วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 7


นงรามถูกผีลิ้นจี่ตามหลอกหลอนจนแทบเป็นบ้า กลับถึงบ้านมีอาการหวาดผวายืนยันกับแม่ว่าเธอถูกผีหลอกจริงๆ มันน่ากลัวมาก

“เหลวไหล ผีที่ไหนไม่มีหรอก หนีแม่ไปข้างนอกมาตั้งแต่เช้า กลัวแม่ลงโทษใช่ไหมก็เลยสร้างเรื่องหลอกแม่”

“โธ่...คุณแม่ นงถูกผีหลอกจริงๆค่ะ”

“แม่ไม่เชื่อ”

ขาดคำของสุนทรี ของบนโต๊ะตกลงพื้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ องุ่นร้องว้ายตกใจกระโดดโหยง

“เห็นไหมคะคุณแม่ ลมไม่ได้พัดซะหน่อย ของมันตกลงมาได้ยังไง นงกลัวค่ะคุณแม่...นงกลัว”

สุนทรีเริ่มหวาดกลัว กอดนงรามไว้หน้าซีดเจื่อน... ส่วนที่บ้านเฟื่องขจร ชื่นจิตกำลังรายงานวิศิษฏ์ที่เพิ่งกลับว่าตั้งแต่คุณนายและวิภาดากลับมาก็เอาแต่นอนอย่างเดียว มืดป่านนี้ยังไม่ตื่น ชายหนุ่มฟังแล้วนึกถึงคำพูดพิศที่ให้เอาแหวนนาคราชแช่น้ำเป็นน้ำมนต์พรมรอบบ้านให้ข่ายมนตราของอาจารย์หวังจางไป และเอาให้เฟื่องขจรดื่มจะได้หายจากอาการปํ้าๆเป๋อๆ ยิ่งพอมาเห็นสร้อยประคำที่แม่สวมใส่คอ วิศิษฏ์ไม่รอช้ารีบทำตามที่พิศบอก

ติ๋วกับโต้งอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่คุณอาทำจึงเข้ามาซักถาม วิศิษฏ์ไม่อยากบอกเพราะกลัวหลานจะแตกตื่นตกใจ แต่ก็ทนแรงรบเร้าของเด็กทั้งสองไม่ไหว จึงยอมบอกความจริงแต่กำชับห้ามบอกคุณย่า ไม่เช่นนั้นผีในห้องคุณย่าจะรู้ตัวก่อน

หลังจากไล่เด็กๆไปนอนแล้ววิศิษฏ์ก็นำน้ำมนต์พรมรอบบ้านและจัดการกับผีที่อยู่ในสร้อยประคำจนราบคาบ อาจารย์หวังรู้ โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากและในคืนเดียวกันนี้สัตตะปรากฏตัวที่บ้านอาจารย์หวัง ช่วงชิงคัมภีร์ท้าวมหาพรหมก่อนจะฆ่าอาจารย์หวังตายอย่างโหดเหี้ยม!

ทันทีที่อาจารย์หวังตาย สร้อยประคำที่คอเฟื่องขจรหลุดหล่นกระจาย ข่ายมนตราก็จางหายไปหมดสิ้น เฟื่องขจรรู้สึกแปลกใจให้วิศิษฏ์โทร.หาวิภาดา...เพียงไม่นานวิภาดาก็ไปเห็นกับตาว่าอาจารย์หวังกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ สภาพศพน่ากลัวมากจนเธอขนหัวลุก แล้วมาส่งข่าวมารดาในเช้าวันถัดมาอย่างร้อนรน ตรงข้ามกับวิศิษฏ์ที่ดีใจเหลือล้น เพราะต่อไปนี้เขาจะพบพิศได้บ่อยเหมือนเดิม

พิศกับลิ้นจี่เข้าบ้านเฟื่องขจรได้ตามปกติ แต่นงรามที่ยังตกอยู่ในความหวาดผวาเพราะโดนผีหลอกเมื่อวานถึงกับนอนซมไปหาวิศิษฏ์ไม่ได้ สุนทรีกับองุ่นแปลกใจอาการของเธอ องุ่นจับต้นชนปลายแล้วคิดว่าผีหลอกเป็นเรื่องจริง และเรื่องที่เธอหมดรักบรรจบแล้วกลับมาเพ้อหาแต่วิศิษฏ์นั้นน่าจะเป็นเพราะอำนาจมนต์ดำที่เสื่อมลง

สุนทรีไม่เคยเชื่อ แต่คราวนี้เธอคิดหนัก เข้ามาดูอาการลูกสาวพบว่าตัวร้อนจัด พอเธอชวนไปบ้านบรรจบ นงรามก็ย้อนถามเสียงแข็งว่า

“ไปทำไมคะคุณแม่ นงบอกคุณแม่แล้วว่านงไม่ได้รักพี่บรรจบ นงรักวิศิษฏ์”

“นง...ไหนๆก็พูดแล้ว แม่ขอพูดให้นงเข้าใจเลย แม่จำเป็นต้องให้นงแต่งงานกับคุณบรรจบให้ได้ เพราะแม่เป็นหนี้คุณบุรีอยู่มาก ชีวิตนี้แม่คงหาเงินมาใช้คืนเขาไม่ได้หรอก”

“คุณแม่...” นงรามลุกขึ้นนั่งน้ำตาไหลพราก

“นงก็รู้ที่ผ่านมาแม่ไม่มีอาชีพอะไร เป็นนายหน้าที่ดินกว่าจะได้มาแต่ละผืนก็ลำบากยากเข็ญ แม่จำเป็นต้องหยิบยืมคุณบุรี...เขาให้แม่ยืมไม่เคยคิดดอก ไม่เคยทวงต้นก็เพราะหวังว่าจะได้นงไปเป็นสะใภ้”

“พี่บรรจบไม่ได้รักนง...”

“แต่แกก็เสียตัวให้เขาแล้วไม่ใช่เหรอ” นงรามไม่ตอบ แต่สะอึกสะอื้น “อย่าปิดแม่ แม่ก็เป็นผู้หญิง ผ่านอะไรมามากกว่าเรา...เสียไปอย่างนี้แล้วจะให้คนอื่นคว้าไปได้ยังไง แต่ถ้านงไม่รักตัวเอง ไม่สงสารแม่ จะยอมกัดก้อนเกลือกินกับผู้ชายจนๆ แล้วก็ให้คุณบุรีมายึดบ้าน เอาแม่เข้าตะรางก็ตามใจ นี่แม่ก็ต้องบากหน้าไปผัดดอกเบี้ยเขาถึงบ้าน”

สุนทรีเดินหน้าเครียดออกไป ทิ้งให้นงรามนั่งน้ำตาไหลด้วยความทุกข์ใจ

ooooooo

เมื่อสุนทรีไปถึงบ้านบุรี ปรากฏว่าเขากับลูกชายกำลังมีแขกคนสำคัญ สาวใช้จึงให้เธอนั่งรอแขกคนสำคัญของสองพ่อลูกก็คือสัตตะ เขามาพร้อมคัมภีร์โองการท้าวมหาพรหม

“โองการนี้จะทำให้วิญญาณทุกดวงเกรงกลัว มีโองการนี้ดีกว่ามีเครื่องรางเป็นห้องๆ”

“แล้วเอามาให้ผมดูทำไม”

“จะขู่เอาเงินก็บอกมาตรงๆดีกว่า”

สัตตะมองสองพ่อลูกอย่างไม่พอใจ เอ่ยเสียงห้วนว่า “เงิน...ใครๆก็อยากได้ แต่ผมว่าคุณบรรจบน่าจะเอามิตรภาพไว้ก่อนดีกว่า ผมมีวิชา อย่าลืมสิ ผมช่วยคุณและกิจการของคุณได้ คุณพ่อคุณรู้ดีว่าผมสามารถแค่ไหน”

“อาจารย์ต้องการเท่าไหร่” บุรียิงตรง

“ล้านนึง ขอผมไว้รักษาตัวสักพัก มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้”

“นี่มันโจรนี่หว่า...ขู่กรรโชกทรัพย์ ผิดกฎหมายนะ” บรรจบโวย

“ขู่กรรโชกทรัพย์ผิดกฎหมาย ผมไม่เถียงหรอก แต่ถ้าผมทำให้ใครสักคนตายด้วยไสยศาสตร์ หมอปัจจุบันก็พิสูจน์ไม่ได้...เท่ากับว่ากฎหมายก็เล่นงานผมไม่ได้”

บุรีเห็นท่าไม่ดีรีบดึงสมุดเช็คออกมาจะเขียน แต่สัตตะต้องการเงินสดเท่านั้น!

เมื่อได้เงินสดตามต้องการ สัตตะยิ้มย่องพอใจ แล้วยังช่วยไล่ตัวปัญหาของสองพ่อลูกออกจากบ้านไปอย่างง่ายดาย...บุรีกับบรรจบเบื่อหน่ายและไม่อยากเจอสุนทรีที่ตามตื๊อขอความช่วยเหลืออยู่เป็นนิจ สัตตะจึงท่องคาถาที่ฟังแล้วปวดหูปวดหัวไล่เธอกลับบ้านไปด้วยอาการทุรนทุราย

“เห็นไหมว่าผมช่วยคุณได้ ถ้าใช้บริการผม รับรองว่าธุรกิจของคุณจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง ต้องการอะไรก็ต้องได้”

“ถ้างั้นรับปากได้หรือเปล่าว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้องแพรวของผม”

สัตตะเหล่มองบรรจบด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “ผมมีสัจจะ ผมรับปาก ขออย่างเดียวเลี้ยงดูผมให้ดีก็แล้วกัน”

“ถ้าทำให้น้องแพรวรักผมได้ ผมจะสมนาคุณอย่างงามเลย”

“วางใจเถอะคุณบรรจบ เวลานี้ผมต้องการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ผมอยากอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้คุณ แล้วแต่คุณสองคนจะใช้ผม ผมไม่อยากเร่ร่อนอีกแล้ว”

สองพ่อลูกฟังความต้องการของสัตตะแล้วสบตากันอย่างชั่งใจ ด้านสุนทรีที่ปวดหัวรุนแรงกลับไป เธอได้ยินเสียงสวดคาถาบางอย่างตลอดทาง ถึงบ้านเสียงนั้นก็ยังไม่จางหาย บอกองุ่นว่ามันเหมือนเสียงสวดคาถาอะไรสักอย่างแต่ฟังไม่รู้เรื่อง

“หงุ่นไม่ได้ยินอะไรเลยนี่คะ หูแว่วหรือเปล่า พักผ่อนก่อนดีกว่านะคะ”

“ฉันได้ยินจริงๆนะหงุ่น” สุนทรียืนยันหน้าตาเลิ่กลั่ก มีอาการหลอนๆ

ooooooo

แพรวพรรณตัดสินใจไปตรวจเช็กอาการอีกครั้งที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยมีพ่อกับแม่มาเป็นเพื่อน ส่วนเรืองรุ้งตามมาทีหลังหลังรู้จากแพรวพรรณ ขณะที่บรรจบก็มาเหมือนกันเพราะงามเนตรส่งข่าวไป

“พี่เป็นห่วงน้องแพรวแทบแย่ คุณน้าบอกว่าน้องแพรวมาโรงพยาบาลพี่ก็รีบมาเลยนะจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่บรรจบ...แพรวไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“หมอบอกว่ายังไงบ้าง” เรืองรุ้งจงใจแทรกเข้ามา งามเนตรนั่งห่างออกไปพุ่งสายตามาอย่างไม่พอใจ บ่นกับสามีว่าตนขวางหูขวางตาเรืองรุ้งจริงๆเลย

เมื่อคณะของแพรวพรรณกลับมาที่บ้าน บรรจบก็ยังติดสอยห้อยตามมาด้วย งามเนตรถือโอกาสคุยกับเขาตามลำพังเรื่องที่สงสัยว่าแพรวพรรณอาจมีใจให้กับผู้ชายที่พามาส่งบ้านเมื่อวันก่อน

“ท่าทางยัยแพรวปลื้มนายนั่นอยู่เห็นๆ น้าอยากรู้ว่าเป็นใครกัน ทำงานการอะไร ฐานะเป็นยังไงบ้าง”

“คุณน้าอย่าห่วงเลยครับ ผมไม่ยอมให้น้องแพรวหลุดมือผมไปได้หรอก...เอ้อ...ผมหมายถึงว่าผมต้องแต่งงานกับน้องแพรวให้ได้น่ะครับ”

“ส่งผู้ใหญ่มาเจรจาสู่ขอซะทีสิจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป คาราคาซังอยู่อย่างนี้ น้าก็ยิ่งไม่สบายใจ”

“ครับคุณน้า” บรรจบตอบรับด้วยความยินดี

แต่แพรวพรรณเครียดแน่ถ้ารู้เรื่องที่แม่อยากให้ตบแต่งกับบรรจบ เธอกำลังปรับทุกข์อยู่กับเรืองรุ้งอีกมุมหนึ่งภายในบ้าน

“เธอก็รู้ว่าเกิดมาฉันไม่เคยรักผู้ชายคนไหน จนกระทั่งมาเจอเขา”

“แต่ดูๆไปคุณศิษฏ์ก็มีใจให้เธอนะ ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

“รุ้ง...ฉันกลัวว่าคุณแม่จะจับฉันแต่งงานกับ

พี่บรรจบ ฉันไม่ได้รักเขา ทำไงดีล่ะ”

“ก็ต้องปฏิเสธลูกเดียวแหละ คนไม่รักจะให้อยู่ด้วยกันไปจนตายได้ไง ไม่งั้นโบราณเขาจะเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสเหรอ”

สุรเดชแอบฟังได้ยินชัด ถอนใจด้วยความสงสารและเห็นใจลูกสาว

------------
ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 5


ธุรกิจของตุลเทพฟื้นและเฟื่องฟูได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เอกราชถามแซวว่ามีข่าวว่าสาวใหญ่ยอมเซ็นเช็ค 8 หลักให้หรือ ตุลเทพยิ้มกว้างอย่างยอมรับ พูดอย่างศรัทธาว่า ตนมีของดีช่วย

เมื่อเพื่อนๆเข้าไปในห้องทำงานของตุลเทพต่างพากันตะลึงเมื่อเห็นเครื่องรางของขลังเต็มไปหมด ปริมลดาถามว่าเดี๋ยวนี้เขาเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ?

“ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าสิ่งพวกนี้มีอยู่จริง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่กลับมาเฮงภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์แบบนี้หรอก” ตุลเทพพูดอย่างเลื่อมใสศรัทธาจนเชิงชายต้องเดินเข้าไปดูอย่างตื่นเต้น

ที่แท้ทั้งสามมาหาตุลเทพเพื่อจะบอกว่ามีคนมาซื้อบ้านทรงไทยหลังมหาวิทยาลัย เกิดมีใครเจอ...ที่เราฝังไว้พวกเราเสร็จแน่ ตุลเทพเชื่อว่าสองปีแล้วป่านนี้ไม่มีหลักฐานอะไรเหลือแล้ว เชิงชายกลัวว่าเกิดผีเฮี้ยนมาอาละวาดหลอกหลอนพวกเราล่ะ? ตุลเทพตัดบทว่าอย่าเพ้อเจ้อ ป่านนี้วิญญาณนั่นคงตกนรกไปแล้ว

ผีริลณีได้ยินโกรธแค้นมากแต่ก็ไม่อาจออกจากศาลาไปทำอะไรได้

สอบถามกันไปมาจึงรู้ว่าเตชินเป็นคนซื้อบ้านหลังนั้นไว้ แก๊งปริมลดาระแวงว่าอาจเพราะผีริลณีดลใจให้ซื้อก็ได้

ฝ่ายเตชิน เพื่อความสบายใจของพวกผู้ใหญ่ เขาจึงทำพิธีเซ่นไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง แต่ก็เกิดอาถรรพณ์ขณะพราหมณ์กำลังทำพิธีก็เกิดลมพัดแรงจนเครื่องเซ่นไหว้ปลิวเกลื่อน ทุกคนมองหน้ากันแต่ไม่มีใครกล้าพูด แต่เตชินยังคงยืนอย่างสงบ

จนเมื่อพราหมณ์จุดธูปให้เตชินและชมพูอธิษฐาน เตชินไม่ได้ขออะไรเพียงยกมือไหว้แล้วปักธูปลงไป แต่ชมพูอธิษฐานขอให้วิญญาณที่อยู่ในที่นี้ได้โปรดอภัยในสิ่งที่พวกตนล่วงเกิน และขอให้ได้อยู่ที่นี่กันอย่างเป็นสุขตลอดไป

แต่พอชมพูจะปักธูป ก็ถูกผีริลณีปัดธูปกระเด็นแล้วเข้าสิงเธอทันที ชมพูเดินไปที่ใต้ศาลาแล้วจู่ๆเธอก็เอาหัวโขกเสาจนเลือดไหลทะลักท่ามกลางความตกใจของทุกคน เธอเอาหัวโขกอยู่อย่างนั้น เตชินเข้าไปจับก็กรีดร้องโหยหวน ชัชถามว่าใครมีสร้อยพระไหมสงสัยชมพูจะโดนผีเข้า เตชินโมโหมากบอกว่าชมพูไม่ได้เป็นอะไร แล้วรีบพาเธอไปโรงพยาบาล

เตชินชี้แจงว่าเพราะชมพูไม่ได้กินยาหลายวันจึงเกิดอาการเช่นนั้น คุณหญิงได้ทีบอกทุกคนว่า

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพอหนูแต่งงานแล้ว เตชินเขาจะดูแลหนูอย่างดีเลยจ้ะ”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้แก๊งปริมลดากระวน กระวายใจกลัวเรื่องจะปูดออกมา เอกราชไปเยี่ยมชมพูถามหาเตชิน ชมพูบอกว่าไม่อยู่ เอกราชจึงบอกผ่านเธอว่าอยากจะให้เตชินไปช่วยดูงานโรงแรมที่กำลังก่อสร้างที่พัทยา

ที่แท้เตชินไปที่ศาลาพยายามขัดล้างเลือดของชมพูที่เสาออก แต่ทำอย่างไรก็ล้างไม่ออก ผีริลณีพยายามบอกเตชินให้เอายันต์ออกไป แต่เตชินไม่รับรู้ พอดีชมพูโทร.บอกเตชินเรื่องเอกราชจะให้ไปดูงานที่พัทยา พอได้ยินชื่อเอกราช ผีริลณีคำราม

“ไอ้เอกราช...แกต้องตาย!!” แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้เพราะผ้ายันต์ทำให้เธอออกไปไหนไม่ได้

เมื่อเอกราชรู้ว่าเตชินจะรื้อศาลาทิ้ง เขาตกใจรีบบอกพรรคพวกให้หาทางสกัดกั้นอย่าให้เตชินรื้อศาลาเด็ดขาด เพราะถ้ารื้อไม่มีผ้ายันต์ ผีริลณีจะเป็นอิสระและออกอาละวาด จึงหว่านล้อมให้ชมพูช่วยพูดอ้างอาถรรพณ์ต่างๆนานา แต่ชมพูติดต่อเตชินไม่ได้ แก๊งปริมลดาร้อนใจแนะให้โทร.หาชัชดักไว้ก่อน

แต่พอชัชฟังชมพูแล้วโทร.ไปที่ช่าง ปรากฏว่าช่างรื้อศาลาใกล้เสร็จแล้ว!

เมื่อรื้อศาลาที่มีผ้ายันต์ออก ผีริลณีจึงเป็นอิสระ เธอดีใจมาก วันนี้จึงออกมาร่ายรำในบ้านอย่างรื่นรมย์ เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังก้องไปทั่วบริเวณ

ooooooo

ที่หน้าบ้านพักคนงาน พอตกเย็น น้าไหว กล้า และสัปเหร่อหยอย ก็นั่งดวดเหล้ากันตามปกติ แต่วันนี้เกิดมีลมกระโชกแรง สัปเหร่อหยอยแหงนมองท้องฟ้าเอ่ยอย่างประหลาดใจ...

“ลมแรง ท้องฟ้ามีพายุอาเพศในวันโกนแบบนี้ คืนนี้แกสองคนอย่าออกจากบ้านไปไหนนะเว้ย” แต่น้าไหวกับกล้าเปรี้ยวปาก เพราะเงินเดือนออกต้องไปฉลองกันให้เต็มคราบ “เชื่อสัปเหร่ออย่างข้าเถอะวะ รีบกลับบ้านไปนอน ใครมาเรียกอย่าเปิดรับ เพราะวันโกนวันปล่อยผี แล้วยิ่งฟ้ากระหน่ำฝนคะนองแบบนี้...เขาว่ากันว่า ผีเฮี้ยนจะออกมาล้างแค้น”

น้าไหวกับกล้าที่ทำปากดีตอนแรก ฟังแล้วมองหน้ากัน ลุกเก็บข้าวของอย่างเร็วเผ่นแน่บไปแทบไล่ตามกันไม่ทัน

เวลาเดียวกัน ที่ห้างสรรพสินค้า เตชินกำลังเดินหาซื้อของ เขาโทร.บอกชมพูขณะลงบันไดเลื่อนว่า

“พี่แวะซื้อขนมที่ชมพูชอบ ชมพูอยากได้อะไรอีกไหมครับ จะได้ซื้อไปเลยทีเดียว”

ขณะนั้นเอง เตชินเหลือบเห็นบันไดเลื่อนขึ้นที่อยู่ข้างๆ มีหญิงสาวคล้ายริลณี พอดีหญิงสาวเงยหน้าขึ้น เตชินอุทาน

“ริน!!!”

ชมพูได้ยินเสียงเตชินอุทานก็แปลกใจถามว่ามีอะไรหรือ แต่ใจเตชินอยู่ที่หญิงสาวคนนั้นแล้ว เขาบอกว่าแค่นี้ก่อนแล้ววางสายเลย วิ่งลงบันไดเลื่อนไปขึ้นบันไดเลื่อนตัวนั้น ตามหญิงสาวคนนั้นไปทันที

เตชินวิ่งตามพล่านแหวกผู้คนอย่างลืมตัว ไล่ตามไปยังหลืบโน้นซอกนี้ อยู่ในสภาพเหมือนถูกหลอน ถูกล่อให้ไล่ตาม เห็นกันเพียงแว้บๆ วิ่งตามไปจนถึงลานจอดรถ เจอริลณีจังๆ เตชินดีใจมาก ต่างเรียกและโผเข้ากอดกันน้ำตาคลอ

เตชินรำพันความรักความคิดถึงและการตามหา เธอมาสองปีเต็มๆ จนริลณีน้ำตาร่วงบอกว่าตนก็คิดถึงเขาสุดหัวใจเช่นกัน เตชินบอกว่าจะไม่ยอมให้เธอหนีไปจากตนอีกแล้ว แต่พอโผกอดริลณีกลับกอดได้แต่ความว่างเปล่า!

“ริน...ริลณี!” เตชินมองหาไปทั่ว มาสะดุดตาที่ผ้าเช็ดหน้าตกที่พื้น หยิบดูเห็นปักตัวอักษร “ริลณี” แต่พอเขาเงยหา ก็ถูกรถพุ่งชนจนล้มหมดสติไป เขาสะดุ้งลุกพรวดขึ้นอีกทีก็ร่ำร้องเรียกหาริลณี จนพนักงานงงถามว่าใครหรือ พอเขาบรรยายรูปร่างลักษณะของริลณีให้ฟัง พนักงานก็บอกว่าไม่มี เห็น รปภ.พาเขามาตรงนี้บอกว่าเขาหมดสติอยู่ที่ลานจอดรถ

เตชินยืนยันว่าริลณีอยู่กับตนตอนตนถูกรถพุ่งชน พนักงานก็ยืนยันว่าไม่มีรถพุ่งชนแต่เขาเป็นลมหมดสติไปเอง

ooooooo

ฝ่ายชมพูยังติดใจแปลกใจไม่หายปรารภกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเตชินเป็นอะไรจู่ๆก็วางสาย ถามว่าจะโทร.กลับดีไหม พิสมัยกับพิชัยบอกว่าอย่าจุกจิกจู้จี้กวนใจเขามาก ผู้ชายเขาจะเบื่อเอา จะแต่งงานอยู่แล้วต้องฝึกเอาไว้ ชมพูจึงจำต้องนิ่ง

คืนนี้พิชัยบอกชมพูว่าคุยกับหมอแล้วหมออนุญาตให้พรุ่งนี้กลับบ้านได้ พิสมัยดีใจที่ลูกจะได้กลับบ้าน แต่ชมพูกลับเหงาๆ พอถาม เธอรำพึงว่า

“พี่เตชินหายไปเลย บอกว่าจะซื้อขนมมาให้ชมพูก็ไม่มา แถมยังหายเงียบไปอีก ชมพู....” พิสมัยรีบเข้าประคองให้นอนลง ปลอบว่าอย่าคิดมาก เตชินคงมีธุระด่วนจริง ชมพูถามเสียงเครือว่า “แล้วพี่เตชินจะมาพาชมพูกลับบ้านพรุ่งนี้ไหมคะ”

พิสมัยกับพิชัยแอบมองหน้ากันอย่างลำบากใจ พิชัยเลยทำเป็นพูดหยอกว่า

“พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้ทั้งคู่ แต่ลูกสาวเรากลับอยากให้คนอื่นพากลับบ้าน อย่างนี้มันน่าน้อยใจไหมเนี่ย”

“โธ่...คุณพ่อ...สำหรับชมพูไม่มีใครสำคัญไปกว่าคุณพ่อคุณแม่หรอกค่ะ”

“ถ้างั้นก็พักผ่อนมากๆ ลูกจะได้สดชื่น ว่าที่เจ้าสาวยังมีอะไรต้องวุ่นวายอีกเยอะ เชื่อแม่สิ”

พอชมพูยอมนอนอย่างว่าง่าย พิชัยกับพิสมัยก็มองหน้ากันเครียด

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของลูก พิสมัยกับพิชัยคุยกันหน้าเครียด พิสมัยบอกว่าตนลองโทร.ไปหาเตชินแล้วแต่ปิดเครื่อง พิชัยคิดว่าคงมีธุระสำคัญจริงๆ

“แล้วพรุ่งนี้เราจะเอายังไงกันดีคะ ลูกถามหาแต่เตชินแบบนี้”

“ก็ไม่ต้องทำอะไร ถ้าเตชินไม่ว่างเราก็พาลูกเรากลับบ้านเองก็แค่นั้น เราจะพึ่งพาแต่เตชินทุกเรื่องคงไม่ได้ แล้วที่เขาหายไปแบบนี้แสดงว่ามีธุระสำคัญจริงๆ เราก็ไม่ควรรบกวนเขานะ เตชินไม่เคยเหลวไหลคุณก็รู้”

แม้จะเชื่อพิชัย แต่พิสมัยก็ยังอดกังวลไม่ได้

รุ่งขึ้น เมื่อรับชมพูกลับบ้านแล้ว พิสมัยโทร.ไปที่บ้านคุณหญิง สร้อยรับสาย บอกว่าอยู่ทั้งคุณหญิงและเตชิน ถามว่าจะเรียนสายกับใคร พิสมัยบอกว่าคุณหญิง สร้อยจึงเอาโทรศัพท์ไปให้คุณหญิงที่กำลังดูต้นไม้อยู่ที่ระเบียง

พอรับสายคุณหญิงก็ทักเสียงหวานยิ้มแย้มอารมณ์ดีว่าใจตรงกันเลยกำลังจะโทร.ถามว่าอาการของชมพู

เป็นอย่างไร คุณหญิงตกใจเมื่อรู้ว่าชมพูออกจากโรงพยาบาลแล้ว เอามือปิดโทรศัพท์ถามสร้อยว่าเตชินอยู่ไหน สร้อยบอกว่าอยู่ข้างบน คุณหญิงฉุนขาดแต่ก็ทำเสียงกังวลบอกพิสมัยว่าไม่ทราบเรื่องชมพูออกจากโรงพยาบาลเลย

วางสายจากพิสมัยแล้วคุณหญิงถามสร้อยเสียงเขียวว่าเตชินทำอะไรอยู่ สร้อยบอกว่า “อยู่กับคุณชัชค่ะ”

ooooooo

เตชินกลับมาแล้วแต่เขาขลุกอยู่กับชัชบนห้อง เล่าเหตุการณ์ที่ประสบมาอย่างตื่นเต้นแกมฉงนว่า เมื่อวานตนเจอริลณี ได้คุยกัน ได้สัมผัสตัวเธอ ถูกชัชขัดคออย่างเห็นเป็นเรื่องไร้สาระว่า

“พอเลยไอ้เต นายไม่ได้เจอริลณี ไม่ได้ถูกรถชน นายแค่เป็นลมหมดสติในห้างเท่านั้น” เมื่อเตชินยืนยันว่าตนถูกรถชน ชัชถามว่า “รถชนอะไร แผลสักนิดก็ไม่มี แกแค่คิดถึงริลณีมากจนมโนไปเอง”

เตชินเอาผ้าเช็ดหน้าที่ปักชื่อ “ริลณี” ให้ดู ชัชบอกว่าคนชื่อริลณีในโลกนี้มีเยอะแยะ เตชินติงว่า “แต่คงไม่มีใครปักชื่อที่ผ้าเช็ดหน้าใช่ไหม แต่รินปัก รินเคยบอกฉันว่า อยู่บ้านเด็กกำพร้า ข้าวของต้องซักรวมกันก็เลยต้อง ปักชื่อกันหายทุกชิ้น เพราะฉะนั้น ผืนนี้ของรินร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ถ้าเป็นรินจริงเขาจะรีบหนีนายทำไม หรือเขาโกรธนายอยู่” ชัชเริ่มเสียงอ่อนลง

“ฉันจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้” เตชินมุ่งมั่น ชัชส่ายหน้าว่ายาก “ยากแค่ไหนฉันก็ต้องหาให้ได้ ถ้าฉันกับรินเรายังเคลียร์กันไม่ได้ ฉันก็...” เตชินพูดไม่ทันจบ คุณหญิงก็ผลักประตูตีหน้ายักษ์เข้ามา พูดโพล่งว่า

“หนูชมพูออกจากโรงพยาบาลแล้ว!”

เตชินตกใจถามว่าออกตั้งแต่เมื่อไร ก็ถูกคุณหญิงตำหนิและไล่ให้ไปหาชมพูอย่าให้ทางโน้นคิดได้ว่าพวกเราไม่สนใจดูแล เตชินบอกว่าตนกำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่กับชัช ถูกคุณหญิงย้อนถามว่าเวลานี้มีเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องของชมพูบ้าง บอกว่าตนสั่งให้คนเตรียมรถไว้แล้ว พูดแล้วออกไปเลย เตชินได้แต่ถอนใจเซ็งๆ

ชัชเตือนสติว่า ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาควรจะคิดถึงมากที่สุดไม่ใช่ริลณีแต่เป็นชมพู กระนั้นเตชินก็ยังมุ่งมั่นว่า

“ถ้าฉันไม่ได้เคลียร์กับรินให้รู้เรื่อง ฉันก็คงทำใจแต่งงานกับน้องชมพูไม่ได้เหมือนกัน!!”

ระหว่างนั้นมีเสียงหมาหอนระงมโหยหวนไปหมด สร้อยที่กำลังเช็ดรถบ่นว่าจะมาหอนอะไรกลางวันแสกๆ หมาหอนไม่หยุดสร้อยเลยเดินออกไปดู ปรากฏว่าข้างนอกไม่มีหมาสักตัว! ทำเอาสร้อยขนลุกซู่ พึมพำ “น่ากลัวชะมัด”

ไม่เพียงเท่านั้นสร้อยยังเห็นผีริลณียืนอยู่ตรงโน้น ตรงนั้น ตรงนี้ แต่พอหันมองจังๆ ก็ไม่พบอะไร เลยจ้ำอ้าวเข้าบ้าน

หารู้ไม่! ผีริลณีเดินตามสร้อยไปทันที แต่กลับถูกอะไรบางอย่างผลักออกมา พยายามจะเข้าไปอีกก็ถูกผลักออกมาอีก! ที่แท้ผีริลณีถูกศาลพระภูมิในบ้านขวางไว้นั่นเอง!

ขณะเตชินเตรียมออกไปหาชมพูนั้น ชัชเห็นแปลน บ้านวางอยู่บนโต๊ะเลยนึกขึ้นได้บอกเขาว่า ศาลาหน้าบ้านที่ เขาบอกให้รื้อนั้น วันก่อนชมพูโทร.บอกตนให้เก็บไว้ แต่ไม่ทันเพราะช่างรื้อไปแล้ว ถามว่าชมพูคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม

“ปกติน้องชมพูไม่เคยยุ่งเรื่องนี้เลยนี่ คงไม่เป็นไร รื้อไปก็ดีแล้ว”

พลันชัชก็แว่วเสียงเรียก “เตชิน...เตชิน...” ชัชพยายามหาต้นเสียง บอกเตชินว่ามีคนมาตะโกนเรียกเขา

เตชินเงี่ยหูฟังแต่ไม่ได้ยินอะไรเลย บ่นชัชว่าสงสัยทำงานมากจนเพี้ยนไปแล้ว พอชัชเงี่ยหูฟังอีกทีก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว เลยคิดว่าตัวเองหูฝาดไปจริงๆ เลยฉวยโอกาสว่าคงทำงานมากไปจริงๆ วันนี้ขอพักสักวันก็แล้วกัน ว่าแล้วทิ้งตัวลงนอนทำเป็นหลับ

“เพี้ยนจริงๆ” เตชินมองขำๆ

แต่ที่นอกบ้าน ริลณีเข้าไปในบ้านไม่ได้เธอได้แต่มองเข้าไปในบ้าน รำพึงเศร้าๆ

“รินรอคอยที่จะได้พบคุณมานาน...นานเหลือเกิน แต่ทำไม...รินถึงเข้าไปหาคุณไม่ได้”

ริลณีร้องไห้เจ็บปวดเสียใจ แล้วค่อยๆหายไปจากตรงนั้น...

ผีริลณีไปที่บ้านเด็กกำพร้าด้วยความคิดถึงเพื่อนกับน้องๆ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเสียใจอีกเมื่อไม่มีใครเห็นเธอเลย ทั้งเฟื่องฟ้าและเอทีเอ็มพูดคุยกันถึงเธอด้วยความรักและห่วงใย ริลณีเองก็พยายามเรียกและบอกว่าตนอยู่ตรงนี้ แต่ทุกอย่างก็ว่างเปล่า ผิดหวัง แม้แต่ร่างเธอที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ยังถูกเฟื่องฟ้าเดินทะลุไปอย่างไม่รู้สึกอะไรเลย...

ooooooo

ความโหยหาที่จะได้พบคนรักและเพื่อนรัก ทำให้ริลณีไปหาหลวงพ่อคงที่เตชินเคยพาไปกราบท่าน เธอกราบหลวงพ่อร้องไห้สะอึกสะอื้นเล่าว่า ตนไปหาคนรักและเพื่อนแต่ไม่มีใครรับรู้ว่าตนอยู่ตรงนั้นเลย

“นั่นเป็นเพราะโยมและพวกเขาอยู่กันคนละภพแล้ว” ริลณีบอกว่าเมื่อวานตนยังคุยกับคนรักได้แล้วทำไมวันนี้ถึงทำไม่ได้ “เมื่อวานเป็นวันโกน วันที่วิญญาณจากอีกภพจะกลับมาในภพนี้ได้ แต่หลังจากวันนั้น โยมจะไม่มีโอกาสข้องแวะกับคนในภพภูมินี้อีก จนกว่าจะถึงวันโกนอีกครั้ง”
ริลณีคร่ำครวญว่าตนถูกจองจำทรมานอยู่หลายปี เมื่อหลุดพ้นออกมาได้ทำไมจึงยังพบพวกเขาไม่ได้อีก

“โยมควรกลับไปในที่ที่โยมควรอยู่ ถ้าโยมยังยึดติด ถือมั่นอยู่แบบนี้ โยมจะเป็นทุกข์” ริลณีถามว่าตนต้องรอถึงวันโกนอีกครั้งหรือ? “มันขึ้นอยู่กับบุญที่โยมสะสมมา หากโยมมีบุญมากพอ ก็สามารถกลับไปหาพวกขาได้” ริลณียิ้มอย่างมีความหวัง หลวงพ่อเตือนสติว่า “แต่ถึงโยมกลับไปหาพวกเขาได้ โยมก็ไม่มีวันอยู่กับพวกเขาได้ตลอดไปหรอก โยมตายไปแล้ว ต้องระลึกถึงความจริงข้อนี้ไว้เสมอ”

หลวงพ่อกลับเข้าไปในวัดแล้ว ริลณีร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้น แต่ยังมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ว่า

“ถึงฉันจะตาย แต่ฉันก็จะกลับไปอยู่กับพวกเขาให้ได้!”

ooooooo

เมื่อเตชินไปหาชมพูที่บ้าน เธอเอาหนังสือเกี่ยวกับการแต่งงานหลายเล่มมาพลิกดูชุดเจ้าสาวแต่เลือกไม่ได้สักที เลยให้เตชินช่วยเลือกเตชินนั่งเหม่อใจลอยคิดถึงแต่เรื่องริลณี เมื่อชมพูเรียกจนสะดุ้งบอกให้ช่วยเลือกชุดแต่งงาน เขาเลยบอกว่าเธอใส่ชุดไหนก็สวย ชมพูพูดหยอกว่าสงสัยตนต้องหาเพื่อนเจ้าสาวให้มาตัดสินใจแทนเจ้าบ่าวเสียแล้วกระมัง แล้วเล่าอย่างร่าเริงว่า

“ปริมลดาเขาขอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ บอกว่าอยากช่วยให้ชมพูจัดงานแต่งออกมาดีที่สุด พี่เตชินว่าให้ปริมลดาเป็นเพื่อนเจ้าสาวดีไหมคะ” แต่เตชินกำลังนั่งเหม่อใจลอย ชมพูตัดพ้อหน้าจ๋อย “พี่เตชินไม่ได้ฟังที่ชมพูพูดเลย คิดถึงใครอยู่คะ”

“เออะ...ไม่มีอะไรหรอกครับ มาเลือกชุดเจ้าสาวกันต่อดีกว่านะครับ” เตชินทำเป็นกระตือรือร้นกลบเกลื่อน แต่ก็ไม่ทำให้ชมพูหายระแวงเลิกสงสัยได้ว่าเขาต้องมีอะไรในใจแน่ๆ

ooooooo

ความระแวงสงสัยเตชิน ทำให้ชมพูกดไลน์คุยกับกลุ่มไลน์สามสาวอันมีตัวชมพูเอง ปริมลดาและหงส์หยก

ชมพูปรารภว่าคงต้องขอแรงพวกเธอสองคนเรื่องงานแต่งของตนแล้วล่ะ ทั้งสองตอบรับทันทีเพราะจ้องหาโอกาสอยู่แล้ว นอกจากนี้บางคำถามของชมพูยังทำให้ปริมลดากับหงส์หยกรู้ว่าเตชินไม่ได้สนใจงานแต่งงานสักเท่าไร

ปริมลดาฟันธงกับหงส์หยกว่า ที่เตชินไม่ช่วยเพราะเขาไม่อยากแต่งงานกับชมพู เป็นโอกาสให้แผนการของตนเป็นไปได้ง่ายขึ้น

ระหว่างนั้นเอง เอกราชมาหาปริมลดา หงส์หยกรู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินจึงขอตัวกลับ นอกจากเอกราชจะบอกปริมลดาว่ามาหาเธอเพราะเหงาแล้ว ยังถามว่าเธอไปช่วยงานแต่งงานของชมพูเป็นอย่างไรบ้าง

ที่แท้เอกราชยังหาโอกาสที่จะเสียบแทนเตชิน บอกปริมลดาที่พูดดักคอว่ากำลังคิดจะแย่งชมพูจากเตชินอย่างที่เขาชอบทำกับคนอื่นใช่ไหมว่า

“สำหรับชมพูฉันไม่ได้แค่อยากแย่ง ฉันอยากแต่งงานกับเขา” ปริมลดาทำเป็นอ้อนว่าพูดแบบนี้ตนเสียใจนะ “เธอก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับฉันอยู่แล้วนี่ เราก็แค่สนุกๆกันไม่ใช่หรือ”

“ใช่ เราสองคนไม่ใช่คนที่ดีพอของกันและกัน แล้วลดาก็เจอคนที่ใช่สำหรับลดาแล้ว ไม่แน่นะ ถ้าเราร่วมมือกัน เราอาจจะสมหวังในสิ่งที่หวังก็ได้”

“เราสองคนนี่มันเหมาะสมกันจริงๆ” เอกราชกับปริมลดามองตากันอย่างเห็นทะลุถึงหัวใจของกันและกัน

ooooooo

ชมพูยังวุ่นอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน วันนี้ก็เอารูปตัวเองมาเลือกเพื่อทำวีดิโอ หมูหวานมาช่วยเลือกถามว่าแล้วไม่มีรูปของเตชินหรือ ปกติต้องมีทั้งรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาว ชมพูพูดเหมือนบ่นว่า เตชินไม่เอารูปมาให้สักที

หมูหวานเจอรูปริลณีกับชมพูในชุดรำ หยิบขึ้นมาถามว่าเพื่อนคนนี้สวยจัง เขาจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวไหม

“คงไม่มาหรอก เพราะฉันไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“เพื่อนรักของฉัน ฉันมาหาเธอแล้ว” ริลณีบอกชมพู เธอมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว!

เสียงหมาหอนโหยหวนรับกันเป็นทอดๆ ชมพู พึมพำว่าแปลก อยู่ๆทำไมหมาหอนขนาดนี้ หมูหวานบอกว่าเพราะมันเห็นผี แม้ชมพูจะรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่ก็บอกหมูหวานว่า “ผีไม่มีจริงหรอก พี่เตชินเคยบอกไว้”

ขณะนั้นเอง พิสมัยกับพิชัยกลับจากไปหาอาจารย์คงมา สมหมายจอดรถที่หน้าบ้านรอเข้า พิสมัยบ่นเสียดายที่ไปแล้วไม่เจออาจารย์คงเลยไม่ได้ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ของเตชินกับชมพู พิชัยบอกว่าไม่เป็นไรแล้วค่อยไปหาใหม่

สมหมายลงไปเปิดประตูเพื่อขับรถเข้าบ้าน พลันก็ชะงักขยี้ตาเพ่งมอง บอกว่ามีใครก็ไม่รู้มายืนอยู่หน้าบ้านเรา พิชัยมองไปบอกว่าไม่เห็นมีใคร บอกให้สมหมายลงไปดูให้แน่ใจอาจจะเป็นขโมยก็ได้ สมหมายขนลุกซู่ พนมมือสวดมนต์บอกกล่าว “กลับไปซะ ที่นี่ไม่มีใครที่เธอรู้จักหรอก อย่ามาขวางทางพวกเราเลย”

พริบตานั้น ผีริลณีหันขวับพุ่งมาเกาะที่กระจกหน้าต่างรถตรงคนขับจ้องอย่างโกรธจัดแผดเสียงกรี๊ดแต่ไม่มีใครได้ยิน สมหมายกลัวตัวสั่นกดเปิดประตูอัตโนมัติแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าไปทันที ริลณีจะตามแต่ก็เข้าไปไม่ได้

หมูหวานร้องกรี๊ดเมื่อเห็นรอยนิ้วมือของริลณีที่กระจกรถเรียกทุกคนให้มาดูก็เห็นรอยนิ้วมือชัดเจนทั้งชมพู พิสมัย และพิชัย มองหน้ากันช็อก!!

ooooooo

วันรุ่งขึ้น พิสมัย พิชัย ชมพูและเตชิน พากันไปทำบุญถวายสังฆทานหลวงพ่อคงที่วัด

“วิญญาณพวกนั้นทำอะไรพวกเราไม่ได้ หากไม่ได้ก่อเวรสร้างกรรมกันมา เขาก็แค่มาขอส่วนบุญเท่านั้น” หลวงพ่อบอกแล้วถามเตชิน “แล้วโยมเตชินล่ะ กลัวผีรึเปล่า”

“ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นครับ” เตชินตอบอย่างมั่นใจ หลวงพ่อจึงหันไปถามชมพูบ้าง หมูหวานสาระแนตอบแทนว่าตนเชื่อ บอกหลวงพ่อให้จัดบุญจัดกุศลมาเยอะๆเลยตนจะได้อุทิศส่วนกุศลให้ผีตัวนั้น จะได้ไม่มายุ่งที่บ้านอีก

หลวงพ่อจึงให้ตั้งใจกรวดน้ำ ขอให้ทุกคนตั้งใจอธิษฐาน ท่านมองเตชินเหมือนจะบอกอะไร แต่พูดว่า“ถ้าความมุ่งมั่นและบุญของโยมมีมากพอ คนที่โยมอยากพบ อาจจะกลับมาหาโยมก็ได้” แล้วหลวงพ่อก็เริ่มสวดมนต์อุทิศส่วนกุศล ทุกคนหลับตาอธิษฐาน เตชินมองทุกคนแล้วจึงหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน...

“ขอบุญกุศลที่ผมได้ทำในวันนี้ ช่วยทำให้ริลณีกลับมาหาผม ขอให้เราได้อยู่ด้วยกัน นับจากวันนี้จนถึงวันที่เราแก่เฒ่าอย่าให้เราต้องพรากจากกันอีกเลย”

ทันทีที่เตชินอธิษฐานจบ ร่างของริลณีก็มีพลังขึ้นมา ผิวที่ซีดก็ขาวผ่องขึ้นเหมือนเดิม หน้าตาก็สวยงามมีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ริลณีมองตัวเองแล้วยิ้มปลื้ม พึมพำดีใจ

“เตชิน...ฉันจะกลับไปหาคุณ...”

ooooooo

หลังจากถวายสังฆทานแล้ว ชมพูกับพิสมัย และพิชัยจะอยู่ทำสมาธิต่อ เธอถามเตชินว่าจะอยู่ด้วยกันไหม เสร็จแล้วจะได้ไปเลือกการ์ดกับของชำร่วยด้วยกัน

จู่ๆก็เกิดภาพนิมิตแว่บเข้ามาในสมองเตชินโดยไม่ทันตั้งตัว เขาเห็นริลณีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมบึงในมหาวิทยาลัยบอกว่า

“เตชิน...รินจะรอคุณอยู่ที่นี่...”

ชมพูบอกเตชินว่าตนเลือกของชำร่วยน่ารักๆ ได้สองสามอย่างแล้ว พูดแล้วหันมองเตชินเห็นเขานิ่งๆ อึ้งๆ ถามว่าเขาเป็นอะไร เตชินได้สติตอบอึกอักว่า

“เอ่อ...คือ...พอดีพี่มีธุระสำคัญ ขอตัวก่อนนะครับ” พูดแล้วลุกไปเลย ชมพูมองเหวอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างขับรถบ่ายหน้าไปที่มหาวิทยาลัย เตชินโทรศัพท์บอกชัชว่าวันนี้ตนจะไม่เข้าไปดูบ้านฝากเขาดูงานให้ด้วย ชัชโวยว่าไม่มาช่วยกันรีบทำเดี๋ยวเสร็จไม่ทันวันแต่งงานไม่รู้ด้วย

“ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ” ชัชถามว่ามีอะไรสำคัญกว่าเรือนหอหรือ “ฉันจะไปตามหาริลณี...ฉันมีความรู้สึกว่าวันนี้ฉันจะได้พบเขา”

เตชินขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยตรงไปที่เก้าอี้ริมบึงที่เห็นริลณีนั่งในนิมิต เห็นใครบางคนนั่งที่เก้าอี้ริมบึง เดินตรงไปหาพอเห็นชัดๆ เขาอุทานอย่างตื่นเต้น

“ริน!!!”

“เตชิน!!” ริลณีหันมองอุทานดีใจจนน้ำตาคลอ

“ในที่สุดผมก็ได้เจอคุณจริงๆ” เตชินโผกอดริลณีด้วยความดีใจ ริลณีกอดตอบน้ำตาไหลดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทั้งสองกอดกันแนบแน่น...นิ่ง...นาน...ราวกับจะไม่ยอมพรากจากกันอีก...

ooooooo

เตชินนั่งจ้องริลณีไม่วางตาอย่างคิดถึงและโหยหามาถึงสองปี เขาบอกว่าเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ริลณีพูดทันทีว่าแต่เขากำลังจะเปลี่ยน...กำลังจะแต่งงาน

“รินรู้?”

“คุณกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนรักที่สุดของริน”

เตชินรีบอธิบายว่า “ริน...มันไม่ใช่อย่างที่รินคิดนะครับ ช่วงที่เราไม่ได้เจอกันเกิดเหตุการณ์มากมาย ผมพยายามตามหาริน เพื่อจะอธิบายเรื่องพวกนั้นว่าทำไมคืนนั้นผมไม่ไปตามนัด ทำไมผมถึงหายไปกะทันหัน แล้วทำไมผมถึงต้องแต่งงาน”

“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ รินรู้ทุกอย่างแล้ว”

“แต่รินอาจจะไม่รู้สิ่งที่อยู่ในใจผม ผมไม่เคยลืมรินเลย ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้” ริลณีบอกว่าตนยังเป็นคนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เตชินมองหน้าเธออย่างค้นหา ถามอึ้งๆ “หมายความว่ารินยังไม่ได้แต่งงานงั้นเหรอ?!!”

ริลณีพยักหน้า เตชินตาโตตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด คว้ามือเธอไปกุมไว้...ดีใจอย่างที่สุด

กล้ากับน้าไหวเดินผ่านมามองเตชินงงๆ กล้าถามว่าเขาทำอะไรน่ะ ทั้งสองมองเตชินที่นั่งพูดคนเดียวทั้งยังยกมือจับอากาศไปมา น้าไหวพูดขำๆว่าอากาศร้อนคนเลยเพี้ยน กล้าบ่นอย่างเสียดายหน้าตาก็ดี๊ดี...
ไม่น่าบ้าเลย...

พอจะก้าวเดินน้าไหวก็ตกใจร้องลั่นเมื่อเห็นรถญี่ปุ่นคันหนึ่งแล่นมาอย่างเร็วจนทั้งสองโดดหลบแทบไม่ทัน พอรถจอดคนขับกดกระจกลงจึงเห็นว่าเป็นหงส์หยกนั่นเอง เธอจ้องสองน้าหลานตะโกนใส่

“ยังซื่อบื้อเหมือนเดิมนะน้า!!” ยิ้มเยาะแล้วกดกระจกขึ้นขับออกไป น้าไหวกับกล้ามองตามอย่างเจ็บใจ

“ไอ้พวกมีปมด้อย ตอนเรียนไม่มีรถ พอจบมีรถใช้ทำเป็นซิ่ง...เชอะ!!” กล้าตะโกนด่าไล่หลัง

ooooooo

ขณะริลณีกับเตชินคุยกันอยู่นั้น ริลณีเหลือบเห็นหงส์หยกลงจากรถ เธอจ้องอย่างแค้นใจขึ้นมาทันที เตชินขอเวลาอธิบายเพื่อเคลียร์ตัวเอง ริลณีพูดเสียงแข็งว่า

“ยังไม่ใช่วันนี้!! รินมีเรื่องที่ต้องสะสางให้เสร็จก่อน” เตชินจึงขอที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์เธอไว้จะได้ติดต่อกันได้ “คุณตามหารินมามากแล้ว ต่อไปรินจะไปหาคุณเองค่ะ”

เตชินหยิบนามบัตรพอเงยหน้าจะให้ปรากฏว่า ริลณีหายไปแล้ว เขาตกใจ แปลกใจ มองหาและร้องเรียก

“ริน...ริน...คุณหายไปไหนน่ะ...ริน...ริน...”

ริลณีเดินตามหงส์หยกไปที่ห้องชมรมนาฏศิลป์ หงส์หยกไหว้อาจารย์นาฎ อาจารย์ทักว่าไปยังไงมายังไงถึงมาที่นี่ได้ หงส์หยกบอกว่าตนจะมาขอเด็กรำจากอาจารย์สัก 6 คนไปช่วยรำที่งานอีเวนต์ของบริษัท อาจารย์นาฎรับปากจะไลน์ลองตามเด็กดู ริลณีที่เดินตามหงส์หยกเข้ามา จ้องหงส์หยกคำรามอย่างอาฆาตแค้น

“แกฆ่าฉัน!! เพื่อนทรยศ!! แกต้องตาย!!!” ริลณี ตรงเข้าไปบีบคอหงส์หยก แต่เธอไม่อาจสัมผัสตัวหงส์หยกได้แต่หงส์หยกรับรู้ว่าถูกพลังบางอย่างมาปะทะ หันขวับไปมองเผชิญหน้ากันอย่างใกล้ชิด

“ครูตามเด็กๆมาให้แล้วนะอีกสักครึ่งชั่วโมงคงจะมากันครบ” อาจารย์นาฎมาบอก เห็นหงส์หยกยืนตัวสั่น ช็อกค้างแต่อาจารย์ไม่เห็นริลณี อาจารย์เดินไปดูหงส์หยกยืนตรงที่ที่ริลณียืนพอดี ริลณีเลยหายตัวไป อาจารย์ถามหงส์หยกว่าเป็นอะไร หงส์หยกยังตัวสั่น ปากสั่น มองอาจารย์ที่ยืนแทนที่ริลณีช็อกๆ ยังพูดไม่ออก อาจารย์ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า

“มะ...ไม่มีอะไรค่ะ...หนูกลับก่อนนะคะอาจารย์” อาจารย์ถามว่าแล้วเด็กรำล่ะ หงส์หยกมองเล่ิกลั่กไปรอบห้องลนลานออกจากห้องไปด้วยความหวาดกลัว อาจารย์นาฎได้แต่มอง พึมพำทั้งงง ทั้งแปลกใจ

“อะไรของเขา?”

หงส์หยกเดินแทบจะเป็นวิ่งกลับไปที่รถ เอากุญแจออกมาจะไขประตูรถลนลานจนทำกุญแจร่วง พอก้มเก็บก็เห็นเท้าคนเดินเข้ามายืนประชิด เงยหน้ามองเห็นเป็นน้าไหวกับกล้ายืนยิ้มแฉ่งอยู่เลยถอนใจโล่งอก

“ไม่ต้องโล่งใจ พวกพี่มาแค่อยากจะเตือนน้องว่า...” กล้าลากเสียงยาว แล้วน้าไหวก็พูดต่อให้ว่า...

“ขับรถในมหาวิทยาลัยห้ามใช้ความเร็วเกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วทำไม ไม่เข้าใจแล้วทำไม” หงส์หยกถามอย่างไม่แคร์ผลักทั้งสอง “ถอยไป!!” แล้วขึ้นรถขับออกไปอย่างเร็ว ริลณียืนมองตามไปด้วยความแค้น พึมพำอย่างเจ็บใจ... “ทำไมฉันถึงฆ่ามันไม่ได้...ทำไม!!!”

ooooooo

จากที่ได้เจอริลณีวันนี้ เตชินตัดสินใจถามคุณพ่อคุณแม่ที่โต๊ะอาหารว่าตนจะเลื่อนงานแต่งออกไปแบบไม่มีกำหนดได้ไหม

ทั้งสองหันมองขวับ ถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องเลื่อนงานแต่งด้วย คุณหญิงนิ่งไปอึดใจแล้วบอกเตชินว่า เมื่อกล้าขอแบบนี้ก็หวังว่าจะมีเหตุผลที่ดีพอ เตชินอ้างเหตุผลว่าตนปรับปรุงเรือนหอไม่ทัน ณรงค์เสนอให้มาอยู่ที่บ้านก่อน เตชินบอกว่าตนอยากทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ก่อน

“ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์อะไรทั้งนั้น!! ฤกษ์มีแล้ว งานทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมแล้ว จะถูกเลื่อนเพราะแค่ลูกอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม แม่คงยอมไม่ได้หรอก จำไว้นะเตชินทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์” คุณหญิงเสียงเข้ม

“เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเลื่อนงานแต่งเด็ดขาด” ณรงค์ประกาศกร้าว พอเตชินจะพูดอีกก็ถูกตัดบท “จะทำอะไรอย่าเอาแต่ใจตัวเอง คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่เอาไว้บ้าง เข้าใจไหม”

เตชินพูดไม่ออก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเลยอึดอัด หงุดหงิด เตชินนั่งกล้ำกลืนว้าวุ่นใจไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

ooooooo

คุณหญิงกับณรงค์ไปคุยกันอย่างไม่สบายใจ คุณหญิงเชื่อว่าเหตุผลของเตชินเป็นเพียงข้ออ้าง ส่วนณรงค์คิดว่าคงไม่มีอะไร ลูกอาจเครียดเรื่องบ้านจริงๆก็ได้

คุณหญิงระแวงว่าอาจเป็นเพราะริลณีที่พยายามจะกลับมาในชีวิตเตชินอีกก็ได้ แต่ณรงค์คาดว่าริลณีคงมีสามีมีลูกไปแล้วก็ได้ ติงว่าคุณหญิงอาจฝังใจกับเด็กนั่นเกินไป ตนเชื่อว่าไม่มีอะไร ผู้ชายใกล้แต่งงานก็เป็นแบบนี้แหละกลัวการผูกมัด

พูดแล้วณรงค์หัวเราะขำๆเดินแยกไป แต่คุณหญิงยังคิดเครียดไม่สบายใจอยู่ตรงนั้น

เตชินกลับขึ้นห้อง เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่จะเอานามบัตรให้ริลณีแต่เธอหายไปก่อน เขาถือนามบัตรวิ่งตามหาจนเจอ เขาตัดพ้อว่าทำไมอยู่ดีๆก็หายไปตกใจหมด ริลณีถามว่าทำไมต้องตกใจ เขาบอกว่ากลัวจะไม่ได้พบกันอีก

“รินจะไปไหนได้ล่ะคะ รินยังไม่ได้เอานามบัตรคุณไปเลย” ริลณียิ้มดีใจ เตชินยื่นนามบัตรให้ถามอย่างกังวลว่าเธอจะโทร.มาใช่ไหม จะไม่หายไปไหนอีกใช่ไหม “เตชินจำที่เราเคยสัญญากันได้ไหมคะ” เตชินมอง

หน้าเธอพูดอย่างจำฝังใจว่า “เราจะไม่มีวันแยกจากกัน” ริลณีพูดต่อด้วยดวงตาเบิกกว้างจริงจังว่า “แม้แต่ความตายก็จะมาแยกเราสองคนไม่ได้ รินกลับมาหาคุณแล้ว ไม่มีวันจะหนีไปจากคุณอีก”

--------------
ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 8


ระรินและยุวดีแต่งสวยแบบจัดเต็มเพราะคิดว่าปฐวีจะพาไปดินเนอร์ในร้านอาหารหรู เขากลับพามากินข้าวที่บ้านตัวเอง อ้างกับโสมสุภางค์ว่าเลขาฯของเขาลาป่วย พักนี้งานเขายุ่งมาก ไหนจะเตรียมตัวเรื่องงานแต่งอีก เขาก็เลยจะให้เลขาฯคนใหม่ทั้งสองคนนี้ ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย เถาว์เครือถึงกับทำช้อนหลุดมือ
“อะไรนะ เอาเลขาฯเข้ามาอยู่ในบ้าน”

แม้จะงงๆอยู่บ้าง แต่ยุวดีและระรินรีบเออออไปกับปฐวี เถาว์เครือยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ถามซ้ำว่าจะให้ทั้งคู่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้จริงๆหรือ เขายืนยันว่าเป็นความจริง งานเขายุ่งมาก เขาคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่สั่งงานที่นี่ แล้วย้อนถามว่าไม่ดีหรือ บ้านหลังนี้จะได้อบอุ่น รกคนดีกว่ารกหญ้าไม่ใช่หรือ

ตลับนาครีบรับคำ “ดีค่ะ บ้านหลังใหญ่จะอยู่กันเป็นร้อย บ้านก็รับอยู่ จำเรียงพรุ่งนี้เตรียมอาหารเช้าเผื่อเลขาฯของคุณปฐวีด้วยนะ เปิดห้องข้างบนอีกห้อง ใช้ห้องที่อยู่ติดกับห้องคุณโสมสุภางค์ก็ได้”

“ห้องนั้นเหมาะมาก เผื่อคุณปฐวีจะเรียกใช้ ดึกๆดื่นๆจะได้สะดวก ยินดีต้อนรับคุณสองคน หวังว่าบ้านคงจะอบอุ่น เพราะรกคนดีกว่ารกหญ้าค่ะ” แดกดันเสร็จ ชิดชบาหันไปหลิ่วตาให้ปฐวี เถาว์เครือแค้นใจมากรอจนปลอดคน ดึงหูยุวดีออกมาจากตึกใหญ่ คาดคั้นให้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เสนอหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ ยุวดีบอกให้ปล่อย เธอไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้ ตนไม่ใช่ลูกจ้างของเธอ

เถาว์เครือโกรธจัดที่ยุวดีกล้าหือ แถมยังเผยอจะมาเป็นคู่แข่งแย่งปฐวีไปจากโสมสุภางค์ จึงตบสั่งสอน แล้วดูแคลนว่าผู้หญิงข้างถนนแบบเธอ ต้องไปเทียบชั้นกับชิดชบาไม่ใช่โสมสุภางค์ ชิดชบาซึ่งได้ยินโดยตลอด ก้าวออกจากมุมมืด มองไปที่ทั้งคู่ด้วยความสงสัย...

ด้านระรินเห็นห้องที่จำเรียงจัดไว้ให้ก็ตื่นเต้นดีใจ โดดขึ้นไปขย่มเตียงด้วยอาการกระดี๊กระด๊าสุดๆ

“ห้องใหญ่นี่ เตียงนอนหนา นุ่ม แอร์เย็น มีห้องน้ำในห้องนอนด้วย สบายเหมือนห้องเจ้าหญิงเลย”

โสมสุภางค์เข้ามาในห้องมองเธออย่างเหยียดๆ “ใช่...แต่เธอไม่ใช่เจ้าหญิง ชาติสกุลถ่อยเหมือนคนข้างถนน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปฐวีต้องให้เลขาฯเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้”

“เขาคงจะเห็นว่าฉันมีคุณสมบัติไว้ใช้งานได้หลังตะวันตกดินละมังคะ ก็แน่ล่ะ คู่หมั้นของเขาเป็นคนป่วย ส่วนนางบำเรอก็คงจะน่าเบื่อ ถึงชิดชบาจะสวยหยาดฟ้ามาดินยังไง ของใช้บ่อยๆก็กลายเป็นของเก่าทุกชิ้นไม่เห็น จะแปลก” ระรินกล้าต่อปากต่อคำด้วย เพราะคิดว่าปฐวีมีใจให้ โสมสุภางค์พยายามพูดให้อีกฝ่ายดูไร้ค่า แต่เธอไม่สะทกสะท้าน แถมตอกกลับอย่างเจ็บแสบอีกต่างหาก...

ทางฝ่ายชิดชบากลับเข้าห้องตัวเอง เจอปฐวีรอท่าอยู่ด้วยสีหน้าสะใจ ก็เดาได้ไม่ยากว่าที่เขาพาระรินกับยุวดีมาอยู่ที่นี่ก็หวังจะสร้างความปั่นป่วนเพื่อกวนเธอให้เละ

“ระวังคนที่เละอาจจะไม่ใช่ฉัน แต่เป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณ” พูดจบชิดชบาผลักปฐวีออกจากห้อง ปิดประตูใส่หน้า แล้วพิงประตูหลับตาลงอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ

ooooooo

เจ็ดโมงเกือบครึ่งแล้ว อาหารเช้ายังไม่ได้ตั้งโต๊ะ จำเรียงต้องเข้ามาเตือนให้บุญถิ่นเร่งมือ เธอบ่นอุบเร่งจนมือเป็นระวิงแล้ว คนโน้นจะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ ไม่รู้จะรับใช้ใครแล้ว

“ก็ไม่ดีหรือน้า คุณปฐวีเอาเลขาฯเข้ามาอยู่ในบ้านอีกสองคน น้าจะได้มีพวก เอ๊ย เจ้านายเพิ่มขึ้นไงล่ะ”

“ข้างงจริงๆ ทำไมคุณปฐวีถึงได้ทำอย่างนี้ มีผู้หญิงสองคนอยู่บ้านเดียวกัน ยังยุ่งไม่พออีกหรือ นี่มีตั้ง...”

“สี่คน ซ้ำยังมีคุณนายเถาว์เครือกับคุณป้าตลับนาคท่าทีฤทธิ์เดชพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลย น้ารับเละแน่”

“ไม่รู้ล่ะ ข้าเป็นข้ารับใช้ของคุณนายเถาว์เครือ ถ้าใครจะมาเป็นพวกของคุณนาย ข้าถึงจะยอมศิโรราบคาบขวด แต่ถ้าใครไม่...ได้เจอดีแน่” บุญถิ่นยิ้มเหี้ยม...

ระรินวิ่งนำยุวดีมานั่งที่โต๊ะอาหาร ไม่เห็นปฐวีอยู่ด้วยก็ถามหาว่าตื่นหรือยัง เมื่อคืนไม่รู้ว่านอนห้องไหน จังหวะนั้นโสมสุภางค์วิ่งหน้าตื่นลงมาจากบันได ร้องถามแม่ว่าปฐวีไปไหนเมื่อคืนไม่ได้ไปนอนที่ห้องของเธอ

“เขาไปแล้ว ไปตั้งแต่ตีห้า” เถาว์เครือตอบอย่างเสียไม่ได้ ชิดชบาได้ทียุส่ง

“เขาคงจะหลบหน้าคุณเพราะตอบคำถามคุณไม่ได้ว่าเมื่อคืนนี้เขานอนที่ไหน”

“ยังไงเขาก็ไม่ได้นอนห้องเธอหรอกชิดชบา เพราะตอนนี้เขามีทางเลือกใหม่ ถึงผู้หญิงของเขาอีกสองคนจะท่าทางเหมือนเสือโหย แต่ยังไงก็คือผู้หญิง” ไม่พูดเปล่า โสมสุภางค์ปรายตามองระรินกับยุวดี ทั้งคู่โกรธจัดถลาจะเข้ามาเอาเรื่อง เถาว์เครือรีบกันไว้ ห้ามแตะต้องลูกสาวของตนเด็ดขาด

“โอ๊ย ทำไมมันถึงได้ยุ่งอย่างนี้นะ ฉันปวดหัวไปหมดแล้วแล้วจะมีเรื่องอะไรยุ่งอีก” พูดไม่ทันขาดคำ บุญถิ่นวิ่งหน้าตั้งเอาดอกไม้ช่อใหญ่จากชัยยงค์มาให้เถาว์เครือซึ่งรับไว้ด้วยสีหน้าเจื่อนๆ...

ฝ่ายโสมสุภางค์ รีบโทร.ไปอ้อนปฐวีให้กลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน เขารีบตัดบท คืนนี้เขาคงกลับดึกหรืออาจจะไม่กลับ เธอไม่ต้องรอกินข้าวด้วยแล้ววางสาย โสมสุภางค์พยายามโทร.กลับ แต่เขาปิดเครื่องหน้าตาเฉย ระหว่างนั้นเถาว์เครือในชุดสวยเดินอย่างมีความสุขเข้ามา

“โสมสุภางค์ แม่จะออกไปข้างนอกนะ แม่มีนัดกินมื้อกลางวันกับคุณชัยยงค์ เขาคงจะมีเรื่องปรึกษาแม่เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ เราต้องรวบรัดถือครองกรรมสิทธิ์ก่อนที่แม่จะเป็นไมเกรน”

โสมสุภางค์งง ชัยยงค์มาเกี่ยวอะไรด้วย เถาว์เครืออ้างว่าเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ รู้เรื่องทำบ้านเก่าให้มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งอาจทำให้เราได้ประโยชน์

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 7


ปฐวีลากชิดชบากลับบ้าน ก่อนจะเหวี่ยงลงบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างโกรธจัด ด่าลั่นว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้เห็นออฟฟิศของเขาเป็นตลาดสด เรียนเมืองนอกมาแท้ๆกลับทำตัวเหมือนคนขาดการอบรม เธอโต้ไม่ยอมแพ้ นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับระรินไม่เกี่ยวกับเขา หรือว่าเขาเจ็บร้อนแทน

“อย่ามากล่าวหาว่าผมกินไม่เลือกนะ ผมไม่ใช่สมภารที่ชอบกินไก่วัด”

“คุณจะกินไก่วัดหรือไม่กิน ฉันไม่สนหรอก ฉันขอบอกนะว่าที่ฉันทำลงไปน่ะ ไม่เท่าครึ่งที่ระรินทำกับฉัน”

“หมายความว่าอย่างไร ใครทำอะไรใคร”

ชิดชบาไม่จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ คนไม่มีหัวใจอย่างเขา คงไม่รู้สึกรู้สมอะไรด้วยหากเธอต้องเจ็บ แล้ววิ่งหนีเข้าห้อง ปฐวีวิ่งตามมาคาดคั้นให้บอกว่าเมื่อคืนหายไปไหนมา โทร.ไปเช็กที่บ้านสวนก็ไม่อยู่ ที่สำคัญ อรุณณรงค์ก็หายไปด้วย เธอไม่สน เขาจะคิดอะไรก็เชิญคิดตามสบาย เพราะไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ต้องถูกเสมอ แล้วดันเขาออกจากห้อง ปิดประตูใส่หน้า ก่อนจะหลับตาลงด้วยจิตใจที่อ่อนล้าเต็มที...

แทนที่ชัยญาจะสงสารและเห็นใจที่ระรินถูกชิดชบาทำร้ายจนหน้าตาบวมช้ำ กลับด่าซ้ำที่ทำงานไม่สำเร็จ

เธอโทษเขาต่างหากที่ทำไม่สำเร็จ เธอเอาชิดชบาใส่จานให้แล้วยังไม่มีปัญญาจะงับ เขาตบเธอที่บังอาจมาต่อปาก ต่อคำ แล้วจะเข้าไปตบซ้ำ ชัยยงค์ผ่านมาเห็นพอดีรีบห้ามลูกชายไว้

“เฮ้ยหยุด อย่ามัวแต่กัดกันเอง พลาดอีกแล้ว ใช่ไหม ถึงได้โยนกันไปโยนกันมาอย่างนี้” ชัยยงค์เห็นทั้งคู่นิ่งเงียบ ก็ด่ากราด “พวกแกนี่ไม่ได้เรื่องเลย ใช้ทำอะไรก็พลาดหมด หรือว่าฉันต้องลงมือเอง”

ooooooo

จำเรียงเห็นเลยเที่ยงแล้ว ชิดชบายังไม่ลงมาจากห้อง จึงยกอาหารกลางวันขึ้นไปให้ แล้วเข้ามาคุกเข่าข้างเตียง ถามเจ้านายสาวที่ยังนอนซมด้วยความห่วงใยว่าเป็นอะไรไป

“คุณหายไปทั้งคืน คุณปฐวีวุ่นวายโทร.ตามคุณทั้งคืนเลยค่ะ เอ๊ะ! นั่นคุณไม่สบายหรือเปล่าคะ”

“ฉันมึนๆหัวน่ะ”

“มึนหัว?...แล้วมีคลื่นไส้ มีอยากจะอาเจียนผสมด้วยไหมคะ”

ชิดชบามองออกว่าจำเรียงคิดว่าเธอท้อง รีบตัดบทไล่ให้ออกไปได้แล้ว จำเรียงวิ่งปรู๊ดลงไปที่เรือนครัวบอก บุญถิ่นกับสมควรด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สงสัยชิดชบาจะท้อง บุญถิ่นตกใจถึงกับทำตะหลิวหลุดมือ พอตั้งสติได้รีบโทร.ฟ้องเถาว์เครือซึ่งมาเป็นเพื่อนโสมสุภางค์ดูชุดแต่งงาน เธอพึมพำสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“นังชิดชบาท้องหรือ”

จังหวะนั้นชัยยงค์เดินนำหน้าถกลเข้ามาทักทายเถาว์เครือว่าเคยเจอกันในงานเลี้ยงบ่อยๆ เพียงแต่ไม่มีโอกาสทำความรู้จักกันเป็นส่วนตัว เขาได้ข่าวว่าลูกสาวของเธอกำลังจะแต่งงานกับปฐวี

“น่ายินดีนะครับที่งานนี้ปฐวีเขาทุ่มหนัก ไหนจะบ้านที่เป็นเรือนหอราคานับร้อยล้าน แล้วไหนจะงานแต่งงานใหญ่โตหรูหรา ผมเชื่อเลยครับว่าลูกสาวของคุณเถาว์เครือจะต้องเป็นเจ้าสาวแห่งปีแน่” คำพูดของชัยยงค์จุดไฟโลภในใจเถาว์เครือให้ลุกโชนเมื่อรู้ถึงมูลค่ามหาศาลของบ้านหลังนั้น...

ไม่นานนักสองแม่ลูกก็กลับถึงบ้าน เถาว์เครือเดินนำหน้าโสมสุภางค์มาที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ทันเห็นแพรวานั่งรออยู่ สั่งให้ลูกเก็บข้าวของย้ายเข้าไปอยู่บ้านปฐวี

“เราต้องเข้าไปจองที่ไว้ก่อน ก่อนที่นั่งชิดชบามันจะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนของมัน ยักย้ายถ่ายเทบ้านกลับไปเป็นของมัน” เถาว์เครือเพิ่งสังเกตเห็นแพรวา ถึงกับ ชะงัก “ขอโทษ แม่ไม่เห็นว่าหนูแพรวามา ไม่เห็นรถของหนูข้างนอก คุยกันไปก่อนนะ แม่จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

แพรวารอจนเถาว์เครือไปพ้นแล้ว จึงเตือนเพื่อนรักว่าการที่เธอจะเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นเท่ากับเป็นการต้อนให้ชิดชบาจนมุม เธอก็รู้ว่าหมาจนตรอกทุกตัวจะสู้ตาย

“เพราะฉะนั้นอย่าต้อนคนให้จนมุม”...

หลังจากสอบถามทั้งระริน ยุวดีและเลขาฯของตัวเองถึงเหตุวิวาทที่เกิดขึ้น ปฐวีสรุปว่าไม่ใช่เป็นความผิดของระริน จึงไม่ไล่เธอออกจากงาน แต่อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และเขาจะไม่ถามด้วยว่าไปทำอะไรไว้ ชิดชบาถึงได้กลายร่างเป็นเสือตามมาขย้ำเธอถึงที่นี่ ระรินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา

“เดี๋ยวเบิกค่ายาค่าหมอไปรักษาอาการบอบช้ำแล้วค่อยกลับมาทำงาน แค่นี้แหละ ออกไปได้แล้ว”

ทั้งสามสาวรับคำก่อนจะพากันออกไป ปฐวีมองตามด้วยสายตาเจ้าเล่ห์...

ทางด้านธวัชพงษ์เห็นสีหน้าท่าทางของแพรวาก็รู้ทันทีว่ากล่อมโสมสุภางค์ไม่สำเร็จ ทั้งเรื่องเลื่อนการแต่งงานและไม่ให้ใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ เธอไม่รู้ว่าเถาว์เครือคิดอย่างไรถึงจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น หรือว่ามูลค่าของมันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของโสมสุภางค์

“จริงหรือครับ คุณนายเถาว์เครือจะพาลูกสาวเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นจริงๆหรือครับ”

“โสมสุภางค์ยืนยันกับฉันเองว่าจะเข้าไปอยู่ก่อนแต่งงาน เราคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”

ธวัชพงษ์เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีผลประโยชน์บางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง...

เป็นอย่างที่นักข่าวหนุ่มพูดไว้ไม่มีผิด ชัยยงค์ใช้ความโลภและผลประโยชน์เป็นเหยื่อล่อเถาว์เครือให้ร่วมมือกับตนเอง เพื่อหาทางทำให้กรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นเปลี่ยนมือมาเป็นของโสมสุภางค์ให้ได้...

ตลับนาคเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย ให้เด็กคนงานเอาผลไม้ออกจากตะกร้า แล้วใส่เสื้อผ้าข้าวของจำเป็นของเธอลงไปแทนที่ จากนั้นก็ให้ขนไปใส่รถของเฉวียงที่จอดรออยู่นอกรั้ว

“ปิดประตูหน้าต่างฝนจะได้ไม่สาด สองสามวันก็เปิดเข้าไปกวาดฝุ่นแล้วถู ผลไม้ในสวนเก็บได้ก็ตามคนมาเก็บนะ มีอะไรก็โทร.ถึงฉัน” ตลับนาคสั่งการเสร็จ หันมาเห็นสีหน้าฉงนของเฉวียง ก็รีบบอก “ไม่ต้อง

แปลกใจหรอก ทีแรกฉันก็ว่าจะไปเยี่ยมหลาน แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น”

ooooooo

ทันทีที่เห็นรถของเถาว์เครือมาจอดหน้าประตูรั้ว บุญถิ่นวิ่งแซงสมควรกับจำเรียงรีบเปิดประตูให้

“เชิญค่ะคุณนายขา เข้าไปจอดหน้าตึกเลยค่ะ เดี๋ยว สมควรกับจำเรียงขนข้าวของของคุณนายกับคุณโสมสุภางค์ขึ้นไปไว้ข้างบนเลยนะ ห้องคุณนายอยู่ทางปีกซ้าย ส่วนห้องของคุณโสมสุภางค์ให้ใช้ห้องเก่าของเจ้าของบ้านเดิม” สั่งเสร็จ บุญถิ่นรีบวิ่งตามรถของเถาว์เครือ จำเรียงมองตามสีหน้าเป็นกังวล

“ลุง ก็ห้องนั้นเป็นห้องของคุณชิดชงค์ที่ยิงตัวตายนี่”

สมควรยังไม่ทันพูดอะไร เฉวียงเลี้ยวรถผ่านหน้า เข้าไปจอดใกล้กับรถของเถาว์เครือ ตลับนาคลงจากรถพร้อมกับตะกร้าใส่เสื้อผ้า เป็นจังหวะเดียวกับสองแม่ลูกลงจากรถเช่นกัน เถาว์เครือมองตะกร้าใส่ผ้า ก่อนจะถามว่านี่หมายความว่าอย่างไร ตลับนาคเชิดใส่

“ก็หมายความว่าฉันจะย้ายเข้ามาอยู่กับหลานสาวของฉันในบ้านหลังนี้ไง”

ชิดชบาลงมาจากตัวตึก โผกอดตลับนาคด้วยความดีใจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสองแม่ลูกมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย สองฝ่ายฮึ่มๆใส่กัน เฉวียงเห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามากั้นตรงกลาง เถาว์เครือไม่พอใจ ตลับนาคจะเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร เธอจะอยู่ในฐานะป้าซึ่งเป็นห่วงหลานสาว กลัวเสือ สิงห์ กระทิง แรดจะขย้ำ โสมสุภางค์เสียงเขียวทันที ไม่มีใครมีสิทธิ์อยู่ในบ้านหลังนี้

“แล้วใครล่ะที่มีสิทธิ์ บ้านหลังนี้ยังติดสัญญาทาส ไม่รู้จะตกเป็นของใคร ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตอนนี้ เร็วไปไหม” ตลับนาคลอยหน้าใส่โสมสุภางค์ซึ่งคุยอวดว่าตนกับปฐวีกำลังจะแต่งงานกัน และบ้านหลังนี้ก็จะเป็นเรือนหอของเรา ชิดชบาไม่มีสิทธิ์เอาใครมาอยู่ตามอำเภอใจ

“ถ้าคุณอ้างสิทธิ์ของการเป็นเจ้าสาว ฉันก็อ้างสิทธิ์ของการเป็นนางบำเรอได้...คุณป้าคะ หนูจะให้จำเรียงจัดห้องให้คุณป้า ห้องเก่าที่คุณป้าเคยอยู่”

บุญถิ่นเสนอหน้าทันที “ดิฉันจัดห้องไว้ให้คุณโสมสุภางค์กับคุณนายแล้วค่ะ”

“ทุกอย่างก็ลงตัวดีนี่ เจ้าสาวกับนางบำเรออยู่ในบ้านเดียวกัน พร้อมวงศาคณาญาติของทุกฝ่าย ฟังดูอบอุ่นดี” ตลับนาคแดกดัน ปฐวีเดินลงมาจากตึกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ยินดีต้อนรับ ผมเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ผมชอบคนเยอะๆ เชิญครับ ทุกคนจะอยู่ในบ้านหลังนี้ เราจะอยู่กันแบบครอบครัวสุขสันต์”

ooooooo

หม่อมจรัสเรืองกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่กับอุราศรีที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน ตอนที่อรุณณรงค์เดินออกมาด้วยสีหน้าร่าเริง หม่อมจรัสเรืองถามดักคอว่าจะไปไหนหรือ วันนี้ท่านชวนอุราศรีมากินข้าวด้วย

“นี่หม่อมแม่กำลังจะทำอะไรครับ” อรุณณรงค์เสียงเครียด

“แม่ก็ทำอย่างที่แม่ทุกคนต้องทำ เช้าวันหยุด

ชายเอี่ยวจะได้ไม่มีที่ไป แม่รู้นะว่าลูกกำลังจะไปไหน คุณหญิงอุราศรีคือคนที่เหมาะสมกับลูก ถ้าชายเอี่ยวไม่หยุดเรื่องชิดชบา แม่ก็จะไม่หยุด”

อรุณณรงค์เห็นสีหน้าเอาจริงของหม่อมแม่ ถึงกับอึ้ง...

ด้านชัยญาอดทึ่งไม่ได้ ที่พ่อของตนเองทำให้เถาว์เครือยอมร่วมมือในการสร้างความวุ่นวายให้ปฐวี เขาคุยอวดว่าแค่ใช้ความโลภของมนุษย์ให้เป็นประโยชน์และต้องขัดขวางไม่ให้ปฐวีสร้างบ่อนพนันกลางเมือง

“แกต้องไปสืบว่าใครหนุนหลังปฐวีอยู่ เราจะได้หา ทางเลื่อยขาเก้าอี้ของคนคนนั้น...ระริน เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น”...

ทางฝ่ายบุญถิ่นพาโสมสุภางค์มายังห้องนอนเก่าของชิดชงค์ โดยไม่ได้บอกว่าเจ้าของห้องยิงตัวตายในนี้ โสมสุภางค์พอใจที่ได้ห้องใหญ่ที่สุดในบ้าน แล้วถามว่าห้องของปฐวีอยู่ไหน บุญถิ่นอึกอักเพราะเขานอนห้องเดียวกับชิดชบา เถาว์เครืออ่านสีหน้าเธอออก สั่งให้ไปย้ายข้าวของของปฐวีมาไว้ในห้องนี้

“พอแต่งงานแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจัดอีก ยังไงลูกโสมสุภางค์ก็ต้องแต่งงานกับปฐวีอยู่แล้ว อย่างนั้นใช่ไหมลูก” เถาว์เครือสีหน้ามีความสุขเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากบ้านหลังนี้

ชิดชบายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ปฐวีจะไปจากห้องของตนเอง รีบโยนข้าวของเครื่องใช้ของเขาออกมานอกห้องให้บุญถิ่นขนไปไว้ยังห้องของโสมสุภางค์ แล้วปิดประตูใส่หน้า...

ในเวลาเดียวกัน ปฐวีนั่งรถที่สมควรขับมุ่งหน้าออกจากซอยบ้านเพื่อจะไปสนามบิน เฉวียงมายืนขวางกลางถนน สมควรรีบเบรกตัวโก่ง ต่อว่าว่าอยากตายหรืออย่างไร เขาเดินเข้ามาหาปฐวีสีหน้าโกรธเกรี้ยว

“ผมกำลังจะไปเชียงใหม่เรื่องพบผู้ใหญ่ เริ่มเรื่องของคุณก่อนที่ผมจะตกเครื่องบิน”

“คุณให้คุณโสมสุภางค์กับคุณนายเถาว์เครือเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกับคุณหนู นี่คุณกำลังทำอะไร ไอ้ที่คุณทำมันยังไม่พออีกหรือ คุณมันคนใจร้าย คนเลือดเย็น” เฉวียงชี้หน้าเอาเรื่อง

“มันเป็นแค่สงครามน่ะคุณเฉวียง สงครามทุกที่มันก็โหดร้ายทารุณอย่างนี้แหละ ไม่ได้มีคุณชิดชงค์คนเดียวที่ตายเพราะสงครามพนัน...ทุกวันนี้มนุษย์เกิดมาก็เพื่อจะช่วงชิง เพื่อจะเป็นผู้ชนะ ผมหรือชิดชบาหรือคุณเฉวียง เราต่างก็อยู่ในสงครามชีวิต...ไปได้แล้ว นายสมควร”

เฉวียงมองตามรถของปฐวีจนลับสายตาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ยังไม่ทันจะกลับขึ้นรถตัวเอง ชัยยงค์เข้ามาหาเสียก่อน โดยมีชัยญากับถกลตามมาคุ้มกัน เขายื่นข้อเสนอให้เฉวียงมาเป็นพวกเดียวกัน เพื่อหาทางโค่นปฐวีก่อนที่จะใหญ่ค้ำฟ้าจนทำอะไรไม่ได้ เฉวียงอยากรู้หากตนทำอย่างนั้นแล้วจะได้อะไร

“คุณจะได้เสรีภาพของชิดชบาคืนไปไง”

ooooooo

กว่าชิดชบาจะรับสาย เล่นเอาธวัชพงษ์ใจหาย ใจคว่ำด้วยความเป็นห่วง พอรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรก็โล่งใจ แต่ไม่วายเตือนให้เธอระวังตัวไว้ด้วย พวกนั้นคงไม่หยุดง่ายๆ

“ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากฉัน”

“มันต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณพ่อคุณแน่ ผมกำลังสืบเรื่องนายชัยยงค์กับคุณปฐวีอยู่ เพราะสงสัยว่าเขาจะสร้างบ่อนพนันใหญ่ ผลประโยชน์มหาศาลก็เลยต้องช่วงชิงกัน”

“ยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับคุณพ่อฉันทางไหน แค่นี้ก่อนนะธวัชพงษ์” ชิดชบาปิดมือถือ ตลับนาคอดถามไม่ได้ว่าใครโทร.มา มีเรื่องอะไรหรือเปล่า เธอเล่าให้ฟังว่าธวัชพงษ์ซึ่งเป็นนักข่าวโทร.มา เขากำลังสืบเรื่องปฐวีจะสร้างบ่อนพนัน เธอจะร่วมมือกับเขาสืบเรื่องนี้ เพราะอยากรู้ว่าทำไมพ่อต้องฆ่าตัวตาย

“บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่คุณพ่อรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะคะ คุณป้า”...

เถาว์เครือเดินกร่างไปทั่วทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ชี้นิ้วสั่งการให้บุญถิ่นเอาข้าวของมีค่าตั้งแต่สมัยชิดชงค์ยังอยู่ไปทิ้ง ไม่รู้จะเก็บไว้ให้นึกถึงความหลังทำไม ในเมื่อความหลังของคนบ้านนี้ไม่มีอะไรน่านึกถึง บุญถิ่นเชิญเธอตามสบาย อีกหน่อยที่นี่ต้องเป็นของโสม-สุภางค์อยู่แล้ว ตลับนาคซึ่งฟังอยู่ตลอดก็ทักท้วง

“ฉันว่าเก็บเอาไว้ก่อนเถอะ คนไม่มีความหลังให้นึกถึงน่ะ เหมือนคนไม่มีตัวตน แล้วเรื่องกรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้ มันยังไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร เกมมันยังไม่จบค่ะคุณเถาว์เครือ อย่าเพิ่งด่วนดีใจ ลูกสาวของคุณยังไม่ได้แต่งงานกับคุณปฐวีก็เป็นผู้อาศัยหลานสาวของฉัน...ฉันในฐานะญาติผู้ใหญ่ของชิดชบา ขอเตือนให้คุณเร่งจัดงานแต่งงานเร็วๆ เพราะว่า...” ตลับนาคพูดยังไม่ทันจบ โสมสุภางค์โวยวายลงมาจากชั้นบน

“วีล่ะคะคุณแม่ หนูเผลอหลับไปแค่งีบเดียว ตื่นขึ้นมาก็ไม่พบเขาแล้ว”

“ปฐวีไม่อยู่ เห็นว่าจะไปเชียงใหม่” เถาว์เครือตอบอย่างเสียไม่ได้ โสมสุภางค์ตัดพ้อ จะไปทั้งทีไม่บอกสักคำ หรือเขาจงใจจะหลบหน้าเธอ พอเราย้ายมาปุบปับไม่ได้บอกล่วงหน้าเขาก็เลยประชดด้วยการพานางบำเรอไปเชียงใหม่ ชิดชบาเดินลงมาจากบันไดได้ยินคำนินทาของโสมสุภางค์เลยแกล้งแหย่ ถึงปฐวีจะไม่ได้เอาตนไปเชียงใหม่ด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีคนอื่น เธอก็น่าจะรู้ว่าเขาใช้ผู้หญิงเปลืองโสมสุภางค์เต้นเป็นเจ้าเข้า เถาว์เครือต้องสั่งไม่ให้ไปฟังชิดชบาพูด ลูกก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร นังนั่นอยู่ในฐานะอะไร ระหว่างเมียกับนางบำเรอ ตนไม่เห็นผู้ชายคนไหนเลือกนางบำเรอสักคน

“มันก็ไม่แน่หรอกคุณเถาว์เครือ ถ้าเมียทำตัวเป็นเมียเจ้าปัญหา โดยเฉพาะเมียจำพวกญาติเยอะ เขาก็อาจจะหันไปหาผู้หญิงไร้ญาติขาดมิตร อยากได้แต่เงินล้วนๆอย่างหลานสาวของฉันไงจ๊ะ”

สองแม่ลูกเถียงไม่ทัน ได้แต่ร้องกรี๊ดๆราวกับเปรตขอส่วนบุญ บุญถิ่นทนฟังไม่ไหวรีบยกมือปิดหู

ooooooo

ระหว่างเดินชมสวนสวยในวังด้วยกัน อุราศรี สังเกตเห็นสีหน้าเศร้าหมองของอรุณณรงค์ เสนอให้หยุดแค่นี้ก็ได้หากเขาไม่สบายใจ เรื่องที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม เราอาจปฏิเสธได้ถ้าเขารักชิดชบา อรุณณรงค์ รู้แก่ใจดีว่าเรื่องนั้นไม่มีวันเป็นไปได้ ขอเวลาให้เขาทำใจ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปตอนนี้ เธอคือคนที่ดีที่สุดสำหรับเขา

“คนที่ดีที่สุด อาจจะไม่ใช่คนที่รักที่สุด ฉันไม่ได้รังเกียจชิดชบา แต่ฐานะนางบำเรอที่ชิดชบาเป็นอยู่ คุณจะแบกรับไหวหรือ คุณต้องแบกรับไปตลอดชีวิตของคุณนะ”

“ผมก็ไม่รู้ว่ารักของผมยิ่งใหญ่แค่ไหน มันจะมากพอที่จะลบความรักที่ผมมีต่อตัวเองไหม”

“ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่กับเกียรติของคุณด้วย”

คำพูดของอุราศรีทำให้อรุณณรงค์อดปวดร้าวใจไม่ได้...

บุญถิ่นไม่พอใจมากที่ตลับนาคมาก้าวก่ายงานในครัว โดยให้จำเรียงมาดูในตู้เย็นว่ามีของสดอะไรบ้างจะได้คิดเมนูสำหรับมื้อค่ำ เธอด่าฝากไปกับจำเรียง ถือดีอย่างไรถึงมาสั่งโน่นสั่งนี่ทั้งที่เป็นแค่คนอาศัย แม้เมื่อ ก่อนตอนเจ้าของบ้านคนเก่ายังอยู่ ตลับนาคจะเคยทำหน้าที่ดูแลที่นี่ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พอโสมสุภางค์แต่งงานกับปฐวี ก็ต้องเฉดหัวนางบำเรอออกไปนอนข้างถนน ตลับนาคเดินเข้ามาพอดี

“แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครแต่งงานกับใคร จำเรียง...ว่าไง มีอะไรเหลือบ้าง จะได้ทำขึ้นโต๊ะเป็นมื้อค่ำ มีผักหรือ งั้นแกงจืดผักรวมก็แล้วกัน มื้อค่ำนี้ฉันจัดการเอง”

“ฮึ...จะฟ้องคุณนายว่ามายึดอำนาจในครัว” พูดจบ บุญถิ่นเดินเชิดออกไป...

อีกมุมหนึ่งของบ้าน ชิดชบาเข้าไปในห้องงานปั้น พึมพำเบาๆด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า

“หนูรู้ค่ะว่าสงครามกำลังจะเกิด เขาเหวี่ยงระเบิดแล้วหายไป หนูไม่ยอมแขนขาดขาขาดคนเดียวหรอกค่ะพ่อ เขาด้วย เขาต้องรับผลกรรมที่ทำไว้กับหนู กับพ่อ”...

ขณะที่ชิดชบาหมายหัวจะเอาคืนปฐวีให้สาสม ถกลเปิดคลิปให้ชัยยงค์กับชัยญาและระรินดู เป็นคลิปที่ปฐวีกำลังคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เห็นเพียงด้านหลังเกี่ยวกับโครงการใหญ่ที่ตัวเองกำลังจะสร้าง และขอให้ท่านผู้นั้นให้การสนับสนุน

“ผมไม่ขัดข้อง เรามาร่วมมือกันทำแผนนี้ให้เสร็จเร็วๆ ประโยชน์จะได้ถูกแบ่งปันอย่างที่คุณว่า”

ปฐวียกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ท่านนั้นที่ให้การสนับสนุน ชัยญาสั่งให้ถกลปิดคลิป แล้วหันไปบอกพ่อว่าปฐวีมีนัดกับผู้ใหญ่ที่เชียงใหม่อย่างที่คาดไว้ คลิปนี้คนของเขาดึงมาจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมแห่งหนึ่ง

“ปฐวีมีคนหนุนอยู่ข้างหลังจริงๆ เป็นไปอย่างที่เราคิด มันขอการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ต้องเป็นเรื่องสร้างบ่อนพนันแน่ เราต้องหาทางหยุดมัน” พูดจบชัยยงค์ผุดลุกขึ้นด้วยความโมโห เดินไปหยุดที่ผนังกระจกโปร่งแสงซึ่งมองเห็นระเบียงตึกสูงภายนอก โดยไม่รู้ว่าธวัชพงษ์ ใช้กล้องถ่ายรูปซูมภาพผ่านกระจกบานนั้นเข้ามา

“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกคุณชัยยงค์ที่จะหยุดคุณปฐวี ผมด้วย”...

ฝ่ายหม่อมจรัสเรืองไม่พอใจมากเมื่อเห็นอรุณณรงค์ พยายามโทร.หาชิดชบา เขาแก้ตัวว่าโทร.เพราะเป็นห่วง ท่านไม่เห็นจะต้องมีอะไรให้ห่วง ตอนนี้ชีวิตของเธอคงจะอบอุ่นไปด้วยญาติ เพราะโสมสุภางค์กับเถาว์เครือย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว อรุณณรงค์ถึงกับร้องเอะอะ ทำอย่างนั้นทำไม ถึงโสมสุภางค์จะแต่งงานกับปฐวี ก็ไม่ควรก้าวก่ายชิดชบา หม่อมจรัสเรืองเห็นเขาเจ็บร้อนแทนชิดชบาก็เท่ากับว่ายังตัดใจจากแม่นี่ไม่ได้ อรุณณรงค์อ้างว่าเจ็บร้อนแทนในฐานะเพื่อนเท่านั้น

“คน ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเป็นเพื่อนกันทุกคน ยกเว้นผู้หญิงคนนี้สักคนหนึ่งไม่ได้หรือ เห็นแก่แม่ หรืออะไรก็ได้ เป็นต้นว่าเห็นแก่อนาคตการเป็นนักการทูตของตัวเอง”

ไม่ว่าหม่อมจรัสเรืองจะยกเรื่องไม่ดีอะไรเกี่ยวกับชิดชบาขึ้นมาพูด อรุณณรงค์จะคอยแก้ต่างให้ตลอด ทำให้ท่านขุ่นเคืองมาก คิดหาทางเขี่ยเธอไปให้พ้นจากชีวิตของลูกชายตัวเอง

ooooooo

โสมสุภางค์ถึงกับโล่งอกเมื่อเถาว์เครือโทร.ไปถามที่ทำงานของปฐวีให้แล้วว่าเขาไปเชียงใหม่จริง มีนัดกับผู้ใหญ่ที่นั่นและที่สำคัญเขาไปคนเดียว เลขาฯของเขาไม่ได้ไปด้วย

“ค่อยยังชั่วค่ะ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้หลบหน้า แล้วนี่นังชิดชบามันหายไปไหนคะ”

คนที่โสมสุภางค์ถามถึงกำลังนอนลอยตัวอยู่ในสระว่ายน้ำหลังบ้าน ด้วยความแค้นใจที่เธอยุแยงตะแคงรั่วว่าปฐวีพาผู้หญิงอื่นไปเชียงใหม่ด้วย โสมสุภางค์ตามมาพูดจาดูหมิ่นดูแคลนเพื่อเอาคืน แต่เธอกลับไม่สะทก-สะท้าน แถมเตือนโสมสุภางค์ให้ใช้สติกรองใจตัวเองให้อยู่ เดี๋ยวจะเลวตามปฐวีไปด้วย แล้วเดินหนีเข้าข้างใน โสมสุภางค์กำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ไว้

“แก...นังชิดชบา อวดดียังไงมาว่าปฐวีของฉันเป็นคนเลว”...

ทางด้านธวัชพงษ์นำคลิปที่ใช้กล้องถ่ายภาพเลนส์พิเศษซูมได้จากบ้านของชัยยงค์มาเปิดให้แพรวาดู เนื่องจากแอบถ่ายมาอีกทอดหนึ่งจึงมีแต่ภาพไม่มีเสียง แล้วสรุปเอาเองว่าปฐวีกำลังจะสร้างบ่อนพนัน มีผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง แพรวาอดสงสัยไม่ได้ ธวัชพงษ์แน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะทำอย่างนั้น

“คลิปนี้เป็นหลักฐาน เชื่อเถอะ ท่าทางเขามันบอก เขามีคนหนุนหลัง เขาไม่ใช่คนดี เขากำลังมอมเมาคนในชาติให้ตกเป็นเหยื่อผีพนัน”

“แต่ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น”...

ขณะที่ธวัชพงษ์กับแพรวามีความคิดที่แตกแยก ชัยยงค์สั่งให้ชัยยาจับตาดูปฐวีไว้อย่าให้คลาดสายตา ส่วนตนเองจะไปปรึกษาเรื่องบ่อนพนันกับผู้หลักผู้ใหญ่ ชัยญารอจนรถของพ่อลับสายตา หันมองระริน

“เป็นหน้าที่ของเธอ ฉันให้โอกาสเธอแก้ตัว ฉันต้องรู้ว่าปฐวีอยู่ที่ไหน ทำอะไร”...

ทันทีที่ปฐวีกลับถึงบ้าน รีบตรงไปหาชิดชบาที่อยู่ในห้องงานปั้น เธอละสายตาจากงานตรงหน้า มองเขาเย็นชา ก่อนจะทำงานของตัวเองต่อไป เขาไม่พอใจที่เธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน แล้วด่าว่าเธอต่างๆนานา ชิดชบาไม่ยอมให้ถูกเล่นงานฝ่ายเดียว ด่าคืนบ้าง ปฐวีโกรธจัดกระชากเธอมาจูบ จังหวะนั้นโสมสุภางค์เปิดประตูผลัวะเข้ามา เห็นภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า หันหลังวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ปฐวีรีบวิ่งตามจนทันกันที่ห้องโถงด้านล่าง

“คุณต้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณไม่ควรย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่เมื่อคุณย้ายเข้ามาแล้ว คุณก็ต้องรับ อะไรๆของผมกับนางบำเรอ”

โสมสุภางค์ตัดพ้อ ตกลงนี่เป็นความผิดของเธอใช่ไหมที่ยังทำใจเรื่องชิดชบาไม่ได้ ปฐวีนึกว่าเราสองคนคุยกันเข้าใจแล้วเสียอีก เมื่อเธอแต่งงานกับเขา เธอจะเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมาย ยังต้องการอะไรมากกว่านี้อีก ถ้าเธอรักเขา ไม่ต้องตัดแขนตัดขาเขาให้ยุ่งยาก แค่รับให้ได้ว่าเขาเป็นอย่างไรก็พอ โสมสุภางค์รับปากจะอดทนเพื่อเราสองคน แล้วเอนศีรษะซบไหล่ปฐวี ชิดชบา มองลงมาเห็นภาพทั้งคู่ แววตาหม่นหมองลงทันที

ooooooo

เพื่อตัดปัญหาเรื่องชิดชบา หม่อมจรัสเรืองจึงขอให้อุราศรีรับหมั้นอรุณณรงค์ไว้ก่อน ส่วนเรื่องงานแต่ง รับรองจะต้องให้สมเกียรติคุณหญิงของเธอ อุราศรีทักท้วงจะไม่เร็วไปหรือ อรุณณรงค์อาจยังไม่พร้อม

“ชายเอี่ยวอายุสมควรจะแต่งงาน เรื่องพร้อมหรือไม่น่ะ หนูไม่ต้องห่วง ป้าอยากให้เขาแต่งงานก่อนที่จะไปรับตำแหน่งใหม่ ป้าแก่แล้วจะไปจะอยู่ก็ยังไม่รู้เลย”

อุราศรีไม่คิดว่าเหตุผลแค่นี้จะทำให้อรุณณรงค์เข้าใจ และที่สำคัญเธอไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์ที่จะบันดาลหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าเขาไม่ร่วมมือด้วย หม่อมจรัสเรืองอาสาจะจัดการเรื่องชิดชบาให้เอง...

เถาว์เครือเห็นตลับนาคได้รับคำชมจากปฐวีที่ทำอาหารเช้าอร่อยถูกปาก แขวะว่าแค่อาหารพื้นๆ ลูกสาวของเธอก็ทำได้เช่นกัน ปฐวีขี้เกียจฟังเธอคุยอวด รีบตัดบทขอตัวไปทำงาน มีประชุมแต่เช้า โสมสุภางค์ จะชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันหลังเลิกงาน แล้วเลยไปเต้นรำ ปฐวีเหลือบมองไปยังชิดชบาที่นั่งก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น ก่อนจะบอกโสมสุภางค์ ว่าวันนี้เขาเลิกงานดึก

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะไปนั่งเฝ้าคุณ ไปค่ะวี ฉันจะเดินไปส่งคุณที่รถค่ะ” โสมสุภางค์คล้องแขนเดินคลอไปกับปฐวี เถาว์เครือค้อนตลับนาคหนึ่งวง ก่อนจะลุกออกไป ตลับนาคเป็นห่วงความรู้สึกของหลานสาว ยังไม่ทันจะปลอบใจ เธอชิงพูดขึ้นเสียก่อน ให้ท่านนึกเสียว่าที่เห็นเมื่อครู่เป็นการแสดง และทำใจให้ชินกับมัน...

สายวันเดียวกัน หม่อมจรัสเรืองบุกมาหาชิดชบาถึงบ้าน ขอร้องเธอในฐานะของคนเป็นแม่ที่ต้องเห็นแก่อนาคตของลูกให้ชิดชบาปล่อยอรุณณรงค์ไป เธออธิบายว่าคงเป็นการเข้าใจผิด เธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น และที่สำคัญเธอไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้

“ก็ดี หวังว่าฉันคงไม่เชื่อคนผิดนะ ฉันจะจัดการให้ชายเอี่ยวแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ฉันดีใจที่เราพูดกันรู้เรื่อง...สักวันหนึ่ง เธอจะต้องเป็นแม่ แล้วเธอจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างฉัน” ว่าแล้ว หม่อมจรัสเรืองก็ลุกออกไป ชิดชบามองตาม ก่อนจะเอามือแตะท้องน้อยของตัวเอง มัวแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของหม่อมจรัสเรือง ไม่ทันสังเกตเห็นเถาว์เครือแอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ได้ยินทุกอย่างที่ทั้งคู่คุยกัน

ooooooo

ชัยยงค์ ชัยญาและถกลมาหาเฉวียงที่สำนักงานทนายความเพื่อฟังคำตอบว่าเขาจะร่วมมือด้วยหรือไม่ แล้วคุยอวดว่าหากเขายอมร่วมมือกับพวกตน จะสบายไปทั้งชาติ เฉวียงขอผ่าน เรื่องเงินเขาเองก็ชอบ แต่ไม่รู้ว่าได้มาแล้วจะได้อยู่ใช้หรือเปล่า เพราะเคยเห็นคนทรยศคดโกงจนมีเงินมากมาย แต่กลับไม่มีโอกาสใช้

“คุณรู้ไหมว่าคนพวกนั้นไปไหน”

“ไปไหนวะ” ชัยญาโพล่งขึ้นอย่างเหลืออดชัยยงค์ต้องปรามลูกไว้

“ไม่ตายก็ติดคุก” เฉวียงเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน จ้องชัยยงค์อย่างท้าทาย...

ด้านอรุณณรงค์รู้เรื่องที่หม่อมแม่ไปหาชิดชบาจากอุราศรี พอท่านกลับถึงวัง ปรี่เข้าไปหาอย่างร้อนใจ หม่อมจรัสเรืองบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขว่า ท่านจบเรื่องของเขากับชิดชบาไปแล้ว

“ต่อไปนี้ชิดชบาจะไม่เข้ามายุ่งในชีวิตของลูกอีก หน้าที่ของชายเอี่ยวจากนี้ไป คือเตรียมตัวแต่งงาน”...

ชัยญาพยายามข่มความโกรธเดินออกมากับชัยยงค์ พอถึงหน้าสำนักงานทนายความก็หมดความอดกลั้น ชักปืนขึ้นมาจะกลับเข้าไปเอาเรื่องเฉวียงที่กล้ายอกย้อนพ่อของตนเอง ชัยยงค์ต้องปรามให้ใจเย็นๆ ขืนเขาเป็นอะไรไปตอนนี้เราเดือดร้อนแน่ แต่ที่สำคัญ เรายังใช้ประโยชน์จากเขาได้

“ผมไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงได้โง่อย่างนี้ คุณชิดชงค์ ตายไปแล้ว ชิดชบาจะมีปัญญาจ้างทนายส่วนตัวหรือ ตัวเองยังถูกเลี้ยงเหมือนนก” ชัยญาเข่นเขี้ยว ชัยยงค์ยังมีแผนสำรอง แม้เฉวียงจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม...

ระหว่างที่ชัยยงค์วางแผนจะฮุบบ้านที่ปฐวียึดได้จากชิดชงค์มาเป็นของตัว เถาว์เครือกับโสมสุภางค์วางแผนจะทำให้สัญญาระหว่างชิดชบาและปฐวีจบเร็วขึ้น โดยจะทำให้เธอเป็นชู้กับอรุณณรงค์ นั่นเท่ากับเธอทำผิดสัญญา และบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของปฐวี จากนั้นค่อยยักย้ายมาให้โสมสุภางค์หลังแต่งงานกับเขา...

ค่ำวันเดียวกัน อรุณณรงค์ไปดักรอชิดชบาที่ฟิตเนส แล้วชวนไปกินดินเนอร์ที่ร้านอาหารในโรงแรมหรูกลางกรุง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เธออยากให้เขาทำตามที่หม่อมแม่ของเขาต้องการ เขามีอนาคตอีกไกล ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอย่างเธอ ให้บังเอิญเหลือเกินที่ปฐวีพาโสมสุภางค์มาที่นี่เช่นกัน ต่างมองทั้งคู่ตาเขม็ง โสมสุภางค์สบช่องใส่ไฟชิดชบาทันที

“ตอนนี้ฉันเชื่อจริงๆแล้วว่าคุณชายอรุณณรงค์ไม่ได้วิเศษอย่างที่ใครๆมอง”

ปฐวีไม่อยากเห็นภาพบาดตาชวนโสมสุภางค์ไปกินอาหารที่อื่น เธอแขวะถึงกับกินไม่ลงเลยหรือ ปลงเสียบ้างเถอะ ถึงอย่างไรชิดชบาก็ไม่ใช่ของตายสำหรับเขาเพราะยังดิ้นได้ ปฐวีไม่ชอบให้ถูกหยาม ลากแขนเธอเข้าไปทักทาย อรุณณรงค์ทักตอบอย่างเก้อๆ เนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะเจอ ขณะที่ชิดชบาเชิดหน้าไม่สนใจ

“ผมคงรบกวนคุณ ขอให้อร่อยนะครับ” พูดจบปฐวีเดินจากไปกับโสมสุภางค์ด้วยท่าทีเริงร่า อรุณณรงค์เห็นกิริยาเงียบๆของชิดชบาแล้วอดสงสารไม่ได้

ooooooo

เมื่อได้ข้อมูลของชิดชงค์มาพอสมควร ธวัชพงษ์นัดแพรวาออกมาเจอกันที่ร้านบะหมี่ข้างถนน แล้วเล่าประวัติคร่าวๆของชิดชงค์ให้ฟังว่าเมื่อก่อนเขาเริ่มต้นจากเข้าหุ้นกับเพื่อนซื้อข้าวเปลือกส่งโรงสี ต่อมาพอเพื่อนเขาตาย เขาก็เลยได้โควตาค้าข้าวทั้งหมด

จากนั้นชิดชงค์ก็เอาเงินที่ได้ไปต่อยอดธุรกิจอื่น มีธุรกิจค้าเหล็ก แล้วก็ผูกขาดตลาดสินค้าเกษตรส่งออก

“เพื่อนที่เคยเป็นหุ้นส่วน คนที่ทำโรงสีกับคุณชิดชงค์ นามสกุลเดียวกับปฐวี”

แพรวากำลังจะคีบบะหมี่เข้าปาก ถึงกับชะงัก...

ดึกมากแล้วกว่าอรุณณรงค์จะขับรถมาส่งชิดชบา ตลับนาคซึ่งรออย่างร้อนใจ ปราดเข้ามาต่อว่าหลานสาวตัวเอง ทำไมเพิ่งกลับ จะโทร.บอกสักคำก็ไม่มี ปฐวีกลับมารอเธอนานแล้ว พอรู้ว่าหลานสาวไปกินข้าวกับอรุณณรงค์มา ตลับนาคถึงบางอ้อทันที ทำไมปฐวีถึงได้หน้าบูดขนาดนั้น เถาว์เครือตามเข้ามาเย้ยหยันว่าปฐวีคงไม่มีเวลามาสนใจนางบำเรอของตัวเองจะไปไหนกับใครและคงไม่มีใครถือสาด้วย

“แต่ฉันถือ ยังไงหลานสาวของฉันก็ยังเป็น...เอ้อ เป็นสมบัติของคุณปฐวีอยู่ ควรจะให้เกียรติคนที่เป็นเจ้าของ ชิดชบา...ถึงเราจะต้องอยู่ท่ามกลางคนไม่มีเกียรติ ก็ต้องรักษาเกียรติไว้ อย่างน้อยเราก็เป็นผู้หญิง”

ชิดชบาขอบคุณตลับนาคสำหรับคำสั่งสอน ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เถาว์เครือปากเสีย แนะให้เธอสอนหลานให้เป็นตุ๊กแก ใกล้อะไรต้องเกาะเอาไว้ก่อน เผื่อจะมีโอกาสที่ดีกว่า เธอย้อนอย่างเจ็บแสบว่าเถาว์เครือควรไปสอนลูกตัวเองให้เกาะปฐวีไว้แน่นๆ เพราะเหลือโอกาสเดียวแล้ว แต่ชิดชบายังมีทางเลือกมากกว่า

“ขอให้ทางเลือกของนังชิดชบาเป็นทางไปนรก” เถาว์เครือแช่งไล่หลังตลับนาคที่เดินขึ้นตึก...

ฝ่ายปฐวีดักรอชิดชบาอยู่หน้าห้องของเธอ ทันทีที่เจอหน้าถามคาดคั้นว่าหายไปไหนมา แค่กินข้าวทำไมใช้เวลานานนัก เธอเหนื่อยเกินกว่าจะทะเลาะด้วยเดินหนีเข้าห้อง เขาตามมากระชากแขนเธอไว้ ด้วยความหึงหวงทำให้ปฐวีพาลด่าไปถึงอรุณณรงค์ว่าทำตัวเป็นแมวที่คอยจะงาบปลาย่างของคนอื่น

“เขาคงคิดสินะว่าแต่งงานแล้วผมจะปล่อยคุณไปบอกเขาว่าเขาคิดผิด”

“เขาไม่ใช่แมว แล้วคุณก็ไม่ใช่เสือ ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องดังๆว่า...” แล้วแกล้งร้องครวญครางน้ำเสียงเซ็กซี่ “ร้องให้ถึงหูของว่าที่เจ้าสาวคุณว่าคุณกำลังทำอะไร” คำขู่ของเธอได้ผล ปฐวีผลุนผลันออกจากห้องทันที

ooooooo

ธวัชพงษ์ยังคงตามติดเรื่องราวในอดีตของปฐวี ชวนแพรวาบุกไปถึงสถานที่ที่เคยเป็นโรงสีเก่าของเพื่อนของชิดชงค์ ซึ่งเขาเชื่อว่าเพื่อนคนนั้นเป็นพ่อของปฐวี แต่ตอนนี้กลายเป็นท่าข้าวไปแล้ว มีเรือบรรทุกข้าวจอดที่ท่าเรือเต็มไปหมด ธวัชพงษ์จะลองสอบถามคนแถวนี้ดูว่าจำเรื่องราวเก่าๆของที่นี่ได้บ้างไหม

“ยี่สิบปีมาแล้ว ใครจะจำได้ แล้วถึงจะมีคนจำได้ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับคุณปฐวี”

“คุณยังจำฝันร้ายของเขาได้ไหม คุณเคยบอกว่าคนที่มีฝันร้ายติดตัวต้องเป็นคนมีภูมิหลังมาแต่วัยเด็ก”

“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีวัยเด็กยังไง”

นักข่าวหนุ่มลองสอบถามคนแถวนั้นดู แต่ไม่มีใครรู้อะไร เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นมานานมากแล้วชาวบ้าน คนหนึ่งแนะให้ลองไปสอบถามเจ้าอาวาสวัดซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ เพราะท่านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่หนุ่มๆ แม้ท่านจะให้รายละเอียดได้ไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าพ่อของปฐวีซึ่งเป็นเจ้าของโรงสีแห่งนั้น ผูกคอตายเพราะโดนเพื่อนโกงหมดตัว ไม่ นานหลังจากนั้น แม่ของเขาก็ตายตามเพราะตรอมใจ

“ปฐวีต้องอยู่วัด เรียนหนังสือกับพระ เขาเป็นคนหัวดีมีมานะ กินข้าวก้นบาตรอยู่ไม่กี่ปีก็ไปกรุงเทพฯ โยมเห็นเด็กๆพวกนั้นไหม เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ทิ้งบ้างก็พ่อแม่ตาย บ้างก็หายสาบสูญ ปฐวีเขาดูแลเด็กพวกนี้ เขาส่งเงินส่งเสื้อผ้า ส่งอาหารมาให้ทุกเดือน เขาให้พระเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ จนกว่าเขาจะมีทางขยับขยาย”

“แล้วคุณปฐวีเคยมาที่นี่ไหมคะ”

“เขาไม่เคยมา แต่ความช่วยเหลือของเขาก็มาถึงเด็กๆ เด็กมีที่อยู่ที่กินที่ปลอดภัย มีโรงเรียนประชาบาลใกล้ๆนี่ สังคมมันต้องร่วมมือช่วยเหลือกันยังงี้แหละโยม สังคมถึงจะอยู่ได้”...

ขณะที่แพรวาและธวัชพงษ์ตามไปขุดคุ้ยประวัติสมัยเด็กๆของปฐวี อุราศรีแวะมาดูชุดแต่งงานที่ร้านเสื้อแห่งเดียวกับที่โสมสุภางค์มาตัดชุดแต่งงาน ได้ยินพนักงานในร้านแอบนินทาเธอกันอย่างสนุกปาก แถมเม้าท์ไปถึงชิดชบาอีกด้วย เธอฟังแล้วอดสงสารชิดชบาไม่ได้...

ทางด้านเถาว์เครือพยายามยุยงให้ชิดชบาหันไปเลือกอรุณณรงค์แทนที่จะมายุ่งเกี่ยวกับปฐวีที่กำลังจะแต่งงาน และยังชี้ให้เห็นว่าเขามีดีเหนือปฐวีทั้งด้านการงาน ทั้งเกียรติยศในสังคม อีกทั้งเทือกเถาเหล่ากอของอรุณ–ณรงค์ก็มีที่มาที่ไป ไม่เหมือนอีกฝ่ายหนึ่ง ที่จนป่านนี้แล้วยังไม่มีใครรู้เลยว่าเขามาจากไหน...

เสร็จจากคุยกับท่านเจ้าอาวาส ธวัชพงษ์พาแพรวาไปแวะที่ว่าการอำเภอเพื่อดูทะเบียนราษฎร์บ้านเก่าของปฐวี มีชื่อเขา ชื่อพ่อกับแม่ของเขาตรงตามที่ท่านเจ้าอาวาส บอก แพรวาไม่เข้าใจ ทำไมต้องขุดคุ้ยประวัติปฐวีละเอียดขนาดนี้ ธวัชพงษ์อยากรู้ว่าชิดชงค์ฆ่าตัวตายเพราะอะไร ส่วนเธอก็อยากรู้ไม่ใช่หรือว่าปฐวีฝันร้ายเพราะอะไร ชิดชบาเองก็มีสิทธิ์จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเธอกันแน่ และที่สำคัญเราต้องหยุดปฐวีเรื่องสร้างบ่อนพนันกลางกรุงเทพฯให้ได้ แพรวาชักไม่แน่ใจเรื่องนี้ แนะให้เขาลองพิจารณาใหม่อีกครั้ง

“ถ้าคุณปฐวีเขาดูแลเด็กกำพร้านับร้อยๆคนได้ เขาก็คงจะ...”

“มนุษย์มีสองด้าน ดำกับขาว คนเดี๋ยวนี้มีความชั่วความดีปนอยู่ในตัวคนเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเราจะมี นักการเมืองสองหน้าหรือ”

ooooooo

สองพ่อลูกชัยยงค์และชัยญาสะกดรอยตามปฐวี ไม่ให้คลาดสายตา เห็นเขาออกมาส่งผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลคนนั้นหลังจากเสร็จธุระ ชัยญาคาดการณ์ว่าปฐวีคงกำลังเร่งเรื่องอนุมัติสร้างบ่อนพนันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

“ใช่ เราต้องหาทางเอาเอกสารที่ผู้ใหญ่ท่านเซ็นอนุมัติออกมาแฉ ไม่อย่างนั้นเราจะหยุดปฐวีไม่ได้”

“ผมจะให้ระรินจัดการครับพ่อ”

แค่ชัยญาโทร.กริ๊งเดียว ระรินก็จัดการเขี่ยเลขาฯหน้าห้องของปฐวีพ้นทางโดยเอายาถ่ายผสมน้ำให้กิน พอเธอวิ่งเข้าห้องน้ำ ระรินย่องเข้าไปในห้องทำงานของปฐวี ค้นหาเอกสารที่ชัยญาต้องการ แต่ไม่พบ...

ขณะชิดชบากำลังเดินดูดอกไม้สวยอยู่ที่หน้าตึกใหญ่ พอเห็นปฐวีขับรถเข้ามาจอด จัดแจงจะเดินหนี เขาร้องเรียกให้หยุดก่อน ทำไมพักนี้เธอต้องคอยหลบหน้าเขาด้วย เธอปฏิเสธว่าไม่ได้หลบ

“ผมได้ข่าวว่าคุณชายอรุณณรงค์จะแต่งงาน หม่อมจรัสเรืองเป็นคนออกข่าวเอง คงไม่ใช่ข่าวเท็จ”

ชิดชบาพยักหน้ารับรู้อย่างแกน ปฐวีแปลกใจที่เธอไม่รู้สึกรู้สมอะไรด้วย เธอดักคอว่าเขาคงผิดหวังใช่ไหมที่เธอรู้เรื่องนี้แล้วไม่ได้ลงไปนอนดิ้นพราดๆสิ้นใจตายตรงหน้า แล้วเดินหน้าเชิดคอตั้งเข้าตัวตึก สวนกับโสมสุภางค์ที่เห็นหน้าบอกบุญไม่รับของอีกฝ่าย ถึงกับออกปากว่าเขาทะเลาะอะไรกับแม่นั่นหรือ ปฐวีปฏิเสธว่าไม่มีอะไร เธอชวนเขาเข้าบ้าน แล้วคุยว่าเริ่มจะชินกับการที่มีชิดชบาอยู่ร่วมบ้านด้วย

“เราควรจะมีความสุขให้ชิดชบาเห็น เพราะสถานะของเธอขึ้นอยู่กับใครเป็นผู้ผิดสัญญา”...

ในขณะที่โสมสุภางค์พยายามเล่นสงครามประสาทกับชิดชบา เถาว์เครือแวะไปดูจี้เพชรที่ร้านขายเพชรเผื่อจะให้ลูกสาวใส่ในวันแต่งงาน เจอชัยยงค์เข้ามาทักทาย พร้อมกับเสนอตัวจะซื้อจี้เพชรชิ้นนี้ให้ แทนที่เถาว์เครือจะปฏิเสธ กลับรับมาเป็นของตัวหน้าตาเฉย โสมสุภางค์รู้เข้าก็ต่อว่าว่าไปรับของเขามาทำไม ใครจะให้อะไรใครครั้งละหลายแสนบาทได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ต้องการผลประโยชน์ตอบแทน

“ก็ช่างเขาปะไรล่ะ เขามีสิทธิ์ที่จะต้องการอะไรๆที่เป็นผลประโยชน์ แต่เราจะให้หรือเปล่า ตั้งแต่แม่เกิดมา แม่ไม่เคยเสียรู้ใครเลยนะ เพราะแม่รักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น” เถาว์เครือเชิดหน้าอย่างทะนงตน...

แม้จะได้ฤกษ์แต่งงานของอรุณณรงค์กับอุราศรีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันใจหม่อมจรัสเรือง อยากจะให้เร็วกว่างานแต่งของปฐวีกับโสมสุภางค์เสียด้วยซ้ำ เพราะเกรงอรุณณรงค์จะเปลี่ยนใจ...

ชัยญากลัวว่าแผนอ่อยเหยื่อซื้อเพชรให้เถาว์เครือของพ่อจะไม่ได้ผลเพราะเถาว์เครือขึ้นชื่อว่าเค็มขนาดทะเลยังเรียกป้า นี่ถ้าปฐวีไม่ร่ำรวย คงไม่ยอมยกลูกสาวให้ แต่งงานกับผู้ชายที่มีนางบำเรอแน่นอน ชัยยงค์ต้องเอาเถาว์เครือมาเป็นพวกให้ได้เพราะถ้าบ้านหลังนั้นหลุดมือจากชิดชบาก็ต้องตกเป็นของโสมสุภางค์

“พ่อ คุณนายเถาว์เครือรู้แล้วว่าบ้านหลังนั้นมูลค่าเพิ่มมหาศาล แกจะไม่ฮุบไว้คนเดียวหรือ”

“ฉันจะเป็นหุ้นส่วนชีวิตของคุณนายเถาว์เครือ” คิดได้ดังนั้น ชัยยงค์ไม่รอช้า ส่งดอกไม้ช่อสวยไปกำนัลเถาว์เครือถึงบ้าน ทีแรกเธอคิดว่าอรุณณรงค์ส่งให้ชิดชบา แต่พออ่านการ์ดที่แนบมากับช่อดอกไม้ว่ามอบให้เธอเองจากชัยยงค์ ก็ฉีกยิ้มกว้าง หอบช่อดอกไม้เข้าตัวตึกทันที ชิดชบามองตามสีหน้าครุ่นคิดสงสัย...

ระหว่างทางกลับบ้าน อุราศรีเห็นสีหน้าหม่นหมองของอรุณณรงค์แล้วพอจะเดาใจออก เสนอให้ยกเลิกการแต่งงานไปก่อน เราแค่เพิ่งจะได้ฤกษ์มายังไม่มีใครรู้ เขาขอเวลาสักพักให้พร้อมกว่านี้ แต่เราจะไม่ยกเลิกงานแต่ง เธอไม่เร่งรัด เขาต้องการเวลานานแค่ไหนก็ได้ เพราะถ้าใจเขาไม่พร้อม แต่งงานไปก็เท่านั้น

“ผมขอบคุณที่คุณเห็นแก่หม่อมแม่ เห็นแก่อนาคตของผม สักวันหนึ่งผมจะเห็นแก่คุณ เห็นแก่ความเสียสละที่คุณมีให้ผม คุณหญิงอุราศรี” อรุณณรงค์ยิ้มเศร้า เธอแตะมือเขาอย่างปลอบโยน ก่อนจะลงจากรถ

ooooooo

เลขาฯของปฐวีเข้ามาเห็นยุวดีกับระรินนั่งแต่งหน้า แข่งสวยกันก็แว้ดใส่ เวลาทำงานไม่ใช่เวลาแต่งหน้า ถ้าอยากจะสวยเชิญสวยมาจากบ้านให้เสร็จแล้วสั่งงานให้สองสาวไปทำ ตั้งแต่งานเดินเอกสารไปจนถึงตามบริษัทกำจัดขยะมูลฝอยมาดูดส้วมพนักงาน อยู่ๆท้อง เจ้ากรรมทำพิษเลขาฯอีกครั้ง

“อุ๊ย...เอ่อ...ทำตามที่ฉันสั่งนะ ฉันต้องกลับไปทำธุระที่บ้านด่วน ถ้าคุณปฐวีถามหาล่ะก็บอกว่าลาป่วยย่ะ” เลขาฯพูดจบคว้ากระเป๋าถือเดินขนลุกซู่ออกไป ยุวดีชักเอะใจ ระรินทำอะไรเลขาฯกันแน่...

เถาว์เครือบ้าเห่อ สวมจี้เพชรที่ชัยยงค์ซื้อให้ พลางจัดดอกไม้ใส่แจกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นตลับนาคยืนคุยกับจำเรียงเรื่องเมนูอาหารอยู่ใกล้ๆ แกล้งคุยอวดกับบุญถิ่นด้วยเสียงดังลั่นหวังจะเย้ยอีกฝ่ายหนึ่ง

“รู้ไหมบุญถิ่นว่าจี้อันนี้เท่าไหร่ คุณชัยยงค์ซื้อจี้เพชรให้ฉัน แล้วก็ส่งดอกไม้มาให้อีก โอ๊ย...ฉันงง”

“ยาแก้งงไหมคะคุณนายขา”

“ไม่ต้อง ฉันก็แกล้งทำงงไปอย่างนั้นเอง ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนแก่ตกรุ่นเหมือนใครบางคนที่แก่แล้วแก่เลย” เถาว์เครือว่ากระทบตลับนาค ชิดชบามาทันได้ยินช่วยป้าตัวเองแขวะคืนให้บ้าง เธอถึงกับพูดไม่ออก...

ขณะที่ชิดชบาเปิดศึกน้ำลายรายวันกับเถาว์เครือ ระรินและยุวดีแข่งกันเอาใจปฐวี เพราะเลขาฯตัวจริงลาป่วย เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ถามทั้งคู่ว่าเย็นนี้ว่างไหม สองสาวตอบอย่างพร้อมเพรียงกันว่าว่าง จากนั้น ระรินรีบโทร.แจ้งชัยญาเรื่องที่ปฐวีชวนไปกินมื้อเย็น เขาอนุญาตให้เธอค้างคืนกับปฐวีได้เลย แล้วอย่าลืมส่งข่าวมาให้รู้ด้วยว่าปฐวีทำอะไรที่ไหน เราต้องทำลายความน่าเชื่อถือของเขาเพื่อล้มเรื่องสร้างบ่อนพนัน

ooooooo



-----------
ที่มา ไทยรัฐ

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 6


วิศิษฏ์คิดถึงพิศที่หมดโอกาสเจอกันในบ้านเพราะโดนข่ายมนตราของอาจารย์หวังขวางกั้น เขาเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ข่ายมนตราจะเสื่อมสลายไปเสียที

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 5


วิภาดาพาอาจารย์หวังมาไล่วิญญาณภายในบ้านเฟื่องขจร โดยเฉพาะพิศที่อาจารย์เรียกว่า “นังแสงสีทอง” ที่ตามติดอยู่กับวิศิษฏ์ ซึ่งวิธีที่ชะงัดนักคงไม่พ้นอ่านโองการท้าวมหาพรหม

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 4


พิศกำราบผีทั้งหกตนโดยเฉพาะชุบกับอวบหัวหน้าแก๊งไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคนของตน แต่ผีสองผัวเมียตอบโต้อย่างไม่ยอม พิศเลยบีบคอชุบจนดิ้นพราดร้องไม่ออก

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 3


ในวันทำบุญบ้านซึ่งเป็นวันเกิดเฟื่องขจร พิศปรากฏตัวมาทำบุญร่วมกับวิศิษฏ์ พระที่มาสวดเห็นเธอแต่ไม่ได้พูดให้คนอื่นแตกตื่นตกใจ จนกระทั่งถึงเวลาพรมน้ำมนต์ พิศรีบหายตัวหนีไป โดยกำชับวิศิษฏ์ห้ามให้พระเข้ามาพรมน้ำมนต์ในห้องของเขา ไม่เช่นนั้นเธอจะมาหาเขาอีกไม่ได้

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 2


แพรวพรรณหลงรักวิศิษฏ์ตั้งแต่แรกเห็นและอยากเจอเขามากๆ วันนี้เธอพบประวัติของเขาโดยบังเอิญ ขณะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานในคอมพิวเตอร์

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 1


วิศิษฏ์ หนุ่มหล่อข้าราชการสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้นิยมชมชอบสะสมของเก่าเดินทางมาดูงานที่ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เรื่องย่อ แหวนสวาท


เรื่องราวความผูกพันของภูตสาวสวยที่เฝ้ารอคอยเพื่อจะได้พบชายคนรักในอดีตชาติอีกครั้งแต่เมื่อเขากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ทั้งคู่กลับต้องพบอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะน้องสาวในอดีตชาติที่กลายมาเป็นคู่แข่งหัวใจในชาตินี้ บทพิสูจน์ของความรักต่างภพระหว่างรักสามเส้านี้จะลงเอยอย่างมีความสุขหรือไม่...

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 4


สอง​ปี​ผ่าน​ไป...

น้า​ไหว​กับ​กล้า​เมา​จน​แก่​เกิน​วัย แต่​ก็​ยัง​กอด​คอกัน​ดวด​ไม่​เว้น​วัน   คืน​นี้​ก็​เมา​แล้ว​ขี่​มอเตอร์ไซค์​ซ้อน​ท้ายกันมา ร้องเพลง​โหวกเหวก​กัน​ประสา​คน​เมา

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 3


เมื่อริลณีไปแจ้งความแล้ว ตำรวจเรียกเอกราช ประวิทย์ และเชิงชายไปสถานีตำรวจ นักข่าวต่างกรูกันเข้าสัมภาษณ์

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 2


เพราะต้องหาเงินมาช่วยครูสำหรับใช้จ่ายในบ้าน เฟื่องฟ้ารับเด็กติวเพิ่มขึ้น เอทีเอ็มก็ไปเป็นแคชเชียร์ร้านอาหาร ส่วนริลณีไปรำแก้บนศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 1


ค่ำคืนนี้...ที่ศาลาสวดศพวัดชานเมืองแห่งหนึ่ง ...เสียงพระสวดและบรรยากาศในวัดวังเวง...ซ้ำที่หลังคาศาลายังมีอีกาเกาะอยู่เป็นร้อยๆตัว แขกมาในงานไม่มากนัก ทำให้ยิ่งวิเวก...วังเวง...

เรื่องย่อ นางชฎา


ในงานมหาวิทยาลัยประจำปี “ริลณี” (ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่) และ “ชมพู” (อัทธนียา  เอี่ยมวสันต์) สองสาวดาวเด่นแห่งชมรมนาฏศิลป์ต้องรำเปิดงานร่วมกัน แต่เพราะความอิจฉาริษยาของ “หงส์หยก” (ญาณิกา ทองประยูร) เพื่อนรักเพื่อนริษยาของ

เรื่องย่อละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท


คืนจอมาฟินอีกครั้ง!! ในละครรีเมกยอดนิยม “ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท” ทางช่อง 7 กับคู่จิ้นต่างวัย “ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล” พ่อลูกหนึ่งที่หล่อเข้มไม่เปลี่ยน รับบท “ปฐวี” หนุ่มมีปมแค้นประกบสาว “ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์” รับบท “ชิดชบา” นางบำเรอผู้มีศักดิ์ศรี งานนี้ หลุยส์-สยาม สังวริบุตร บอสดาราวิดีโอทุ่มทุนบินลัดฟ้าถึงปารีสซะด้วย!

เรื่องย่อ...ด้วยความแค้นอาฆาตของ ปฐวี ซึ่งมีต่อ ชิดชงค์ ที่ทำให้พ่อของ เขาตายและครอบครัวล่มสลาย ปฐวี จึงเริ่มเอาคืนด้วยการท้าพนันจน ชิดชงค์ พ่ายแพ้และฆ่าตัวตาย ทำให้ ชิดชบา ลูกสาวของ ชิดชงค์ รีบบินกลับจากฝรั่งเศส เมื่อ ปฐวี เจอ ชิดชบา ก็ยื่นข้อเสนอ ถ้า ชิดชบา ยอมเป็นนางบำเรอของเขา 1 ปี เขาจะยอมคืนคฤหาสน์สมบัติชิ้นสุดท้ายให้ ชิดชบา แค้นใจที่ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีแต่ไม่มีทางเลือก เงื่อนไขนี้ทำให้ โสมสุภางค์ คู่หมั้นของ ปฐวี ไม่พอใจแต่ก็ต้องจำยอมเพราะเธอรัก ปฐวี มาก

ปฐวี ใช้ร่างกายของ ชิดชบา เป็นที่ระบายความแค้น ชิดชบา ได้แต่รองรับอารมณ์ด้วยความขมขื่น ปฐวี ดูแลเอาใจใส่ โสมสุภางค์ ในฐานะคู่หมั้นอย่างดี เขาเลือกพา โสมสุภางค์ ไปท่องยุโรปแต่กลับพา ชิดชบา ไปด้วย ทำให้ โสมสุภางค์ ช้ำใจ และที่นั่น ม.ร.ว.อรุณณรงค์ นักการทูต ก็เริ่มมาสนิทสนมกับ ชิดชบา ยิ่งทำให้ ปฐวี ไม่พอใจ หลังกลับจากยุโรป โสมสุภางค์ ป่วยเป็นโรคหัวใจ ปฐวี รู้สึกผิดเลยจะแต่งงานให้เร็วที่สุด ชิดชบา สวมชุด ดำมางานทำให้ โสมสุภางค์ ช็อกเข้าโรง-พยาบาล ชิดชบา สะใจที่ได้ฉีกหน้า ปฐวี ด้าน ปฐวี ยังคงเรียกใช้ ชิดชบา ยามที่ต้องการแต่ ชิดชบา ขัดขืน คืนนั้น ปฐวี เมาและใช้กำลังกับ ชิดชบา โสมสุภางค์ บังเอิญมาเห็น ปฐวี กับ ชิดชบา จูบกัน เธอช็อกหมดสติตกบันไดเสียชีวิต ปฐวี เสียใจจนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตด้วยความรู้สึกผิดและโกรธแค้น

ปฐวี โทษ ชิดชบา ว่ามีส่วนที่ทำให้ โสมสุภางค์ ตาย จากนั้นไม่นาน ชิดชบา เพิ่งรู้ตัวว่าตั้งท้องกับ ปฐวี แต่เธอไม่ต้องการลูกที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของ ปฐวี จึงตัดสินใจจะทำแท้ง ปฐวี สั่งห้ามเด็ดขาดแต่ ชิดชบา ก็ยังดื้อใช้ไม้แขวนเสื้อทำแท้งด้วยตัวเอง ปฐวี ต้องพาส่งโรงพยาบาล ชิดชบา และลูกในท้องปลอดภัย ปฐวี เสียใจและขอโทษ ชิดชบา กับสิ่งที่เขา ทำร้ายจิตใจเธอมาตลอด เขาบอกรัก ชิดชบา พร้อมกับขอ โอกาสไถ่โทษและขอเริ่มต้นใหม่กับเธอ ชิดชบา จะยอมใจอ่อนยกโทษให้ ปฐวี หรือไม่ ติดตามชมได้ในละครเรื่อง “ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท”

งานนี้กลุ่มแฟนคลับ “ติ่งกระโจม” ที่ยังอินคู่ “ตุ้ย-ขวัญ” จากเรื่อง “ฟ้าจรดทราย” จะกลายร่าง เป็น “ติ่งสวาท” เพราะความฟินทวีคูณ พระนางตบจูบๆเล่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัว เชือดเฉือนคารมแบบคนเคียดแค้นที่แอบซ่อนด้วยความรัก พร้อมด้วยนักแสดงฝีมือดี ฝ้าย-ณัฏฐพัชร, แอม-พีรวัศ, ตูน-พิมพ์ปวีณ์, เชน-ณัฐวัฒน์, เอ-เอกราช, น้ำหวาน-กรรณาภรณ์ และอีกคับคั่ง

ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 6


ในเวลาเดียวกัน ธวัชพงษ์ซื้อส้มตำข้าวเหนียวไก่ย่างมาติดสินบนจำเรียงเพื่อสืบความเคลื่อนไหว ของปฐวี ถึงได้รู้ว่าเขาไม่อยู่ ตามชิดชบาไปบ้านสวน ระหว่างเธอกำลังรายงานเรื่องเจ้านายเป็นฉากๆ สมควรเข้ามาต่อว่า แล้วไล่ตะเพิดเธอกลับครัว ก่อนจะหันมาทางธวัชพงษ์

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 5


สมควรเห็นส้มตำกับข้าวเหนียวไก่ย่างชุดใหญ่วางอยู่ตรงหน้า เดาได้ไม่ยากว่าธวัชพงษ์ซื้อมาติดสินบนจำเรียง แล้วตำหนิว่าเคยสั่งห้ามไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้าไม่ใช่หรือ เธอเถียงคอเป็นเอ็น เขาไม่ใช่คนแปลกหน้า คุณนักข่าวคนนี้มาบ้านเราบ่อยจนหมาบ้านนี้ไม่เห่าแล้ว บุญถิ่นอยากรู้ว่าเขาถามอะไรเธอบ้าง

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 4


หลังจากจัดการงานที่สถานทูตไทย ณ กรุงปารีสเรียบร้อย อรุณณรงค์นัดดื่มกาแฟกับอุราศรี ราชนิกุลสาวสวยซึ่งกำลังจะกลับเมืองไทยหลังจากอยู่ที่ปารีสมานาน เธอบ่นว่าอยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น ด้วยเกรงจะเริ่มต้นใหม่ไม่ทัน อรุณณรงค์ เชื่อว่าคนมีความรู้ความสามารถอย่างเธอ ใช้เวลาไม่นานก็ปรับตัวได้

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 3


ทันทีที่โสมสุภางค์เดินเข้าบ้าน เถาว์เครือซึ่ง รอท่าอยู่ก่อนแล้ว ถามประชดว่ากล่อมปฐวีให้ยอมรักษาอาการบ้าสำเร็จไหม เธอขอร้องแม่อย่าพูดคำนี้ให้เขาได้ยินเป็นอันขาด

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 2


หลังจากทดลองขับเครื่องบินเล็กจนเป็นที่พอใจ ปฐวีจับมือกับเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินตกลงซื้อหนึ่งลำ และให้ส่งสัญญาซื้อขายไปให้ทางฝ่ายกฎหมายของตนพรุ่งนี้เลย อรุณณรงค์กับเพื่อนซึ่งมาเยี่ยมชมเครื่องบินเล็กของบริษัทนี้เช่นกัน มองตามทั้งคู่ที่เดินออกไป

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 1


ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปฐวีนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อผู้มั่งคั่ง ฝันร้ายเห็นภาพในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นแค่เด็กชายตัวน้อย ภาพปลายเท้าพ่อของตัวเองที่ผูกคอตายตรงหน้า ทำให้เขาสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่ง เหงื่อท่วมตัว พึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ฝัน...นี่เราฝันร้ายอีกแล้วหรือ”