หลังจากคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ ในที่สุดโฉมตรูก็ตัดสินใจไปพบดัสกร ดาหวันเข้ามาเห็นเธอแต่งตัวเตรียมเดินทางก็อดทักท้วงไม่ได้ว่าจะไปจริงหรือ?
“ฉันต้องพบเขา เรายังไม่มีโอกาสได้ลากันจริงๆ เขาจะได้ไปจากชีวิตของฉันเสียที”
“อิฉันก็ไม่รู้ว่าคุณทำผิดหรือทำถูก แต่ตอนที่ท่านผู้หญิงสิ้น ท่านเรียกไปสั่งนักหนา ขอให้อิฉันปกป้องคุณไว้ไม่ให้คุณพบเขาอีก”
“ฉันไม่มีทางเลือก นี่เป็นวิธีเดียวที่เราจะได้ลาจากกันจริงๆ”
“แล้วถ้าคุณดัสกรทวงถามเรื่องนั้น”
“ฉันไม่มีอะไรจะส่งคืนเขานอกจากคำลา”
โฉมตรูลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เก็บความเจ็บปวดขมขื่นไว้ในดวงตา “ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ถ้าคุณอรรถถาม
ก็ตอบไปตามความจริงว่าฉันออกไปพบเพื่อนเก่า”
“งั้นอิฉันจะไปเรียกคนขับรถให้นะคะ”
“ไม่ต้อง...ฉันจะขับรถเอง” โฉมตรูคว้ากระเป๋าออกจากห้องไป ดาหวันหวั่นใจเป็นกำลัง
เมื่ออรรถกลับจากทำงานแล้วรู้จากดาหวันว่าโฉมตรูออกไปข้างนอกแต่ไม่ได้ไปบางลำ เขาไม่พอใจบ่นอุบ
“คุณโฉมควรจะไปบางลำแทนที่จะไปที่อื่น คับขันแบบนี้ยังมีอารมณ์ทำธุระอื่นอีกหรือ ทำเหมือนเรื่องลูกไม่สำคัญ” บ่นเสร็จอรรถผลุนผลันจะออกไป ดาหวันวิ่งมาขวางไว้ ถามเขาว่าจะไปบางลำใช่ไหม
“ฉันจะไปขอร้องคนพวกนั้นให้ปล่อยตากรณ์ กลับบ้าน”
“คุณกรณ์ไม่กลับเพราะถูกจับตัวมัด หรือไม่กลับเพราะเขาไม่อยากจะกลับคะ”
อรรถมองหน้าดาหวันด้วยความโกรธก่อนผลุนผลันออกไป...ในเวลาเดียวกันที่บางลำ กุชงค์ดึงปกรณ์พลออกห่างจากกลุ่มบัวเผื่อนมาเตือนด้วยความร้อนใจ
“แกอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ ไม่มีใครต้อนรับแกเลย เขากลัวเรื่องเดือดร้อน นี่งามไฉไลคงจะมาอาละวาดแล้วล่ะสิ แกก็รู้นิสัยงามไฉไล ฉันไม่แปลกใจหรอกที่คนที่นี่เขาพากันกลัวเรื่องเดือดร้อนที่มาจากแก”
“ฉันรักเพลงลำ ฉันไม่หมั้นกับงามไฉไลแค่ผู้ใหญ่เห็นชอบ นี่ชีวิตของฉันนะ”
“รักงั้นหรือ”
“แกไม่เข้าใจหรอก ฉันตอบสนองคุณพ่อไม่ได้ ต้องกลายเป็นลูกอกตัญญูฉันก็ยอม เพลงลำไม่มีความผิด ฉันจะทิ้งเพลงลำไปได้ยังไง”
“นี่แก...แกมีอะไรกันหรือยัง”
“แกจะบ้ารึไง ฉันไม่ดูถูกเพลงลำยังงั้นหรอก ฉันให้เกียรติเพลงลำในฐานะผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย”
“โล่งอก ฉันจะไปรู้เหรอ เห็นแกมุ่งมั่นรักจริง ฉันก็นึกว่าผู้หญิงคนนั้นท้องขึ้นมาแล้วน่ะสิ แกถึงต้องรับผิดชอบ ทำไมแกไม่กลับไปคิดใหม่ ตอนนี้แกดันทุรังไปก็ไม่มีประโยชน์ แกอาจกลับไปต่อรองเรื่องหมั้นได้”
“คุณพ่อกำหนดวันหมั้นแล้ว”
“แปลก...ปกติคุณพ่อไม่เคยเป็นจอมเผด็จการเลยนี่ เรื่องนี้มันแปลกๆอยู่นะ”
ปกรณ์พลเห็นด้วยกับกุชงค์ว่าแปลก แต่ไม่รู้ว่าพ่อของตนมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำแบบนี้...แล้วยืนกรานว่ายังไงตนก็ไม่กลับกรุงเทพฯ จนกว่าจะได้แต่งงานกับเพลงลำ
ooooooo
ดัสกรกับโฉมตรูนัดพบกันในสวนสาธารณะ ทั้งสองคนนั่งนิ่งเงียบมองหน้ากันและกันด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ก่อนที่โฉมตรูจะเป็นฝ่ายเปิดฉาก
“คุณต้องการพบฉันเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันหนีคุณกลับเมืองไทยโดยไม่ได้ลาคุณเมื่อยี่สิบแปดปีก่อน มันก็ยังไม่สายที่ฉันจะกล่าวคำลาคุณ”
“ผมรู้ว่าเวลามันผ่านมานาน เราจะลาจากกันหรือไม่มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
“ถ้ายังงั้นคุณกลับมาทำไม”
ดัสกรก้มหน้าครู่หนึ่งก่อนเงยขึ้นด้วยน้ำตาคลอ
ดวงตา น้ำเสียงสั่นเครือ “ลูก...เขาเป็นลูกของผมใช่ไหม ปกรณ์พลเขาเป็นลูกของผมใช่ไหม”
โฉมตรูเงียบงัน แม้จะเตรียมใจกับเรื่องนี้มาบ้างแต่ก็สะดุ้งวาบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที
ขณะที่ภรรยาไปพบ “เพื่อนเก่า” อรรถออกเดินทางไปบางลำ เขาขับรถมาจอดหน้าบ้านบัวสายแล้วเจอไข่กาเข้าพอดี ไข่กาละล้าละลังเมื่ออรรถขอเข้าไปพบบัวสาย แต่สุดท้ายก็เปิดประตูให้เขาแล้ววิ่งมาบอกบัวสายที่อยู่กับเพลงลำว่า
“แม่...คุณคนนั้นมาอีกแล้ว คราวนี้มาดีเสียจนฉันไม่กล้าปล่อยให้เขายืนอยู่หน้าบ้าน เลยเปิดประตูให้เขาเข้ามาแล้วล่ะ”
“คุณพ่อคุณปกรณ์พล! ถ้าแม่ไม่อยากพบก็ไม่ต้องลงไป เพลงลำจะลงไปพบเขาเอง จะไปบอกเขาว่าเพลงลำกับคุณปกรณ์พลไม่มีอะไรกัน”
“ไม่ต้อง แม่จะลงไปพบคุณอรรถเอง” บัวสายเผลอเรียกชื่ออรรถออกมาแล้วก้าวลงจากเรือนไป ทิ้งความสงสัยไว้ให้เพลงลำ แต่ไข่กาไม่ทันเอะใจขยับก้าวเข้ามากระซิบเพลงลำด้วยท่าทีหวั่นๆ
“ท่าทางคุณพ่อคุณปกรณ์พลเงียบๆ ไม่เอะอะเกรี้ยวโกรธเหมือนทุกครั้งที่มา ฉันก็เลยไม่กล้าขัด เปิดประตูให้เขาเข้ามา เขาคงจะมาขอร้องให้ลูกชายกลับบ้านน่ะ”
“คุณปกรณ์พลไม่ยอมกลับก็ไม่รู้จะทำยังไง สงสารแม่ต้องมาเดือดร้อนทั้งที่งานประชันลำตัดใกล้เข้ามาทุกที ทำยังไงดีล่ะไข่กา”
“มีทางทำอะไรได้ล่ะ นี่ขนาดเพลงลำเก็บตัวเงียบอยู่แต่บนเรือนคุณปกรณ์พลยังไม่ละความพยายามเลย เพื่อนเขามาจากกรุงเทพฯ มารับเขากลับเขาก็ไม่ยอมไป เห็นทีเขาจะรักจริงเสียแล้วล่ะ”
“รักจริงงั้นหรือ” เพลงลำพึมพำสีหน้าหมองหม่น
ooooooo
โฉมตรูกับดัสกรยังเผชิญหน้ากันในสวนสาธารณะ ดัสกรไม่อ้อมค้อมว่าตนเป็นมะเร็งมีเวลาเหลืออยู่ไม่เกินหกเดือน ส่วนเรื่องของเธอยังติดค้างอยู่ในใจเขามาตลอดเวลายี่สิบกว่าปี
“จะมีประโยชน์อะไรอีก เรื่องมันผ่านมานานถึงยี่สิบแปดปี เราควรจะปล่อยให้มันเลยตามเลย” เธอแข็งใจพูดทั้งที่ยังมีเขาอยู่ในใจเสมอ
“ผมมาเพื่อลา...ผมอาจไม่มีโอกาสได้ลาคุณเป็นครั้งสุดท้าย ผมถึงอยากรู้ว่าเขาเป็นลูกของผมหรือลูกของคุณอรรถ มันอาจจะไม่มีประโยชน์ แต่มันเป็นคำตอบที่ปลดปล่อยผมได้”
“คุณอรรถเป็นคนดี ฉันแต่งงานกับเขาก็ใช้ชีวิตภรรยาอย่างมีความสุข ฉันมีหน้าที่ต้องทดแทนพระคุณของคุณอรรถตามคำสั่งของคุณแม่ก็จริง แต่สิ่งที่คุณอรรถมอบให้ก็ยิ่งใหญ่ในฐานะภรรยาของเขา คุณไม่มีอะไรต้องห่วง”
“คุณจะไม่ตอบคำถามของผมจริงๆหรือ”
“ฉันไม่มีอะไรต้องตอบคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะหาคำตอบด้วยตัวของผมเอง ขอบคุณที่คุณยังให้เกียรติมาพบผม” ดัสกรหมุนตัวกลับก่อนก้าวเดินห่างออกไป ทิ้งโฉมตรูยืนเดียวดายน้ำตาร่วงพรูด้วยความขมขื่นสะเทือนใจ
ooooooo
บัวสายลงมาพบอรรถด้วยท่าทีมึนตึง ต่างคนต่างซ่อนความเจ็บปวดขมขื่นไว้ภายในจิตใจ บัวสายเอ่ยอย่างหมางเมินว่า
“ถ้าจะมาตามลูกของคุณกลับคุณมาผิดที่แล้ว เพราะฉันไล่เขาไปจากที่นี่แล้ว”
“บัวสาย...คุณก็รู้ว่าผมไม่มีเจตนาอื่นนอกจากพาลูกกลับ ผมยอมให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ คุณกับผมก็รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร”
“แล้วยังไง”
“ผมไม่ได้ชอบใจเลยนะที่ต้องพรากกรณ์ไปจากผู้หญิงที่เขารัก แต่ผมไม่ต้องการทำผิดซ้ำสองอีก”
“อะไรเป็นความผิด มันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความมักง่ายของคนสองคน ฉันไม่เคยคิดด้วยซ้ำไปว่ามันเคยเกิดขึ้น ฉันลืมเรื่องนั้นไปหมดแล้วตั้งแต่ผู้ชายสารเลวคนนั้นหายหัวไป”
อรรถนิ่งไปอย่างรู้สึกผิด บัวสายไม่สนใจไล่เขาออกไปแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีกเพราะเขาทำให้เธอลำบากมามากพอแล้ว
“บัวสาย...เพลงลำเป็นลูกของผมใช่ไหม”
“คุณไปเสียเถอะ”
“เพราะเพลงลำเป็นลูกของผม เราถึงยอมให้พี่น้องแต่งงานกันไม่ได้ ที่ผมทำตัวเป็นไอ้บ้าอยู่นี่ ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าเป็นไอ้ผู้ชายสารเลวคนที่ทิ้งคุณไป”
บัวสายมองอรรถด้วยแววตาเย็นชา “ฉันลืมมันไปหมดแล้ว เราเป็นคนลำตัดที่มีวิถีชีวิตของเราเองถ้าพวกคุณไม่เข้ามาก่อความเดือดร้อน เอาตัวปกรณ์พลกลับไปแล้วอย่ากลับมาที่บางลำอีก จบเรื่องราวของคนรุ่นเรา กับจบเรื่องของคนรุ่นลูกไว้แค่นี้”
อรรถหน้าเสีย พูดไม่ออก...เพลงลำแอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ตื่นตะลึงกับความจริงที่ได้ยิน เช่นเดียวกับบัวผ่องที่อยู่อีกด้าน ยืนตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก!
“ความจริง” ทำให้เพลงลำเสียใจมาก รู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมให้เธอรักกับปกรณ์พล...ส่วนบัวผ่องไปไล่บี้เอากับบัวเผื่อนว่ารู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นพ่อเพลงลำแต่ไม่ยอมบอกตน
“แม่ฟังก่อน แม่จะให้ฉันพูดไปทำไมล่ะ พูดไปแล้วมีประโยชน์อะไร เพลงลำมันโตมาจนป่านนี้แล้วมันไม่ต้องการพ่อหรอก มันมีแม่มียายมีน้า แค่นี้มันก็โตได้แล้ว”
บัวผ่องน้ำตาไหลจนบัวเผื่อนตกใจถามว่าแม่ร้องไห้ทำไม “ข้าร้องเพราะว่าต่อไปนี้ข้าจะต้องเกลียดคุณปกรณ์พล”
เวลาเดียวกันนั้น ปกรณ์พลอยู่ในบ้านบัวเผื่อนกำลังย่องลงบันไดเพื่อจะไปหาเพลงลำ กุชงค์โผล่มาดักหน้าไม่ยอมให้ไป บังคับให้เขากลับกรุงเทพฯพร้อมตน เขาควรนึกถึงแม่ให้มากๆ
ได้ยินคำว่า “แม่” ปกรณ์พลเริ่มลังเล
ooooooo
ดาหวันกระวนกระวายรอคอยการกลับมาของโฉมตรูที่ออกไปพบดัสกรตามลำพัง พอเธอมาถึงดาหวันรีบรายงานว่าอรรถไม่อยู่ เธอออกไปได้สักครู่เขาก็บอกว่าจะไปบางลำ
“เขาคงจะไปเอาตัวลูกกลับบ้าน เขาก็ทำถูกแล้วล่ะในฐานะที่เขาเป็นพ่อ”
“คุณดัสกรสงสัยเรื่องนั้นหรือคะ”
“เขากำลังจะตาย เขาขอแค่ให้ฉันตอบคำถามของเขาเรื่องลูก”
“อย่าเชียวนะคะคุณโฉม ท่านผู้หญิงก็สิ้นไปพร้อมกับความลับ เรื่องคุณปกรณ์พลเป็นลูกใครเหลือเราสองคนที่มีหน้าที่ต้องเก็บให้มันเป็นความลับต่อไป อย่าให้เขารู้เด็ดขาด”
“ฉันเข้าใจ...ฉันจะพยายาม”
โฉมตรูเดินเข้าบ้านอย่างอ่อนแรง สาวใช้ปราดเข้ามาถามดาหวันด้วยความสงสัย
“คุณแม่บ้าน คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปน่ะท่าทางเหนื่อยเหมือนจะขาดใจ เรื่องคุณกรณ์กับคุณงามไฉไลใช่ไหม”
“เรื่องอะไรก็ไม่ต้องสนใจหรอก ไม่ใช่หน้าที่ หาอะไรขึ้นไปให้คุณโฉมข้างบนดีกว่า ฝึกๆรับคำสั่งไว้เผื่อคุณงามไฉไลจะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้”
“นี่คุณงามไฉไลจะแต่งงานกับคุณปกรณ์พลจริงหรือ” สาวใช้รำพึงอย่างกังวล
เวลานั้นงามไฉไลอยู่ที่บ้านกำลังสาละวนติดต่อกุชงค์อย่างหงุดหงิด บ่นกับแม่ว่ากุชงค์ปิดโทรศัพท์อีกแล้ว ตนเลยไม่รู้ว่าเขาไปบางลำแล้วพบปกรณ์พลหรือเปล่า
“ก็ให้เวลาเขาหน่อยสิลูก บางลำแค่นั้นเองเขาคงหาตัวปกรณ์พลไม่ยากหรอก เรื่องหมั้นยังไม่ได้ถูกยกเลิก ไม่ต้องไปร้อนใจ”
“ก็งามกลัวนังเพลงลำมันจะแย่งพี่กรณ์ไปนี่คะ ไม่ใช่มันคนเดียว แม่ของมันอีกล่ะ”
“แต่แม่ว่านังบัวสายน่ะมันไม่อยากได้ใคร่ดีปกรณ์พลไว้เป็นเขยสักเท่าไหร่หรอก มันออกอาการรังเกียจเขาจะตายไป”
“มันก็ทำไปยังงั้นเพื่อเพิ่มค่าตัวลูกสาว พวกเต้นกินรำกินพวกนี้มันรู้วิธีโก่งราคาเนื้อสด ถ้าพี่กรณ์ไม่กลับมากับคุณกุชงค์ งามจะไปอยู่ที่นั่น เดี๋ยวนี้ที่ไหนๆก็มีที่พักให้เช่าทุกแห่ง ไม่ยกเว้นแม้แต่บางลำ เพราะทุกที่เป็นที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ งามจะซื้อบ้านหลังใหญ่ที่สุดในบางลำแล้วไล่เจ้าของบ้านออกไปอยู่ที่อื่น”
“งามไฉไลของแม่จ๋า...เรื่องนั้นอย่าเพิ่งคิดไปเลยร้อนใจเปล่าๆ ถึงตอนนั้นแม่ก็ไม่ปล่อยให้หนูต่อสู้ตามลำพังหรอก”
“คุณแม่ขา...ขอบคุณค่ะคุณแม่ที่เข้าใจงาม”
“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งไปบางลำตอนนี้เลย ฟังแม่นะ แม่กำลังให้คนสืบประวัตินายกำนันฝอยอยู่ บางทีเราจะอาจใช้ประโยชน์จากความงกของกำนันฝอยกับลูกสาวได้”
“ลูกสาวกำนันฝอยหรือคะ” งามไฉไลนิ่วหน้า แปลกใจ
ooooooo
เพลงลำต้องการฟังความจริงจากปากแม่
แต่เมื่อเธอเข้ามาถามบัวสายกลับบอกให้เลิกยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียที
“เรื่องไม่เป็นเรื่อง? ทำไมแม่ไม่พูดความจริง แม่ทำเหมือนลืมไปแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพลงลำถึงได้เกิดมา แค่แม่พูดความจริง เพลงลำต้องการรู้ความจริงจากปากของแม่”
“นี่แอบฟังใช่ไหม”
“เพลงลำเป็นลูกของผู้ชายคนนั้นใช่ไหม ทำไมแม่ไม่ตอบ แค่แม่พูดความจริงมันยากสักแค่ไหนเชียว หรือแม่จะเก็บเป็นความลับไปจนตาย”
บัวสายถอนหายใจยาว กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นไม่มีความปวดร้าว
“เราจะมีชีวิตอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ เวลาที่ผ่านมาไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว แม่เลี้ยงลูกมาจนโต มีอะไรบ้างที่ขาดหายไปจากชีวิตของลูก แม่เลี้ยงให้อิ่ม ให้การศึกษาอย่างดีที่สุดเท่าที่แม่มีกำลัง ให้โอกาสที่จะสืบสานงานลำตัดที่เป็นเลือดเนื้อของชาวบางลำ ยังมีอะไรที่ขาดไป...ที่แม่ไม่ได้ให้แก่ลูก”
เพลงลำนิ่งอึ้งคิดถึงเรื่องในอดีตในวัยเด็กที่แม่เลี้ยงดูตนอย่างดี เป็นชีวิตที่มีแต่ความสุขตั้งแต่เล็กจนโต
“ลืมมันเสียเถอะ แม่ลืมมันไปนานแล้ว” บัวสายตัดบทเดินขึ้นเรือน เพลงลำน้ำตาคลอหันกลับมาพบไข่กายืนฟังอยู่ข้างหลัง ถามเสียงสั่นว่า
“จริงหรือที่ว่าเพลงลำเป็นลูกของคุณอรรถ งั้นก็เป็นพี่น้องกับคุณปกรณ์พลน่ะสิ มิน่าล่ะ ทั้งแม่ทั้งน้าบัวเผื่อนถึงไม่ยอมให้รักกัน น้าบัวเผื่อนต้องรู้ว่าพ่อของเพลงลำเป็นใคร”
ถามแล้วไข่กาดึงเพลงลำที่น้ำตาไหลนองหน้าเข้ามากอดด้วยความสงสารจับใจ...ด้านอรรถที่กลับไปด้วยความผิดหวัง ปรากฏว่าถึงบ้านดาหวันรายงานว่ากุชงค์เพิ่งโทร.มาบอกว่าพบปกรณ์พลแล้ว ไม่ต้องห่วงเพราะเขายังอยู่ด้วย
อรรถถอนใจอย่างโล่งอกแล้วเดินเข้าบ้านเงียบๆ ตอบคำถามของโฉมตรูเรื่องลูกว่า
“ผมไม่พบเขา แต่กุชงค์พบเขาแล้ว กุชงค์ก็คงจะรู้ว่าต้องทำยังไง”
“คุณคะ...เรื่องหมั้นนั่นฉันว่าควรจะชะลอไว้ก่อน”
“ผมทำไม่ได้ ตากรณ์ต้องหมั้นกับหนูงามไฉไลให้เร็วที่สุด ก่อนที่มันจะสายเกินไป คุณโฉม...ผมอาจไม่ใช่สามีที่ดีของคุณ แต่ผมจะทำหน้าที่ของพ่อต่อปกรณ์พลอย่างดีที่สุด”
“ฉันก็ไม่ใช่ภรรยาที่ดีหรอกค่ะ แต่ก็หวังว่าจะเป็นแม่ที่พอใช้ได้สำหรับลูก ถ้าคุณยังยืนยันเรื่องการหมั้นฉันก็จะไม่ขอร้องอีกแล้ว ฉันคิดว่าคุณต้องมีเหตุผลของคุณ และฉันก็จะเก็บเหตุผลของฉันไว้เหมือนอย่างที่คุณเก็บ”
โฉมตรูกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วเลี่ยงออกไป อรรถมองตามด้วยความแปลกใจ
ooooooo
ปกรณ์พลหลบหลีกสายตากุชงค์มาพบเพลงลำที่ท่าน้ำบ้านของเธอจนได้...
ด้วยความรักที่มีให้เธอเพียงคนเดียวชายหนุ่มจึงชวนเธอหนีไปด้วยกัน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่เพลงลำรู้แน่แก่ใจว่าเพราะอะไรเธอและเขาถึงรักกันไม่ได้ จึงตอบปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยว่าเธอไม่ได้รักเขา คนที่เธอรักคือพี่เจิด
ปกรณ์พลหอบความผิดหวังกลับกรุงเทพฯพร้อมกุชงค์แล้วตัดสินใจบอกอรรถว่าตนจะหมั้นกับงามไฉไลตามที่พ่อต้องการ แต่เวลานั้นงามไฉไลใจร้อนชวนโพยมยง ไปตามปกรณ์พลที่บางลำโดยไม่รู้ว่าสวนทางกับเขาเสียแล้ว
สองแม่ลูกไปถึงบางลำก็วางอำนาจบาตรใหญ่ใส่คนที่บ้านลำตัดอีกตามเคย ทั้งข่มขู่เคี่ยวเข็ญจะเข้าไปในบ้านเพื่อค้นหาปกรณ์พลให้ได้ แต่ไข่กาไม่ยอมเปิดประตูรับ งามไฉไลโกรธถึงกับขับรถพุ่งชนประตูรั้วพังพินาศ ส่วนรถก็เยินเพราะพุ่งทะยานไปในคูน้ำ กว่าสองแม่ลูกจะออกมาได้ก็ทุลักทุเลน่าดู
ไข่กาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอรีบไปตามบัวสายกับเพลงลำที่ประชุมเรื่องงานประจำปีอยู่ที่ลานวัด ฝาจุกได้ยินจึงตามพวกไข่กามาฉะสองแม่ลูกที่อยากได้ตัวปกรณ์พล แต่พอทุกคนรู้ว่าเขากลับกรุงเทพฯไปแล้วก็แยกย้ายไปด้วยความเจ็บใจ
ooooooo
กำนันฝอยเดินหน้าไปเจรจาสู่ขอทองน้ำงามให้ฝาจีบ แม่ของเธอยินดีไม่มีปัญหาอยู่แล้วการเจรจาจึงจบลงอย่างง่ายดาย
“เอาเป็นว่าแกตกปากรับคำแล้วนะว่าจะให้ครูทองน้ำงามแต่งงานกับพ่อฝาจีบลูกชายของข้าเพื่อเป็นการล้างหนี้ โชคดีมากนะยายเฉวียนที่มีที่นา...เอ๊ย...ลูกสาว เป็นครู เอามาหักกลบลบหนี้ได้”
“จ้ะพ่อกำนัน แล้วค่าสินสอดทองหมั้นไอ้ที่เรียกว่า ค่าน้ำนม...”
“ไม่ต้อง” ฝาจุกขัดขึ้นเสียงแหลม “สินสอดทองหมั้นไม่ต้อง เพราะเงินที่ป้าเหวียนกู้ไปในบ่อนไพ่ดอกท่วมต้น ต้นท่วมดอกอยู่แล้ว”
“ใช่ อีกหน่อยพ่อฝาจีบได้เป็นกำนัน ครูทองน้ำงาม ก็ได้เป็นเมียกำนันอีกตำแหน่ง จะเอาอะไรอีก”
“ค่าเลี้ยงพระเลี้ยงคนพ่อก็เป็นคนออก...พูดกันเข้าใจแล้วก็กลับกันเถอะพ่อ”
ฝาจุกรวบรัดแล้วเดินนำพ่อกลับบ้าน ส่วนเฉวียน รีบไปหว่านล้อมลูกสาวถึงโรงเรียน แต่ทองน้ำงามยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่ได้รักฝาจีบ เฉวียนเลยต้องบีบน้ำตาขอร้องก่อนจะจบลงด้วยการฟูมฟายว่าถ้าลูกไม่ยอมแต่งงานกับฝาจีบ กำนันฝอยต้องยึดที่นาของเราแน่
ฝาจีบไม่ได้รักใคร่ทองน้ำงามแต่ดูเหมือนจะปฏิเสธความต้องการของพ่อไม่ได้ กำนันฝอยหวังผลการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านซึ่งส่งฝาจีบลงสมัคร และอนาคตก็วาดหวังว่าลูกชายต้องได้เป็นกำนันแทนตน ส่วนเรื่องการประชันลำตัดกับคณะบัวสายในงานประจำปีที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ กำนันก็ต้องการรางวัลจะได้เด่นดัง ฝาจีบจึงไปว่าจ้างคณะลำตัดจากสิงห์บุรีมาอยู่ในทีมแล้ววางแผนขั้นต่อไปเพื่อชัยชนะ ซึ่งต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก
ooooooo
ตั้งแต่กลับจากบางลำปกรณ์พลเก็บตัวไม่ค่อยพูดจากับใคร โฉมตรูเข้าใจความรู้สึกลูกชายจึงพยายามหาโอกาสพูดคุยกับเขาตามลำพัง
“กรณ์ตัดสินใจแล้วหรือเรื่องหมั้นกับหนูงามไฉไล”
“ครับ”
“อย่าพูดกับแม่ด้วยคำคำเดียว ลูกของแม่ไม่ใช่ เครื่องจักรเครื่องยนต์ที่จะหันซ้ายหันขวาตามคำสั่งของใคร”
“ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าเป็นความต้องการของคุณพ่อ ผมทำไม่ถูกหรือครับ”
“แล้วเพลงลำล่ะ”
“เพลงลำก็จะแต่งงานหลังจากที่ผมหมั้น เราคงจะลืมกันได้ไม่ยากหรอกครับ”
“เพลงลำน่ะหรือจะแต่งงาน”
“กับผู้ชายที่มีความเหมาะสมกับเพลงลำ แล้วก็เป็นคนดี เป็นคนที่จะดูแลเพลงลำได้”
“เพราะเรื่องการหมั้นของลูกใช่ไหม”
“เพราะเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรครับคุณแม่ ขอตัวก่อนนะครับ ผมจะไปพักผ่อน”
ปกรณ์พลเดินหงอยๆจากไป โฉมตรูมองตามสีหน้าหนักใจ แล้วเช้าวันถัดมาเธอกับอรรถก็เดินทางไปบ้านโพยมยง พูดคุยเรื่องการเตรียมงานหมั้นกันอีกครั้ง...
ด้านเพลงลำที่พยายามตัดใจจากปกรณ์พล เธอมุ่งมั่นซ้อมลำตัดกับชาวคณะเพื่อให้ลืมความทุกข์ในใจ เจิดจับสังเกตท่าทีของเธอได้ คืนหนึ่งหลังจากเสร็จการซ้อมแล้วเขาจึงเข้าไปคุยกับเธอตามลำพัง เกริ่นเรื่องซ้อมลำตัดก่อนว่าเธอทำได้ดี แต่ยังไม่ดีที่สุดสำหรับบัวสาย
“นี่แหละฉันถึงต้องฝึกหนัก”
“ลูกไม้น่ะหล่นไม่ไกลต้นหรอก น้ำเสียงของเพลงลำ จะมีพลังมากกว่านี้ถ้ารู้จักวิธีบริหารปอดด้วยการออกกำลังกายช่วย พี่เข้ามาฝึกกับแม่ครั้งแรกแม่ก็ตีเสียจนไหล่เกือบหลุด ท่วงท่าอิริยาบถผู้หญิงลำตัดของเพลงลำออกจะห้าวอยู่สักหน่อย...เหมือนแม่ไม่มีผิด”
“พี่เจิด หลังงานประชันลำตัดแล้วพี่เจิดแต่งงานกับเพลงลำได้ไหม”
“เพลงลำ...รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“ฉันพูดความจริง ฉันรู้ว่าพี่เจิดคิดยังไงกับฉัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เจิดเป็นคนที่ใส่ใจดูแลทั้งแม่ทั้ง
เพลงลำทั้งยาย แม่กับยายหวังจะฝากผีฝากไข้ ฝากลำตัดไว้กับพี่เจิด เราจะช่วยกันสานต่องานของแม่”
“เพลงลำลืมไปเสียแล้วหรือว่าเพลงลำไม่ได้พูดถึงความรัก”
“พอแต่งงานกันแล้วอยู่ร่วมกันไปเราคงจะรักกันได้”
“เรื่องของความรักมันไม่เคยง่าย เหตุผลที่เพลงลำ ต้องการแต่งงานเพื่อจะหนีคุณปกรณ์พลใช่ไหม แล้วคิดหรือว่าแต่งงานกับพี่ไปแล้วเพลงลำจะลืมเขาได้”
“ต้องลืมได้สิ จะจดจำเขาไว้ทำไม”
“อย่ารีบตัดสินใจ ให้เวลาตัวเองบ้าง พี่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน ถึงเวลานั้นพี่รู้ว่าเพลงลำต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อแม่...ไปนอนเถอะเพลงลำ”
เพลงลำมองหน้าเจิด ฝืนยิ้มก่อนเดินเข้าเรือนไป
ooooooo
เข้ามาอยู่ในห้องนอนได้ไม่นาน เพลงลำได้ยินเสียงไอของบัวสาย เธอออกจากห้องเดินตรงไปห้องแม่ ถามแม่ว่าเป็นอะไร
“อากาศคงจะเย็น ปีนี้หนาวคงจะมาเร็ว อากาศเย็นนี่ต้องห่มผ้าหนาๆนะ”
“แม่ไม่สบายหรือเปล่า”
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมแม่ยังไม่นอนอีกล่ะ เพลงลำจะออกไปเอาน้ำอุ่นมาให้แม่นะ”
“แม่คงนอนไม่หลับ มานั่งใกล้ๆแม่นี่เพลงลำ”
“จ้ะแม่”
“เพลงลำ...แม่ทำให้ลูกไม่มีความสุขไม่ใช่แม่ไม่เสียใจนะ แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่เราจะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ เรื่องมันเกิดขึ้นนานมาแล้ว แม่ผิดเองที่โง่เชื่อคำคนถึงได้หอบท้องกลับมาสู้หน้าคนบางลำ”
เพลงลำขยับเข้ามากอดเอวบัวสายไว้ แนบหน้าลงกับตักแม่อย่างพยายามทำใจรับความจริง
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย แม่เลี้ยงเพลงลำอย่างดี ที่สุด ต่อไปนี้เพลงลำจะทำทุกอย่างเพื่อแม่”
“ไม่ได้โกรธหรือที่แม่...”
“แม่เคยทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเพลงลำมาแล้วทำไมเพลงลำจะทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อแม่บ้างไม่ได้ ถ้าเพลงลำ เป็นลูกของผู้ชายคนนั้น เพลงลำก็ไม่มีอะไรต้องดื้อกับแม่อีกแล้ว เพลงลำเข้าใจแม่จ้ะ เพลงลำจะตัดใจจากคุณปกรณ์พลให้ได้”
บัวสายฟังแล้วสะเทือนใจ ค่อยๆวางมือสั่นสะท้านลงบนเส้นผมของลูกสาวด้วยความสงสาร...
คืนเดียวกัน โฉมตรูในฐานะแม่ที่รักและเป็นห่วงลูกชายก็ยังพยายามคุยกับปกรณ์พลเรื่องหมั้นอีกครั้ง เพราะเธอทราบดีว่าเขาไม่ได้รักงามไฉไล
“ยังมีเวลานะลูก ทบทวนตัวเองนะกรณ์ เรื่องที่ลูกรับปากคุณพ่อเรื่องหมั้นกับงามไฉไล ล้มเลิกตอนนี้ ยังทัน ดีกว่าปล่อยให้มันผ่านไป”
“ผมรับปากคุณพ่อแล้วว่าจะทำตามความต้องการของคุณพ่อ ไม่มีอะไรต้องล้มเลิก”
“กรณ์...นี่ลูกตัดใจจากเพลงลำได้แล้วจริงหรือ”
“ต้องได้ครับ...ผมต้องตัดใจจากเพลงลำให้ได้” ชายหนุ่มลั่นวาจา ทั้งที่แววตาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดรวดร้าว...
ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น