วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 14


ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันขุดหากระดูกที่ฝังอยู่ใต้ดิน เก็บขึ้นมาวางเรียงจนครบทุกชิ้น

เพื่อนๆ มองกระดูกริลณี เศร้า เครียด โดยเฉพาะเตชินเครียดจนชมพูต้องจับมือให้กำลังใจ มีแต่ชัชที่มองไปรอบๆเหมือนระแวงอะไรบางอย่าง พอเฟื่องฟ้าถามก็กระซิบถามว่า “คิดว่า...น้องรินยังอยู่ที่นี่ไหม...”

เฟื่องฟ้าเชื่อว่าเมื่อเจอกระดูกและตำรวจจับคนร้ายได้ริลณีก็คงหมดห่วง แต่ชัชเชื่อว่าริลณีไม่ได้ห่วงเรื่องคนร้ายอย่างเดียว พลางมองไปทางชมพูที่กุมมือเตชินไว้ เฟื่องฟ้าเห็นแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ บอกชัชว่า

“ถ้ารินจะยอมให้ใครสักคนคบพี่เตชิน ก็ต้องเป็นชมพูนี่แหละค่ะ คนที่เรารักที่สุดกับเพื่อนที่รักเรามากที่สุด เหมาะสมกันสุดๆแล้ว”

ระหว่างที่ตำรวจเก็บกระดูกเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นกระดูกของริลณีหรือไม่นั้น ขณะจะยกออกไป เตชินเข้าไปขวางไว้ จ้องมองและเอื้อมมือไปจับโครงกระดูกน้ำตาไหล เรียกเบาๆอย่างเจ็บปวด

“ริน...”

เมื่อชัชกับชมพูช่วยกันปลอบ เตชินจึงยอมปล่อยมือ มองเจ้าหน้าที่ยกโครงกระดูกนั้นออกไปอย่างเจ็บปวด ชัชกับชมพูได้แต่มองเขาด้วยความสงสารจับใจ...

เฟื่องฟ้าไปเอากล่องใส่ของใช้ของริลณีมามอบให้ตำรวจเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์กระดูก ตำรวจบอกทุกคนว่าอาจจะต้องเชิญไปให้ปากคำด้วย ซึ่งทุกคนก็พร้อมที่จะไป

เมื่อตำรวจกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิไปกันหมดแล้ว เฟื่องฟ้าถามชัชว่าเตชินหายไปไหน

“อยู่บนบ้าน ให้เวลาเขาหน่อย การทำใจจากลาสิ่งที่รักเป็นครั้งสุดท้ายไม่ใช่เรื่องง่าย” ชมพูพูดอย่างเข้าใจ

เตชินขึ้นไปเดินดูห้องต่างๆ ที่เคยอยู่กับริลณีอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนปิดหน้าต่างประตูล็อกไว้ทีละห้อง... ทีละห้อง...

“แกคิดถูกแล้วไอ้เต ถ้าแกยังอยู่ที่นี่ เรื่องเลวร้ายต่างๆที่มันเคยเกิดกับริน มันจะทำให้แกไม่มีความสุข ปล่อยให้น้องรินเขาไปยังที่ที่เขาควรอยู่ การที่แกคิดถึงเขา มันทำให้ดวงจิตแกกับเขาผูกติดกัน ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ ปล่อยเขาไปเถอะเต”

ชัชเดินมาบอกเพื่อนอย่างให้กำลังใจ เตชินยิ้มเศร้าๆ บอกว่า

“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะความทรงจำดีๆ ของฉันกับรินมากเกินไปต่างหาก มองไปทางไหน ฉันก็คิดถึงเขา...”

เตชินปิดประตูใส่กุญแจทุกห้อง ราวกับจะเก็บความทรงจำดีๆที่ได้อยู่กับริลณีไว้ในนั้นตราบนิรันดร์

ooooooo

ประวิทย์อยู่กับเอกราชที่ห้องเพนต์เฮ้าส์คอนโดหรู ประวิทย์ดูแลปรนนิบัติเอกราชอย่างจริงใจ...มีความสุข...

แต่เอกราชมิได้คิดเช่นนั้น เขาเห็นเครื่องรางห้าแฉกของประวิทย์ห้อยออกมานอกเสื้อก็มองอย่างอยากได้ เมื่อประวิทย์ประคองเอกราชไปนั่งที่โต๊ะ เอกราชเอื้อมมือจับเครื่องรางห้าแฉก ประวิทย์แปลกใจถามว่ามีอะไรหรือ

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เสียดายที่ของฉันไม่น่าแตกไปเลย” ประวิทย์ปลอบใจว่าตนจะอยู่ใกล้ๆคอยดูแลเขาเอง พลางกระแซะเข้าหาบอกว่า “เมื่อได้อยู่ใกล้กันพลังเครื่องรางจะได้คุ้มครอง นายไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวถ้าเราไปหาอาจารย์ดำ เขาก็ต้องหาเครื่องรางที่ดีกว่าให้นายได้อยู่แล้ว คราวนี้ผีริลณีก็จะทำอะไรนายไม่ได้”

“ไม่ใช่เฉพาะผี ใครหน้าไหนก็ทำอะไรพวกฉันไม่ได้!!” เอกราชพูดอย่างมั่นใจ

ขณะนั้นเอง เสียงกริ่งหน้าห้องดังรัวขึ้น ทั้งสองมองกันแปลกใจ เมื่อไปเปิดประตู เห็นตำรวจยืนอยู่หน้าห้องหน้าตาตึงเครียด ถามว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกับหงส์หยก และเชิงชายหรือเปล่า?

เมื่อประวิทย์รับว่าใช่ ตำรวจเอารูปริลณีให้ดูถามว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม? ทั้งเอกราชและประวิทย์มองช็อกแต่พยายามทำเป็นปกติ เอกราชบอกว่าเคยเห็นบ้างตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยแต่ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก

“ไม่สนิทแต่พวกคุณเคยมีเรื่องกับผู้หญิงคนนี้จนทำให้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยมาแล้ว” ตำรวจซักไซ้ ประวิทย์กับเอกราชยิ่งหน้าเสียแต่ยังควบคุมอารมณ์ได้ ประวิทย์บอกว่าเรื่องนานมาแล้วพวกตนจำไม่ได้และไม่เคยเจอเธออีกเลย

“คุณตำรวจมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ดีกว่าครับ ผู้หญิงในรูปเกี่ยวอะไรกับพวกผมสองคน?”

“ก็เรื่องนี้แหละครับ ที่เราอยากจะเชิญพวกคุณไปให้การที่โรงพัก”

พอตำรวจบอกตรงๆ ทั้งสองก็ตกใจจนเก็บอาการไม่อยู่

ooooooo

พวกเตชินไปให้การตำรวจก่อนแล้ว เมื่อออกจากห้องสอบสวน จึงเห็น เอกราช ประวิทย์ ตุลเทพ และปริมลดาเดินกร่างมากับทนายความชุดใหญ่

เตชินกรากเข้าไปจนชัชรั้งไว้แทบไม่ทัน เขาชี้หน้าถามพวกนั้นว่า ทำไมต้องฆ่าริน...รินทำอะไรให้พวกเขา

ตุลเทพออกหน้าโต้ว่าพวกตนไม่ได้ทำอะไร ประวิทย์สวนไปว่าพวกตนก็มาให้ปากคำตำรวจเหมือนพวกเขาฉะนั้น ถ้าคิดว่าพวกตนน่าสงสัย พวกเขาก็น่าสงสัยไม่ต่างกัน

ชัชขอให้เตชินและเพื่อน ใจเย็นๆเรายังไม่มีหลักฐานอย่าเพิ่งไปกล่าวหาพวกเขา ชมพูเชื่อว่าเราต้องได้หลักฐานแน่ๆ ตนมั่นใจว่าคนอย่างหงส์หยกไม่มีทางฆ่าริลณีคนเดียวได้ ปริมลดาขู่ว่าถ้ากล่าวหาพวกตนอีกคำเดียวจะให้ทนายฟ้อง

“ฟ้องก็ดี เรื่องจะได้ดัง คนจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับริน” ชมพูท้า

“จะเกิดอะไรก็คงไม่เกี่ยวกับพวกเรา เพราะพวกเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” เอกราชโต้แล้วชวนเพื่อนๆ “รีบไปให้ปากคำกันเถอะ อย่าทำให้เรื่องไร้สาระนี้มาทำให้ฉันเสียเวลามากไปกว่านี้เลย”

เอกราชจ้องหน้าเตชินเย้ยๆ แล้วเดินไปกับพรรคพวก เฟื่องฟ้าตะโกนสาปแช่งไล่หลังไปอย่างทนไม่ได้ว่า

“คนทำผิดยังไงก็หนีไม่พ้น คนที่ทำร้ายรินต้องได้รับเวรกรรมเจ็บปวดไม่ต่างจากริน”

“พวกนั้นไม่มีทางรอดหรอก” เอทีเอ็มพูดอย่างมั่นใจมาก

ooooooo

การสอบปากคำดำเนินไปตั้งแต่หัวค่ำจนดึก พวกเฟื่องฟ้านั่งหลับกันไปแล้ว มีแต่เตชินที่ยังรออยู่อย่างอดทน จนเมื่อเห็นพวกเอกราชเดินออกจากห้องสอบสวนกันอย่างยิ้มแย้มเบิกบานใจทั้งยังจับมืออำลากับพวกตำรวจอย่างสนิทสนม

ทั้งเอกราชและประวิทย์ต่างบอกตำรวจว่าพวกตนอยากปกป้องหงส์หยกกับเชิงชายที่ตายไป แต่คนผิดก็คือคนผิดเราคงแก้ตัวให้ไม่ได้ และขอให้ตำรวจให้ความยุติธรรมกับริลณีด้วย ตุลเทพบอกว่าถ้าอยากรู้อะไรอีกติดต่อผ่านทนายความ พวกตนยินดีให้ความร่วมมือเสมอ

“คงไม่มีอะไรที่ต้องรบกวนแล้วล่ะครับ จากการสอบปากคำและหลักฐานที่พวกคุณเอามาให้ ก็มากพอที่จะชี้ตัวคนผิดได้แล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกมาส่งบอก พวกเอกราชจึงขอตัวกลับ

เตชินรับไม่ได้ตรงไปถามตำรวจว่าทำไมไม่จับพวกนั้น เพราะพวกเขาเป็นคนฆ่าริลณี

“ทำไมต้องจับครับ... ผมไม่ทำคดีจากความรู้สึก ผมทำคดีตามหลักฐานและผมขอแนะนำ ถ้าไม่มีหลักฐานอย่าพูดจามั่วซั่วแบบนั้นอีก เพราะถ้าพวกเขาฟ้องหมิ่นประมาท คุณจะเดือดร้อน” ตำรวจปรามแล้วเดินกลับเข้าห้องสอบสวนไป

พวกชมพูตื่นขึ้นมาต่างไม่พอใจที่ตำรวจปล่อยพวกนั้นไป เตชินบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นให้การตำรวจอย่างไรบ้าง ชมพูรำพึงอย่างข้องใจว่า

“อยากรู้เหมือนกันว่าผลสรุปคดีออกมาจะเป็นยังไง”

ooooooo

สองสามวันต่อมา หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวครึกโครม ชัชคว้าหนังสือพิมพ์อ่านให้เพื่อนๆฟัง

“สันนิษฐานจากคำให้การของพยาน น่าจะมาจากเรื่องชู้สาว โดยอดีตนางรำแอบมีความสัมพันธ์กับนายเชิงชาย จริยวรรณ อดีตนักแต่งเพลงที่เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมเมื่อสองเดือนที่แล้ว โดยนางสาวหงส์หยก แซ่เล้า ที่เพิ่งกระโดดตึกตายซึ่งเป็นแฟนกับนายเชิงชายในตอนนั้นน่าจะหึงหวง จึงลวงนางสาวริลณีไปฆ่าเพื่อล้างแค้น”

ทั้งเตชิน ชมพู เอทีเอ็มและเฟื่องฟ้า ที่นั่งฟังชัชอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟังที่ห้องนั่งเล่นบ้านเตชิน ทุกคนทั้งแปลกใจ โกรธและกังวล เตชินถามว่าตำรวจยังไม่ได้สรุปแน่นอน นั่นเป็นแค่ข้อสันนิษฐานไม่ใช่หรือ เอทีเอ็มเชื่อว่าเมื่อข่าวออกมาขนาดนี้รูปคดีก็น่าจะไปทางนั้น ชัชเสนอแง่คิดว่า

“แล้วจะเป็นไปได้ไหมวะว่าสี่คนนั้นไม่เกี่ยวกับคดีจริงๆ เพราะเอาเข้าจริงเราก็ยังไม่รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรินแน่” ชมพูเชื่อว่าพวกนั้นต้องเกี่ยวแน่ๆ เฟื่องฟ้าก็บ่นเสียดายว่าเราน่าจะถามเรื่องที่เกิดกับริลณีก่อน จะได้ตามจับคนร้ายได้ถูก

“ถึงไม่ถาม พวกเราก็ต้องรู้เรื่องทุกอย่างให้ได้ ตอนนี้คดียังไม่สรุป เรายังมีเวลาหาหลักฐานไปพิสูจน์ ถ้าพวกนั้นผิดจริง เราต้องหาหลักฐานที่จะมัดตัวพวกนั้นได้แน่” เตชินบอกเพื่อนๆอย่างมั่นใจ

ส่วนพวกเอกราช พอให้การตำรวจเสร็จก็กลับไปที่ห้องเพนต์เฮาส์ เอกราชพูดกับเพื่อนๆว่า

“ไม่มีใครหาหลักฐานมาทำอะไรเราได้ เพราะคดีนี้จะต้องปิดโดยที่เชิงชายและหงส์หยกต้องรับเคราะห์แทนพวกเรา” ปริมลดาพูดต่ออย่างสะใจว่า ต้องขอบคุณสองคนที่ตายเพื่อให้พวกเรารอด แต่ประวิทย์กังวลว่า

“เตชินกับพวกไม่น่าจะหยุดขุดคุ้ยเรื่องนี้ เห็นท่าทางมันที่โรงพักเหมือนมันมั่นใจมากว่าเราเป็นคนฆ่าริลณี หรือนังผีนั่นจะเคยบอกอะไรมัน”

เอกราชมั่นใจว่าพวกนั้นไม่รู้เพราะถ้ารู้คงไม่ปล่อยพวกเราแบบนี้แน่ ตุลเทพเสนอว่าถ้าเตชินวุ่นวายมากก็ส่งไปอยู่กับริลณีเสียเลยจะได้หมดเรื่อง ปริมลดาติงว่า “เมียมันคงไม่ยอมให้เราทำอะไรผัวมันหรอก”

“งั้นก็จัดการทั้งผัวทั้งเมียไปเลยจะได้หมดเรื่อง เครื่องรางเราก็มีอยู่แล้วนี่” พูดแล้วเห็นเอกราชมองขวับก็รีบแก้ว่า “อ้อ ลืมไปนายไม่มี แต่นายก็มีประวิทย์อยู่ดูแลใกล้ชิดขนาดนั้นแล้วนี่...เอาน่า...ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ฉันว่าพวกเรามาฉลองกันดีกว่า”

ตุลเทพเทแชมเปญสี่แก้วส่งให้ทุกคน ชูแก้วเอ่ยอย่างลำพองใจ

“แด่การตายของสองเพื่อนรัก ที่จะทำให้เราสี่คนรอดพ้นคดีอย่างสวยงาม”

ทุกคนชนแก้วกันอย่างไม่สะทกสะท้าน หัวเราะกันอย่างเบิกบานใจ

ooooooo

เตชินเอากระดูกของริลณีไปฝากหลวงพ่อที่วัดบอกว่าตนจะยังไม่เผาจนกว่าคดีจะจบ ท่านบอกว่าดีแล้วเอาไว้ที่นี่ริลณีจะได้สงบ

หลวงพ่อมองไปข้างหลังเตชิน เห็นริลณีนั่งก้มหน้าอยู่ บอกริลณีว่าอยู่ในวัดจะได้รู้สึกเย็นสบาย จะได้ไม่ต้องร้อนรนไปทำร้ายใครได้อีก เตชินสงสัยถามว่าท่านพูดกับใครอยู่หรือ ท่านบอกว่าพูดสื่อไปถึงริลณีให้เข้าใจสิ่งที่เตชินพยายามทำอยู่

เตชินถามว่าริลณียังอยู่หรือ ทำไมตนไม่เห็น

“ดีแล้วล่ะ บางอย่าง ถ้าเห็นแล้วเกิดทุกข์ก็ไม่ควรไปพยายามเห็น งั้นอาตมาจะเก็บโครงกระดูกนี้ไว้ให้ ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงนะ” เมื่อเตชินกราบลา ริลณีจะลุกตาม

หลวงพ่อบอกว่า “อย่าตามไปเลยโยมริลณี ไม่มีประโยชน์หรอก”

ริลณีสัญญาว่าจะไม่ให้เตชินเห็นร่างที่น่าเกลียดของตน ท่านบอกว่าไม่มีประโยชน์ ปล่อยเขาไปเถิด ยังไงเธอก็กลับไปหาเขาไม่ได้อีกแล้ว แม้เธอจะบอกว่าแค่ต้องการอยู่ใกล้ๆเขาจนวินาทีสุดท้าย ท่านก็เตือนสติว่า

“ถ้าโยมยังไม่เลิกยึดติด แล้วโยมจะพบความสงบได้ยังไง โยมริลณี...”

ริลณีไม่ตอบแต่หายไปจากตรงนั้นแล้ว หลวงพ่อได้แต่มองอย่างหนักใจ

ooooooo

เตชินกลับไปอยู่บ้าน เขาอยู่ในความเศร้าโศกจนคุณหญิงกับณรงค์สงสาร

แม้คุณหญิงจะยังพูดได้ไม่มาก ไม่คล่อง แต่ก็ตำหนิตัวเองกับสามีว่าถ้าตนไม่พยายามขัดขวางพวกเขา วันนี้ลูกเราก็คงไม่ต้องนั่งเศร้าแบบนี้ ณรงค์ปลอบใจว่าคุณหญิงพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกแล้ว

“ตะ...ตะ...แต่...สิ่งที่ดีที่สุดของฉัน...มัน...ไม่ใช่ สิ่งที่ดีที่สุดของลูก”

ณรงค์บอกว่าตนก็ไม่ได้ปรามคุณหญิง จะว่าไปเราก็ผิดพอๆกัน คุณหญิงถามว่าเราจะทำอย่างไรชดเชยให้ลูกได้บ้าง

“ปล่อยให้เขามีชีวิตของเขาอย่างที่เขาต้องการ ผมว่าแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ส่วนต่อไปเขาจะไปรักใคร ชอบใคร ก็คงต้องแล้วแต่เขาแล้วล่ะ” ณรงค์บีบมือให้กำลังใจคุณหญิง ทั้งสองมองเตชินที่ยังนั่งเศร้าด้วยความสงสารอย่างที่สุด

ooooooo

ในที่สุดพวกเอกราชก็ไปหาอาจารย์ดำที่สำนักเพื่อขอให้ทำเครื่องรางปกป้องคุ้มครองให้ใหม่ อาจารย์ดำมองเครื่องรางที่เหลือเพียงสามชิ้นอย่างพิจารณา

“ถ้าผีตัวนั้นโดนเครื่องรางเข้าไปเต็มๆแล้วยังไม่สลายกลายเป็นจุลล่ะก็...แสดงว่ามันคงมีพลังมาก นอกจากเครื่องรางห้าแฉกก็คงไม่มีสิ่งไหนต้านทานพลังมันได้อีกแล้ว”

“หมายความว่าอาจารย์ทำเครื่องรางใหม่ไม่ได้ แล้วก็ไม่มีเครื่องรางอันอื่นให้ผมด้วย แล้วผมจะทำยังไงล่ะ” เอกราชกังวล ประวิทย์ก็ช่วยพูดว่าผีตัวนั้นยังตามรังควานพวกตนไม่หยุดหย่อน อาจารย์ดำถามอย่างแปลกใจว่า

“ปกติผีจะไม่ตามรังควานคนมากขนาดนี้ หากไม่มีความแค้นต่อกัน ถามจริงๆเถอะ พวกเราไปทำอะไรผีตนนั้น”

ทั้งสี่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก พอรู้ตัวก็กลบเกลื่อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตุลเทพบอกว่าพวกตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผีนั่นมาตามทำร้ายพวกตนทำไม อาจารย์ดำจ้องหน้าพูดอย่างรู้ทันว่า

“พวกเธอรู้แต่ไม่พูด และถ้าพวกเธอไม่พูด ฉันก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้มากกว่าให้เก็บเครื่องรางเอาไว้ มันเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยพวกเธอได้” อาจารย์ดำพูดตัดบท ปริมลดาติงว่าเครื่องรางเหลือแค่สามอันแต่พวกตนมีสี่คน? “พวกเธอก็ต้องไปจัดการกันเอง ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าไม่รู้อะไรมากกว่านี้” พูดแล้วอาจารย์ดำทำเป็นหลับตาทำสมาธิ

พวกเอกราชไม่รู้จะทำอย่างไรจึงพากันลุกเดินออกไป พอพวกนั้นออกไปแล้ว อาจารย์ดำลืมตามองตามไปอย่างเจ้าเล่ห์ หัวเราะร้ายกาจพึมพำ

“คิดว่าไม่บอกแล้วฉันจะไม่มีทางรู้งั้นเหรอ หึๆ”

ooooooo

คืนนี้เอทีเอ็มอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าปิดหน้าต่างเตรียมนอน เห็นมีหญิงสาวผมยาวมานั่งอยู่ข้างนอก เรียกเฟื่องฟ้ามาดูบอกว่าเหมือนริลณี เฟื่องฟ้าติงว่าริลณีไม่อยู่แล้วจะมานั่งอยู่ตรงนั้นได้ยังไง

แต่พอหันไปจะปิดหน้าต่างต่อก็ชะงักงันเมื่อเห็นริลณีมายืนตรงหน้าแล้ว เฟื่องฟ้าทำท่าจะกรี๊ดแต่ริลณีพูดขึ้นก่อนว่า

“อย่ากลัวฉันเลย ฉันไม่ได้ทำร้ายพวกเธอหรอก ฉันแค่อยากจะมาขอโทษ ที่วันนั้นทำพวกเธอบาดเจ็บฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เอทีเอ็มถามว่าเธอยังไม่ได้ไปไหนหรือ “ฉันยังไปไหนไม่ได้หรอก ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ”

“ถ้ารินหมายถึงคนที่ทำร้ายริน รินแค่บอกพวกเรา ว่าใครทำร้ายรินบ้าง เดี๋ยวพวกเราจะช่วยจัดการให้เอง รินไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เฟื่องฟ้าหว่านล้อม

ริลณีพูดเสียงน่ากลัวว่าห้ามใครเข้ามายุ่งเรื่องนี้ คนเลวๆพวกนั้นตนจะจัดการเอง จะฆ่าพวกมันเหมือนที่พวกมันทำกับตน เอทีเอ็มกับเฟื่องฟ้ายิ่งตกใจ ยกเตชินขึ้นมาอ้างหมายหยุดเธอว่าถึงเธอทำอย่างนั้นก็ไม่มีโอกาสกลับไปหาเตชินได้อีก

“ฉันก็ไม่มีโอกาสกลับไปหาเขาได้แล้ว น่าเกลียด น่ากลัวอย่างฉันจะกลับไปหาเขาได้ยังไง แล้วขอร้องเธอสองคนอย่าไปบอกเขาว่าฉันยังอยู่ ฉันไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” พอทั้งสองสัญญา ริลณีก็ขอบใจแล้วหายไปทันที

พอริลณีหายไป เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มก็กระโดดกอดกันกลม

คืนนี้ ที่มุมหนึ่งในบ้านเรือนไทย ริลณีออกมาร่ายรำอย่างหม่นหมอง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เศร้าใจที่บัดนี้ไม่มีเตชินอยู่ที่นี่แล้ว เธอกระแทกเท้าลงบนพื้นอย่างแรง ดวงตาสีเลือดเต็มไปด้วยความโกรธแค้นขณะคำราม

“พวกมึงทำให้กูไม่มีความสุข พวกมึงต้องตาย!!”

แล้วริลณีก็เข้าฝันหลอกหลอนจนเอกราชที่นอนหลับอยู่บนเตียงตกใจตื่นไม่กล้านอนต่อ วิ่งไปซุกนอนกับประวิทย์ที่โซฟา แม้ประวิทย์จะแปลกใจแต่ก็นอนเบียดเอกราชอย่างมีความสุขมาก

ooooooo

เตชิน ชัช ชมพู เฟื่องฟ้าและเอทีเอ็มเริ่มลงมือสืบหาคนฆ่าริลณี โดยเริ่มจากวันที่ชมพูกับริลณีรำประกวดด้วยกัน

แต่ไม่ว่าจะทบทวนอย่างไร ชมพูก็จำอะไรไม่ได้ ทุกคนหนักใจเพราะในคืนนั้นมีแต่ชมพูเท่านั้นที่อยู่กับริลณี จึงคิดหาคนช่วย เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มนึกถึงอาจารย์นาฎ จึงพากันเดินไปที่ห้องชมรมนาฏศิลป์

ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้ามือถือของชมพู เธอดูชื่อที่โชว์หน้าจอแล้วกดทิ้ง เอทีเอ็มถามว่าไม่รับสายหรือ

“ไม่เอาล่ะ ขี้เกียจคุยกับสายนี้”

“หน็อย! กล้าตัดสายฉันงั้นเหรอ!” เอกราชไม่พอใจแล้วเคี่ยวเข็ญประวิทย์ว่าต้องช่วยคิดว่าทำอย่างไรถึงจะให้ชมพูคิดว่าสิ่งที่เธอคิดมันแค่เรื่องเข้าใจผิด ประวิทย์ซึ่งปกติจะรับใช้เอกราชอย่างกระตือรือร้น แต่งานนี้เขากลับเมินเฉยบอกว่าตนคิดไม่ได้หรอก พอถูกเอกราชต่อว่าก็บอกงอนๆว่า

“เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันไม่อยากช่วยคิดก็แล้วกัน” แล้วเดินก้นบิดไป เอกราชหงุดหงิดปัดข้าวของบนโต๊ะโวยวาย

“โว้ยยยยย...อะไรของมันวะ!!”

ooooooo

พอชมพูกับเพื่อนๆไปพบอาจารย์นาฎที่ชมรมนาฏศิลป์ตึกกิจกรรม ปรากฏว่าอาจารย์เองก็ไม่รู้เรื่องเพราะพอประกวดเสร็จอาจารย์ก็มีธุระสำคัญต้องคุยต่อ เลยให้ชมพูกับริลณีกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเพราะกลัวจะดึกเกินไป

“จริงๆแล้วครูไม่ได้กลับมาที่มหาวิทยาลัยเลยจนกระทั่งเช้าวันต่อมาแล้วก็ได้ข่าวว่าชมพูถูกรถชนอาการสาหัส” ส่วนริลณีนั้นอาจารย์บอกว่าไม่ได้ข่าวเลย

เตชินสรุปว่าคืนนั้นมีแต่ชมพูเท่านั้นที่อยู่กับริลณี ขอให้ชมพูคิดทบทวนอีกทีว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นและมีใครเข้ามาในห้องนี้หรือไม่

ระหว่างนั้นมือถือของชัชดังขึ้น เสียงเหมือนกับคืนนั้นจนชมพูตกใจ ความจำค่อยๆคืนมาว่า...มีเสียงโทรศัพท์ดัง...กระเป๋าถือของริลณีหล่น...ของตกที่พื้น...ชมพูรีบเข้าไปช่วยเก็บ...หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา...คิดได้แค่นั้นชมพูก็ปวดหัวจนทรุดลงไปกุมขมับทุรนทุรายจนทุกคนตกใจพากันมาดูเธอ

เมื่ออาการปวดหัวทุเลาลง ชมพูขอโทษทุกคนที่จำเรื่องวันนั้นไม่ได้เลย เตชินปลอบว่า

“มันไม่ใช่ความผิดของชมพูนะครับ มันเป็นความผิดของพี่ ถ้าวันนั้นพี่ไม่ขับรถชนชมพูก็คงไม่เป็นแบบนี้ แล้วบางทีรินอาจจะไม่เป็นอะไรด้วย”

“มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย อย่าโทษตัวเองอย่างนี้เลยนะคะพี่เตชิน เราสองคนต้องเลิกโทษตัวเองสักทีนะคะ ถ้าเราไม่เข้มแข็ง เราก็ช่วยรินไม่ได้”

“นั่นสินะ ถึงชมพูจะจำเรื่องวันนั้นไม่ได้ ก็ต้องมีทางอื่นสิที่เราจะรู้เรื่องนี้” เตชินยังไม่สิ้นหวัง

ooooooo

ชัชฉุกคิดได้ เอะใจว่าถ้าตึกกิจกรรมอยู่ทางนี้ แล้วทำไมอยู่ดีๆชมพูถึงวิ่งไปให้เตชินขับรถชนที่ประตูทางออกของมหาวิทยาลัยเวลาค่ำๆมืดๆ?

คิดกันแล้วลงความเห็นว่าคนที่น่าจะรู้เรื่องในยามวิกาลเช่นนั้นต้องเป็นยาม แต่พอไปถามน้าไหวกับกล้า ทั้งสองยอมรับว่าคืนนั้นพวกตนเมาปลิ้นจำอะไรไม่ได้เลย

แต่น้าไหวกับกล้าคิดทบทวนแล้ว จำได้ว่าคืนนั้นเมาหนักเพราะกินเหล้าฝรั่งกัน คิดต่อไปก็จำได้อีกว่าได้เงินจากนักศึกษาที่ถูกไล่ออกไปซื้อเหล้าฝรั่ง เลยสงสัยว่าพวกนั้นต้องมีส่วนรู้เห็นกับการตายของริลณี ชวนกันไปจะแจ้งตำรวจ

ทันใดนั้นเสียงหมาหอนโหยหวนขึ้นจนทั้งสองขนลุก พร้อมกับริลณีก็มาปรากฏให้เห็น ชี้หน้าปรามอย่างดุร้าย

“น้าสองคนอย่ายุ่งเรื่องของฉัน ห้ามเอาเรื่องไอ้คนเลวพวกนั้นไปบอกใครเด็ดขาด!” น้าไหวถามปากคอ สั่นว่าทำไมน้องนางรำไม่อยากให้ตำรวจจับมันได้หรือ กล้าซึ่งบัดนี้ขาสั่นพั่บๆก็บอกว่า น้องนางรำก็จะได้ไปสงบไงล่ะ “ฉันไม่ต้องการไปสงบ ฉันต้องการแก้แค้น ฉันจะจัดการพวกมันให้ยิ่งกว่าที่พวกมันทำกับฉัน น้าสองคนอย่าเข้ามายุ่ง ไม่งั้น...อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” พูดแล้วริลณีหายไปทันที

สองน้าหลานขาสั่นฉี่แทบราด พากันกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไปทันที

ริลณีนั่งห้อยเท้าอยู่บนกิ่งไม้ มองทั้งสองที่ลนลานหนีไปยิ้มอย่างแค้นใจ

ooooooo

วันนี้ชมพูมายืนที่หน้ามหาวิทยาลัย มองเข้าไปด้วยสายตามุ่งมั่น เพราะหมอบอกเธอว่า...

“ถ้าคุณอยากกระตุ้นให้ความทรงจำกลับมาเร็วมากขึ้น หมอแนะนำให้คุณลองกลับไปใช้ชีวิตในสถานที่ที่ความทรงจำในอดีตของคุณหายไป ลองเดินตามแผนที่ชีวิตเดิม บางทีคุณอาจจะค้นพบความทรงจำที่หายไปก็ได้นะครับ”

ดังนั้นชมพูจึงไปนั่งฟังเลกเชอร์กับน้องๆเหมือนสมัยที่เรียนหนังสือ...ไปกินข้าวในโรงอาหารคนเดียว...ไปในห้องนาฏศิลป์ ดูชุดตัวพระตัวนางที่แขวนคู่กัน...ไปที่ชมรมนาฏศิลป์ ระหว่างนั้นเธอยิ้มอย่างมีความสุขรู้สึกว่า ริลณีจับมือเธอไว้ตลอดเวลา ชมพูพึมพำ...

“ริน...เธออยู่ข้างฉันตลอดเลยนี่...”

แต่พอเดินถึงทางเข้าสระว่ายน้ำ ชมพูก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หน้าอก จนต้องเอามือจับไว้สงสัยว่าทำไมถึงเจ็บหน้าอกแบบนี้ วันนี้ไม่มีใครเข้ามาในบริเวณนี้เลย พลันหูก็แว่วคนปรึกษาวางแผนอะไรกันอยู่ ชะโงกดูในสระน้ำก็เห็นเงาใครบางคนกำลังจะผลักตนตกน้ำ

“อ้าวหนู...สระปิดไม่ใช่เหรอ เข้ามาได้ยังไงเนี่ย” น้าไหวถาม ชมพูบอกว่าตนกำลังพยายามฟื้นความทรงจำเลยมาเดินเล่นในมหาวิทยาลัย กล้าจำได้ว่านี่คือนางรำคนที่ถูกรถชนจนความจำเสื่อม ชมพูรีบรับว่า “ใช่ค่ะ เมื่อวานหนูก็มากับเพื่อนๆ ที่มาถามว่าพวกพี่จำเหตุการณ์วันนั้นได้รึเปล่า”

ได้ยินชมพูพูดเรื่องนี้ น้าไหวกับกล้าก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กปฏิเสธพัลวันว่าพวกตนจำอะไรไม่ได้เลยเพราะเมาหนัก

“ไม่เห็นว่าใครมาทำอะไรทั้งนั้น...ไม่เห็นจริงๆ ไม่รู้เรื่องเลย” น้าไหวยกมือไหว้ปะลกๆ “สาบานได้ว่า พวกเราไม่ได้รับเงินจากใครไปกินเหล้าทั้งนั้น” เผลอพูดไปแล้วน้าไหวตกใจยกมือปิดปากแน่น

ชมพูจับพิรุธได้ถามว่ารับเงินจากใครไปกินเหล้า ขู่ว่า “แสดงว่าพวกน้าเห็นคนไม่น่าไว้ใจเข้ามาในมหาวิทยาลัยใช่ไหม น้าเห็นใครบอกมาสิ บางทีคนกลุ่มนั้น อาจจะเป็นคนที่ทำร้ายรินก็ได้ ถ้าน้าไม่พูดฉันจะไปบอกให้ตำรวจมาเอาตัวน้าไปสอบสวนที่โรงพักนะ”

กล้าบ่นว่าทำไมต้องขู่กันด้วย พลันก็ช็อกเมื่อ เห็นริลณีมายืนจ้องอยู่ ทั้งน้าทั้งหลานวิ่งหนีสุดชีวิตตะโกนโหวกเหวกว่าพวกเรากลัวแล้วอย่ามาหลอกหลอนกันอีกเลย ชมพูมองทั้งสองไป พลันก็รู้สึกหนาว วังเวงขึ้นมาอย่างประหลาด แต่มองไปรอบตัวก็ไม่พบอะไร ตัดสินใจวิ่งออกไปจากบริเวณสระว่ายน้ำทันที

ริลณีมองตามชมพูยิ้มแววตาร้ายกาจ

ต่อมาชมพูเล่าให้เตชินฟังขณะนั่งในร้านอาหารไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนักว่า ตนเชื่อว่ายามสองคนนั้น ต้องรู้เรื่องอะไรแน่ๆแต่พอตนไปตามหาพวกเขา ก็หาไม่เจอแล้ว ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่ายามสองคนนั้นอยู่ที่ไหน เธอชวนเตชินว่า

“พรุ่งนี้เราลองไปตามหาเขาอีกทีดีไหมคะ...พี่เตชิน...ฟังชมพูพูดอยู่รึเปล่าคะ”

ปรากฏว่าเตชินเหม่อใจลอยคิดถึงริลณีจนไม่ได้ฟังชมพูเล่า ทำให้ชมพูแอบน้อยใจ ตัดบทว่าวันนี้ดูเขาเหนื่อยๆ ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้ใหม่วันหลังก็แล้วกัน บอกให้เขากลับไปพักผ่อนเสีย ส่วนตัวเองขอนั่งเล่นไปเรื่อย เผื่อจะจำอะไรช่วงเรียนที่นี่ได้บ้าง เธอมองเตชินที่เดินออกไป พลันก็อึ้งเมื่อเห็นเหมือนริลณีเดินตามเขาไปซ้ำหันมายิ้มหยันให้ตนด้วย

แต่พอชมพูกะพริบตามองอีกทีก็เห็นว่า ที่แท้มีผู้หญิงคนอื่นเดินอยู่ข้างๆเตชิน เธอถอนใจโล่งอก

ooooooo

วันนี้เตชินไปที่บ้านเรือนไทย บอกกล่าวริลณีว่าคิดถึง ริลณีอยู่ใกล้ๆเขานั่นเอง บอกว่าตนก็คิดถึงเขา แต่พอจะพูดต่อก็แว่วเสียงสวดมนต์ภาษาเขมรดังแว่วมา ฟังน่ากลัว

ที่แท้อาจารย์ดำกำลังบริกรรมคาถาเรียกโหงพราย ให้ไปจับริลณีอยู่ที่สำนักนั่นเอง

ริลณีถูกควันดำที่อาจารย์ดำบริกรรมคาถา เผาผงดินและน้ำ ปล่อยควันดำลอยไปพันรอบตัวริลณี แต่ดูเหมือนจะทำอะไรริลณีไม่ได้

“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่มีวันไปกับพวกแกหรอกไอ้พวกผีรับใช้” ริลณีตวาด โหงพรายปล่อยเธอแล้วหันไปรัดเตชินจนหายใจไม่ออก ริลณีตัดสินใจบอก “ปล่อยเตชิน แล้วฉันจะยอมไปกับพวกแก”

ริลณีถูกนำตัวไปพบอาจารย์ดำที่สำนัก ถามอย่างไม่หวั่นเกรงว่า “แกเรียกฉันมาทำไม”

“เจ้าเป็นผีที่มีพลังแก่กล้า และเต็มไปด้วยความแค้นอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ เก็บแรงของเจ้าไว้เถอะ วันนี้ข้าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า” ริลณีถามว่าต้องการอะไร “ข้าก็แค่อยากรู้ว่าทำไมแกต้องคอยตามเล่นงานคุณเอกราชกับเพื่อนด้วย”

“ก็เพราะพวกมันฆ่าฉันน่ะสิ ฉันถึงต้องตามล้างแค้นมัน และถ้าขืนแกยังช่วยพวกมันอีก ฉันก็จะฆ่าแกด้วย จำไว้!!”

พลันริลณีก็หายไปพร้อมกับพายุพัดแรงจนข้าวของในสำนักอาจารย์ดำปลิวว่อน พวกโหงพรายจะตามไป อาจารย์ดำบอกไม่ต้องตาม เพราะตนได้รู้สิ่งที่ต้องการแล้ว อาจารย์ดำยิ้มร้ายพึมพำ...

“พวกนั้นฆ่านังนั่นตายงั้นเหรอ!! มิน่าถึงได้กลัวนังผีนั่นกันนัก...ยังหรอก พวกแกยังไม่รู้จักความน่ากลัวที่แท้จริง!”

ooooooo

เอกราชเฝ้าคิดคุมแค้นถามเพื่อนๆว่ามีอะไรที่ตนสู้เตชินไม่ได้บ้าง ทำไมชมพูถึงยังไปเข้าข้างเตชิน ตลอดเวลา ถามว่าจะต้องทำอย่างไรชมพูจึงจะหันมาสนใจและรักตน

ประวิทย์ถามว่าที่พยายามทำอยู่นี้เพราะรักริลณีหรือว่าอยากจะเอาชนะเท่านั้น เอกราชตอบไม่ลังเลว่า อยากเอาชนะ เพราะคนอย่างตนอยากได้ใครแล้วต้องได้ ตุลเทพเสนอให้จับปล้ำเสียเลย เพื่อนๆพากันเชียร์เชื่อว่าเตชินที่เป็นสุภาพบุรุษคงยังไม่ได้แตะต้องชมพู เขาจะเป็นคนแรก หลังจากนั้นเขาจะรักหรือเลิกก็ถือว่าคุ้มแล้ว

เอกราชทำตามคำยุยงของเพื่อนๆ โทร.ไปอ่อยชมพูว่าอยากรู้ไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับริลณีเมื่อสองปีที่แล้ว เวลานี้ผีริลณีจะฆ่าตน ตนยังไม่อยากตาย อ้อนวอนขอให้ชมพูช่วยตนด้วย

เพียงเอาเรื่องริลณีมาล่อก็หลอกให้ชมพูออกมาพบได้สำเร็จ เธอถามว่าจะให้ไปพบที่ไหน เอกราชบอกว่าเดี๋ยวตนจะมารับเอง วางสายแล้วเอกราชยิ้มร้ายในขณะที่ประวิทย์แอบฟังอยู่คิดหนักว่าจะทำอย่างไรดี เพราะนับแต่มาอยู่กับเอกราชเขาก็ลุ่มหลงจนบอกกับตัวเองว่า

“ฉันไม่มีวันให้นายกลับไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว!!”

ooooooo

วันนี้เตชินนัดชมพูไปทำบุญที่วัดหลวงพ่อคงด้วยกัน แต่เลยเวลาไปนานมากแล้วยังไม่เห็นมา เขาโทร.ตามก็ไม่รับสาย จึงโทร.ไปที่บ้าน พิสมัยรับสายบอกว่าชมพูออกไปนานแล้ว เตชินคิดว่ารถคงติดเลยผิดเวลานัด

เตชินโทร.หาชมพูอีกพอเธอจะรับสาย เอกราชก็ขู่ว่าถ้าเธอบอกว่าออกมากับตน ตนก็จะไม่บอกความลับกับเธอ ชมพูจึงไม่กล้ารับสาย ทำให้เตชินยิ่งร้อนใจ ทันใดนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากประวิทย์บอกว่าเอกราชกำลังพาชมพูไป เขาถามว่าไปที่ไหน แล้วรีบออกไปทันที

เอกราชพาชมพูเข้าไปในออฟฟิศร้าง ชมพูขอรอข้างนอก เขาก็อ้างว่าหลักฐานนั้นใหญ่มากเอาออกมาไม่ได้กลัวแตกหักเสียหาย

เอกราชหลอกล่อจนชมพูต้องเข้าไป พอเธอเข้าไปก็ถูกเขาปล้ำทันที ชมพูตกใจมากตะโกนให้ปล่อย

ประวิทย์แอบดูอยู่โทร.บอกเตชินให้รีบมา เตชินบอกให้เขาพยายามหาทางขัดวางเอกราช ประวิทย์ไม่กล้า ย้ำกับเตชินว่าอย่าบอกเอกราชว่าตนโทร.บอกเด็ดขาด ถ้าเอกราชรู้ต้องเกลียดตนมากแน่ๆ บอกเตชินว่าที่ตนต้องทำอย่างนี้เพราะไม่อยากให้เอกราชทำผิดอีกและชมพูก็เป็นเพื่อนตนด้วย

เตชินร้อนใจเร่งให้เขารีบเข้าไปดูแลชมพู ประวิทย์ย้ำว่าเขาต้องรักษาสัญญา ตนไม่อยากให้เอกราชเดือดร้อน

“ถ้ามันไม่ทำอะไรชมพู ผมก็จะไม่ทำอะไรมัน คุณต้องช่วยชมพูนะ ผมจะรีบไป”

ส่วนชมพูถูกเอกราชปล้ำ เธอกระแทกเข่าผ่าหมากจนเอกราชจุก แล้วรีบลุกวิ่งหนีพลางร้องขอความช่วยเหลือ

“คิดว่าจะมีใครมาช่วยงั้นเหรอ” เอกราชคำรามไล่ตามไปอย่างดุร้าย

ooooooo

ประวิทย์แอบอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงชมพูร้องขอความช่วยเหลือก็ตกใจ ร้อนรน แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะไม่กล้าปรากฏตัว เหลียวมองไปเห็นรถของเอกราชจอดอยู่ ฉุกคิดอะไรได้ ย่องไปที่รถทันที

สัญญาณกันขโมยรถดังขึ้น เอกราชมองขวับไปที่รถ อึดใจเดียวก็มีเสียงเคาะประตูหลังบ้าน เคาะรัวอย่างเร่งเร้า เอกราชถอดเข็มขัดรัดชมพูไว้กับราวบันไดแล้วเปิดประตูชะโงกหน้าไปดู ปรากฏว่าไม่มีใครเลย เพราะประวิทย์แอบอยู่อีกมุมหนึ่งใช้ไม้ยาวเคาะประตูแทนมือ เอกราชรีบปิดประตูแล้วพุ่งไปหาชมพู พลันก็ชะงักหน้าเสียเมื่อเตชินผลักประตูพรวดเข้ามาตรงไปต่อยเอกราชล้มก้นจ้ำเบ้า ชี้หน้าด่า

“ผู้ชายอย่างแกก็ดีแต่จะทำร้ายผู้หญิง กี่คนแล้วล่ะที่แกทำแบบนี้”

เตชินผละจากเอกราชรีบไปแกะมือชมพูที่ถูกมัดอยู่ เอกราชลุกขึ้นคว้าไม้ที่วางอยู่แถวนั้นจะฟาดเตชินที่หันหลังให้ ชมพูเห็น เธอร้องตะโกน “พี่เตชิน ระวังค่ะ!”

เตชินหลบไม้ได้ทัน พุ่งเข้าต่อสู้กับเอกราชด้วยมือเปล่า เอกราชเสียเปรียบถูกผลักล้มลง เตชินรีบไปช่วยชมพู แกะเข็มขัดที่รัดมือเธอไว้กับราวบันได พาวิ่งออกไปทันที เอกราชมองตามอย่างแค้นใจ

ประวิทย์ที่แอบดูอยู่ เห็นเอกราชหยิบขวดเบียร์ฟาดแตกเป็นปากฉลาม ประวิทย์มองไปทางเตชินด้วยความเป็นห่วง พริบตานั้น ประวิทย์ช็อก เมื่อเห็นอะไรบางอย่าง!

ชมพูหันมองเอกราช เธอตกใจเมื่อเห็นเอกราชกำขวดเบียร์ที่ตีแตกเป็นปากฉลามแน่นไล่ตามมา

“แกคิดว่าจะเดินเข้ามา แล้วพาชมพูกลับออกไปง่ายๆงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก ในเมื่อแกทำฉันเจ็บ แกก็ต้องเจ็บด้วย ไอ้เตชิน!” เอกราชวิ่งไปจะเอาขวดปากฉลามแทงเตชิน แต่ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นผีริลณีออกมายืนขวางจ้องอย่างอาฆาตปกป้องเตชินไว้

ขวดเบียร์ปากฉลามตกจากมือเอกราช เขาหันหลังจะหนี ถูกผีริลณีตามอย่างดุร้าย เห็นขวดเบียร์ปากฉลามกลิ้งอยู่ ไม่ไกลนั้นมีไม้แหลมหักปักอยู่ ผีริลณีคะเนว่าถ้าเอกราชเหยียบขวดเบียร์ก็จะลื่นล้มทับถูกไม้แหลมเสียบอย่างแน่นอน

เอกราชถอยไปเหยียบขวดเบียร์ลื่นจะล้มทับไม้แหลมจริงๆ! เตชินเห็นดังนั้นพุ่งเข้าไปผลักเอกราชพ้นอันตรายแต่ตัวเองกลับถูกไม้แหลมเสียบแทน!

ชมพูกับผีริลณีตกใจรีบเข้าไปดูเตชิน เอกราชฉวยโอกาสนั้นหนีไปได้ ผีริลณีจะตามไปแต่อาการของเตชินน่าเป็นห่วงเพราะเลือดทะลักไม่หยุด เธอจึงหันกลับมาเอามือปิดแผลจนเลือดหยุดไหล ในขณะที่ชมพูรีบโทร.เรียกรถพยาบาล

ooooooo

ขณะเตชินนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องฉุกเฉินนั้น ผีริลณีเข้าฝัน บอกเขาว่าไม่ต้องกลัว แผลเขาอีกไม่กี่วันก็จะหาย

“นี่รินอยู่ดูแลผมตลอดเลยเหรอ ผมดีใจนะครับ ที่ตื่นมาแล้วเห็นคุณเป็นคนแรก”

“รินจะไม่ไปไหน รินจะอยู่ใกล้ๆคุณ คอยอยู่ดูแลคุณ ไม่ให้ใครทำอะไรคุณได้”

ขณะทั้งสองมองกันด้วยความรักอย่างสุดซึ้งนั้น เตชินสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงชมพูร้องเรียกจึงรู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองฝันไป

“พี่เตชินฟื้นแล้วเหรอคะ พี่เตชิน...” ชมพูร้องไห้อย่างน่าสงสาร โทษตัวเองว่า “เพราะชมพูแท้ๆที่ทำให้พี่เจ็บขนาดนี้ ชมพูขอโทษนะคะ ชมพูไม่น่าโง่ให้เขาหลอกเลย”

เตชินบอกว่าเธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขอให้เธอสัญญาว่าคราวหน้าคราวหลังมีอะไรต้องบอก ห้ามทำอะไรคนเดียวแบบนี้เด็ดขาด ถามว่าแล้วจะเอาเรื่องเอกราชไหม ชมพูไม่เอาเรื่องถือเสียว่าได้เรียนรู้สันดานผู้ชายเลวๆ ก็แล้วกัน ถามเขาด้วยความเป็นห่วงว่าเจ็บแผลมากไหม

เตชินบอกว่านิดนึง ชมพูจับบนแผลเบาๆ แต่เตชินร้องอย่างเจ็บปวด เธอตกใจบอกว่าอย่างนี้ไม่น่าจะนิดเดียวแล้ว...เตชินมองเธอหัวเราะขำๆ ทำเอาชมพูเขิน แก้เกี้ยวด้วยการหันไปดึงผ้าห่มคลุมให้

ที่หน้าห้องฉุกเฉิน เห็นอารมณ์กุ๊กกิ๊กของทั้งสองแล้ว พิสมัยหันมองสามีพูดประชดที่พิชัยเคยสนับสนุนให้ชมพูคบกับเอกราชว่า

“เป็นไงล่ะคะ คนดีของคุณ เกือบทำเอาลูกสาวเราแย่แล้วไหมล่ะ นี่ถ้าเตชินไปช่วยไม่ทันไม่รู้ว่าลูกเราจะเป็นอย่างไร”

พิชัยยอมรับว่าตนมองคนผิด ถ้าชมพูไม่ขอร้องไว้ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่พิสมัยกลับเห็นว่า เรื่องแบบนี้เอะอะไปคนที่เสียหายคือลูกเราเอง เมื่อลูกเราไม่เสียหายอะไรก็ปล่อยไป ก็แค่ระวังอย่าให้เขามายุ่งกับลูกของเรา พิชัยรำพึงว่าต่อไปใครจะมารักลูกเราคงต้องดูให้มากกว่านี้

“ไม่ต้องเสียเวลาไปมองใครแล้วล่ะค่ะ เพราะคนที่ลูกเรารักมีอยู่แค่คนเดียว เชื่อฉันเถอะค่ะ ไม่มีใครจะดีและเหมาะสมกับลูกเรามากกว่าเตชิน”

พิสมัยมองเข้าไปในห้องเห็นชมพูหน้าตายิ้มแย้มดูแลเตชินอย่างมีความสุขก็พลอยยิ้มไปด้วย แต่พิชัยกลับถอนใจ

ooooooo

เอกราชแค้นใจที่ถูกขัดจังหวะเรื่องชมพูและหวาดกลัวผีริลณีมาก คุยกับพรรคพวกที่สนามเล่นกีฬาทางน้ำว่า

“ฉันไม่เข้าใจ อยู่ๆไอ้เตชินมันตามไปช่วยได้ยังไง ในเมื่อที่ที่ฉันพาไปก็ไม่มีใครอยู่ แล้วฉันก็ไม่เคยบอกแผนนี้กับใครด้วย” ตุลเทพถามว่าแน่ใจหรือ “คนที่รู้ก็มีแค่พวกเราแล้วก็ประวิทย์อีกคน นอกนั้นก็ไม่เคยพูดกับใครอีก”

คำยืนยันของเอกราช ทำให้แต่ละคนร้อนตัว ปริมลดาบอกว่าตนไม่ได้พูดแน่ ตุลเทพก็ไม่ได้พูด เอกราชสรุปว่าก็เหลือประวิทย์คนเดียวแต่ตนมั่นใจว่าประวิทย์ไม่มีวันหักหลังตน

ปริมลดาถามว่าจะแน่ใจได้อย่างไรในเมื่อประวิทย์เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ตุลเทพก็ชี้ว่าประวิทย์รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ดีกว่าที่เขารู้เรื่องของตัวเองเสียอีก ปริมลดาเสนอให้หันไปดูคนที่เขาไว้ใจที่สุดดีกว่า บางทีอาจจะพบอะไรที่เขาไม่เคยรู้ก็ได้

เมื่อกลับถึงห้องเพนต์เฮาส์ที่อยู่กับประวิทย์ เอกราชฉวยโอกาสที่ประวิทย์เข้าห้องน้ำ แอบหยิบมือถือเปิดดูพบว่ามีโทร.ถึงเตชินในเวลาที่เกิดเหตุพอดี เอกราชคำราม “แกโทร.บอกมันจริงๆ” ไม่เพียงเท่านั้นเปิดดูรูปที่ประวิทย์เก็บไว้ เขาตะลึงเมื่อมีแต่รูปผู้ชายเซ็กซี่ออกแนวเกย์ๆ เขาพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “อย่าบอกนะว่าไอ้ประวิทย์เป็น...เกย์...”

เอกราชโกรธมากรื้อข้าวของของประวิทย์จนเจอสมุดไดอารี่ที่ประวิทย์เขียนบันทึกทุกคืน เขาพลิกอ่านอย่างเร็ว พบรูปตัวเองที่ถูกประวิทย์แอบถ่ายในอิริยาบถต่างๆที่ดูเซ็กซี่ และเขียนบรรยายถึงความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดตน เอกราชช็อกแล้วช็อกอีก

ประวิทย์เข้ามาเห็นรีบเข้าไปแย่งสมุดไดอารี่ ถูกเอกราชชกลงไปกอง ด่าอย่างเกรี้ยวกราด

“แกทำแบบนี้ทำไม แกเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดทำไมถึงกล้าหักหลังฉัน” ทีแรกประวิทย์ก็งง แต่พอเอกราชอ้างหลักฐานว่าเขาโทร.ไปบอกเตชิน ประวิทย์ก็หน้าเสียรีบขอโทษ ยอมรับว่าตนแค่ไม่อยากให้เขาทำผิดแต่ไม่รู้จะหยุดเขาอย่างไร สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก เอกราชผลักประวิทย์ที่โผเข้าหาจนล้มหัวกระแทกมุมโต๊ะแตกเลือดไหลเป็นทาง

เอกราชทั้งโมโหและแสดงความรังเกียจประวิทย์อย่างมาก ไล่เขาออกไปจากคอนโดของตนเดี๋ยวนี้เลย

ประวิทย์เก็บข้าวของด้วยหัวใจที่แตกสลาย เจอสมุดไดอารี่ก็หยิบมาฉีกจนถึงหน้าหนึ่งที่มีแต่ตัวอักษร เลือดประวิทย์หยดลงบนข้อความที่เขียนว่า “พวกเราฆ่าริลณี” แล้วปิดสมุดเอาใส่กระเป๋า มองเข้าไปในห้องพึมพำ

“ฉันก็อยากรู้ว่าถ้านายไม่มีฉัน นายจะอยู่ยังไง” แล้วหิ้วกระเป๋าออกไปทันที

ooooooo

เมื่อปริมลดาและตุลเทพรู้เรื่องที่เอกราชไล่ประวิทย์ออกจากคอนโด ต่างก็ตกใจเพราะประวิทย์รู้เรื่องของพวกตนทั้งหมด ถ้าประวิทย์เกิดแค้นแล้วเอาไปบอกใครพวกเราแย่แน่ เอกราชตกใจมากที่ตัวเองคิดไม่ถึงจริงๆ

ประวิทย์เสียใจมาก ไปเที่ยวบาร์เกย์ดื่มอย่างหนัก ระบายความอัดอั้นจนเพื่อนชายที่นั่งอยู่ด้วยถามว่าทำไมแฟนเขาถึงใจร้ายนัก ถามว่าเสียใจมากใช่ไหม

ประวิทย์ไม่นับเอกราชเป็นเพื่อนและนาทีนี้คำว่าเสียใจยังน้อยไปสำหรับตน รู้ตัวว่าตัวเองโง่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา เพื่อนชายรุ่นน้องคนนั้นเห็นเขาดื่มหมดแก้วจึงไปจัดที่แรงกว่าให้ ระหว่างนั้นผีริลณียืนดูอยู่ เมื่อเพื่อนชายของประวิทย์คนนั้นกลับมา ผีริลณีสะกดจิตเขาทันที ถามประวิทย์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ผีริลณีที่สะกดจิตชายคนนั้นอยู่บอกว่า นายต้องแก้แค้น อย่าปล่อยให้เขาทำเราเจ็บฝ่ายเดียว นายต้องเอาคืน ชายคนนั้นพูดตาม ประวิทย์ถามว่าเอาคืนยังไง?

“ก็ทำให้คนที่ทำเราเจ็บ เจ็บยิ่งกว่าเราเป็นสิบเท่า ในเมื่อรักกันไม่ได้ก็เกลียดกันไปเลยก็แล้วกัน” ประวิทย์ถามว่าตนควรทำอย่างไร “นายรู้จักเขาดีนี่ นายก็ต้องรู้สิว่าเรื่องอะไรจะทำให้คนคนนั้นเจ็บปวดมากที่สุด”

ฟังแล้วประวิทย์หยิบโทรศัพท์มือถือโทร.ออกทันที เขาโทร.บอกชมพูว่าจะสารภาพความจริงให้ฟัง ชมพูที่เพิ่งถูกเอกราชหลอกระแวงว่าจะถูกหลอกอีก ประวิทย์บอกว่าถ้าไม่เชื่อตนก็ถามเตชินดูว่าวันนั้นใครเป็นคนบอกให้เขาไปช่วยเธอ เมื่อรู้ความจริง ชมพูจะไปพบประวิทย์ เตชินจะไปเป็นเพื่อน แต่ประวิทย์ก็มีข้อแม้ว่า

“ถ้าฉันบอกเรื่องที่พวกเราทุกคนทำกับริลณี เธอจะต้องกันฉันเป็นพยาน ฉันไม่อยากติดคุก สัญญาได้ไหม”

เมื่อชมพูรับคำ ประวิทย์หยิบมือถือโทร.ออกหาใครบางคน พอดีเพื่อนชายคนนั้นออกมาถามว่าทำอะไรอยู่หรือ

ประวิทย์บอกว่าขายความลับที่ไม่มีใครรู้ ความลับที่ทำลายอนาคตทุกคนได้ ตนขายมันเพื่อตัวเองจะได้รอด

“มันต้องอย่างนี้สิพี่ พี่นี่เจ๋งสุดๆเลย งั้นคืนนี้ผมต้องให้รางวัลพี่ชุดใหญ่ซะแล้ว” ชายคนนั้นเข้านัวเนีย ประวิทย์คล้อยตามไปด้วยกัน ในขณะที้โทรศัพท์ที่ประวิทย์โทร.ออกหาใครบางคนยังทำงานอยู่

เอกราชที่ฟังโทรศัพท์อยู่ กำโทรศัพท์จนมือสั่นคำราม “ไอ้ประวิทย์แกคิดจะหักหลังฉันงั้นเหรอ”

ooooooo

ประวิทย์นั่งอ่านไดอารี่ที่ตัวเองเขียนอย่างทบทวนความจำอยู่ที่ร้าน...

“นี่เป็นการเขียนไดอารี่ที่ผมไม่ควรเขียน แต่ผมจำเป็นต้องเขียนมันไว้ เพื่อเป็นหลักฐานการยืนยันและเตือนความจำตัวเองเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่ง ผม เอกราช เชิงชาย ตุลเทพ ปริมลดา และหงส์หยก ได้ร่วมกันฆ่าคนคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ แม้มันจะเป็นความผิดพลาดที่ไม่อยากให้เกิด แต่เราทุกคนก็ต้องยอมรับว่าพวกเราทั้งหกคนเป็นคนทำให้ริลณีต้องตาย!!”

พลันประวิทย์ก็สะดุ้งเมื่อเสียงกริ่งหน้าร้านดังขึ้น เขาดูนาฬิกาพึมพำว่าทำไมมาเร็วจัง เขาถือสมุดไดอารี่เดินหายไปข้างในแล้วออกมามือเปล่า เดินไปเปิดประตู ประวิทย์ชะงักหน้าเผือดเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือ เอกราช!

เอกราชทำทีมาสารภาพผิดและขอโทษประวิทย์ที่ตนรุนแรงกับเขา อารมณ์อย่างประวิทย์เพียงเอกราชออดอ้อนเล็กน้อยก็ใจอ่อน เคลิ้ม แต่ก็ถามเอกราชว่า “แล้วนายรับที่ฉันเป็นได้แล้วเหรอ”

“คนที่เป็นเพื่อน ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เขาก็เป็นเพื่อนใช่รึเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ตอนนี้ไม่ว่านายจะเป็นอะไรฉันไม่สนหรอก” เอกราชมองประวิทย์ด้วยสายตาจริงจัง ประวิทย์ดีใจมากที่เพื่อนยอมรับตน

เตชินกับชมพูเตรียมจะมาพบประวิทย์ แต่ได้รับข้อความจากเขาว่าวันนี้ไม่ว่างขอเลื่อนนัดไปก่อน ทั้งสองระแวงว่าประวิทย์จะเปลี่ยนใจไม่บอกความลับ ตัดสินใจกันว่ายังไงวันนี้ก็ต้องไป ชมพูบอกว่าตนจะบังคับให้ประวิทย์บอกให้ได้

ผีริลณีที่ติดตามทั้งสองอย่างใกล้ชิดพึมพำว่าตนจะไม่มีวันยอมให้ไปขัดขวางความสุขของเพื่อนรักทั้งสองเด็ดขาด

ดังนั้น เมื่อเตชินไปสตาร์ตรถปรากฏว่าสตาร์ตไม่ติด เมื่อเปลี่ยนไปเรียกแท็กซี่ก็ไม่มีแท็กซี่คันไหนจอดรับ บางคันจอดแต่พอเห็นผีริลณียืนจ้องอยู่ก็ออกรถหนีไปทันที

เอกราชทำเวลาเต็มที่หว่านล้อมจนประวิทย์รับปากว่าจะไม่หักหลังเขา จะไม่เล่าความลับของพวกเราให้ใครฟัง เอกราชอ้อนว่าตอนนี้ตนหิวมาก ทำอะไรให้กินหน่อยได้ไหม ประวิทย์ดีใจมากที่เอกราชปฏิบัติตัวเหมือนเดิมรีบรับปากอย่างมีความสุขมาก

ระหว่างประวิทย์เตรียมเครื่องและรอเวลาทำสปาเกตตีนั้น เอกราชถือไวน์มาสองแก้วชวนดื่มฉลองมิตรภาพกัน ประวิทย์รับแก้วไวน์ไปดื่มอย่างมีความสุข ในขณะที่เอกราชแอบดูด้วยสายตาร้ายกาจ สะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ooooooo

เมื่อเรียกแท็กซี่ไม่ได้ เตชินตัดสินใจจะเดินไป ชมพูขอเวลายกมือไหว้ภาวนา พริบตาเดียวก็เกิดแสงสีทองส่องเข้ามาทำให้ผีริลณีต้องหนีไปพร้อมกับแท็กซี่ที่เข้ามาจอดรับ ทั้งสองมองกันทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เอกราชวางยาประวิทย์จนเมื่อเขาจะไปทำสปาเกตตีก็รู้สึกง่วงงุนหันจะหาที่นั่งพักก็เห็นริลณีปรากฏให้เห็นเบื้องหน้า ประวิทย์ตกใจถามว่าจะทำอะไรตน ผีริลณีบอกว่าตนแค่จะมาดูเขาตายเท่านั้น ระหว่างนั้นเอง เอกราชเข้ามาหยิบมีดคมกริบ ประวิทย์ตกใจหันร้องขอให้ริลณีช่วยด้วย

เอกราชบอกว่าตนเกลียดที่สุดคือการถูกหักหลัง พูดใส่หน้าประวิทย์ว่า “ฉันไม่มีวันยอมปล่อยให้นายเอาเรื่องของฉันไปบอกใครที่ไหนหรอก แล้วทางเดียวที่จะปิดปากนายได้สนิทก็คือ ฆ่านายเสีย” ประวิทย์ช็อก เอกราชบอกว่าไม่ต้องกลัวตนจะฆ่าเขาให้ตายเร็วที่สุดโดยไม่ทรมาน

ขณะเอกราชหันไปมองหามีดเล่มใหญ่กว่าเดิมนั่นเอง ประวิทย์ยกหม้อน้ำเดือดสาดแต่ไม่มีแรงยกจึงสาดถูกแค่เท้าของเอกราช ประวิทย์วิ่งร้องขอความช่วยเหลือออกไป เอกราชเจ็บเท้าแต่พอคว้ามีดเล่มใหญ่ได้ก็พยายามวิ่งตามประวิทย์ไป

“ดูคนฆ่ากันสนุกอย่างนี้เอง...ฮ่าๆๆ” ริลณีหัวเราะสะใจ ไปขวางประวิทย์ไว้บอกว่าอย่าเพิ่งหนีไปไหนอีกเดี๋ยวเดียวเขาก็จะเข้าใจความรู้สึกก่อนตายอย่างตนแล้ว

เมื่อจวนตัว ประวิทย์หันไปอ้อนวอนเอกราชบอกว่าตนรักเขาและไม่มีวันหักหลังเขา เอกราชตวาดว่าโกหกตนได้ยินเต็มสองหูแล้วว่าเขาจะขายความลับเพื่อเอาตัวรอด ประวิทย์บอกว่าตอนนั้นคิดว่าเขาเกลียดตน

“ตอนนี้ฉันก็ยังเกลียดนายอยู่ นายคิดเหรอว่าฉันจะยอมให้คนวิปริตผิดเพศอย่างนายมาอยู่ใกล้ฉัน นายมันหมดประโยชน์กับฉันแล้วประวิทย์ ลาก่อน!”

เอกราชเงื้อมีดคมกริบเล่มใหญ่ฟันฉับลงไป ร่างประวิทย์ล้มเลือดสาดหัวกระเด็นไปอีกทาง เอกราชยืนมองสมเพชแล้วเดินไปที่ศพ หยิบเครื่องรางห้าแฉกจากคอประวิทย์ พูดเหี้ยม สะใจ

“จริงๆนายก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์กับฉันเสียทีเดียวหรอก” เอกราชมองเครื่องรางในมือเดินยิ้มเหี้ยมออกไป

ริลณียืนมองการฆ่ากันของทั้งสองอย่างมีความสุขมาก

ครู่เดียวเตชินกับชมพูก็มาถึง เรียกประวิทย์ไม่มี เสียงตอบจึงผลักประตูเข้าไป ทั้งสองช็อกกับภาพที่เห็น

“กรี๊ดดดดด!!!!” ชมพูกรีดร้องหันซบอกเตชินตกใจสุดขีดกับภาพสยองตรงหน้า

เอกราชกลับไปอาบน้ำชำระร่างกายแล้วหยิบเครื่องรางห้าแฉกที่เอามาจากศพประวิทย์สวมคอ มองตัวเองในกระจก

“นังริลณี!! ต่อจากนี้แกไม่มีวันจะทำอะไรฉันได้อีกแล้ว!!” เอกราชพึมพำผยอง

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น