วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลงรักเพลงลำ ตอนที่ 4


เพลงลำหลบหน้าปกรณ์พลตั้งแต่เมื่อวาน...

วันนี้เจอกันที่ท่าน้ำ ชายหนุ่มตัดสินใจสารภาพว่าเขารักเธอ เพลงลำดีใจแต่กลบเกลื่อนทำเฉไฉ แล้วสองคนก็หยอกล้อกันไปอย่างมีความสุข

สายวันนี้โพยมยงกับงามไฉไลมาที่บ้านอรรถ แต่ช้าไปนิดเดียว สองแม่ลูกไม่เจอเจ้าของบ้าน ทราบจากดาหวันว่าโฉมตรูไปวัด ส่วนอรรถไปตามปกรณ์พลที่บางลำ

เวลานั้นที่ศาลาการเปรียญบ้านบางลำกำลังมีประชุมหน่วยงานของรัฐด้วยเรื่องการจัดงานประจำปีของวัด ปลัดเห็นควรให้จัดการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านเพื่อยกฐานะให้อำเภอและตำบลของเราเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทีมงานเลยเสนอลำตัดคณะบัวผ่อง บัวผ่องรีบบอกว่าตนยกคณะให้บัวสายไปแล้ว แต่ยังพอเขย่าลูกกระเดือกเรียกแขกได้อยู่

บัวสายกับบัวเผื่อนยินดีให้ความร่วมมือถ้าเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทย แต่ฝาจุกลูกสาวกำนันฝอยกลับแย้งขึ้นเสียงดังว่า

“ทำไมต้องเป็นลำตัด คนรุ่นใหม่เขาไม่มีใครอยากดูลำตัดหรอก หาวงสตริงมาเล่นดีกว่า...มันส์กว่าเยอะเลย”

“เฮ้ย! ไม่ได้ ก็คุณปลัดท่านรับคำสั่งมาจากอำเภอ อำเภอรับนโยบายมาจากจังหวัด อบต.ก็สนองตอบด้วยความร่วมมือ จะให้บางลำเป็นหน้าเป็นตา ฟื้นฟูวัฒนธรรมไทย”

“น้าบัวสายก็เลยเข็นลูกหลานตัวเองออกมาขาย ฉันทายได้เลยว่ายายบัวผ่องต้องร้องเพลงเรือ”

ขาดคำของฝาจุก บัวผ่องก็ลุกขึ้นขยับลูกคอไปมา ฝาจีบได้ทีเดินร้องลำตัดเข้ามา โดยมีสมุนเป็นลูกคู่ แต่ทั้งหมดล้วนเสียงเพี้ยนจนผู้คนต่างส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้

กำนันฝอยอับอายขายหน้า กลับถึงบ้านฝาจุกก็บ่นเป็นกระบุงว่าฝาจีบทำไปได้ เสียงอย่างกับควายแท้งลูก ทำให้พ่อขายหน้าอายพวกอำเภอ แล้วไหนจะโดนบัวสายหัวเราะเยาะอีก

ฝาจีบเถียงไม่ลดราวาศอก กำนันฝอยเห็นสองพี่น้องไม่กลมเกลียวก็โมโหแทบลมจับ แทนที่จะช่วยกันคิดหาทางดับรัศมีเพลงลำกลับมากัดกันเอง เดี๋ยวไอ้พวกลำตัดมันก็ได้ดีเกินหน้าเกินตา ฝาจีบเลยบอกพ่อว่าไม่ต้องห่วง บัวสายมีเพลงเรือ ตนก็มีเพลงเหมือนกัน

“เพลงอะไรวะ” กำนันฝอยสงสัย

ฝาจีบอึกๆอักๆ ทำหน้าเจื่อนไม่อยากตอบ

ooooooo

ขณะเดียวกันที่บ้านบัวสาย ไข่กามาป่าวประกาศเรื่องเล่นลำตัดในงานประจำปี ซึ่งบัวสายต้องการให้บัวเผื่อนเป็นตัวเอก เพลงลำกับปกรณ์พลก็ต้องเล่นด้วย

เพลงลำตั้งท่าปฏิเสธเหมือนเดิมเพราะไม่เคยสนใจลำตัดมาแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้งนี้บัวสายบังคับว่าต้องเล่น...ให้มันรู้ไปว่าเล่นแล้วมันจะตายคาเวที

เพลงลำโอดครวญแต่ไม่เป็นผล ถูกเรียกมาซ้อมกับคนอื่นๆที่ชานเรือน แต่ไม่ทันไรไข่กาก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น หันมองปกรณ์พลแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“แม่...เดี๋ยวก่อน มีเรื่องอีกแล้ว”

“เรื่องอะไรกันอีกล่ะโว้ย” บัวผ่องโวยลั่น

บัวสายลุกขึ้นมองไปที่ทางเดิน...ชายกลางคนเดินเข้ามาจ้องมองผ่านปกรณ์พลไปยังบัวสาย ปกรณ์พลลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นผู้มาเยือน

“คุณพ่อ...”

เสียงอุทานของปกรณ์พลทำให้ทุกคนชะงัก อรรถจ้องไปยังบัวสาย ขณะที่บัวสายก็เขม้นมองเขาอย่างจำได้ ต่างคนจ้องมองกันและกันด้วยความตื่นตระหนก แล้วอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน

“บัวสาย!”

“คุณอรรถ!”

คนอื่นๆได้ยินชัด หันมองหน้ากันไปมาอย่างงุนงงสงสัย

ooooooo

การพบกันระหว่างอรรถกับบัวสายสร้างความประหลาดใจและตื่นตระหนกให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก บัวสายเพียงเรียกชื่ออรรถแล้วก็รีบวิ่งไปเอาปืนบนเรือนมายิงหลายเปรี้ยง!

พวกกำนันฝอยนั่งรถอีแต๋นจะผ่านมาแถวนี้ถึงกับตกอกตกใจนึกว่ามีการปล้น รีบลงรถหาที่ซ่อนกันจ้าละหวั่น

ที่แท้บัวสายแค้นเคืองอรรถเพราะเรื่องราวในอดีต เธอตัดเป็นตัดตายไล่เขากลับไป ยิ่งเมื่อปกรณ์พลบอกว่าอรรถคือพ่อของตน บัวสายแทบช็อก ทำท่าจะยิงทั้งสองคนถ้าเพลงลำไม่เอาตัวเข้ามาขวางไว้

“อย่า! แม่อย่ายิงคุณปกรณ์พลนะ ถ้าแม่จะยิงเขาแม่ก็ยิงเพลงลำอีกคน เราจะได้ตายไปพร้อมๆกัน”

“เพลงลำ...นี่หมายความว่า...” บัวสายลำคอแห้งผาก ขณะที่บัวผ่องตกใจร่ำร้องว่าหลานยาย...

“เพลงลำกับคุณปกรณ์พลรักกันจ้ะแม่ ฆ่าเขาแม่ก็ฆ่าลูกของแม่ด้วย แม่จะได้มีความสุข ไม่มีใครอยู่ขัดคำสั่งของแม่อีก เอาสิแม่...ยิงเลย ยิงเพลงลำให้ตาย”

ปกรณ์พลผวาเข้าหาเพลงลำ อรรถกระชากมือลูกชายไว้ สั่งให้กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้ ปกรณ์พลขัดขืนเพราะรักเพลงลำ อรรถจึงยื่นคำขาดว่าถ้าไม่กลับเราก็ไม่ต้องเป็นลูกเป็นพ่อกันต่อไป

ทันใดนั้นบัวสายยิงปืนขึ้นฟ้า ทุกคนสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจและหวาดกลัว

“กลับไป...แล้วไม่ต้องกลับมาบางลำอีก ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณอีกแล้ว”

ปกรณ์พลหน้าเสีย อรรถกระชากแขนลูกชายไปขึ้นรถ เพลงลำทำใจไม่ได้ร้องไห้โฮวิ่งขึ้นเรือนเข้าห้องปิดประตูดังปัง

หลังจากลูกถูกพ่อบังคับเอาตัวกลับไปได้แล้ว บัวผ่องก็คาดคั้นบัวสายเป็นการใหญ่

“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น งงโว้ย! งงงัน อยู่ดีๆเอ็งก็เอาปืนมาไล่ยิงคุณพ่อคุณปกรณ์พลเขา พูดกันด้วยดีก็ได้ จะให้เขาอยู่หรือจะให้เขาไป ทำยังงี้ข้าขวัญหนีดีฝ่อนะโว้ย บอกมา...นี่มันอะไรกัน!”

บัวสายไม่ตอบ ทิ้งปืนเดินหนีไป ทุกคนมองตามด้วยความแปลกใจ เจิดขยับจะก้าวตามแต่บัวเผื่อนบอกไม่ต้อง เดี๋ยวตนจัดการเอง

บัวเผื่อนตามพี่สาวไปถึงท่าน้ำ เอ่ยปากเหมือนรู้ตื้นลึกหนาบาง “พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือ พี่ทำแบบนี้เท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“มันจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็น แต่เอ็งก็รู้ว่าพี่ยอมให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เพราะอะไร” น้ำเสียงของบัวสายขมขื่น ดวงตาเจ็บปวด “ต่อไปนี้ห้ามเปิดประตูต้อนรับคุณปกรณ์พลอีก ใครขัดคำสั่งฉันจะไล่ออกจากคณะ เราทุกคนต้องช่วยกันเอาตาดูหูฟังเรื่องของเขากับเพลงลำ ห้ามไม่ให้เพลงลำพบเขาอีก”

บัวเผื่อนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำใจ บัวสายสะเทือนใจร้องไห้อย่างเจ็บปวด นึกถึงความหลังในอดีตที่เคยชอบพอกับอรรถเมื่อครั้งไปแสดงลำตัดที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งความสัมพันธ์เลยเถิดถึงขั้นได้เสียและตั้งท้องเพลงลำขึ้นมา เรื่องทั้งหมดบัวเผื่อนทราบดีแต่ไม่เคยพูดให้ใครฟังแม้แต่บัวผ่อง

เสียงปืนเงียบไปทำให้พวกกำนันฝอยแน่ใจว่าไม่ใช่การปล้น แต่พากันมาด้อมๆมองๆแถวบ้านบัวสายอยากรู้ว่าใครกันที่ยิงปืน ฝาจุกไม่สนใจเรื่องอื่น นอกจากอยากรู้ว่าปกรณ์พลอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นเขาเลย หรือว่าเขากลับกรุงเทพฯไปแล้ว

ooooooo

กลับถึงบ้าน ปกรณ์พลไม่พูดกับแม่สักคำเดินหนีขึ้นห้องทั้งที่สงสัยเหลือเกินว่าพ่อมีเหตุผลอะไรถึงลากตนกลับมาอย่างอารมณ์เสีย

โฉมตรูเองก็แปลกใจทำไมอรรถถึงดูดุดัน แค่เรื่องลูกไปหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ทำไมต้องทำรุนแรงถึงขนาดนี้ แถมอยู่ดีๆยังจะไปพบโพยมยงเพื่อคุยเรื่องหมั้นระหว่างงามไฉไลกับปกรณ์พล แล้วจะให้ปกรณ์พลทำงานในกิจการของครอบครัวด้วย

โฉมตรูไม่เข้าใจแต่ไม่กล้าขัดแย้งอรรถ เธอมาบ่นกับดาหวันอย่างกลัดกลุ้มเรื่องอรรถจะเจรจาเรื่องหมั้นระหว่างงามไฉไลกับปกรณ์พล ซึ่งดาหวันก็สงสัยเช่นกัน

“เมื่อก่อนนี้ไม่เห็นมีทีท่า หรือว่าคุณอรรถกลัวว่าคุณกรณ์จะพาสะใภ้ลำตัดเข้าบ้าน”

“ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณอรรถคิดอะไร แต่ฉันไม่เคยเห็นตากรณ์ชอบหนูงามไฉไลเลย ถึงจะจับตากรณ์หมั้นกับหนูงามไฉไลตากรณ์ก็ไม่มีความสุข งามไฉไลเป็นลูกคนเดียว ถูกเลี้ยงมาเหมือนคนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน จะอยู่ร่วมกับผู้หญิงอย่างงามไฉไลเป็นเรื่องยาก”

“ก็ถึงว่าน่ะสิคะ ดีอยู่อย่างเดียวคุณนายโพยมยงเป็นแม่ค้า...เอ๊ย...คนหาเงินเก่ง แล้วเรื่องนี้คุณกรณ์รู้หรือยังคะ”

แน่นอนว่าปกรณ์พลยังไม่รู้ เขาหมกตัวอยู่ในห้องเฝ้าคิดถึงเพลงลำ เขาไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนี้อย่างเด็ดขาด อยากกลับไปหาเธอใจจะขาด...

เพลงลำก็เช่นกัน เอาแต่ร้องไห้ไม่เป็นอันทำอะไร ไข่กาเห็นแล้วสงสารจับใจ ปลอบโยนกันไปอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าหนุ่มกรุงเทพฯคนนั้นจะกลับมาบางลำอีกหรือเปล่า

บัวสายเข้ามาในห้องเห็นลูกสาวนั่งร้องไห้ก็สงสารเหมือนกัน แต่อยากให้ลูกตัดใจลืมเขาเสีย เขาไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับลูกแม่

“เพราะเพลงลำเกิดมาโดยไม่มีพ่อ แม่ถึงได้คิดว่าผู้ชายทุกคนเหมือนกันหมด ไม่เหมาะที่จะเป็นอะไรได้นอกจากทาส เพลงลำรักคุณปกรณ์พล ถึงจะไม่ได้อยู่ร่วมกับเขา แต่แม่ก็กีดกันความรักของเราไม่ได้ แม่เป็นคนเก่ง แม่จะห้ามน้ำห้ามไฟแม่ก็ทำได้ แต่แม่จะห้ามไม่ให้เพลงลำรักเขา แม่ห้ามไม่ได้หรอก”

“เพลงลำ...นี่แม่จะอธิบายให้ลูกฟังยังไงดี”

“แม่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แม่ขังเพลงลำได้แต่ตัว แต่แม่ขังหัวใจของเพลงลำไม่ได้ เพลงลำจะรักคุณปกรณ์พลไปจนตาย เพลงลำขอสาบาน”

เพลงลำสะอื้นสะอึก บัวสายขยับจะเข้าไปกอดลูกแต่ชะงักแล้วตัดใจเดินออกมา

ooooooo

เจิดเป็นอีกคนที่สงสัยเหลือเกินว่าเหตุการณ์เมื่อวานมันอะไรยังไง สายวันนี้เขามาซักถามบัวเผื่อนที่ค่ายมวย เชื่อว่าเขาต้องรู้ความจริง ทำไมบัวสายกับพ่อของปกรณ์พลต้องเข่นฆ่ากัน

“แม่บัวสายไม่เคยโกรธอย่างนี้มาก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว”

“มันงงแต่เอ็งคนเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ มันก็งงทุกคนแหละวะ อยู่อย่างงงๆก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

“เรื่องนี้มันต้องมีลับลมคมใน แม่ไม่ใช่คนหวงวิชา แม่อาจจะเป็นคนแปลกๆไม่ไว้ใจใคร แต่แม่ก็สนับสนุนให้คุณปกรณ์พลเรียนรู้เรื่องลำตัด เขาผ่านการพิสูจน์ของแม่มาแล้ว...แล้วทำไม”

“มันก็ไม่มีใครเข้าใจหรอก”

“น้าบัวเผื่อนต้องเข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้นกับแม่กับคุณพ่อของคุณปกรณ์พล แม่เคยรู้จักเขาใช่ไหม”

“เฮ้ยๆๆๆ อย่ามาถามข้ายังงี้ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง เอ็งจะรู้ไปทำไมวะไอ้เจิด”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าพูดไม่ได้หรอก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของพี่บัวสาย”

“มันเกี่ยวกับเพลงลำใช่ไหม”

บัวเผื่อนหาทางเลี่ยงด้วยการลุกขึ้นตัดบท “เอาเถอะ พี่บัวสายสั่งให้ทำยังไง พวกเอ็งก็ทำตามคำสั่งก็แล้วกัน เชื่อผู้ใหญ่ไว้เถอะไอ้เจิด หมาจะได้ไม่กัดเอ็ง”

“แต่เพลงลำล่ะ”

“วันหนึ่งเพลงลำคงจะลืมคุณปกรณ์พล เขาเป็นคนกรุงเทพฯ เขาไม่เหมาะสมกับเพลงลำหรอก ลืมกัน เสียตอนนี้ยังดีกว่าปล่อยให้เตลิดเปิดเปิงไปรักเขา มันจะ กลายเป็นเรื่องใหญ่”

“เรื่องใหญ่” เจิดพึมพำ นิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความสงสัย

ขณะเดียวกัน บัวผ่องกำลังลากบัวสายไปคุยที่ท่าน้ำ โดยไม่รู้ว่าเพลงลำตามมาแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง

“บอกมาว่าพ่อคุณปกรณ์พลเขาเป็นใคร เอ็งรู้จักเขาดีใช่ไหม พอเห็นหน้าเขา เอ็งถึงได้วิ่งขึ้นไปคว้าปืนมาไล่ยิงเขา”

“นี่ไม่ใช่เรื่องของแม่เลยนะ ฉันไม่อยากให้คนพวกนี้เข้ามายุ่งกับเพลงลำ...มันก็แค่นั้น”

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เอ็งรับคุณปกรณ์พลไว้เพราะเขาผ่านการทดสอบ จู่ๆ กลับไล่เขาออกจากบ้าน มันต้องมีอะไรแน่ๆ”

“มันจะมีหรือไม่มี เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว วันหนึ่งแม่จะขอบใจฉันที่ฉันตัดไฟแต่ต้นลมวันนี้”

“บัวสาย...เอ็งเคยทำให้แม่เสียใจมาแล้ว นี่เอ็งกำลังจะทำให้ลูกของเอ็งเสียใจนะ”

“ถ้าแม่รู้ว่าความจริงคืออะไร แม่จะเสียใจเสียยิ่งกว่าที่เคยเสีย”

เพลงลำได้ยินทุกคำของแม่...สีหน้าและแววตาเธอเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

ooooooo

ฝาจุกมาด้อมๆมองๆแถวบ้านลำตัดของบัวสายอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น อยากรู้ว่าปกรณ์พลไปไหน แล้วเขากับเพลงลำมีอะไรกันหรือเปล่า

ไข่กาเผชิญหน้ากับฝาจุกและตอบคำถามแรกว่าปกรณ์พลกลับกรุงเทพฯไปแล้ว แต่อีกคำถามที่ว่าเขากับเพลงลำมีอะไรกันมันยังไงตนไม่เข้าใจ

“ก็มีแบบที่น้าบัวสายเคยไปเล่นลำตัดที่บางกอก แล้วก็...ก็หอบท้องโย้ๆกลับมาบางลำน่ะสิ”

ไข่กาโกรธหันรีหันขวางก้มลงดึงหญ้าที่พื้นดินยัดปากฝาจุกแล้วด่าซ้ำ “เรื่องมันตั้งนานนมแล้วยังจดจำไว้อีก จำไว้ทำไมความชั่วของคนน่ะ ทำไมไม่เลือกจำไอ้ที่มันดีๆ เดี๋ยวปั๊ด”

“อย่า...ไข่กา” เพลงลำก้าวเข้ามา ไข่กาจึงปล่อยมือ แต่ยังขับไล่ฝาจุกให้รีบไปก่อนจะโดนเตะ

ฝาจุกฮึดฮัดสะบัดหน้าออกไป ไข่กามองเขม่นแล้วหันกลับมาปลอบโยนเพลงลำที่แน่ใจว่าได้ยินคำพูดแย่ๆของฝาจุกเมื่อสักครู่

“อย่าไปฟังนังฝาจุก มันมาสืบข่าวเรื่องคุณปกรณ์พล พอไม่ได้ความมันเลยพูดจาเลอะเทอะ คุณปกรณ์พลไม่ใช่คนมักได้ยังงั้นหรอก ป่านนี้เขาคงคิดถึงเพลงลำ”

“แม่คงมีเหตุผล ถ้าแม่ไม่ยอมให้เพลงลำรักคุณปกรณ์พล...เพลงลำต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุผลนั่นคืออะไร”

ใช่แค่เพลงลำที่ต้องการทราบเหตุผล ปกรณ์พลก็เช่นกัน เขาไม่เข้าใจทำไมพ่อถึงห้ามคบเพลงลำทั้งที่พ่อไม่เคยสนใจเรื่องจนหรือรวย

อรรถตั้งกฎเหล็กห้ามปกรณ์พลกลับไปบางลำแล้วยังบังคับให้เขาหมั้นกับงามไฉไลอีกต่างหาก ชายหนุ่มไม่ยอมหมั้นเพราะไม่ได้รักงามไฉไล แต่อรรถไม่สนใจ บอกให้ดูพ่อกับแม่เป็นตัวอย่าง พ่อไม่เคยรักแม่มาก่อนแต่แต่งงานแล้วพ่อก็ทำหน้าที่ของสามีอย่างไม่บกพร่อง

“ผู้หญิงที่ดีอย่างแม่ของแกลบภาพของอะไรต่อมิอะไรที่มันเคยเลอะเทอะอยู่ในใจของพ่อได้ ทำไมแกไม่เปิดโอกาสให้หนูงามไฉไลทำหน้าที่ภรรยาของแกในอนาคต”

“ผมไม่ได้รักงามไฉไล ผมรักงามไฉไลไม่ได้ อย่าว่าแต่งามไฉไลเลยครับ ผู้หญิงคนไหนในโลก ผมก็รักไม่ได้ เพราะผมรักเพลงลำครับ ผมรักเพลงลำตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า รักลึกลงไปเรื่อยๆ จนมันกลายเป็นความรักที่ไม่ธรรมดาอีกแล้ว ผมถึงได้กลับไปที่นั่น”

“ไม่ได้นะ แกจะรักผู้หญิงคนนั้นไม่ได้”

“ทำไมล่ะครับ ทำไมผมจะรักเพลงลำไม่ได้ เพราะเพลงลำจนยังงั้นหรือครับ หรือเป็นเพราะเพลงลำเป็นแค่ลูกของแม่เพลงลำตัด สมัยนี้ใครถือสากันว่าใครเป็นใคร เขาก็เลือกคู่ครองกันด้วยความรักทั้งนั้น”

“ไม่ได้! ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้”

“เหตุผลล่ะครับ ถ้าคุณพ่อบอกเหตุผลผมมาแค่ข้อเดียว ผมจะได้รู้ว่าทำไม...คุณพ่อไม่ใช่คนที่มองคนที่เงิน เงินของคุณพ่อมีมากมายมหาศาล เป็นเจ้าของสถาบันการเงิน เงินไม่สำคัญสำหรับเรา”

อรรถโมโหเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางดุดันน่ากลัว โฉมตรูต้องรีบเข้ามากั้นกลางระหว่างพ่อกับลูก

“เอาเถอะค่ะ อย่าเพิ่งถกกันเรื่องของเหตุผลเลย ฉันเชื่อว่าคุณมีเหตุผลที่จะตอบคำถามของลูกได้ กรณ์ก็เหมือนกัน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาชนะกัน”

ปกรณ์พลผลุนผลันออกไป อรรถอ่อนล้าทรุดตัวลงนั่งแต่กล่าวจริงจังกับภรรยาว่าเราต้องไปบ้านโพยมยงเจรจาเรื่องหมั้นให้เร็วที่สุด

ooooooo

สายตะวันโด่งงามไฉไลเพิ่งตื่นนอน หล่อนเดินบิดขี้เกียจมาเปิดม่านหน้าต่างแล้วตาโพลงเมื่อเห็นรถยนต์ของอรรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน

โพยมยงอยู่ชั้นล่างเห็นรถอรรถก็ตกใจเช่นกัน รีบวิ่งขึ้นชั้นบนเป็นจังหวะที่งามไฉไลวิ่งสวนลงมา สองแม่ลูกเกือบชนกันกลางบันได ร้องวี้ดว้ายคว้าตัวกันไว้ทันท่วงที

จากนั้นก็ถกกันว่าสองสามีภรรยามาทำไม หรือว่าจะเป็นเรื่องหมั้นที่อรรถเกริ่นไว้กับโพยมยง แต่น่าแปลกแต่ไหนแต่ไรปกรณ์พลไม่เคยแสดงท่าทีรักใคร่งามไฉไลแล้วทำไมถึงจะหมั้น หรือจะเกี่ยวกับเพลงลำ ถ้าเป็นอย่างหลังงามไฉไลประกาศกร้าวว่า ขอให้ตนได้เป็นคู่หมั้นปกรณ์พลเสียก่อนแล้วตนจะจัดการเฉดหัวเพลงลำไปจากชีวิตเขาให้จงได้

ด้านเพลงลำที่ยังทำใจไม่ได้ที่แม่ห้ามพบและคบหากับปกรณ์พลโดยไม่บอกเหตุผล เธอไม่กินข้าวกินปลาตั้งแต่เมื่อวานจนไข่กาเป็นห่วง คะยั้นคะยอให้กินเสียบ้างจะได้มีเรี่ยวแรง จะดื้อแพ่งกับแม่ขอให้ใช้วิธีอื่น วิธีนี้เท่ากับฆ่าตัวตาย

“ไม่เอาน่า ทำอย่างนี้พวกเราเป็นห่วงนะ พี่เจิดมาด้อมๆมองๆแต่เช้า น้าบัวเผื่อนก็เอาแต่เดินวนไปเวียนมาแล้วถอนหายใจเฮือกๆ ส่วนแม่ก็รื้อเอาปืนเอากระสุนในหีบเหล็กออกมา แล้วเอาปืนยาวมาทำความสะอาด ท่าทางแม่เอาเรื่องนะ ถึงแม่จะไม่พูดอะไรกับใคร แม้แต่น้าบัวเผื่อน”

“ฉัน...ฉันเป็นห่วงคุณปกรณ์พล”

“พวกเราก็เป็นห่วงเขากันทุกคน คุณปกรณ์พลเป็นคนดี เขาอยู่กับคณะลำตัด เขาก็ไม่ถือเนื้อถือตัว คบสนิทไปหมดตั้งแต่พี่เจิดไปถึงคนรำมะนา ทำตั้งแต่งานในนาถึงล้างจาน ถูบ้าน จะหาใครได้อย่างเขาไม่มีอีกแล้ว”

“เขาจะกลับมาอีกมั้ยไข่กา”

“เขาต้องกลับมาสิ เขาบอกแล้วไงว่าเขารักเพลงลำ ...สงสัยจัง แม่ต้องรู้จักคุณพ่อของคุณปกรณ์พลมาก่อนแน่ๆ แม่กำลังจะซ้อมเพลงลำตัด แต่พอคุณพ่อคุณปกรณ์พลเข้ามาถึงเท่านั้นแหละ แม่วิ่งเข้าไปคว้าปืนในเรือนมายิงเปรี้ยงๆ ซ้ำคุณพ่อคุณปกรณ์พลยังยืนตัวแข็งทื่อทันทีที่เห็นหน้าแม่ เหมือนตกตะลึงตึงตัง”

“จริงสินะ ท่าทางคุณพ่อคุณปกรณ์พลเป็นผู้ดีไม่น่าจะทำรุนแรงกับลูกเลย”

“เราทุกคนนับถือความกล้าหาญของคุณปกรณ์พล เขาประกาศว่าเขารักเพลงลำ ไม่กลัวแม้แต่กระสุนปืนของแม่ ฉันไม่แปลกใจหรอกที่เพลงลำรักเขาน่ะ แต่เรื่องนี้มันคงจะไม่ง่าย”

“ใช่...เขาอาจจะไม่กลับมาอีกก็ได้ แต่เพลงลำจะรอ จะรอคุณปกรณ์พลจนกว่าจะตาย”

ไข่กาตะลึงคาดไม่ถึง แต่ต้องยกสำรับอาหารออกไปเมื่อบัวสายเดินสีหน้ามึนตึงเข้ามาบอกเพลงลำว่า

“งานประชันลำตัดอาทิตย์หน้าเตรียมตัวออกโรงลำตัดกับแม่ นี่เป็นงานเกียรติยศ เพลงลำเป็นลูกลำตัด อย่าไปฝันถึงอะไรที่มันไกลตัวหน่อยเลย ลูกลำตัดก็คือลูกลำตัด” จบคำบัวสายก็เดินออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เพลงลำได้พูดอะไรสักคำ

ooooooo

หลังจากเจรจากับโพยมยงเรื่องหมั้นระหว่างงามไฉไลกับปกรณ์พลเรียบร้อยแล้ว อรรถรีบไปหาฤกษ์หมั้นต่อทันที ปรากฏว่าได้ฤกษ์เป็นสัปดาห์หน้า อรรถพอใจว่ารวดเร็วทันใจดีแท้ แต่สำหรับโฉมตรูนั้นคิดว่าเร็วเกินไป เธอยังไม่ได้พูดกับลูกชายเลย

“งั้นคุณก็พูดกับเขาวันนี้เลย พิธีจัดที่บ้านนี่แหละ เชิญญาติผู้ใหญ่เท่าที่จำเป็น”

“แต่ว่า...” โฉมตรูจะท้วงอีกแต่อรรถลุกขึ้นตัดบทว่าเอาตามนี้แล้วกัน บอกลูกเตรียมตัวให้พร้อม “ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับลูกยังไง คุณก็รู้เท่าๆกับที่ฉันรู้ว่าตากรณ์ไม่ได้รักงามไฉไล”

“รักหรือไม่รักไม่สำคัญ เขาต้องหมั้น”

“เหมือนกับคุณที่ไม่เคยรักฉัน แต่เราก็แต่งงานกัน ใช้ชีวิตร่วมกันมาได้ถึงตอนนี้ เรากับลูกไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน ฉันเป็นแม่ สิ่งที่ฉันปรารถนาคือได้เห็นลูกมีความสุขค่ะ เราจะไม่ทบทวนอีกครั้งหรือคะ”

“ทบทวน คุณหมายถึงอะไร”

“คิดให้ดีก่อนที่เราจะผลักลูกลงนรก”

“เหลวไหล...ปกรณ์พลไม่ใช่เด็กที่คุณจะตามใจเขาอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่ เขาต้องใช้ชีวิตอย่างที่พ่อแม่เป็น นั่นเป็นหน้าที่”

“เอาเป็นว่าคุณต้องการให้มีการหมั้น ถ้าคุณพร้อมจะเสียใจทีหลังล่ะก็ ฉันไม่ขัดข้องหรอกค่ะ คุณเป็นพ่อของเขา คุณเป็นเจ้าของชีวิตเขานี่”

โฉมตรูทิ้งท้ายด้วยความน้อยใจแล้วผละไป อรรถหน้าเศร้า นั่งจมอยู่กับความหลังอันเจ็บปวด

ครู่ต่อมา โฉมตรูชงชาเข้าไปให้ปกรณ์พลในห้องนอน ชายหนุ่มรู้ทันถามเสียก่อนว่าพ่อให้มาพูดกับตนเรื่องหมั้นใช่ไหม

“แม่เปลี่ยนใจคุณพ่อไม่ได้ แม่ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณพ่อมีเหตุผลอะไร”

“แค่ผมรู้ว่าคุณแม่ไม่ได้รังเกียจเพลงลำ ผมก็ขอบคุณคุณแม่อย่างสูงแล้วล่ะครับ”

“เรื่องราวของความรักกับความเหมาะสมยังเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา คุณพ่อต้องการทำหน้าที่ของพ่อ ลูกก็มีหน้าที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง”

“คุณแม่กำลังจะบอกผมว่า...”

“แม่ไม่บังคับลูก มันเป็นเรื่องที่ลูกต้องตัดสินใจเองเรื่องหมั้น”

“ผมรักเพลงลำ”

“แม่รู้...แม่ยอมรับการตัดสินใจของลูก ในฐานะที่แม่เป็นแม่ แต่ในฐานะที่ลูกเป็นลูก ลูกต้องตัดสินใจเอง”

ฟังแม่แล้วปกรณ์พลนิ่งไปอย่างลังเล...

ฝ่ายงามไฉไลที่จู่ๆโชคก็พุ่งชน เธอคาดหวังเรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานกับปกรณ์พลมานานแล้ว...ไม่นึกว่าจะง่ายดาย แต่เรื่องนี้เธอไม่สนใจ สงสัยแต่ว่าทำไมเช้านี้เธอโทร.ไปหาแล้วเขาไม่รับสาย

“ยังไม่ตื่นมั้ง นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเท่านั้นเอง หนูยังไม่ได้เข้านอนน่ะสิถึงได้คิดว่านี่สายแล้ว”

“งามนอนไม่หลับหรอกค่ะ ต้องโทร.ไปหาเพื่อนคนนั้นคนนี้ทั้งคืน บอกข่าวเรื่องการหมั้น หมั่นไส้เพื่อนงามทุกคนเลยค่ะ มีแต่คนแปลกใจที่งามจะหมั้นกับพี่กรณ์ ทุกคนทำเหมือนไม่เชื่อ”

“อิจฉาหนูน่ะสิ เพื่อนสมัยนี้ทนเห็นเพื่อนได้ดีมีเกียรติกว่าได้เสียที่ไหน ลูกผู้มีอันจะกินในสังคมทุกคน ต่างก็มองหาผู้ชายร่ำรวยสมน้ำสมเนื้อ แต่อยู่กันยืดไม่กี่คู่”

“งามจะอยู่กับพี่กรณ์ไปจนวันตายเลยค่ะคุณแม่ พี่กรณ์เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุด เขาจะเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ชาย แล้วก็เป็นผู้ปกป้องงามด้วย”

“แม่ดีใจที่เรื่องมันลงเอยง่ายจนเหลือเชื่อ แต่รู้สึกไหมว่าทำไมมันถึงได้ง่ายดายนัก”

“ไม่รู้ไม่ชี้ค่ะ ให้งามได้เป็นคู่หมั้นพี่กรณ์เสียก่อนเถอะ งามจะฉวยโอกาสเป็นเจ้าของเขา ไม่ให้นังเพลงลำมันมาตอดนิดตอดหน่อยพี่กรณ์ของงาม ฐานะคู่หมั้นคงจะทำให้งามทำอะไรๆได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร แม้แต่คุณโฉมตรู” พูดแล้วงามไฉไลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วาดฝันถึงวันชื่นคืนสุขที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

ooooooo

บัวสายบังคับให้เพลงลำเล่นลำตัดในงานประจำปี เธอนำเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับที่เก่าเก็บออกมาปัดฝุ่นเพื่อให้เพลงลำใส่

เพลงลำไม่เต็มใจ เห็นสิ่งของเหล่านั้นและได้ยินถ้อยคำบังคับของแม่ก็เลยประชดออกไปเมื่อบัวสายถามว่าจะไปไหน?

“จะออกไปผูกคอตาย”

บัวสายสะเทือนใจแต่ยังควบคุมน้ำเสียงเป็นปกติว่า “โชคดีที่แม่ไม่ได้คิดอย่างนั้นตอนที่อุ้มท้องลูกกลับมา ไม่อย่างนั้นเพลงลำก็คงจะไม่ได้เกิด”

“แม่อย่าพยายามที่จะทำให้เพลงลำเป็นคนลำตัดอีกต่อไปเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพลงลำต้องการใช้ชีวิตของตัวเอง อนาคตของเพลงลำต้องไม่ใช่ลำตัด”

“แล้วที่ผ่านมาเพลงลำไม่ได้เกิด แล้วก็เติบโตขึ้นบนเวทีลำตัดหรอกหรือ”

“แม่คงเสียใจสินะ รู้ยังงี้แม่คงอยากจะเอาขี้เถ้ายัดปากยัดจมูกเพลงลำให้มันตายตั้งแต่ยังแบเบาะ”

บัวสายเมินหน้า น้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ แต่น้ำตาคลอดวงตา

“เปล่า...แม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วเติบโตเป็นชีวิตเพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมที่เราเป็นอยู่ อย่าวิ่งหนีตัวเองเลยเพลงลำ ไม่มีใครวิ่งหนีเงาของตัวเองพ้น เพลงลำจะต้องเป็นลำตัดที่มีชื่อเสียงจนกระฉ่อนเมือง จำไว้”

เพลงลำนิ่งไป ทั้งที่ในใจยังคัดค้านอยู่ดี

ooooooo

ทองน้ำงามถูกแม่บังคับครั้งแล้วครั้งเล่าให้แต่งงานกับฝาจีบลูกชายกำนันฝอยเพื่อพยุงฐานะทางการเงินของตัวเอง แต่ครูสาวไม่ได้รักฝาจีบจึงปฏิเสธแม่ไป ทำให้แม่ไม่พอใจและคับแค้นใจจนร้องไห้ออกมา

ฝ่ายกำนันฝอยก็หมายมั่นปั้นมืออยากได้ทองน้ำงามมาเป็นสะใภ้ เพื่อฝาจีบจะได้เป็นโล้เป็นพาย มีเมียดีๆเป็นครูให้คนเขานับหน้าถือตา ส่งผลดีต่อการลงสมัครเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แต่ฝาจีบไม่ได้ชอบทองน้ำงามก็เลยขัดขืนพ่อของตนเหมือนกัน

ส่วนที่กรุงเทพฯ ปกรณ์พลกำลังทุกข์ใจที่อรรถต้องการให้เขาหมั้นกับงามไฉไล เขาปรึกษากุชงค์ก็ได้รับคำตอบว่าถ้าไม่อยากหมั้นก็ต้องดื้อแพ่งไม่ยอมท่าเดียว

แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อวันนี้สองแม่ลูกพากันมาแต่เช้า เขาหลบออกมาอยู่ในสวน แต่งามไฉไลก็ตามจนเจอ เธอออดอ้อนพูดเรื่องหมั้นด้วยความดีใจ เขาจึงถือโอกาสพูดความในใจว่าเขาเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดอะไรนอกจากน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น

“พี่ว่างามควรจะกลับไปเรียนหนังสือนะ”

“งามไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องเรียน แต่งามก็จัดเจนเรื่องอื่น นี่งามกำลังจะไปเรียนทำอาหารค่ะ งามจะได้มีคุณสมบัติพร้อมตอนที่แต่งงานกับพี่กรณ์ แล้วเราจะอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาจนตายจาก งามมีความสุขจังเลยค่ะ”

“งาม...พี่จะพูดยังไงงามถึงจะเข้าใจนะ ทำไมเราต้องรีบร้อนหมั้นในเมื่อเรายังไม่ได้รักกันเลย”

“แต่งามรักพี่กรณ์ค่ะ รักมาตั้งแต่งามเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาว พี่กรณ์เป็นได้ทั้งพี่ชายที่อบอุ่น เจ้าชายในฝัน แล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของงาม เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่กรณ์กำลังเจรจาเรื่องหมั้นกับคุณแม่ของงาม”

ปกรณ์พลเซ็งสุดขีด ไม่อยากรับรู้อะไรด้วยแต่ก็ถูกงามไฉไลรั้งเข้ามาจนได้ อรรถรวบรัดสรุปวันเวลาและสินสอดทองหมั้นเสร็จสรรพ โพยมยงกับงามไฉไลดี๊ด๊าดีใจ โดยเฉพาะงามไฉไลถึงกับรีบไปพิมพ์การ์ดหมั้นแล้วส่งให้เพลงลำเพราะต้องการเยาะเย้ย

เพียงแค่จ่าหน้าซองถึงบ้านลำตัดคณะบัวสายแห่งบ้านบางลำ บุรุษไปรษณีย์ก็นำส่งได้ถูกต้อง ไข่การับซองนั้นไว้ก่อนจะส่งต่อให้เพลงลำ พอแกะซองเห็นการ์ดหมั้นระหว่างปกรณ์พลกับงามไฉไล เพลงลำใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ

ขณะเดียวกันนั้น งามไฉไลอารมณ์ดีอยู่ที่บ้าน คุยฟุ้งกับโพยมยงว่า

“ป่านนี้นังเพลงลำมันคงได้เห็นการ์ดหมั้นที่หนูส่งไปแล้ว มันคงจะดีใจจนเนื้อเต้น คิดว่าพี่กรณ์เขาส่งข่าวถึงมันด้วยความรัก แต่พอมันเปิดออก หน้ามันคงหุบเหลือแค่สองนิ้ว เพราะว่า...มันเป็นการ์ดงานหมั้น”

“ทำอะไรไม่ปรึกษาแม่เลย แม่ก็มัวแต่ยุ่งๆจัดการเรื่องหมั้นนี่แหละ ถ้าปรึกษาแม่สักหน่อยแม่มีวิธีที่จะทำให้มันเจ็บกว่านี้เสียอีก”

“คุณแม่จะทำยังไงคะ”

“งานแต่งงานของหนูแม่จะจ้างคณะลำตัดแม่บัวสายเข้ามาฉลองในงานเลี้ยง ฉีกหน้ากันยังไม่พอมันต้องสับๆๆให้เละ มันถึงจะสาแก่ใจแม่”

“คุณแม่คิดได้ยังไงคะ เรื่องร้ายๆแบบนี้ งามไม่ยักรู้ว่าปรึกษาคุณแม่ได้”

“มือชั้นแม่เล้วไม่ต้องห่วง แม่อาบน้ำร้อนมาก่อนยังไงล่ะ อีกอย่าง...แม่ก็เห็นสีหน้าท่าทีของปกรณ์พลแล้ว เขาคงจะฝืนใจเรื่องหมั้นเต็มที พ่อแม่เขาคงบังคับให้เขาหมั้น”

“ใช่ค่ะ งามก็รู้ว่าเขารักนังเพลงลำ ให้ผ่านงานหมั้นไปเสียก่อนเถอะค่ะ งามจะจัดการเฉดหัวนังเพลงลำออกไปจากชีวิตของเขาให้ได้ แล้วต่อจากนั้นแต่งงานแล้วพี่กรณ์เขาก็รักงามไปเอง”

“มันต้องยังงั้นสิลูกแม่ หนูก็ไม่ได้ร้ายน้อยไปกว่าแม่สักเท่าไหร่หรอก ให้ผ่านวันหมั้นไปก่อน หนูถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของปกรณ์พล ถึงตอนนั้นแม่ยังมีแผน”

สองแม่ลูกยิ้มร้ายใส่กัน งานนี้เป้าหมายไม่รอดแน่!

ooooooo

โฉมตรูไม่สบายใจเมื่อเห็นปกรณ์พลเศร้าหมอง เธอเข้ามาปลอบโยนลูกชายในห้องก่อนตั้งคำถามว่าทำไมไม่ปฏิเสธคุณพ่อตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าไม่ต้องการหมั้นกับงามไฉไลจริงๆ

“คุณพ่อไม่เปิดโอกาสให้ผมปฏิเสธ ไม่เห็นหรือครับคุณพ่อแทบจะไม่มองหน้าผมเลย คุณพ่อเคยเป็นคนมีเหตุผล แต่วันนี้คุณพ่อเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่คนเดิม”

“เขาคงจะหวังดีต่อลูก ยังไงความรักของเขาก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงตอนนี้ต้องเลือกแล้วว่าเปลี่ยนใจตัวเองกับเปลี่ยนใจคุณพ่อ เปลี่ยนอะไรง่ายกว่ากัน”

ปกรณ์พลอึ้ง รู้สึกกดดันที่สุดในชีวิต!

ทางด้านเพลงลำยังคร่ำครวญเสียใจไม่เลิกรา หลังเห็นการ์ดหมั้นที่เข้าใจว่าปกรณ์พลส่งมา ไข่กาปลอบใจว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด ปกรณ์พลจะทำอย่างนี้ทำไม ถ้าเป็นงามไฉไลค่อยน่าเชื่อ

“มิน่า...คุณปกรณ์พลถึงได้หายไป เขาไม่กลับมาอีกแล้ว”

“เขาอาจจะถูกผู้ใหญ่บังคับ ยังไงฉันก็ยังเชื่อว่าเขารักเพลงลำ เรื่องที่เกิดขึ้นนี่เพราะผู้ใหญ่ ถ้าเพลงลำลืมเขาได้ก็ลืมเขาเสียเถอะ เพราะถ้าเขาหมั้น เขาก็หมดเสรีภาพที่จะรักใครอีกแล้ว หมั้นแล้วก็ต้องแต่งงาน ถึงตอนนั้นจะรอเขาอยู่ทำไม”

“คุณปกรณ์พลคงจะมีความสุข ได้แต่งงานกับคนที่สมน้ำสมเนื้อกับเขา มีเกียรติเหมือนเขา เพลงลำคงจะลืมเขาได้ ไข่กาไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...ฉันต้องลืมได้”

“เพลงลำสัญญาอย่างนี้ค่อยสบายใจ ฉันรู้ว่าเพลงลำเข้มแข็งเหมือนแม่ ถ้าแม่ไม่เข้มแข็งก็คงจะเลี้ยงเรามาจนโตไม่ได้ แม่ต้องผ่านอะไรๆมามาก เพลงลำเข้าใจแม่บ้างหรือยังล่ะ”

เพลงลำไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาบัวสายแล้วคุกเข่าก้มกราบแทบตักบอกว่าตนจะเล่นลำตัด

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น