วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 7


ครองขวัญควงกานต์เข้าไปในห้องนั่งเล่น ป้อนขนมให้อย่างไม่เกรงใจสายตาของดาหวันที่นั่งอยู่ด้วย นทีเองก็มองน้องสาวยิ้มๆ สบายๆ

กานต์พยายามบ่ายเบี่ยงบอกว่าตนกินเองได้

มือตนยังใช้ได้อยู่ ครองขวัญทำเป็นถามว่าทำไมหรือ ปกติตนก็ป้อนเขาอย่างนี้มาตลอด วันคริสต์มาสเพื่อนๆ ยังแกล้งให้เราใช้ปากส่งขนมกัน แล้วทำเป็นถามดาหวันว่าเธอคงไม่ถือนะ ดาหวันได้แต่ยิ้มรับอย่างเสียไม่ได้

“แต่ผมถือนะ ผมเป็นคนแต่งงานแล้วนะขวัญ ให้ภรรยาผมป้อนดีกว่ามั้ง”

“มือฉันเปื้อนค่ะ ไม่สะดวก” ดาหวันปฏิเสธหน้าตึง บรรยากาศเริ่มเครียด นทีเลยแทรกขึ้นว่า

“ยายขวัญก็ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย ขอโทษแทนน้องด้วย คือเราสองคนตั้งใจว่าจะแวะมาเยี่ยมคุณกานต์กับคุณดา ยายขวัญเขาตั้งใจมาแสดงความยินดีย้อนหลังกับทั้งสองคน”

“ใช่ค่ะ ขวัญเสียใจมากที่ไม่ได้ไปงานวันนั้น...” พูดแล้วมองหน้ากานต์อย่างมีความหมาย ดาหวันเองก็จับสังเกตอยู่เห็นกานต์ยิ้มเรียบๆ “แต่...แค่นั้นขวัญก็พอใจแล้วล่ะค่ะ กับสิ่งที่กานต์ให้...ขวัญมา”

“เราเพื่อนกัน ผมกับดาไม่ซีเรียสหรอกนะดาร์ลิ่ง” กานต์รีบแทรกจับมือปะเหลาะเกรงดาหวันจะเข้าใจผิด เธอฉีกยิ้มให้ ดึงมือออกแต่กานต์ไม่ยอมปล่อย ครองขวัญกับนทีมองอยู่ต่างยิ้มในทีกับบรรยากาศที่ปั่นได้สำเร็จ

นทีรับแผนต่อ บอกดาหวันว่าตนมีหนังสือมาฝาก ดาหวันรับไปเปิดดูเป็นหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เธอทำเป็นตื่นเต้นดีใจ แต่ในถุงยังมีซีดีเพลงบรรเลงเสียงน้ำไหล นกร้อง ดาหวันมองนทีเชิงถาม เขาชี้แจงว่า

“คือผมคิดว่า เราทำธุรกิจ บางทีทำงานเยอะก็เครียดเหมือนกัน ผมคลายเครียดด้วยการฟังพวกนี้มันก็ได้ผลดีทีเดียว ผมก็เลยเอามาฝากคุณดาอีกอย่าง”

ดาหวันแสดงความตื่นเต้นอยากฟัง หันไปทำเสียงหวานแต่ตาขวางบอกกานต์ให้เทคแคร์ครองขวัญไปก่อนท่าทางเพื่อนสองคนคงมีเรื่องคุยกันเยอะ เดี๋ยวตนมา แล้วหันชวนนทีไปฟังเพลงกัน นทีลุกทันที กานต์ไม่ไว้ใจเลยชวนครองขวัญไปฟังด้วยกัน

ครองขวัญแกล้งเทน้ำส้มที่กำลังกินใส่ตัว เรียกกานต์ให้ช่วย กานต์เลยต้องหันกลับมาเอาทิชชูช่วยซับให้

ooooooo

นทีฉวยโอกาสที่อยู่กับดาหวันตามลำพัง ทำเป็นเกรงใจถามว่าครองขวัญคงไม่ทำให้เธออึดอัด ดาหวันบอกว่าเข้าใจเพราะครองขวัญสนิทกับกานต์มาก่อน

“ครับ...ผมก็เตือนน้องเสมอว่าตอนนี้คุณกานต์สถานะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จริงๆขวัญก็กำลังทำใจอยู่นะครับ แต่อย่างว่า คุณกานต์ดีกับยายขวัญขนาดนี้ วันแต่งงานตัวเองแท้ๆ ยังอุตส่าห์ไปดูแลขวัญแทนผม จนเกือบมางานไม่ทัน นี่คุณกานต์คงเล่าเรื่องนี้ให้คุณดาฟังแล้วใช่ไหมครับ”

ดาหวันฝืนยิ้มบอกว่าก็พอทราบบ้าง นทีเขย่าซ้ำว่าตนไม่อยากให้เธอคิดมากเพราะเขาสองคนผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันเยอะ เลยดูสนิทกว่าเพื่อนธรรมดาไปหน่อย

“มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน...ใช่ไหมคะ” ดาหวัน ถามเหน็บ

นทียังทำเป็นปรึกษาเรื่องโปรเจกต์ ยอดาหวันว่าเธอทั้งสวยทั้งเก่งโอกาสหน้าจะเอารายละเอียดมาเสนอ

กานต์ละล้าละลังกังวลเรื่องดาหวันแต่ก็ถูกครองขวัญอ้อนให้ช่วย เขาจึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กพาเธอไปห้องน้ำพูดตัดบทว่า “คุณจัดการเองได้นะ” ครองขวัญหันมาประชิดทั้งอ้อนและยั่วยวนว่าตนอยากให้เขาช่วยมากกว่า แต่ถูกกานต์ดันเธอเข้าห้องน้ำแล้วผละไปเลย

ครองขวัญไม่ยอมแพ้ โยนผ้าขนหนูทิ้ง ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนโชว์เนินอก แล้วร้องเรียกกานต์ขอผ้าขนหนูอีกผืน ครู่เดียวก็มีเสียงเคาะประตู เธอดึงคอเสื้อต่ำลงเปิดประตูพร้อมกับดึงมือที่ยื่นผ้าขนหนูเข้าไปจนเกือบกอดกัน แต่กลายเป็นสม! ทั้งสองต่างร้องตกใจ สมรีบขอโทษบอกว่ากานต์ให้ตนเอาผ้าขนหนูมาให้

“ไม่ต้องพูดแล้ว ออกไป!” ครองขวัญไล่อย่างหัวเสีย

ooooooo

ฝ่ายนทีก็ยังเป่าหูดาหวันตลอดเวลา ทำเป็นปรารถนาดีว่าตนจะไม่ให้น้องสาวทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับกานต์เด็ดขาด ดาหวันเองก็ทำทีสนใจเพลงชมว่าสบายใจดีจัง ตนไม่เคยฟังพวกเสียงธรรมชาติแบบนี้มาก่อนเลย

“ใช่ครับ สบายๆ แต่ถ้าจะให้ดีนะครับ เอ่อ...ขอโทษนะครับ” นทีจับมือดาหวันอย่างสุภาพประคองไปนั่งพิงเก้าอี้สบายๆ แล้วตัวเองก็นั่งฝั่งตรงข้าม ทำทีแนะนำวิธีฟังเพลงโน้มตัวเข้าไปจัดท่าให้ บอกให้หลับตาและปล่อยใจไปกับมัน

กานต์มาเห็นพอดี ถามประชดเสียงดัง “ดูท่าทางเพลงจะเพราะมากเลยนะ ดาร์ลิ่ง” นทีจึงค่อยๆดึงตัวออกมา กานต์เข้าไปส่งมือให้ดาหวันช่วยดึงตัวเธอขึ้นมา เธอตอบคำประชดของเขาว่า “ก็เสียงธรรมชาติ...ฟังเพลินดี”

ครองขวัญเดินอ้าวเข้ามาพลางติดกระดุมเสื้อเม็ดบนที่ถอดอ่อยกานต์เมื่อครู่นี้ ทักว่ามาอยู่กันที่นี่เอง นทีเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดีจึงชวนครองขวัญกลับ เธออิดออดว่ายังคุยกับกานต์ไม่จุใจเลย

“ไม่เอาน่า ไหนสัญญากับพี่ก่อนมาว่าจะไม่งอแงไง ไว้วันหลังค่อยแวะมาใหม่ก็ได้ เพราะพี่ก็คุยค้างเรื่องโปรเจกต์กับคุณดาอยู่เหมือนกัน” แล้วหันไปทางดาหวัน “นะครับคุณดา เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะลงรายละเอียดให้มากกว่านี้” นทียังอ่อยว่าซีดีแบบนี้ที่บ้านยังมีเยอะ ถ้าเธอสนใจเดี๋ยวจะเอามาให้อีก

พอสองพี่น้องออกไป บรรยากาศในห้องก็คุกรุ่นทันที ดาหวันเดินหนีออกไปร้องเรียกสม เจอสมยังยืนเคลิ้ม อยู่ ถามว่าเป็นอะไร สมบอกว่าเจ้านายให้เอาผ้าขนหนูไปให้ครองขวัญในห้องน้ำ ดาหวันถามว่าแล้วทำไม ครองขวัญถึงไปอยู่ในห้องน้ำ

“อันนี้ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าพอยื่นเอาไปให้ คุณขวัญก็...อึ๋ย...มันขาวมาก...”

ดาหวันเริ่มระแวงกานต์ ยิ่งคิดถึงเมื่อครู่ที่ครองขวัญเดินติดกระดุมเสื้อเข้าไปก็ยิ่งมั่นใจ พอดีกานต์เดินมาปรามสมว่าพูดมาก ไล่ให้ไปได้แล้ว

“ถ้าไม่อยากให้ลูกน้องเอามาพูด ก็อย่าทำอะไรให้มันประเจิดประเจ้อนักสิ” พูดใส่หน้าแล้วเดินออกไปเลย กานต์มองตามงงๆ ว่าเธอหมายความว่าอะไร?

ครั้นตามไปเซ้าซี้ถามว่าเธอหึงตนหรือ ชี้แจงว่าตนกับครองขวัญไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ดาหวันบอกว่านั่นมันเรื่องของเขา กานต์เลยโมเมจะทำหน้าที่สามีให้สมบูรณ์ ดาหวัดปัดป้องพัลวัน ขณะกำลังนัวเนียกันนั่นเอง ประจวบก็เข้ามาเรียกกานต์แล้วต้องชะงัก ดาหวันฉวยโอกาสนั้นเตะเข้าหว่างขากานต์แล้วขอตัวออกไป กานต์บ่นพ่อว่า “เข้ามาทำไมตอนนี้...”

“จะไปรู้เหรอวะ นี่มันห้องนั่งเล่นนะโว้ย เจ้ากานต์เอ๋ย...ทำไมมันรุนแรงกันนักนะ”

ooooooo

เมื่อนทีกับครองขวัญออกไปนั่งคุยกันที่ร้านอาหาร สองพี่น้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน ครองขวัญมุ่งมั่นที่จะเอากานต์คืนมาให้ได้ นทีเสนอว่าเราร่วมมือกันอย่างนี้ถูกต้องแล้ว คิดว่าเธอคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกรุจิกา ปรารภว่า

“รุมีแต่ชื่อเสียงนิดหน่อยในวงสังคมเท่านั้น ซึ่งก็มาจากครอบครัวดาหวันทั้งนั้น พูดง่ายๆ คบกับรุไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย พี่มองไม่เห็นเลยว่ารุจะสามารถสนับสนุนเราได้ทั้งทางสังคมแล้วก็ธุรกิจ แต่สำหรับดาหวัน...” นทีส่ายหน้าให้กับตัวเอง บ่น “นี่พี่มองข้ามดาหวันไปได้ยังไง ผู้หญิงที่สวยแล้วก็มีเงินทุนให้เราพร้อมขนาดนี้” นทียิ้มอย่างหมายมาด

ขณะที่ดาหวันกับกานต์กำลังจะเข้านอนโดยมีหมอนและหมอนข้างกั้นกลางตามสัญญา มือถือของทั้งสองก็มีสัญญาณไลน์เข้า ต่างลุกไปหยิบ แต่หยิบสลับกัน เครื่องของกานต์ได้รับข้อความจากครองขวัญว่า “ฝันดีนะคะกานต์” ส่วนเครื่องของดาหวันได้รับข้อความจากนทีว่า “คงได้ฟังเพลงกันอีกนะครับ”

เลยมีประเด็นให้เหน็บแนมกัน กานต์บ่นว่า “ส่งมาถามเมียชาวบ้านแบบนี้มีมารยาทกันหน่อยไหม”

“มารยาทเรื่องอะไร แค่ทักทายธรรมดา แล้วคุณล่ะ มีภรรยาแล้วแต่สาวส่งข้อความกู๊ดไนท์มันต่างกันตรงไหน”

กานต์ฉวยโอกาสนี้ถามว่ายอมรับแล้วใช่ไหมว่าเป็นภรรยาตน ดาหวันสวนทันควันว่าแค่ตามกฎหมาย กานต์โมเมจะทำหน้าที่สามีให้สมบูรณ์แบบ ดาหวันขู่ว่า

ที่โดนมาเมื่อกี๊นี้ยังไม่เข็ดหรือ กานต์รีบยกมือกุมเป้าอย่างหวาดเสียว ลองเรียก “ดาร์ลิ่ง...” พอดาหวันบอกว่าหลับแล้วก็ถอดใจเสียงอ่อยว่า... “โอเค...หลับแล้ว งั้นก็...ฝันถึงผมบ้างนะ”

ooooooo

รุ่งขึ้น กานต์บอกว่าจะไปส่งเธอก่อนค่อยไปประชุม ดาหวันบอกว่าตนไปเองได้เกรงเดี๋ยวเขาจะสาย พอดีโทรศัพท์ดาหวันมีไลน์เข้า เธอหยิบดูแล้วหย่อนใส่กระเป๋า กานต์ที่เหล่ๆมองอยู่ ถามว่าไม่ดูก่อนหรือ เธอปดว่าเจนจิราโทร.มา

กานต์ให้สมไปส่งดาหวันแล้วตัวเองก็ขับรถออกไป แต่พอสมเอารถมาดาหวันก็รีบขึ้นรถขับออกไปเลย

พอกานต์ไปถึงห้องทำงานดูเอกสารเตรียมประชุม เพียงนภาก็โทร.เข้ามาฟ้องว่าตนนัดพบกับอติเทพแต่เขาผิดนัดคงไปหาดาหวันแน่ๆเลย กานต์ติงว่าเธอเข้าใจผิดมากกว่าเพราะว่าดาหวันไปทำงานแล้ว

“ไม่...ไม่ผิด เทพแอบกลับไปคบกับยายดาอีก เขายังไม่ยอมแพ้หรอกนะไม่งั้นในงานแต่งงานเขาจะกล้าเข้าไปเหรอ ถึงคุณจะแต่งงานกับยายดาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าสองคนจะกลับไปคบกันไม่ได้นี่”

“นภา...ผมต้องเข้าประชุมแล้ว ขอโทษจริงๆ” กานต์ตัดบทแล้วตัดสายเลย

ครู่ใหญ่สมก็โทร.มาบอกว่าดาหวันขับรถไปเองแล้ว กานต์บอกว่าไม่เป็นไรเธอคงอยากขับรถไปเองและป่านนี้คงถึงออฟฟิศเรียบร้อยแล้ว แต่พอวางสายจากสม กานต์ก็ฉุกคิดถึงเมื่อเช้าที่โทรศัพท์ดาหวันมีไลน์เข้าแต่เธอไม่เปิดอ่าน ดูมีพิรุธ

กานต์จึงกดโทรศัพท์เข้าแอพ find friend แล้วพิมพ์ชื่อดาหวัน หน้าจอขึ้นแผนที่แสดงจุดที่ดาหวันอยู่ทันที

ที่แท้เป็นไลน์จากอติเทพ ไลน์มาว่า “ผมอยากคุยกับคุณนะดา” ต่อด้วยอีกข้อความว่า “ถ้าคุณไม่มา ผมจะเข้าไปคุยกับกานต์เอง!”

ดาหวันไปถึงสวนสาธารณะแล้วไลน์ถามว่า เขาอยู่ไหน อติเทพตอบอยู่ติดหลังเธอว่า “ผมอยู่นี่” ดาหวันหันขวับพอเห็นสภาพเขาก็ตกใจถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ เพราะอติเทพอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่ หน้าตาทรุดโทรมหนวดเคราคล้ายไม่ได้โกน อติเทพมองซ้ายมองขวาแล้วลากดาหวันหลบไปคุยอีกมุมหนึ่ง

ooooooo

อติเทพปั้นน้ำเป็นตัวบอกดาหวันว่าตนถูกกานต์ส่งคนมาติดตามคุกคาม ดาหวันไม่เชื่อยืนยันว่ากานต์ไม่ใช่คนแบบนั้น อติเทพติงว่าเธอจำอดีตไม่ได้และเพิ่งรู้จักเขาแค่สองสามเดือน เธอจำไม่ได้หรือว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนขนาดไหน

แล้วอติเทพก็รำพึงรำพันอย่างน่าเห็นใจว่า กานต์เป็นเจ้าของบริษัทมีทั้งคนมีทั้งเงินเรื่องแค่นี้มันไม่ได้ยากอะไรเลย ดาหวันย้อนถามว่าแล้วเขามาบอกตนทำไม

“ผมแค่อยากให้คุณรู้จักสามีคุณอีกมุมหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายมันก็แล้วแต่คุณ แต่ในส่วนของผม ถึงเขาส่งคนมาขู่ผมไม่ให้เจอคุณอีก แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ เขาห้ามผมไม่ได้หรอก” พูดแล้วเห็นดาหวันสับสน อติเทพอ้อน “ผมรอคุณเสมอนะ รอวันที่เราจะกลับมารักกันอีก” แล้วประคองมือดาหวันขึ้นจูบอย่างหลงใหล

“นี่มันเมียฉัน นายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องเมียฉันแม้แต่ปลายเล็บ” กานต์ตวาด อติเทพท้าให้ต่อยตนเลย ถึงเขาจะห้ามจะส่งคนมาขู่ ตนก็ไม่กลัวอีกแล้ว “ฉันเนี่ยนะ ส่งคนไปขู่นาย อย่ามามั่ว ฉันจะบอกให้นะ ถ้าฉันเห็นนายเข้าใกล้เมียฉันอีกนายเสร็จฉันแน่ แล้วถ้าฉันทนไม่ไหวจริงๆ ฉันจะแจ้งตำรวจลากคอนายเข้าคุก”

ท่าทีดุดันของกานต์ทำให้อติเทพฉวยโอกาสมองหน้าดาหวันยืนยันคำพูดของตนที่ว่ากานต์เป็นคนเลือดร้อน และยังพูดยั่วกานต์ว่า ถึงอย่างไรตนก็จะรักดาหวันต่อไป เพราะความสัมพันธ์ของเรามันสวยงามกว่าที่เขาคิด

“ถุย! แล้วนภาล่ะ แกเอานภาไปไว้ไหน” กานต์ตั้งท่าจะต่อย ดาหวันตวาดให้หยุด กานต์เลยยกมือค้าง พูดอย่างผิดหวังในตัวเธอว่า “สองครั้งแล้วนะที่คุณห้ามผมแตะต้องมัน คุณออกรับแทนมัน มันทำอะไรกับคุณ คุณคงลืมไปหมดแล้วสิ ลืมแล้วหรือว่าผมต่างหากที่แต่งงานกับคุณแล้วก็เป็นสามีคุณ ไม่ใช่มัน!”

ดาหวันฟังแล้วสับสนหันมองอติเทพเขายิ้มให้กำลังใจ ทำให้ดาหวันยิ่งกลัว กลัวว่าอติเทพจะพูดเรื่องที่เขาบอกว่าเธอได้เสียกับเขาแล้ว ทำให้ยิ่งสับสนและเกลียดสิ่งที่ตัวเองทำในอดีต พูดอย่างหวาดหวั่นว่า

ตนไม่รู้...ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้ววิ่งหนีไป กานต์วิ่งตามไป ในขณะที่อติเทพยิ้มสะใจ ตะโกนไล่หลังไปว่า

“บอกเขาไปสิดา บอกไปว่าเราเป็นอะไรกันฮ่ะๆๆ”

ooooooo

ดาหวันหนีกลับบ้านวิ่งเข้าห้องนอนจะปิดประตูแต่กานต์ตามมาทันถามว่าเธอจะหนีไปไหน ดาหวันต่อว่าที่เขาแอบอ่านไลน์ของตน เตือนให้เคารพสิทธิส่วนตัวกันหน่อยถ้ายังจะอยู่ด้วยกัน

กานต์เปิดฉากปะทะโต้ว่าสิทธิส่วนตัวของเธอมันหมดไปตั้งแต่เธอโกหกตนเพื่อไปหาแฟนเก่าแล้ว ถามว่ามันมีดีอะไรถึงได้อยากกลับไปหานัก ดาหวันอ้างว่าอติเทพรักตนก่อนแต่เพียงชั่วข้ามคืนตนก็จำเขาไม่ได้และที่เราต้องมาแต่งงานกัน มันไม่ยุติธรรมสำหรับอติเทพเช่นกัน

กานต์ถามอย่างรับไม่ได้ว่าเธอคิดจะกลับไปดีกับเขาทั้งที่มีตนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีอยู่ใช่ไหม? ดาหวันอ้างว่าเราแต่งงานกันแค่ในนามตามเงื่อนไขเท่านั้น เราแค่ทำตามหน้าที่ที่เราต้องทำก็พอแล้ว จะสนใจทำไมว่าตนจะคบกับใคร

“ผู้หญิงหลอกลวง!” กานต์ด่า เขาถูกดาหวันตบจนหน้าหันแต่ก็หยุดเขาไม่ได้ “คุณไม่ได้เปลี่ยนเลย คุณยังเป็นดาหวันคนเดิม ไม่มีอะไรที่ควรเชื่อใจแม้แต่นิดเดียว” ดาหวันถามว่าแล้วเขาล่ะวันแต่งงานเขาหายไปไหน กานต์บอกว่าตนบอกแล้ว “ค่ะ แต่คุณบอก

ไม่หมด เพื่อนที่คุณไปเฝ้าคือคุณขวัญใช่ไหม คุณเกือบทำงานแต่งงานล่มเพราะคุณเลือกไปดูแลแฟนเก่าคุณ นี่คือความจริงใจ ความน่าเชื่อใจของคุณใช่ไหม”

ทั้งคู่ต่างรื้อฟื้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการแต่งงานมาจับผิดกัน จนดาหวันท้าให้หย่า บอกว่าตนให้เพื่อนถามทนายแล้ว พ่อบอกให้ตนแต่งงานกับเขาตนถึงจะมีสิทธิได้สมบัติของพ่อ แต่พ่อไม่ได้บอกว่าแต่งแล้วหย่าไม่ได้ และเวลานี้ ตนก็แค่รอวันเปิดพินัยกรรมถ้าทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง กานต์พยายามสงบสติอารมณ์ครู่ใหญ่จึงบอกเธอว่า

“อยากหย่าเมื่อไหร่คุณก็บอกแล้วกัน ผมพร้อมเสมอ”

“ขอบคุณ” ดาหวันใจหาย แต่ต้องเชิดหน้าตอบไปอย่างนั้นเพราะตนเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาเอง

ทั้งดาหวันและกานต์ต่างนิ่งงันกันไปเหมือนรอดูท่าทีของอีกฝ่าย แล้วกานต์ก็ตัดสินใจเดินออกไป ทันทีที่ประตูปิด ดาหวันก็หมดมาดนางพญาทรุดนั่งน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดกับความโง่ของตัวเองที่ทำลงไป

ooooooo

กานต์อยู่ในภาวะว้าวุ่นใจที่บอกดาหวันว่าจะหย่าเมื่อไรให้บอก เมื่อลงมาเจอประจวบ พอพ่อถามว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า เขาบอกว่าทะเลาะกันนิดหน่อยประสาลิ้นกับฟันแต่เคลียร์กันแล้ว แล้วขอตัวไปทำงาน

พอไปถึงห้องประชุมจิตราพุ่งเข้ามาถามว่าจะให้เรียกผู้ถือหุ้น...จิตราพูดไม่ทันจบกานต์ก็ตัดบทว่ายกเลิกประชุมทั้งหมด แล้วปิดประตูใส่หน้าปัง พอเข้านั่งในห้องก็กดปุ่มเปิดปิดไมโครโฟนไปมาพยายามระงับอารมณ์แต่สุดท้ายก็สบถออกมาอย่างทนไม่ไหว

“โธ่โว้ย!” แล้วขว้างไมโครโฟนทิ้งระบายความอัดอั้น

ooooooo

วันนี้พรรณีนึกครึ้มขึ้นมาเปิดเซฟเอาสร้อยมรกตออกมาชื่นชม พลันก็สะดุ้งรีบเอาซ่อนเมื่อจู่ๆ รุจิกาก็ผลักประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ เลยถูกอบรมไปพักหนึ่ง


-------------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น