วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 13


ชัชสงสัยการตายของหงส์หยก ดูข่าวการตายของหงส์หยกจากคอมฯ นึกได้ว่าตอนนั้นเห็นริลณียืนอยู่ใกล้ๆศพ เชื่อว่าถ้าสิ่งที่เห็นเป็นจริงก็น่าจะติดอยู่ในภาพบ้าง ลองซูมดูก็เห็นจริงๆ แม้จะไม่ชัดแต่ดูรู้ว่านั่นคือริลณี!

เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเช่นนี้แล้ว ชัชหาทางที่จะบอกเตชิน แต่ก็กังวลว่าเตชินไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ก็หนักใจ แต่ความรักความเป็นห่วงเพื่อน ชัชตัดสินใจส่งข้อความนัดเตชินออกไปพบกันที่ร้านอาหารประจำ ย้ำว่าต้องไปให้ได้

แต่คนที่มาเปิดอ่านก่อนคือริลณี! เธอนิ่งไปอย่างสงสัย ไม่ไว้ใจว่าชัชมีเรื่องสำคัญอะไรจะบอกเตชิน?

เพื่อให้เตชินเชื่อ ชัชค้นหาหลักฐานต่างๆ เจอคลิปที่แชร์กันไว้จึงเพ่งดูจนเห็นริลณีอยู่ในรูปอย่างที่ตนมี พลันก็แทบหงายตกเก้าอี้ เมื่อริลณีในคลิปหันมาจ้องหน้าตะโกนถามออกมาว่า

“คิด จะ หา รูป ฉัน เหรอ ไม่ มี ทาง หรอก!!!”

พอชัชตั้งสติได้เปิดคลิปดูอีกที ปรากฏว่าเปิดไม่ได้แล้ว ชัชเริ่มกลัวมองไปรอบห้องบอกกล่าวเสียงสั่นว่า

“อย่าทำอะไรพี่เลยนะน้องริน พี่หวังดีกับไอ้เตมันจริงๆ”

ooooooo

คนที่ชมพูเชื่อว่าจะบอกความจริงเรื่องริลณีได้คือคุณหญิงจิตรา เธอจึงหาวิธีที่จะทำให้คุณหญิงพูดได้เร็วที่สุด จึงติดต่อพานักอรรถบำบัดมาฝึกให้เป็นพิเศษ

แล้วความสงสัยของชมพูก็ได้รับคำตอบโดยบังเอิญ เมื่อแอบได้ยินสมหมาย สร้อย และหมูหวานคุยกันถึงการเจอ “ของดี” ที่บ้านเรือนไทย จนต้องพากันหนีออกมา สร้อยฟังสองพ่อลูกเล่าแล้วถามอย่างตำหนิว่า

“แล้วพวกเธอสองคนก็หนีออกจากบ้านนั้นมา ปล่อยให้คุณเตชินอยู่คนเดียว”

“จะให้พวกเราทำยังไงล่ะ คุณรินเป็นผีนะจ๊ะไม่ใช่ผีเสื้อ พวกเราก็กลัวน่ะสิ” สมหมายยังไม่หายสยอง

“คุณรินก็หลอกพวกเราจัดเต็ม จัดหนัก ทุกวัน แล้วจะให้พวกเราทนอยู่บ้านนั้นกับผีได้ยังไงล่ะป้า”

สมหมายหันไปเห็นชมพูยืนฟังอยู่รีบสะกิดหมูหวานกับสร้อยให้รู้ตัว

“ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ” ชมพูบอกแล้วพาไปนั่งคุยกันที่อีกมุมหนึ่ง เมื่อฟังทั้งสามเล่าแล้ว เธอถามว่าทำไมไม่มีใครบอกตนเลย หมูหวานถามว่าใครจะกล้าเพราะริลณีเฮี้ยนไม่ธรรมดาเลย

“ลองมาอยู่กับคุณเตชิน ไม่ยอมไปผุดไปเกิดแบบนี้ ก็แสดงว่าต้องรักคุณเตชินมาก” สมหมายบอก หมูหวานเติมให้ว่า หรือไม่ก็แค้นมาก ชมพูถามว่าแค้นหรือ?

แค้นใคร? หมูหวานเชื่อว่า แค้นคนที่ทำให้เธอตาย

“ฉันควรจะทำยังไงดี ฉันพยายามคิดมาตลอดว่า ควรจะทำยังไง แต่ก็คิดไม่ออก” ชมพูปรารภ ทั้งสามถามว่าแสดงว่าชมพูรู้เรื่องริลณีเป็นผีอยู่แล้วใช่ไหม อย่าบอกนะว่าเคยโดนหลอกมาเหมือนกัน “ไม่เคยหรอก รินเป็นเพื่อนรักของฉัน เขาไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ”

“แล้วคุณชมพูรู้ได้ยังไงครับ”

“มันก็แค่สงสัย แต่ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ฉันแน่ใจทุกอย่างแล้ว ขอบคุณทุกคนมากนะที่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ฉันก็ต้องหาทางช่วยพี่เตชิน แล้วก็สืบความจริงที่เกิดขึ้นกับรินให้ได้” ชมพูมุ่งมั่น ทำเอาสมหมาย สร้อยและหมูหวานมองกันสยอง

ooooooo

เมื่อเตชินไปพบชัชที่ร้านอาหาร ชัชทำเวลาเต็มที่รีบเล่าเรื่องริลณีให้ฟัง แต่พอเริ่มพูดได้แค่ว่า “รินเขาเป็น...” เท่านั้นริลณีก็ตามมาถึง เตชินบอกว่า

“รินเขารู้ว่าฉันจะมาหานาย เขาก็เลยอยากมาด้วย”

“รินอยากเจอพี่ชัชน่ะค่ะ” เสียงริลณีเย็นน่ากลัว จ้องหน้าชัชถาม “ว่าไงคะพี่ชัช ตกลงว่าเมื่อกี๊ที่อยากบอกว่า...รินเป็นอะไรคะ”

“ปละ...เปล่าจ้ะ รินไม่ได้เป็นอะไร แต่คนที่เป็นตอนนี้คือพี่เอง...” ชัชตอบเสียงสั่นตัวสั่นยิ่งกว่าผีเข้าเสียอีก

นั่งกินอาหารกันอย่างอึดอัด เตชินถามชัชว่าไม่สบายหรือเปล่าทำไมถึงสั่น ชัชบอกว่าไม่ได้อยากสั่น แต่มันสั่นเอง

“ขอโทษด้วยนะเว้ย ที่ตอนนั้นเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปปรึกษาแก เอาเข้าจริง ถ้าฉันถามรินไปตรงๆก็จบเรื่อง”

“รินก็ขอโทษนะคะที่ไม่กล้าบอกความจริง” แล้วหันไปทางชัช “ขอโทษพี่ชัชด้วยที่ทำให้วุ่นวาย สัญญานะคะว่าต่อไปมีอะไรเราจะคุยกันสองคนก่อน จะได้ไม่ต้องมีใครมายุ่งกับเรื่องเราสองคนอีก”

ชัชรู้ว่าถูกริลณีพูดเหน็บ รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที

เมื่อเตชินเคลียร์กับชัชแล้ว เขาขอตัวไปห้องน้ำ ชัชขอตามไปด้วยอ้างว่าสมัยเรียนเราก็เป็นแบบนี้ แล้วรีบตามไป

พอเข้าห้องน้ำชัชยกมือไหว้ก่อนถอดพระที่ห้อยคอมาคล้องที่ลูกบิดประตูไว้ เตชินถามว่าทำอะไร? ชัชก็หน้าเครียดขึ้นทันที เล่าอย่างตึงเครียดว่า

“ไอ้เต...ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมนะเว้ย ที่น้องรินชอบหายตัวไปบ่อยๆ แล้วชอบทำอะไรแปลกๆ ที่แกสงสัย มันไม่ใช่อย่างที่แกเข้าใจ แต่น้องรินเขา...”

ชัชหยุดกึก เมื่อประตูห้องน้ำสั่นเหมือนมีใครมาเขย่าอย่างแรงจากข้างนอก

ริลณียืนเขย่าประตูอยู่หน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าที่โกรธมาก พยายามจะเข้าไปแต่เข้าไม่ได้เพราะอานุภาพแห่งพุทธานุภาพของสร้อยพระที่ชัชคล้องไว้ที่ลูกบิดประตู

ooooooo

ทั้งเตชินและชัชต่างมองประตูด้วยความแปลกใจ ชัชรีบดึงความสนใจของเตชินกลับมา พูดอย่างตึงเครียดว่า

“ไอ้เต!! แกอย่าเพิ่งสนใจอะไร มองหน้าฉันนี่ ฉันกำลังจะบอกเรื่องสำคัญที่สุดกับแก”

“แต่มีคนจะเข้าห้องน้ำ แกมาล็อกไว้แบบนี้เขาจะเข้าได้ยังไง”

“เชื่อเถอะ ไม่ใช่คน ฉันรู้มีคนไม่อยากให้ฉันพูดเรื่องนี้ เขาพยายามขัดขวาง...ฟังฉันนะไอ้เต รินตายไปแล้ว และรินที่อยู่กับแกตอนนี้คือผี!!” เตชินหาว่าชัชบ้าไปแล้วหรือไม่ก็ทำงานมากจนเพี้ยนพูดอะไรไร้สาระ เพ้อเจ้อ “ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อ ที่ฉันพูดเรื่องจริง...ฉันเห็นมากับตา”

“เห็นอะไร?”

ชัชย้ำแต่ว่าเตชินต้องเชื่อตน ตนมีเซ้นส์เห็นเรื่องพวกนี้ ตนเห็นมาแล้วจริงๆ เตชินฉุนขาดปรามว่าถ้าชัชยังไม่หยุดพูดเรื่องพวกนี้โดนต่อยแน่ พอชัชยืนยันเตชินก็ขอดูหลักฐาน ชัชบอกว่าไม่มี

“งั้นก็จบ ไม่ต้องพูดอะไรอีก” ชัชถามว่าตกลงไม่เชื่อใช่ไหม “แกบอกว่าคนที่ฉันรักเป็นผี ทั้งๆที่เขานั่งกินข้าวตรงหน้าแก พูดคุยกับแกอยู่เมื่อกี๊ แกคิดว่าฉันควรจะเชื่อแกเหรอ จริงๆถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงต่อยมันลงไปกองกับพื้นตั้งแต่มันพูดจบประโยคแรกแล้ว แต่แกเป็นเพื่อนรักฉัน ฉันถึงยอมฟังแกจนถึงตอนนี้ และฉันหวังว่าต่อไปจะไม่ได้ยินเรื่องงี่เง่าไร้สาระแบบนี้จากแกอีก”

เตชินหยิบสร้อยพระที่คล้องลูกบิดออกยัดใส่มือชัชแล้วเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างหัวเสีย ชัชกำลังจะตามไปก็เห็นริลณีมายืนอยู่และพุ่งเข้าหาอย่างเร็ว

“รินบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับเรื่องของรินกับ เตชิน” ชัชโพล่งไปว่าเธอเป็นผียังไงก็อยู่กับเตชินไม่ได้ ริลณีจ้องชัชอย่างดุร้าย เดินเข้าหา ชัชถอยไปจนติดประตู “นั่นไม่ใช่เรื่องของพี่เป็นเรื่องของเราสองคน อย่ายุ่งกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ารินไม่เตือน!”

ooooooo

เตชินอยู่ในความหลงใหลมืดบอด คำเตือนจากชัชทำให้เขาโกรธเพื่อน แต่เมื่อริลณีพยายามตะล่อมถามว่าชัชบอกอะไรเขาก็ไม่ยอมบอก

จนคืนนี้เขาฝันร้ายเห็นริลณีในสภาพเป็นผี ตกใจตื่นเล่าให้ริลณีฟังแล้วก็โทษว่าเพราะชัชมาพูดทำให้ฝันร้าย ในขณะที่ริลณีวิตกกังวลกับฝันของเขา

ฝันร้ายทำให้อารมณ์เสีย ยิ่งเมื่อชัชโทร.มาแสดงความเป็นห่วงเรื่องริลณีอีก ก็ถูกตัดบทว่า

“ถ้าแกยังไม่หยุดเรื่องไร้สาระนี้ฉันจะไม่ช่วยแกทำโปรเจกต์งานของตุลเทพ แล้วก็ทุกโปรเจกต์ที่แกมี” พอชัชจะพูดก็ขัดขึ้นทันที “แล้วถ้าแกยังวุ่นวาย โทร.ตามตื๊อไม่เลิกแบบนี้ ฉันก็จะเลิกเป็นเพื่อนแกด้วย!!” พูดแล้วตัดสายทิ้งเลย

เตชินหวังหลบความวุ่นวายหงุดหงิด แต่งตัวจะพาริลณีไปทะเลกัน เพราะคุณพ่อคุณแม่มีบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน ถามว่าเธอชอบทะเลไหม

“รินชอบทุกที่ที่มีคุณค่ะ” ความหวานของริลณี ทำให้เตชินยิ่งหลง ต่างคิดถึงคืนวันที่มาเที่ยวทะเลและวิ่งไปหลบฝนกันในบ้านหลังหนึ่ง ได้เสียจนผูกพันกันมาถึงทุกวันนี้ ริลณีเขินบอกว่า “ตอนนั้น รินรู้สึกผิดมาก”

“แต่ผมคิดว่ามันถูกมากสำหรับพวกเรานะ เพราะถ้าไม่มีวันนั้น เราก็คงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันในวันนี้ ใช่ไหมครับ”

ต่างมองหน้ากันด้วยความรัก เดินกอดกันขึ้นรถไปทะเลอย่างมีความสุข

ooooooo

เมื่อชัชถูกเตชินทั้งเคืองทั้งขู่ เขาร้อนใจ นัดชมพูไปพบกันที่สวนสาธารณะ บอกเธอว่าเรื่องที่ตนจะพูดอาจทำให้เธอโกรธมาก แต่ขอสัญญาว่าทุกคำพูดต่อไปนี้เป็นความจริงทุกประการ...

“พี่จำเป็นต้องขอให้น้องชมพูช่วย เพราะไม่รู้จะช่วยไอ้เตยังไงดี มันไม่ยอมฟังพี่แล้ว” ชมพูถามว่าเกี่ยวกับเตชินหรือ “ไม่ใช่ครับ เรื่องนี้เกี่ยวกับ...ริลณี”

ชมพูตกใจถามว่ามีเรื่องอะไร เมื่อได้ฟังชัชแล้ว ชมพูพาเขาไปที่บ้านเด็กกำพร้าแนะนำว่าทั้งเอทีเอ็มและเฟื่องฟ้าเป็นเพื่อนสนิทของริลณี ชัชมองอึ้งถามว่าทุกคนรู้เรื่องริลณีกันหมดแล้วใช่ไหม

“พวกเราก็เพิ่งรู้ค่ะ แต่ก็ยังไม่มีอะไรมาพิสูจน์”

“ไม่ต้องพิสูจน์แล้วครับ ผมกล้ายืนยันว่าริลณีที่เราเห็นอยู่ทุกวันเป็นผี ไม่ใช่คนปกติแน่ๆ ผมทั้งเห็น ทั้งโดนขู่ จัดเต็มมาแล้วครับ”

เฟื่องฟ้าที่รู้เรื่องริลณีมาพอสมควรแล้ว เห็นเอทีเอ็มยังรับไม่ได้ ก็ปลอบใจเพื่อนว่าความจริงยังไงก็ต้องเป็นความจริง ส่วนชมพูหว่านล้อมว่า “ถ้านายยังสงสัยนายก็จะช่วยรินไม่ได้นะ” เอทีเอ็มท่าทีอ่อนลง ถามชัชว่ามาที่นี่ต้องการอะไร

“ผมต้องการช่วยเตชิน ถึงมันจะรักริลณีมากแค่ไหน แต่ยังไงผีกับคนก็อยู่ด้วยกันไม่ได้” เฟื่องฟ้าถามว่าแล้วเขาบอกเรื่องริลณีให้เตชินรู้หรือยัง “บอกแล้วครับแต่มันไม่เชื่อ ถึงขนาดขู่จะชกถ้าผมพูดเรื่องนี้อีก ตอนนี้มันก็โกรธผม จนไม่ยอมพูดกับผมแล้ว”

ชมพูพูดอย่างสิ้นหวังว่าถ้าชัชที่เป็นเพื่อนสนิทพูดแล้วเตชินยังไม่เชื่อคนอื่นพูดก็คงยาก เอทีเอ็มเชื่อว่าน่าจะมีใครสักคนคนที่พูดแล้วเตชินเชื่อ ทุกคนคิดเครียด ครู่เดียวเฟื่องฟ้าพูดอย่างตื่นเต้นมั่นใจว่า

“ฉันว่ามีคนนึง...ถ้าคนนี้พูด คุณเตชินต้องเชื่อแน่”

ทุกคนมองเฟื่องฟ้าอย่างมีความหวัง

ooooooo

เมื่อไปถึงบ้านพักตากอากาศ ทั้งเตชินและริลณีมีความสุขมาก ที่ได้มาระลึกความหลังและอยู่กันตาม ลำพังไม่ถูกใครมารบกวนให้อารมณ์ขุ่นมัว

ทั้งเตชินและริลณีต่างให้สัญญากันว่าจะรักกันและไม่มีวันพรากจากกันแม้แต่ความตาย

“สัญญานะคะเตชิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณจะไม่ทิ้งริน” เตชินย้ำว่าเธอก็รู้อยู่แล้วว่าตนทำตามสัญญาเสมอ แต่ริลณีกลับหวั่นไหว เบือนหน้าไปทางอื่นพึมพำกับตัวเอง “นั่นเพราะคุณยังไม่รู้น่ะสิคะว่ารินเป็นอะไร” แล้วหันกลับมาบอกเขาเศร้าๆ ว่า “ถ้าเป็นไปได้ รินอยากหยุดเวลาของเราไว้ตรงนี้”

ทั้งคู่กอดกันมองไปในทะเลสวย อย่างมีความสุขสุดที่จะบรรยาย...

เมื่อไปเดินชายหาด เตชินถ่ายรูปริลณีอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เมื่ออยากถ่ายรูปคู่กัน เขาวานให้นักท่องเที่ยวช่วยถ่ายให้ นักท่องเที่ยวช่วยด้วยความยินดีแต่ก็มองเตชินแปลกๆขณะถ่ายรูปให้

เดินเล่นชายหาด แล้วทั้งสองก็ลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างเพลิดเพลิน เมื่อขึ้นมาเตชินบอกให้ริลณีไปอาบน้ำก่อนเพราะตัวเหนียวหมดแล้ว

ระหว่างรอริลณีอาบน้ำ เตชินหยิบกล้องขึ้นมาดูรูปที่ถ่ายเมื่อครู่ เขานิ่วหน้าเมื่อรูปที่เขาถ่ายริลณี ใบหน้าเธอดูพร่าเลือนทุกรูป เขาสงสัยว่ากล้องจะเสียหรือเปล่า แต่พอเป็นรูปตัวเขาเองกลับชัดเจน ที่ทำให้เขาทนไม่ได้จนต้องถือกล้องเดินไปหาริลณีคือ รูปที่เขาวานนักท่องเที่ยวถ่ายคู่กับริลณีนั้น ติดแต่รูปเขาคนเดียว!

เตชินพรวดพราดเข้าไปในห้องพัก เห็นริลณีกำลังถอดเสื้ออยู่ เขาชะงักอึ้งเมื่อเห็นหน้าท้องเธอเน่าเป็นแผลใหญ่! ริลณีตกใจรีบดึงเสื้อลง ต่อว่าที่ตนยังเปลี่ยนเสื้อไม่เสร็จก็เข้ามา เตชินขอโทษแล้วถอยออกไป พอเขาออกมาก็ได้ยินเสียงริลณีล็อกประตู เตชินออกมายืนมึนๆ นึกถึงสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ ขยี้ตาคิดว่าตัวเองตาฝาดมากกว่า

ooooooo

ตกค่ำ เสียงหมาหอนก็แว่วมารับกันเป็นทอดๆ เตชินเดินออกมาดู เจอป้าอิ่มกับลุงปั่นที่เป็นคนดูแลบ้านที่นี่ ลุงปั่นพูดออกตัวว่าไม่รู้ว่าเขาจะมาเลยไม่ได้เตรียมบ้านให้เรียบร้อยกว่านี้ ป้าอิ่มก็จะได้โชว์ฝีมืออาหารด้วย

“แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ เรื่องอาหาร ป้าอิ่มไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจัดการได้” เสียงหมาหอนมาอย่างโหยหวน เตชินเปรยๆว่า “หมาแถวนี้หอนเก่งนะครับ หอนไม่หยุดเลย”

ลุงปั่นบอกว่าทุกทีมันก็ไม่เคยหอนแต่วันนี้หอนมากผิดปกติอย่างกับเห็นผี เตชินอธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่ามันหอนเพราะได้ยินคลื่นความถี่สูงหรือเสียงอะไรที่ทำให้มันรำคาญ ไม่เกี่ยวกับผีอะไรทั้งนั้น ลุงปั่นกับป้าอิ่มมองหน้ากันเพราะคิดต่างกับเตชิน ป้าอิ่มบอกเขาว่า

“แต่ถ้าคุณเตชินไม่อยากนอนคนเดียว ก็บอกป้าได้นะคะ เดี๋ยวป้าให้ไอ้แดงมันมานอนเป็นเพื่อน”

“ผมไม่ได้มาคนเดียวครับ ผมมากับแฟน ลุงกับป้าไม่ต้องเป็นห่วงผมกับแฟนนะครับ ผมโอเค”

ลุงปั่นกับป้าอิ่มยิ่งแปลกใจ พอออกมาก็ถามกันว่ามากันสองคนทำไมเราเห็นเตชินคนเดียวทั้งวัน ตอนอยู่ชายหาดถ่ายรูปก็อยู่คนเดียว ลุงปั่นฉุกคิดว่าหรือแฟนเตชินจะตามมาทีหลัง ป้าอิ่มติงว่ารถก็ไม่มีรถรับจ้างก็ไม่มีแล้วจะมาได้ยังไง

แล้วลุงปั่นกับป้าอิ่มก็ร้องโวยวายวิ่งอ้าวไปเมื่อเห็นร่างหญิงสาวใต้แสงจันทร์กำลังจ้องมาที่พวกตนเขม็ง!

เตชินกำลังไปหยิบของในรถหันมองลุงกับป้าขำๆว่าสองคนเป็นอะไรวิ่งเตลิดร้องกันโวยวาย เขาไม่ติดใจก้มหยิบกล่องแหวนมาดูแหวนวงสวยยิ้มอย่างมีความสุข ก็พอดีได้รับโทรศัพท์จากคุณพ่อบอกว่า คุณแม่ให้ไปพบพรุ่งนี้ให้พาริลณีไปด้วย เตชินบอกว่าตอนนี้ตนกับริลณีกำลังมาเที่ยวกัน พรุ่งนี้จะรีบกลับไป

เตชินเอาแหวนเดินตรงไปที่บ้านพักด้วยอารมณ์สดชื่นกับสิ่งที่ตั้งใจทำในคืนนี้ นั่นคือขอแต่งงานกับริลณี

ooooooo

ริลณีดีใจมากไม่คาดฝันว่าเตชินจะขอแต่งงานในคืนวันที่มีความสุขอยู่ด้วยกัน เขาวาดฝันไว้ว่า เมื่อแต่งงานกันก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและเธอก็จะได้ทำหน้าที่สะใภ้ช่วยดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด

แม้ริลณีจะดีใจมีความสุข แต่ก็อดถามอย่างกังวลไม่ได้ว่า แน่ใจหรือว่าอยากแต่งงานกับตนจริงๆ เตชินยืนยันว่ามั่นใจ ถามอ้อนว่าแล้วเธอล่ะ อย่าให้ตนขอแต่งงานเก้อนะ...

“คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ถ้าไม่แต่งกับคุณ รินคงแต่ง

กับใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะคุณคือเหตุผลเดียวที่ทำให้รินยังอยู่ตรงนี้ได้”

รุ่งขึ้น เตชินพาริลณีไปที่บ้าน เขามีของมาฝากคุณพ่อ คุณแม่มากมาย คาดหวังว่าท่านคงดีใจ ริลณีอดถามไม่ได้ว่าคุณแม่เขาคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมถ้าเจอตน เตชินมั่นใจว่าไม่เป็นอะไรเพราะท่านเป็นคนอยากเจอเธอเอง แล้วเร่งให้รีบเข้าบ้านกัน

เตชินเดินนำเข้าไปก่อน แต่พอริลณีจะตามก็ถูกแสงสีทองส่องประกายมากั้นไว้ ริลณีถอยออกมา เตชินถามว่ามีอะไรทำไมถึงไม่เข้ามา ริลณีพยายามจะเข้าไปอีกก็ถูกแสงสีทองส่องประกายมากั้นไว้อีก ริลณีสงสัยว่าคงมีคนไม่อนุญาตให้ตนเข้าบ้านหลังนี้

ภายในบ้าน ชมพู เฟื่องฟ้า เอทีเอ็ม และชัชสังเกตการณ์อยู่ ชมพูเอ่ยขึ้นว่า

“รินเข้าบ้านมาไม่ได้จริงๆด้วย ต้องเป็นเพราะยันต์กันผีของพี่ชัชแน่เลย” ถามชัชว่าแล้วรินจะไม่โกรธพวกเราหรือ

“เขาไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนทำ ตราบใดที่เราอยู่ในบ้านหลังนี้ ภายใต้ยันต์ผืนนั้น”

ส่วนริลณีก็สงสัยว่าทำไมตนเข้าบ้านไม่ได้ทั้งที่เตชินก็อนุญาตแล้ว เพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้เตชินสงสัย เธอบอกเขาให้เข้าไปก่อน ตนลืมของฝากคุณแม่อีกถุงอยู่ในรถขอกลับไปเอาก่อน เตชินสงสัยท่าทีแปลกๆของเธอแต่ก็เข้าบ้านไปก่อน

ooooooo

เตชินแปลกใจเมื่อเข้าไปเห็นทั้งชมพู เฟื่องฟ้า เอทีเอ็ม โดยเฉพาะชัชอยู่ในห้องกับคุณหญิงเขายังไม่หายเคืองชัชทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง ชมพูรีบมาขอไว้บอกว่าพวกตนมาเพราะคุณป้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับเขา

เตชินดีใจมากที่คุณแม่พูดได้แล้ว แต่พอคุณหญิงพยายามบอกเขาว่า “ริลณีเป็นผี” เตชินก็ตะลึงอึ้ง

เวลาเดียวกัน ริลณีที่พยายามจะเข้าไปในบ้านแต่เข้าไม่ได้ เธอโมโหมาก บอกกับตัวเองว่า

“ถ้าแกไม่ให้ฉันเข้าไป ฉันก็จะเอาเตชินกลับไปกับฉันให้ได้” แล้วริลณีก็ส่งกระแสจิตโทร.หาเตชิน ชัชรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาบอกเตชินอย่ารับให้ฟังคุณหญิงพูดให้จบก่อน

เตชินพาลโมโหทุกคนหาว่ามาหลอกให้คุณแม่พูดกับตนอย่างนั้น เฟื่องฟ้ายืนยันว่าสิ่งที่คุณหญิงพูดเป็นเรื่องจริง คุณหญิงเองก็พยายามพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า

“ริลณีเป็นผี ริลณีเป็นผี ริลณีเป็นผี”

เตชินได้ฟังยิ่งโมโห เสียงดังกับคุณหญิงว่าริลณีเป็นเมียตนและกำลังจะแต่งงานกัน พูดสวนคุณหญิงไปทุกคำว่าริลณีไม่ใช่ผี ตนไม่เชื่อ พาลหาว่าชัชเป็นตัวการเอาเรื่องนี้มาใส่หัวแม่ตน ชัชบอกว่าพวกตนทุกคนรู้ว่าริลณีตายแล้วและที่เห็นทุกวันนี้เป็นผี ถ้าไม่เชื่อพวกตนก็ขอให้เชื่อแม่เขา เพราะแม่ไม่มีวันหลอกเขาอยู่แล้วเตชินก็ยังไม่ยอมรับ ไม่เชื่อใครทั้งสิ้น

ชัชบอกว่าที่วันนี้ริลณีเข้าบ้านไม่ได้เพราะตน เอายันต์ปิดไว้ที่หน้าบ้าน ถ้ายังไม่เชื่ออีกคืนนี้ตีสามให้เขาลองสังเกตดูว่าริลณีหายไปไหนและลองตามไปดูก็จะได้คำตอบ

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรเตชินก็ไม่เชื่อหุนหันจะออกไปหาริลณี ชมพูจะตามไปขวาง แต่ชัชห้ามไว้บอกว่า

“ปล่อยมันไปน้องชมพู ต้องให้เวลามันคิด เรื่องแบบนี้มันยากที่จะรับได้จริงๆ”

ooooooo

เตชินออกไปเห็นริลณียังยืนรออย่างกระวน กระวายอยู่หน้าบ้าน เขาหันมองเห็นมีผ้ายันต์ปิดไว้ที่หน้าบ้านจริงๆ

พอเห็นเตชินเดินออกมา ริลณีดีใจจะเข้าไปหาแต่เข้าไม่ได้ เขาถามเธอว่าไปเอาขนมที่รถได้หรือยัง

คุณแม่รออยู่ ริลณีใช้อุบายเก่าบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายอยากกลับไปพัก เตชินบอกให้พักที่นี่ก็ได้ตนขับรถมาไกลอยากพักเหมือนกัน

เตชินจูงมือริลณีจะพาเธอเข้าบ้าน เธอสะบัดอย่างแรงจนเตชินตกใจ พอรู้ตัวเธอตกใจตัวเอง พูดเสียงอ่อนลงว่าถ้าเขายังไม่กลับตนไปรอที่รถก็แล้วกัน เตชินแปลกใจกับอากัปกิริยาที่ฉุนเฉียวของเธอ

พวกชมพูดูอยู่ที่ระเบียงบ้าน พอรู้สึกว่าถูกริลณีมองอยู่ด้วยความแค้นก็พากันหลบ ครู่หนึ่งทุกคนก็ผิดหวังเมื่อเตชินเดินกลับไปที่รถและขับพาริลณีกลับไป

“ในที่สุดคุณเตชินก็เลือกจะตามริลณีกลับไป แสดงว่าเขาไม่เชื่อเรา” เฟื่องฟ้าเอ่ยอย่างผิดหวัง

“ไม่ใช่เขาไม่เชื่อ เขาแค่ยังรับไม่ได้ต่างหาก ต้อง ให้เวลาเขาบ้าง รินเป็นคนที่เตชินรัก อยู่ดีๆจะให้เชื่อว่าเป็นผี มันก็ยากอยู่” ชัชพูดอย่างเข้าใจเพื่อน ชมพูเป็นห่วงถามว่าแล้วเตชินจะเป็นอะไรไหม เอทีเอ็มเชื่อว่าริลณีไม่ทำร้ายคนที่เธอรักแน่

“ก็มีแต่พวกเรานี่แหละที่น่าเป็นห่วง ถ้ารินรู้ว่าพวกเราพยายามจะบอกความลับของเธอกับเตชิน ริลณีต้องตามมาเอาเรื่องแน่” ชัชเสริมทุกคนต่างเงียบไปด้วยความสยอง

ooooooo

จากที่เพื่อนๆ โดยเฉพาะที่คุณหญิงพยายามบอกเตชินว่าริลณีเป็นผี ทำให้เขาต้องคิดระหว่างทางกลับบ้าน เขาคิดถึงที่คุณหญิงพูด ที่ชัชพูด คิดเรื่องราวที่บ้านพักตากอากาศ คิดจนตกอยู่ในภวังค์ ริลณีถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาจึงรู้สึกตัว แต่กลับรู้สึกตัวเองผิดที่ระแวงริลณี รู้สึกกลัวถ้าเธอเป็นอย่างที่ทุกคนพูดจริงๆ และสับสนกับความคิดของตัวเองกับคำพูดของคนอื่น จนริลณีบอกว่าท่าทางเขาแปลกๆ ถามว่ายังโกรธตนอยู่หรือเปล่า

ริลณีจับมือเขาอย่างปลอบใจ แต่วันนี้เตชินรู้สึกมือเธอเย็นจนตัวเองหนาว ก็โทษว่าแอร์เย็นเกินไป แต่ในใจลึกๆ เขาเริ่มคิดที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่างแล้ว

เตชินบ่ายหน้าไปที่วัด ริลณีตกใจถามว่ามาที่นี่ทำไม เตชินบอกว่าอยากจะปรึกษาหลวงพ่อเรื่องทำบุญบ้านและเอาพระเข้าบ้าน ริลณีเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ติงว่าปกติเขาไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ เขาบอกว่าแค่คิดว่าน่าจะทำดู ชวนเข้าไปคุยกับหลวงพ่อ สังเกตเห็นริลณีเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ เหงื่อแตก กระวนกระวาย เขาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าท่าทางไม่ดีเลย

“ก็รินบอกแล้วไงคะว่ารินไม่ค่อยสบาย”

“จริงด้วยสิ” เตชินรู้สึกผิดขึ้นมาทันที “งั้นผมมาคุยกับท่านวันหลังก็ได้ครับ”

ริลณีโล่งใจเมื่อเตชินกลับรถบอกว่าเรารีบกลับบ้านดีกว่าเธอจะได้พักผ่อน เห็นเธอสบายใจขึ้น เขาแอบคิดในใจว่า

“บางทีรินอาจจะแค่ไม่สบาย อยากกลับบ้านไปพักผ่อนจริงๆก็ได้”

ooooooo

แผนการของเอกราชคือต้องไปขุดเอากระดูกของริลณีไปเผาส่งวิญญาณไปลงนรกจะได้ไม่ตามมายุ่งกับพวกเราอีก แต่พอเสนอแผนการออกไป ทั้งตุลเทพ และปริมลดาต่างปฏิเสธที่จะไปด้วย

เอกราชขู่ว่าตนคิดหาทางแก้มาให้แล้วแต่ไม่มีใครยอมทำตาม อย่าบอกนะว่าจะให้ตนไปคนเดียวประวิทย์เสนอตัวทันทีว่าตนไปเป็นเพื่อนเอง เอกราชพูดอย่างซึ้งใจว่า

“มันต้องอย่างนี้สิถึงจะเป็นเพื่อนแท้...งั้นไอ้พวกขี้ขลาดสองคนไปเตรียมหาวัดที่จะเผากระดูก เราต้องเผาทันทีหลังจากที่ได้กระดูกมา”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ฉันมีสัปเหร่อซี้ๆอยู่หลายคน ให้เงินค่าเหล้าพันสองพันพวกมันก็ไม่ถามแล้ว” ตุลเทพรับรองประวิทย์ถามว่าแล้วจะไปขุดเมื่อไหร่ เอกราชมองหน้าทุกคนอย่างวัดใจก่อนประกาศอย่างมั่นใจว่า

“คืนนี้!!”

ooooooo

ดึกสงัดคืนนี้ เตชินที่นอนหันหลังให้ริลณีอยู่ ลืมตาจ้องนาฬิกาเห็นเข็มนาฬิกาใกล้จะถึงตีสามแล้ว!

เตชินนอนนึกถึงคำพูดของชัชที่บอกให้ตีสามคอยสังเกตริลณีให้ดีว่าเธอจะหายไปไหน พอใกล้ตีสามเขาพลิกตัวกลับมาทางริลณีแต่ยังแกล้งทำเป็นหลับ

ริลณีที่ทำเป็นหลับ ลุกขึ้นนั่งมองมาที่เตชิน มองใกล้จนแน่ใจว่าหลับอยู่จึงเอาผ้าห่มคลุมให้แล้วค่อยๆ ลุกย่องออกไป

เตชินลุกตามไปอย่างที่ชัชบอกว่าอยากรู้ว่าเธอไปไหนให้ตามไปแล้วจะได้คำตอบเป็นเวลาที่เอกราชกับประวิทย์เข้ามาขุดหากระดูกของริลณีพอดี! ทั้งสองลงมือขุดอย่างเร็ว แม้จะได้ยินเสียงเพลงไทยเดิมที่คุ้นหูก็ไม่ยอมเสียเวลาหยุดฟัง เอกราชบอกประวิทย์ว่า

“อย่าไปสนใจมัน เราต้องขุดเอากระดูกกลับไปให้ได้ จำเอาไว้มันทำอะไรเราไม่ได้”

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงริลณีหัวเราะอยู่ใกล้ๆ พอดีเอกราชขุดเจอกระดูกแขนของริลณี เขาหยิบขึ้นมาอย่างดีใจ พลันก็สะดุ้งเมื่อริลณีมายืนข้างหลังถามว่า “ถ้าเอาแขนฉันไป ฉันจะรำได้ยังไงล่ะ”

เอกราชตกใจสุดขีด คว้าขวดน้ำมนต์สาดใส่ทันที ริลณีร้องกรี๊ดอย่างเจ็บปวด เอกราชบอกประวิทย์ให้รีบขุดต่อ แต่ครู่เดียวริลณีก็ลุกขึ้นมาอีก ประวิทย์บอกเอกราชว่าน้ำมนต์ทำอะไรมันไม่ได้ ริลณีเดินเข้ามาชี้หน้าด่า

“ไอ้ชาติชั่ว!! เพื่อนแกตายไปสองคน ไม่ทำให้พวก แกกลัวเกรงอะไรกันเลยใช่ไหม” ริลณีจะเข้าไปทำร้ายทั้งสอง แต่เครื่องรางห้าแฉกที่ทั้งสองใส่อยู่กระแทกพลังใส่ริลณีจนเข้ามาทำอะไรไม่ได้ เอกราชกับประวิทย์ใจชื้น ยิ้มให้กัน แล้วลงมือขุดต่อริลณีกำมือแน่นมองทั้งสองอย่างโกรธแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้

เตชินเดินมาตามเสียงเพลงไทยเดิมแต่จู่ๆเสียงเพลงก็หายไป ได้ยินเสียงขุดอะไรกึงๆ เขาเดินตามเสียงนั้นไปอย่างอยากรู้ว่าใครมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ

ooooooo

เอกราชกับริลณีกำลังต่อสู้กันด้วยพลังอำนาจอย่างเข้มข้น ริลณีเข้าไปทำอะไรเอกราชกับประวิทย์ไม่ได้จึงโต้เถียงอาฆาตกันไปมา เอกราชพูดอย่างสะใจว่าจะเอากระดูกของริลณีไปเผาจะได้ไม่ต้องไปผุดไปเกิดที่ไหนอีก

“ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้พวกแกตายดี ถ้าฉันต้องลงไปอยู่ในนรก พวกแกก็ต้องลงไปอยู่ในนรกขุมที่ลึกกว่าฉัน”

ทั้งสองโต้เถียงเยาะเย้ยกันไปมาจนประวิทย์เร่งให้เอกราชรีบขุดจะมัวพูดยั่วให้ริลณีโกรธทำไม เอกราชก้มหยิบกระดูกริลณีขึ้นมาอีกชิ้น แต่สร้อยห้อยเครื่องรางห้าแฉกหลุดออกมานอกเสื้อไม่รู้ตัวถูกกระดูกริลณีเกี่ยวสร้อยขาดเครื่องรางตกกระเด็นไป

เอกราชตกใจมากพุ่งไปจะเก็บ แต่ริลณีไวกว่ายกตัวเอกราชขึ้นสูง ประวิทย์พยายามจะช่วยเอกราช พุ่งไปคว้าเครื่องรางขว้างใส่ริลณี ริลณีถูกเครื่องรางที่แตกเป็นแฉกๆทิ่มแทงจนร้องอย่างเจ็บปวด ทิ้งร่างเอกราชลงมากระแทกพื้นแต่ไม่สูงนัก ประวิทย์รีบเข้าไปช่วย เอกราชเร่งให้รีบหนีไปเร็ว

“แล้วกระดูกล่ะ” ประวิทย์ละล้าละลัง

“ไม่ต้องถามแล้ว ไปเร็ว จะอยู่ให้นังผีนั่นมันหักคอรึไงวะ!”

ทั้งสองวิ่งเตลิดไปจากตรงนั้น ในขณะที่ริลณีนอนกรีดร้องอย่างเจ็บปวดสาหัสที่พื้น เตชินจำเสียงริลณีได้ เขารีบวิ่งไปตามเสียงร้องทันที

ริลณีพยามดึงเครื่องรางที่ปักคาอยู่ที่ร่างออกทีละชิ้น...ทีละชิ้นอย่างเจ็บปวด ทุกแผลที่ถูกแทงกลายเป็นแผลเน่าน่ากลัว ริลณีทั้งเจ็บทั้งแค้น คำรามอาฆาต “ฉันจะเอาคืนพวกแกอย่างสาสม!” พยายามจะไล่ตามเอกราชกับประวิทย์ แต่เจ็บปวดจนไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้น...

เตชินวิ่งมาถึงพอดี เขาจะวิ่งเข้าไปหาก็ต้องชะงักกึกเมื่อริลณีหันมา ดวงตาของเธอเป็นตาผีหน้าเละ เตชินช็อก!

ooooooo

ริลณีประคองร่างที่บอบช้ำขึ้นมานั่งอย่างหมดแรงอยู่ที่ระเบียง เธอพยายามหลับตาตั้งสมาธิเพื่อให้แผลหาย แต่พอลืมตาขึ้นแผลยังเน่าเฟะเหมือนเดิม เธอพยายามอีกครั้งก็ไม่สำเร็จ

ริลณีทรุดนั่งกับพื้นร้องไห้อย่างเจ็บปวด...เสียใจ เฝ้าถามตัวเองสะอื้นไห้...

“ฉันจะทำยังไงดี!! ทำยังไงดี...” ก้มมองร่างกายที่ไม่อาจกลับไปเหมือนเดิมได้อย่างเจ็บปวด...

หลวงพ่อนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ท่านลืมตาขึ้น รำพึงแววตาท่านเศร้า สงสาร...

“หมดเวลาที่จะยื้อต่อไปแล้วนะ...โยมริลณี...”

ริลณีที่หน้ายังสวย ผลักประตูเข้าห้องเข้ามาเบาๆ มองไปที่เตียงเห็นเตชินหลับไปแล้ว เธอค่อยๆนอนลง พลิกตัวกอดเตชินไว้อย่างแผ่วเบา เตชินที่ยังไม่หลับมองแขนริลณีที่พาดมากอดรู้สึกกลัวจนตัวสั่นแต่ต้องข่มตัวเองให้นิ่งไว้อย่างยากลำบาก ได้ยินเสียงริลณีพูดอย่างแผ่วเบา เต็มไปด้วยความรู้สึกท่ีเจ็บปวด อาลัย...

“รินไม่รู้ว่าจะเหลือเวลาที่จะได้อยู่กับคุณแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ ขอให้รินได้กอดคุณแบบนี้ แม้จะเป็นครั้งสุดท้าย รินก็มีความสุขแล้ว”

เตชินน้ำตาไหลทั้งสงสาร ทั้งกลัว อยู่ในความกดดันที่ทารุณจิตใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในอ้อมกอดของเขาเวลานี้ คือริลณีที่เป็นผี แต่เขาจะให้ริลณีรู้ไม่ได้ว่าเขารู้เรื่องและเห็นเธอในสภาพนั้นแล้ว...

ooooooo

เช้านี้ เตชินตื่นขึ้นมาเพราะถูกแดดส่อง เขาลุกขึ้นนั่งยังงัวเงีย ค่อยๆลืมตาขึ้น พลันประสาทก็ตื่นตัวเต็มที่ เมื่อเห็นภายในห้องเต็มไปด้วยฝุ่น หยากไย่ เสื้อผ้าของริลณีก็เป็นของเก่าไม่ต่างกับเสื้อผ้าของคนตาย!

เตชินผวาเมื่อเห็นผ้าปูที่นอนเปื้อนคราบน้ำเหลืองกลิ่นเหม็นซากศพคละคลุ้งไปทั้งห้อง!

เมื่อเดินออกไปดูภายนอก เขาถามตัวเองอย่างสยองว่า “นี่เราอยู่ในบ้านหลังนี้มาตลอดเหรอเนี่ย”

เตชินเดินไปที่ห้องอาหาร เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะ เขามองอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะมีแต่ของเน่าจนหนอนขึ้น ใบผักใบหญ้าแห้งจัดอยู่ในจาน เขามองอาหารเหล่านั้นอย่างพะอืดพะอม

“วันนี้ตื่นสายจังเลยนะคะ รินตั้งอาหารไว้รอนานแล้วค่ะ” เสียงริลณีทักขึ้น

เตชินชะงักเห็นริลณีในสภาพใบหน้าซีดเซียว ใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายมิดชิดแทบจะไม่เห็นผิวข้างในเลย เตชินมองอึ้งช็อกๆ จนริลณีถามว่าเป็นอะไร เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติบอกว่าไม่มีอะไร

ด้วยความรักที่มีต่อริลณี แม้เตชินจะรู้ความจริงที่ริลณีเป็นอยู่ แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ ปฏิบัติต่อเธอเป็นปกติ

การที่ต้องหลอกทั้งตัวเองและริลณี ทำให้เตชินเจ็บปวดมาก เข้าไปกอดริลณีไว้อย่างอ่อนโยน เห็นรอยแผลที่มือเธอก็ดึงไปดูแม้จะเป็นแผลที่น่าเกลียดน่ากลัวมาก แต่เตชินก็มองเหมือนเป็นแผลธรรมดา บ่นว่า

“ดูสิ...ทำไมรินเป็นแผลแล้วปล่อยให้ลามแบบนี้ล่ะครับ ผมบอกให้ไปหาหมอก็ไม่เชื่อ” ริลณีพยายามดึงมือกลับบอกว่าตนไม่เป็นไร “ไม่ได้ครับ รินต้องทำแผล เดี๋ยวผมจะทำแผลให้รินเอง”

ริลณีพยายามบ่ายเบี่ยง แต่เตชินจับมือไว้ไม่ปล่อย ยืนยันว่า “ผมอยากทำแผลนี้ให้รินจริงๆ”

“ทำไมคุณถึงดีกับรินแบบนี้ล่ะคะ” ริลณีถามอย่างซึ้งใจ

“เพราะผมสัญญาว่าจะดูแลรินให้ดีที่สุด ตราบวินาทีสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ร่วมกัน” เตชินพันแผลให้จนเสร็จ ยกมือเธอขึ้นจูบด้วยความรู้สึกเจ็บปวด...อาลัยรักอย่างที่สุด...ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทารุณจิตใจอย่างสาหัสกับการต้องพลัดพรากจากกันโดยที่ไม่อาจบอกลากันได้...

เตชินบอกว่าตนไม่อยากให้วินาทีนั้นมาถึงเลย ริลณีเองก็ถามว่า ตนอยากอยู่กับเขาอย่างนี้ตลอดไปได้ไหม

“ไม่มีอะไรหยุดเวลาได้ แต่ขอให้รินรู้นะครับ ว่าทุกวันและทุกเวลาที่ผมได้อยู่ร่วมกับริน ผมมีความสุขมากที่สุด รินจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักตลอดไป”

ริลณีเอะใจถามว่าทำไมพูดอย่างนี้ ถามว่าเขาจะไปไหน เตชินปดว่าตนจะไปหาคุณแม่เพราะเมื่อวานยังคุยธุระไม่เสร็จต้องรีบกลับไปก่อน ริลณีถามว่าแล้วจะกลับเมื่อไร เขาตอบไม่กล้าสบตาว่า “ยังตอบไม่ได้เหมือนกันครับ”

เตชินตัดสินใจขับรถออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ริลณีมองตามรถไปด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง...

เตชินไปหาหลวงพ่อที่วัด ท่านถามว่าได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่ควรรู้แล้วสินะ เตชินรับว่าได้รู้ได้เห็นว่าริลณีตายแล้ว แต่ทำไมอยู่กับเธอตั้งนานตนจึงไม่รู้เลย

“เพราะโยมรักเขา เชื่อในสิ่งที่เขาอยากให้เห็น อยากให้ได้ยิน อยากให้สัมผัส แต่เมื่อโยมสงสัย คลางแคลงใจ บวกกับพลังอำนาจที่เสื่อมถอยของโยมริลณี ทำให้โยมมองเห็นความจริงทุกๆอย่าง...แล้วตอนนี้โยมรู้สึกยังไง”

เตชินบอกว่าสงสารและปวดใจที่ตนช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย หลวงพ่อถามว่าจำที่เคยบอกเขาได้ไหมว่า เขายิ่งยึดติด ริลณีก็ยิ่งไปไหนไม่ได้ และเมื่อริลณีไปไหนไม่ได้ก็จะยิ่งก่อเวรสร้างกรรมไม่รู้จักจบสิ้น ท่านย้ำว่า

“ทางเดียวที่จะทำได้ตอนนี้คือ โยมต้องปล่อยเขาไป เพื่อให้เขาพ้นทุกข์ เขายังติดอยู่ที่นี่เพราะความรักที่มีให้โยม ถ้าโยมอยากช่วยโยมริลณีจริงๆ จงปล่อยเขาไปเสีย ให้เขาไปตามวิถีทางที่เขาควรจะเป็น”

เตชินน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด เสียใจ นั่งช็อกอยู่ตรงนั้น ชอกช้ำอย่างสุดที่จะบรรยาย...

ooooooo

ทุกคนที่บ้านเด็กกำพร้าต่างโล่งใจที่เตชินได้พบความจริงว่าริลณีตายแล้ว แต่เขายังติดใจสงสัยว่าริลณีตายอย่างไร และใครทำให้เธอตาย

จากการลำดับเรื่องราวทีละขั้นทีละตอน ทำให้ค่อยๆ กระจ่างขึ้นว่าการตายของริลณีต้องเกี่ยวข้องกับหงส์หยกเพราะได้ยินหงส์หยกพูดก่อนตายว่า “ริลณีจะแก้แค้นเหมือนที่ “พวกเรา” ทำกับมัน” ปัญหาอยู่ที่ว่า “พวกเรา” คือใคร?

ชมพูที่ดูเป็นคนอ่อนแอหัวอ่อน กลับเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นมา เธอปลอบใจให้กำลังใจเตชินให้ลุกขึ้นมาช่วยกันหาทางช่วยปลดปล่อยวิญญาณของริลณีให้ไปสู่สุคติโดยเร็วที่สุด อย่างแรกคือต้องหาศพริลณีให้เจอ คาดว่าศพริลณีคงถูกฝังอยู่ที่บ้านเรือนไทยเพราะเห็นหงส์หยกไปขุดหากระดูกริลณีที่นั่น ฉะนั้นเราต้องไปขุดตรงที่หงส์หยกเคยขุดดู

ชัชติงด้วยความเป็นห่วงกลัวถูกริลณีเล่นงาน เตชินเสนอตัวจะจัดการเรื่องริลณีเอง เชื่อว่าความรักของริลณีจะทำให้เธอไม่ทำร้ายตน บอกเพื่อนๆให้ไปขุดหาหลักฐานกัน ไม่ต้องห่วง

“แล้วแกมีวิธีจัดการน้องรินไม่ให้อาละวาดยังไงวะ” ชัชยังไม่หายกังวล

ooooooo

เวลาเดียวกัน พวกเอกราชไปสุมหัวกันที่คอนโดหรูของเอกราช ต่างหวาดกลัวจะถูกริลณีตามมาเล่นงาน ติถึงเครื่องรางห้าแฉกที่อาจารย์ดำให้ก็พึ่งไม่ได้แล้วเพราะขาดไปอันใดอันหนึ่งพลังคุ้มครองก็จะลดลง

เห็นเอกราชที่ตกอยู่ในความหวาดกลัว ประวิทย์ที่มีความรู้สึกพิเศษกับเอกราชบอกเขาว่าจะคุ้มครองเขาจนกว่าเขาจะได้เครื่องรางใหม่ ตุลเทพเสนอให้ประวิทย์มาอยู่กับเอกราชที่คอนโดจะได้ดูแลได้ใกล้ชิด

เพื่อนๆต่างรู้ว่าประวิทย์คิดอย่างไรกับเอกราช ต่างก็นึกสงสารประวิทย์ เพราะรู้ดีว่าคนอย่างเอกราชทำอะไรต้องหวังผลประโยชน์ตอบแทน เชื่อว่าเอกราชดูประวิทย์ออกแต่ทำเป็นดูไม่ออกเพื่อผลประโยชน์บางอย่างของตัวเอง

ooooooo

เตชินกลับไปหาริลณีที่บ้านเรือนไทย เขาบอกเธอว่า รู้ความจริงของเธอหมดแล้ว ริลณีรับรู้ถึงการมาของพวกชมพู เธอโกรธแค้นหาว่าพวกนี้บอกเรื่องตนแก่เตชิน พุ่งไปจะฆ่าให้หมด

พวกชมพูเข้ามาหาหลุมศพริลณีไม่เจอ พลันชัชก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อคงแว่วมาว่า

“ถ้าอยากช่วยโยมริลณี หลับตา แล้วตั้งสมาธิให้มั่น แล้วเจ้าจะเจอสิ่งที่กำลังพยายามตามหาอยู่”

ชัชปฏิบัติตามทันที เพื่อนๆพากันมองชัชอย่างแปลกใจว่าอยู่ๆชัชก็นั่งหลับตานิ่งทำไม?

ระหว่างนั้นพวกชมพูได้ยินเสียงริลณีกรีดร้องอย่างเจ็บปวดโกรธแค้น ชมพูเสนอให้รีบไปช่วยเตชิน เฟื่องฟ้าบอกให้ช่วยตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ พวกเราอาการหนักกว่าเตชินหลายเท่านัก พลันชัชก็ลืมตาฟึ่บ ทุกคนรีบไปหาเขา เห็นว่ามีกระดูกของริลณีหลายชิ้นวางอยู่ที่ปากหลุม ชัชบอกทุกคนว่า “หลุมศพริลณี!!!”

ริลณีเจ็บปวดร้องโหยหวน เตชินบอกเธอว่าตนรักเธอ รักเธอคนเดียว แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ ริลณีถามว่าเราเคยสัญญากันไม่ใช่หรือว่าแม้แต่ความตายก็ไม่อาจพรากเราจากกันได้

“ผมไม่เคยลืม แต่เราอยู่ไม่ได้จริงๆ คุณต้องปล่อยวางทุกอย่าง ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ คุณก็ยิ่งก่อเวรสร้างกรรมไม่จบสิ้น”

“ไม่!! ฉันไม่ไปไหน ฉันจะอยู่กับคุณ” เมื่อเตชินบอกว่าตนอยู่กับเธอไม่ได้จริงๆ ริลณีก็โกรธแค้นพวกชมพูหาว่าทำให้เขาเกลียดตน คำรามดุร้าย “ใครที่คิดจะพรากคุณไปจากริน มันต้องตาย!!”

ริลณีพุ่งออกไปทันที เตชินร้องห้ามรีบวิ่งตามไป พอริลณีไปเจอพวกชมพูก็ชี้หน้าถาม

“พวกแกใช่ไหม ที่เอาเรื่องของฉันไปบอกเตชิน ฉันเคยเตือนพวกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน” ทั้งเฟื่องฟ้าและเอทีเอ็มช่วยกันพูดว่าพวกตนแค่อยากช่วยเธอให้พ้นทุกข์ “ที่ที่ฉันมีความสุขที่สุด คือที่ที่ฉันได้อยู่กับคนรัก พวกแกไม่เคยรู้ว่าฉันต้องนอนรอเขาอยู่ในหลุมเน่านั้นอย่างทรมานมาตั้งกี่ปี แล้วอยู่ดีๆพวกแกก็มาพาเขาไปจากฉัน”

ริลณีจ้องหน้าเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มสะกดให้ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันแล้วบีบคอกันเอง ชัชขอร้องว่าทั้งสองคนมีเจตนาดีที่จะช่วยเธอ ริลณีด่าว่าชัชสาระแน เพราะทำให้เตชินเกลียดตน ใช้มือปัดชัชกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ดังอั้ก! ริลณีจะเข้าไปซ้ำ ชมพูรีบไปขวาง บอกเธอว่า

“พี่เตชินไม่เคยเกลียดริน เขารักรินเสมอไม่ว่ารินจะเป็นอะไร ที่เขาทำแบบนี้เพราะอยากให้รินหลุดพ้นนะ”

ริลณีหันแสยะยิ้มกับชมพู เลือดสดๆ ไหลจากปากน่าสยองขณะบอกเธอว่า

“ชมพูเพื่อนรักของฉัน ถ้าเป็นแต่ก่อนได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันคงจะเชื่อเธอ แต่ตอนนี้ฉันรู้ดีว่าคำพูดและการกระทำของเธอมันหลอกลวง ในบรรดาทั้งสี่คนนี้ เธอสมควรที่จะตายเป็นคนแรก” แล้วริลณีก็บีบคอชมพูจิกนิ้วลงไปในเนื้อจนเลือดออก มองชมพูดิ้นและร้องอย่างสะใจ

เตชินอ้อนวอนริลณีอย่าทำร้ายชมพู เมื่อเธอไม่ยอมเขาอ้อนวอนว่าตนเป็นคนทำให้เธอเสียใจถ้าอยากจะฆ่าก็ให้ฆ่าตน ริลณีถามว่าเขายอมตายเพื่อพวกนั้นหรือ

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมยอมตายเพื่อริน เพื่อไม่ให้รินทำบาปกับคนอื่นต่างหาก”

ริลณีอึ้ง ชะงัก เตชินขอให้เธอปล่อยชมพูเสีย เขาคุกเข่าขอร้อง จนทำให้ริลณีชะงัก บอกชมพูว่าครั้งนี้จะไว้ชีวิตเธอ มองหน้าเตชินอีกครั้งก่อนหายตัวไป เตชินรีบบอกทุกคนว่า

“รินยอมปล่อยพวกเราทุกคนแล้ว ตอนนี้พวกเราก็มีหน้าที่ที่จะหาตัวคนที่ทำร้ายรินมาลงโทษให้เร็วที่สุด”

เตชินมองไปที่หลุมศพ เห็นโครงกระดูกของริลณียังอยู่ที่นั่น เขามองอย่างเจ็บปวด หันมองชมพู เฟื่องฟ้า เอทีเอ็มและชัช ทุกคนอยู่ในสภาพสะบักสะบอม แต่ต่างเชื่อมั่นว่าจะต้องจับตัวคนทำผิดมาลงโทษให้ได้

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น