วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 12



แก๊งเอกราชเขี่ยหงส์หยกออกไปแล้ว กลับไปสุมหัวกันที่ร้านอาหารอิตาเลียนของประวิทย์อย่างตึงเครียด กลัวว่าหงส์หยกจะแฉเรื่องที่พวกตนฆ่าริลณี แต่ปริมลดาเชื่อว่าหงส์หยกไม่กล้าเพราะตอนนั้นตัวเองก็รู้เห็นด้วย

“แต่ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” เอกราชขัดขึ้น แล้วบอกตุลเทพ “ยังไงนายตามดูยายนั่นหน่อยแล้วกัน ถ้าทำอะไรให้ไม่น่าไว้ใจ รีบบอกฉัน ฉันจะจัดการเอง”

“แล้วเรายังต้องสืบเรื่องแฟนไอ้เตชินอะไรนั่น รึเปล่า” ตุลเทพถาม ประวิทย์ยืนยันว่าต้องสืบ เพราะไม่อย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่าการตายของเชิงชายกับผีริลณีเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับแฟนของเตชิน เอกราชถามว่าเรามีแผนแล้วหรือยัง

“ฉันมี!” ตุลเทพบอก มองหน้าทุกคน ยิ้มอย่างมั่นใจในแผนของตน

ooooooo

แผนของตุลเทพคือ ว่าจ้างชัชให้ช่วยวางแผนขยายสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำออกไปอีก 5 ไร่ เชื่อว่าชัชที่สนิทกับเตชิน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยต้องชวนเตชินไปทำงานด้วยแน่

จริงอย่างที่ตุลเทพคาดการณ์ ชัชโทร.หาเตชิน พอฝ่ายนั้นรับสายเตชินก็บ่นว่ามีเรื่องด่วนจะปรึกษาโทร.หาตั้งนานทำไมไม่รับสาย ชัชเองก็มีเรื่องจะปรึกษา ต่างถามถึงเรื่องของอีกฝ่าย ชัชเล่าว่า

“ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแกเกี่ยวกับโปรเจกต์งานของคุณตุลเทพ เขาจะขยายสนามกีฬาทางน้ำ เลยให้ฉันไปช่วยออกแบบ ฉันจะชวนแกทำด้วย แต่ก็น่าแปลกนะ วันนี้เขาเรียกฉันไปคุย ฉันก็นึกว่าเขาจะพูดรายละเอียดงาน แต่เขากลับไม่พูดว่ะ เขาถามฉันอยู่เรื่องเดียว”

“เรื่องอะไรวะ”

“เรื่องรินว่ะ!”

ฟังแล้วเตชินแปลกใจว่า ตุลเทพถามเรื่องริลณี ทำไม?

หลังจากคุยงานกับชัชหลอกล่อถามจนรู้ว่าแฟนของเตชินคือริลณีแล้ว เอกราช ประวิทย์ และตุลเทพ ไปคุยกันที่มุมหนึ่งในสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำของตุลเทพ เอกราชแปลกใจเมื่อรู้ว่าริลณีเป็นแฟนเตชิน ตุลเทพก็ไม่อยากเชื่อว่าผีกับคนจะอยู่กันได้ ตุลเทพสงสัยว่าชัชจะเพ้อเจ้อไปเองมากกว่า

“ไม่มีทาง” ประวิทย์ขัดขึ้น “ไอ้หมอนั่นเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเตชิน ไม่มีทางจะเอาเรื่องล้อเล่นไร้สาระมาพูดกับคนอื่นที่กำลังจะจ้างงานให้เสียเครดิตหรอก” พวกเพื่อนๆเลยคาดเดากันไปว่า หรือเตชินจะไม่รู้ว่า

ริลณีเป็นผี “ก็เป็นไปได้นะ เพราะเชิงชายคิดว่าเตชินไม่รู้เรื่องนี้ เลยพยายามจะเอาเรื่องนี้ไปขู่เอาเงินกับเตชิน แต่ผีริลณีกลัวความลับแตก ก็เลยตามไปฆ่าเสียก่อน”

“ใช่!! เหมือนที่ริลณีตามไปขู่หงส์หยก เพราะหงส์หยกพยายามยุ่งกับเตชิน แต่ยายนั่นไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่ายายลดาจะรู้ว่าไปยุ่งกับเตชินอยู่” ตุลเทพวิเคราะห์เป็นฉากๆ ประวิทย์ถามว่าแล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี? เอกราชยิ้มร้ายบอกว่า

“ทำยังไงน่ะยังไม่รู้ แต่ฉันว่าพวกเราเจอจุดอ่อนของนังผีนั่นแล้วล่ะ!!”

ooooooo

เอกราชวางแผน แต่ใช้ประวิทย์ที่ยอมทำทุกอย่างที่เอกราชให้ทำ ประวิทย์ไปซุ่มถ่ายรูปริลณีกับเตชินที่บ้านเรือนไทย

วันนี้เตชินจะไปทำงาน ริลณีออกมาส่ง อ้อยอิ่งกันอย่างอ่อนหวานอยู่ข้างรถ ระหว่างนั้นประวิทย์ระดมถ่ายรูปทุกอิริยาบถ จนกระทั่งรู้ตัวว่าถูกริลณีจ้องมาที่รถตนอย่างดุร้าย ประวิทย์ตกใจลนลานขับรถหนี

หลังจากริลณีส่งเตชินขึ้นรถออกไปแล้ว เธอจึงหันมาเล่นงานประวิทย์ คำรามขณะจ้องตามรถประวิทย์ไปว่า

“พวกมึงยังไม่คิดจะเลิกยุ่งกับกูใช่ไหม!”

ขณะประวิทย์ขับรถหนีไปอย่างลนลานนั่นเอง เขาเห็นผีริลณีมายืนขวางถนนชี้หน้าดุร้ายถามว่า

“มึงอยากตายเหมือนไอ้เชิงชาย!! ใช่ไหม!!!”

ประวิทย์พยายามขับรถหนี แต่ไม่ว่าหนีไปทางไหนก็เจอผีริลณีมายืนขวางถนน จนร้องตะโกนไปอย่างสติแตกว่า

“อย่า...อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันแค่ทำตามคำสั่ง”

“แกมันไม่มีสมอง ยอมทำตามคำสั่งมันทั้งๆที่รู้ว่าผิด!! แกคิดว่าทำอย่างนั้นแล้วมันจะรักแกรึไง!! มันไม่มีทางรักแกหรอก!!!” ผีริลณีจ้องหน้าหัวเราะหลอน จนประวิทย์เหยียบคันเร่งอย่างแรงตะโกนว่าอย่ามายุ่งกับฉัน...อย่ามายุ่งกับฉัน!!

ประวิทย์ขับรถหนีคิดว่ารอด แต่ไม่ว่าจะเลี้ยวไปกี่เลี้ยวก็เจอแต่ริลณียืนขวางถนน จนเริ่มได้สติจึงรู้ว่าตัวเองขับรถวนเป็นวงกลม! ไม่ได้หลุดไปไหนเลย!! รู้ตัวอย่างนั้นกอปรกับเสียงผีริลณีหัวเราะตามหลอนตลอดเวลา ประวิทย์ทำได้แค่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ร้องขอความช่วยเหลือทั้งที่ไม่เห็นใครเลย

“เอี๊ยดดดดด!!!” เสียงรถประวิทย์เบรก พอเขาลืมตาขึ้นก็แทบช็อก เมื่อเห็นรถตัวเองหยุดที่ขอบถนนเกือบจะตกแม่น้ำอยู่แล้ว! เขาพึมพำสยอง “เกือบไปแล้ว...”

ooooooo

เอกราชกับตุลเทพดูรูปที่ประวิทย์ถ่ายมาหน้าเครียด ตุลเทพรำพึงว่าถ้าไม่ได้ฆ่ากับมือก็ไม่เชื่อว่าริลณีเป็นผี เอกราชดูรูปแล้วจึงเชื่อว่าไม่น่าแปลกที่เตชินไม่รู้

ประวิทย์มองในแง่ดีว่า เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ทุกคนจะได้ไม่รู้ว่าริลณีตายไปแล้ว พวกเราก็ไม่มีความผิด ถูกเอกราชติงว่าแต่ผีนั่นมันตามล้างแค้นพวกเรา ถามประวิทย์ดุๆว่า “ที่โดนเมื่อกี๊ยังไม่เข็ดรึไง!”

เอกราชบอกตุลเทพกับประวิทย์ว่า ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องจัดการผีริลณีก่อนที่มันจะทำร้ายพวกเราอีก ประวิทย์เชื่อว่ามันทำร้ายเราไม่ได้แล้วเพราะเรามีเครื่องรางช่วยได้

แต่เรื่องแหวนที่เอกราชยังจำฝังใจ เตือนความจำเพื่อนๆว่า “เราคิดว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายก็พลาด เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่พลาดอีก!” ตุลเทพถามว่าเขาจะให้อาจารย์ดำจัดการหรือ? “ฉันกลัวว่า ถ้าเราไปยุ่งกับอาจารย์ดำมากๆ เขาจะรู้ความจริงน่ะสิว่าทำไมนังผีริลณีมันถึงตามแค้นพวกเราขนาดนี้”

ประวิทย์เห็นด้วย ตุลเทพติงว่าแต่เราก็ปราบผีเองไม่ได้ โดยเฉพาะผีริลณีที่โคตรเฮี้ยน เอกราชมองหน้าเพื่อนทั้งสอง พูดอย่างมั่นใจว่า

“มันต้องมีวีธี!!”

ooooooo

เป็นเวลาเดียวกับที่เตชินไปพบชัชที่หอพักอย่างร้อนใจ พอเข้าห้องก็ปิดล็อกแน่นหนาจนชัชงง

“ฉันอยากจะปรึกษาแกเรื่อง...เรื่อง...เรื่องริน!” เตชินพูดออกมาอย่างลำบากใจเพราะไม่อยากแพร่งพรายเรื่องราวผิดปกติที่เขาได้เจอได้เห็นมาหลายครั้งหลายครา “คือ...ฉันมีความรู้สึกว่า...รินดูแปลกๆ”

แล้วเตชินก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาพบเจอเกี่ยวกับริลณีทั้งที่เห็นจะจะกับตาและที่รู้สึก

“สองสามวันก่อนรินเขาขอให้ฉันเอากระจกทุกบานในบ้านฉันไปทิ้ง พอฉันถามเหตุผล เขาก็ไม่ยอมบอก เอาแต่ร้องไห้ ฉันไม่อยากขัดก็เลยยอมเอาไปทิ้ง”

ชัชติงประสาคนมองในแง่ดีว่าเธออยู่คนเดียวอาจเคยเห็นอะไรน่ากลัวๆในกระจกหรือเปล่า เตชินจึงเล่าอีกเรื่องว่า

“แต่จากที่ฉันเห็น รินไม่น่ากลัวกระจกอย่างเดียวนะ” เล่าว่าวันหนึ่งริลณีเช็ดเหงื่อไคลให้ตน พอตนเดินออกไป เธอมองตัวเองในกระจกแล้วโกรธจนเอาไม้ฟาดกระจกแตกละเอียด! จากนั้น วันอื่นๆตนรู้สึกว่าริลณีโกรธง่าย โมโหร้าย และที่น่ากลัวคือ “เวลาที่โกรธ ดวงตารินมันเปลี่ยนไปดูน่ากลัวมากๆ”

กระนั้นชัชก็ยังมองโลกในแง่ดี หาแง่มุมดีๆ มาปลอบใจเตชิน จนกระทั่งเตชินเล่าเรื่องสุดท้ายให้ฟังว่า

“คือ...รินเขาชอบหายตัวไปเฉยๆ ไม่รู้หายไปไหน ฉันคิดว่าวันนั้นฉันตามหาจนทั่วบ้าน ดูทุกห้อง ทุกที่ ก็หาไม่เจอ! แล้วเขาก็จะกลับมา ราวกับว่าไม่ได้หายไปไหน ฉันเคยถามเขาหลายครั้ง แต่ฉันก็ไม่เคยได้คำตอบว่า เขาหายไปไหนสักที จนมันทำให้ฉันรู้สึกว่ารินมีความลับบางอย่างกับฉัน”

“เรื่องนี้ฉันก็หาคำตอบให้แกสบายใจไม่ได้ว่ะ แต่คนเราอยู่ๆมันจะหายไปเฉยๆโดยไม่มีสาเหตุไม่ได้ ถามจริงๆว่ะไอ้เต แล้วแกคิดว่าจะหาคำตอบเรื่องนี้ได้ไหม” เตชินบอกว่าตนถามแล้วแต่เธอไม่บอก “ไม่บอกก็แอบตามไปดูสิ” เตชินถามว่ามันจะดีหรือ ดูมันเหมือนตนไม่ไว้ใจเธอนะ “แต่ที่แกมานั่งเครียดอยู่นี่ มันก็บั่นทอนชีวิตคู่เหมือนกัน สู้ตามให้รู้ไปดีกว่า ฉันว่าจริงๆมันก็คงไม่มีอะไรหรอก เพราะรินเขารักแกจะตาย”

เตชินบอกว่าเรื่องจะมีคนอื่นตนไม่คิดอยู่แล้ว ชัชดักคอว่า หรือเขากลัวว่าตามไปเจออย่างอื่นที่ช็อกมากกว่า

“ถึงจะเจออะไรฉันก็รับได้”

“ถ้าแกแน่ใจอย่างนั้น...เดี๋ยวฉันช่วยแกเอง!!”

ooooooo

หงส์หยกแค้นปริมลดาจนต้องเล่นงานกันให้ตายไปข้าง เธอไปหาพี่โต้งผู้กำกับที่แตกหักกับปริมลดา

แล้วฝ่ายนั้นเอาหลักฐานที่ชี้เป็นชี้ตายอนาคตในวงการบันเทิงของปริมลดาให้ แต่ก็มีข้อแม้ต้องยื่นหมูยื่นแมวกัน

พี่โต้งอ้างว่า เมื่อเราจะร่วมมือกันเล่นงานปริมลดาเราก็ต้องร่วมทั้งกายและใจ แม้หงส์หยกจะขยะแขยงกับการมั่วไม่เลือกของพี่โต้ง แต่สุดท้ายก็ยอมเพื่อจะล้างแค้นปริมลดาให้ได้

ของในกล่องที่พี่โต้งเอามาเป็นหลักฐานให้หงส์หยกเอาไปแฉปริมลดา คือเทปและภาพถ่ายการมั่วไม่เลือกของ ปริมลดา พี่โต้งคุยโวว่า

“พี่เคยตั้งกล้องแอบถ่ายไว้ในบ้านปริมลดา ตอนแรกว่าจะถ่ายตัวเองสนุกๆ แต่ตอนหลังได้กิ๊กยายปริมลดาเป็นสิบ คบมาตั้งหลายปีเพิ่งรู้ว่ายายนี่มั่วมาก”

หงส์หยกถล่มซ้ำว่าปริมลดาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เรียนแล้ว พี่โต้งบอกว่าปริมลดายังไล่ตบกิ๊กของตน ด่าตัวประกอบในกองถ่าย วีนนักแสดงด้วยกันเองใครได้เห็นคลิปพวกนี้ ภาพนางเอกที่แสนดีของปริมลดาต้องป่นปี้แน่ๆ หงส์หยกพูดอย่างสยองว่า “พี่นี่น่ากลัวนะเนี่ย แอบถ่ายไว้หมดเลย”

“ถ้านังลดาไม่คิดจะถีบหัวส่งพี่ พี่ก็ไม่ทำแบบนี้หรอก อุตส่าห์ดันจนได้ดี ไม่รู้จักบุญคุณกันบ้างเลย”

“เราถึงต้องทำให้มันเจ็บปวดเหมือนกับที่มันทำกับพวกเราบ้างไงคะ” หงส์หยกพูดทั้งที่ขยะแขยงในพฤติกรรมของพี่โต้งที่เข้ามาเล้าโลม

แต่เพื่อแลกกับการกำจัดปริมลดา ในที่สุดหงส์หยกก็ยอมรับเงื่อนไขของพี่โต้ง เอาตัวเข้าแลกเพื่อความสะใจ!

พอหงส์หยกเดินออกจากห้องคอนโดกลางเก่ากลางใหม่ที่พี่โต้งพักอยู่ ได้ยินเสียงป้าที่ดูแลคอนโดบ่นเรื่องกล้องวงจรปิดเสีย ช่างซ่อมไม่ได้ว่า

“นี่ถ้ากล้องตัวนี้ไม่เสียนะ ฉันคงได้ทั้งภาพนางเอก นางรอง ตัวร้าย” แล้วป้าก็หันมองหงส์หยกที่เดินมาพอดีก่อนพูดต่อว่า “ตัวประกอบ ไอ้พวกอยากตะกายดาวทั้งหลาย ไปขายหนังสือเม้าท์ดาราได้เงินรวยไปแล้ว”

“หึ...ดี! จะได้ไม่มีหลักฐาน” หงส์หยกแสยะยิ้มอย่างสะใจแล้วเดินเชิดออกไป ไม่ทันสังเกตว่า กล้องวงจรปิดทำงานแล้ว! กล้องจับการเคลื่อนไหวของหงส์หยกไว้ทุกฝีก้าว!

ฝีมือริลณีนั่นเอง!

ooooooo

เตชินพาชัชมาที่บ้านเรือนไทย ทันทีที่ชัชเปิดประตูรถลงมา เขาชะงักทำหน้าพะอืดพะอมกับกลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงจนเตชินถามว่าเป็นอะไร ชัชถามว่าทำไมบ้านเขาเหม็นเน่าอย่างนี้ แต่เตชินไม่รู้สึกอะไรเลย

เมื่อริลณีออกมารับ เตชินบอกริลณีว่าชัชจะมานอนค้างที่นี่ด้วยเพราะมีงานให้ตนช่วยทำ แต่ชัชทนกลิ่นเหม็นเน่าไม่ได้ถึงกับเลี่ยงไปอาเจียนเอาเป็นเอาตาย เตชินยิ่งแปลกใจเพราะเขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แต่พอชัชเห็นริลณียืนหน้านิ่งก็รีบขอโทษที่เสียมารยาท

ชัชรู้สึกแปลกเมื่อเข้าใกล้ริลณีก็ยิ่งได้กลิ่นเหม็นมาก บอกเตชินที่มองอย่างไม่เชื่อว่า

“มันเป็นกลิ่นแบบคนที่มีสัมผัสที่หกอย่างฉันจะได้กลิ่นเท่านั้นว่ะ...ฉันว่าบ้านแกมีอะไรแปลกๆแล้วนะ” พอเตชินถามว่ากลิ่นอะไร ชัชบอกตรงๆว่า “กลิ่นสาปสางของวิญญาณ”

ริลณีรู้สึกถึงอาการของชัช เมื่อชัชเข้าใกล้ เธอตวาดไล่ให้ออกไปห่างๆ แล้วขอตัวไปเอาน้ำมาให้ แต่พอเข้าไปในครัว ริลณีเปิดเสื้อเห็นแผลที่ท้องตัวเองลามไปจนเกือบทั่วหน้าท้องมีหนอนไชยั้วเยี้ย เธอกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ทิ้งแก้วน้ำและปัดข้าวของบนโต๊ะตกแตกเกลื่อน

เตชินกับชัชได้ยินเสียงของตกแตกและเสียงร้องของริลณี รีบวิ่งเข้าไปดู แล้วก็ผงะเมื่อเห็นริลณียืนอยู่ท่ามกลางข้าวของที่แตกกระจาย เตชินถามว่าเป็นอะไร ริลณีบอกว่าตนจะเป็นลมเลยปัดข้าวของตกแตกไม่รู้ตัว แล้วทำท่าจะเก็บ

“รินรีบออกมาจากตรงนั้นดีกว่า เดี๋ยวเกิดเป็นลมล้มไปโดนเศษแก้วจะลำบากนะครับ”

ส่วนชัชยืนมองข้าวของที่ตกแตกอย่างพิจารณาพึมพำ “มือปัดยังไง...มันถึงได้แตกกระจายเต็มห้องแบบนี้...”

เตชินรีบเข้าไปจะพาริลณีออกจากห้อง เท้าเหยียบถูกกระจกบาดเป็นแผลฉกรรจ์ ชัชเห็นแผลเสนอให้รีบไปโรงพยาบาลดีกว่า พอริลณีได้ยินคำว่าโรงพยาบาลก็ตกใจหน้าเสีย จนชัชถามว่าทำไมหรือ เธอมีปัญหาอะไรกับโรงพยาบาลหรือเปล่า

“จะมีได้ยังไง ทำไมนายชอบถามอะไรรินแปลกๆวะ” เตชินชักฉุน ชัชทำหน้าเป็นบอกว่าเห็นเธอทำหน้าไม่อยากไปเลยถามดูเท่านั้น ริลณีมองชัชอย่างไม่พอใจ ชี้แจงว่า

“รินแค่ไม่ชอบไปเจอคนเยอะๆ แต่ถ้าจำเป็นรินก็ไปได้ค่ะ”

“งั้นรีบไปเลยครับ เดี๋ยวไอ้เตจะเลือดออกหมดตัวเสียก่อน” ชัชไม่วายพูดติดตลก

ชัชกับริลณีช่วยกันประคองเตชินออกไป ริลณีหน้าเครียดอย่างกังวลมาก

ooooooo

ส่งเตชินเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว ชัชกับริลณีนั่งรออย่างห่วงใย ชัชยังปิดจมูกเหม็นอยู่ ริลณีถามว่ายังไม่หายเหม็นหรือ ชัชตอบเครียดๆว่า

“สงสัยพี่จะโดนวิญญาณตามแล้วล่ะ เพราะไอ้ที่ได้กลิ่นอยู่เนี่ย มันไม่ใช่กลิ่นธรรมดา เป็นกลิ่นสาปสางของวิญญาณ...อุ๊บ! ไอ้เตมันบอกไม่ให้พูดกับน้องรินเรื่องนี้ มันกลัวน้องรินจะกลัว”

“รินไม่กลัวหรอกค่ะ ผีไม่ร้าย ถ้าคนไม่ร้ายก่อน” ริลณีพูดด้วยแววตาน่ากลัว ชัชยังไม่เฉลียวใจ เตือนด้วยความหวังดีว่าเธอต้องระวังไว้บ้าง ผีกับคนอยู่คนละภพ เราไม่มีวันเข้าใจว่าผีคิดอะไรหรอก “เขาก็คิดไม่ต่างกับเราหรอกค่ะ ยังวนเวียนอยู่ในรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกัน”

“น้องรินพูดเหมือนคนมีซิกซ์เซ้นส์เลยนะครับ หรือว่าน้องรินจะมีเหมือนกัน”

“รินไม่อยากมีหรอกค่ะ บางทีการไม่รู้ ไม่เห็น หรือไม่พยายามยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา มันคงจะดีกว่า เพราะวิญญาณเขาอาจจะไม่พอใจ ที่เราไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องที่ไม่ควรรู้ของเขาก็ได้ แล้วถ้าดวงวิญญาณเขาโกรธขึ้นมา ถึงจะมีซิกซ์เซ้นส์์เรื่องผีแค่ไหน ก็ตายได้เหมือนกัน”

ริลณีย้ำ ยิ้มให้ชัชน่ากลัวจนชัชที่ปกติเป็นคนอารมณ์ดีหน้าเป็นถึงกับยิ้มไม่ออกสะดุ้งโหยงรีบบอกว่า

“เอ่อ...พี่รู้สึกเหมือนโดนขู่ยังไงไม่รู้ เอ่อ...พี่ว่า... พี่ไปดูไอ้เตมันดีกว่า ป่านนี้หมอทำแผลเสร็จแล้วมั้ง...แฮะๆ”

ชัชหัวเราะแห้งๆ รีบไปที่ทางเข้าประตูห้องฉุกเฉิน มีคนเข้าออกจนประตูเปิดปิดตลอดเวลา ชัชชะเง้อมองเข้าไปข้างในแล้วหันมองริลณี พอดีประตูเปิดค้างไว้ ชัชเห็นริลณีในกระจก เขาช็อก! แต่พอดูอีกทีประตูก็ปิดแล้ว ชัชมึนไม่อยากเชื่อ!

ooooooo

ภาพที่เห็นยังติดตา ความกลัวยังเกาะกินใจ ทำให้ตลอดทางที่กลับบ้านเรือนไทย ชัชนั่งนิ่งขรึมจนเตชินแปลกใจ กระเซ้าว่าโดนหมอที่โรงพยาบาลด่ามารึไง ชัชตอบติดอ่างว่าใช่ เตชินถามอีกว่าหายเหม็นอะไรแล้วใช่ไหม

ถึงจะเหม็นชัชก็ไม่กล้าบอก ทำท่าชื่นอกชื่นใจบอกว่าตอนนี้หอม...หอมมาก ทั้งเตชินและริลณีมองหน้ากันต่างรู้สึกว่าชัชแปลกไปมาก เมื่อมาถึงบ้านเรือนไทย ริลณีชวนขึ้นไปพักก่อน ถามว่าคืนนี้ยังอยากนอนที่นี่ไหม

“มะ...มะ...ไม่ดีกว่า ไว้วันอื่นแล้วกัน วันนี้นึกได้ว่ามีงานนิดหน่อย” ชัชรีบปฏิเสธ เตชินแอบกระซิบถามว่าแล้วที่ว่าจะช่วยแอบตามริลณีล่ะ? ชัชตอบเสียงสั่นแทบไม่ออกจากลำคอว่า “ฉันว่าแกอย่าตามเลยว่ะ มันน่าจะปลอดภัยกว่า”

เตชินถามต่ออีกว่าปลอดภัยจากอะไร ชัชเหลือบเห็นริลณีจ้องอยู่ ตัดบทขอกลับก่อนบอกริลณีให้พาเตชินขึ้นไปพักบนบ้าน เดี๋ยวตนปิดประตูให้เอง พอริลณีพาเตชินขึ้นบ้าน ชัชตัดสินใจเด็ดเดี่ยวพึมพำบอกเตชินว่า


“หน็อยอีพวกสารเลว พวกมึงคิดจะเอาคลิปฉันมาแฉงั้นเหรอไอ้พวกชั้นต่ำ แกกล้าแอบถ่ายคลิปฉันงั้นเหรอ ทำไมพวกแกไม่ตายๆไปสักที!” ทั้งด่าทั้งเดินงุ่นง่านจนหอบ หยุดถามตัวเองว่า “แล้วฉันจะทำยังไงดี ถึงจะจัดการไอ้สองคนนั้นได้ ฉันควรจะทำยังไงดี!”

จู่ๆ คอมฯที่เปิดอยู่ก็มีเสียงเมลเข้า ปริมลดาชะงัก เสียงเรียกดังไม่หยุดจนปริมลดาต้องไปดู เห็นมีเมลเข้าแต่ไม่มีชื่อคนส่ง มีแต่หัวข้อ “ขอให้สนุกกับการแก้แค้น” พอเปิดดู เป็นไฟล์หลายภาพรวมทั้งคลิปวีดิโอหลายคลิป ปริมลดายิ่งแปลกใจ พอกดดู เธอเบิกตาอย่างตื่นเต้นแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า!

ooooooo

ชมพู เฟื่องฟ้า และเอทีเอ็ม ช่วยกันไปดูแลคุณหญิงจิตราพาหัดเดิน พานั่งวีลแชร์ชมสวนชมดอกไม้ ชวนคุยเพื่อให้คุณหญิงฝึกพูด แม้จะยังพูดอะไรไม่ได้แต่คุณหญิงก็พยายามพูดคำว่า “ขอบใจ” เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มจนได้

“พวกเรายินดีมากครับ ที่พวกเราสองคนมาเยี่ยม มาช่วยดูแลคุณหญิง เพราะอยากให้คุณหญิงหายเร็วๆ ไงครับ”

ทั้งเอทีเอ็มและเฟื่องฟ้ายิ้มให้คุณหญิงอย่างจริงใจ คุณหญิงพยายามพูดอีกแต่ทั้งสองฟังไม่ออก พอดีสร้อยเดินมาบอกว่าคุณหญิงพูดว่า “ขอโทษ” คุณหญิงยังพยายามพูดอีกแต่ไม่มีใครฟังออก คิดว่าคุณหญิงยังคงพูดคำว่าขอโทษอยู่

ชมพูบอกคุณหญิงว่าไม่ต้องกังวล สองคนนี้ไม่โกรธจริงๆ ถ้าโกรธคงไม่ทำขนมอร่อยๆมาเยี่ยมหรอก แล้วขอตัวไปจัดขนมมาให้ เอทีเอ็มรีบตามไปด้วย คุณหญิงยังพยายามพูดอีก เฟื่องฟ้าต้องให้สร้อยช่วยแปล สร้อยบอกว่าตนฟังออกอยู่สองคำเท่านั้น คือ “ขอโทษ” กับ “ริลณี” เฟื่องฟ้าเอะใจว่าทำไมคุณหญิงจึงพูดแต่คำว่า “ขอโทษ” และ “ริลณี”

ชมพูกับเอทีเอ็มเข้าไปจัดขนมในห้องเตรียมอาหารว่าง ชมพูถามเอทีเอ็มว่าทำไมคุณหญิงต้องขอโทษเขากับเฟื่องฟ้า มีเรื่องอะไรกันหรือ เอทีเอ็มจึงเล่าเรื่องที่บ้านเด็กกำพร้าถูกเผา และที่คุณหญิงไปอาละวาดตามหาริลณีที่บ้านเด็กกำพร้าเพราะไม่ต้องการให้ริลณียุ่งกับเตชิน แล้วเอทีเอ็มก็สรุปว่า

“แต่ยังไงรักแท้ก็เอาชนะทุกอย่างได้ แล้วฉันคิดว่ารินคงจะยกโทษและอโหสิกรรมให้คุณหญิงหมดแล้ว ถ้ารินไม่โกรธแล้วพวกเราจะโกรธทำไม”

ชมพูชมว่าพวกเขาใจดีจัง เอทีเอ็มพูดอย่างเจียมตัวว่า “เป็นเด็กกำพร้าถ้ามัวยึดติดกับอดีตที่เจ็บปวดก็คงไม่สามารถก้าวไปในอนาคตที่งดงามได้” พูดแล้วเขินตัวเองถามว่า “เป็นไง คมไหม”

“คมบาดนิ้วเลยแหละ” ชมพูชมแล้วเผลอทำส้อมตำมือตัวเองจนร้องโอ๊ย เอทีเอ็มตกใจยิ่งกว่ารีบจับมือดูด้วยความห่วงใย ปรากฏว่ามือชมพูไม่เป็นอะไรแต่เอทีเอ็มก็ยังจับมือไว้ไม่ยอมปล่อย พอรู้ตัวปล่อยมือชมพูต่างคนก็เขินกัน ก้มหน้าก้มตาจัดขนมต่อ

สร้อยกับเฟื่องฟ้าช่วยกันเข็นวีลแชร์พาคุณหญิงชมสวน ครู่หนึ่งสร้อยขอตัวไปช่วยชมดูกับเอทีเอ็ม เฟื่องฟ้าฉุกคิดอะไรได้เข็นรถพาคุณหญิงไปหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ค่อนข้างลับตา แล้วเดินไปคุกเข่าตรงหน้าคุณหญิง

เฟื่องฟ้าพูดกับคุณหญิงว่า รู้ว่าคุณหญิงพูดลำบากแต่ตนมีเรื่องสำคัญอยากถาม บอกคุณหญิงว่าถ้าตนพูดถูกให้คุณหญิงพยักหน้า ถ้าไม่ใช่ให้ส่ายหน้า เฟื่องฟ้าถามว่าคุณหญิงทราบใช่ไหมว่าริลณีเป็นอะไร คุณหญิงตอบว่า “ใช่” แล้วเฟื่องฟ้าก็พูดคำว่า “ริลณี” คุณหญิงพยักหน้า เธอพูดอีกว่า “เป็น” คุณหญิงพยักหน้าอีก แต่พอเฟื่องฟ้าจะพูดคำสุดท้ายว่า “ผี” เฟื่องฟ้าก็ชะงักหันมองคุณหญิง ปรากฏว่าคุณหญิงพยักหน้าแล้ว

ooooooo

ข่าวการแฉนางเอกดังอักษรย่อ ป.ปลา เป็นข่าวครึกโครมเป็นที่สนใจของสังคม คนที่เคยใกล้ชิดปริมลดาต่างเดาได้ว่า นางเอกอักษรย่อ ป.ปลา นั้นคือ ปริมลดา

ทั้งชมพู เฟื่องฟ้าและเอทีเอ็มต่างนั่งรอหน้าจอทีวี คอยเวลาแฉกัน คาดเดากันว่างานนี้คงมันแน่ๆ

ริลณีสนใจดูข่าวนี้จากทีวีเป็นพิเศษจนเตชินสงสัยเพราะเธอไม่เคยดูรายการประเภทนี้มาก่อนเลย เธอบอกเขาว่า

“ก็วันนี้จะมีข่าวเพื่อนรักของรินสองคนออกช่องนี้นี่คะ” แต่พอเตชินถามว่าใคร เธอไม่บอก ให้เขารอดูเองดีกว่า

พอเริ่มรายการ พี่โต้งกับหงส์หยกก็เปิดฉากแฉปริมลดาช่วยกันเล่าถึงความเลวร้ายต่างๆของปริมลดากันมันหยด

“เดี๋ยวผมจะให้ทุกคนดูภาพหลักฐานก็แล้วกัน” พี่โต้งบอกหลังจากแฉด้วยปากมาอย่างสะใจแล้ว

แต่พอเปิดภาพ เกมกลับพลิกกลายเป็นภาพพี่โต้งกับหงส์หยกนัวเนียกันอยู่บนเตียงในโรงแรม! มันเป็นภาพที่หงส์หยกถ่ายตัวเองกับเตชินเพื่อเอามาแบล็กเมล์เขา แต่ผู้ชายในคลิปถูกตัดต่อหน้ากลายเป็นพี่โต้ง!

นักข่าวถ่ายรูปกันไม่ยั้ง อึดใจเดียวปริมลดาก็เดินร้องไห้ออกมาดราม่าสุดๆ ฟ้องนักข่าวว่าตนถูกสองคนนี้ทรยศหักหลัง หงส์หยกโวยวายว่า

“ไม่ใช่นะคะ รูปนั่นไม่ใช่อย่างที่เห็น นังลดา แกตัดต่อรูป แกมันนังอสรพิษ”

ขณะที่หงส์หยกโวยวายด่าปริมลดานั้น ปริมลดากลับร้องไห้น่าสงสาร พูดไปสะอื้นไปว่า

“เธอเป็นเพื่อนรักฉัน แต่หักหลัง มีอะไรกับแฟนฉัน แถมยังส่งรูปมาเยาะเย้ยกันอีก พอฉันขอร้องให้เธอเลิกยุ่งเธอก็ตบ บอกว่าจะเอาเขาให้ได้ ฉันอุตส่าห์ยอมเลิกกับเขาแล้ว เธอยังจะต้องการอะไรจากฉันอีก”

ไม่ว่าหงส์หยกจะตะโกนปฏิเสธบ้าคลั่งอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจเพราะภาพที่เห็นมันฟ้องอยู่ชัดๆ ซ้ำยังมีภาพที่หงส์หยกเดินออกจากห้องของพี่โต้งที่คอนโดอีก

เรื่องราวกลับตาลปัตรจนหงส์หยกแทบคลั่ง ซ้ำพี่โต้งยังประกาศเอาตัวรอดว่า

“ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับผมนะครับ น้องหงส์หยกเขาขอให้ผมช่วยทำ ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”

ถูกทั้งดัดหลังและหักหลังจังๆ หงส์หยกวิ่งหนีเข้าข้างในก็ต้องชะงักเมื่อเจอตำรวจเดินเข้าหา แจ้งข้อหาว่ายักยอกเงินบริษัท คำปฏิเสธของหงส์หยกไม่มีน้ำหนักเมื่อตำรวจมีหลักฐานแน่นหนา ทั้งคลิปที่เธอนั่งนับเงินในบริษัทเป็นฟ่อนๆ หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว และค้นเจอเงินจำนวนนั้นซุกซ่อนอยู่ในห้องนอนเธอด้วย

หงส์หยกปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าตนไม่ได้ทำ! ไม่ได้ทำ!!

ความจริงคือ เธอไม่ได้ทำเองแต่ถูกริลณีสิงให้ทำจนปรากฏหลักฐานให้ทางบริษัทดำเนินคดีได้

เมื่อจำนนด้วยหลักฐานจนพูดไม่ออก คนของบริษัทก็เดินไปขอบคุณปริมลดาที่ยืนดูอยู่อย่างสะใจว่า

“ขอบคุณนะคะคุณปริมลดา ที่คุณช่วยส่งหลักฐานชิ้นสำคัญนี้มาให้พวกเรา ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีทางรู้ว่าหงส์หยกเป็นคนแบบนี้”

“ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ลดาเจอคลิปนี้โดยบังเอิญ”

“คุณปริมลดาก็เลยโชคดี แทนที่จะโดนพวกนั้น ทำร้าย กลับพลิกเรื่องกลายเป็นฮีโร่ไปเลย นี่ล่ะค่ะ เขาเรียกว่า คนดีผีคุ้ม!!” พนักงานคนนั้นขอบคุณปริมลดามากมาย ในขณะที่ปริมลดายิ้มหวานให้ช่างภาพถ่ายรูปอย่างนางเอ๊ก...นางเอก!

ooooooo

เตชินดูทีวีแล้วปรารภกับริลณีว่าถึงตนไม่สนิทกับทั้งสองคนแต่ก็เห็นสองคนนี้สนิทกันมาก ไม่น่ามาทำแบบนี้กันเลย

“คุณไม่รู้หรอกค่ะว่าสองคนนี้เขาเกลียดกันเพราะอะไร แต่ไม่รู้ก็ดีแล้วค่ะ ถ้าคุณรู้คุณอาจจะไม่อยากเชื่อเลยก็ได้”

เตชินยิ้มขำๆ ลุกเดินไปนอกห้อง ริลณียังนั่งอยู่หน้าจอทีวี ยิ้มร้ายอย่างสะใจพึมพำน่ากลัวว่า

“นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นหงส์หยก...เรื่องของเราสองคนยังไม่จบ!” แล้วริลณีก็ไปปรากฏตัวที่ห้องขังหงส์หยก!

หงส์หยกที่แทบจะบ้าเพราะถูกปริมลดาพลิกแผนแฉจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ถูกพี่โต้งเอาตัวรอดโทษว่าเป็นแผนของเธอคนเดียว ถูกบริษัทแจ้งจับฐานยักยอกทรัพย์ เท่านั้นไม่พอ เมื่อถูกจับมาขัง ยังเจอผีริลณีตามมาหลอกหลอนอีก!

หงส์หยกอยู่ในภาวะกลัวตายจนสติแตก วิ่งวนรอบห้องขัง ตะโกนว่าตนยังไม่อยากตาย...ยังไม่อยากตาย ตะโกนขอความช่วยเหลือว่าริลณีจะฆ่าตน

เรื่องรู้ถึงเอกราช ประวิทย์และตุลเทพ เอกราชบอกพรรคพวกว่า

“คิดแล้วว่านังสองคนนี้ต้องทำให้เราเดือดร้อน ไปตะโกนแหกปากเรียกชื่อนังผีนั่นในคุก เดี๋ยวคนก็ได้สงสัยกันหมดหรอก” ตุลเทพถามประวิทย์ว่าตอนไปเยี่ยมหงส์หยกเป็นอย่างไรบ้าง

“ก็เหมือนคนสติแตก เอาแต่ตะโกนว่า ริลณีจะมาฆ่าๆๆอยู่อย่างนั้น” เอกราชถามว่าแล้วปริมลดาล่ะ

ตุลเทพบอกว่า

“ยายนั่นก่อเรื่องแล้วก็หนี เดาเอานะว่านางคงไปนั่งจิบไวน์ในที่เก๋ๆ ฉลองที่พลิกเกมเอาคืนหงส์หยกได้สำเร็จ”

“ติดต่อปริมลดาให้ได้ แล้วบอกอย่าก่อเรื่องอีก” เอกราชบอกประวิทย์ แล้วหันบอกตุลเทพ “ส่วนนายกับฉันต้องมาช่วยกันคิดว่า จะทำยังไงถ้ายังปล่อยให้หงส์หยกตะโกนชื่อริลณีอยู่อย่างนี้ พวกเราเดือดร้อนแน่!!”

ปริมลดาไปนั่งจิบแชมเปญฉลองที่ผับหรูจริงๆ นั่งกระหยิ่มยิ้มพึมพำอย่างสะใจกับชัยชนะของตัวเอง...

“ต้องขอบคุณคนลึกลับที่ส่งหลักฐานมาให้ฉันเล่นงานแก ต่อไปฉันก็แค่รอเวลาให้นังริลณีมาฆ่าแก แค่นี้ฉันก็จะไม่มีนังเพื่อนงูพิษมาคอยป่วนชีวิตฉันแล้ว นังริลณี...อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” ปริมลดายิ้มสะใจอยู่กับแก้วแชมเปญ

ooooooo

แต่ริลณียังไม่ทันลงมือ ตุลเทพก็ไปประกันตัวหงส์หยกออกมา หงส์หยกดีใจคิดว่าเพื่อนมาช่วย ถามขณะเดินไปขึ้นรถกับตุลเทพว่าทุกคนเข้าใจใช่ไหม ว่าตนถูกปริมลดาใส่ร้าย

“เรื่องนั้นพวกเราไม่สนหรอก พวกเราสนใจแค่เรื่องเดียว” ตุลเทพพูดขาดคำ หงส์หยกก็ถูกเอกราช

เอาผ้าใส่ยาสลบโปะหน้าจนหมดสติอย่างที่หงส์หยกเคยทำกับริลณี เอกราชกับตุลเทพมองหน้ายิ้มให้กันกับแผนที่สำเร็จโดยง่าย

หงส์หยกถูกนำตัวไปไว้ห้องหนึ่งในสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำของตุลเทพ พอเริ่มได้สติ ก็เห็นริลณีกำลังรำอยู่ตรงหน้า ถามว่า “ฉันรำสวยไหม” หงส์หยกกรีดร้องสุดเสียง ตะโกนขอความช่วยเหลือลั่นห้อง

“ไม่ต้องกลัวเหงาหรอก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง” ริลณีพูดเสียงเย็นยะเยือกแล้วหน้าสวยๆ ก็ค่อยๆเฟะกลายเป็นหน้าผี! หงส์หยกวิ่งไปที่ประตูพยายามเปิด

ทั้งเคาะทั้งทุบจนนิ้วแตกเลือดออก เล็บฉีก แต่ก็ไม่มีใครช่วยเธอเลย

ริลณีร่ายรำให้ดู เห็นหงส์หยกวิ่งพล่านเหมือนคนบ้าก็ยิ้มอย่างมีความสุขมาก

ระหว่างนั้นชัชก็เอ่ยชวนเตชินไปกราบหลวงพ่อคงที่วัดกัน เตชินถามว่านึกยังไงชวนไปวัด ชัชบอกว่าอยากให้ไปไหว้พระทำบุญ ถามเตชินว่าทำบุญไหว้พระครั้งสุดท้ายเมื่อไร? พอเตชินบอกว่านานแล้ว ชัชถามว่าแล้วริลณีล่ะ?

เตชินบอกว่าริลณีมาบ่อย ชัชถามว่าแล้วตอนที่ริลณีบอกว่ามาไหว้พระเขามากับเธอด้วยหรือเปล่า พอเตชินบอกว่าไม่ได้มาเพราะริลณีมาเอง

“แสดงว่าแกไม่ได้เห็นกับตาว่าเขามาวัดจริงหรือไม่จริง” เตชินถามชัชว่ามีปัญหาอะไรกับการมาวัดของริลณีด้วย “ฉันยังบอกอะไรแกตอนนี้ไม่ได้แต่ขอให้แกเชื่อใจฉัน ไปหาหลวงพ่อซะ บางทีแกอาจจะได้คำตอบทุกอย่างในสิ่งที่แกสงสัยก็ได้” ชัชท่าทางจริงจังมากจนเตชินแปลกใจ

ooooooo

หลวงพ่อคงยื่นหนังสือสวดมนต์ให้เตชินที่นั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้า

“อาตมาอยากให้โยมมีจิตใจนิ่ง เป็นสมาธิ จิตใจของโยมจะได้มีอำนาจในทางที่ดี ต่อต้านอำนาจชั่วร้ายที่กำลังครอบงำได้” เตชินบอกว่าตนไม่เข้าใจ “จำได้ไหมอาตมาเคยบอกโยมว่า ยิ่งโยมยึดติด เขาก็จะยิ่งไปไหนไม่ได้ และเมื่อเขาไปไหนไม่ได้ เขาก็จะยิ่งก่อเวรสร้างกรรมไม่รู้จักจบสิ้น ทางเดียวที่จะทำได้ตอนนี้ คือ โยมต้องปล่อยเขาไป”


“พระอาจารย์หมายถึงใครหรือครับ ผมต้องปล่อยใครไป” เตชินยังงง

“เมื่อเขาไม่เปิดใจรับ พูดออกไปก็คงเปล่าประโยชน์ ขอแค่โยมจำคำอาตมา แล้วหมั่นสวดมนต์ให้จิตใจเข้มแข็ง เมื่อจิตใจโยมเข้มแข็งเมื่อไหร่ โยมก็จะเข้าใจสิ่งที่อาตมาพูดเอง” หลวงพ่อยื่นหนังสือสวดมนต์ให้อีกครั้ง “รับไปซะ”

เตชินมองหนังสือสวดมนต์ที่หลวงพ่อยื่นให้งงๆ และยังไม่รับ จนชัชตัดสินใจรับแทน หลวงพ่อพยักหน้าอย่างเห็นถึงความดื้อตาใสของเตชิน ย้ำกับชัชว่า

“ส่วนโยม...อย่าทิ้งเพื่อนนะ พรสวรรค์ที่โยมได้มาจะได้มีโอกาสช่วยเขาและคนอื่นๆ” หลวงพ่อยิ้มอย่างมีบารมี

เตชินกับชัชก้มไหว้ หลวงพ่อมองเตชินอย่างเป็นห่วง

เมื่อกลับมาถึงหน้าบ้านเรือนไทย ชัชยื่นหนังสือสวดมนต์ให้เตชินขอร้องให้ทำตามหลวงพ่อสักครั้ง แค่เริ่มสวดมนต์ไม่มีอะไรยากเลย เตชินบอกว่าไม่ยากแต่ตนไม่เข้าใจ

“ทำไปก่อน อย่าเพิ่งสงสัย ทุกอย่างล้วนมีคำตอบ ฉันสัญญานะโว้ย ถ้าฉันแน่ใจสิ่งที่แกอยากรู้เมื่อไหร่ ฉันจะรีบบอกแกทันที ขอร้องนะเว้ยไอ้เต ฉันไม่เคยขอร้องอะไรแกเลยนะ” พอเตชินรับหนังสือสวดมนต์ไป ชัชมองตามอย่างเป็นห่วงพึมพำ “ฉันอยากบอกแกทุกอย่างเลยนะ แต่แกคงไม่พร้อมที่จะรับฟัง”

ส่วนเตชินรับหนังสือเดินเข้าบ้านบ่นงึมงำ

“ทำไมทุกคนต้องทำท่าทางซีเรียสแบบนั้นด้วย มันมีอะไรกันแน่” เตชินมองไปรอบบ้านด้วยความสงสัยมาก

ooooooo

หงส์หยกถูกขังอยู่ในห้องตะโกนขอความช่วยเหลือว่าผีริลณีอยู่ในห้องนี้...มันจะฆ่าฉัน...มันจะฆ่าฉัน

เอกราชที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องกับประวิทย์และตุลเทพบ่นอย่างรำคาญว่าเมื่อไหร่มันจะเลิกตะโกนชื่อริลณีเสียที เอกราชสงสัยว่าหงส์หยกมีเครื่องรางห้าแฉกแล้วผีริลณีจะเข้าไปได้อย่างไร วิเคราะห์แล้วลงความเห็นว่าหงส์หยกอาจจะหลอกให้เราเปิดประตูแล้วหนีไปก็ได้ ประวิทย์ถามว่าถ้าปล่อยให้ร้องอยู่อย่างนี้เดี๋ยวได้ตายอยู่ในห้องนั้นหรอก

“ตายซะได้ก็ดี จะได้หมดเรื่องเดือดร้อน” เอกราชพูดเหี้ยม

หงส์หยกแอบฟังอยู่ ทั้งแค้นทั้งกลัว บอกว่าคนอย่างตนไม่มีวันยอมตายง่ายๆหรอก แต่ไม่ทันไรก็ถูกผีริลณีเข้ามาหลอกหลอนอีก หงส์หยกสติแตกหาทางหนี เห็นช่องอากาศอยู่ที่สูงก็ปีนขึ้นไปจนได้แล้วกระโดดออกไป ผีริลณียังตามหลอนถามว่าจะหนีไปไหน... หงส์หยกวิ่งพล่านด่าไปทั่ว

“นังริลณี ฉันไม่มีวันยอมให้แกฆ่าฉันหรอก ฉันไม่ยอมตาย ได้ยินไหม ฉันไม่มีวันยอมตาย” พึมพำเสียงสั่น “เราต้องทำลายมัน...เราต้องทำลายมัน” แล้ววิ่งเตลิดออกไปทันที

ตุลเทพมาดูที่ห้อง พอรู้ว่าหงส์หยกหนีไปแล้ว

ก็พากันขับรถตามหา แต่หาไม่เจอทั้งที่หงส์หยกเพิ่งหนีไป ที่แท้หงส์หยกถูกผีริลณีบังตาไว้ ทั้งพวกตุลเทพและชาวบ้านไม่มีใครเห็น ทั้งที่หงส์หยกวิ่งเตลิดแผดเสียงร้องไปตลอดทาง

ooooooo

ชมพูได้ข่าวเตชินถูกแก้วบาดจึงทำขนมมาเยี่ยม เห็นหนังสือสวดมนต์วางอยู่ถามทึ่งว่าเดี๋ยวนี้เขาสวดมนต์ด้วยหรือ เตชินบอกว่าหลวงพ่อท่านให้ ท่านอยากให้ตนเริ่มสวดมนต์ ชมพูบอกว่าดี เตชินจึงยกหนังสือนั้นให้แล้วตนค่อยไปขอใหม่

ระหว่างนั้นเอง ทั้งสองได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ จึงลุกไปดู เตชินยังเจ็บแผล ชมพูจึงล่วงหน้าไปก่อน เธอตกใจเมื่อเห็นหงส์หยกเข้ามาที่ใต้ถุนศาลาใช้มือเปล่าขุดคุ้ยหาอะไรอยู่ ปากก็พร่ำพูดไม่หยุดว่า

“ฉันต้องหากระดูกแกให้พบ ถ้าฉันเอาไปเผาแกก็จะทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันต้องหากระดูกแก...ต้องหากระดูกแก!”

ชมพูทั้งแปลกใจและตกใจถามว่าทำอะไร หงส์หยกบอกว่าริลณีจะฆ่าตน ชมพูถามว่าพวกเธอทำอะไรริลณี หงส์หยกไม่ตอบเอาแต่คุ้ยดินหากระดูก พอดีเตชิน ตามมาทัน ชมพูบอกว่าหงส์หยกเป็นอะไรไม่รู้ดูแปลกๆ เตชินเข้าไปจับตัวเรียกให้ได้สติ แต่หงส์หยกเห็นเตชินเป็นริลณี แผดเสียงกรี๊ด ผลักเตชินล้มแล้ววิ่งเตลิดออกไป เตชินบอกชมพูให้รีบตามไป

แต่พอทั้งสองตามไปก็ไม่เจอทั้งที่หงส์หยกเพิ่งวิ่งออกมาหยกๆ

ที่แท้ริลณีบังตาไว้ ไม่ว่าใครที่ผ่านไปมาก็ไม่เห็นหงส์หยกที่เดินสะเปะสะปะร้องขอความช่วยเหลือไปตลอดทาง หงส์หยกทรุดนั่งข้างทางอย่างหมดแรง พลันริลณีก็ปรากฏขึ้นบอกว่า

“หมดเวลาที่เราสองคนจะสนุกกันแล้ว ถึงเวลาที่เราจะสะสางกันแล้ว”

ริลณีสะกดให้หงส์หยกไปที่ตึกร้าง ให้โอกาส หงส์หยกเป็นครั้งสุดท้ายโทร.หาใครก็ได้ที่คิดว่าจะช่วยเธอได้ พอยื่นโทรศัพท์ให้ หงส์หยกนึกไม่ออกว่าจะโทร.หาใครดี สุดท้ายโทร.หาปริมลดาบอกว่าตนกำลังจะตายอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ปลายสายฟังเงียบๆแล้วตัดสายทิ้งเลย หงส์หยกคิดว่าสายหลุดขอริลณีโทร.อีกครั้ง

“อย่าหลอกตัวเองเลยหงส์หยก สายมันไม่ได้หลุดแต่เพื่อนที่เธอรักที่สุดเลือกที่จะวางสาย ไม่สนใจแม้ว่าเธอกำลังจะตาย น่าสงสารจริงๆ”

ริลณีสะกดให้หงส์หยกขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกร้างแล้วผลักเธอตกตึกตาย แม่ค้าแถวนั้นร้องบอกกันอย่างตกใจว่ามีคนตกตึกตาย! พากันวิ่งมาดู เห็นร่างหงส์หยกแขนขาหักพับบิดเบี้ยวกองที่พื้น

ชัชนั่งกินของอยู่แถวนั้น ได้ยินว่าคนตกตึกตายก็วางเงินค่าอาหารไว้รีบไปดู เขาช็อกเมื่อเห็นว่าศพนั้น คือหงส์หยก! ช็อกกว่านั้นคือเห็นริลณียืนยิ้มสะใจอยู่ใกล้ศพ ชัชขับรถออกมา เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าริลณีตายไปแล้วจริงๆ!

ooooooo

ขณะชมพูสงสัยว่าหงส์หยกมาหาอะไรที่บ้าน เรือนไทยนั้น เอกราช ประวิทย์ และตุลเทพก็มาตามหาหงส์หยก ถามชมพูว่าหงส์หยกมาที่นี่หรือเปล่า ชมพูบอกว่ามาแล้วและไปแล้ว

เมื่อเตชินกับชมพูกลับขึ้นบ้านเจอริลณีนั่งหน้าสวยยิ้มอย่างมีความสุขอยู่แล้ว เตชินถามว่าหายไปไหนแต่เช้า เธอบอกว่าไปทำธุระที่บ้านเด็กกำพร้ามา เตชินทักว่ายิ้มมีความสุขอย่างนี้ต้องเป็นเรื่องที่ดีมากๆแน่เลย

“ดีที่สุดในชีวิตเลยค่ะ ได้สะสางเรื่องคั่งค้าง ต่อไปก็จะได้ไม่มีใครมากวนใจอีก”

ขณะนั้นเอง ชมพูก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าหงส์หยกตกตึกตาย! ริลณีจ้องชมพูพูดยิ้มในหน้าว่า

“ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรกับใครไว้ก็ต้องได้คืนอย่างนั้น”

กลับถึงบ้านแล้ว ชมพูคิดทบทวนเรื่องราวของหงส์หยก นับแต่ที่มาขุดหากระดูกที่ใต้ศาลา พวกเอกราชมาตามหาหงส์หยก โดยเฉพาะคือที่หงส์หยกพร่ำบอกว่าริลณีจะฆ่าตน คิดแล้วได้แต่ถามตัวเองว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเปิดเผยตัวเองออกมาเช่นนี้แล้ว เฟื่องฟ้าตัดสินใจบอกเอทีเอ็มกับชมพูว่าริลณีตายไปนานแล้วที่เราเห็นๆกันทุกวันนี้คือผีริลณี เชื่อว่าอาการป่วยของคุณหญิงจิตราก็เกิดจากผีริลณีเช่นกัน แต่ปมปัญหาอยู่ที่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับริลณี และใครเป็นคนทำ? ชมพูบอกว่าถ้าเรื่องที่เฟื่องฟ้าพูดเป็นความจริง ตนรู้แล้วว่าใครที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดี

พวกเอกราชตกอยู่ในความหวาดกลัว กังวลที่เพื่อนทยอยตายไปทีละคน ตุลเทพถามว่าเราจะทำอย่างไร เพราะเรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว

ประวิทย์ถามเอกราชว่าเขาเคยบอกว่ามีวิธีกำจัดผีริลณีไม่ใช่หรือ เอกราชบอกว่ามีแต่มันต้องเสี่ยง ถามว่ากล้าเส่ียงกันไหมล่ะ

“เสี่ยงแค่ไหนมันก็ต้องลอง เพราะถ้าอยู่นิ่งๆเฉยๆ ไม่ทำอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าพวกเราสี่คนใครจะเป็นรายต่อไป”

เอกราช ตุลเทพ ประวิทย์ และปริมลดามองหน้ากันกลัวๆ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นรายต่อไป

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น