วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 1


เพลงลำ...สาวสวยเผ็ดดุเป็นลูกสาวคนเดียวของบัวสาย แม่เพลงลำตัดคนดังของบ้านบางลำสุพรรณบุรี ตั้งแต่จำความได้เพลงลำมีเพียงแม่บัวสาย ยายบัวผ่อง และน้าบัวเผื่อนที่เลี้ยงดูเธอมา เธอไม่รู้จักพ่อ หรือที่จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร นอกจากแม่บัวสายซึ่งไม่ยอมพูดถึงสักครั้ง

เพลงลำมีเพื่อนซี้วัยไล่เลี่ยกันชื่อไข่กาซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่บัวสายเก็บมาอุปการะ ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน รักใคร่กลมเกลียวยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมา เพลงลำสวยคมตากลมโต มีสง่า เสียงดีเหมาะจะหัดเล่นลำตัดแต่เธอกลับชอบที่จะหัดชกมวยไทยกับน้าบัวเผื่อนมากกว่าและทำได้ดีเสียด้วย ตรงข้ามกับไข่กาที่อยากเป็นลำตัดเหลือเกินทั้งที่คุณสมบัติไม่พร้อมเอาเสียเลย

คณะลำตัดของบัวสายชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่รุ่นแม่ มีเจิดหนุ่มหล่อล่ำสันเป็นพ่อเพลงที่เก่งมาก เจิดมาฝึกกับบัวสายตั้งแต่เด็ก เขาเป็นกำลังสำคัญของคณะ บัวสายเลี้ยงเจิดและคนอื่นๆเหมือนลูกหลาน บ้านนี้มีกฎระเบียบและข้อห้ามหลายอย่างเพราะมีคนมาก แต่ก็อยู่กันมาได้ เจิดรักเพลงลำมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม เขาอายุมากกว่าเธอไม่กี่ปี แต่สำหรับเพลงลำแล้วเจิดเป็นพี่ชายที่แสนดีเท่านั้น

กำนันฝอยแห่งบ้านบางลำกับฝาจีบและฝาจุก ลูกชายและลูกสาวมักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเพลงลำอยู่เนืองๆด้วยเรื่องที่สามคนพ่อลูกชอบเอารัดเอาเปรียบชาวบ้านตาดำๆ แถมฝาจีบก็กะลิ้มกะเหลี่ยจะลวนลามเพลงลำอยู่เรื่อยๆ

แล้ววันนี้ฝาจีบกับสมุนก็โดนเพลงลำกับไข่กาเอาโคลนปาใส่เลอะเทอะไปทั้งตัว โทษฐานที่มาเกาะแกะแถมร้องลำตัดล้อเลียนทั้งที่รู้ว่าเพลงลำไม่ชอบเอามากๆ

ขณะที่สองฝ่ายสาดโคลนใส่กัน ปกรณ์พล นักศึกษาปริญญาโทตั้งใจทำวิทยานิพนธ์เรื่องลำตัดเพลงพื้นบ้านของไทยได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล ชายหนุ่มมาประสบเหตุโดยบังเอิญโดนลูกหลงจนลืมตาไม่ขึ้น พอปาดโคลนออกจากหน้าก็พบว่าสองสาวจอมแก่นเผ่นแผล็วหายไป ส่วนพวกฝาจีบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว

เพลงลำกับไข่กาหลบไปซุ่มสังเกตชายแปลกหน้าแล้วตัดสินใจเข้ามาคุยด้วยครู่หนึ่งก่อนจะพากันจากไปโดยที่ปกรณ์พลไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับลำตัด ฝ่ายฝาจีบกลับบ้านมาฟ้องกำนันฝอยว่าโดนเพลงลำรังแก กำนันโกรธมากจะไปลากเพลงลำมาคุกเข่าขอโทษลูกชายตน แต่กลายเป็นว่าพอแห่กันไปถึงกลับต้องจ่ายเงินแปดหมื่นเป็นค่าทำขวัญให้เพลงลำตามที่บัวผ่องเรียกร้อง

เพลงลำกับไข่กายิ้มร่ากับเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาแบบฟลุกๆ หลังจากทั้งคู่ช่วยกันบีบน้ำตาเล่าเป็นตุเป็นตะว่าเกือบถูกพวกฝาจีบนับสิบคนปลุกปล้ำข่มขืนขณะพายเรือเก็บสายบัวในบึง

ooooooo

กำนันฝอยเสียเงินและเสียหน้ากลับไปบ้านก็ระดมเขกหัวลูกชายกับสมุนไม่ยั้ง ทั้งเขกหัวทั้งก่นด่าด้วยความโมโห

“แปดหมื่น นี่แน่ะ นี่ๆๆหาเรื่องให้เสื่อมเสียมาถึงชื่อเสียงกำนันยังไม่พอ ยังหาเรื่องเสียทรัพย์อีกต่างหาก นี่ๆๆ”

“โอ๊ยพ่อ...เจ็บนะ หนูกะโหลกร้าวไปจะทำยังไง”

“ทำยังไง...ไม่น่าถาม ก็เอาขวานมาจามให้แบะเป็นสองซีกน่ะสิโว้ย ดีนะ ไอ้เพลงลำมันไม่เอาความ แค่ให้จ่ายค่าสึกหรอแปดหมื่น...แปดหมื่น โธ่ๆๆซื้อทั้งควายเหล็กแถมเมียอีกคนยังได้เลย ทำไมเอ็งถึงได้โง่ยังงี้วะไอ้ฝาจีบ”

“คือ...คือว่ายังงี้จ้ะพ่อ”

“ข้าไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเอ็งขยันทำแต่เรื่องยุ่งๆ ข้าถึงได้เสียเงินค่าทำขวัญไปแปดหมื่น ไม่เสียก็ไม่ได้ เพราะยายบัวผ่องกับไอ้เพลงลำมันจะเอาเอ็งเข้าคุก”

ฝาจุกคิดแล้วคิดอีกก่อนตั้งข้อสังเกตว่า “พ่อ...ฉันว่าเรื่องนี้มันยังไงๆอยู่นะ”

“ยังไง? เสียไปแปดหมื่นค่าทำขวัญ ซ้ำไอ้ฝาจีบยังมอมแมมกลับมาเหมือนหมาตกรางรถไฟยังงี้จะยังไงอะไรอีก”

“ฟังก่อนสิพ่อ ที่ฉันว่าเรื่องนี้มันมีอะไรยังไงก็เพราะคนอย่างไอ้เพลงลำใครจะทำปู้ยี่ปู้ยำกับมันได้ล่ะ มันเรียนมวยไทยจากน้าบัวเผื่อน เป็นตัวล่อเป้าให้นักมวยในค่าย ไหนมันจะเรียนเอกวิชาพลศึกษา เป็นนักกีฬาเทควันโด”

กำนันฝอยชะงัก ครุ่นคิดตาม ฝาจีบได้ทีผสมโรงกับน้องสาวทันที

“ใช่...มันยังไงอย่างที่นังฝาจุกว่าจริงๆนะพ่อ ไอ้เพลงลำมันมือไวตีนไวแถมปากไวอีกต่างหาก ฉันกับไอ้พวกนี้จะไปทำอะไรมันได้ ไม่เชื่อพ่อถามไอ้แสบดูสิ”

“จริงจ้ะพ่อกำนัน ฉันกับพี่ฝาจีบแค่อ้าปากร้องลำตัดล้อแม่มันเท่านั้นแหละ ไม่รู้โคลนมาจากไหนลอยละลิ่วเข้ามานี่...โปะทั้งหน้าทั้งปาก”

“แค่นั้นยังไม่พอนะพ่อ สาดเข้ามายังกับโลกถล่ม ฉันลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเลย นี่ดีนะมีคนแบ่งบุญไปด้วย ไม่ยังงั้นโดนเต็มๆ”

“ใช่! ไอ้หนุ่มที่โผล่พรวดพราดมามันก็โดนอย่างฉันสองคนนี่แหละ”

ฝาจีบกับสมุนช่วยกันยืนยันขันแข็ง กำนันฝอยกับฝาจุกสงสัยนักหนาไอ้หนุ่มที่ว่านั่นคือใคร?

เวลาเดียวกัน เขาคนนั้นเพิ่งกลับถึงบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ ปกรณ์พลเสื้อผ้ามอมแมมโดนดาหวันสาวใช้ซักไซ้เป็นการใหญ่เลยต้องตอบติดตลกว่าตนเดินเซ่อไปชนตอมา...

ปกรณ์พลเป็นลูกชายคนเดียวของอรรถและโฉมตรู อรรถเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมาก แต่ปกรณ์พลไม่เคยสนใจกิจการของพ่อ ชายหนุ่มชอบดนตรีและงานศิลปวัฒนธรรมทุกประเภท เขามีเพื่อนสนิทชื่อกุชงค์ซึ่งเข้ามาช่วยอรรถทำงานมากกว่าเขาเสียอีก

เมื่อกุชงค์ทราบว่าเพื่อนจะหาข้อมูลเรื่องลำตัดเพื่อทำวิทยานิพนธ์ก็อดห่วงไม่ได้เพราะต้องไปไกลถึงสุพรรณบุรี อีกทั้งเชื่อว่างามไฉไลไฮโซสาวสวยคงไม่ยอมง่ายๆ งามไฉไลเป็นลูกสาวคนเดียวของโพยมยงนักธุรกิจม่ายสาวที่รวยมาก

ครอบครัวอรรถกับโฉมตรูสนิทสนมกับโพยมยงและสามีมานานจนกระทั่งสามีเธอตายจากไป ทั้งสองครอบครัวก็ยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะงามไฉไลที่ติดปกรณ์พลมาตั้งแต่เด็ก เพราะเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันที่ตามใจเธอ ชายหนุ่มเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว แต่เธอไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เธอรักเขา และพยายามประกาศตัวว่าเป็นคู่รักของเขาเสมอ

ooooooo

เพียงเช้าวันถัดมา เพลงลำก็แบ่งเงินแปดหมื่นที่ได้จากกำนันฝอยให้ยายบัวผ่องหนึ่งหมื่นเป็นค่าหมากค่าพลู แม่บัวสายสองหมื่นไว้หนุนนอนแทนหมอน ส่วนที่เหลือตัวเองเก็บไว้เป็นทุนเรียนต่อ

บัวผ่องยิ้มย่องรับเงินมาพร้อมกับชื่นชมหลานสาวทำดี ต่างจากบัวสายที่ไม่รับเงินแถมแสดงท่าทีโมโหจะตีเพลงลำที่แก่นแก้วเกินงาม แต่ไข่กาออกรับแทนพูดไปพูดมาจนน่าเวียนหัว สุดท้ายเพลงลำก็ลอยนวล หยิบยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ไข่กาเอาไปซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่มาเลี้ยงฉลอง

บัวสายโกรธจนพูดไม่ออก เดินดุ่มไประบายอารมณ์กับบัวเผื่อนน้องชายที่ค่ายมวย

“เพราะเอ็งนั่นแหละเลี้ยงไอ้เพลงลำให้มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิง แทนที่จะหัดลำตัดสืบสานวัฒนธรรมพื้นบ้านมันกลับไปหัดมวย แล้วเป็นยังไง”

“เป็นยังไง มันก็มีวิชาความรู้ไว้ปกป้องตัวเองน่ะสิ”

“เป็นอันธพาลน่ะสิไม่ว่า พี่จะจับมันหัดลำตัด เอ็งก็รู้ว่าพี่ไม่มีใครนอกจากเพลงลำ”

“ฉันก็ไม่มีใครรับมรดกค่ายมวย มีไอ้เพลงลำคนเดียว”

“แต่เพลงลำเป็นลูกของพี่”

“มันก็เป็นหลานของฉัน ฉันเป็นคนแบกมันขึ้นหลังตอนมันร้องไห้งอแง ตอนที่พี่ตระเวนไปเล่นลำตัด ก็ฉันนี่แหละเลี้ยงมันมาจนโต”

“เอ็งจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องไปถึงไหน”

สองพี่น้องทุ่มเถียงกันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าบัวผ่องเดินมาหยุดยืนฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วก่อนจะปรากฏตัวเตือนกึ่งด่าบัวสายว่า

“เด็กน่ะมันรักทางไหนต้องให้มันไปทางนั้น หมดสมัยแล้วที่จะจับมันหันซ้ายหันขวา เวลามันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเราไม่เปลี่ยนตามโลกเราก็จะขวางโลกอยู่ยังงี้แหละ เหมือนเอ็ง!”

“แม่...ฉันรักลูกนะ ถึงแม่จะไม่เห็นด้วยที่จะให้เพลงลำหัดลำตัด แต่ฉันเป็นแม่”

“เอ๊ะ แล้วข้าเป็นใครวะ ข้าไม่ได้หอบท้องเอ็งแล้วเบ่งออกมาหรือวะนังบัวสาย”

“เอาน่ะ เป็นมวยมันเสียหายตรงไหน มวยก็เป็นศิลปะ มวยเป็นวัฒนธรรมของคนไทยมาแต่ดั้งเดิม เด็กที่มาฝึกมวยก็ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เอาเวลาไปเกะกะเกเร”

“เอ็งจะให้ไอ้เพลงลำเป็นลำตัด ไม่กลัวหรือว่ามันจะท้องไม่มีพ่อเหมือนเอ็ง”

บัวผ่องเผลอปากประชดออกไป บัวสายสะเทือนใจถึงกับร้องไห้เดินหนี ขณะที่บัวเผื่อนหน้าเจื่อนติงแม่ว่าไม่น่าพูดอย่างนั้นเลย บัวผ่องได้ฟังก็เสียใจที่ตัวเองปากไวไม่คิดหน้าคิดหลัง

“ไม่น่าเล้ย...แม่ไม่น่าทำให้นังบัวสายมันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าเลย ปากนะปาก มันอดไม่ได้เพราะใจมันยังเจ็บ ข้าไม่ให้ไอ้เพลงลำมันหัดลำตัดเพราะข้าไม่อยากให้มันเหมือนแม่มัน”

“แม่...ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะ เด็กสมัยนี้กับสมัยที่พี่บัวสายเป็นสาวน่ะมันไม่เหมือนกัน”

“ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ข้าถึงต้องร้องลำตัดสอนผู้หญิงให้รักนวลสงวนตัวไงล่ะ บัวเผื่อน...เอ็งว่าพรหมจรรย์มีค่ามั้ย”

“อ้าว...ถามฉันได้ยังไง ฉันผู้ชายนะยะ”

“ที่ข้าถามเพราะอยากให้เอ็งรู้ว่าพรหมจรรย์มีค่าสำหรับผู้หญิง มันไม่มีอะไหล่ มันเสียแล้วเสียเลย” พูดจบบัวผ่องก็ทอดถอนใจอย่างเศร้าหมอง

ooooooo

ด้านไข่กาที่รับเงินจากเพลงลำไปซื้ออาหารมาเลี้ยงฉลอง ไม่นึกว่าจะไปเจอพวกฝาจีบที่ร้านค้าแต่ไข่กาก็ทำใจดีสู้เสือปากกล้าใส่พวกเขาที่ท่าทางโกรธแค้นมาก

หลังจากทิ้งความแค้นไว้ให้พวกฝาจีบแล้วไข่กาก็เชิดหน้านวยนาดกลับมาบ้านในสภาพขาสั่นพั่บๆ เล่าว่าเจอพวกฝาจีบท่าทางมันแค้นเหมือนคนบ้า เจิดสีหน้ากังวลสบตาเพลงลำด้วยความเป็นห่วง

“พี่ว่าแล้วว่ามันต้องเป็นเรื่อง ไอ้ฝาจีบมันคงแค้นที่เสียรู้เพลงลำ มีเจ้ากรรมนายเวรเสียแล้วล่ะ”

ไข่การ้อนใจถามเพลงลำว่าเอายังไงดี เพลงลำตอบทันทีว่ามีสมองจะไปกลัวอะไร มีปัญหาก็ไปแก้เอาข้างหน้า ไม่ต้องกลัวว่าชีวิตจะไม่รอด บอกเจิดให้เลิกทำหน้าเหมือนขี้วิ่งขึ้นไปอยู่บนหัวเสียที พ่อเพลงลำตัดได้ฟังถึงกับสะดุ้ง พูดอ้อมแอ้มว่าพี่เป็นห่วงเพลงลำ

“ห่วงทำไม มีหมัดเด็ด เข่าอยู่ว่างๆ ศอกนี่ก็ใช้การได้ หน้านี่เป็นอาวุธร้ายแรง พี่เจิดไม่ต้องห่วง...รอด!”

เพลงลำคุยโว เจิดพยักหน้าน้อยๆอย่างยอมรับว่าเธอเก่ง...ตกกลางคืน เพลงลำกับไข่กาไปดูลำตัดคณะของบัวสายแสดงที่วัดใกล้บ้าน คนดูส่วนใหญ่สูงวัย ต่างปรบมือชอบใจคารมลำตัดของทั้งสองฝ่าย ที่ต่อว่าต่อขานเสียดสีกันด้วยท่วงทำนองสนุกสนาน เพลงลำมองยายกับแม่บนเวที รู้ซึ้งว่าทั้งคู่รักลำตัดเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าอายุจะมากขึ้นแค่ไหนก็ยังเล่น แต่แล้วจู่ๆไข่กาก็ตั้งข้อสังเกตขึ้นมาจนเพลงลำชะงักกึก

“พี่เคยสงสัยไหมว่าทำไมแม่กับยายไม่รับงานลำตัดที่กรุงเทพฯ”

ในเวลาเดียวกันนั้นที่กรุงเทพฯ ปกรณ์พลบอกพ่อกับแม่ที่ร่วมโต๊ะอาหารกันที่บ้านว่าพรุ่งนี้ตนจะไปสุพรรณบุรีเพื่อหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ งามไฉไลที่มาเป็นแขกรีบอ้อนขอไปด้วย อาสาจะขับรถให้ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเชื่อว่าที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เธอจะสนุก

“มีพี่กรณ์ ไฉก็สนุกแล้วล่ะค่ะ ไฉอยู่ว่างๆไม่ได้ไปร้านเพชรกับคุณแม่เหงาจะตาย ไปดูแฟชั่นก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่ไปทะเลก็ยังงั้นแหละ ไม่มีเพื่อนร่วมก๊วนถูกใจไฉสักคน”

“ปกรณ์เขาไปทำงาน เรื่องงานคงไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับหนูหรอก ลุงว่าปล่อยเขาไปเถอะ วิทยานิพนธ์ที่ว่านี่เกี่ยวกับเรื่องอะไร”

“เพลงพื้นบ้านภาคกลางครับ...ลำตัด”

ได้ยินคำว่าลำตัด...อรรถถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที

ooooooo

แม้จะปลื้มที่แม่กับยายอนุรักษ์ลำตัดเพลงพื้นบ้านที่มีมายาวนานแต่เพลงลำก็เชื่อว่าปัจจุบันคนนิยมชมชอบลำตัดน้อยลงทุกที ที่ยังเหนียวแน่นก็เห็นจะมีแต่คนแก่ พวกหนุ่มสาวเขาหันไปสนใจสตริงกันหมดแล้ว

บัวสายรักลำตัดเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อได้ยินเพลงลำวิพากษ์วิจารณ์ลำตัดว่าล้าหลังก็อดเสียใจไม่ได้ เจิดพยายามจะไกล่เกลี่ยประสานรอยร้าวให้สองแม่ลูกแต่เพลงลำก็เอาแต่หลบหน้าหนีไปขลุกอยู่ค่ายมวยน้าบัวเผื่อนซึ่งอยากให้หลานสาวเป็นนักมวยมากกว่าเล่นลำตัด

จนมืดค่ำเพลงลำถึงยอมกลับบ้านย่องขึ้นไปทางครัวเจอไข่กาออกมาจากเรือนใหญ่ถามอย่างห่วงใยว่าไปไหนมา พี่เจิดเป็นห่วงจนไม่เป็นอันต่อกลอนกับแม่ เมื่อสักครู่แม่ยังเขกหัวพี่เจิดว่าไม่รู้จักจำกลอนใหม่ๆ

เพลงลำตอบตรงๆว่าไปค่ายมวย แล้วถามไข่กาว่ามีอะไรกินบ้าง พลันเสียงบัวสายตวาดแว้ดขึ้นมาว่าไม่ต้องกิน เพลงลำสะดุ้งโหยงแต่ทำใจดีสู้เสืออ้อนวอนแม่ขอกินข้าวก่อนตนหิวจนไส้กิ่วแล้ว เรื่องอื่นค่อยพูดกันทีหลัง

บัวผ่องสงสารหลานปราดเข้ามาบอกบัวสายให้เพลงลำกินข้าวก่อนแต่บัวสายไม่ยอม ซ้ำยังสั่งไข่กาเอาข้าวที่เหลือไปเทให้หมา ถ้าเพลงลำไม่ยอมต่อกลอนลำตัดก็ไม่ต้องกินอะไรทั้งนั้น

เพลงลำโอดครวญว่าแม่ทำไมทำแบบนี้ ส่วนบัวผ่องทำท่าจะเอ็ดลูกสาว แต่เจ้าตัวสวนขึ้นเสียก่อนว่า

“ฉันจะทำยังงี้แหละ...ไข่กา บอกให้เอาไปเททิ้งให้หมด เด็กดื้อด้านอย่างไอ้เพลงลำน่ะไม่ต้องเหลืออะไรไว้ให้มันกินหรอก มันยโสโอหัง นึกจะอยู่จะไปมันบอกแม่สักคำที่ไหน นี่กี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ผู้หญิงดีๆเขากลับบ้านกันเหรอสามสี่ทุ่มน่ะ เอ้า! ไอ้พวกนั้นน่ะแยกย้ายกันไปนอน จะมาจับกลุ่มดูอะไรกันอีกล่ะ เอ็งด้วย...เจิด...ไปได้แล้ว”

บัวสายโวยวายใส่ชาวคณะลำตัดของตนที่ออกมายืนออ เพลงลำหน้างอโกรธแม่วิ่งลงจากเรือนไป บัวผ่องจะตามไปง้อก็ไม่ยอมให้ไป ย้ำว่าถ้ามันไม่รักจะเล่นลำตัดก็ไม่ต้องมาเป็นลูกตน

เพลงลำไปนั่งกอดเข่าอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ สักครู่เจิดตามมาจุดยากันยุง แต่เธอประชดว่าไม่ต้องมาใส่ใจตน ยังไงเขาก็อยู่ข้างแม่อยู่แล้ว

“แม่หวังดี เห็นแนวทางที่จะรักษาสมบัติไว้ให้ลูกหลานคนไทย ลำตัดอาจจะไม่ใช่ไร่นาที่แม่มี แต่ลำตัดก็อยู่กับเราตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย เหมือนสมบัติของเราทุกคน”

“อย่ามาหว่านล้อมฉันเลยเสียเวลาเปล่าๆ ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเล่นลำตัดเหมือนแม่นะ ทวดเป็นลำตัดมาตั้งแต่ครั้งกรุงเทพฯยังเป็นแค่บางกอก ยายเล่นลำตัดตอนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงจากบางกอกเป็นรัตนโกสินทร์ แม่เล่นลำตัดมาตั้งแต่ครั้งเขาเปลี่ยนให้รัตนโกสินทร์เป็นกรุงเทพฯ ฉันก็เห็นแต่คนดูลำตัดลดน้อยลงไปเรื่อยๆ”

“เพลงลำ...ที่เพลงลำเกลียดลำตัดเพราะเกลียดแม่ใช่ไหม”

หญิงสาวนิ่งงันไม่ตอบ นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวดเพราะตนเองไม่มีพ่อ บัวสายท้องหลังไปเล่นลำตัดฉลองรัตนโกสินทร์ จนเพลงลำเกิดก็ไม่เคยรับรู้เรื่องราวของพ่อเลยสักนิด

ooooooo

ปกรณ์พลออกเดินทางไปสุพรรณบุรีตั้งแต่ตีห้า

งามไฉไลมาถึงตอนเช้าจึงคลาดกัน เธอบ่นอย่างหงุดหงิดก่อนกระฟัดกระเฟียดกลับไปด้วยความผิดหวัง

ปกรณ์พลขับรถไปเกือบถึงบ้านบัวสายแต่แล้วรถเสียกลางทาง เขาโชคดีที่เพลงลำขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาเจอ เขาและเธอจำกันได้ เพลงลำอาสาพาปกรณ์พลไปหาช่างเอื้องโดยให้เขาซ้อนท้าย กำชับให้เกาะแน่นๆ ตกลงไปตนไม่รับผิดชอบ

ชายหนุ่มเกาะเอวเธอแน่น พอถึงร้านช่างเอื้อง เพลงลำเบรกรถตัวโก่งทำให้หัวคนซ้อนท้ายกระแทกหมวกกันน็อกของเธออย่างแรงร้องโอ๊ย!

ไอ้แสบสมุนของฝาจีบนั่งมองจากมุมหนึ่ง เห็นช่างเอื้องในชุดมอมแมมไปด้วยน้ำมันเครื่องเดินมาถามเพลงลำว่ามีอะไรให้รับใช้

“รถคุณคนนี้เสีย จอดทิ้งไว้ที่ถนนใหญ่โน่น ไปดูให้หน่อยได้มั้ย สงเคราะห์เขาหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องกินข้าวลิง”

“ช่างเอื้องสร้อยพร้อมบริการพี่เพลงลำ” ช่างพูดขาดคำ ปกรณ์พลพึมพำชื่อเพลงลำเบาๆอย่างจดจำ

เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านกำนันฝอย กำนันนอนให้หมอนวดแผนโบราณจับเส้นอย่างเพลิดเพลิน แต่พอเห็นฝาจุกลูกสาวเดินหน้ามุ่ยมากระแทกตัวนั่งใกล้ๆ กำนันก็รีบไล่หมอนวดกลับไปโดยไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้าง

“นี่พ่อ ทำไมหมู่บ้านเรามันถึงได้เงียบยังงี้ ไม่มีรถฉายหนังเร่ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว”

“โธ่...นังฝาจุก รถฉายหนังเร่น่ะเขาเลิกไปตั้งนานแล้ว หาอะไรทำสิวะ ไร่นาก็ไม่ทำอ้างว่าเหนื่อยร้อน”

“ก็ฉันเป็นลูกคนรวย กำนันฝอยมีที่ดินตั้งครึ่งค่อนตำบล ยึดจากจำนองบ้าง ยึดจากขายฝากบ้าง ทำไมฉันกับพี่ฝาจีบต้องทำตัวลำบาก”

กำนันฝอยพรวดพราดลุกขึ้นนั่งเหมือนนึกได้ ถามหาฝาจีบว่าไปไหน?

ขณะนั้นฝาจีบในชุดเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดออกจากบ้านไปท่ามกลางแดดเปรี้ยง มุ่งหน้าไปร้านประจำหวังเจอเพลงลำผู้หญิงที่อยากได้เป็นเมีย...

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น