วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 8


แพงตามหาลอมาถึงป่าไผ่ ด้วยความเหนื่อยล้ากอปรกับแผลที่หัวยังไม่หายดีทำท่าจะทรงตัวไม่อยู่ เรืองซึ่งตามมาทัน รีบเข้าไปประคองเอาไว้ ชวนให้กลับบ้าน แผลของเธอเริ่มปริมีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว เธอไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะหาพี่ลอเจอ เรืองรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่ต้องตามหาให้เมื่อย

“เมื่อครู่ข้าเจอไอ้ก้อน มันเพิ่งยอมบอกข้าว่าไอ้ลอไปหามันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ขออาวุธจากบ้านผู้ใหญ่เตรียมไปล่าหัวเสือมิ่ง” คำพูดของเรืองทำเอาแพงใจคอไม่ดี...

ทางฝ่ายลอซุ่มอยู่กลางป่าทึบรอจังหวะเล่นงานสมุนของเสือมิ่งที่เฝ้าปากทางเข้าที่ซ่อนตัว ก้อนแอบตามมาเพื่อจะช่วยสหายรักจัดการกับเสือมิ่ง ลอไม่ยอมให้เขาเอาชีวิตมาเสี่ยงด้วย พยายามไล่กลับ แต่ไม่เป็นผล ทั้งคู่ช่วยกันต่อสู้กับสมุนของเสือมิ่งสองคน ก้อนจัดการสังหารหนึ่งในสมุนตายคาดาบ ส่วนสมุนอีกคนหนึ่งบาดเจ็บจากคมดาบของลอ พยายามคลานหนี ก้อนจะตามไปเชือดคอแต่ลอห้ามไว้

“เดี๋ยวก่อน ข้าอยากรู้ว่าเสือมิ่งหายไปไหน” ลอ กระชากตัวสมุนขึ้นมาสอบถามจนได้ความว่าเขากำลังไปจัดการเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงเขาอยู่ ลอรู้ทันทีว่าหมายถึงวีระ...

แทนที่เสือมิ่งจะจัดการเสี้ยมหนามให้สิ้นซาก กลับเป็นฝ่ายถูกหนามตำเพราะวีระเจ้าเล่ห์ ประกาศจะให้เงินสมุนของเสือมิ่งจำนวนมหาศาล หากใครกำจัดลูกพี่ตัวเองได้ พวกนั้นถึงกับตาวาวด้วยความโลภ...

ขณะที่เสือมิ่งถูกเหล่าสมุนทรยศ เพื่อนรีบเก็บเสื้อผ้าเท่าที่จะเก็บได้ยัดใส่ห่อผ้า เตรียมจะหนีไปกับแรม อารามรีบร้อนทำแหวนหมั้นที่ลอซื้อหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงหล่นพื้นมาหยุดแทบเท้า เธอเก็บขึ้นมามอง อดนึกถึงคนให้ไม่ได้ เริ่มลังเลจะหนีดีหรือไม่ พลันมีเสียงพิศร้องเรียกเธอดังแทรกขึ้นมา เพื่อนรีบออกไปหา พอเห็นสภาพของพ่อที่เปรอะไปด้วยเขม่าไฟก็ตกใจ ไปทำอะไรมา

“ข้าเพิ่งกลับมาจากบ้านไอ้แสง ว่าจะไปปรึกษาให้มันช่วยเรื่องเอ็งกับไอ้ลอ แต่ผ่านไปเจอบ้านมันกำลังไฟไหม้พอดี เลยต้องช่วยกันดับให้วุ่น โชคดีพวกชาวบ้านใกล้ๆเห็นเข้าเลยช่วยกันดับไฟแล้วพาไอ้แสงออกมาได้ทัน บ้านก็เลยไหม้แค่ครัวไหม้ลามไปทั้งหลัง”

“แล้วครูเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

พิศถอนใจ หนักใจ ก่อนจะเล่าเพิ่มเติมว่า หลังจากดับไฟเรียบร้อย ครูแสงเข้าไปตรวจดูในบ้านพบว่าเงินที่จะเอาไปไถ่เครื่องดนตรีหายไปหมด แรมก็หายตัวไปด้วย เขารู้ทันทีว่าเป็นฝีมือเธอที่ขโมยเงินและเผาบ้าน ถึงกับร้องไห้โฮจนแทบหมดเรี่ยวแรงจะยืน เรืองที่เพิ่งกลับบ้านต้องรีบเข้าไปประคอง

“เฮ่อ ข้ากับพวกชาวบ้านเห็นแบบนั้นแล้วก็ไม่รู้จะช่วยไอ้แสงมันยังไง ใครจะรู้ว่าผู้หญิงสวยๆ มีความรู้จากพระนคร จะเป็นลูกทรพีใจไม้ไส้ระกำทำกับพ่อมันได้ลงคอ...ว่าแต่เรื่องไอ้ลอ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกชาวบ้านมาทำอะไรเอ็งเด็ดขาด อย่าหวังว่าพวกมันจะลากเอ็งไปรับผิดแทนไอ้ลอเพราะมันต้องข้ามศพข้าก่อน”

“แต่จนป่านนี้เรายังไม่ได้ข่าวพี่ลอเลยนะจ๊ะพ่อ”

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะพาเอ็งไปอยู่วัดก่อน ยังไงพวกมันก็ต้องเกรงใจหลวงพ่อบ้าง ระหว่างทางไปไม่ต้องกลัวพวกชาวบ้านจะมาเห็น เดี๋ยวข้าจะให้เอ็งไปซ่อนอยู่ในเกวียน”

“จ้ะพ่อ งั้นพ่อไปเตรียมเกวียนเถอะจ้ะ เดี๋ยวฉันตามไป” เพื่อนมองตามพ่อ สีหน้าครุ่นคิด

ooooooo

ในเวลาต่อมา แพงกลับมาเห็นพ่อกำลังขนฟางลงจากเกวียน ร้องถามว่าจะไปไหน พอรู้ว่าท่านจะพาพี่เพื่อนไปฝากไว้ที่วัดเพื่อกันไม่ให้ชาวบ้านมายุ่ง รีบบอกว่าไม่จำเป็นอีกแล้วเพราะพี่ลอไม่ได้หนีไปพิจิตร

“ไอ้เรืองมันคงไม่ได้บอกพ่อเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องที่บ้านมัน พี่ลอเขาตัดสินใจไปตามล่าเสือมิ่ง ตั้งใจเรียกความยุติธรรมกลับมาให้ตัวเอง พี่เพื่อนอยู่ไหนล่ะจ๊ะพ่อ ฉันต้องรีบไปบอกพี่เพื่อน”

พิศมองขึ้นไปบนบ้านแทนคำตอบ แพงรีบขึ้นไปบอกข่าวดี แต่เพื่อนไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว หาจนทั่วก็ไม่เจอ เสื้อผ้าข้าวของก็หายไปด้วย หรือเธอกลัวถูกพวกชาวบ้านพาตัวไปให้วีระเลยคิดจะหนีเอาตัวรอด พิศไม่เชื่อว่าเธอจะทำแบบนั้น หาว่าแพงหาเรื่องใส่ร้ายพี่สาวตัวเอง...

ขณะที่เพื่อนหายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย ลอตามมาที่ซ่องนางโลมซึ่งเป็นที่ซ่องสุมของวีระ หวังจะมาลากคอเสือมิ่งกับวีระส่งตำรวจ แต่ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นศพสมุนของเสือมิ่งนอนตายเกลื่อนในสภาพถูกฟันถูกแทงเลือดท่วม สักพักผู้ใหญ่ผาดพร้อมด้วยลูกศิษย์และก้อนตามมาสมทบ ก้อนไม่วายต่อว่าลอทำไมถึงไม่รอกันก่อน บอกแล้วว่าจะไปตามพ่อตามพวกมาช่วย บุ่มบ่ามอย่างนี้เกิดพลาดท่าขึ้นมาจะได้ไม่คุ้มเสีย

“แต่ไอ้ศพที่เห็นอยู่นี่ มันลูกน้องไอ้เสือมิ่งไม่ใช่หรือวะไอ้ลอ ข้าว่ามันยังไงๆอยู่นะ”

ทั้งลอและผู้ใหญ่ผาดเดินสำรวจรอบๆซ่อง เห็นแต่ศพสมุนของเสือมิ่ง ไม่มีคนของวีระแม้แต่คนเดียว พลันมีเสียงครางเบาๆดังขึ้น ทุกคนหันมองตามเสียงเห็นสมุนของเสือมิ่งคนหนึ่งนอนหายใจรวยริน ลอปราดเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงพูดของเขาแผ่วมากแทบไม่ได้ยิน ลอจึงต้องก้มลงไปฟัง...

เสือมิ่งในสภาพบาดเจ็บจากการต่อสู้ถูกวีระกับพวกจับมัดมือกระชากลากถูมาตามทางในป่าทึบ สมุนที่แปรพักตร์ของเขาเตือนให้เขายอมๆวีระจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว เสือมิ่งขู่ถ้ารอดไปได้จะจับพวกมันฆ่าทิ้งแล้วโยนเนื้อให้หมากินฐานทรยศ วีระหัวเราะเยาะ แล้วสั่งให้ไม้กับมาดลากตัวเขามาคุกเข่าตรงหน้า

“ไอ้แก่เอ๊ย ตอนนี้มันไม่ใช่ลูกน้องเอ็งอีกแล้ว แต่เป็นเอ็งต่างหากที่ต้องร้องขอชีวิตจากพวกมัน หลังจากที่พาข้าไปเอาสมบัติที่เอ็งปล้นมาได้แล้ว” วีระเห็นเสือมิ่งฮึดฮัดขัดขืน ชกหน้าหนึ่งทีแล้วเตะซ้ำถึงกับทรุด...

ทางด้านเพื่อนถือห่อผ้าใส่สัมภาระมายืนรอยังจุดนัดหมาย ถูกแรมเข้ามาจากด้านหลังปิดปากไว้ แล้วลากตัวมายังมุมลับตาคนแถวริมตลิ่ง เนื่องด้วยกลัวครูแสงจะตามมาเจอ เพื่อนตำหนิเธออย่างแรงถึงสิ่งที่เธอทำไว้กับพ่อตัวเอง เลวทรามต่ำช้าเกินจะให้อภัย พลอยทำให้ตนรู้สึกผิดไปด้วยที่ปล่อยให้เธอทำชั่วๆแบบนั้น แรมแก้ตัวหน้าด้านๆ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะพาเพื่อนหนีไปพระนครด้วยกันได้อย่างไร

“ฉันไม่ได้คิดจะหนี ฉันก็แค่กลัวจนเผลอสิ้นคิดตอบพี่ไปว่าอยากจะหนี แต่เอาเข้าจริงแล้ว ฉันทิ้งพี่ลอเอาตัวรอดไปคนเดียวไม่ได้หรอก และฉันก็จะไม่ปล่อยให้พี่หนี ฉันจะพาพี่กลับไปหาครู ไปกับฉันเดี๋ยวนี้” เพื่อนคว้าข้อมือแรมทันที เธอไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด ตบหน้าเพื่อนฉาดใหญ่เพื่อให้ปล่อยมือ แล้วหยิบมีดใน กระเป๋าออกมาขู่ ขืนขัดขวางตนมีเรื่องแน่...

พิศไม่เชื่อคำกล่าวหาของแพง จะออกไปตามหาลูกรักเพื่อพิสูจน์ว่าเธอคิดผิด และสั่งห้ามใส่ร้ายพี่สาวของเธออีก ไม่อย่างนั้นเขาจะฟาดหัวเธอซ้ำให้เลือดโชก แพงยืนยันไม่ได้ใส่ร้าย แต่พูดความจริง

“วันพี่ลอหมั้นกับพี่เพื่อนนั่นก็ทีหนึ่งแล้ว ถ้าฉันไม่ไปบอกครูแสงให้ห้ามพี่แรม ป่านนี้พี่เพื่อนก็ทิ้งพี่ลอตามพี่แรมไปอยู่พระนครแล้ว”

ไม่ว่าแพงจะพูดถึงเพื่อนในทางไม่ดีอย่างไร พิศก็ไม่เชื่อ แถมคว้าไม้ขึ้นมาขู่ถ้าไม่หยุดด่าว่าลูกสาวของตนเป็นได้เห็นดีกันแน่ เธอน้อยใจมาก พ่อพูดราวกับว่าเธอไม่ใช่ลูกของท่าน แค่เธอเกิดมาแล้วแม่ก็ตาย เลือดในตัวเธอก็ไม่ใช่เลือดของพ่อแล้วใช่ไหม พิศสุดทนที่เธอเถียงคำไม่ตกฟาก เงื้อไม้จะฟาด เธอหลับตารอให้ลงโทษ เขากลับทำไม่ลง ทิ้งไม้แล้วเดินหนีขึ้นบ้านทั้งน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็เสียใจไม่แพ้เขาเช่นกัน...

แรมกวัดแกว่งมีดในมือใส่เพื่อนซึ่งได้แต่ถอยร่น ก่อนจะเสียหลักล้มลงกับพื้น มือควานถูกทรายรีบหยิบขึ้นมาสาดใส่หน้าลูกทรพีจนตาพร่า เข้าไปแย่งมีดจากมือแล้วตบหน้าจนแรมเซถลาลงไปฟุบกับพื้น

“ถ้าฉันลากพี่กลับไปได้ พวกชาวบ้านจะพากันสรรเสริญฉัน ทีนี้หน้าไหนมันก็ไม่กล้าลากฉันไปรับผิดแทนพี่ลอ” พูดจบเพื่อนเข้าไปดึงแขนแรมให้ลุกขึ้น ไม่ทันระวังตัวถูกเธอเอาก้อนหินฟาดหัวเลือดสาด กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพื่อนเจ็บแผลที่หัวแทบทนไม่ไหว แต่ยังกัดฟันคว้าไม้แถวนั้นขึ้นมาเหวี่ยงกันไม่ให้แรมเข้าใกล้ เธอไม่ได้ต้องการจะฆ่าปิดปากเพื่อนแค่จะเอาตัวไปพระนครด้วย

“สวยๆอย่างเอ็ง ต่อให้ฤทธิ์เยอะแค่ไหน ก็สู้พวกแมงดาในพระนครไม่ได้หรอก เอ็งจะเป็นตัวทำเงินทำทองให้ข้ารวยไม่รู้เรื่อง” แรมเดินเข้าหาอย่างย่ามใจเพราะเห็นอีกฝ่ายเริ่มยืนโงนเงน คว้าข้อมือบิดทีเดียวไม้ในมือเพื่อนก็หล่น แล้วตบหน้าซ้ำจนเธอล้มลงหมดสติ เป็นจังหวะเดียวกับคนแจวเรือมาถึง

“จะไปกันได้รึยัง ข้าไม่ได้ว่างมานั่งรอแจวเรือให้เอ็งทั้งวันนะนังหนู” คนแจวเรือเห็นสภาพของเพื่อนก็ตกใจ แรมรีบหยิบเงินปึกใหญ่ขึ้นมาให้ ถ้าเขาปิดปากให้สนิทและช่วยตนพานังนี่ขึ้นเรือ ถึงที่หมายเมื่อไหร่ เขาจะได้ค่าจ้างเพิ่มอีกเป็นสองเท่า คนแจวเรือเห็นแก่เงิน ยอมตกลงตามที่แรมต้องการ

ooooooo

ลอ ก้อนและพวกลูกศิษย์ของผู้ใหญ่ผาดแกะรอยพวกวีระมาถึงกลางป่าทึบ ลอสั่งให้เร่งฝีเท้าตามให้ทัน ถ้าวีระได้สมบัติของเสือมิ่งไป คงต้องฆ่าเขาทิ้งแน่ๆ ก้อนแนะให้รอพ่อของตนกับตำรวจก่อน แต่ลอรอไม่ได้ แม้เสือมิ่งจะทำให้ชีวิตของตนแย่ลง แต่โทษของเขาไม่ควรถึงตาย

“นี่เป็นความแค้นของข้ากับมัน คนอื่นไม่เกี่ยว” ลอพูดจบตามรอยพวกวีระต่อไป ก้อนหันไปสั่งพรรคพวก

“ข้าจะตามไปช่วยไอ้ลอ พวกเอ็งคอยส่งข่าวให้พ่อข้าด้วย”...

ในขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ผาดพาตำรวจบุกไปที่โรงสีข้าว เห็นประจวบกำลังนอนให้ลูกน้องทายาตามบาดแผลที่ถูกลูกทรพีเล่นงาน พยายามกล่อมให้เขาชี้ตัวพวกที่มาปล้นจะได้ให้ตำรวจจัดการให้ ทีแรกเขาอ้างไม่รู้ไม่เห็นจำหน้าคนปล้นไม่ได้ ผู้ใหญ่ผาดต้องขอร้องให้เขาหยุดปกป้องเลือดชั่วๆที่กล้าทำร้ายแม้แต่คนป้อน ข้าวป้อนน้ำ ถ้าเขาไม่ช่วยหยุดการทำชั่วครั้งนี้ก็เท่ากับส่งเสริมให้ลูกเป็นมหาโจรและที่สำคัญเขายังได้ช่วยให้ลอคนดีแห่งทุ่งบ้านสร้างที่วีระดูหมิ่นว่าเป็นลูกโจรได้พ้นมลทิน ประจวบนิ่งคิดอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจ

“เลือดชั่วในตัวมันไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกต่อไป ลากคอมันมาให้ได้ ข้ากับมันไม่ได้เป็นพ่อลูกกันแล้ว”...

ขณะที่ประจวบตัดสินใจตัดพ่อตัดลูกกับวีระ แพงเดินหน้าเศร้ามายังบริเวณคุ้งต้นไทร คิดถึงคำพูดของพ่อเมื่อครู่แล้วอดน้อยใจน้ำตาไหลไม่ได้ ทรุดลงคุกเข่าพนมมือ พร้อมกับอธิษฐานขอให้เทิดช่วยปกปักรักษาให้ลอรอดพ้นอันตราย ให้เขาได้กลับมาที่ทุ่งบ้านสร้างและเป็นที่รักของทุกคน

“คนที่เขารักก็ขอให้รักเขาไม่ทอดทิ้งเมื่อเวลาเขาลำบาก จะให้ฉันตายทุกข์ตายทรมานยังไงก็ได้ ขออย่างเดียว ขอให้พี่ลอมีความสุขกับคนที่เขารักก็พอแล้วจ้ะ” แพงอธิษฐานจบก้มลงกราบ พลันมีเสียงแก้วร้องเอะอะเข้ามาบอกว่าเจอพี่เพื่อน แพงลุกพรวดจะตามไปลากตัวนังคนเห็นแก่ตัวกลับ

“พี่ลอกำลังลำบากแต่มันกลับคิดจะหนีไปสุขสบายคนเดียว บอกข้ามาเอ็งไปเจอมันที่ไหน”

แก้วขอร้องให้ใจเย็นๆก่อน แพงเข้าใจพี่สาวตัวเองผิด ตอนนี้พี่เพื่อนกำลังเดือดร้อน แล้วเล่าให้ฟังว่าขณะที่ตนกับแม่ช่วยกันขนกล้วยลงเรือจะเอาไปขาย ได้ยินเสียงแรมสั่งให้คนแจวเรือพายเร็วๆกว่านี้ เดี๋ยวเธอจะไปไม่ทันรถไฟเข้าพระนคร คนแจวเรือไม่พอใจ หากอยากให้เร็วทันใจ เธอก็ต้องช่วยพายเรือด้วยไม่ใช่เอาแต่สั่ง แก้วเห็นแรมคว้าไม้พายขึ้นมาช่วยพายและยังเห็นพี่เพื่อนนอนหมดสติอยู่ในเรือด้วย

แพงไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังตลิ่ง แต่ไม่พบใคร แก้วอ้างว่ากว่าตนเองจะวิ่งไปตามเธอ เรือลำนั้นคงไปไกลแล้ว แพงเถียงว่านี่เป็นทางลัด ถ้าเรือจะไปจากทุ่งบ้านสร้างต้องผ่านทางนี้ ไม่ทันขาดคำ เรือแจวลำที่ว่าก็ล่องมาตามลำน้ำ แรมเห็นแพงกับแก้วก็สั่งให้คนแจวเรือเร่งฝีพายขึ้นอีก แพงเห็นท่าไม่ดีโดดลงน้ำว่ายตาม ปากก็ตะโกนสั่งให้ส่งพี่สาวตัวเองคืน แรมเห็นแพงเข้ามาใกล้เรือ ใช้ไม้พายฟาดไม่ยั้ง

“ตายซะเถอะอีแพง น้ำหน้าอย่างมึงอย่าคิดว่าจะขวางทางกูได้ นี่แน่ะๆๆ”

ไม้พายฟาดถูกหัวแพงอย่างจังจนแน่นิ่งจมลงในน้ำ แก้วตกใจรีบโดดลงไปช่วย แต่เธอจมหายไปเสียก่อน ร่างของแพงดิ่งลงสู่ก้นคลองใกล้จะหมดอากาศหายใจ แต่แล้วเกิดนึกถึงพี่ลอขึ้นมาได้ ชีวิตนี้จะตายไม่ได้จนกว่าจะได้เห็นพี่ลอมีความสุข จึงเกิดฮึดสู้ ทะลึ่งพรวดขึ้นสู่ผิวน้ำ แก้วดีใจรีบช่วยพยุงเข้าฝั่ง เอาผ้ากดแผลที่หัวให้เลือดหยุดไหล แล้วจะพากลับบ้าน แพงไม่ยอมกลับจะตามไปช่วยพี่เพื่อน

“ถ้าพี่ลอกลับมาไม่เจอพี่เพื่อน พี่ลอจะเสียใจ เขารักพี่เพื่อนที่สุด ข้าต้องพาพี่เพื่อนกลับไปหาเขาให้ได้”

“พอได้แล้วนะอีแพง คิดว่าข้าขอร้องเอ็งก็ได้ พอได้แล้ว เลิกรักพี่ลอมากกว่ารักตัวเอง ชีวิตเอ็งมันไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่เอ็งคิด ข้าขอร้องนะอีแพง” แก้วพูดไปร้องไห้ไป แพงดึงเธอมากอดร้องไห้ไปด้วยกัน

ooooooo

ณ กลางป่าทึบ พวกของวีระเร่งขุดสมบัติที่เสือมิ่งซ่อนเอาไว้จนกระทั่งเจอหีบใบใหญ่ เสือมิ่งรู้ว่าชีวิตของตัวเองกำลังจะสิ้นสุดเมื่อวีระได้สมบัติ ทันทีที่หีบสมบัติถูกเปิดออกเผยให้เห็นของมีค่าอัดอยู่แน่น วีระถึงกับหัวเราะสะใจ เสือมิ่งเห็นเขามัวแต่สนใจสมบัติ ดึงดาบที่ปักอยู่ใกล้ๆแทงสมุนเพื่อเปิดทางหนี

ไม้คว้าดาบจะตามไปเล่นงาน แต่วีระยกมือกันไว้ แล้วชักปืนเล็งไปที่เสือมิ่งซึ่งกำลังไล่ฟันสมุนที่ทรยศของตัวเอง ลอตามมาเห็นพอดี โดดผลักเสือมิ่งพ้นทาง แต่ตัวเองกลับโดนยิงเสียเองถึงกับทรุด เสือมิ่งรีบเข้าไป ประคองเขาไว้ อดแปลกใจไม่ได้มาช่วยตนไว้ทำไม

“ถึงฉันจะไม่พอใจที่อามิ่งพยายามทำลายชีวิตฉัน แต่อย่างน้อยที่ไอ้ลอโตมาได้ก็เพราะน้ำใจของอามิ่ง”

“เอ็งเหมือนพ่อของเอ็งไม่มีผิด เพราะคิดโง่ๆอย่างนี้ มันถึงต้องมาตายอย่างหมาตัวหนึ่งที่ทุ่งบ้านสร้าง”

“ไม่หรอกจ้ะอา พ่อไม่ได้ตายอย่างหมา พ่อตายพร้อมกับความภูมิใจที่สร้างขึ้นมาเพื่อสั่งสอนให้ฉันเป็นคนดี ไม่ให้เดินทางผิดอย่างพ่อ ฉันถึงสาบานด้วยชีวิตกับพระของพ่อจะไม่ให้ความภูมิใจตายไปพร้อมกับพ่อ” ลอมองพระของพ่อที่ห้อยคอเสือมิ่งสีหน้าเจ็บปวดจากบาดแผลถูกยิง เสือมิ่งสำนึกผิดที่ทำให้ลอต้องมาเป็นแบบนี้ สั่งเขาห้ามตายเด็ดขาด วีระทนดูลิเกบทโศกเศร้าไม่ได้ ยินดีจะส่งทั้งคู่ไปเล่นบทนี้ให้ยมบาลดู

เสือมิ่งเสนอจะแลกชีวิตตัวเองและสมบัติที่ยังฝังไว้อีกมากมายกับลอ วีระไม่สนใจ ลั่นกระสุนใส่เขาหน้าตาเฉย เพราะความเกลียดชังที่ตนมีกับลอ ไม่มีอะไรมาแลกได้ แล้วยิงเสือมิ่งซ้ำตายอนาถ จากนั้นหันปากกระบอกปืนจะยิงลอเป็นรายต่อไป ก้อนซึ่งแอบซุ่มดูอยู่ พุ่งออกจากที่ซ่อนใช้ดาบเชือดคอลูกน้องของวีระ คนอื่นๆหันขวับไปมอง ลอฉวยโอกาสปัดปืนจากมือวีระ แล้วตรงเข้าชกต่อย...

ขณะที่ลอกับก้อนเปิดศึกกับวีระและพวกอยู่กลางป่าทึบ แก้วประคองแพงที่หัวแตกเลือดอาบกลับถึงบ้าน พิศเห็นสภาพลูกชังก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แก้วชิงตอบคำถามแทนว่าแพงพยายามไปช่วยพี่เพื่อนแต่โดนพี่แรมใช้ไม้พายตีเกือบเอาชีวิตไม่รอด พิศตกใจซักเป็นการใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อน

พอรู้ว่าโดนแรมลักพาตัวไป แพงจะไปช่วยแต่ช่วยไม่ได้ พิศไม่พอใจตะคอกใส่ลูกชังถ้าช่วยพี่สาวไม่ได้แล้วจะมาพูดทำไม จากนั้นเขาวิ่งออกจากบ้านไปตามหาเพื่อนโดยไม่สนใจไยดีเธอแม้แต่น้อย...

ทางฝ่ายลอกับก้อนเริ่มเสียทีให้วีระกับพวกเพราะกำลังคนน้อยกว่า ถูกรุกไล่จนถอยไม่เป็นขบวน พลันมีเสียงปืนดังเปรี้ยงๆๆๆขึ้น ผู้ใหญ่ผาดนำกำลังตำรวจเข้ามาช่วยเหลือลอและก้อน ลูกน้องของวีระถูกคมกระสุนร่วงเป็นใบไม้ ลูกพี่พยายามจะไปหยิบหีบสมบัติแต่ถูกผู้ใหญ่ผาดยิงสกัดไม่ให้เข้าใกล้ กระสุนนัดหนึ่งเฉียดใบหน้าเขาถึงกับร้องลั่น ไม้กับมาดต้องช่วยประคองลูกพี่หนีโดยมีตำรวจหลายนายไล่ตามติด ผู้ใหญ่ผาดรีบเข้ามาดูแลลอที่ใกล้จะหมดสติเพราะเสียเลือดมาก แต่ก็ยังกัดฟันขอร้อง

“ช่วย...พา...ฉันกลับ...กลับไปหา...แม่เพื่อน...ด้วยจ้ะอา” พูดได้แค่นั้นลอก็หมดสติ...

ทั้งลอ เพื่อนและแพงต่างกำลังเผชิญกับชะตากรรม ลอถูกคมกระสุนของวีระอาการเป็นตายเท่ากัน ส่วนเพื่อนถูกแรมลักพาตัวไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ขณะที่แพงหัวแตกซ้ำที่เดิมและเกือบจะจมน้ำตาย เอาแต่นั่งร้องไห้ฟูมฟายที่ไม่สามารถจะช่วยพี่สาวตัวเองได้

ooooooo

ผู้ใหญ่ผาดกับก้อนพาลอมาที่วัดทุ่งบ้านสร้างเพื่อให้สมภารบุญช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ เพราะขืนพาไปหาหมอที่อำเภอเกรงจะไม่ถึง แม้ท่านจะผ่าเอากระสุนออกและทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว แต่ลอกลับดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทั้งที่ไม่ได้สติ ทุกคนพากันตกใจหน้าเสีย โดยเฉพาะก้อนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ข้า...ข้าไม่รู้ ข้าช่วยเอากระสุนออก ห้ามเลือดให้มันแล้ว แค่นี้ข้าก็จนปัญญาแล้วโว้ย ที่เหลือก็คงแล้วแต่บุญกรรมของมัน” สมภารบุญถอนใจหนักใจ ก้อนนึกถึงพระของลอขึ้นมาได้ รีบหยิบออกจากย่าม

“พระของพ่อเอ็งไงไอ้ลอ ข้าถอดเอามาจากคอเสือมิ่ง เอ็งสาบานกับพ่อเอ็งไว้ไม่ใช่หรือว่าจะเป็นคนดี ในเมื่อเอ็งทำดีแล้ว เอ็งก็จะมาตายแบบนี้ไม่ได้” ก้อนว่าแล้วช่วยกันกับผู้ใหญ่ผาดเอาพระคล้องคอให้ลอ น่าประหลาดใจมากที่อาการทุรนทุรายของเขาลดลงเหลือเพียงกระสับกระส่าย ทุกคนต่างเบาใจไปเปลาะหนึ่ง...

ฝ่ายพิศหายไปทั้งคืนเพื่อตามหาลูกสาวสุดที่รัก แต่ไม่พบ กลับถึงบ้านด้วยอาการเหนื่อยอ่อนแทบหมดแรง แพงจะช่วยพยุงขึ้นบ้าน เขาก็ปัดมือไม่ให้มายุ่ง พักหายเหนื่อยเมื่อไหร่เขาจะตามไปช่วยเพื่อนที่พระนคร ยังไม่ทันจะเดินขึ้นบ้าน โงนเงนไปมาในที่สุดก็ล้ม แพงโผคว้าร่างพ่อไว้ทัน

โชคดีที่แก้วแวะมาหาพอดี แพงจึงได้คนช่วยต้มยาหม้อให้ ระหว่างที่เธอคอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อตัวหน้าตาให้พ่อ ไม่นานนักยาก็ได้ที่ แก้วยกขึ้นมาให้พิศซึ่งยังนอนหมดสติ ระหว่างนั้นด้วงวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งข่าวเสือมิ่งถูกวีระฆ่าตาย ส่วนมือสังหารกับพวกตอนนี้กลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี นอกจากลอจะพ้นมลทิน ยังจะได้คำสรรเสริญที่ช่วยจัดการกับพวกโจรได้ เล่าถึงตรงนี้สีหน้าด้วงสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“แต่ไอ้ลอมันกำลังเจ็บหนัก ไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อาการมันลูกผีลูกคน เจียนตายเข้าไปทุกที”

“ไม่จริง ไอ้ด้วงเอ็งโกหก...อีแก้ว ฝากพ่อข้าด้วย” พูดจบแพงวิ่งหน้าตั้งไปที่วัด เห็นลอนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่หน้าพระประธานในโบสถ์ เข้าไปลูบหน้าตาเนื้อตัวเรียกให้เขาได้สติ ก้อนกับผู้ใหญ่ผาดและสมภารบุญที่นั่งเฝ้าอาการของเขาอยู่ เห็นเธอแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ก้อนต้องเข้าไปดึงแพงออก เรียกไปก็ไม่มีประโยชน์ ตนลองหมดทุกทางแล้ว แพงหันไปขอร้องให้สมภารบุญช่วยพี่ลอด้วย ท่านเองก็หมดปัญญาไม่รู้จะช่วยอย่างไร

“แล้ว...แล้วเราะจะปล่อยให้พี่ลอนอนรอความตายอยู่แบบนี้หรือ”

“ไอ้ลอมันอยากจะกลับมาหานังเพื่อน ก่อนมันจะหมดสติไปมันก็เรียกหาแต่นังเพื่อนตลอด ถ้าเอ็งพานังเพื่อนมาอยู่กับมัน บางทีมันอาจจะรู้สึกตัวก็ได้”
แพงถึงกับปล่อยโฮ จะให้พาพี่เพื่อนมาได้อย่างไรในเมื่อถูกพี่แรมลักพาตัวไปแล้ว...

ลอยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติ เพ้อเรียกชื่อเพื่อนเป็นระยะๆ แพงชักสงสัย ลองเอามือแตะหน้าผากดูพบว่าตัวร้อนราวกับไฟ ก้อนที่นั่งเฝ้าอยู่ด้วยถึงกับหน้าเครียด หันไปสั่งด้วง

“เอ็งรีบไปเร่งพ่อข้าให้พาหมอจากอำเภอมาดูมันเร็ว”

ด้วงรีบไปทำตามคำสั่ง ส่วนแพงได้แต่กุมมือลอที่ยังเพ้อเรียกหาเพื่อนไว้ด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

ณ บ้านของลั่นทมซึ่งเป็นซ่องชั้นดีมีระดับ ลูกค้าของที่นี่ล้วนเป็นเจ้าขุนมูลนายและเศรษฐีชั้นแนวหน้าของพระนคร เพื่อนยังนอนหมดสติอยู่บนเตียง แผลที่หัวได้รับการดูแลอย่างดีเช่นเดียวกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ถูกเปลี่ยนให้ สักพักเธอค่อยๆรู้สึกตัว มองไปรอบๆ พบตัวเองอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา แรมเดินยิ้มเข้ามาหา

“ไง ครั้งแรกที่ได้นอนเตียงนุ่มๆแบบนี้ สบายกว่านอนแผ่นกระดานไหมนังเพื่อน”

เพื่อนลุกพรวดจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ต้องชะงักเมื่อพบว่าข้อมือข้างหนึ่งของตัวเองถูกล่ามโซ่ไว้กับหัวเตียง ร้องเอะอะให้คนมาช่วย แรมเชิญเธอร้องตามสบาย ที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอควรทำตัวให้น่ารักเข้าไว้ดีกว่าเผื่อคุณนายลั่นทมเอ็นดูขึ้นมา รับรองชีวิตที่บ้านหลังใหม่จะสุขสบายแน่ๆ เพื่อนไม่ต้องการบ้านใหม่ แล้วแหกปากร้อง ขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น แรมรำคาญเดินไปเปิดประตูให้เมี่ยงเข้ามา

“ไอ้เมี่ยงเป็นแมงดาคุมที่นี่ มันหูหนวกเป็นใบ้ เพราะฉะนั้นหน้าที่มันไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากคอยตบสั่งสอนเด็กใหม่ให้อยู่ในโอวาท” แรมพูดจบเดินออกไป เมี่ยงไม่พูดพล่าม เข้ามาชกท้องเพื่อนถึงกับจุกตัวงอ แต่เธอยังไม่หมดฤทธิ์กัดฟันร้องขอความช่วยเหลืออีกจึงถูกเขาอัดซ้ำอย่างไม่ปรานี...

ขณะที่เพื่อนถูกจับไปขายซ่องในพระนคร ลอเริ่มรู้สึกตัวค่อยๆลืมตาขึ้นมอง แพงที่คอยเช็ดตัวเพื่อให้ไข้ลด ดีใจมากจับมือเขามากุมไว้ บอกว่าอย่าเพิ่งลุก แผลถูกยิงยังไม่หายดี ผู้ใหญ่ผาดกำลังไปตามหมอจากอำเภอมาดูอาการให้ ลออยากเจอหญิงคนรักมาก ถามหาไม่หยุดปาก แพงได้แต่อึกอัก

“เอ่อ คือ...พี่เพื่อนอยู่บ้านจ้ะ เขามาเฝ้าพี่ลออยู่ทั้งวัน ฉันเพิ่งให้เขากลับไปพักเมื่อครู่นี้เอง”

“ข้า...ข้าอยากเจอแม่เพื่อน...ข้าจะไปหาแม่เพื่อน” ลอค่อยๆยันตัวลุกขึ้น แพงพยายามห้ามแต่เขาไม่ฟัง เดินโซซัดโซเซออกจากโบสถ์ จะไปหาเพื่อนให้ได้ เธอสงสารเขามากจำต้องบอกความจริงว่าพี่เพื่อนถูกพี่แรมลักพาตัวไป ลอถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้น เธอรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง

“แม่...แม่เพื่อน...ข้า...ข้าต้องไปช่วย...แม่เพื่อน” พูดได้แค่นั้นสติของลอก็ขาดแน่นิ่งไปในอ้อมแขนของแพงซึ่งตกใจมาก ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือลั่น ผู้ใหญ่ผาด สมภารบุญและก้อนพาหมอจากอำเภอเดินเข้ามาพอดี เธอจึงปล่อยให้ผู้ใหญ่ผาดกับก้อนพยุงลอกลับไปในโบสถ์เพื่อให้หมอตรวจอาการ

ooooooo

เมื่อเพื่อนเลิกพยศแล้ว แรมจึงกลับไปยังห้องที่กักขังเธออีกครั้ง แสร้งใจอ่อนจะพาเธอกลับทุ่งบ้านสร้าง แล้วไขกุญแจที่ล็อกข้อมือเธอไว้ แต่แทนที่จะทำตามที่พูด แรมกลับพาเพื่อนไปที่ห้องโถงของซ่องซึ่งเต็มไปด้วยลูกค้ากระเป๋าหนัก ต่างตะลึงในความสวยของเธอ เพื่อนใจคอไม่ดี ไหนแรมบอกว่าจะพาเธอไปจากที่นี่

“เอ็งมาจากบ้านนอกคอกนายังไม่รู้จักมารยาทในพระนคร จะมาจะไปก็ต้องไหว้เจ้าของบ้านเขาก่อนสิวะ นั่นคุณพี่ลั่นทมเจ้าของบ้าน” แรมชี้ไปยังหญิงวัยกลางคนแต่งหน้าจัดกำลังยืนคุยอยู่กับแขกของซ่อง เพื่อนไม่สนใจจะไหว้ใครทั้งนั้น แค่อยากไปให้พ้นจากที่นี่ แรมขู่ถ้าขืนยังดื้อจะเรียกเมี่ยงมากำราบ แล้วเดินเข้าไปไหว้ลั่นทมอย่างนอบน้อม พร้อมกับแจ้งว่าพาเด็กใหม่มาแนะนำให้เธอรู้จัก

“นี่น่ะเหรอดอกไม้งามจากบ้านนอกคอกนาที่หล่อนภูมิใจเสนอให้ฉัน” ลั่นทมมองเพื่อนอย่างพิจารณา...

อาการของลอหนักกว่าที่คิด หมอตรวจอย่างละเอียดแล้วพบว่าเขาเป็นไข้ป่า หากรู้แต่แรกยังพอให้ยาได้ทัน แต่มาเป็นตอนที่ร่างกายอ่อนแอ หมอกลัวเขาจะไม่รอด แพงใจเสีย พุ่งเข้าไปเขย่าแขนหมออ้อนวอนให้ช่วยรักษาเขาด้วย จะเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ เธอจะหามาจ่ายให้ ขอแค่อย่าปล่อยให้พี่ลอตาย

“ยาราคาสูงหายาก มีแต่ในพระนครแบบนั้น หมอไม่มีหรอกแม่แพง อีกอย่างอาการนายลอก็หนักหนาสาหัสจริงๆ หมอเสียใจด้วย”

แพงไม่ยอมปล่อยแขนหมอบังคับให้ช่วยลอให้ได้ ผู้ใหญ่ผาดกับก้อนต้องช่วยกันดึงมือเธอออก ปลอบว่าหมอพยายามสุดความสามารถแล้ว เธอโผกอดลอไว้ร้องไห้โฮอย่างน่าเวทนา...

ลั่นทมถูกใจในความสวยของเพื่อนมาก ยิ่งได้เชยคางขึ้นมาดูใบหน้าใกล้ๆ ถึงกับชมแรมไม่หยุดปากว่าตาถึง เพื่อนไม่พอใจปัดมือลั่นทมออก สั่งให้เอามือโสโครกของเธอไปให้พ้นใบหน้าของตน แรมเตือนว่าอย่าหาเรื่องเจ็บตัวดีกว่า คุณพี่ลั่นทมรู้จักคนใหญ่คนโตมากมาย ชีวิตของเธอที่พระนครจะเป็นสวรรค์หรือนรกก็อยู่ที่

คุณพี่กำหนด เพื่อนประกาศลั่น ชีวิตของเธอย่อมต้องเป็น ตัวเธอเองที่กำหนด

“ถ้ากลับบ้านสร้างไม่ได้ ฉันก็จะขอตายซะดีกว่าโดนพวกโสโครกอย่างพวกแกมาย่ำยี”

“ต้องแบบนี้สิที่ฉันหามานาน ระหว่างนี้ฉันจะไม่ให้ใครแตะต้องเธอเด็ดขาด เพราะดอกไม้ดอกนี้จะไม่ได้มีแค่ไว้ประดับแจกันธรรมดา แต่มันจะมีค่าสำหรับคนที่พร้อมให้ราคาสูงสุด” ลั่นทมพยักหน้าให้เมี่ยงพาตัวเพื่อนออกไป เธอฮึดฮัดขัดขืนแต่สู้แรงเขาไม่ได้ แรมยิ้มชอบใจก่อนจะหันไปรับเงินปึกใหญ่จากลั่นทม

ooooooo

แม้หมอจากอำเภอจะถอดใจเนื่องจากไม่มียามารักษาอาการป่วยของลอ แต่แพงยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ขอให้ด้วงช่วยกันกับตนเองพาลอกลับมาไว้ที่กระท่อมปลายนา ตั้งใจมั่นจะไม่ยอมให้พี่ลอตายเด็ดขาด

“ขนาดหมอจากอำเภอยังจนปัญญา แล้วเอ็งเนี่ยนะ” ด้วงทักท้วง

“ข้าไม่เสียเวลาคุยกับเอ็งแล้ว หมดธุระเอ็งแล้วก็กลับไปเถอะ ไปสิ” แพงดันหลังด้วงออกจากกระท่อม แล้วหันมองลอ “อยู่กับฉันนะพี่ลอ ห้ามทิ้งฉันไปเด็ดขาด”...

ทันทีที่รู้เรื่องอาการป่วยของลอจากแก้ว พิศรีบตรงไปที่กระท่อมปลายนา เห็นแพงเป่าฟืนในเตาต้มยาหม้ออย่างขะมักเขม้น ก็ต่อว่าว่าชักจะอวดเก่งมากไปแล้ว คิดจะลากลอให้มาตายคามือตัวเองแบบนี้หรือ แล้วพุ่งเข้าไปดูอาการลอที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ในกระท่อม พยายามจะเอาตัวเขากลับวัด แพงทั้งอ้อนวอนทั้งก้มกราบแทบเท้าพ่อให้โอกาสเธอได้ดูแลพี่ลอ อย่าพาเขาไปให้คนอื่นทอดทิ้งให้นอนรอความตาย

“ฉันจะยื้อชีวิตพี่ลอเอาไว้ให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตฉัน แล้วให้พี่ลอมีชีวิตอยู่เพื่อไปช่วยพี่เพื่อน ฉันก็ยอม...นะจ๊ะพ่อ ให้โอกาสฉันสักครั้งนะจ๊ะ ครั้งเดียวก็ได้” แพงก้มกราบแทบเท้าพ่ออีกครั้ง...

ในเวลาเดียวกัน โฉมฉายน้าแท้ๆของเพื่อนและแพงเดินทางมาทุ่งบ้านสร้างเพื่อมาซื้อที่นาจากชาวนาจนๆ คนหนึ่ง ด้วยความใจดีมีเมตตา เธออนุญาตให้ชาวนาคนนั้นทำมาหากินบนที่ดินที่ขายให้เธอต่อไปตามปกติ ส่วนผลผลิตที่ได้ให้เขาแบ่งไว้กินก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยส่งไปให้ตลาดของเธอที่พระนคร ชาวนาคุกเข่ายกมือไหว้ท่วมหัวซาบซึ้งในน้ำใจอันประเสริฐของเธอ โฉมฉายรีบบอกให้เขาลุกขึ้น

“ฉันเคยโตมากับท้องทุ่งท้องนา เข้าใจดีเวลาลำบากต้องกัดก้อนเกลือกินมันเป็นอย่างไร”

จำปูนเสมียนของโฉมฉายขอตัวพาชาวนาไปจัดการเรื่องสัญญาซื้อขายที่นายังสำนักงานที่ดิน โดยทิ้งจำปีและจำปาเมียกับลูกของตัวเองให้อยู่เป็นเพื่อนเจ้านาย...

นอกจากพิศจะไม่เอาลอกลับวัด ยังช่วยดูหม้อต้มยาระหว่างที่แพงเอายาหม้อไปป้อนให้ลอ แต่เขาอาการทรุดหนักไม่รู้สึกตัว ยาก็เลยไม่เข้าปากไหลเลอะเทอะ เธอถึงกับน้ำตาไหลพราก

“พี่ลอจ๋า พี่ลอชอบบ่นว่าฉันเจื้อยแจ้วร้องเพลงให้พี่รำคาญหูบ่อยๆ ร้องทีไรพี่ต้องลุกขึ้นมาไล่ตะเพิดให้ฉันหยุดร้อง ถ้าฉันร้องเพลงให้พี่รำคาญอีก พี่ก็จะลุกมาไล่ฉันอีกใช่ไหมจ๊ะพี่ลอ” แพงพูดจบร้องเพลงภาษาอังกฤษที่ไปหัดร้องมาจากร้านขายของเก่าในตัวอำเภอให้ลอฟังทั้งน้ำตา

จังหวะนั้นผู้ใหญ่ผาดกับก้อนเข้ามาถามหาลอจากพิศที่กำลังต้มยาอยู่หน้ากระท่อม พิศเกลี้ยกล่อมจนผู้ใหญ่ผาดยอมให้แพงหาทางรักษาลออย่างที่เธอตั้งใจ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขานอนรอความตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไร...

ขณะสมภารบุญกำลังเล่นงานด้วงที่ช่วยแพงพาลอออกจากวัด โดยมีแก้วคอยช่วยแก้ต่างให้เขาเป็นระยะๆ โฉมฉายพร้อมด้วยจำปูน จำปีและจำปา นำข้าวของเข้ามาทำบุญและกราบสมภารบุญซึ่งมองทั้งสี่คนที่แต่งกายแปลกจากชาวบ้านทั่วไปด้วยความสงสัย ก่อนจะร้องถามว่ามาจากไหนกัน ได้ความว่ามาจากพระนคร โฉมฉายจะมาทำบุญถวายสังฆทานให้กับญาติของเธอซึ่งฝังอยู่ที่วัดแห่งนี้ สมภารบุญรู้สึกคุ้นหน้าเธอมากเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก โฉมฉายรีบแนะนำตัวเอง

“อิฉันโฉมฉาย น้องสาวของพี่สายเจ้าค่ะ”

สมภารบุญถึงบางอ้อทันที เป็นน้องเมียของพิศนั่นเอง ด้วงกับแก้วถึงกับหูผึ่ง โฉมฉายเล่าว่าครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่ก็ตอนทำบุญร้อยวันให้พี่สาว เธอไปจากที่นี่ตั้งแต่เพิ่งจะแตกเนื้อสาว และไปได้งานทำที่พระนคร สุดท้ายก็ได้แต่งงานกับเถ้าแก่เจ้าของตลาดซึ่งตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว โฉมฉายเสียดายที่ได้ดิบได้ดีช้าไป

ไม่อย่างนั้นคงจะช่วยพี่สายได้ สมภารบุญไม่อยากให้เธอฟื้นฝอยหาตะเข็บ เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว

“เจ้าค่ะหลวงพ่อ ตอนนี้อิฉันสุขสบายแล้วก็อยากจะทำอย่างที่ตั้งใจ นอกจากมากราบศพพี่สายแล้วก็อยากจะขอทำบุญบูรณะวัดด้วยเจ้าค่ะ”

ท่านไม่ขัดข้อง ตามแต่เธอจะศรัทธา โฉมฉายขอถวายสังฆทานให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะส่งจำปูนไปเดินสำรวจรอบวัดจะได้ดูว่าต้องบูรณะอะไรที่นี่บ้าง

ooooooo

แก้วกับด้วงตื่นเต้นมากที่รู้ว่าแพงมีญาติร่ำรวย นี่ถ้าท่านรู้ถึงเรื่องเดือดร้อนของหลานๆ คงจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แก้วกลัวจะไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะดูท่าแล้วโฉมฉายจะไม่ค่อยอยากพูดถึงพิศสักเท่าใด นัก ระหว่างนั้นสมภารบุญเดินมาตามทางกับโฉมฉาย ด้วงกับแก้วรีบหลบมุมแอบฟัง

“ก่อนโยมจะกลับพระนครน่าจะแวะไปเยี่ยมไอ้พิศมันบ้างมันกับลูกกำลังลำบากต้องการความช่วยเหลือ”

“อิฉันต้องไปแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันเรือเข้าอำเภอ ลานะเจ้าค่ะ”

แก้วกับด้วงรอจนโฉมฉายกับพวกลับสายตา เข้ามาต่อว่าหลวงพ่อทำไมถึงปล่อยให้น้าของแพงกลับไปเฉยๆแบบนั้น เธอเป็นถึงเศรษฐีพระนครที่สามารถช่วยเหลือหลานๆได้

“พวกเอ็งหยุดโวยวายใส่ข้าสักทีได้ไหม ข้าพยายามพูดไปแล้ว แต่เขาจะสนใจรึเปล่าข้าไปยุ่งไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องบาดหมางของไอ้พิศกับคุณนายเขา”

แก้วสงสัยพิศกับน้าของแพงเคยมีเรื่องอะไรกันหรือ สมภารบุญตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตอนนั้นแพงยังเป็นแค่ทารกนอนร้องไห้กระจองอแง พิศนั่งดื่มเหล้าเมามายดับความเสียใจที่เมียตาย โวยวายด่าลูก

“อีแพง จะร้องหาวิมานอะไร มึงไม่มีแม่ให้นมมึงหรอกเพราะมึงฆ่าแม่มึงตายไปแล้ว อีลูกเวร”

โฉมฉายทนไม่ไหว เข้ามาต่อว่า “ตั้งแต่พี่สายตายไป พี่เอาแต่ดื่มเหล้าทุกวัน เอาแต่โทษอีแพงทั้งๆที่มันไม่รู้เรื่องอะไร ฉันเหลืออดกับพี่แล้ว ขืนทิ้งหลานๆฉันไว้ พวกมันต้องอดตายแน่” เธอพูดจบเข้าไปอุ้มแพงจะพาไปตายเอาดาบหน้า พิศไม่ยอมให้เธอเอาเด็กน้อยไป เธอเองยังเอาตัวไม่รอดแล้วจะเอาลูกของตนไปลำบากด้วยทำไม แล้วคว้าอีโต้ที่เหน็บข้างฝาเข้ามาขวาง ไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นหน้า อย่ากลับมาเหยียบที่ทุ่งบ้านสร้างอีก โฉมฉายจำต้องถอย

“จำไว้นะพี่พิศ พี่ไล่ฉันอย่างกับหมูกับหมา เพราะพี่เกลียดขี้หน้าฉันที่เตือนพี่สายไม่ให้มาอยู่กินกับพี่ ถ้าวันหนึ่งฉันได้ดีแล้วพี่ลำบาก พี่อย่ามาว่าฉันใจดำก็แล้วกัน” ว่าแล้วโฉมฉายวิ่งออกไปทั้งน้ำตา เจอสมภารบุญซึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน ได้ยินทุกคำพูดของทั้งคู่ เธอหยุดมองท่านอึดใจ ก่อนจะวิ่งจากไป...

แก้วร้อนใจมากนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แพงซึ่งเฝ้าลออยู่ที่กระท่อมปลายนาฟัง เธอหันไปถามพ่อว่าที่แก้วเล่ามาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า พิศยอมรับว่าจริง ตนกับน้าของเธอไม่ถูกกัน เพราะนังนั่นชอบดูถูกและคอยกีดกันตนไม่ให้พาสายมาอยู่กินด้วย แพงขอร้องให้พ่อลืมเรื่องในอดีต ตอนนี้น้าโฉมฉายมีปัญญาพอจะช่วยพี่ลอกับพี่เพื่อนได้ ถ้าเธอไปขอร้องให้ช่วย ท่านคงต้องเห็นแก่แม่สายยอมช่วยเหลือแน่นอน

“ต่อให้ข้าต้องอับจนแค่ไหน พิกลพิการจนเดินไม่ได้ ข้าก็จะไม่ไปขอความช่วยเหลือจากมัน”

ทั้งแพง ก้อนและผู้ใหญ่ผาดช่วยกันกล่อมพิศอยู่พักใหญ่ กว่าเขาจะมีทีท่าอ่อนลง ก้อนเร่งแพงอย่ามัวเสียเวลา จะทำอะไรก็รีบทำ ยิ่งชักช้าชีวิตของลอก็ยิ่งเสี่ยง หญิงสาวพยักหน้ารับคำ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไป

นับว่าเป็นโชคดีของแพงที่โฉมฉายรีๆรอๆอยู่ที่ท่าน้ำทุ่งบ้านสร้าง ทั้งที่จำปูนขนสัมภาระลงเรือเตรียมจะกลับพระนคร ทำให้แพงตามมาทัน น้าหลานได้พบกันในที่สุด โฉมฉายดีใจมากดึงแพงมากอดไว้แน่น

ooooooo

ทันทีที่แพงพาโฉมฉายมาที่บ้าน พิศต่อว่าเธอต่างๆนานา แล้วสั่งให้แพงพาเธอกลับไป โฉมฉายเข้าไปเผชิญหน้ากับพี่เขย ยืนกรานจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ครั้งที่แล้วเธอขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาทั้งๆที่หลานๆของเธอกำลังลำบาก คราวนี้เธอจะไม่เดินหนีอีกแล้ว แพงมองลุ้นกลัวจะมีเรื่องกัน

แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อโฉมฉายก้มกราบที่อกพิศอย่างอ่อนน้อม “ฉันอยากขอขมาเพราะว่าฉันเป็นผู้น้อยที่ฉันเคยว่าพี่ เคยขวางไม่ให้พาพี่สายมาอยู่กินกับพี่ ข้อนี้ฉันยอมรับผิดว่าเป็นเพราะฉันยังเด็กและเบาปัญญา ห่วงแต่พี่สาวฉันจะลำบาก ทั้งๆที่ไม่มีผู้ชายคนไหนรักพี่สาวฉันได้อย่างพี่พิศอีกแล้ว กว่าฉันจะได้รู้ว่าความรักต่างหากที่เป็นความสุขของพี่สายก็วันที่ฉันต้องเสียเถ้าแก่ไป ยกโทษให้ฉันเถอะนะพี่พิศ”

พิศผละจากโฉมฉายเดินไปที่โกศใส่อัฐิของเมียรักน้ำตาคลอเบ้า “ที่ข้าโกรธเอ็งมาตลอดเพราะข้าเกลียดที่เอ็งหยามความรักของข้าข้าอาจจะเป็นพี่เขยที่ไม่เอาไหนในสายตาเอ็ง แต่ข้าก็รักพี่สาวเอ็งยิ่งกว่าชีวิตข้าเอง”

“พี่ยกโทษให้ฉัน แล้วกับอีแพงล่ะ พี่ก็รู้ว่าที่พี่สายตายไม่ใช่ความผิดของอีแพง”

เขาเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ หันไปสั่งให้แพงรีบพาโฉมฉายไปดูลอ ไม่นานนักสองน้าหลานมาถึงกระท่อมปลายนาโดยมีจำปูนตามมาด้วย โฉมฉายสั่งให้เขาช่วยดูอาการลอให้ที จำปูนมองปราดเดียวก็รู้ว่าลอเป็นไข้มาลาเรียเพราะอาการเหมือนญาติคนหนึ่งของเขาไม่มีผิดเพี้ยน แต่เท่าที่ดู ลออาการหนักมาก เชื้ออาจจะขึ้นสมองแล้วก็ได้ โฉมฉายไม่รอช้าสั่งการให้พาเขาเข้าพระนครทันที...

แพงกลับไปรายงานพ่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจว่าน้าโฉมฉายกำลังจะพาพี่ลอไปรักษาตัวที่พระนคร พิศเอาห่อผ้าที่ใส่ข้าวของจำเป็นของลูกยัดใส่มือ แล้วสั่งให้เธอไปกับลอ โฉมฉายเห็นพิศอยู่คนเดียวจะไม่มีใครดูแล จึงชวนให้ไปพระนครด้วยกัน เขาไม่อยากเป็นภาระของใคร ขออยู่ที่ทุ่งบ้านสร้างกับเมียรักของตัวเอง แล้วหันไปขอให้แพงยกโทษให้ เขาผิดเองที่โยนบาปให้ลูกทั้งๆที่ควรจะโทษตัวเองที่ดูแลสายไม่ดีพอ

ทำให้เธอต้องตาย แพงสวมกอดพ่อน้ำตาไหลพราก ไม่เคยถือโทษโกรธท่านแม้แต่น้อย

“ถ้าพ่อไม่เลี้ยงดูฉัน ไม่อบรมสั่งสอน ฉันก็คงไม่เป็นอีแพงอย่างทุกวันนี้”

จากนั้น พิศ แก้วและด้วงตามมาส่งแพงที่ท่าน้ำ แก้วเข้ามากระซิบกระซาบกับสหายรัก

“อย่าลืมที่ข้าเตือนเอ็งไว้นะอีแพง ความรักของเอ็งกับพี่ลอมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าขืนยังดันทุรังไม่ตัดพี่ลอ ออกจากชีวิต จะไม่มีใครให้อภัยเอ็ง เข้าใจไหมอีแพง”

ขณะที่ลอกับแพงมุ่งหน้าสู่พระนคร เพื่อนไม่ยอมแตะต้องอาหาร ลั่นทมจึงต้องเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง เพื่อนสบช่องที่ได้อยู่ลำพังกับเธอ แอบหยิบส้อมในจานอาหารจะเล่นงาน แต่ลั่นทมรู้ทัน คว้าข้อมือเธอบิดส้อมในมือหล่นพื้น แล้วเตือนให้ทำตัวดีๆกับตนไว้ เพราะถ้าทำให้ตนโกรธ จะส่งเธอไปให้เมี่ยงข่มขืน

ลั่นทมเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเพื่อนแล้วยิ้มพอใจ “ก็อย่างที่ฉันบอก ฉันจะไม่ใช้งานหล่อนอย่างผู้หญิงราคาถูกทั่วไปที่เห็นอยู่ในบ้านฉัน แต่ฉันจะหาผัวที่มีทั้งยศและอำนาจให้หล่อน” ลั่นทมว่าแล้วตบมือเป็นสัญญาณให้สาวใช้เข้ามาพร้อมชุดสวยในมือ “แต่งหน้าแต่งตัวซะ ฉันจะพาหล่อนออกไปดูให้เห็นกับตาว่าที่พระนครมันเหมาะกับหล่อนมากกว่าต้องทนมีผัวจนๆอยู่บ้านนอกคอกนาอย่างไร”...

ณ สนามเทนนิสของสมาคมที่เหล่านักเรียนนอกหนุ่มๆชอบมาจับกลุ่มสังสรรค์ แรมแต่งตัวมาอวดโฉมยั่วน้ำลายพวกนั้นจนมองกันเหลียวหลัง ไม่เว้นแม้แต่วิชิตซึ่งกำลังเล่นเทนนิสอยู่กับมานพสหายสนิท ทำให้เขาเสียสมาธิตีลูกพลาด มานพโวยวายใส่เป็นอะไรไป ทำไมไม่มองลูกเทนนิสมัวแต่มองอะไรอยู่

“แกต้องเห็นกับตาตัวเองว่ะมานพ บางทีไอ้ความเรื่องมากไม่เลือกใครเลยของแกอาจจะถึงเวลาต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่” วิชิตดึงมานพให้มองไปยังแรมที่กำลังอยู่กลางวงล้อมของหนุ่มๆ

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น