วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 7


ทุกคนในบ้านสงสารเพลงลำที่ต้องตัดใจจากปกรณ์พลด้วยเหตุผลที่รักกันไม่ได้เพราะเขาคือพี่ชาย บัวผ่องพยายามทำให้เพลงลำมุ่งมั่นฝึกซ้อมลำตัดเพื่อสลัดความทุกข์แล้วหันมาเอาดีด้านลำตัดเพื่อสืบสานศิลปะแขนงนี้ให้คงไว้อย่างยาวนาน

ยิ่งใกล้ถึงวันประชันลำตัดในงานประจำปีของตำบลบางลำ ทั้งฝ่ายบัวสายและฝ่ายกำนันฝอยต่างขะมักเขม้นเพื่อชัยชนะ ฝาจีบลงทุนไปผ่าตัดกล่องเสียงเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แถมยังจ้างคนลำตัดคณะดังคนละจังหวัดมาแต่งกลอนให้ร้อง แต่กระนั้นกำนันฝอยก็ยังไม่มั่นใจว่าทีมลูกชายจะชนะ จึงวางแผนจ้างชาวบ้านมาเป็นหน้าม้าส่งเสียงเชียร์

ด้านงามไฉไลแม้จะมีกำหนดวันหมั้นกับปกรณ์พลในอาทิตย์หน้านี้แล้วแต่เธอยังไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากเขา เธอรู้แน่แก่ใจว่าเขารักเพลงลำ เหตุนี้เองทำให้เธอเจ็บใจถึงขนาดอยากย้อนกลับไปราวีเพลงลำอีกทีที่บางลำ

ในวันที่เธอเดินทางไปพร้อมกับโพยมยงตรงทางเข้าหมู่บ้านสมุนของฝาจีบกำลังติดป้ายงานประจำปีว่ามีการประชันลำตัด สองแม่ลูกตาวาวคิดวิธีฉีกหน้าเพลงลำออก โดยต้องดึงพวกกำนันฝอยมาร่วมมือ

งามไฉไลเปลี่ยนเส้นทางขับรถไปบ้านกำนันฝอยทันที เป็นเวลาเดียวกับที่ไข่กาและเพลงลำกำลังมุ่งหน้าไปที่เดียวกันเพื่อสืบว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างกำนันมีแผนร้ายอะไรในวันประชันลำตัด

ฝาจุกแปลกใจที่สองแม่ลูกชาวกรุงขับรถมาถึงบ้าน เพลงลำกับไข่กาก็เช่นกัน สองสาวพากันหลบมุมแอบดูแอบฟังพวกเขาสนทนากันโดยไม่มีใครรู้เห็น

แรกเห็นฝาจุกต้อนรับสองแม่ลูกอย่างไม่เป็นมิตร แต่พอได้ยินงามไฉไลบอกว่าเราควรร่วมมือกันสับเพลงลำให้เป็นชิ้นๆ ก็ชะงักไปด้วยความสนใจ

“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่ชอบหน้าเพลงลำ ในฐานะที่มันเป็นคู่แข่งกับนายฝาจีบพี่ชายของเธอ”

“แล้วไง”

“ก็ในเมื่อเราต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เรามาร่วมมือกันไม่ดีกว่าหรือ เราหลายคนหลายกำลังอาจจะเอาชนะนังเพลงลำได้”

โพยมยงปรับสีหน้าเป็นมิตรต่อฝาจุกอย่างเสแสร้ง เสริมคำพูดลูกสาวว่า “เข้าใจที่ลูกสาวของฉันพูดไหมจ๊ะหนู เรามีข้อเสนอที่ดีมาเสนอให้ถึงที่ จะมีใครที่หวังดีต่อหนูและครอบครัวยังงี้เชียวหรือ เชื่อฉันเถอะ เรามาร่วมมือกันกำจัดนังเพลงลำ อย่าให้มันมีที่อยู่ในบางลำอีกต่อไป”

“แล้วใครจะได้ประโยชน์กับงานนี้”

“เราทุกคน ไว้ให้ถึงตอนนั้นเราค่อยแบ่งปันผลประโยชน์กัน ฉันรู้นะว่าการโค่นคณะลำตัดแม่บัวสายลงจะทำให้เกิดคณะลำตัดใหม่ มีทางทำมาหากินกันไปได้ทั้งชาติ แล้วไหนจะส่งผลกับคะแนนเสียงของพี่ชายเธอด้วย”

กำนันฝอยเดินเข้ามาพร้อมกับฝาจีบและสมุนได้ยินคำพูดโพยมยงก็เอ่ยว่า “ฟังเข้าท่าเข้าที หรือว่ายังไงวะไอ้ฝาจีบลูกพ่อ”

ฝาจีบไม่ได้ยิน มัวแต่ตะลึงในความเปรี๊ยวจี๊ดจ๊าดของงามไฉไล ตอบไม่ตรงคำถามว่าตนกินข้าวแล้ว

“พี่ฝาจีบ...พ่อไม่ได้ถามเรื่องพี่กินข้าวมาหรือยัง พี่นี่เป็นอะไรไป หรือว่ามัวแต่ต่อกลอนลำตัดเลยนอนไม่เต็มอิ่ม พ่อ ฉันว่าเชิญคุณนายกับลูกสาวขึ้นเรือนเถอะจะได้รวมหัวกันวางแผนว่าจะจัดการนังเพลงลำยังไง”

“ถ้าเป็นเรื่องกำจัดคู่แข่งล่ะก็ เชิญครับคุณนาย”กำนันผายมือเชื้อเชิญแล้วเดินนำ สองแม่ลูกก้าวตาม แต่ฝาจีบยังยืนอ้าปากค้างจ้องมองงามไฉไลอย่างหลงใหลได้ปลื้ม

พอทั้งหมดลับกายขึ้นเรือน เพลงลำกับไข่กาก็โผล่ออกจากที่ซ่อนขยับเข้าไปแอบฟังใต้ถุนเรือนอย่างสนใจใคร่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีสกปรกอะไรทำร้ายทำลายพวกตน

“เรื่องที่เราจะวางแผนจัดการไอ้เพลงลำ คุณนายมีความคิดยังไง” กำนันเปิดฉากอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

“ฉันต้องการฉีกหน้านังเพลงลำด้วยการแจกข่าวตามสื่อ มันจะได้แพ้แล้วก็อาย ฉันจะไม่ให้มันได้อยู่เป็นผู้เป็นคนเห็นว่างานประชันลำตัดคราวนี้ทุ่มเทกันถึงเกียรติยศไม่ใช่หรือ”

“ผมลงทั้งทุนทั้งแรงไปเยอะ ตั้งแต่ตัดไม้ไผ่ไปทำเวทีกลางลานหมู่บ้าน กับเสียค่าผ่าตัดกล่องเสียงใหม่ให้ไอ้ฝาจีบ ก็หวังจะได้กำไรหลายต่อ”

“เพราะงานนี้นอกจากจะฟันกันให้ยับไปข้าง ก็ยังมีผลกับคะแนนเสียงของพี่ฝาจีบ”

ขณะที่พ่อกับน้องสาวเจรจากับสองแม่ลูก แทนที่ฝาจีบจะร่วมด้วยช่วยพูด กลับนั่งจ้องหน้างามไฉไลตาเยิ้มน้ำลายไหลยืด

“นี่ลูกชายกำนันฉีดยากันพิษสุนัขบ้าครบมั้ย” งามไฉไลโพล่งขึ้นอย่างกลัวๆ

“เอ๊ะ ทำไมถามยังงี้ ดูถูกกันหรือเปล่า นี่คุณหาว่าพี่ชายของฉันมีเชื้อบ้างั้นรึ”

“ก็ฉันเห็นพี่ชายของเธอจ้องฉันน้ำลายไหลยืด ฉันก็นึกว่านายฝาจีบเป็นบ้าน่ะสิ”

“พี่ฝาจีบระงับกิริยาหน่อย ผู้ใหญ่เขาจะพูดเรื่องแผนร้ายกัน หรือพี่คิดว่าผ่าตัดกล่องเสียงมาแล้วพี่จะสู้ไอ้เพลงลำได้ เช็ดน้ำลายซะ!” ฝาจุกตวาดแว้ด ฝาจีบสะดุ้งเบาๆ รีบเช็ดน้ำลาย

“คุณนายส่งข่าวไปตามหนังสือพิมพ์ ส่วนแผนของชัยชนะ ผมกับไอ้ฝาจีบจะเป็นคนวางแผน”

“ไม่มีอะไรผิดพลาดนะ”

“ชนะแบบนอนมาเลยครับคุณนาย”

“เรื่องนี้เป็นความลับนะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นแม้แต่คนเดียว” กำนันฝอยหัวเราะร่าอย่างเชื่อมั่นในแผนของตนเอง

ooooooo

เจิดไม่มีท่าทีกังวลหรือหนักใจใดๆเลยหลังฟังเพลงลำกับไข่กากลับมาบอก เขายิ้มอารมณ์ดีขำขันสองสาวที่อุตส่าห์เสี่ยงเข้าไปสอดแนม

“พี่ไม่เห็นว่าจะต้องทำอะไรเลย ทีหลังอย่าไปด้อมๆ มองๆ แถวนั้นอีกนะ ถ้ากำนันฝอยรู้ว่าพวกเราแอบเข้าไปในเขตรั้วจะแจ้งข้อหาบุกรุก”

“เพลงลำกับไข่กาตั้งใจจะไปสืบเรื่องไอ้ฝาจีบ แล้วบังเอิญเห็น...”

“คุณงามไฉไลกับคุณนายโพยมยงรวมหัวกับพวกกำนันฝอยวางแผนจะจัดการพี่เพลงลำ แล้วเราจะไม่หาทางแก้ไขอะไรเลยเหรอ แค่ข่าวลือที่ไอ้ฝาจีบมันออกข่าวเป็นระยะๆ ก็ทำให้ฉันนอนไม่หลับแล้วนะ”

“ไอ้ฝาจีบมันออกข่าวเพื่อทำลายขวัญสั่นประสาทของพวกเราน่ะสิ ฟังให้มันเป็นเรื่องตลกก็สิ้นเรื่อง”

“คุณงามไฉไลมาเกี่ยวอะไรด้วย มันไม่ใช่เรื่องของหล่อนสักหน่อย คุณปกรณ์พลไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วยังจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเราอีก”

“ใครจะไปรู้ว่าใครคิดยังไง สิ่งที่เราทำได้คือซ้อมให้หนักขึ้น แล้วก็วางแผนการประชันให้ดี อย่าหวั่นไหวไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันจะเข้าทางที่ไอ้ฝาจีบต้องการ...ทำให้ดีที่สุด”

“จริงอย่างพี่เจิดว่า...ทำให้ดีที่สุด” เพลงลำสูดลมหายใจยาวอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ

ไม่ทันข้ามคืน ปกรณ์พลเห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวประชันลำตัดที่บางลำ ชายหนุ่มครุ่นคิด แต่แล้วทำท่าจะกลับขึ้นห้องเมื่อเห็นอรรถเดินเข้ามา สองพ่อลูกมองหน้ากันไม่ติดเรื่องหมั้น อรรถทราบดีว่าลูกอึดอัดลำบากใจแต่ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงนอกจากบอกลูกชายว่า

“อาทิตย์หน้านี้ก็จะถึงวันหมั้นแล้วไม่ใช่หรือ ขอบใจนะกรณ์ที่ทำเพื่อพ่อ สักวันหนึ่งลูกจะได้รู้ว่าทำไมพ่อต้องทำเหมือนคนไม่มีหัวใจ”

“ผมไม่ต้องการรู้เหตุผลข้อนั้นแล้วล่ะครับ เพราะสิ่งที่ผมต้องทำต่อไปนี้เป็นหน้าที่ ผมไปนอนนะครับ”

อรรถมองตามปกรณ์พลไปด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ รำพึงเสียงแผ่วว่าพ่อเสียใจ...โฉมตรูเดินออกมาจากอีกทางเห็นสามีก็ทักถามว่ากินอะไรมาหรือยัง ตนจะไปตั้งโต๊ะให้ อรรถขออะไรก็ได้ง่ายๆ เธอเลยให้ดาหวันอุ่นซุป ส่วนตัวเองรินน้ำเย็นมาส่งให้เขา

อรรถดื่มน้ำเย็นก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวงานประชันลำตัดที่บางลำโดยเพลงลำกับบัวสายลงประชันด้วย

“นี่ถ้างานของกรณ์สำเร็จคงจะเป็นวิทยานิพนธ์ที่ทรงคุณค่าชิ้นหนึ่งที่เขาจะได้เก็บไว้เป็นเกียรติของชีวิต”

“ผมก็เสียใจนะที่ทำให้งานของลูกพัง ให้เวลาเขาสักพักผมเชื่อว่าเขาจะมีเส้นทางชีวิตใหม่ ผมวางอนาคตของเขาไว้อีกแบบ...แบบที่จะสานต่อธุรกิจของเราได้” พูดแล้วอรรถเดินขึ้นชั้นบน ดาหวันกำลังถือถ้วยซุปเข้ามาถึงกับยืนอึ้ง ถอนใจหนักๆ อย่างไม่สบายใจกับบรรยากาศอึมครึมภายในบ้าน

ปกรณ์พลเข้าห้องนอนแต่ยังไม่หลับ เสียงโทรศัพท์มือถือดังทำให้ต้องลุกมากดรับ งามไฉไลโทร.มาส่งเสียงหวานบอกอีกฝ่ายว่าอย่าเพิ่งวาง ตนมีข่าวดีเกี่ยวกับบางลำ ที่นั่นจะมีการประชันลำตัดระหว่างคณะแม่บัวสายกับคณะลูกชายกำนันฝอย เดิมพันกันด้วยศักดิ์ศรี แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น เขาไม่อยากรู้หรือว่ามันคืออะไร

“อะไร” เขาถามเสียงกระด้าง

“ถ้าพี่กรณ์อยากรู้ก็ไปกับงามสิคะ” หญิงสาวทิ้งท้ายแล้ววางสายพร้อมรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์

ooooooo

เช้าวันงานประจำปี บัวสายป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่งกะทันหัน เพลงลำไม่มั่นใจในการขึ้นเวที แต่เจิดช่วยเป็นกำลังใจให้...

ส่วนปกรณ์พลแปลกใจที่งามไฉไลกุลีกุจอชวนเขามาดูการประชันลำตัด เขาไม่รู้ว่าอรรถตามมาดูด้วย เมื่อผลการประชันออกมาว่าเพลงลำชนะฝาจีบอย่างงดงาม เขาหายสงสัยทันทีเมื่องามไฉไลกับโพยมยงตามไปต่อว่ากำนันฝอยกับลูกที่ทำงานไม่สำเร็จ เพลงลำกับคณะไม่แพ้และโดนฉีกหน้าให้อายอย่างที่ตกลงกันไว้

ตัวตนของว่าที่คู่หมั้นกับแม่ทำให้ปกรณ์พลกลุ้มใจมาก ส่วนอรรถตามไปเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาล เขาถามบัวสายว่าเพลงลำเป็นลูกของเขาใช่หรือไม่ แต่บัวสายไม่ตอบ เธอเมินหนีทั้งที่น้ำตากลบตา แต่ไม่นานนักก็อดใจไม่ได้ เหน็บแนมต่อว่าเขาเรื่องศักดิ์ศรีผู้ดี และความต่ำต้อยของการเป็นแม่เพลงลำตัดของเธอ

เพียงเท่านี้อรรถก็เข้าใจ เขาได้แต่ขอโทษที่ปล่อยให้เธอต้องอุ้มท้องกลับบางลำและเลี้ยงลูกคนเดียว ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเพลงลำกลับจากงานประชันลำตัดมายืนฟังอยู่หน้าห้องได้ยินทุกคำ แล้วตัดสินใจปรากฏตัวทั้งน้ำตา โผเข้ามากอดบัวสาย ปากก็ไล่อรรถให้กลับไป

“ไปเสียเถอะค่ะ แม่คงไม่พร้อมที่จะพบคุณอีก อย่ากลับมา คุณจะทำให้เราเดือดร้อน”

“เพลงลำ...ลูกพ่อ”

“ฉันไม่ใช่ลูกของคุณ คุณปกรณ์พลเป็นลูกชายคนเดียวของคุณ คุณควรจะรักษาจิตใจของเขาให้มาก คุณโชคดีที่มีลูกอย่างเขา”

อรรถหน้าเศร้า มองไปยังบัวสายแต่เธอเมินหนี ท่าทีนิ่งงันนั้นบอกถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน อรรถพูดไม่ออกตัดสินใจหันกลับไปอย่างเงียบๆ

ปกรณ์พลทราบข่าวบัวสายไม่สบายก็อยากไปเยี่ยม แต่งามไฉไลไม่ยอม เธอแสดงธาตุแท้ออกมาจนปกรณ์พลตกใจและรับไม่ได้

“เป็นญาติเกี่ยวดองอะไรกับแม่บัวสายถึงต้องไปเยี่ยมกันถึงที่ อย่าลืมว่าพี่กรณ์มาที่นี่เพื่อดูการประชันลำตัดเท่านั้นนะ ตอนนี้นังเพลงลำก็ชนะขาดลอยไปแล้ว ป่านนี้มันจะมีอะไรนอกจากฉลองกัน”

“พี่ไม่นึกเลยว่างามจะใช้วิธีสกปรกจ้างคนมาโห่ไล่เพลงลำ นี่เป็นการประชันลำตัดเพื่อหาคนที่จะอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านไว้ ลำตัดไร้ฝีมือจะมีใครอยากดู”

“งามไม่สนใจหรอกค่ะว่าใครจะคิดยังไง นังเพลงลำมันชนะก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด งามยังมีโอกาส”

“งามจะทำอะไร”

“งามจะสอนให้มันรู้จักความพ่ายแพ้ งานแต่งงานของเรา งามจะจ้างนังเพลงลำไปเล่นลำตัด!”

ปกรณ์พลอึ้งไปอย่างกลัดกลุ้ม พอกลับถึงบ้านก็เก็บตัวเงียบ ส่วนอรรถก็ซึมเศร้า แต่บอกความจริงโฉมตรูว่าตนไปดูการประชันลำตัดที่บางลำมา และแวะเยี่ยมบัวสายที่ผ่าตัดไส้ติ่งกะทันหัน โฉมตรูแปลกใจว่าทำไมต้องไปเยี่ยมแต่ไม่ได้ซักถามให้มากความ พอดาหวันทราบจากเธอก็สงสัยว่าอรรถไปเยี่ยมบัวสายในฐานะอะไร

ooooooo

บัวสายรักษาอยู่โรงพยาบาลไม่นานก็ขอกลับมาพักต่อที่บ้าน เพลงลำและไข่กาดีใจจะได้ดูแลแม่ได้อย่างใกล้ชิดไม่ต้องเทียวมาเทียวไประหว่างบ้านกับโรงพยาบาลให้เสียเวลา

บัวเผื่อนแวะมาเยี่ยมพี่สาวแต่บอกให้คนอื่นๆลงจากเรือนไปก่อน ทำเหมือนมีความลับอะไรสักอย่าง

ไข่กาสงสัยแต่ไม่มีใครให้คำตอบได้สักคน แล้วยังจะเรื่องอรรถไปเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาลอีก ทำไมเขาต้องไปเยี่ยมทั้งที่บัวสายไม่เคยญาติดีด้วย

สองพี่น้องอยู่ด้วยกันในห้องตามลำพัง บัวสายทำท่าจะลุกนั่งแต่บัวเผื่อนบอกให้นอนอย่างเดิม

“ขอบใจนะบัวเผื่อน ที่ขึ้นเวทีประคองเพลงลำจนชนะ”

“ก็พี่เจ็บ...ฉันจะปล่อยให้หลานขึ้นไปให้คนโห่ได้ยังไง ยิ่งพวกไอ้ฝาจีบมันใช้เงินจ้างคนโห่ไล่ยิ่งต้องร่วมแรงกันสู้ เพลงลำตัดยังมีเวทมนตร์อยู่นะ เอ้อ...ว่าแต่คุณอรรถเขามาทำไม”

บัวสายอึกอักไม่อยากพูดถึง แต่บัวเผื่อนยิ่งร้อนใจ พูดระรัวว่า

“เขารู้แล้วใช่ไหมว่าเพลงลำเป็นลูกสาวของเขา เขาจะมาทวงลูกคืนทั้งที่เขาปล่อยให้พี่หอบท้องกลับมาเผชิญชะตากรรมที่บางลำนี่อย่างคนท้องไม่มีพ่อ”

“ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่มั่นใจเถอะว่าเราจะไม่เสียเพลงลำไป เพลงลำกับคุณปกรณ์พลเป็นลูกพ่อเดียวกัน จะรักกันไม่ได้”

“เพลงลำรู้เรื่องนี้หรือยัง”

“เราต้องพูดความจริงกับเพลงลำ ไม่อย่างงั้นเรื่องคุณปกรณ์พลจะไม่จบ เพลงลำจะต้องแต่งงานกับเจิดและเป็นลำตัดอาชีพ...เรื่องมันต้องจบ”

“แล้วถ้ามันไม่จบล่ะ เพลงลำมันรักไอ้เจิดหรือเปล่า ตอนที่ไอ้เจิดมาอยู่กับคณะเราน่ะมันตัวกระเปี๊ยก มันเห็นกันมาตั้งแต่ยังเด็กมันจะรักกันลงได้ยังไง คิดให้ดีนะพี่บัวสาย”

“มันเป็นความต้องการของเพลงลำ พอต่างคนต่างมีวิถีชีวิตแล้วคุณอรรถคงจะลืมว่าเขาเคยมีลูกเป็นลำตัด พี่ไม่ต้องการให้ความผิดพลาดของพี่ทำร้ายลูก พี่อยากจะแก้ผิดให้เป็นถูก” พูดแล้วบัวสายน้ำตาร่วง บัวเผื่อนนิ่งเงียบอย่างจำนน

ooooooo

ผ่านไปไม่เท่าไหร่ งามไฉไลก็ย้อนกลับมาที่บางลำอีกครั้งด้วยความอาฆาตมาดร้ายเพลงลำ แค้นใจที่ปกรณ์พลยืนยันว่ารักเพลงลำไม่ใช่เธอ

ฝาจุกเห็นสาวชาวกรุงขับรถพรวดพราดมาจอดหน้าบ้านก็โวยวายไม่พอใจ กระชากเสียงถามว่ามาทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ...ฝาจีบได้ยินก็พุ่งเข้ามาปรามน้องสาวเสียงเขียว

“เฮ้ย! ทำไมพูดยังงั้นนังตัวดี เชิญครับคุณงามไฉไล เชิญเข้ามานั่งร่วมวงกับผมหรือจะขึ้นเรือนไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายก็ได้ครับคุณงามไฉไล”

“ฉันไม่ได้มาหานายฝาจีบ”
“งั้นก็มาหาฉันน่ะสิ มาเรื่องอะไรอีก ก็เราตัดญาติขาดอีโต้กันไปแล้ว”

“ตัดแล้วก็ต่อได้”

“ใช่...ตัดแล้วก็ต่อได้ คุณงามไฉไลพูดถูก ต้องมีเรื่องสำคัญคุณถึงได้มาคนเดียว”

“คุณแม่ใช้ฉันมาเป็นธุระเรื่องนังเพลงลำ”

ฝาจุกนัยน์ตาเบิกโพลงขึ้นทันที เพราะกำลังหาทางแก้แค้นเพลงลำอยู่ ส่วนฝาจุกคว้ามืองามไฉไลเดินขึ้นเรือนแต่ไม่วายหันมากำชับพี่ชายว่า

“พี่ฝาจีบไม่ต้องตามมานะ นี่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องคุยกันตามลำพัง”

พอขึ้นมาบนเรือนกันแล้ว ฝาจุกก็รุกเร่งงามไฉไลทันที

“คุณว่าคุณมีธุระกับฉันเรื่องไอ้เพลงลำ มีแผนอะไรจะจัดการล้างแค้นมัน”

“ทำความเดือดร้อนวุ่นวายให้มัน มันจะได้ไม่มีความสุขเหมือนอย่างที่ฉันไม่มี นังเพลงลำชนะประชันลำตัด ฉันกับคุณแม่หมดเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ มันจะต้องใช้คืนฉัน”

“ยังไง?”

“ก็สร้างความเดือดร้อนสูญเสียให้มันน่ะสิ พี่ชายของเธอนายฝาจีบเขาชำนาญทางทำชั่วไม่ใช่หรือ”

“คุณจะให้พี่ชายฉันทำอะไรไอ้เพลงลำ”

“เผาบ้านมันซะ!” งามไฉไลแววตาวาวโรจน์ด้วยความเกลียดชัง ขณะที่ฝาจุกแทบหงายหลังด้วยความตกใจ

แม้จะตกใจแต่ความสะใจมีมากกว่า...ไม่ทันข้ามวันบ้านบัวสายก็โดนวางเพลิงเกิดความโกลาหล เพราะบัวสายยังป่วยต้องอุ้มลงจากเรือนหนีไฟที่โหมลุกไหม้ อีกทั้งบัวผ่องที่ชราภาพก็งกเงิ่นต้องพยุงกันวุ่นวาย

กว่าจะช่วยกันดับไฟได้บ้านก็มอดไหม้ไปไม่น้อย โชคดียังเหลือเรือนใหญ่ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ทุกคนโกรธแค้นมือเพลิงซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยเฉพาะบัวเผื่อน เพราะเขาเก็บถังน้ำมันได้

“ใครเป็นมือเพลิง แล้วมันเผาบ้านเราทำไม” บัวสายถามเสียงเครียด

“ฉันก็ไม่รู้ ให้ไอ้เจิดไปแจ้งความไว้แล้ว หลักฐานชี้ชัดว่ามีมือเพลิง”

“หมดกันถ้วยชามลามไฟ แล้วไหนจะพริกกะปิหอมกระเทียมที่ฉันตุนเอาไว้อีกล่ะ ไม่มีอะไรเหลือเลยแม่ เหลือแต่เสาเรือนครัวโด่ๆ นี่ยังดีนะไหม้แค่เรือนครัว เรือนใหญ่ยังอยู่ แต่ถ้าดับไม่ทันล่ะก็หมดแน่” ไข่กาโวยวาย

บัวเผื่อนโกรธแค้นและเจ็บใจ คำรามสีหน้าเอาเรื่อง “อย่าให้ข้ารู้ก็แล้วกันว่าเป็นฝีมือใคร ให้มันใหญ่คับฟ้าสักแค่ไหนข้าก็ไม่ไว้หน้ามันแน่ คนทำมาหากินทำไมต้องรังแกกัน กะอีแค่...”

“น้าบัวเผื่อนสงสัยใคร” เพลงลำแทรกขึ้น...แน่นอนว่าคำตอบของบัวเผื่อนคือ “ไอ้ฝาจีบ!”

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น