำ งามไฉไลจึงเปิดโอกาสอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
ฝาจุกเดินไปเดินมาบนเรือนตัวเอง ส่งเสียงคำรามด้วยความแค้นใจงามไฉไลเป็นที่สุด
“ฮึ! คุณปกรณ์พลอุตส่าห์มาถึงที่นี่ พอไม่เจอคุณนายโพยมยงเลยกลับ เพราะยัยงามไฉไลคนเดียวเชียว”
ขาดคำ! ได้ยินเสียงกำนนฝอยกับโพยมยงส่งเสียงทะเลาะกันมาแต่ไกล ใบหน้ากำนันเปื้อนไปด้วยโคลนจากปลักควาย
“เพราะคุณนายต่างหากล่ะ เพราะคุณนาย หน้าผมถึงได้เป็นยังงี้”
“จะมาโทษฉันได้ยังไง ต้องโทษกำนันฝอยที่พาฉันไปอาบน้ำที่ปลักควาย คิดจะแกล้งฉันเพื่อบีบฉันให้อยู่ไม่ได้ใช่ไหม”
ฝาจุกโผล่หน้าออกไปเห็นสภาพพ่อก็ตกใจ อ้าปากจะถามแต่กำนันชิงพูดเสียก่อนว่า
“ไม่ต้องถามว่าพ่อไปทำอะไรมา หน้าถึงได้จ้ำลงไปในปลักควาย”
“นี่ฉันขอบอกนะ...ไม่ว่ากำนันกับแม่ฝาจุกจะใช้วิธีไหนบีบฉัน ฉันก็ไม่มีวันไปจากที่นี่ ที่สูบน้ำเสียพรุ่งนี้เรียกช่างมาซ่อม หรือไม่ก็ซื้อใหม่ ห้องนอนร้อนเหมือนเตาอบ พรุ่งนี้สั่งแอร์มาติด ผักหญ้าปลาหมูสั่งตู้เย็นมาแช่ วิธีการหมักเกลือตากแดดน่ะเขาเลิกกันไปตั้งนานแล้ว”
“พ่อ!!” ฝาจุกอุทานหน้าเหรอหรา
“ฉันจะตั้งคณะลำตัดเพื่อโค่นนังเพลงลำให้ได้ ฉันมีกลยุทธ์ที่จะทำให้คนฟังลำตัดลืมแม่บัวสาย ยายบัวผ่อง นังเพลงลำ” โพยมยงกล่าวขึงขังเอาจริง!
ooooooo
ปกรณ์พลมาแสดงความห่วงใยเพลงลำและชาวลำตัดที่กำลังจะมีคู่แข่งอย่างกำนันฝอยและโพยมยง ซึ่ง เจ้าเล่ห์ด้วยกันทั้งคู่
เพลงลำบอกเขาว่าพวกตนรู้เรื่องสองคนนั้นจะตั้งคณะลำตัดแล้ว และไม่ได้หนักใจอะไร แม่ของตนเห็นเป็นเรื่องดี บอกว่าลำตัดใครเล่นดีคนนั้นก็ดัง
แต่ปกรณ์พลกังวลใจเพราะการตั้งคณะลำตัดย่อมมีการประชันตามมาอย่างแน่นอน
เวลานั้นโพยมยงกำลังสาธยายเรื่องการประชันลำตัดให้กำนันฝอยกับฝาจุกฟังอยู่ที่บ้าน
“การประชันจะแข่งกันเป็นหนึ่งมันต้องมีการประชันเอาแพ้ เอาชนะ ผู้ชนะเท่านั้นที่เป็นหนึ่ง”
“เดี๋ยวๆคุณนาย ใครจะร่วมคณะกับคุณนาย” กำนันท้วงขึ้นมา ฝาจุกผสมโรงว่าใช่ พ่อตนยังไม่ได้บอก
สักหน่อยว่าจะล่มหัวจมท้ายด้วย เพราะถ้าพ่อจะตั้งคณะลำตัดก็มีปัญญาใช้เงินไปซื้อลำตัดดังๆมาร่วมคณะ
“กลยุทธ์แค่นั้นมันไม่พอที่จะโค่นแม่บัวสาย คณะลำตัดแม่บัวสายมีชื่อเสียงของยายบัวผ่องค้ำประกัน มีแม่บัวสายเป็นต้นเสียง นังเพลงลำเป็นนางเอก นายเจิดเป็นพระเอก แล้วยังมีเจ้าบัวเผื่อนเป็นตลก ทีมแน่นออกยังงั้นไม่ง่ายที่จะเอาชนะ”
กำนันฝอยฟังแล้วหงอยไปนิด แต่ฝาจุกทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนตอบโต้โดยไม่ยั้งคิดว่าพ่อตนเป็นต้นเสียง พี่ ฝาจีบเป็นพระเอก ส่วนตนเป็นนางเอก แค่นี้ทีมแน่นก็ปึ๊กเหมือนกัน
“นายฝาจีบ!” โพยมยงอุทานตาพองก๋า กำนันฝอยสะดุ้งบ่นพึมพำตำหนิฝาจุกว่าปากดีจนงานเข้า แล้วสองพ่อลูกก็อึกอักอ้ำอึ้งเมื่อโพยมยงไล่บี้ไหนว่าฝาจีบหนีคดี แต่เธอก็ทำใจดีไม่เซ้าซี้ ตัดบทอย่างมีแผนในใจว่า “เอา ยังงี้ เราอย่าเพิ่งวางตัวชาวคณะ ไปสืบความที่บ้านคนลำตัดก่อนว่าพวกมันกำลังเคลื่อนไหวอะไร”
กำนันฝอยส่งพวกฝาจีบไปสอดแนมแถวบ้านบัวสายแล้วเห็นงามไฉไลที่มารอปกรณ์พลอยู่ริมน้ำ เมื่อคุยธุระกับเพลงลำเสร็จปกรณ์พลกลับมาหางามไฉไล ก่อนทั้งคู่จะเห็นฝาจีบกับสมุนไวๆ เลยพากันกังวลว่าไปคนละอย่าง
ปกรณ์พลกังวลว่าฝาจีบจะทำให้เพลงลำเดือดร้อน ขณะที่งามไฉไลกลัวฝาจีบรื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านมาและตามรังควานจนเธออาจไม่ได้แต่งงานกับปกรณ์พล เธอคิดมากจนเก็บเอาไปฝันร้ายร้องเอะอะขึ้นกลางดึกแต่ไม่ยอมบอกรายละเอียดเมื่อปกรณ์พลกับโฉมตรูซักถามว่ากลัวอะไร
คืนเดียวกัน โพยมยงแอบสะกดรอยตามฝาจุกยกสำรับอาหารไปให้พวกฝาจีบที่ยุ้งข้าว จับได้คาหนังคาเขาจนกำนันฝอยปฏิเสธไม่ออก โพยมยงทำเหมือนไม่เอาเรื่องฝาจีบ ให้กำนันพาลูกชายไปมอบตัวแล้ววิ่งเต้นยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา เมื่อข่าวนี้แพร่สะบัดไปถึงหูเพลงลำ เธอห่วงความปลอดภัยของงามไฉไลที่อาจเดือดร้อนก่อนใครถ้าฝาจีบออกมาเดินเพ่นพ่านนอกคุกได้ตามอำเภอใจ
ฝาจีบดีใจมากที่ได้ประกันตัว ยกมือไหว้ประจบโพยมยงและเรียกเธอว่าแม่เต็มปากเต็มคำ แต่โพยมยงสั่งห้ามไม่ต้องไหว้ แถมบิดหูเขาอย่างแรงพร้อมส่งเสียงคำรามบีบคั้นถามว่าเอาเครื่องเพชรของตนไปซ่อนไว้ที่ไหน พาตนไปเดี๋ยวนี้แล้วตนจะไม่ถือโทษ
ฝาจีบจำนนต่อความจริง พ่อกับน้องถึงกับตะลึง ไม่คิดว่าพวกฝาจีบจะเป็นโจรปล้นโพยมยง นึกว่ามีแค่คดีลักพาตัวงามไฉไลเพียงอย่างเดียว
เมื่อฝาจีบยกขบวนพาโพยมยงไปยังกระท่อมแถวป่าละเมาะแห่งกบดานของตนที่โยนเครื่องประดับของโพยมยงทิ้งเอาไว้เพราะมันซื้อข้าวกินไม่ได้ ปรากฏว่าสิ่งของเหล่านั้นหายเกลี้ยง เพราะก่อนหน้านี้เจิดมาเจอโดยบังเอิญแล้วแอบเอาไปฝังดินแถวบ้านบัวเผื่อน
บัวเผื่อนเห็นพฤติกรรมแปลกๆของเจิดแต่ไม่กระโตกกระตาก ด้านงามไฉไลที่ฝันร้ายเมื่อคืน เช้าขึ้นเธอเป็นไข้นอนซม ดาหวันคาดเดาว่าเธอเพิ่งจะหายป่วยไข้คงกลับมาอีก คนเคยเป็นไข้มาลาเรียใช่จะหมดเชื้อง่ายๆ โฉมตรูนำยาลดไข้มาให้กิน ส่วนปกรณ์พลไปตามโพยมยงมาดูอาการลูกสาว
ทันทีที่มาถึงโพยมยงให้คนอื่นออกจากห้องและไม่ยอมให้งามไฉไลไปโรงพยาบาล เธอขออยู่กับลูกตามลำพัง
โพยมยงเปลี่ยนท่าทีเป็นดุดันแข็งกร้าวกับงามไฉไลหลังจากพวกปกรณ์พลออกจากห้องไป
“ลุกขึ้นมางามไฉไล เลิกทำตัวเป็นคนอ่อนแอเสียทีเถอะ ที่แม่ทำลงไปก็เพื่อลูกนะ แม่กำลังจะโค่นนังเพลงลำโดยใช้ไอ้ฝาจีบมันเป็นตัวช่วย นี่งามได้ยินแม่มั้ย”
“คุณแม่...”
“จับปกรณ์พลแต่งงาน แม่จะกันนังฝาจุกไว้ ส่วนไอ้ฝาจีบน่ะไม่ต้องห่วง แม่จะปั่นหัวมันให้มันจัดการนังเพลงลำ”
“งามไม่อยากทำเรื่องร้ายๆอีกแล้ว ถ้าพี่กรณ์ยังรักเพลงลำอยู่ งามก็ไม่อยากแต่งงานกับเขา”
“แกบ้าไปแล้วหรืองามไฉไล แม่ลงทุนทำมาถึงขนาดนี้แล้วจะเลิกกลางคันได้ยังไง แม่จดทะเบียนกับกำนันฝอยเพื่อวางแผนจะใช้กุชงค์ดึงนังฝาจุกออกไปจากปกรณ์พล ลูกจะมายอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้”
งามไฉไลทั้งไม่สบายทั้งเหนื่อยใจกับความคิดของแม่ ทำท่าจะขัดขืนแต่โพยมยงตัดบทให้ทำตามที่ตนสั่งเพราะเงินในกองมรดกของอรรถควรจะเป็นของปกรณ์พลคนเดียว เพลงลำไม่เกี่ยว
นอกจากจะบังคับลูกสาวแล้วโพยมยงยังเดินหน้ากลั่นแกล้งพวกเพลงลำโดยมีฝาจุกสนับสนุนวางแผน โทร.ไปจ้างลำตัดคณะบัวสายแสดงที่วัดร้างห่างไกลผู้คน โดยโอนเงินมัดจำครึ่งหนึ่งเข้าบัญชี เสร็จงานถึงจะจ่ายที่เหลือ
เมื่อคณะลำตัดบัวสายไปถึงวัดร้างไร้ผู้คน ทุกคนยินดีแสดงเพราะรับเงินมาแล้ว เสร็จสิ้นก็นอนพักผ่อนกันแถวนั้น จนกระทั่งเช้าเพลงลำตื่นก่อนใครเห็นใบไม้แห้งร่วงหล่นจากต้นลงตรงหน้า หยิบมาดูโดยไม่คิดอะไร แต่เห็นตัวเลขบนใบไม้จึงบอกชาวคณะ ปรากฏว่าทุกคนทุ่มเงินที่มีอยู่ไปซื้อหวยแล้วถูกได้เงินกันคนละเป็นแสน
ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น