วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 15 (ตอนอวสาน)


ชาวบางลำแตกตื่นกับข่าวชาวคณะลำตัด

บัวสายถูกรางวัลลอตเตอรี่ได้เงินคนละแสนหลังจากไปแสดงลำตัดที่ป่าช้าวัดร้างแห่งหนึ่งให้ผีดู ผีเลยตอบแทนด้วยเลขเด็ดโดนเต็มๆ

เพลงลำเชื่อว่าเป็นผีบรรพบุรุษที่ชอบลำตัด แม้จะเล่นให้ผีดูแต่พวกตนก็ภูมิใจ ปกรณ์พลยินดีด้วยแต่อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครเป็นคนจ้าง งามไฉไลคาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเธอกับกำนันฝอย

เวลาเดียวกันคนว่าจ้างกำลังอิจฉาริษยาพวกบัวสายที่ร่ำรวยกันถ้วนหน้า กำนันฝอยกับโพยมยงอยากถูกหวยจึงคิดจะก่อตั้งคณะลำตัดไปเล่นที่วัดนั้นบ้าง อีกทั้งมาดหมายจะประชันลำตัดกับคณะบัวสายเพื่อความเป็นหนึ่ง

แต่อยู่มาวันหนึ่งเพลงลำทราบว่าแม่ไม่สบาย ไอเป็นเลือด เธอกับปกรณ์พลพาบัวสายส่งโรงพยาบาลแล้วหมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียง ทุกคนเศร้าสลด โดยเฉพาะเพลงลำที่กลัวแม่จะเล่นลำตัดต่อไปอีกไม่ได้

งามไฉไลเห็นใจเพลงลำและชาวคณะ เธอตัดสินใจไปเจรจากับโพยมยงให้ล้มเลิกเรื่องประชันลำตัดแต่ไม่สำเร็จ แถมยังเจอฝาจีบตามตื๊อจนมีปากเสียงกันก่อนที่เธอจะคว้าไม้ตีหัวเขาแตกแล้ววิ่งหนีกลับบ้านปกรณ์พลในสภาพขวัญหนีดีฝ่อ

โพยมยงเอาจริงเรื่องตั้งคณะลำตัดเตรียมลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาล เอาให้ดีเลิศและโด่งดังโดยเร็ว กำนันฝอยกับฝาจุกเห็นดีเห็นงามทั้งที่เสียดายเงิน แต่แล้วทั้งสามคนก็ตกลงกันไม่ได้ว่าจะตั้งชื่อคณะลำตัดว่าอะไร ต่างคนอยากได้ชื่อตัวเองเป็นชื่อคณะ

เพลงลำทุกข์ใจกับอาการป่วยของแม่เพราะหมอไม่รับปากว่าจะกลับมาร้องลำตัดได้อีกหรือไม่ แต่หมอจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่ บัวเผื่อนและทุกคนในคณะช่วยกันปิดข่าวบัวสายไม่สบาย แต่สุดท้ายก็ปิดไม่มิด ล่วงรู้ไปถึงหูพวกกำนันฝอยที่รวมพลคณะลำตัดได้แล้ว

โพยมยงเริงร่าคิดว่าถ้ามีการประชันเร็วๆนี้พวกเพลงลำต้องแพ้คณะของตนแน่ แต่ในเมื่อยังไม่ได้มีการเจรจากันเป็นเรื่องราวจึงยอมทำตามความต้องการของกำนันฝอยก่อนด้วยการพาคณะไปเล่นลำตัดที่วัดร้างหวังได้เลขเด็ดเป็นค่าตอบแทนเหมือนคณะของบัวสาย

ปรากฏว่าทั้งคณะถูกผีหลอกวิ่งหนีอุตลุดกันทั้งคืน กว่าจะกลับถึงบ้านก็รุ่งเช้า แต่ละคนสภาพป้อแป้อิดโรยแทบหมดแรง หลายคนตกใจกลัวถึงกับผมหงอก
หัวขาวโพลน ฝาจีบบ่นอุบว่าพ่อกำนันไม่น่าเปิดตัวลำตัดในป่าช้า กำนันไม่รับผิดแต่โบ้ยไปที่โพยมยงว่าเสียงแหลมเกินเหตุ ผีเลยสะดุ้งลุกขึ้นมาหลอก

โพยมยงไม่เถียงแต่ขอปรับโทนเสียงใหม่ให้เข้าที่ เพื่อความเป็นลำตัดเบอร์หนึ่งของบางลำหากมีการประชันกับคณะบัวสาย

ooooooo

งามไฉไลแสดงน้ำใจต่อเพลงลำผ่านปกรณ์พลด้วยการให้เขาไปให้กำลังใจเพลงลำที่กำลังเป็นทุกข์เรื่องบัวสายป่วย พร้อมกันนี้ก็แนะนำเขาให้บอกเพลงลำคุยกับอรรถเพื่อย้ายบัวสายไปรักษาในกรุงเทพฯ

ปกรณ์พลเห็นด้วยจึงไปพูดกับเพลงลำแต่เธอบอกตรงๆว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก มีหลายเรื่องที่ต้องคิด โดยเฉพาะคณะลำตัดไม่มีแม่บัวสาย แต่จะมีงานประชันที่โพยมยงประกาศตัวท้าทายมา

เพลงลำลังเลแต่บัวเผื่อนบอกให้รับคำท้าไปเลย เราเป็นลูกหลานลำตัดจะยอมแพ้ง่ายๆไม่ได้ เจิดเห็นด้วยว่าเราต้องสู้ ถึงแม้ไม่มีแม่บัวสายร่วมแสดง

โพยมยงกับฝาจุกมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะเรื่องรักชอบปกรณ์พลว่าที่เจ้าบ่าวของงามไฉไล โพยมยงเห็นกับตาว่าฝาจุกยังเทียวไล้เทียวขื่อปกรณ์พลจึงคิดหาตัวช่วยมาแยกหล่อนออกห่าง ด้วยการโทร.ตามกุชงค์ให้มาหาแล้วยัดเยียดตำแหน่งผู้จัดการคณะลำตัดให้เขาซึ่งต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

หลังจากเพลงลำรับคำท้าประชันลำตัดกับคณะของกำนันฝอย บัวเผื่อนก็เริ่มซ้อมชาวคณะอย่างจริงจัง บัวสายรับรู้ทั้งที่ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เธอให้กำลังใจลูกสาวแต่ไม่อยากให้แข่งขันเอาเป็นเอาตาย

ฝาจุกยอมให้กุชงค์อยู่ที่บ้านแต่ให้เขากางเต็นท์นอนหน้าเล้าไก่ โพยมยงไม่ขัดใจเพราะที่ผ่านมาเธอเองก็กางเต็นท์นอนที่ชานเรือนกำนัน แต่เธอเจ้าเล่ห์กับกุชงค์ว่า

“ถ้าอยากจะขึ้นไปนอนบนบ้านล่ะก็ ฉันมีแผน”

“อ๋อ ผมพร้อมจะนอนดมมูลไก่ ดีกว่าขึ้นไปนอนสะบัดร้อนสะบัดหนาวบนเรือนครับคุณนาย”

“นี่แสดงว่าคุณรู้ว่าฉันเรียกคุณมาเพื่อให้คุณดึงนังฝาจุกนั่นไปจากปกรณ์พล เขากำลังจะแต่งงานกับงามไฉไล แต่แม่ฝาจุกคอยตามจิกเขาไม่เลิกแบบนี้ คุณต้องเป็นตัวช่วย”

“ทำไมผมต้องช่วยล่ะครับ ผมกับปกรณ์พลเป็นเพื่อนกันนะครับ”

“แล้วคุณไม่อยากเห็นชีวิตของปกรณ์พลมีความสุขหรือไง คุณก็รู้ว่าถ้าเพื่อนของคุณแต่งงานกับนังฝาจุก ชีวิตจะเป็นยังไง”

“แล้วตอนนี้ชีวิตคุณนายเป็นยังไงครับ”

“ที่ฉันยอมเสี่ยงจดทะเบียนสมรสกับกำนันฝอย เพราะฉันสืบมาแล้วว่ากำนันฝอยมีที่ดินเกือบทั้งบางลำ ยังไงฉันก็ไม่ยอมขาดทุนหรอก ข้อสำคัญฉันจะต้องเอาชนะนังเพลงลำให้ได้ โดยคุณต้องร่วมมือกับฉันเพื่อกันนังฝาจุกออกไปจากชีวิตของปกรณ์พลด้วยการลงเอยกับฝาจุก”

ฟังมาถึงตอนจบ กุชงค์ถึงกับตาเหลือกไปด้วยความตกใจ

ooooooo

สมุนของฝาจีบไปสอดแนมการฝึกซ้อมลำตัดของพวกบัวเผื่อนแล้วโดนจับได้ บัวเผื่อนจึงฝากถ้อยคำแสบสันกลับไปบอกกำนันฝอยว่า ถ้าทีมของกำนันฝอยยังไม่แน่นให้ไปขุดกำนันฟุพ่อกำนันฝอยขึ้นมาจากหลุม ส่วนพวกตนก็จะจุดธูปเชิญบัวผ่องขึ้นมาประชัน

กำนันฝอยได้ฟังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แผดเสียงต่อหน้าลูกชายหญิงและโพยมยงว่า

“ยังงี้มันขู่กันนี่หว่า นังบัวสายเล่นลำตัดไม่ได้ ไอ้เจ้าบัวเผื่อนว่าการแทน มันขู่ว่าจะปลุกผียายบัวผ่องขึ้นมาช่วยประชัน”

“พ่อ เรื่องฝีปากประชันนี่ยายบัวผ่องฝีปากคมกริบ ยายยังเคยแพ้มาแล้ว”

“แล้วแม่ก็เคยแพ้น้าบัวสายแล้วด้วย”

“นี่ๆๆ เลิกพูดถึงความพ่ายแพ้เสียทีเถอะ เราต้องเดินหน้าเพื่อชัยชนะ ฉันวางระบบไว้แล้วว่าการประชันคราวนี้ฉันจะ...”

โพยมยงพูดไม่ทันจบ ถูกกุชงค์ส่งเสียงแทรกเข้ามาด้วยท่าทีเป็นงานเป็นการ

“คุณนายครับ รถบัสกับรถบ้านเคลื่อนที่ที่คุณนายสั่งมาถึงแล้วครับ”

“ต๊ายตาย มาแล้วเหรอ ทำงานดีมากผู้จัดการ สั่งปุ๊บได้ปั๊บ”

“ก็ผมสั่งด้วยเงินสดอย่างที่คุณนายต้องการไงครับ”

“เงินสด!” ฝาจีบอุทานเสียงดัง ก่อนพากันงงงันไปด้วยกันกับพ่อและน้องสาว

โพยมยงไม่สนใจชวนทุกคนไปดูรถใหม่เอี่ยมที่ลานบ้าน มีรถบัสคันใหญ่กับรถบ้านเคลื่อนที่จอดอยู่เคียงกัน โพยมยงแล่นถลาเข้ามาด้วยความดีใจ กุชงค์เดินตามด้วยท่าทีนอบน้อม

“นี่น่ะหรือรถบัสใหม่แกะกล่องที่ฉันสั่งมาใช้สำหรับคณะลำตัดไฮโซ”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับคุณนาย ยังมีรถบ้านเคลื่อนที่ที่มีห้องแต่งตัว ห้องนอนและห้องน้ำอีกด้วยครับ”

“ดีมาก คุณทำงานดีมากกุชงค์ ไม่เสียแรงที่ฉันเรียกตัวคุณมาจากกรุงเทพฯ แล้วจ่ายเงินเดือนให้คุณเดือนละแสน”

กำนันฝอยตาเหลือก ฝาจุกถามเสียงแหลมว่าเงินใคร แต่ฝาจีบแทรกอย่างไม่สนใจว่ารถสวยถูกใจตน

“นี่มันอะไรกันคุณนาย ใครเป็นคนสั่งซื้อรถคันเท่าบ้าน ซื้อมาทำอะไร แล้วเงินใคร”

กำนันฝอยถามเสียงเครียด แต่โพยมยงตอบหน้าระรื่นว่า

“ซื้อมาขนคนลำตัดพร้อมคณะไปเล่นงาน ส่วนรถบ้านเคลื่อนที่คันนี้สำหรับฉันเอาไว้แต่งหน้า พักผ่อน ดูทีวีในห้องอเนกประสงค์ก่อนขึ้นเวทีแสดงลำตัด”

“ไอ้ห้องอเนกประสงค์นี่มันเป็นยังไง”

กุชงค์ยิ้มพรายก่อนตอบคำถามกำนันฝอยว่า “คือประสงค์จะทำอะไร จะนั่ง จะนอน จะเดิน หรือจะเล่นเฟซ เล่นไลน์ ทำได้เลยครับ”

ฝาจีบลูบคลำรถไปมา ชื่นชมเสียงกระเส่าว่า “โอว... จอร์ช มันยอดจริงๆพ่อ”

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อน” กำนันฝอยท้วงเร็วจี๋ ขณะที่ฝาจุกกระแทกเสียงอย่างมีอารมณ์ว่าเงินใคร?

“เงินกำนันฝอย” โพยมยงตอบเสียงดังฟังชัด กำนันฝอยและฝาจุกถึงกับตะลึงตะไล ลูกตาแทบถลนออกนอกเบ้า!

ooooooo

อาการบัวสายมีแต่ทรงกับทรุด ปกรณ์พลจึงรบเร้าเพลงลำอีกครั้งให้ส่งแม่ไปโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพลงลำบอกเขาว่าเธอเคยพูดกับแม่แล้วแต่แม่ไม่ยอม เธอไม่กล้าขัดใจ

เพลงลำทุกข์ใจอาการแม่จนร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น ชายหนุ่มจับมือปลุกปลอบเธอด้วยความรักและสงสาร ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนความรักของเขาที่มีต่อเธอยังเปี่ยมล้นอยู่เหมือนเดิม หญิงสาวซึ้งใจแต่อดท้วงไม่ได้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับงามไฉไลทำแบบนี้ไม่ดีเลย

“ผมรักเพลงลำนะ ผมจะแต่งงานกับงามด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ แต่ผมจะเก็บความรักที่ผมมีต่อเพลงลำไว้ เพราะมันเป็นความรู้สึกดีๆที่ดีที่สุดในชีวิตของผม”

เขาและเธอสบสายตากันอย่างเศร้าหมอง โดยไม่รู้ว่างามไฉไลยืนมองอยู่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าโศกสลด ค่อยๆถอยกลับไปร้องไห้อย่างหนักเพราะรู้ว่าปกรณ์พลยังรักเพลงลำไม่เสื่อมคลาย...

หลังจากนำเพชรทองของโพยมยงมาฝังดินไว้แถวบ้านบัวเผื่อนเพื่อจะนำไปขายใช้หนี้ให้เฉวียนแม่ของทองน้ำงาม เจิดคิดว่าของเหล่านั้นยังอยู่ดี จนวันหนึ่งเขาย้อนกลับมาแต่เจอบัวเผื่อนพูดแปลกๆ เจิดร้อนรนส่อพิรุธแต่บัวเผื่อนก็ไม่ได้จู่โจม ตั้งใจจะจับให้มั่นคั้นให้ตายชนิดดิ้นไม่หลุด

งามไฉไลซาบซึ้งในความดีของเพลงลำที่เสียสละเรื่องความรัก เมื่อแม่ของเธอทำผิดคิดร้ายกับเพลงลำ เธอจึงอยู่เฉยไม่ได้ ตัดสินใจไปเจรจากับแม่ถึงบ้านกำนันอีกครั้งให้เลิกทำเรื่องยุ่งๆแล้วกลับกรุงเทพฯ

“กลับกรุงเทพฯ กลับยังไง ก็หนูจะแต่งงานกับปกรณ์พลหลังจากที่เขาเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จไม่ใช่หรือ”

“งามไม่แต่งงานแล้วค่ะ คุณแม่คะ เรากลับกรุงเทพฯกันเถอะค่ะ คุณแม่ก็กลับไปมีชีวิตแบบเก่าๆ ส่วนงามก็จะกลับไปเรียน”

“ได้ไงแม่ลงทุนไปเท่าไหร่แล้วกับเรื่องประชันลำตัด”

“คุณแม่ไม่ได้ลงทุนหรอกค่ะ อย่างมากคุณแม่ก็แค่ลงแรง”

“แล้วหนูล่ะ ปกรณ์พลรับปากแล้วว่าจะแต่งงานกับหนู หนูฝันมาตลอดชีวิตที่จะแต่งงานกับเขาไม่ใช่หรือ”

“พี่กรณ์ยังรักเพลงลำอยู่ ถึงแต่งงานกับงามไปเขาก็ยังมีเพลงลำในใจ งามก็แค่ได้ตัวเขามาแต่ไม่ได้หัวใจ”

“แล้วจะเอาหัวใจมาทำอะไร เอาตัวมาก่อน หัวใจน่ะช่างมันเถอะ อย่าลืมว่าปกรณ์พลมีมรดกที่ทำให้ลูกของแม่สบายไปทั้งชาติ แล้วถ้าแผนกำจัดนังเพลงลำสำเร็จ มรดกส่วนของเพลงลำก็ต้องตกเป็นของปกรณ์พล...แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูก”

“ไม่จริง คุณแม่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองต่างหาก”

“แล้วยังไงล่ะ เรามีชีวิตอยู่อย่างคนไร้เงินได้มั้ย ก็ไม่ได้ เพราะเงินซื้อความสุขให้เราได้ทุกอย่าง งาม อย่าโง่ไปหน่อยเลย ถ้าแม่ชนะประชันลำตัด เราจะได้ประโยชน์กันทั้งแม่ทั้งลูก”

“คุณแม่ นี่งามจะเปลี่ยนใจคุณแม่ไม่ได้เลยหรือคะ”

“แม่ไม่ยอมเปลี่ยนใจ แม่ลงแรงมามากแล้วกับเรื่องนังเพลงลำ นี่ถ้าชาตินี้แม่ไม่ได้เขี่ยมันออกไปจากชีวิตของลูก แม่ตายตาไม่หลับแน่”

งามไฉไลท้อใจกลับไปบ่นให้ปกรณ์พลฟังก่อนจะพูดเรื่องตัวเองด้วยว่า

“งามรู้ว่าตลอดเวลาพี่กรณ์ไม่เคยลืมเพลงลำเลย พี่กรณ์แต่งงานกับงามเพราะสงสารที่ชีวิตงามเหลวแหลกไม่มีชิ้นดี พี่กรณ์กับเพลงลำอยากให้งามเริ่มต้นใหม่ได้ งามเห็นชีวิตของคุณป้า คุณป้าโฉมตรูแก่แล้วยังเริ่มต้นใหม่ได้ แต่งามยังสาวยังแส้ ยังมีกำลังสู้ชีวิต ทำไมงามจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้”

“แล้วเรื่อง...”

“เรื่องนายฝาจีบน่ะหรือ งามจะพยายามลืมให้ได้ค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับงาม พี่กรณ์...งามจะพาคุณแม่กลับกรุงเทพฯให้ได้ค่ะ”

ปกรณ์พลปลื้มใจและยินดีที่งามไฉไลคิดได้ในสิ่งที่ถูกต้อง

ooooooo

ข่าวการประชันลำตัดระหว่างคณะกำนันฝอยหรือที่โพยมยงเรียกว่าลำตัดไฮโซกับคณะบัวสายร่ำลือไปทั่วบางลำ ผู้คนตื่นเต้นกับมิติใหม่ของลำตัดที่โพยมยงจ้างแดนเซอร์มาเต้นโชว์ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย

แต่คนที่เศร้าใจก็คือกลุ่มของเพลงลำที่ไม่ต้องการให้ลำตัดเปลี่ยนแปลงออกนอกลู่นอกทาง ปกรณ์พลตั้งใจเขียนกลอนใหม่ขึ้นมาเพื่อสู้กับคณะกำนันฝอยในวันประชัน เขายังยึดมั่นในแนวทางลำตัดดั้งเดิมว่ายังไงก็สู้ได้

เฉวียนกระดี๊กระด๊าเชียร์คณะกำนันฝอยสุดฤทธิ์ หวังว่าเสร็จงานนี้กำนันต้องทำตามสัญญาให้ฝาจีบแต่งงานกับทองน้ำงาม คิดไปคิดมาชวนลูกสาวไปเจรจาไว้แต่เนิ่นๆ กลายเป็นว่าฝาจีบประกาศกร้าวว่าไม่มีทาง เขาไม่ยอมแต่งงานกับทองน้ำงามอย่างเด็ดขาด หนี้สินแปดแสนเขายกให้ แต่กำนันกับฝาจุกไม่ยอมยกหนี้ เพราะเงินทองร่อยหรอไปกับการลงทุนในคณะลำตัด

“จ่ายมาซะดีๆ ไม่มีก็เอาครูทองน้ำงามใส่ถาดเร่ขายแล้วเอาเงินมาใช้หนี้ข้า”

เฉวียนโกรธจนตัวสั่นสะท้าน ชี้หน้าด่าอาฆาตกำนันฝอย ทองน้ำงามอับอายขายหน้ารีบฉุดแม่ออกมาแล้วบอกว่ายังไงตนก็จะหาเงินมาผ่อนใช้หนี้แทนแม่

“เงินตั้งแปดแสนจะไปหาที่ไหน แล้วไอ้แปดแสนน่ะมันดอกเบี้ยล้วนๆ ไอ้กำนันฝอยมันเห็นแม่เป็นอะไร ทำไมมันถึงได้ตลบตะแลงยังงี้”

“กำนันฝอยเป็นนายทุน เขาไม่เห็นอะไรดีไปกว่าเงินหรอก ถึงตอนนี้แม่ยังคิดอยากจะร่วมญาติกับกำนันฝอยอีกหรือ”

เฉวียนเงียบไปอย่างจำนน...ด้านเจิดที่ตั้งใจจะเอาเครื่องเพชรที่ฝังดินซ่อนไว้ไปขายใช้หนี้ให้เฉวียน บัดนี้เขาถูกบัวเผื่อนจับได้คาหนังคาเขา บัวเผื่อนทราบดีว่าเจิดมีจุดประสงค์อะไรแต่การยักยอกเก็บไว้เสียเองมีความผิด แล้วถามเจิดว่าการเป็นคนอะไรสำคัญที่สุด เจิดก้มหน้าละอายใจ ตอบเสียงแผ่วว่าความซื่อสัตย์

“ใช่ ความซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวยมันต้องมีสิ่งนี้แหละ ความซื่อสัตย์”

“น้าบัวเผื่อน ผมเสียใจ ผมผิดไปแล้ว”

“ยัง...ยังไม่ผิด ถ้าเอ็งเอาสร้อยเพชรนี่ไปส่งคืนตำรวจ ตอนนี้กำนันฝอยไม่รับครูทองน้ำงามเป็นสะใภ้แล้ว ถ้าครูทองน้ำงามรักเอ็ง เรื่องหนี้สินยังพอมีทาง”

เจิดทำตามคำแนะนำของบัวเผื่อน...ไม่นานตำรวจก็ติดต่อโพยมยงมารับเครื่องเพชรโดยบอกว่ามีคนเก็บได้ไม่ประสงค์ออกนามเอามามอบให้ตำรวจ โพยมยงดีใจและสงสัยว่าจะเป็นเจิดเพราะก่อนขึ้นมาบนโรงพักเห็นเขาเดินออกไปพร้อมบัวเผื่อน

กลับจากโรงพัก โพยมยงคิดบางอย่างได้ที่จะเอาชนะการประชันลำตัดกับพวกเพลงลำด้วยการแอบไปเจรจากับเจิดเป็นการส่วนตัว
เจิดฟังความต้องการของโพยมยงแล้วอุทานด้วยความโกรธและตกใจ

“ซื้อตัวผม! ผมไม่ใช่วัวนะครับคุณนาย คุณนายจะได้ซื้อผมไปแกง”

“ฟังฉันก่อนสิจ๊ะนายเจิด ฉันรู้นะว่านายเจิดเป็นคนเก็บสร้อยเพชรของฉันได้แล้วเอาไปคืนให้ตำรวจ ฉัน ประทับใจในความซื่อสัตย์ของนายเจิด ก็เลยอยากจะเสนอทางเลือก”

“การที่คุณนายต้องการตัวผมไปร่วมคณะลำตัดไฮโซก็คือการซื้อตัว”

“เรียกว่าเทกโอเวอร์ดีกว่ามั้ย”

“จะเรียกว่าอะไรมันก็คือการซื้อตัว มนุษย์น่ะเขาเลิกทาสกันตั้งนานแล้วนะครับ นี่คุณนายยังคิดว่าคุณนายจะใช้เงินซื้อทาสอีกหรือครับ”

“ฉันรู้ว่านายเจิดกำลังหาเงินไปใช้หนี้แทนว่าที่แม่ยาย ถ้ายายเฉวียนไม่มีเงินแปดแสนไปใช้หนี้ กำนันฝอยต้องจ้างทนายฟ้องเอาที่ดินแน่ ไม่คิดจะช่วยครูทองน้ำงามทั้งที่ช่วยได้ แบบนี้เขาจะเรียกว่าคนรักกันได้ยังไง”

เจิดเกิดอาการอึกอักลังเล โพยมยงรีบกระตุ้นเข้าไปอีกว่า

“เชื่อฉันเถอะ ย้ายคณะไปอยู่กับฉัน เอาเงินค่าตัวแปดแสนไปเป็นสินสอดครูทองน้ำงาม ดีกว่าอยู่กับคณะเก่าซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะชนะหรือแพ้ ฉันให้เวลานายเจิดเอากลับไปคิดว่าอะไรดีที่สุด ทิ้งคณะไปอยู่กับคณะของฉันก่อนที่งานประชันจะเริ่ม เพื่อครูทองน้ำงาม”

เห็นเจิดนิ่งเงียบ โพยมยงกลับไปอย่างมั่นใจว่ายังไงต้องสำเร็จ พวกกำนันก็มั่นใจเช่นกัน เพราะเงินตั้งแปดแสนคนจนอย่างเจิดต้องไม่ปฏิเสธแน่

เจิดรักทองน้ำงามและอยากช่วยเหลือเธอ แต่พอคืนนั้นเขาเห็นเพลงลำร้องไห้ทุกข์ใจเรื่องอาการป่วยของบัวสายและรำพันคิดถึงยายที่ก่อตั้งลำตัดมายาวนาน เจิดเองก็ได้รับการชุบเลี้ยงจากบัวสายและฝึกหัดลำตัดจนได้เป็นพระเอก แต่มาถึงวันนี้ไม่มียาย แม่ก็ไม่สบายเล่นลำตัดไม่ได้ เพลงลำกลัวแพ้คณะกำนันฝอย การแพ้เท่ากับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ยายสร้างมา

“อย่ากลัวเลย พี่อยู่นี่ พี่จะเดินไปพร้อมๆกับเพลงลำ เราจะเดินไปข้างหน้าเพื่อชัยชนะ”

คิดได้ดังนั้นแล้ววันรุ่งขึ้นเจิดจึงไปตอบปฏิเสธโพยมยง ทุกคนตะลึงคาดไม่ถึง ยกเว้นกุชงค์ที่แอบชื่นชมเจิดอยู่เงียบๆ

ooooooo

เพลงลำและชาวคณะดีใจที่เจิดไม่เห็นแก่เงินจำนวนมากที่โพยมยงเสนอมา โพยมยงผิดคาดและผิดหวังอย่างแรงแต่ยังไม่ยอมหยุดใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาชนะการประชันลำตัดที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้

นอกจากชาวคณะด้วยกันที่ให้กำลังใจเพลงลำแล้วยังมีโฉมตรูอีกคนที่มาเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาล เธออวยพรเพลงลำให้ชนะการประชัน เธอเชื่อว่าความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของเพลงลำจะทำให้คนลำตัดไปถึงจุดหมาย พร้อมกันนี้ก็ให้แง่คิดว่าชัยชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญสิ่งเดียวในชีวิต ยังมีอีกหลายอย่างที่สำคัญมากกว่า

ด้านงามไฉไลที่แพ้ความดีของเพลงลำก็หาทางช่วยด้วยการจะพาโพยมยงกลับกรุงเทพฯให้ได้ เพื่อยุติเรื่องยุ่งๆทุกอย่าง วันก่อนเธอมาเจรจาแล้วไม่สำเร็จ วันนี้เลยพยายามใหม่บุกเข้ามาเก็บเสื้อผ้าของแม่ใส่กระเป๋าก่อนลากถูลู่ถูกังจะให้กลับกรุงเทพฯ

ฝาจีบกับฝาจุกฉุดรั้งไม่ยอม โดยเฉพาะฝาจุกที่เสียดายเงินของพ่อกำนันที่ลงทุนไปมากแล้วงามไฉไลจะมาดับฝันของทุกคนไม่ได้ สองสาวฟ้อนเล็บใส่กันครู่หนึ่งก่อนที่โพยมยงกับกำนันจะเข้ามาหย่าศึก

เหตุการณ์วุ่นวายครั้งนี้ทำให้กำนันฝอยรำคาญและกลุ้มใจเป็นที่สุดถึงกับเป็นลม โพยมยงสบโอกาสบอกงามไฉไลว่าตนยังกลับกรุงเทพฯไม่ได้เพราะอะไร

“เมื่อกี้งามเห็นไหม กำนันฝอยเป็นลม ร้อนนิดร้อยหน่อยโมโห เครียด ก็เป็นลมแล้ว มันส่งสัญญาณว่าเบาหวานและคณะกำลังมาเยือนกำนัน”

งามไฉไลกับกุชงค์พากันงงว่าเบาหวานและคณะคืออะไร โพยมยงแสยะยิ้มแล้วเฉลยว่า

“เบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือด ภัยของคนสูงวัยมาเยือนกำนันฝอยผู้ไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปี แม่จดทะเบียนสมรสกับกำนัน มีส่วนแบ่งในกองมรดกของเขา”

“โห! คุณนาย คิดออกมาได้ยังไงครับนี่ ผมคิดไม่ทันเลย”

“เพราะความฉลาดเป็นคุณสมบัติส่วนตัวไง ที่ทางกำนันฝอยเยอะแยะ แค่หนึ่งในสามที่แบ่งกันแม่ก็รวยๆๆ นี่คือเหตุผลที่แม่ยังไม่กลับกรุงเทพฯวันนี้”

โพยมยงยืนยันไม่กลับกรุงเทพฯ แต่โฉมตรูเดินทางไปแล้ว เธอไปพบอรรถบอกเรื่องป่วยของบัวสาย ขณะเดียวกันบัวสายที่อาการมีแต่ทรงกับทรุดก็นับเวลารอให้ถึงวันประชันลำตัด

เมื่ออรรถมาเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาลบางลำ สองคนมีโอกาสรำลึกความหลังอย่างมีความสุข เขาและเธอรักกัน ถึงไม่ได้ใช้ชีวิตคู่ผัวตัวเมียแต่ความรักก็มิได้จางหายไปจากหัวใจของกันและกัน

ใกล้ถึงวันประชันลำตัดเข้ามาทุกที โพยมยงกับกำนันฝอยให้ลูกน้องวิ่งรถประกาศเชิญชวนราวกับหาเสียงเลือกตั้ง แถมมีสาวๆในชุดเซ็กซี่เรียกร้องความสนใจ งามไฉไลเห็นเข้าก็มีแผนบางอย่าง หิ้วกระเป๋าสัมภาระจากบ้านปกรณ์พลมาขออยู่กับโพยมยง

ฝาจุกไม่ไว้วางใจว่างามไฉไลมาดี ทำไมเปลี่ยนฝ่ายกะทันหัน ตรงข้ามกับฝาจีบที่ไม่คิดอะไรมาก ดีใจหน้าบานหากได้ร่วมชายคากับผู้หญิงที่ตนรัก

“ที่ฉันเปลี่ยนใจมาอยู่กับคุณแม่ เพราะฉันเห็นแนวโน้มว่าลำตัดไฮโซจะชนะ หลังจากมีรถแห่โฆษณา”

“เห็นมั้ยพ่อ พ่อเห็นมั้ย มันได้ผลเด็ดๆ เราต้องชนะไอ้เพลงลำ เพราะคนสนใจแดนเซอร์ โชะๆๆ”

ว่าแล้วฝาจีบกับสมุนวาดลีลาสั่นไปทั้งตัว กำนันฝอยตวาดห้ามเสียงดัง โพยมยงสงสัยว่ากำนันมีปัญหาอะไรอีก

“นี่กำนันไม่ดีใจหรือที่ลูกสาวของฉันมาอยู่ด้วย กำนันฝอยมีลูกติด ฉันก็มี กำนันฝอยรวย ฉันก็รวย เพราะฉะนั้นเราจะผนึกกำลังกันเพื่อโค่นลำตัดพื้นบ้านของนังเพลงลำ”

“แล้วแผนที่คุณนายจะพิชิตลำตัดพื้นบ้านล่ะครับ” กุชงค์เสนอหน้าเข้ามา โพยมยงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเผยแผนร้ายว่าเราต้องทำให้เจิดหายตัวลึกลับก่อนงานประชันลำตัด คืนนี้เองฝาจีบกับสมุนจึงไปดักตีหัวเจิดจนสลบขณะหาปลาริมคลองแล้วมัดไว้ในดงไผ่หมดสิทธิ์เป็นพระเอกลำตัดคู่กับเพลงลำ

คืนเดียวกัน ฝาจุกได้ยินกุชงค์กับงามไฉไลคุยกันอย่างไม่ประสงค์ดีต่อลำตัดไฮโซ คิดจะช่วยเจิดให้ได้กลับไปเล่นลำตัดคู่เพลงลำ แต่ฝาจุกก็ทำให้ทั้งคู่หมดโอกาสด้วยการให้ลูกน้องของพ่อกำนันจับเขาและเธอมัดขังไว้ในเล้าไก่

ooooooo

รุ่งขึ้นมีการประชันลำตัด ฝ่ายกำนันฝอยเตรียมพร้อมทุกอย่าง ขนสาวๆแดนเซอร์มาเต้นเรียกร้องความสนใจจากคนดู แต่ฝ่ายของเพลงลำยังไม่พร้อมเพราะเจิดหายไป ทุกคนช่วยกันหาแต่ไม่เจอ ปกรณ์พลจึงอาสาเล่นแทนเจิด

สองฝ่ายประชันบทกลอนกันอย่างเต็มที่ แต่ฝ่ายกำนันมีสาวๆในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นประกอบอยู่ข้างหลัง เพลงลำกับปกรณ์พลร้องลำได้ดีไม่มีที่ติ แต่ไม่ทันจบการแสดง เจิดโผล่มาในสภาพมอมแมมหลังจากเฉวียนไปเจอโดยบังเอิญแล้วช่วยออกมา

เจิดโมโหมากถึงกับชกต่อยฝาจีบล้มกลิ้ง แล้วเกิดตะลุมบอนของสองฝ่าย สร้างความวุ่นวายโกลาหลจนไม่รู้ใครเป็นใคร

อรรถพาบัวสายมาดูการประชันก่อนที่เธอจะสิ้นใจไปอย่างสงบ มีความสุขที่ลูกสาวทำสำเร็จ ลำตัดพื้นบ้านของชาวบางลำยังคงอยู่สืบต่อไป ผู้คนให้คณะเพลงลำชนะเพราะฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีสกปรกและทำให้ลำตัดออกนอกลู่นอกทาง ไม่มีใครยอมรับ

หลังงานศพบัวสาย โพยมยงตัดสินใจเก็บกระเป๋าเตรียมกลับกรุงเทพฯโดยดีไม่ต้องมีใครบังคับ กำนันฝอยเองก็ยอมรับความพ่ายแพ้ บอกว่าลำตัดเป็นศิลปะที่เราไม่ควรเอาไปปู้ยี่ปู้ยำให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม

“แต่ที่เราแพ้ เราเจ๊งนี่ คุณนายไม่ได้เสียอะไรเลยนะ”

“ทำไมฉันจะไม่เสีย ฉันเสียสละไม่แจ้งความเรื่องที่ลูกสาวกำนันแม่ฝาจุกจับลูกสาวของฉันกับกุชงค์มัดไว้ที่เล้าไก่ นี่น่ะหรือไม่เสีย ลูกของฉันเสียขวัญนะ”

“แต่ผมเสียมากกว่าคุณแม่ เอ๊ย! คุณนายอีกนะครับ”

“พี่ฝาจีบ พี่เสียอะไร พวกไอ้เพลงลำไม่เอาเรื่องเพราะต้องการให้เลิกแล้วต่อกัน พี่ไม่ต้องเสียค่าปรับที่จับนายเจิดไปขังไว้ในดงไผ่หนามเลยนะ แล้วเสียอะไร”

“ข้าก็เสียใจไงนังฝาจุก เสียใจที่ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เคยชนะใจคุณงามไฉไลเลย”

งามไฉไลนิ่งอึ้ง เริ่มสงสารฝาจีบ มองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม

“ข้าด้วย ข้าก็ชักจะรู้ตัวว่าข้าเสีย...เสีย...”

“เสียเงินน่ะมันของแน่อยู่แล้วพ่อ เสียเงินลงทุนทำคณะลำตัดไฮโซไปมากมาย ไม่ได้คืนแม้แต่เก๊เดียวเพราะ...” ฝาจุกไม่พูดต่อแต่ชำเลืองมองไปทางโพยมยง

“เป็นอันว่าเราทุกคนต่างก็เสียใจ ฉันมาคิดดูคนเรานี่มันเอาอะไรแน่ไม่ได้เลยนะ แม่บัวสายเห็นกันอยู่หลัดๆ ก็ต้องมาตายจาก แล้วฉันจะอยู่ได้สักกี่น้ำ”

“แล้วคุณนายจะงกจะอยากได้ใคร่ดีไปทำไมล่ะครับ ผมว่าเราควรจะยอมรับความพ่ายแพ้แล้วขอโทษเพลงลำดีกว่า เพลงลำชนะ ชัยชนะก็อยู่ที่บางลำนี่แหละ ไม่ได้ไปไหน จริงไหมครับ”

ทุกคนคิดตามคำพูดกุชงค์แล้วพยักหน้ายอมรับโดยดี หลังจากนั้นไม่นานทั้งหมดจึงเดินขบวนไปถึงบ้านเพลงลำเพื่อขอโทษ แต่บัวเผื่อนเข้าใจผิดคิดว่ามาร้ายเลยเกือบจะวางมวยกันถ้าเพลงลำไม่ออกมารับฟัง

“คุณแม่อยากขอโทษเพลงลำ” งามไฉไลเกริ่นนำ

“ใช่ ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ ฉันรู้แล้วว่าลำตัดดังต้องเป็นลำตัดดี เป็นลำตัดของบางลำเท่านั้น เป็นเพราะฉันเป็นโรคกลัวจน ฉันถึงได้ลืมไปว่าจริงๆแล้วคนเกิดมาก็ต้องตาย เอาอะไรไปไม่ได้”

“ใช่ครับคุณนาย ผมเองก็ควรจะภูมิใจ เพราะไม่ว่าใครจะชนะ ลำตัดก็เป็นลำตัดบางลำ...ไอ้เจิด ข้าจะยกหนี้ให้ยายเฉวียนเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานของเอ็งกับครูทองน้ำงาม”

ทุกคนส่งเสียงเฮด้วยความยินดี เจิดยิ้มหน้าบานรีบไปบอกเฉวียนกับทองน้ำงามแล้วถามว่าที่แม่ยายว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ ตนพอมีเก็บอยู่บ้าง ปรากฏว่าเฉวียนไม่เรียกสักสลึงเดียวแถมยังรับปากว่าตนจะเลิกเล่นการพนันทุกชนิดอย่างถาวร...

ความสุขของชาวบางลำเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันถัดมา เพลงลำกับปกรณ์พลเข้าพิธีแต่งงานพร้อมทองน้ำงามกับเจิด...กำนันฝอยเห็นเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย

จึงให้ฝาจีบกับงามไฉไลที่ปรับความเข้าใจกันได้แต่งเสียพร้อมกัน อีกคู่คือฝาจุกกับกุชงค์ ที่โพยมยงชงไปชงมาจนทั้งคู่ตกลงปลงใจกันในที่สุด

รวมแล้วบ่าวสาวทั้งหมดแปดคนสี่คู่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน โดยมีกำนันฝอย โพยมยง อรรถ โฉมตรู และดาหวันเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน เฝ้ามองลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝาด้วยความปีติยินดี

ส่วนกำนันฝอยกับโพยมยงก็ยังคงสถานะสามีภรรยากันต่อไปอย่างไม่รังเกียจรังงอนเหมือนแต่ก่อน เพราะทุกคนปลดปลงกับชีวิตที่ไม่แน่นอน

หลังพิธีวิวาห์ผ่านไปแค่ข้ามคืน ไข่กาก็วิ่งหน้าตั้งมาร้องเรียกเพลงลำที่เรือนหอ ออกตัวเสียงดังทั้งที่ยังไม่มีใครโผล่ออกมา

“ก็เข้าใจนะว่าเมื่อวานเพิ่งแต่งงานเสร็จ เมื่อคืนเพิ่งส่งตัวเข้าหอ แต่นี่มันจำเป็นจริงๆ พี่เพลงลำ คุณปกรณ์พล...”

สองคนชะโงกมาทางหน้าต่างด้วยท่าทีง่วงงุน เพลงลำทักไข่กา ขณะที่ปกรณ์พลถามเธอว่ามีอะไร ส่งเสียงแต่เช้าเลย

“มีคนมาหางาน เรามีงานแล้ว”

“มีคนมาหางาน เราจะมีงานแสดงแล้วค่ะคุณปกรณ์พล” เพลงลำเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ แต่ปกรณ์พลดีใจมากกว่าเร่งเร้าไข่กาให้ไปบอกเจ้าภาพได้เลยว่าตกลง...

เมื่อลำตัดคณะเพลงลำทำการแสดงแค่ครั้งเดียวแต่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ปรากฏว่าผู้คนตอบรับอย่างรวดเร็ว ปกรณ์พลกับเพลงลำกลายเป็นคู่ขวัญช่วยกันสืบสานศิลปะงดงามของไทย

ooooooo

–อวสาน–
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น