วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 8


คืนนี้หลังจากไปกินข้าวกันกลับมา พอใกล้ถึงคอนโด พาไลก็โทรศัพท์ไปหานครินทร์บอกเขาว่า

“เพิ่งไปกินข้าวกับเพื่อนมา ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากคุณด้วย ห้อยไว้ที่เดิมนะ” พูดแค่นั้นแล้ววางสาย ฝนแหย่ว่า

“ห้อยน้ำเต้าหู้มันจะได้ผลอะไร มันต้องห้อยชุดชั้นในโว้ย” พาไลกับมิ้มมองหน้าอย่างรู้กัน มิ้มคาดคั้นว่าฝนคบกับใครอยู่ใช่ไหม ยอมรับมาเสียดีๆ “ฉันยอมรับว่าฉันมี แต่ฉันยังไม่ขอบอกนะว่าเขาเป็นใคร”

“แกจะคบใครก็คบไป แต่ดูให้มันดีแล้วกัน อย่าให้ซ้ำรอยอย่างไอ้คุณจำรูญ” พาไลเตือน ฝนขอร้องว่าอย่าพูดถึงไอ้หน้าปลวกนั่นได้ไหม คิดถึงแล้วจะอ้วก มิ้มพูดอย่างหมั่นไส้ว่าทีเมื่อก่อนล่ะคุณรูญคะ...คุณรูญขา...แล้วหัวเราะขำกัน

มาถึงหน้าคอนโด พาไลกับฝนต่างรู้สึกว่ามีคนแอบมอง แต่พอหันมองก็ไม่เห็นใคร ฝนบอกว่ารู้สึกมีคนแอบเดินตามมาสองสามวันแล้ว พาไลเตือนว่าระวังตัวกันไว้ก็แล้วกัน ทั้งสามขึ้นคอนโดไปอย่างไม่สบายใจ

ooooooo

วันนี้พาไลย้ายของเข้าไปอยู่บ้านสวนแล้ว นครินทร์รอจนคุณโปรยกับคุณยอดออกจากบ้านจึงมาช่วยขนของเพราะไม่อยากให้มีปัญหา

เพรียวมาช่วยพาไลขนของด้วย นครินทร์ทักว่ามาช่วยด้วยหรือ

“ต้องมาสิวะ คุณพาไลเคยช่วยฉันสยบข่าวลือเรื่องปิ่น ฉันก็ต้องตอบแทน ฝนกับมิ้มเดินออกมาได้ยินพอดี ฝนถามว่าข่าวลือเรื่องคุณปิ่น? ลือเรื่องอะไรหรือ? “ผมกับปิ่นถูกเม้าท์ว่ากิ๊กกันครับ คุณไลก็เลยไปช่วยปลอมเป็นแฟนให้ผม” ฝนพยักหน้า พลันก็มีความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

“โอม...ปะติโถถัง...พวกมันออกไป!” เสียงจุ้นดังมาจากทางรั้วบ้าน ทุกคนหันมอง เห็นจุ้นถือขันเงินกำลังเอาก้านมะยมพรมอยู่ระหว่างรั้วกั้นสองบ้าน นครินทร์ถามจุ้นว่าทำอะไร “คุณผู้หญิงให้เอาน้ำมนต์เก้าวัดมาพรมรั้วบ้าน ป้องกัน...ภูตผีปีศาจเข้าบ้านค่ะ” ปากพูดกับนครินทร์แต่หางตาไปทางพาไล

มิ้มหมั่นไส้แกล้งถามว่าน้ำมนต์จริงหรือ จุ้นเสียรู้ยื่นให้ดู ถูกมิ้มจับขันน้ำสาดใส่จุ้นเต็มๆ จุ้นร้องลั่น มิ้มพูดขำๆว่าเชื่อแล้วว่าเป็นน้ำมนต์จริงเพราะจุ้นร้องเสียลั่น จุ้นคว้าขันจะปาใส่มิ้ม ถูกนครินทร์เรียกปราม เลยพูดอาฆาตว่า

“คอยดูเถอะ คุณผู้หญิงกลับมาฉันจะฟ้องคุณผู้หญิง” แล้วเดินสะบัดไป

มิ้มกับฝนหัวเราะเยาะตามหลัง พาไลบอกเพื่อนว่าเกรงใจคุณรินทร์เขาบ้าง มิ้มขอโทษบอกว่ามันทนไม่ไหวจริงๆ นครินทร์ก็ขอโทษแทนจุ้นด้วย พาไลคว้าแขนมิ้มบอกให้ไปช่วยขนของจากคอนโดกับตนดีกว่า ขืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวมีเรื่องอีก นครินทร์ขอไปด้วย แต่บอกเพรียวให้อยู่ที่นี่รอรับก็แล้วกัน

“ฉันจัดของอยู่ที่นี่ด้วยนะ” ฝนบอกพาไลหลังจากมองเพรียวอย่างมีแผน พออยู่ด้วยกันที่บ้านสวน ฝนถามเพรียวว่าเป็นเพื่อนสนิทของนครินทร์หรือ พอเพรียวบอกว่าตั้งแต่เรียนมัธยม ฝนถามต่อ “อย่างนี้ก็แสดงว่าคุณเพรียวรู้จักกับคุณปิ่นมานานแล้วเหมือนกัน เพราะแบบนี้หรือเปล่า คนที่ทำงานคุณเพรียวถึงได้เม้าท์ว่าคุณกับคุณปิ่นเป็นกิ๊กกัน”

พอเพรียวบอกว่าไม่ใช่แต่เป็นเพราะเรื่องอื่น ฝนถามทันทีว่าเรื่องอะไร เล่าให้ตนฟังได้ไหม เพรียวเสียรู้ฝนจนได้

ooooooo

พาไล มิ้ม และนครินทร์ไปขนของที่คอนโด พาไลรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาบางคนจับจ้องอยู่แต่ก็จับตัวไม่ได้สักที พอเห็นแว้บๆว่ามีคนอยู่หลังต้นไม้ แต่พอจะไปดู ก็ถูกบัวทองขับรถปาดหน้าแล้วลงจากรถบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย

บัวทองถามพาไลอย่างหาเรื่องว่าไปทำอะไรให้คุณลุง ทำไมอยู่ๆ คุณลุงถึงได้หน้ามืดตามัวหลงจนเรียกทนายมาทำพินัยกรรมยกสมบัติให้คนเดียว เห็นพาไลงงๆก็ด่าว่าทำเป็นไม่เข้าใจ ตนนึกแล้วว่ากลับมาแกล้งทำเป็นคนดีบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเงินของคุณลุงแม้แต่บาทเดียว มันเป็นแค่แผนปอกลอกคุณลุงเท่านั้น

พาไลยืนยันว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้น บัวทองท้าให้พิสูจน์ด้วยการบอกคุณลุงว่าจะไม่รับสมบัติของคุณลุงเลยแม้แต่บาทเดียว

“ได้สิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉันไม่ว่าง” พาไลบอกแล้วเดินตามมิ้มไป บัวทองพรวดไปดักหน้าบอกให้โทร.ไปบอกคุณลุงเลย ทำท่าจะต่อสายให้ ถูกพาไลเตือนสติว่ารู้ไหมว่าความอยากมีอยากได้ของเธอทำให้แสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจออกมา มิ้มพูดปกป้องพาไล เลยถูกบัวทองผลักเซไปด้วยความโมโห

คนอย่างมิ้มไม่มีวันยอมให้ใครทำฝ่ายเดียวอยู่แล้ว ทำท่าจะลงมือกันจนพาไลต้องขอร้องแต่ไม่ได้ผลเพราะทั้งสองกระโจนเข้าตบกันแล้ว นครินทร์ลงมาเห็นถามว่ามีเรื่องอะไรกัน บัวทองเห็นนครินทร์ก็ชะงักถามว่ามาทำอะไรที่นี่

นครินทร์บอกว่าตนมาช่วยพาไลขนของ ถามว่าแล้วเธอมาทำอะไร บัวทองเกือบพลั้งปากแต่กลับลำทันบอกว่ามาคุยกับพาไล แล้วถามว่าพาไลจะย้ายไปอยู่ที่ไหน นครินทร์ชี้ไปบอกว่าอยู่บ้านเช่าหลังบ้านตน

“เรื่องที่เธอบอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะโทร. ไปคุยกับคุณพ่อเอง” พาไลบอกบัวทองแล้วชวนนครินทร์ไปเก็บของกันจะได้เสร็จเร็วๆ

“เข้าใจหาที่อยู่ดีนะนังพาไล!” บัวทองจิกตาพึมพำ แล้วเดินกลับออกไป

สายตาลึกลับคู่นั้นมองตามบัวทองแล้วแอบเดินตามไป พอบัวทองเปิดประตูด้านคนขับ ชายเจ้าของสายตาคู่นั้นก็ก้าวขึ้นนั่งคู่คนขับทันที บัวทองเห็นคนแปลกหน้าขึ้นนั่งรถ เธอร้อง

“ว้าย! ไอ้บ้า แกเป็นใครขึ้นมาในรถฉันทำไม!”

มันคือเนตร ผัวเก่าพาไลนั่นเอง!

ooooooo

พาไลโทรศัพท์คุยกับพิศมัยเรื่องที่บัวทองมาอาละวาดว่าคุณเชื่อมยกสมบัติทั้งหมดให้พาไล พิศมัยบอกว่าบัวทองพูดเกินไป คุณเชื่อมแค่เรียกทนายมาเตรียมจัดสันปันส่วนแบ่งสมบัติให้พาไลด้วยเท่านั้นเอง

“แต่ไลไม่สมควรได้รับอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะไลไม่ใช่ลูกของคุณพ่อคุณแม่”

“สำหรับพ่อกับแม่ ลูกไม่ใช่แค่คนที่เราให้กำเนิด แต่คือคนที่เราจะมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา เพราะ ฉะนั้น ไลเป็นลูกของพ่อกับแม่จ้ะ”

พาไลยิ้มนิดๆด้วยความซาบซึ้งใจในความรักของคุณเชื่อมกับพิสมัยที่มีให้ตนตลอดมา

พาไล นครินทร์ และมิ้ม กลับมาถึงบ้านสวนพร้อมส้มตำไก่ย่าง ฝนเดินหงุดหงิดออกจากบ้านต่อว่าทันที

“หายไปไหนกันมาตั้งนาน ฉันอยู่กับคุณเพรียวจนจะได้เสียกันอยู่แล้ว”

เพรียวที่กำลังดื่มน้ำจากขวดสำลักพ่นน้ำออกมากับคำพูดของฝน นครินทร์ขำๆ เพราะชินกับภาษาแสบๆ แซ่บๆของพวกเธอแล้ว บอกเพรียวว่าอยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชิน

มิ้มบอกว่าแวะซื้อส้มตำมาจัดปาร์ตี้แซ่บ เลี้ยงฉลองเศรษฐินีคนใหม่” มิ้มพูดพลางมองไปทางพาไล พาไลติงว่าพูดเกินไป “ไม่เกินหรอกย่ะ ระดับคุณเชื่อม วิบุลยา สมทบทุนช่วยเหลือลูกเลี้ยงผู้ยากไร้ ยังไงก็ต้องไม่ต่ำกว่าห้าแสน”

“โห...บ้านนี้สุดยอด ย้ายเข้ามาปุ๊บ ไลโชคดีปั๊บ” ฝนตื่นเต้น พาไลบอกว่าแต่ใจตนไม่ค่อยอยากรับ

“ไม่ผิดหรอกครับถ้าคุณจะรับเงินของคุณพ่อไว้ เพราะท่านเต็มใจให้ คุณแค่นำมาต่อยอดให้ท่านได้เห็นว่าเงินของท่านทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นได้” นครินทร์เอ่ย

มิ้มบอกพาไลว่าคุณรินทร์คอนเฟิร์มแล้วเลิกคิดมาก แล้วมากินส้มตำกันเถอะหิวแล้ว บรรยากาศเลยครึกครื้นขึ้นมา

ooooooo

เนตรกับบัวทองไปนั่งคุยกันในร้านกาแฟ เนตรขอให้บัวทองช่วยหาทางให้ตนได้คืนดีกับพาไล

บัวทองถามอย่างรู้ทันว่าเขามาหาตนเพราะอยากรู้ว่าพาไลได้อะไรจากคุณลุงบ้างใช่ไหม ปรามาสว่าเขากลับมาหาพาไลถ้าไม่ใช่ต้องการเงินก็ต้องการตัว เนตรยอมรับว่าเวลานี้ตนลำบากมากอยากได้เงินสักก้อน ถามว่าช่วยตนได้ไหม

“ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีอะไรมาแลกเปลี่ยน” เนตรถามว่าเธอต้องการอะไร “เล่าเรื่องเลวๆของพาไลให้ฉันฟัง”

เนตรยิ้มร้ายกับเรื่องง่ายๆ

วันนี้ทนายบรรจบเอาพินัยกรรมที่ร่างตามที่คุณเชื่อมต้องการมาให้คุณเชื่อมที่บ้าน

“นี่ครับพินัยกรรมที่คุณเชื่อมต้องการ ทรัพย์สมบัติของคุณทั้งหมด ถูกแบ่งเป็นสามส่วนคือ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์มอบให้คุณพิสมัย สามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของคุณพาไลและยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของคุณบัวทอง”

เพ็ญมาแนบหูแอบฟัง พอรู้ว่าบัวทองได้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็กัดฟันว่า “มันไม่ยุติธรรมเลย!”

ทนายบรรจบดึงกระดาษออกจากซองสีน้ำตาลยื่นให้คุณเชื่อม “ส่วนนี่เช็คเงินสดห้าล้านบาทที่คุณจะมอบให้คุณพาไลก่อนล่วงหน้า คุณเชื่อมเซ็นเอกสารแล้ว ผมจะนำไปมอบให้คุณพาไล”

เพ็ญตาร้อนผ่าวพึมพำ “ทำไมนังพาไลมันโชคดีอย่างนี้” พลันบัวทองก็ถามเสียงดังขึ้นว่า

“คุณแม่คะ คุณลุงอยู่ไหนคะ” เพ็ญหันมอง จึงเห็น ว่าบัวทองยืนอยู่กับเนตร

ขณะทนายบรรจบกำลังจะให้คุณเชื่อมเซ็นชื่อนั่นเอง บัวทองร้องห้าม

“เดี๋ยวค่ะ ก่อนที่คุณลุงจะตัดสินใจทำเพื่อพาไล บัวมีเรื่องอยากให้คุณลุงรับรู้เอาไว้ คุณลุงจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าถูกคนชั่วอย่างพาไลปอกลอก”

บัวทองบอกว่าพาไลฆ่าลูกในท้องของตัวเองด้วยการทำแท้ง ทุกคนตกใจ คุณเชื่อมปวดหัวใจจนทรงตัวไม่อยู่ บัวทองไม่สนใจ บอกเนตรให้เล่าเรื่องเขากับพาไลให้คุณเชื่อมฟัง

“พาไลเคยมาบอกว่าท้องจะให้ผมรับเป็นพ่อเด็ก แต่ผมไม่โง่ เพราะใครๆก็รู้ว่าพาไลนอนกับผู้ชายแลกเงิน ทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงขายบริการ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำที่พาไลทำแท้ง ผู้หญิงอย่างพาไล เข้าออกคลินิกเถื่อนเป็นว่าเล่น”

“เลือดชั่วพ่อแม่มันแรงจริงๆ” เพ็ญแทรกขึ้น

“คุณบรรจบครับ พินัยกรรมนี่ผมคงต้องรบกวนให้คุณทำใหม่ แบ่งทรัพย์สินของผมเป็นสองส่วนก็พอ” คุณเชื่อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ เพ็ญกับบัวทองและเนตรยิ้มอย่างผู้ชนะ ฟังคุณเชื่อมพูดต่อ

ตาเป็นประกาย “แบ่งให้คุณพิศกับพาไล คนอื่นไม่ต้อง”

“คุณพี่! ทำไมคุณพี่ทำแบบนี้!” เพ็ญแผดเสียงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณเชื่อมหน้าแดงก่ำโกรธจนตัวสั่นบอกว่า

“เธอกับลูกสาวเธอดูถูกพี่มากเกินไป พี่ไม่ได้โง่ถึงกับจะมองใครไม่ออก และถ้าจะมีคนหวังสมบัติของพี่ ไม่ใช่พาไลหรอก แต่เป็นพวกเธอ” บัวทองสวนทันควันว่าไม่จริง ตนกับแม่ไม่เคยคิดเลย

“ออกไปจากห้องให้หมด” คุณเชื่อมไล่ตะเพิด พิสมัยบอกเพ็ญให้พาบัวทองออกไป บัวทองไม่ยอมไป เพ็ญจึงต้องลากแขนออกไป บัวทองขืนตัวโวยวายทำให้บรรยากาศชุลมุนไปหมด จนคุณเชื่อมลุกขึ้นตะโกนสุดเสียง

“ฉันบอกให้ออกไป!” สิ้นเสียงคุณเชื่อมก็เจ็บหน้าอกรุนแรงทรุดล้มลงกับพื้น

“คุณพี่!” พิสมัยร้องสุดเสียง

ooooooo

พาไลได้รับข่าวคุณเชื่อมจากพิสมัย เธอถามว่าใครเป็นต้นเหตุให้คุณพ่อโรคหัวใจกำเริบ พิสมัยไม่กล้าบอกความจริงเพราะเพ็ญและบัวทองคือน้องและหลานแท้ๆของตน ตอบเลี่ยงไปว่าคุณเชื่อมช็อกไปเอง

พาไลไปถึงโรงพยาบาล หมอออกจากห้องฉุกเฉินมาบอกว่าคุณเชื่อมเสียแล้ว เธอช็อกน้ำตาไหลพรากไม่รู้ตัว ทั้งพิศมัย เพ็ญและบัวทองต่างพากันร้องไห้ คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงเพียงนี้

เมื่อนำร่างคุณเชื่อมออกจากห้องฉุกเฉิน พาไลโผเข้ากอดร้องไห้คร่ำครวญ ไม่เชื่อว่าคุณพ่อจากไปแล้ว พร่ำปลุกให้คุณพ่อตื่น...ตื่นขึ้นมาพูดกับตน...จนนครินทร์ต้องมาพาเธอออกจากร่างคุณเชื่อม

วันรุ่งขึ้น ในงานศพคุณเชื่อม แขกมาในงานมากมาย มีทั้งเพื่อนๆและนักธุรกิจที่เคยรู้จักคุณเชื่อม

ฝนมาช่วยเสิร์ฟน้ำ พอเห็นคุณขจีกับคุณยอดมาก็รีบวางถาด บอกพาไลว่าตนจะไปดูแลเอง ฝนเข้าไปต้อนรับ แนะนำตัวเองว่าเป็นเพื่อนพาไลแล้วพาไปนั่งด้วยท่าทางพินอบพิเทา

ในงาน เพ็ญเกือบบอกคุณยอดถึงสาเหตุการตายของคุณเชื่อม ถูกพิศมัยเรียกปรามแล้วให้พาแขกไปนั่งเพราะพระใกล้สวดแล้ว พาไลสังเกตอยู่ เธอถามพิสมัยว่ามีอะไรปิดบังตนอยู่หรือเปล่า

“ไม่มีหรอกจ้ะ แม่แค่ไม่อยากฟังใครพูดถึงการตายของคุณพ่อน่ะ”

แต่คุณโปรยก็รู้เห็นเหมือนกับพาไล คุณโปรยกระซิบกับคุณยอดว่า

“เมื่อกี๊เห็นกันไหม น้องสาวคุณพิศมัยเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แม่ว่าคุณเชื่อมไม่ได้หัวใจวายตายธรรมดาอย่างที่เป็นข่าวก็ได้”

“ถ้าครอบครัวเขาบอกว่าตายธรรมดาก็คือธรรมดา อย่าไปใส่สีตีไข่ให้มันพิเศษเลยคุณ” คุณยอดตัดบท เลยถูกคุณโปรยค้อนที่ขัดคอ นครินทร์ได้ยินคุณพ่อพูดและเห็นอาการของคุณแม่ก็หัวเราะขำๆ

ปิ่นปักเป็นตัวแทนของศกมางาน พิสมัยจะให้พาไลพาเข้าไปนั่ง ปิ่นปักบอกว่าไม่เป็นไร ตนเข้าไปเองได้แล้วเดินผ่านพาไลเข้าไปเลย

ปิ่นปักเข้าไปสวัสดีคุณเศียรกับคุณขจี คุณเศียรถามว่าแล้วศกล่ะ เธอบอกว่าเขาติดลูกค้าเลยให้ตนมาเป็นตัวแทน พอปิ่นปักนั่งลง คุณขจีก็สะกิดแขนคุณเศียรอย่างรู้กัน คุณเศียรจึงเรียกปิ่นปักให้ดูคลิปเด็กกำลังร้องเพลง ปิ่นปักรู้ว่าคุณขจีต้องการอะไร รู้สึกขัดใจแต่ก็ต้องดูจนจบเพื่อรักษาน้ำใจ

เห็นปิ่นปักดูคลิป คุณขจีได้ใจเลยจัดหนักเตรียมเปิดให้ดูอีก ปิ่นปักขอเอาไว้ก่อนดีกว่าตนขอไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ก่อน พอลุกไปคุณขจีแอบค้อนบ่น “พูดถึงเด็กทีไร เป็นอย่างนี้ทุกที”

ส่วนปิ่นปักพอไปนั่งกับคุณโปรยก็บ่นว่าอยู่ในงานศพแต่พูดเรื่องลูก เกิดใครได้ยินจะมองว่าเราไม่รู้จักกาลเทศะ

ขณะนั้นเอง เพรียวเข้ามาสวัสดีคุณโปรยกับคุณยอด เขาถามถึงนครินทร์ คุณโปรยบอกว่าคงไปเข้าห้องน้ำ บอกให้เพรียวไปตามให้ทีกลัวโดนผีสางแถวนี้ดักหลอก ถูกคุณยอดขัดขึ้นว่าไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็มาบอกเพรียวให้นั่งด้วยกันตรงนี้เลย

พอเพรียวนั่ง ปิ่นปักถามเหน็บว่าไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนพาไลหรือเวลานี้เธอคงต้องการกำลังใจจากเขา

“พาไลเขารู้ว่าพี่ส่งกำลังใจไปให้ทุกลมหายใจอยู่แล้ว”

ปิ่นปักถามอีกว่าแล้วเรื่องเรียนปริญญาโทไปถึงไหนแล้วเริ่มเปิดเทอมหรือยัง เพรียวชะงัก บอกว่ายังเลย

ฝนเดินผ่านมา เห็นปิ่นปักนั่งคุยกับเพรียวอยู่ เธอยิ้มอย่างมีแผนทันที

ooooooo

ฝนเข้าไปคุกเข่าเสิร์ฟน้ำให้คุณขจีแล้วทำทีเห็นปิ่นปักคุยกับเพรียว พอคุณขจีถามว่าปิ่นปักคุยกับใครหน้าคุ้นๆ ก็เข้าทางฝนทันที

“อ๋อ...คุณเพรียวเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายคุณปิ่น

ค่ะ คุณขจีคงจะคุ้นเพราะเคยเห็นที่งานแต่งงานของคุณปิ่น ฝนรู้มาว่าเขาสนิทกันมาก เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้หน้าที่การงานของคุณปิ่นนำคุณเพรียวไปไกลแล้ว” คุณขจีถามว่าเธอรู้เรื่องของพวกเขาได้อย่างไร “พาไลเพื่อนฝนสนิทกับคุณรินทร์ ฝนก็เลยรู้ทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องข่าว...อุ๊ย!”

ฝนทำเป็นตกใจที่พลั้งปาก คุณขจีถามว่าข่าวอะไร ฝนทำเป็นว่าไม่อยากพูดให้คุณขจีไม่สบายใจ พอคุณขจีบอกว่าตนจะยิ่งไม่สบายใจถ้าเธอไม่พูด ฝนย้ำกับคุณขจีว่าห้ามบอกใครว่ารู้เรื่องนี้จากตนไม่อย่างนั้นตนถูกไล่ออกแน่ พอคุณขจีรับปาก ฝนก็พรั่งพรูเรื่องที่พนักงานนินทาความสัมพันธ์ของปิ่นปักกับเพรียวให้คุณขจีฟังอย่างมันอารมณ์

ครู่เดียว ที่มุมหนึ่งของวัด คุณขจีก็ไปเล่าให้คุณโปรยฟัง คุณโปรยตกใจไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นความจริง รับประกันด้วยชีวิตว่าปิ่นปักไม่มีวันทำตัวต่ำอย่างที่คนอื่นลือกันแน่ๆ คุณขจีติงว่าถ้าไม่มีมูลสุนัขไม่ถ่าย คุณโปรยถามว่าคุณขจีเชื่อข่าวลือนั้นหรือ

“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้เชื่อ เพราะดิฉันเชื่อว่าตาศกเลือกคนมาเป็นเมียไม่ผิด แต่มูลที่ว่า อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจของหนูปิ่น ดิฉันก็เลยอยากจะขอให้คุณโปรยช่วยตักเตือนหนูปิ่นให้ที ว่าตัวเองไม่ใช่สาวโสดแล้วอย่าไปให้ความสนิทสนมกับใครจนเกินงาม ทำอะไรหัดนึกถึงหน้าตาของสามีบ้าง”

เมื่อคุณโปรยรับปากว่าจะเตือนปิ่นปักให้ คุณขจีรีบย้ำว่าอย่าให้ปิ่นปักรู้ว่าตนเป็นคนมาบอก เดี๋ยวตนจะถูกถอนหงอก

คุณโปรยทั้งโกรธทั้งเสียใจจนยืนแทบไม่ติด นครินทร์ที่มายืนฟังพักหนึ่งแล้วรีบเข้าไปหา คุณโปรยถามว่าเขาได้ยินที่คุณขจีพูดถึงปิ่นปักแล้วใช่ไหม คุณโปรยพูดอย่างเจ็บปวดว่า

“ตั้งแต่เกิดมาแม่ไม่เคยรู้สึกเสียหน้าเท่าครั้งนี้มาก่อน นี่ถ้าเรื่องปิ่นเป็นความจริง แม่คงต้องตายแน่ๆ” นครินทร์บอกว่าคุณแม่สบายใจได้เลยเพราะข่าวไม่ใช่เรื่องจริง “แล้วน้องไปทำอะไรทำไมคนเขาถึงพูดกันล่ะ”

“ปิ่นยังไม่ต้องทำอะไรก็พูดกันได้ครับ ผมว่าเราอย่าบอกปิ่นเลยครับ คุณแม่ก็รู้จักปิ่นดี ปิ่นยอมใครเสียที่ไหน ถ้าปิ่นรู้เรื่องปิ่นไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ปัญหาจะยิ่งบานปลายด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง พวกข่าวเม้าท์ข่าวลือเดี๋ยวมันก็หายไปตามกาลเวลา อย่าเอาใจไปใส่ให้มันมาสร้างปัญหาให้เราได้เลย คุณแม่ทำใจให้สบายแล้วเข้าไปข้างในเถอะครับ พระเริ่มสวดแล้ว”

คุณโปรยพยักหน้ายอมเข้าไปนั่งฟังพระสวดทั้งที่ใจไม่สงบนัก ปิ่นปักเห็นคุณโปรยสีหน้าไม่สบายใจถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า คุณโปรยบอกว่าอากาศร้อนไม่มีอะไร แล้วพนมมือฟังพระสวดระหว่างพระสวดนี่เอง มือถือของบัวทองสั่นเพราะมีข้อความเข้า บัวทองดูหน้าจอ “รออยู่ข้างนอก เนตร” เธอลุกเดินออกไปพบเนตร จึงรู้ว่าเนตรมาทวงเงินค่าตอบแทนที่เล่าเรื่องพาไลให้ฟัง บัวทองจึงให้ไป

หนึ่งหมื่นบาทบอกว่ามีติดกระเป๋าอยู่เท่านี้และเราไม่มีอะไร ติดค้างกัน ต่อไปอย่ามายุ่งกับตนอีก ส่วนเรื่องง้อพาไลให้เขาไปหาทางเอาเองตนช่วยอะไรไม่ได้

พาไลไปเข้าห้องน้ำกลับมา เธอตกใจเมื่อเห็นบัวทองคุยอยู่กับเนตร เมื่อเนตรไปแล้วจึงถามบัวทองว่ารู้จักกับเนตรได้อย่างไร เตือนบัวทองว่าเนตรไม่ใช่คนดีถ้าเธอไม่อยากเดือดร้อนอย่าไปยุ่งกับมันเด็ดขาด กลับถูกบัวทองหาว่ากลัวตนรู้ความลับของตัวเองหรือ เสียใจด้วย ตนรู้หมดแล้ว!

“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเนตรจะพูดถึงฉันว่ายังไง แต่เธอก็คิดเอาเองแล้วกัน เมื่อก่อนมันเคยบอกว่ารักฉัน แต่พอเลิกกันกลับมาพูดให้ร้ายฉันให้คนอื่นฟัง พฤติกรรมแบบนี้ ผู้ชายดีๆเขาไม่ทำกันหรอก และถ้าเธอยังจะเอาตัวเข้าไปใกล้มัน ไปหลงเชื่อคำพูดของมันอีก เธอก็โง่เต็มทน” เตือนแล้วพาไลเดินออกไป

บัวทองโกรธตามไปหาเรื่องว่าด่าตนแบบนี้ก็เท่ากับด่าคุณลุงว่าโง่ด้วย พาไลถามว่าหมายความว่ายังไง

“คุณป้าพิศสั่งให้พวกเราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ฉันคิดว่าแกควรจะรู้ แกจะได้รู้ตัวว่าตัวเองเลวแค่ไหน คุณลุงรู้จากเนตรว่าเธอเคยทำแท้ง ท่านถึงได้ช็อกตกใจจนหัวใจวายตายไง” พาไลอึ้งไม่เชื่อ “ไม่เชื่อก็ไปถาม

คุณป้าพิศดูสิ คุณลุงเขาผิดหวังมาก ไม่สามารถล้างเลือดชั่วในตัวแกออกได้”

เป็นเวลาที่พระสวดเสร็จ ทั้งนครินทร์ ปิ่นปักและคุณโปรยกำลังเดินมาขึ้นรถได้ยินเข้าพอดีจึงหยุดฟัง บัวทองยังพูดอย่างสะใจว่า

“แกมันเลวกว่าพ่อแม่ของแก ถึงแม่ของแกจะทิ้งแกไป แต่เขาก็ยังอดทนอุ้มท้องลูกไว้ตั้งเก้าเดือน ผิดกับแก รักสนุกไปวันๆ พอพลาดก็ทำแท้ง”

ครอบครัวนครินทร์ทุกคนอึ้ง มีแต่นครินทร์คนเดียวที่รับรู้เรื่องนี้มากับตัวเองมาก่อนแล้ว

“คุณลุงเขารู้เรื่องนี้จากผัวเก่าของแก เขาถึงทำใจรับไม่ได้ช็อกตายยังไงล่ะ แกจำใส่หัวเอาไว้เลยนะพาไล แกคือคนที่ทำให้คุณลุงตาย แกเป็นฆาตกรฆ่าคุณลุง!”

พาไลโกรธสุดขีด ตบเปรี้ยงเดียวบัวทองล้มลงกับพื้นแผดเสียงกรี๊ด ลุกขึ้นจะตบคืน นครินทร์พุ่งเข้าไปขวาง

“พาไล บัว เกิดอะไรขึ้น” พิสมัยที่วิ่งออกมาพร้อมกับเพ็ญ มิ้ม และฝน ถามบัวทองในขณะที่ทั้งสองยังจ้องกันเขม็ง

เมื่อพาไลกลับเข้าไปในศาลา ไปร้องไห้พร่ำบอกคุณเชื่อมอยู่หน้ารูปว่า

“คุณพ่อขา...คุณพ่ออย่าเข้าใจไลผิดนะคะ ไลไม่ได้ทำแท้ง ไลไม่ได้ฆ่าลูก”

“ไล...ใจเย็นๆ ลูก แม่ยืนยันได้ว่าคุณพ่อเขาเชื่อไล” พิสมัยเข้ามากอดพาไล เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของแม่

ooooooo

กลับถึงบ้าน ทั้งคุณโปรยและปิ่นปักต่างตำหนิพาไล และเตือนนครินทร์อย่าเข้าใกล้คนบาปหนาอย่างนี้เด็ดขาด นครินทร์ชี้แจงว่าพาไลไม่ได้ทำแท้ง แต่เธอถูกพ่อของเด็กทำร้ายร่างกายจนแท้ง

“รินทร์อย่าไปฟังนิยายดราม่าของพาไล” คุณโปรยแทรกทันที

“ผมไม่ได้ฟังพาไล แต่ตอนที่พาไลแท้งเด็ก ผมเป็นคนพาพาไลไปส่งโรงพยาบาล”

ทุกคนตะลึง! ปิ่นปักยังย้ำกับนครินทร์ว่า “พาไลทำตัวไม่ดี ชีวิตจึงต้องคบคนพาล ไม่แปลกที่พวกเขาจะทำเรื่องเลวร้ายต่อกัน พี่รินทร์รู้อย่างนี้ก็อย่าไปยุ่งกับพาไลอีกเลยนะคะ”

นครินทร์คร้านที่จะชี้แจง เพราะยิ่งพูดก็มีแต่จะทำให้พวกเขามีอคติกับพาไลมากยิ่งขึ้น

มิ้มกับฝนมาส่งพาไลที่บ้าน ฝนบอกพาไลว่าอย่าคิดมากเพราะคุณแม่ยืนยันแล้วว่าคุณพ่อไม่เชื่อที่เนตรบอก แต่ท่านหัวใจวายตายเพราะโกรธบัวกับเนตร มิ้มชวนพรุ่งนี้ไปดักเอาเปลือกทุเรียนตบหน้าบัวทองกันไหม

“ไม่ล่ะ ฉันรู้ว่าบัวเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันถึงต้องโยนความผิดมาที่ฉัน ฉันจะให้อภัยบัวเพื่อคุณพ่อ”

“ทำไมชีวิตแกมันยากแบบนี้วะ กำลังจะได้เงินจากพ่อมาตั้งตัวอยู่แล้วก็ดันมีมารมาผจญ คราวนี้ต้องกลับไปเป็นพาไลผู้ยากไร้คนเดิม” ฝนบ่น

“คุณพ่อเคยสอนว่า ถ้าชีวิตมีแต่คำว่าง่าย มันก็ไม่ใช่ชีวิต”

มิ้มกับฝนกลับไปแล้ว ขณะพาไลจะเดินเข้าบ้าน ก็เจอนครินทร์มาดักพบอยู่ เธอโผเข้ากอดเขาร้องไห้ นครินทร์กอดตอบและลูบหัวปลอบใจ ต่างรับรู้จากสัมผัสถึงความเป็นห่วงและเข้าใจกันและกัน

ที่ประตูทางเชื่อมระหว่างบ้านของนครินทร์กับบ้านเช่า จุ้นแอบดูอยู่ พอเห็นทั้งสองกอดกันก็จิกตาร้าย แจ้นกลับไปรายงานคุณโปรย คุณโปรยฟังจุ้นแล้วโกรธตำหนินครินทร์ว่าไม่น่าปล่อยให้มันทำแบบนั้นเลย

ป้าแสงฟังอยู่นานถามว่าเขาปลอบใจกันเรื่องพ่อเสียจะให้ชวนกันกระโดดโลดเต้นรึไง ถูกคุณโปรยหาว่าเดี๋ยวนี้เข้าข้างพาไลแล้วหรือ อยากได้มาเป็นหลานสะใภ้หรือไง

“ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ค่ะคุณ เพราะเขาต้องอยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต ส่วนเราอีกไม่กี่ปีก็ตายเป็นผีกันแล้ว”

“แต่ก่อนตาย ฉันจะไม่ทนเห็นลูกชายคว้าไม้ผุไม้พังมาสร้างเรือนหรอก จุ้น...รินทร์ยังอยู่ที่บ้านโน้นหรือเปล่า”

จุ้นลอยหน้าว่าแยกย้ายกันไปแล้ว พาไลเข้าบ้านและนครินทร์ยืนคุยโทรศัพท์ที่สวน คุณยอดว่านั่นไง ไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่เขาแค่ปลอบใจกันประสาเพื่อน

“เพื่อนก็ไม่ได้ค่ะ เกิดใครมาเห็นเข้าจะเอาไปนินทาว่าเราได้สะใภ้เป็นผู้หญิงพรรค์นั้น อับอายขายขี้หน้า คนสมัยนี้ขี้เม้าท์ขี้นินทาอย่างกับอะไรดี ขนาดคนดีอย่างปิ่นยังตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้เลย”

คุณโปรยพลั้งปากไปคำเดียวกลายเป็นเรื่องทันที ปิ่นปักคาดคั้นให้คุณแม่บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าใครนินทาอะไรตน!

ooooooo

กลับถึงบ้าน ปิ่นปักเดินเข้าไปคุยกับศกที่นั่งดื่มพักผ่อนอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอบอกเขาว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พอปิ่นปักเล่าเรื่องที่ถูกพนักงานนินทาให้ฟังก็ถูกศกตำหนิว่าทำไมไม่รู้จักระวังตัว เคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าให้วางตัวให้ดี

ศกไม่เพียงไม่พอใจที่ปิ่นปักมีข่าวไม่ดีหากไม่พอใจมากที่เป็นข่าวกับเพรียวที่เขาจิกเรียกว่า “ไอ้กระจอกนั่น” เพราะคนเขาจะคิดว่าเธอใฝ่ต่ำ ปิ่นปักโมโหถามว่าทำไมว่าตนแบบนั้น

“ผมพูดความจริง เชื่อผมเถอะ คุณกับมันเป็นข่าวกันแล้ว คนก็จะยิ่งคอยจ้องจับผิดต่อไปคุณกับมันจะยิ่งมีข่าวหนักหนากว่านี้”

“ใครจะพูดยังไงปิ่นไม่สนใจ ปิ่นสนใจแต่คุณแม่คุณปิ่นไม่อยากให้คุณแม่มองปิ่นผิดๆ คุณต้องพูดกับคุณแม่ให้ปิ่นนะคะ ว่าข่าวลือของปิ่นกับพี่เพรียวไม่เป็นเรื่องจริงเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ผมไม่มีเวลาว่างมานั่งพูดเรื่องไร้สาระหรอกนะ ผมว่าคุณอยู่เฉยๆไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณแม่เจอเครื่องเพชรถูกใจท่านก็ลืมเรื่องของคุณไปเอง”

กระนั้นปิ่นปักก็ยังไม่สบายใจ

วันต่อมาปิ่นปักไปที่บริษัทอีก ฝนรีบลุกมาไหว้ ปิ่นปักถามว่าคุณแม่ประชุมคณะผู้บริหารเสร็จหรือยัง ฝนดูสีหน้าท่าทางก็รู้ว่าเธอกำลังจะมีเรื่องกับคุณขจีแน่ แอบยิ้มกระหยิ่มใจกับแผนการของตน ทำทีบอกว่าน่าจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวตนจะโทร.ถามสมรให้ว่าคุณขจีอยู่ไหนศกมาเจอปิ่นปักขณะรอคุณขจี เขาถามว่ามาทำอะไรที่นี่ พอรู้ว่าเธอจะมาคุยกับคุณขจี เขาลากเธอไปจากตรงนั้นทันที ฝนมองอย่างมีแผน ตามไปแอบฟังและถ่ายคลิปไว้ด้วย

ศกกับปิ่นปักโต้เถียงกันรุนแรง ศกหาว่าเธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ครู่เดียวฝนก็พาคุณขจีมายังที่ที่ปิ่นปักกับศกกำลังโตเถียงกัน ศกบอกว่าเธอก็รู้ว่าถ้ายิ่งพยายามอธิบายคุณแม่ก็จะยิ่งคิดว่าเธอกำลังร้อนตัว

“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องเป็นฝ่ายพูดให้คุณแม่เข้าใจปิ่นและสอนคุณแม่ด้วยว่าอย่าหูเบาเพราะถ้าคุณแม่ฟังอะไรโดยไม่ใช้สมองคิดไตร่ตรองให้ดีแบบนี้ ครอบครัวเราจะอยู่กันอย่างสงบสุขได้ยังไง”

คุณขจีโกรธจนตัวสั่น พึมพำ “ถ้าไม่เคารพกัน

แบบนี้ เห็นทีตาศกจะต้องเลือกระหว่างเมียกับแม่!” แล้วเดินออกไปหาศกกับปิ่นปักทันที

“บ้านแกได้แตกแน่” ฝนพึมพำสะใจ

แต่พอคุณขจีออกไปถามปิ่นปักว่ามีปัญหาอะไรกับตนหรือ ปิ่นปักก็คลื่นไส้จะอาเจียนบอกว่าเหม็นกลิ่นน้ำหอมของคุณแม่ เธอเอามือปิดปากวิ่งไปห้องน้ำ

คุณขจีถามปิ่นปักว่ารอบเดือนมาปกติหรือเปล่า พอรู้ว่าขาดไปสองเดือนแล้ว คุณขจีลืมความโกรธหมดสิ้นกลายเป็นดีใจสุดๆ จับมือปิ่นปักบอกว่า “ปิ่นท้อง แล้ว ปิ่นจะมีหลานให้แม่แล้ว!”

กลายเป็นข่าวดีที่ทำให้ความบาดหมางขุ่นเคืองใจทั้งหมดมลายหายไปสิ้น ปิ่นปักได้รับการประคบประหงมราวไข่ในหิน ฝนที่ติดตามดูอยู่ผิดหวังอย่างหนัก พึมพำกับตัวเอง

“ทำไมนังปิ่นถึงโชคดีอย่างนี้วะ”

ooooooo

ที่บ้านสวน พาไล ฝน และมิ้ม ซื้ออาหารมากินกัน ฝนตั้งหน้าตั้งตากินเอ๊า...กินเอา จนมิ้มมองแปลกใจ ในขณะที่ปิ่นปักก็เอาแต่นั่งมองอาหารเซ็งๆ

ฝนบอกว่าตนจะกินให้อ้วนประชดชีวิตที่ถูกผู้ชายทิ้งอีกแล้ว บ่นว่าท่าทางตนจะไม่มีผัวรวยเหมือนคนอื่นเขา กำลังจะจับเขาได้อยู่หมัดแล้วเชียว นังเมียดันท้องป่อง!

ฝนบอกว่าจากประสบการณ์การเป็นเมียน้อยมากว่าสิบปีคอนเฟิร์มได้เลยว่า ผู้ชายมีเมียแล้วจะมีเมียน้อยมากที่สุดก็คือตอนเมียเริ่มเหี่ยวกับตอนเมียเริ่มท้อง ถูกพาไลขัดขึ้นว่าจะไปสนับสนุนให้ฝนเป็นเมียน้อยทำไม แล้วบอกฝนว่า

“ฝน ฉันว่านะ แกเลิกกับเขาเถอะสงสารคนเป็นเมีย ฉันเคยท้อง ฉันรู้ว่าเวลาท้องเราไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากให้พ่อของลูกคอยดูแลเรา”

“แต่ฉันต้องสงสารตัวเองก่อน ฉันยอมรับว่ารักเขาเข้าแล้ว รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ฉันเสียเขาไปไม่ได้แล้ว”

พาไลได้แต่มองหน้าฝนอย่างไม่สบายใจ

ooooooo

คุณขจีพาปิ่นปักไปหาหมอ หมอยืนยันว่าเธอท้องได้สองเดือนแล้ว กลายเป็นข่าวใหญ่ข่าวดีของสองครอบครัว

คุณโปรยกับคุณยอดกำลังขับรถอยู่ระหว่างทาง พอได้ข่าวจากปิ่นปักคุณยอดดีใจจนมือสั่นขับรถแทบไม่ได้ จึงตัดสินใจแวะไปที่มหาวิทยาลัยที่นครินทร์สอนแต่ไม่รู้ว่าเขาสอนอยู่ตึกไหน โชคดีเจอมิตรา พอถามนอกจากจะรู้ว่านครินทร์อยู่ตึกไหนแล้วยังรู้ว่ามิตราเป็นเพื่อนนครินทร์ตั้งแต่สมัยเรียนเมืองนอกด้วยกันอีกด้วย

คุณโปรยถูกชะตากับมิตรามาก นอกจากเธอจะมีตระกูลดี เรียนเก่ง ฉลาด แล้วยังสวยมากๆด้วยคุณโปรยจึงชวนไปงานปาร์ตี้ที่จะจัดฉลองที่ปิ่นปักท้องที่บ้าน

ศกประคบประหงมปิ่นปักอย่างดี จนเธอบอกว่า ถ้ารู้ว่าท้องแล้วเขาจะน่ารักแบบนี้ตนท้องมานานแล้ว

“ผมต้องดูแลลูกเราให้ดี เพราะถ้าเกิดคุณแท้ง หรือร่างกายลูกไม่สมประกอบ คนอื่นจะว่าเอาได้ว่าผมไม่มีปัญญาดูแลลูกเมียให้ดี” ปิ่นปักฟังแล้วยิ้มอย่างมีความสุขมาก

ในงานปาร์ตี้ฉลองปิ่นปักท้อง มิตรามาตามคำเชิญของคุณขจี พัชรินมาแสดงความยินดีเต็มที่ทุกคนอวยพรให้หลานแข็งแรง มิตราถามว่ารู้หรือยังว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ปิ่นปักบอกว่าเพิ่งสองเดือนยังไม่รู้ต้องรออายุครรภ์สี่เดือนก่อน นังจุ้นสาระแนให้มาทายกันว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย

“ต้องผู้ชายเท่านั้นครับ” ศกเสียงขึงขังจนทุกคนเงียบกริบ “ต่อไปลูกผมต้องสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ถึงตอนนั้นบริษัทจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าแสนล้าน ผู้หญิงยังไงก็บริหารงานไม่เก่งเท่าผู้ชาย”

ศกพูดแล้วชวนไปทานข้าวกันโดยไม่รู้ตัวเลยว่า การพูดของตนทำให้บรรยากาศกร่อยไปทันที

ooooooo

พัชรินดูจะดี๊ด๊าดีใจกับปิ่นปักกว่าเพื่อน เธอดีใจจนน้ำหูน้ำตาไหล ยุทธถามว่าทำ ไมเธอต้องดีใจถึงขนาดนี้ด้วย พัชรินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่คราบน้ำตายังติดอยู่ว่า

“ชูว์ เบาๆสิคุณ เสียงดังไป เดี๋ยวใครมาได้ยิน” แล้วลดเสียงลงเป็นกระซิบว่า “ที่ฉันต้องแกล้งดีใจโอเว่อร์ ก็เพราะว่าอยากกู้หน้ากับคุณแม่ยัยปิ่น ฉันเพิ่งโดนเขาด่าว่าไปเผือกเรื่องครอบครัวปิ่นกับคุณศก ฉันอยากให้คุณแม่กลับมารักฉันเหมือนเดิม เพราะว่าบ้านนี้ของกินอร่อย เยอะ มาทีไรอิ่มจังตังค์อยู่ครบทุกที”ยุทธฟังแล้วเหนื่อยใจกับเมียตัวเอง

คุณโปรยโปรดปรานมิตรามาก พยายามชงให้นครินทร์ตักโน่นนี่ให้ ซ้ำยังปรารภว่าปิ่นปักก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว เหลือแต่นครินทร์ที่ยังไม่มีแฟนกับเขาสักที

“อ้าว...คุณรินทร์ยังโสดเหรอครับ ผมคิดว่ามีคุยอยู่กับพาไล เห็นสนิทสนมกันดีเหลือเกิน” ศกจงใจเผา

“ผู้ชายผู้หญิงคุยกัน ให้คำปรึกษากัน ไปช่วยเหลือกันในยามที่อีกฝ่ายอยู่ในอันตราย ไม่ต้องจำกัดว่าต้องเป็นแฟนกันอย่างเดียวก็ได้นี่ครับ” นครินทร์พูดมีนัยถึงวันที่ศกปล้ำพาไล แต่ฝ่ายนั้นทำหน้าตายถามว่า

“สรุปว่าคุณไม่ได้ชอบพาไล” นครินทร์ไม่ตอบแต่มองศกด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างรู้ทันว่าศกจงใจหาเรื่อง

“ใช่ค่ะ คุณรินทร์ชอบพาไล มินก็ชอบพาไลเหมือนกัน” ปิ่นปักถามว่ารู้จักพาไลด้วยหรือ “รู้จักค่ะ เราเคยเจอกัน พาไลเป็นคนสวย นิสัยก็น่ารัก ถ้าใครได้อยู่ใกล้พาไลก็ต้องชอบทุกคนแน่นอน”

“สรุปพี่รินทร์ยังโสด คุณมินก็โสด เรียนเก่งด้วยกันทั้งคู่ ถ้าลองคบกันมากกว่าเพื่อนก็น่าจะดี” พัชรินสอพลอ

“ต๊าย...พัชพูดถูกใจแม่มากๆ” คุณโปรยหัวเราะคิกคักกับพัชริน เลยทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง

เมื่อนครินทร์ออกมาส่งมิตรากลับ เขาขอบคุณเธอที่ช่วยตนเรื่องพาไล เธอบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ ตนแค่ไม่อยากให้บรรยากาศเสีย วันนี้เป็นวันดีของปิ่น เราทุกคนควรจะพูดถึงแต่ปิ่น ปิ่นจะได้มีความสุข

“งั้นผมก็ต้องชอบคุณคุณแทนปิ่น ดีใจแทนปิ่นที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ”

“ฉันก็ดีใจแทนพาไลที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ” มิตรายิ้มให้ นครินทร์ยิ้มรับอย่างจริงใจ

ooooooo

คืนนี้พาไลนั่งเขียนใบสมัครเรียน กศน.อยู่ที่บ้านสวน เธอคิดถึงคุณพ่อที่ไม่ทันได้เห็นความสำเร็จของตนก็มาด่วนจากไป

นครินทร์เอาเนื้อปูพร้อมน้ำจิ้มใส่จานมาให้ เธอถามว่าที่บ้านมีงานเลี้ยงอะไรหรือได้ยินเสียงเอะอะตั้งแต่ตอนเย็น

นครินทร์บอกว่างานเลี้ยงฉลองได้หลานเพราะปิ่นปักท้องได้สองเดือนแล้ว เล่าขำๆว่า

“คุณพ่อคุณแม่เห่อกันใหญ่ คุณศกก็ดูจะเห่อไปกับเขาด้วย ดีเหมือนกัน เผื่อลูกในท้องปิ่นจะทำให้คุณศกไม่เกเรอีก”

พาไลเอะใจนึกถึงที่ฝนบ่นว่ากำลังจะจับผู้ชายคนนั้นได้อยู่แล้วเชียวเมียดันท้องเสียอีก และที่ฝนชมว่าศกดีมาก ผู้ชายอะไรไม่รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง และกระทั่งรู้เรื่องบนเตียงของปิ่นปักว่าจืดชืดจนทำให้ศกหิวโหย พาไลเผลอพึมพำว่า

“ฝนต้องคบกับคุณศกอยู่แน่ๆ” นครินทร์ถามว่าเธอพูดอะไร พาไลรีบบอกว่า “ไม่มีอะไรค่ะ” แล้วยิ้มกลบเกลื่อน

วันต่อมา ฝนส่งข้อความให้ศก “คิดถึงคุณจัง อยู่ไหนคะ” รอครู่หนึ่งก็บ่นอย่างหงุดหงิด “ทำไมคุณศกไม่ตอบ”

พาไลแกล้งคุยโทรศัพท์ผ่านมาให้ฝนได้ยินว่า “อย่าโทร.มาอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องคุณ” แล้วทำเป็นหงุดหงิดวางสายเลย ฝนถามว่าใครโทร.มา พาไลตอบอย่างไม่อยากบอกว่า “คุณศก”

ฝนสนใจจี๋ถามว่าศกโทร.มาหาเธอทำไม พาไลตอบปัดๆไปว่าไม่มีอะไร ช่างเถอะ แล้วแกล้งเดินไป ทำให้ฝนยิ่งอยากรู้ตามไปถามอีกว่าศกโทร.มาหาเธอทำไม

“เขาบอกว่าเขาเหงา เขาขอให้ฉันไปหาที่คอนโดตอนนี้”

ฝนคว้ากระเป๋าออกจากบ้านไปเรียกแท็กซี่ทันที พาไลกับมิ้มจึงขับรถตามไปหมายจับผิดให้ได้ว่าฝนคบกับใครอยู่

ทั้งสองจับได้ว่าฝนมาหาศก ฝนยอมรับ แต่เมื่อพาไลเตือนด้วยความเป็นห่วง กลับถูกฝนมองว่าพาไลกลัวตัวเองจะมีปัญหากับนครินทร์ที่เพื่อนสนิทมาทำให้ครอบครัวน้องสาวเขาแตก แม้พาไลจะบอกว่าไม่อยากให้ฝนเสียใจภายหลัง ฝนไม่สนใจบอกเพื่อนทั้งสองว่า

“งั้นแกก็เลิกเป็นห่วงฉันได้เลย เพราะฉันจะไม่มีวันเสียใจอีก ฉันจะเป็นภรรยาคนใหม่ที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณศกให้ได้!”

แยกกับฝนแล้ว มิ้มบอกพาไลว่าเรื่องนี้งานเข้าเธอเต็มๆ แต่พาไลไม่ได้ห่วงตัวเอง บอกว่าคนที่น่าเป็นห่วงคือปิ่นปัก บอกมิ้มว่า

“แกก็รู้จักฝนดี ถ้ามันตัดสินใจจะเอาอะไรขึ้นมา มันก็ต้องเอามาให้ได้” มิ้มได้แต่พยักหน้าอย่างหนักใจ

ooooooo

เมื่อปิ่นปักท้อง เธอมีความสุขมากที่ได้รับการประคบประหงมอย่างมากจากศก

แต่ที่เธอรับไม่ได้คือศกกำหนดกฎเกณฑ์ไว้มากมาย ห้ามเธอทาครีม เกรงสารเคมีจะไม่เป็นผลดีต่อลูก ให้เธอลาออกจากงาน เกรงความเครียดจะส่งผลถึงลูก ที่สำคัญเขาชี้แจงว่า

“อีกอย่างนะ ถ้าใครรู้เว่าผมปล่อยให้เมียตั้งท้องไปทำงาน เขาจะคิดว่าผมไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูกเมีย”

“ปิ่นขอคิดดูอีกทีก็แล้วกันนะคะ”

“ผมไม่ได้ให้เวลาคิดนะ แต่ผมให้เวลาคุณไปเคลียร์งานแล้วลาออกให้เร็วที่สุด” สั่งแล้วผละไป

ปิ่นปักทำได้แค่ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย

แล้วก็มีเรื่องให้เป็นปัญหาอีกจนได้ เมื่อเพรียวให้แม่ทำแกงเลียงกับยำตำลึงกุ้งฝอยอาหารบำรุงคนท้องใส่ปิ่นโตเถาเล็กมาให้ปิ่นปัก ปดเธอว่าคุณแม่ฝากมา ปิ่นปักฝากขอบคุณคุณแม่ แต่วันหลังไม่ต้องทำตนเกรงใจ

จู่ๆปิ่นปักก็คลื่นไส้ต้องวิ่งไปอาเจียนใส่ถังขยะ เพรียวดูแลอย่างดี แต่ครู่เดียวตัวเองก็อาเจียนไปอีกคนเพราะเขาเห็นคนอาเจียนไม่ได้ กลายเป็นปิ่นปักต้องมาลูบหลังให้แทน

ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาพนักงานปากหอยปากปู เลยซุบซิบกันเรื่องเมียท้อง ผัวแพ้ท้องแทนกันเมามัน ถึงขั้นท้ากันว่า

“ไม่เชื่อฉันใช่ไหม ไม่เป็นไร รอให้หลักฐานปรากฏบนใบหน้าของเด็กแล้วกัน ฉันมั่นใจว่าเด็กจะต้องไม่หน้าฝรั่งแบบคุณศก แต่จะหน้าไทยดึกดำบรรพ์แบบเพรียว รับรอง!”

“รับรองอะไรหรือคะ” เสียงปิ่นปักถามขึ้น พนักงานคนนี้เม้าท์แตกไม่ทันคิดตอบทันทีว่า

“ก็รับรองว่าคุณปิ่นได้ฉาว” พอหันเห็นปิ่นปักก็หน้าเหลือสองนิ้ว ปิ่นปักสั่งให้เธอไปที่ห้อง ตนจะเขียนใบไล่ออกไว้ให้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเก็บของ พนักงานคนนั้นหน้าเบ้ร้องไห้โฮที่ตกงานไม่ทันตั้งตัว

ปิ่นปักกลับไปนั่งในห้องทำงาน คิดเรื่องที่พนักงานนินทากันแล้วถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม เธอตัดสินใจไปบอกศกว่าจะลาออกจากงาน ศกถามว่าทำไมอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจ

“เพราะว่าปิ่นควรจะรักลูกรักคุณมากกว่ารัก งานไงคะ”

“ว่าง่ายแบบนี้สิ ถึงจะน่ารัก” ศกยิ้มกว้าง กอดปิ่นปักไว้ เธอยิ้มอย่างมีความสุข

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 11


อนาวิลบุกไปบ้านตระกูลจางอย่างบ้าระห่ำ สมุนถือปืนดาหน้าออกมากางกั้น เหว่ยชิงตกใจสั่งห้ามสมุนทุกคนทำร้ายอนาวิล ถ้าไม่เชื่อฟังจะฆ่าให้หมด

เหว่ยชิงพุ่งไปหาอนาวิลถามอย่างห่วงใยว่าเกิดอะไรขึ้น โชวมองมาด้วยความน้อยใจ น้ำเสียงและท่าทางของเหว่ยชิงอาทรอนาวิลยิ่งกว่าตนที่เป็นลูก โชวปรากฏตัวทันทีที่อนาวิลกล่าวหาว่าเขาฆ่าแจ็ค

ขณะโชวยืนตะลึงอยู่นั้น อนาวิลพุ่งเข้าชกต่อยอย่างบ้าคลั่ง โชวจำเป็นต้องต่อสู้ปกป้องตัวเอง แต่ปากก็บอกว่าตนไม่ได้ฆ่าแจ็ค เหว่ยชิงเห็นสองหนุ่มซัดกันไม่หยุดก็พยายามห้ามแต่ไร้ผล จนกระทั่งอนาวิลจะใช้มีดแทงโชว ดุจดาววิ่งมาห้ามเสียงหลง พร้อมๆกับเสียงปืนดังขึ้น สกัดมีดในมืออนาวิลหล่นลง

ริวนั่นเองที่เป็นคนยิงปืน เขาเข้ามาพร้อมชินและจ่าเดช...ริวขอโทษอนาวิลก่อนชี้แจงว่าเขาต้องทำเพราะท่านผู้การสั่งให้พวกเรามาจับตัวหัวหน้าอนาวิลอึ้งงง แม้แต่เหว่ยชิงกับโชวก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ooooooo

เม่ยกับเฉินพาหลี่เฟยไปอยู่บ้านเช่า เม่ยเพิ่งทราบจากเฉินว่าแจ็คตาย เธอสงสัยว่าเขาตายได้ยังไง

“แจ็คถูกฆ่าตาย เพราะแจ็คเป็นสายของพวกอินทรีพิฆาต”

“ไม่จริง”

“มันคือเรื่องจริง แจ็คถูกจับตัวได้เมื่อคืน”

“เม่ยไม่น่าพาแจ็คมาจากหมู่บ้านเลย เม่ยผิดเองค่ะพี่เฉิน”

เม่ยร้องไห้โฮอย่างทำใจไม่ได้ ถามเฉินว่าใครเป็นคนฆ่าแจ็ค

“ต้องเป็นไอ้โชวแน่นอน”

คำตอบของเฉินทำให้เม่ยชะงัก สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ขณะเดียวกันนั้นโชวกับวายุลุยไปที่ห้องทำงานภูผา ผลักประตูเข้าไปเสียงดังจนเจ้าของห้องและอันดาสะดุ้งตกใจ

“ทำไมไม่เคาะประตูก่อนวะไอ้โชว นึกว่าเป็นประมุขภาคีแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ”

“มากไปแล้วนะไอ้อันดา”

“ทำไมวะ”

อันดากับวายุทำท่าจะมีเรื่อง โชวรีบห้ามวายุให้ใจเย็น แล้วหันไปกระชากเสียงถามภูผาว่าทำไมต้องฆ่าแจ็ค ภูผาตอบทันควันว่าเพราะมันเป็นสายของพวกอินทรีพิฆาต

“แต่เรื่องสำคัญแบบนี้แกควรบอกฉันก่อน”

“บอกหรือไม่บอก มันก็ต้องตายอยู่ดี”

“คนตัดสินคือฉัน ไม่ใช่แก...อย่าทำแบบนี้อีก แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน”

โชวจ้องหน้าภูผาเขม็ง ภูผาไม่กลัวแถมยังยิ้มกวนอย่างใจเย็น โชวข่มใจจะเดินออกไปแต่ทันใดอันดา

พูดโพล่งขึ้นว่า ก็แค่ประมุขหน้าม่าน ใครๆก็รู้ว่าหลังม่านมีน้าเหว่ยชิงคอยชักใยอยู่

วายุโกรธแทนโชวจะเล่นงานอันดาที่ปากดี แต่โชวรั้งห้ามและพากันออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาบอกวายุว่าถึงเวลาแล้วที่ภาคีจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ด้านอนาวิลที่เข้าใจผิดว่าโชวฆ่าแจ็คตาย เขาเสียใจมากคิดแก้แค้น แต่กลับถูกผู้การลงโทษขังคุกที่ส่งแจ็คไปเป็นสายโดยไม่ขออนุญาต แถมผู้การยังสั่งตรวจสอบเจ้าหน้าที่หน่วยอินทรีพิฆาตคนอื่นๆ ถ้าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะเอาตัวมาลงโทษให้หมด

สายใยของพี่น้องตัดกันไม่ขาด ดุจดาวมาขอร้องผู้การอย่าลงโทษอนาวิล เขาไม่ได้มีเจตนาทำผิด แค่ต้องการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ผู้การรับปากแต่ไม่รับรองผล เพราะในใจลึกๆยังไงก็ไม่ช่วยอนาวิลแน่

หลังจากเม่ยกับเฉินพาหลี่เฟยออกไปเช่าบ้านอยู่ วีนัสทราบข่าวก็เข้ามาทำหน้าที่ในบ้านแทนเม่ยเพราะอยากจะลงเอยกับโชวประมุขของจตุรภาคี แต่คราวนี้เหว่ยชิงไม่มีท่าทีสนับสนุนเหมือนเคย มิหนำซ้ำยังดูจะเปิดทางให้ดุจดาวได้ใกล้ชิดโชวมากกว่า

วีนัสไม่พอใจอย่างมาก เดินกระฟัดกระเฟียดออกมาหน้าบ้าน จู่ๆชายสองสามคนก็พุ่งมารวบตัวเธอขึ้นรถไปบ้านภูผา วีนัสโมโหต่อว่าภูผาทำเกินไปแล้ว ทำไมต้องส่งคนคอยตามตนด้วย

“คุณเป็นผู้หญิงของผม อย่าทำเรื่องที่ผมไม่ชอบ”

“นี่คุณหึงฉันเหรอ”

“ผมแค่ไม่ชอบที่คุณหยามเกียรติกัน”

“งั้นคุณก็รีบทำให้ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการซะทีสิ”

“เริ่มถอดใจกับไอ้โชวแล้วสินะ”

“ก็คุณน้าเหว่ยชิงน่ะสิ ท่าทางเหมือนอยากให้ประมุขรักกับดุจดาว”

“คุณเข้าใจผิดรึเปล่า”

“ฉันดูออกว่าคุณน้ากำลังสนใจนังดุจดาวนั่นอยู่”

“อย่างงั้นเหรอ แบบนี้ก็สนุกขึ้นอีกเยอะเลยสิ” ภูผาแอบยิ้มชอบใจ วีนัสนิ่วหน้าไม่เข้าใจ

ooooooo

ดุจดาวทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้โชวตามคำสั่งเหว่ยชิง แต่ดูเหมือนโชวจะไม่ค่อยชอบ วันนี้เสร็จจากซ้อมฟันดาบเขาให้วายุไปส่งดุจดาว ส่วนตัวเองมุ่งหน้าไปบ้านเช่าเพื่อเยี่ยมเยียนหลี่เฟยหลังจากแอบไปพบมาแล้วครั้งหนึ่งโดยที่เม่ยไม่รู้

หลี่เฟยพูดไม่ได้แต่พยายามจะบอกเรื่องชาติกำเนิดของโชว แต่เม่ยโผล่มาเสียก่อน เลยเป็นเรื่อง!

เม่ยเข้าใจว่าโชวฆ่าแจ็คจึงต่อว่าเขาหลายคำก่อนจะใจเย็นลงเมื่อได้ยินคำพูดยืนยันและแววตาขอความเห็นใจจากเขา

“เรื่องนี้ฉันไม่ได้ทำจริงๆ เชื่อฉันเถอะนะ”

“แล้วคุณชายมาที่นี่จะทำอะไรพ่อฉันอีก”

“ฉันเปล่า...ฉันเป็นห่วงเธอ”

“เป็นห่วง หลังจากที่ทำร้ายหัวใจฉันแล้วงั้นเหรอคะ”

“ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้นะเม่ย”

“กลับไปซะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณชาย”

เม่ยเสียงดังจนโชวไม่กล้าตอแยอีก เดินคอตกออกมาโดยมีสายตาเจ็บปวดรวดร้าวของเม่ยมองตามโชวกลับไปครู่เดียว ดุจดาวก็ปรากฏตัวตรงหน้าเม่ย ยืนยันว่าเรื่องหลี่เฟยถูกทำร้ายคุณชายไม่รู้เรื่อง เขาไม่ได้เป็นคนสั่งให้ลงโทษพ่อเธอ

“เธอมาเพื่อแก้ตัวแทนคุณชายงั้นเหรอ”

“ฉันอยู่กับคุณชายตลอด ฉันรู้ความจริงว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ”

“ฉันคงเชื่อเธอไม่ได้”

“ทำไม”

“ฉันคิดว่าเธอกำลังปกป้องเขา เพราะเธอหลงรักคุณชาย”

ดุจดาวอึ้ง ค้านอยู่ในใจว่าไม่ใช่ เธอมาเพื่อแก้แค้นให้นัท เธอจะรักโชวไม่ได้

“เธอรู้ไหมว่าก่อนมาบอกเธอ ฉันต้องต่อสู้กับตัวเองแค่ไหน ฉันยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฉันเห็นแก่ตัว ไม่อยากมาบอกความจริงนี้กับเธอ เพราะฉันกลัวนายหญิงโกรธ แล้วการสืบเรื่องการตายของพี่นัทจะมีปัญหา...ฉันบอกความจริงหมดแล้ว เธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อฉันก็ได้นะเม่ย”

เม่ยนิ่งไม่ตอบ แต่บอกดุจดาวให้ออกจากจตุรภาคี เพราะคนที่นั่นไม่ได้แค่จะทำร้ายเธอ แต่พวกเขาใจร้ายพอจะทำร้ายทั้งครอบครัวของเธอได้

ดุจดาวรับฟังแต่ไม่พูดอะไร หันหลังเดินจากไป

ooooooo

ในที่สุดอนาวิลถูกปล่อยตัวออกจากคุก แต่เมื่อเขาย้อนกลับมาที่หน่วยอินทรีพิฆาตก็พบว่าหน่วยฯถูกปิดและถูกใส่ร้ายว่าเป็นพวกก่อการร้ายเป็นภัยต่อสังคม

ชินกับริวถูกตามล่า ส่วนจ่าเดชหนีไปพึ่งใบบุญของเหว่ยชิง กระทั่งตัวอนาวิลเองก็ถูกไล่ล่าจากหน่วยงานใหม่ อนาวิลไม่เข้าใจพยายามติดต่อกับผู้การเพื่อสอบถามความจริง

ที่แท้คนที่สั่งฆ่าพวกอนาวิลก็คือผู้การนั่นเอง เขาทำงานให้ภูผาเพราะเห็นแก่เงิน การตรวจค้นผงขาวคราวก่อนก็เป็นเพราะผู้การสับเปลี่ยนของกลาง พวกจตุรภาคีถึงรอดไปได้

ด้านโชว...ในเมื่อทำอะไรภูผากับอันดาไม่ได้

จึงแก้เผ็ดด้วยการยกเลิกธุรกิจผิดกฎหมายเรื่องเก็บส่วย ภูผาแค้นมากจึงร่วมมือกับเฉินที่ต้องการแก้แค้นให้หลี่เฟยอยู่แล้ว

หลังจากมีคำสั่งยกเลิกการเก็บส่วยไปแล้ว โชวบอกวายุว่าตนต้องการเปลี่ยนแปลงจตุรภาคี เรื่องนี้ตนคิดมานานแล้วตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาเป็นประมุข พวกเรามีธุรกิจบังหน้าถูกกฎหมายที่สร้างรายได้ให้ทุกกลุ่มมหาศาล เพียงพอจนใช้ชาตินี้ก็ไม่หมดอยู่แล้ว

“ก็จริงของแก”

“ทำไมเราต้องทำเรื่องที่ผิดกฎหมายเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอีกวะวายุ”

“ฉันเห็นด้วยกับแกนะ แต่มันคงจะยากถ้าจะให้คนอื่นเห็นด้วย โดยเฉพาะคนโลภอย่างไอ้ภูผากับอันดา”

“ยากยังไงฉันก็จะทำให้ได้ ฉันตั้งใจเอาไว้แล้ว” โชวสีหน้ามุ่งมั่น ดุจดาวแอบมองมาอย่างชื่นชมแต่คนที่ไม่ชื่นชมแถมยังฉุนขาดดุด่าโชวก็คือเหว่ยชิง!

“แกคิดจะทำอะไรของแก ไปยกเลิกคำสั่งเดี๋ยวนี้”

“ไม่ครับ”

“อะไรนะ นี่แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”

“ผมคือประมุขภาคีครับแม่ เรื่องนี้แม่สั่งผมไม่ได้ ขอตัวก่อนนะครับ”

โชวเดินลิ่วออกไป เหว่ยชิงมองตาขวาง โกรธและเริ่มไม่สบายใจที่โชวไม่เชื่อฟัง

ooooooo

ภูผาและอันดาร่วมกับเฉินวางแผนฆ่าโชว เม่ยไม่รู้เรื่องแต่สงสัยเมื่อเห็นพี่ชายสะพายกระเป๋าใส่ปืนออกจากบ้าน เม่ยรู้เพราะเห็นด้ามปืนโผล่จากกระเป๋า จึงซักถามพี่ชายว่าจะไปไหน เฉินบอกสั้นๆว่า มีงานต้องไปจัดการนิดหน่อย

“ต้องเอาปืนไปด้วยเหรอ”

“แค่ป้องกันตัวเองน่ะ”

“พี่เฉินไม่ไปทำอะไรแน่นะ”

“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ทำอะไรที่อันตรายกับตัวเองหรอก”

เม่ยพยักหน้าทั้งที่ไม่สบายใจ มองพี่ชายเดิน จากไป...ทันใดนั้นได้ยินเสียงของหล่นในห้องหลี่เฟย เม่ยวิ่งเข้ามาเห็นพ่อนอนบนเตียง สองมือปัดป่ายข้าวของหล่นกระจายพยายามจะเรียกชื่อเฉิน กว่าเม่ยจะรู้เรื่องหลี่เฟยก็เหนื่อยอ่อนเต็มที

หลี่เฟยต้องการให้เม่ยตามเฉินกลับมา เพราะก่อนหน้านี้เฉินเพิ่งมาบอกตนว่าจะไปฆ่าโชวเพื่อแก้แค้นให้พ่อ...แต่หลี่เฟยก็จนปัญญาที่จะบอกให้เม่ยเข้าใจได้หมด หนำซ้ำพอดิ้นรนมากเข้าอาการป่วยของเขาก็ทรุดลงยิ่งกว่าเดิม จนเม่ยต้องตามหมอมาตรวจ

หลังจากหมอฉีดยาให้ครู่เดียวหลี่เฟยก็หลับสนิท เม่ยเป็นห่วง ถามหมอว่าพ่อของตนเป็นอะไร

“น่าจะเกิดจากอาการเครียดสะสมน่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้หมอฉีดยาคลายเครียดให้แล้ว ถ้าคนไข้ได้พักผ่อนมากๆน่าจะดีขึ้น”

“แล้วเรื่องเสียง...คือทำไมพ่อถึงยังพูดไม่ได้สักทีล่ะคะหมอ”

“หมอพยายามตรวจดูแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยนะครับ”

เม่ยเห็นเล็บมือเล็บเท้าพ่อมีสีดำคล้ำมาก ตั้งข้อ สังเกตว่าอาการเหมือนคนโดนพิษ แต่แล้วเม่ยก็อึ้งเถียงไม่ออก เมื่อหมอบอกว่าถ้าเป็นพิษจริงตอนที่เอาเลือดคนไข้ไปตรวจก็น่าจะพบแล้ว

ooooooo

อนาวิล ชิน และริวถูกหน่วยสังหารที่รับคำสั่งจากผู้การตามล่า พวกเขาต้องปลอมตัวทุกครั้งที่ออกจากที่ซ่อน

วันนี้ทั้งสามมาซุ่มหน้าบ้านอนันต์เพื่อจะบอกความจริงว่าพวกตนถูกใส่ร้าย แต่มาพบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่ถูกส่งมาจับตาดูความเคลื่อนไหวของอนันต์และคอยลอบจับอนาวิล

“พวกมันส่งคนมาเฝ้าที่บ้านหัวหน้าแบบนี้คงส่งข่าวหาท่านอนันต์ลำบากแน่”

“ไม่เป็นไร ฉันนึกวิธีออกแล้ว พวกนายสองคนกลับไปที่ซ่อนก่อน เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”

อนาวิลไปหาเม่ยที่บ้านเช่า เม่ยแปลกใจเขารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง

“เม่ยเคยบอกแจ็คไว้นี่ ก่อนตายแจ็คบอกกับพี่” ได้ยินคำตอบนั้น เม่ยถือโอกาสถามว่าแจ็คเป็นสายของเขาจริงหรือ อนาวิลพยักหน้ารับและกล่าวขอโทษที่หลอกเธอมาตลอด

“มันเป็นหน้าที่ เม่ยเข้าใจค่ะ แต่แค่นึกไม่ถึงว่าเด็กอย่างแจ็คจะกล้าเข้ามาเป็นสายในที่ที่อันตรายแบบนี้”

“พ่อแม่แจ็คตายเพราะยาพวกนั้นครับ แจ็คมีความฝันจะกำจัดยานรกนั่นให้หมดจากโลก ฟังดูเหมือนจะเป็นความฝันแบบเด็กๆนะครับ”

“แต่ถ้าทุกคนในสังคมช่วยกัน ความฝันแบบเด็กๆ ของแจ็คต้องเป็นจริงได้แน่ๆค่ะ ว่าแต่พี่วินมาหาเม่ยถึงนี่มีอะไรรึเปล่าคะ”

“ตอนนี้หน่วยอินทรีพิฆาตถูกกล่าวหาว่าเป็นหน่วยก่อการร้าย พี่กับทุกคนกำลังถูกไล่ล่าตามเก็บอยู่ครับ”

เม่ยตกใจถามว่าเป็นฝีมือของพวกไหน อนาวิลบอกไม่รู้ ตอนนี้ตนเป็นห่วงพ่อกับแม่อยากส่งข่าวให้ท่านรู้ แต่ที่บ้านมีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอด โทรศัพท์ก็คงมีคนดักฟัง เลยจะขอให้เม่ยไปส่งข่าวเรื่องนี้กับพ่อของตน

“ได้ค่ะ เม่ยจะส่งข่าวให้คุณลุงเอง พี่วินไม่ต้อง เป็นห่วงนะคะ”

อนาวิลส่งกระดาษแผ่นเล็กให้เม่ยพร้อมขอบคุณที่เธออยู่เคียงข้างเขาในวันนี้ “พี่คงต้องรีบไปก่อน มีอีกที่หนึ่งที่ต้องไป”

อนาวิลผละไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายต่อไปคือท่านผู้การ!

ด้านเฉินที่ต้องการฆ่าโชว...เขาทำไม่สำเร็จเพราะวายุมาช่วยไว้ โชวรู้ว่าเป็นเฉินแต่ไม่ให้วายุตามไปเอาเรื่องเพราะไม่อยากให้เม่ยลำบากใจ

เฉินบาดเจ็บกลับมาให้เม่ยทำแผลและย้ำว่าอย่าให้พวกจตุรภาคีรู้เรื่องนี้เด็ดขาด เม่ยเลยเดาว่าเขาไปหาโชว มาใช่ไหม เฉินยอมรับว่าตนจะไปฆ่าโชวแต่เสียดายที่มีคนมาช่วยทัน ไม่งั้นตนคงแก้แค้นให้พ่อได้แล้ว

เม่ยแอบเศร้า เฉินสังเกตเห็นถามน้องสาวว่ายังรักโชวอยู่หรือเปล่า เม่ยอึกอัก พี่ชายจึงย้ำหนักแน่นว่า

“อย่าลืมว่ามันทำให้พ่อเราเป็นแบบนี้นะเม่ย ถ้าเธอยังรักมัน เธอก็อกตัญญูต่อพ่อ”

เม่ยชะงัก ค่อยๆก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่กำลังจะไหล ออกมา

ooooooo

อนาวิลตั้งใจไปพบผู้การทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือตัวบงการให้หน่วยสังหารตามล่าพวกตน โดยรับเงินจากภูผามาระยะหนึ่งแล้ว

ผู้การเผชิญหน้าอนาวิลก็ตกใจ ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มรู้ความจริงแล้วหรือยัง แต่พอสังเกตท่าทีและคำพูดของอนาวิลก็เชื่อว่ายังไม่รู้ จึงทำทีเป็นห่วง บอกว่าตนส่งคนคอยตามหาพวกเขาตลอด

“มันเกิดอะไรขึ้นครับท่าน ทำไมพวกเราถึงถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกก่อการร้ายได้ครับ”

“ผมก็ไม่รู้ ผมเองก็ถูกผู้ใหญ่จับตาดูอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ผมถูกสั่งพักงานทั้งหมด จะทำอะไรก็ลำบาก”

“พวกจตุรภาคีแน่ครับท่าน มันต้องมีคนของมันที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเล่นงานพวกเราอยู่”

“ผมก็คิดแบบนั้น ตอนนี้ก็ให้คนสืบอยู่ว่าเป็นฝีมือใคร ถ้ารู้จะเล่นงานให้หนักเลย”

“ท่านก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ”

“ผมไม่เป็นไรหรอก ห่วงแต่พวกคุณนั่นแหละ ตอนนี้พักอยู่ที่ไหน” ผู้การหลอกถาม แต่อนาวิลไม่ยอมบอก กลัวเขาจะไม่ปลอดภัย ผู้การแอบเสียดายแต่ก็มีแผน แนบเนียนมอบปืนกระบอกหนึ่งให้อนาวิลพกติดตัวไว้

อนาวิลนำปืนติดตัวกลับที่ซ่อนซึ่งริวกับชินรออยู่ เพียงไม่นานทั้งหมดก็ตื่นตระหนกกับกลุ่มชายชุดดำที่บุกเข้ามาระดมยิง

ทั้งสามคนแน่ใจว่าเป็นหน่วยสังหารแต่พยายามต่อสู้หัวชนฝา อีกฝ่ายบาดเจ็บล้มตายหลายคน ขณะเดียวกันชินก็ถูกยิงและหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตาอนาวิลกับริว

เมื่อพากันหลบหนีออกไปยังถนนเปลี่ยว ริวถามอนาวิลว่าพวกมันรู้ที่ซ่อนของเราได้ยังไง อนาวิลฉุกคิดหยิบปืนที่ผู้การให้ออกมาถอดกระสุนและพบเครื่องส่งสัญญาณ GPS จิ๋วติดอยู่

อนาวิลเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ทันที พูดโพล่งว่าผู้การเป็นคนส่งหน่วยสังหารมาฆ่าพวกเรา

“ผู้การทำแบบนั้นทำไมครับหัวหน้า”

อนาวิลโกรธสุดขีด น้ำตาคลอ ทั้งแค้นและเสียใจที่ผู้การยอมก้มหัวให้กับพวกจตุรภาคี!

เวลานั้น ผู้การกำลังรายงานภูผากับอันดาว่าลูกน้องของตนฆ่าคนของอนาวิลได้หนึ่งคน ที่เหลือหนีรอดไปได้ ภูผาไม่พอใจย้ำว่าต้องฆ่าให้หมดโดยเฉพาะอนาวิล ผู้การรับคำสั่งพร้อมรับเงินค่าจ้างเต็มกระเป๋ากลับออกมา อันดายิ้มหยันเอ่ยกับภูผา ไม่นึกว่าคนระดับนี้จะกล้าหักหลังพวกของตัวเองได้

“ใหญ่แค่ไหนก็เล็กเกินกว่าอำนาจเงินทั้งนั้นแหละ” พูดแล้วภูผาแสยะยิ้มอย่างหยิ่งผยอง

ด้านเม่ยที่อาสาอนาวิลนำกระดาษข้อความไปให้อนันต์ เธอฝากไปกับดุจดาวและขอร้องเพื่อนรักกลับบ้าน เพราะเวลานี้คนที่บ้านกำลังต้องการเธอ ดุจดาวรับฟังโดยดี แต่ไม่พูดอะไร...แล้วหลังจากนั้นไม่นาน อนันต์ก็ได้อ่านข้อความของอนาวิล

“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันกับพ่อได้ว่าหน่วยอินทรีพิฆาตไม่ได้คิดก่อการร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหา พวกเรายังคงเป็นผู้รักษากฎหมายและยึดมั่นในความดี ผมหวังว่าพ่อจะเชื่อมั่นในตัวลูกชายของพ่อ...อนาวิล”

แน่นอนว่าอนันต์เชื่ออนาวิล...เขาบอกตัวเองว่าพ่อจะต้องหาทางช่วยลูกให้ได้...ขณะเดียวกัน อนาวิลสะกดรอยตามผู้การจนถึงห้องทำงาน ผู้การกำลังเบิกบานกับเงินจำนวนมาก ไม่ทันสังเกตว่าอนาวิลก้าวเข้ามา กระทั่งได้ยินเสียงก็สะดุ้ง

“ชีวิตพวกผมมีค่าเท่ากับเงินในกระเป๋าใบนี้แค่นั้นเหรอครับ”

ผู้การหน้าซีดหน้าเสีย อนาวิลตะคอกถามอย่างฉุนเฉียวว่า หักหลังพวกเราทำไม

“คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง”

ขณะพูดกับอนาวิล ผู้การเอื้อมมือจะกดสัญญาณ ฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่อนาวิลรู้ทันขว้างมีดปักมือผู้การอย่างแม่นยำ

ผู้การร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด พยายามใช้มืออีกข้างกดสัญญาณจนได้ แต่มันไร้เสียง

“อย่าเสียเวลาเลย สัญญาณนั่นผมถอดวงจรเรียบร้อยตั้งแต่เข้ามาแล้ว”

อนาวิลเข้าไปกระชากผู้การอย่างโกรธแค้นตะเบ็ง เสียงถามว่า “แกเป็นพวกเดียวกับจตุรภาคีใช่มั้ย”

“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้เรื่อง”

“แล้วสัญญาณ GPS ที่ปืนนั่นล่ะ อย่าโกหก บอกมา!”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ พวกมันเอาชีวิตลูกเมียฉันมาขู่ ฉันมีความจำเป็น”

“แล้วเงินในกระเป๋านี่ก็คือความจำเป็นด้วยใช่ไหม”

อนาวิลใช้ปืนขู่ แล้วยกมือถือเตรียมถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน

“สารภาพออกมาให้หมด...พูด!”

ผู้การกลัวตัวสั่นงันงก “ได้ๆๆ หน่วยอินทรีพิฆาตไม่ใช่หน่วยก่อการร้าย ทั้งหมดผม...”

เขาพูดไม่ทันจบก็ใช้จังหวะทีเผลอชักปืนออกมายิงอนาวิลแล้วหอบกระเป๋าจะเปิดประตูวิ่งหนีออกจากห้องแต่ช้าไป อนาวิลที่โดดหลบคมกระสุนได้เมื่อครู่ลั่นไกใส่ผู้การไม่ยั้ง

ร่างผู้การสะดุ้งเฮือก อนาวิลยิงซ้ำด้วยความแค้นอีกหลายนัดจนเขาขาดใจตาย กระเป๋าหล่นเงินปลิวกระจายทั่วห้อง อนาวิลยืนมองสีหน้าเหี้ยมเกรียม แววตาเย็นชาราวกับไม่ใช่อนาวิลคนเดิม!

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 10


ทันทีที่กลับถึงบ้าน โชวตั้งใจจัดการภูผาและอันดาที่ฝ่าฝืนกฎแอบลักลอบค้ายาเสพติด แต่แล้ว

เหว่ยชิงกลับทำให้โชวงงเป็นไก่ตาแตก เธออนุญาตให้สองหนุ่มทำธุรกิจนั้นต่อไปโดยไม่ยอมบอกเหตุผลแก่โชว

ภูผารู้ความลับของเหว่ยชิงว่าโชวไม่ใช่ลูกที่แท้จริงจากเฉิน จึงใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองในการทำให้เหว่ยชิงยอมยกเลิกกฎของจางฉง แล้วผลักดันให้ภาคีค้ายาเสพติดต่อไป ระหว่างนั้นเองหลี่เฟยก็คาดคั้นเหว่ยชิงจนเธอยอมรับว่าลูกของจางฉงคืออนาวิลและที่เธอทำแบบนี้ก็เพื่อแก้แค้นให้จางฉง

หลี่เฟยไม่เห็นด้วยจึงตั้งใจจะบอกความจริงว่าอนันต์ไม่ได้ฆ่าจางฉงตาย แต่ยังไม่ทันบอก เหว่ยชิงวางยาเขาจนไม่สามารถพูดได้ จากนั้นก็โยนความผิดทั้งหมดให้โชว ทำให้เม่ยโกรธโชวมากถึงกับตัดขาดความสัมพันธ์ ให้เขาคิดเสียว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าคืนนั้นเป็นเพียงความฝันที่ไม่มีวันเป็นความจริง

อนันต์ทราบจากอนาวิลว่าดุจดาวเข้าไปเป็นบอดี้การ์ดให้โชวก็เป็นห่วง อนาวิลจึงหาทางให้เม่ยช่วยนัดดุจดาวออกมาพบอนันต์ แต่ถึงได้เจอกัน อนันต์ก็ไม่สามารถทำให้ดุจดาวเปลี่ยนใจ เธอดึงดันขออยู่ที่ภาคีจนกว่าจะจับคนที่ฆ่านัทได้

ส่วนแจ็คที่เข้าไปอยู่ในภาคีได้โดยความช่วยเหลือของเม่ยตั้งแต่อยู่หมู่บ้านแถวชายแดน กลับมากรุงเทพฯ แจ็คก็ยังได้อยู่ในภาคีต่อไปโดยไม่มีใครสงสัย เมื่อแอบได้ยินพวกสมุนภาคีคุยกันเรื่องขนยาเสพติดลอตใหญ่แจ็คจึงนำข่าวไปบอกอนาวิลให้เตรียมพร้อม

คืนนั้นอนาวิลผนึกกำลังกับชิน ริว และจ่าเดชไปที่โกดังใกล้ท่าเรือของตระกูลจางที่ภูผาจะขนยามาพักเพื่อลักลอบส่งออกไปนอกประเทศโดยปนไปกับสินค้าที่พวกตระกูลจางต้องขนส่ง จ่าเดชเป็นสายของเหว่ยชิงแอบส่งข่าวไปทันที ระหว่างนั้นโชวกำลังอยู่กับหมอที่พยายามรักษาอาการของหลี่เฟย พอทราบเรื่องก็รีบร้อนออกไปโดยไม่ยอมให้ดุจดาวไปด้วย

อนาวิลนำกำลังบุกไปโกดังแต่ถูกโชวและวายุต้านเอาไว้ สองฝ่ายต่อสู้กันดุเดือด ภูผากับอันดายังอยู่ที่บ้าน พอทราบเรื่องก็ตกใจ กลัวยาเสพติดลอตใหญ่จะเสียหายและอาจกลายเป็นของกลางในมือตำรวจ แต่เมื่อคิดทบทวนอีกที ภูผาก็ทำเหมือนไม่เดือดร้อน บอกอันดาว่าคนที่ต้องรับผิดชอบคือโชว เพราะตอนนี้มันอยู่ในโกดัง

ดุจดาวแอบตามโชวไปที่โกดังและได้เจอกับจ่าเดชก่อนที่เธอจะรีบร้อนไปยังจุดที่สองฝ่ายปะทะกัน ด้านผู้การที่เพิ่งทราบเรื่องอนาวิลพาคนบุกโกดังตระกูลจางเพราะมีสายแจ้งข่าวขนยาเสพติดก็สงสัยว่าอนาวิลมีสายตั้งแต่เมื่อไหร่และเป็นใคร ทำไมตนถึงไม่รู้มาก่อน

ภายในโกดัง โชวกับอนาวิลสู้กันด้วยปืนและมือเปล่า ช่วงที่โชวพลาดท่าล้มลง อนาวิลจะเข้าไปซ้ำแต่ดุจดาววิ่งเข้ามาขวางปกป้องโชว

“อย่าทำอะไรเขานะ”

ทุกคนชะงัก วายุเผลอตัวมองดุจดาวเลยถูกริวยิงใส่ ดุจดาวเห็นท่าไม่ดีว่าพวกอนาวิลต้องจับโชวแน่จึงตะโกนบอกให้เขารีบพาวายุหนีไป แต่โชวฮึดสู้ไม่ยอมหนี วายุแม้บาดเจ็บก็ช่วยกันต่อสู้ พวกอินทรีพิฆาตเกือบแพ้ แต่แล้วผู้การกับหน่วยเหนือก็นำกำลังคนมาบุกล้อมพวกจตุรภาคีเอาไว้

ที่ห้องพยาบาลภายในบ้านตระกูลจาง เม่ยนั่งเฝ้าหลี่เฟยที่นอนหมดสภาพด้วยความสงสาร เหว่ยชิงเดินเข้ามาทำทีตกใจแล้วตอกย้ำโยนความผิดให้โชวอย่างแนบเนียน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมโชวต้องทำรุนแรงกับแกแบบนี้ด้วยหลี่เฟย”

“คุณชายทำร้ายพ่อทำไมคะนายหญิง”

“อาจจะเป็นเพราะหลี่เฟยไม่เห็นด้วยที่เธอสองคนรักกัน โชวก็เลยโกรธ”

เม่ยได้ยินดังนั้นก็กำมือแน่นโกรธโชวยิ่งขึ้นไปอีก เหว่ยชิงแอบเห็นลอบยิ้มสมใจ

“เม่ย...ฉันขอโทษแทนโชวด้วย ให้อภัยเขาเถอะนะ”

เม่ยนิ่งเงียบ สายตาบ่งบอกว่าไม่ให้อภัย เหว่ยชิงซ่อนความพอใจ ทันใดนั้นเองมิ่งวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานเหว่ยชิงว่าเกิดเรื่องใหญ่ คุณชายกับทุกคนถูกพวกอินทรีพิฆาตจับตัวได้

“อะไรนะ! แล้วมีใครเป็นอะไรไหม อนาวิลเป็นอะไรรึเปล่า”

เม่ยกับมิ่งแปลกใจทำไมเหว่ยชิงถึงระบุชื่ออนาวิลออกมา เหว่ยชิงเห็นสีหน้าของทั้งคู่ก็นึกได้รีบกลับคำ

“ฉันหมายถึงพวกอินทรีพิฆาตมันทำอะไรโชวรึเปล่า”

“เท่าที่ทราบไม่มีใครเป็นอะไรมาก แค่ถูกยิงและบาดเจ็บนิดหน่อย แต่ว่าพวกเราขนผงขาวหนีไม่ทัน คุณชายกับทุกคนต้องถูกจับแน่”

เหว่ยชิงชะงักรำพึงชื่อโชวออกมาอย่างเป็นกังวล ส่วนเม่ยหน้าเสีย แม้จะโกรธโชวแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

ooooooo

ที่โกดังตระกูลจาง พวกโชวถูกจับใส่กุญแจมือโดยมีดุจดาวยืนรวมกลุ่มอยู่ด้วย อนาวิลมองน้องสาวด้วยสายตาผิดหวังแล้วเดินไปยังกล่องหลักฐานที่ยึดได้ กำลังจะเปิดตรวจเช็กแต่ผู้การเดินเข้ามาห้ามเสียก่อน

“อนาวิล...ทางนี้ผมจัดการเอง คุณพาผู้ต้องหาไปที่หน่วยเหนือก่อน”

“รับทราบครับ” อนาวิลรับคำแล้วสั่งลูกน้องของตนให้พาตัวผู้ต้องหาทุกคนไป

เมื่อภายในโกดังเหลือเพียงผู้การกับลูกน้องคนสนิท ผู้การเปิดกล่องพิสูจน์ผงขาวที่บรรจุในถุงแป้งมันด้วยการแตะมาป้ายลิ้นเล็กน้อย แล้วสีหน้าผู้การก็เครียดขึ้นมาทันที!

อันดาตกใจหลังทราบจากสมุนว่าโชวโดนจับ ภูผาฟังอยู่ด้วยแต่ไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจอะไรนัก เขาไล่สมุนคนนั้นออกไปก่อนจะตอบคำถามของอันดาที่อยากรู้ว่าโชวจะซัดทอดมาถึงเราหรือเปล่า

“คนอย่างโชวมันไม่ทำแบบนั้นหรอก หรือถ้ามันจะทำฉันก็ไม่กลัว”

“แกมีแผนรับมือแล้วเหรอวะ”

“ใช่! รับรองพวกมันเอาผิดใครไม่ได้ทั้งนั้น” ภูผากล่าวอย่างมั่นใจในแผนการของตน

ที่ห้องสอบสวนของหน่วยเหนือ อนาวิลพาพวกโชวเข้ามาทำการสอบสวน โดยเริ่มจากโชวเป็นคนแรกที่เขาเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว

“ยิ่งใหญ่แค่ไหนยังไงแกก็หนีไม่พ้นกฎหมาย... บอกมานอกจากพวกแกยังมีกลุ่มไหนในจตุรภาคีร่วมมือค้ายาเสพติดอีกบ้าง”

“ไม่มี”

“โกหก”

“ฉันทำเองทั้งหมด คนอื่นไม่เกี่ยว ปล่อยทุกคนไปซะ”

“คิดว่าฉันจะเชื่อแกง่ายๆเหรอ บอกมา”

“ฆ่าฉันสิ นี่เป็นโอกาสของแกแล้ว ถ้าแกไม่ทำ ฉันออกไปได้ฉันจะแก้แค้นแกกับพ่อแกแน่”

“แก!” อนาวิลโมโหกระชากเสื้อโชว

“พ่อของแกยังไม่ได้ชดใช้กรรมในอดีต อย่าลืมว่าดุจดาวน้องสาวแกอยู่ในมือฉัน”

“ไอ้โชว” อนาวิลเหลืออดชกหน้าโชวเปรี้ยงแล้วจะซ้ำอีก แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่ริวกับชินจะรีบร้อนเข้ามาบอกอนาวิลว่าท่านผู้การเรียกพบด่วน

ผู้การอยู่กับลูกน้องคนสนิทภายในห้องทำงาน อนาวิลเข้ามารายงานตัวแล้วต้องประหลาดใจกับคำสั่งที่ผู้การให้ปล่อยตัวพวกจตุรภาคี

“ทำไมล่ะครับท่าน”

“คุณยังจะถามผมอีกเหรอ”

อนาวิลงุนงง ลูกน้องคนสนิทของผู้การเอาห่อแป้งมันมาวางตรงหน้าเขา

“นี่คือของกลางเราพบในโกดังของพวกมัน ลองแกะดูสิอนาวิล”

อนาวิลฉีกถุงแป้งมันแล้วแตะป้ายลิ้นรับรู้ว่าไม่ใช่ผงขาว ผู้การตำหนิเสียงขุ่นว่าสายของเขาทำงานยังไง อนาวิลอึกอักตอบไม่ถูก ผู้การสั่งทันทีให้เขาไปปล่อยตัวคนพวกนั้น

“แต่เราเอาผิดพวกมันคดีลักลอบค้าวัตถุโบราณได้นี่ครับ”

“คุณคิดว่าแค่รูปพวกนั้นจะเอาผิดพวกมันได้เหรอ”

“แต่ถ้าเราใช้โอกาสนี้ค้น...”

“ข่าวว่าพวกมันขายวัตถุโบราณพวกนั้นไปหมดแล้ว” คนสนิทของผู้การแทรกขึ้นจนอนาวิลชะงัก “ขืนใช้รูปนี้เป็นหลักฐานเอาผิดพวกมัน เผลอๆคุณอาจถูกฟ้องกลับข้อหาสร้างหลักฐานเท็จก็ได้”

อนาวิลเถียงไม่ออก แล้วจำใจลุกออกมาเมื่อผู้การไล่อีกครั้งให้ไปปฏิบัติตามคำสั่ง

ริวกับชินทราบเรื่องในเช้าวันถัดมา ทั้งคู่หงุดหงิดเป็นบ้าที่พวกจตุรภาคีถูกปล่อยตัว

“โธ่โว้ย เป็นแบบนี้ได้ไงวะ”

“นั่นสิ ของกลางพวกนั้นจู่ๆกลายเป็นแค่แป้งมันธรรมดาได้ยังไง”

“ใช่ ฉันก็เห็นเต็มสองตา”

“เห็น...แล้วพวกคุณได้ตรวจสอบรึเปล่าครับ” จ่าเดชตั้งคำถาม ริวกับชินส่ายหน้าแทนคำตอบ จ่าเดชเลยร้องขึ้นว่า “นั่นไง”

“โธ่จ่า...เราทำงานแบบนี้มาตั้งเยอะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามันเป็นผงขาว”

“ถูก! ของต้องถูกสับเปลี่ยนก่อนที่ผู้การจะไปเจอแน่ๆ”

“ชุลมุนแบบนั้นพวกมันทำไงล่ะครับ”

คำพูดจ่าเดชทำให้ริวกับชินงุนงงสงสัย อนาวิลอยู่กับพวกโชวอีกทาง โชวยิ้มเยาะอนาวิลที่สุดท้ายก็ทำอะไรตนไม่ได้ สองหนุ่มมองกันสายตาอาฆาตแค้น

“อย่าคิดว่าแกจะชนะไปได้ตลอด ไม่มีทางที่ความดีจะแพ้ความชั่ว มันคือกฎของจักรวาล”

“แกยังคิดแบบนั้นอยู่ได้ยังไงวะ ในเมื่อแกแพ้ทุกครั้ง”

โชวหัวเราะเยาะแล้วเดินนำพวกของตนออกไปขึ้นรถตู้ที่แล่นมาจอดรอ ทิ้งให้อนาวิลยืนกำมือแน่นด้วยความแค้น ผ่านไปสักพักจ่าเดชแอบโทร.หาเหว่ยชิงถามเรื่องของกลางที่กลายเป็นแป้งมัน นึกว่าเธอเป็นคนเปลี่ยน ปรากฏว่าเหว่ยชิงไม่รู้เรื่องและสงสัยเหมือนกันว่าเป็นฝีมือใคร?

ooooooo

เมื่อคืนวีนัสทราบเรื่องโชวถูกตำรวจจับ เธอจึงมาพบภูผาที่บ้านกลางดึกแล้วต่อว่าเขาโยนความผิดทำให้ประมุขเดือดร้อน ทั้งที่รับปากจะช่วยให้เธอได้เป็นนายหญิง

“ผมก็ทำอยู่นี่ไง”

“หมายความว่าไง”

“ผมบอกจะช่วยให้คุณเป็นนายหญิงของภาคี แต่ไม่ได้บอกนี่ว่านายหญิงของไอ้โชว”

วีนัสโกรธทุบตีภูผาพัลวัน แต่พอโดนเขารวบตัวมากอดก็โอนอ่อนยอมให้เขาซุกไซ้ ก่อนจะกลายเป็นจูบกันดูดดื่มแล้วไปลงเอยกันบนเตียง ครั้นเช้าขึ้นเธองัวเงียตื่นนอนเห็นข่าวในทีวีพวกโชวถูกปล่อยตัวก็รีบร้อนแต่งตัว

“จะรีบไปไหน” ภูผาถามเสียงเย็น

“ประมุขถูกปล่อยตัวออกมาแล้วนี่”

“อ้อ...คุณก็เลยจะรีบไปปลอบใจมันว่างั้นเถอะ”

“ใช่” วีนัสรับตอบหน้าตาเฉย

“คุณมาหาผมเพราะคิดว่าไอ้โชวถูกจับแล้วตำแหน่งประมุขต้องเป็นของผมงั้นสิ”

“รู้แล้วก็ดี”

“คุณนี่มีเป้าหมายชัดเจนดีนะ”

“ใช่ เพราะการเป็นนายหญิงของจตุรภาคี มันทำให้อันดาก้มหัวแทบเท้าฉันได้ แล้วจะไม่มีใครกล้าว่าฉันเป็นลูกเมียน้อยอีก”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะทำให้คุณเป็นนายหญิงของภาคีให้ได้”

“รอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยมาพูดกัน”

วีนัสสะบัดตัวออกจากภูผา หยิบกระเป๋าเดินออกไป ภูผามองตามแววตาไม่พอใจ คำรามในลำคอว่า

“อีกไม่นานหรอก”

ooooooo

พวกโชวกลับมาถึงบ้านตระกูลจาง แจ่มกับมิ่งเห็นคุณชายลงจากรถก็โผเข้ากอดด้วยความดีใจ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพ้นเคราะห์เสียที แจ่มจะให้โชวไปทำแผลตามเนื้อตัวแต่เขาส่ายหน้า ถามหาหลี่เฟยด้วยความเป็นห่วง

“คุณเม่ยพากลับมาพักที่บ้านแล้วครับ”

ได้ยินคำตอบแล้วโชวรีบเดินไปทันที ดุจดาวก้าวตาม เฉินแปลกใจถามมิ่งกับแจ่มว่าพ่อตนเป็นอะไร ทั้งสองคนอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบว่ายังไง

หลี่เฟยรู้สึกตัวแต่พูดไม่ได้ โชวเข้ามาเห็นสงสารจับใจ แต่เม่ยโกรธโชวมากเมินหนีไม่มองหน้า ทันใด

เฉินพรวดเข้ามาเห็นสภาพพ่อก็โกรธจัดกระชากโชวมาต่อยเปรี้ยง

“แกทำอะไรพ่อฉัน เพราะแกพ่อฉันถึงเป็นแบบนี้ ไอ้โชว”

หลี่เฟยพยายามส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่โชว แต่ไม่มีใครเห็น จนกระทั่งเหว่ยชิงเข้ามาห้าม เฉินชะงักและหยุดทำร้ายโชวในที่สุด



ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 9




ค่ำแล้วแต่อนาวิล ริว และชินยังไม่ละความพยายามที่จะเจาะรหัสป้องกันข้อมูลของพวกจตุรภาคีที่ได้มา ทุกคนยอมรับว่ามันป้องกันไว้แน่นหนาจริงๆ

เมื่อไม่สำเร็จ อนาวิลจึงให้ริวกับชินไปพักผ่อน เขาจะจัดการต่อเอง หลังจากสองหนุ่มออกไป อนาวิลก็พยายามแกะระบบป้องกัน ผ่านไปนานก็ยังไม่มีวี่แวว แต่ไม่ละความพยายาม บอกตัวเองว่ายังไงก็ไม่ยอมแพ้พวกแก ต้องเอาชนะให้ได้

อนาวิลให้กำลังใจตัวเองแล้วฮึดขึ้นสู้...พลันเสียงมือถือดังขึ้น เขาหยิบมันมาดูเห็นเบอร์ดุจดาวก็ดีใจรีบรับสาย...

คุยกันไม่กี่ประโยคอนาวิลก็รีบออกไปพบดุจดาว พี่ชายดีใจที่ได้เจอน้องสาว ถามระรัวด้วยความห่วงใยว่า

“ดาวไปอยู่ที่ไหนมา รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมากนะ”

“ฉันสบายดี ได้ข่าวว่าหน่วยอินทรีพิฆาตไปถล่มเครือข่ายพวกจตุรภาคีมา”

“ใช่ ถึงจะเอาผิดพวกมันตอนนี้ไม่ได้ แต่พี่มีบางอย่างเชื่อว่าน่าจะเป็นหลักฐานเล่นงานพวกมันได้แน่ๆ”

“หลักฐานอะไร”

“พี่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้”

“แสดงว่าสำคัญมาก คุณต้องเก็บมันเอาไว้ให้ดี” สรรพนามที่ดุจดาวเรียกอนาวิลเปลี่ยนไปอย่างเหินห่าง หลังจากไม่พอใจเรื่องนัทตาย

“ไม่ต้องห่วง มันอยู่ในตู้เซฟที่หน่วยฯ รับรองปลอดภัย ไม่มีใครเข้าไปเอาได้ง่ายๆแน่”

“เหรอคะ...ไปส่งฉันหน่อยสิ เอารถมาไหม”

อนาวิลพยักหน้าดีใจ ไม่รู้ว่าน้องสาวมีแผนการ สองพี่น้องนั่งรถไปด้วยกันเงียบๆ ต่างคนต่างมีอะไรในใจ สีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่ ดุจดาวกลอกตามองไปทั่วๆเหมือนหาอะไรสักอย่าง แล้วก็เจอเข้าจนได้

แววตาคมกริบของเธอจ้องบัตรประจำตัวหน่วยอินทรีพิฆาตที่เป็นคีย์การ์ดวางอยู่หน้ารถ คอยหาโอกาสเหมาะจะหยิบมันมา

“กลับบ้านเถอะดาว ถ้าเป็นเพราะพี่ พี่จะออกไปอยู่ข้างนอกเอง”

คำพูดของอนาวิลทำให้ดุจดาวสะอึกอึ้งครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินตามแผนเดิม ส่งเสียงร้องขึ้นว่า “ระวัง!!” อนาวิลตกใจเบรกเอี๊ยด ดุจดาวหน้าทิ่มและใช้จังหวะนี้แอบหยิบคีย์การ์ดอย่างรวดเร็ว

“เจ็บตรงไหนมั้ย”

ดุจดาวส่ายหน้าแทนคำตอบ อนาวิลมองไปไม่เห็นอะไรก็ทำหน้างงว่าเธอร้องเตือนทำไม

“ฉันขอโทษ ทั้งเรื่องในอดีต ปัจจุบัน หรือว่าอนาคต ถ้าฉันทำผิดกับคุณก็อยากจะขอโทษ”

“ไม่ว่าเวลาไหน พี่ก็ไม่เคยโกรธเธอ”

“ส่งตรงนี้ก็พอ”

“ทำไมล่ะ”

ดุจดาวไม่ตอบ เปิดประตูรถลงไปทันที...หลังจากนั้นไม่นาน เธออยู่ในชุดทะมัดทะแมงใส่หมวกพรางหน้ามุ่งไปยังหน่วยอินทรีพิฆาต ใช้คีย์การ์ดของอนาวิลสแกนที่เครื่องตรงทางเข้า แค่นั้นประตูที่ล็อกก็เปิดออก

ชินกับริวยังอยู่ข้างใน ชงบะหมี่สำเร็จรูปกินกันโดยไม่รู้ว่าดุจดาวแอบมอง เธอค่อยๆย่องเดินออกไปทางห้องนิรภัย ใช้คีย์การ์ดสแกนอีกครั้งก็เข้าห้องนิรภัยได้ง่ายดาย

ดุจดาวเข้าไปเอา Flash Drive สำหรับเก็บข้อมูลของพวกจตุรภาคีออกมาได้สำเร็จ แต่เธอก็ถูกริวกับชินไล่กวด โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่าเป็นดุจดาวเพราะเธอพรางใบหน้าด้วยหมวกมิดชิด ฝ่ายอนาวิลนั้นรู้แล้วเพราะคีย์การ์ดหน้ารถหายไป เขาย้อนกลับมาช้าไปนิด ดุจดาวโดนริวยิงเข้าหัวไหล่แล้วมีชายชุดดำสองคนมาช่วยพาเธอหนีไป

โชวกับวายุนั่นเอง ทั้งคู่ตามหมอมาทำแผลให้ดุจดาวโดยไม่ให้เม่ยรู้...วันรุ่งขึ้น เหว่ยชิงได้สิ่งที่ต้องการคืนมาก็พอใจที่ดุจดาวทำตามสัญญา จึงรักษาคำพูดรับเธอเป็นสมาชิกจตุรภาคี แต่จะอยู่กับกลุ่มไหนให้เธอเลือกเอง

แท้จริงเหว่ยชิงไม่ได้รักษาคำพูดแต่อย่างใด เธอตั้งใจรับดุจดาวเข้ามาตั้งแต่แรกเพราะรู้ว่าเป็นลูกสาวของอนันต์และเป็นน้องสาวของโชว จึงคิดหาวิธีการแก้แค้นให้พี่น้องรักใคร่กันเอง

อันดากับวายุพยายามแย่งชิงดุจดาวมาเข้ากลุ่มของตน โชวเกรงจะเกิดปัญหาจึงให้ดุจดาวอยู่กลุ่มมังกรมหานครของตนตามที่เธอให้เขาเป็นคนตัดสินใจแทน อันดาไม่พอใจโชว ภูผาถือโอกาสนี้เป่าหูและดึงตัวอันดาไปเป็นพวกอย่างเต็มตัว

ดุจดาวเริ่มสืบเรื่องชายชุดดำที่ฆ่านัท แต่ยิ่งได้ ใกล้ชิดโชวก็ยิ่งทำให้เธอหลงรักเขาอย่างบอกไม่ถูก โดยไม่เข้าใจนั่นคือความผูกพันทางสายเลือดต่างหาก ดุจดาวพยายามห้ามใจตัวเองเพราะโชวอาจจะเป็นคนที่ฆ่านัท แต่ทำไม่ได้ เธอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเม่ย ทำให้เม่ย

อยากรู้ว่าชายที่เพื่อนพูดถึงเป็นใคร ดุจดาวกำลังจะบอก แต่เม่ยถูกอนาวิลโทร.ตามตัวไปเสียก่อน

อนาวิลร้อนใจเรื่องดุจดาวหายไป ที่น่าเป็นห่วงคือเธอถูกยิง เขานัดพบเม่ยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เม่ยเล่าให้ฟังว่าเพิ่งเจอดุจดาวแต่ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้

“ขอโทษด้วยนะคะพี่วิน”

“ไม่ใช่ความผิดของเม่ยหรอกครับ ดาวคงไม่อยากเจอพี่มากกว่า”

“เม่ยเชื่อว่าดาวมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น พี่วินยกโทษให้ดาวเถอะนะคะ”

“พี่ไม่เคยโกรธดาวสักครั้ง แค่เป็นห่วงกลัวว่าดาวจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น”

“แล้วเรื่องที่หลักฐานสำคัญหายไป พี่วินจะทำยังไงคะ”

“ก็คงต้องยอมรับผิดกับท่านผู้การ แต่ตอนนี้เรื่องดาวสำคัญที่สุด”

เม่ยสงสารและเห็นใจอนาวิล...วีนัสจับตามองจากมุมหนึ่งแล้วแอบถ่ายรูปทั้งคู่เอาไว้ ก่อนจะรีบออกจากร้านตรงไปบ้านตระกูลจาง เข้ามาประจ๋อประแจ๋เอาใจเหว่ยชิง พอเห็นโชวก็ยิ้มมีเลศนัย ทักทายว่าประมุขกลับมาแล้วเหรอ

โชวไม่อยากเสวนาเพราะยังเคืองเรื่องที่วีนัสวางยานอนหลับ จึงขอตัวไปพักผ่อน แต่เหว่ยชิงเรียกโชวไว้

“เดี๋ยวก่อนสิ หนูวีนัสเค้าอยากปรึกษาเรื่องตำแหน่งงานในบริษัท อยู่คุยกับเค้าก่อน...ตามสบายนะจ๊ะหนู”

เหว่ยชิงเปิดโอกาส ลุกเดินออกไป วีนัสขยับมาใกล้โชว ออดอ้อนเสียงอ่อน

“วีนัสขอโทษค่ะ ความจริงที่มาวันนี้วีนัสตั้งใจจะมาขอโทษคุณมากกว่า อย่าโกรธวีนัสเลยนะคะ”

“แค่นี้ใช่ไหม”

พูดแล้วโชวจะเดินไป วีนัสรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด...ทันใดนั้นเสียงมือถือโชวดัง ชายหนุ่มหยิบมันออกมาเปิดดู แล้วชะงักไปด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นรูปเม่ยนั่งกินข้าวกับอนาวิล

“คราวนี้อยากคุยกับวีนัสขึ้นมาบ้างรึยังคะ”

“ไม่!” โชวตะคอกใส่แล้วผลุนผลันไปทันที ทิ้งให้วีนัสยืนกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ

โชวเข้าห้องนอน นั่งมองรูปถ่ายเม่ยกับอนาวิลครู่หนึ่งก่อนโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งบนเตียงแล้วเดินลิ่วออกจากห้อง

ooooooo

ผ่านไปพักใหญ่ เม่ยกลับเข้าบ้านมา มิ่งกับแจ่มดีใจกันใหญ่ ทำให้เม่ยสงสัยซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น

มิ่งกับแจ่มไม่รู้เหมือนว่าคุณชายเป็นอะไร แต่เห็นวีนัสมาหา สงสัยมาฟ้องอะไรแน่ๆ คุณชายถึงหงุดหงิดโมโห แล้วก็โวยวายถามหาเม่ยว่ากลับมาหรือยัง

เม่ยฟังแล้วถอนใจระอา บ่นว่าเขาไม่เคยเปลี่ยน แล้วถามมิ่งกับแจ่มว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน

“ที่...แปลงกุหลาบของคุณเม่ย”

เม่ยตกใจรีบวิ่งออกไป กลัวโชวจะทำลายแปลงกุหลาบของตนอีก แต่ผิดคาด โชวทำให้เธอประหลาดใจ เขากำลังรดน้ำพรวนดินกุหลาบ ไม่มีวี่แววของความโกรธ

โชวนึกถึงคำพูดของวายุที่เตือนสติว่า ถ้ากลัวเสียเม่ยไป เขาต้องทำให้เธอรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอ...

โชวจึงอยากเอาใจคนที่รักบ้าง

“คุณชายทำอะไร” เม่ยถามเสียงแผ่ว

“รดน้ำต้นไม้ให้เธอไง”

“รดน้ำต้นไม้ให้ฉัน”

“แค่อยากทำดีกับเธอบ้าง”

“ทำดีให้ฉัน เพราะอะไร”

เม่ยงงสุดๆ รอฟังคำตอบจากเขาอย่างจดจ่อ โชวรวบรวมความกล้าจะบอกรัก แต่ทันใดเสียงดุจดาวดังขึ้นทางด้านหลัง

“ขอโทษนะคะ ห้องรับแขกไปทางไหน”

เม่ยหันขวับไป ต่างคนต่างตกใจสุดขีด...ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่!

ที่แท้เป็นแผนของเหว่ยชิงที่ต้องการให้ดุจดาวกับเม่ยพบกัน...ดุจดาวรู้ว่าเม่ยเป็นคนของจตุรภาคีก็โกรธที่เพื่อนรักปกปิดเรื่องนี้กับเธอมาตลอด โชวเองก็อึ้งเพิ่งรู้เช่นกันว่าสองสาวรู้จักกัน

เหว่ยชิงต้องการให้ดุจดาวกับโชวใกล้ชิดกัน จึงกำหนดหน้าที่ให้ดุจดาวเป็นบอดี้การ์ดของโชว ทั้งที่เฉินทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว อ้างว่าให้มาช่วยเฉินอีกแรง โชวจะคัดค้านแต่เหว่ยชิงตัดบทให้ทำตามคำสั่ง ส่วนดุจดาวให้กลับไปเก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เลย

เม่ยพยายามจะคุยกับดุจดาวแต่หมดโอกาส เพราะดุจดาวประกาศตัดขาดความเป็นเพื่อน เหว่ยชิงแอบมองด้วยความสะใจ ขณะที่หลี่เฟยสงสัยว่านายหญิงรู้มาก่อนว่าสองสาวรู้จักกัน เหว่ยชิงยอมรับและรู้ด้วยว่าเป็นเพื่อนรักกัน หลี่เฟยเพิ่งรู้แต่ก็ย้ำหนักแน่นว่าเม่ยไม่มีทางทรยศภาคีแน่ ขอให้นายหญิงวางใจ

“ถ้าไม่มายุ่งกับการแก้แค้นของฉัน ทุกคนก็จะปลอดภัย ไม่ต้องห่วง”

คำพูดกึ่งห้ามกึ่งขู่ของเหว่ยชิงทำให้หลี่เฟยหน้าเสีย จากนั้นเหว่ยชิงก็เรียกเม่ยมากำชับให้อยู่ห่างๆโชว ขณะเดียวกันหลี่เฟยซึ่งสงสัยในการกระทำหลายอย่างของเหว่ยชิงก็ยังให้เฉินไปตามสืบเรื่องไฟไหม้ห้องเอกสารโรงพยาบาลที่โชวเกิด ปรากฏว่าเป็นการวางเพลิงจริงๆ และเฉินก็ได้ประวัติเด็กที่เกิดวันเดียวกับโชวมาด้วย

แม้เอกสารตัวจริงถูกไฟไหม้ทำลายไปหมดแต่ระบบ คอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลยังมีข้อมูลพวกนี้อยู่

เมื่อหลี่เฟยนำแผ่นซีดีที่ได้จากเฉินมาเปิดดูข้อมูลก็พบชื่อเด็กชายอนาวิลเกิดวันเดียวกับโชว เขาตกใจและตั้งใจจะสืบเรื่องนี้ต่อไปอย่างลับๆ

วันหนึ่ง จตุรภาคีต้องไปรับวัตถุโบราณล้ำค่าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถูกพวกหน่วยอินทรีพิฆาตและทางการจับตามอง ภูผาเห็นเป็นโอกาสหาทางขนยาเสพติดจึงเสนอการจัดคาราวานบริจาคสิ่งของชาวบ้านผู้ยากไร้ตบตาตำรวจ ซึ่งเหว่ยชิงและทุกคนเห็นด้วย

และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของภูผา อนาวิลรู้ข่าวเลยแอบตามมาหาหลักฐานและวางแผนนำแจ็คเข้าไปเป็นสายในจตุรภาคี โดยให้แจ็คตีสนิทกับเม่ยซึ่งเป็นลูกสาวสมาชิกคนสำคัญของภาคี เม่ยเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เขาเชื่อว่าเธอจะช่วยให้แจ็คเข้าไปในภาคีได้ไม่ยาก

อันดารู้เห็นกับภูผาเรื่องขนยาเสพติด วีนัสบังเอิญได้ยินจึงขู่อันดาที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดว่า

ถ้าเขาทำเธอเจ็บตัวอีก เธอจะส่งคลิปเสียงที่พวกเขาคุยกันให้โชวกับเหว่ยชิง อันดาโกรธแทบกระอัก ตรงข้ามกับภูผาที่ยิ้มมีเลศนัย อาสาจัดการกับวีนัสเอง

“ความจริงคุณเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้โชวก็ได้ แต่ที่ไม่บอก...ต้องการอะไรก็ว่ามา”

“อย่างน้อยคุณก็ฉลาดกว่าพี่ชายฉันเยอะ”

“โอเควีนัส ผมจะช่วยให้คุณเป็นนายหญิงของภาคีอย่างที่คุณต้องการ”

“คุณ!!” วีนัสตกใจและเจ็บใจที่ภูผารู้ทัน เมื่อเขาถามว่าตนเข้าใจถูกใช่ไหม เธอนิ่งเงียบอย่างยอมรับ ภูผาจึงรุกต่อไป “ถ้าคุณร่วมมือกับผม เราจะวินๆกันทั้งสองฝ่าย ตกลงไหม”

“ตกลง” วีนัสตอบรับอย่างมีความหวัง โดยไม่รู้ว่าภูผาเจ้าเล่ห์มีแผนการที่ร้ายลึกกว่า

ooooooo

พวกจตุรภาคีเดินทางมาที่หมู่บ้านชนบทแถวชายแดน เม่ยพยายามจะทำความเข้าใจกับดุจดาว แต่ระหว่างทางเม่ยกลับไปพบภูผาและอันดากำลังขนยาเสพติด เธอเกือบถูกจับได้แต่โชวตามมาช่วยไว้ทัน ทั้งคู่หนีตายเข้าไปในป่า

ณ ป่าลึก เม่ยและโชวมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจและเปิดใจจนพบความรักที่มีต่อกัน คืนนั้นเองทั้งคู่เป็นของกันและกันด้วยความรัก โชวสัญญากับเม่ยว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อความรักของเรา แม้รู้ว่าต้องถูกเหว่ยชิงขัดขวาง

อนาวิลรู้เห็นเรื่องขนวัตถุโบราณล้ำค่าจำนวนมาก และรู้จากแจ็คที่เข้าไปรวมกลุ่มกับคาราวานของพวกจตุรภาคีช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยากไร้ว่าเม่ยหายตัวไปกับโชวในป่า จึงออกตามหาและพบว่าเม่ยรักโชว เขาผิดหวังมาก...นอกจากความผิดหวังแล้วอนาวิลยังไม่สบายใจที่ดุจดาวดึงดันไม่ยอมถอนตัวจากจตุรภาคี

สองพี่น้องเจอกันในป่า แต่ดุจดาวไม่ได้บอกพวกของตน เธอไล่พี่ชายกลับไปแล้วยังช่วยเหลือเมื่อเขาจะถูกพวกภูผาจับตัวได้

ในขณะที่พวกโชวอยู่กันในป่า หลี่เฟยซึ่งไม่ได้เดินทางไปด้วยก็เร่งสืบเรื่องโชวกับอนาวิลที่เกิดวันเดียวและโรงพยาบาลเดียวกันจนแน่ใจว่าเหว่ยชิงจงใจสลับตัวเด็ก ประเด็นหลักที่ทำให้เขาแน่ใจก็เพราะโชวมีเลือดคนละกรุ๊ปกับจางฉงและเหว่ยชิง เรื่องนี้หมอประจำตัวจางฉงก็ทราบดี

เมื่อสืบสาวราวเรื่องกับหมอจนชัดเจนแล้ว หลี่เฟยตัดสินใจสังหารหมอเพื่อเก็บเรื่องโชวไม่ใช่ลูกของจางฉงกับเหว่ยชิงไว้เป็นความลับ โดยให้เฉินนำศพหมอไปจัดการอย่างแนบเนียน เฉินพอรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารับใช้โชวซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ถึงกับเจ็บใจและโกรธแค้น

ภูผากับอันดาเป็นกังวลไม่น้อยเรื่องที่เม่ยกับโชวเห็นพวกตนขนยาเสพติด แต่คืนนั้นสมุนของพวกเขาก็ยิงไล่กวดทั้งคู่ไป แล้วยุติการตามล่าตามคำสั่งของภูผาที่รู้ว่าโชวถูกยิงคงหนีไปได้ไม่ไกล กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นพวกภูผาก็ตามไปเจอโชวกับเม่ย อันดายังกังวลแต่ภูผาให้เฉยไว้ รอดูท่าทีโชวก่อน

โชวไม่ไว้ใจเพื่อนทั้งสองคน คอยระแวดระวังตัวตลอดเวลาและตอบคำถามของพวกเขาอย่างน้อยคำที่สุด

“แกกับเม่ยมาอยู่ที่นี่เอง ทุกคนตามหาจนทั่วแต่ไม่เจอ”

“พวกฉันหลงป่า”

“แล้วไปเจออะไรเข้ามั่งรึเปล่า”

ภูผาถามลองเชิง โชวฉลาดพอที่จะไม่พูดเรื่องเมื่อคืนที่เห็นภูผากับอันดาขนยาเสพติดเพราะตอนนี้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ แกล้งย้อนถามว่าพวกเขาจะให้ตนเจออะไร

อันดาถอนใจโล่งอก ภูผาเห็นแผลที่หัวไหล่ของโชวถามว่าโดนอะไรมา พอได้คำตอบว่าไม่รู้ก็แสดงท่าทีไม่เชื่อ ทำให้โชวสบโอกาสย้อนถามว่า

“แล้วแกคิดว่าฉันโดนอะไรวะ”

“เมื่อคืนคนของฉันออกมาล่าสัตว์เล่นยิงโดนกระต่ายป่าเข้าน่ะ เลยเป็นห่วงแกกลัวจะโดนลูกหลง”

“คงไม่เหมือนกระต่ายป่าขนาดนั้นหรอกมั้ง จะถามฉันอีกนานมั้ย”

“งั้นก็กลับกันนะครับเม่ย ทุกคนเป็นห่วงคุณสองคนมาก” ภูผาเปลี่ยนเรื่องแล้วผายมือให้เม่ยกับโชวเดินไปก่อน

“ฉันว่าพวกแกนำดีกว่า พวกแกน่าจะชำนาญเส้นทางกว่าฉัน”

ภูผาอมยิ้มรู้ว่าโชวไม่ไว้ใจ เขายักไหล่น้อยๆก่อนเดินนำออกไปพร้อมอันดา โชวให้เม่ยเดินตามหลังคอยปกป้องเธอทุกฝีก้าว อันดาชำเลืองมองทั้งคู่บ่อยครั้ง แล้วกระซิบถามภูผาว่าทำไมโชวถึงไม่ว่าอะไรเลย หรือว่ามันจะเห็นด้วยกับธุรกิจของเรา

“สถานการณ์ตอนนี้มันเสียเปรียบเราอยู่มากกว่า”

“ถ้างั้นเราก็ต้อง...” อันดาไม่พูดต่อ แต่มองหน้าภูผาอย่างรู้กัน โชวระวังตัวอยู่แล้วรีบกระซิบบอกเม่ยว่า

“ถ้าฉันบอกให้หนี เธอต้องรีบหนีไปก่อนนะเม่ย”

เม่ยสีหน้าตระหนกตกใจ โชวปลอบเธอไม่ต้องกลัว ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรแน่...ว่าแล้วโชวแอบล้วงปืนในกระเป๋าเสื้อเตรียมไว้ อันดากับภูผาจะฆ่าปิดปากโชวกับเม่ย แต่จู่ๆก็หมดโอกาสเพราะวายุปรากฏตัวพร้อมสมุนจำนวนหนึ่ง

“ไอ้โชว เม่ย เป็นยังไงกันบ้าง” วายุทักทายทั้งคู่ด้วยความดีใจ เม่ยบอกว่าพวกเราปลอดภัยดี

“วายุ...แกตามมาทำไมวะ” อันดาถามเสียงขุ่น

“ฉันเป็นห่วงพวกแกน่ะสิวะ ว่าแต่แกเถอะ มาทำอินดี้อะไรในป่านี่วะไอ้โชว”

“ก็แค่เดินเล่น แล้วหลงกันเข้ามา”

“เดินเล่น?” วายุนิ่วหน้างงๆ โชวเลยชิงตัดบทก่อนที่จะโดนซักไปมากกว่านี้

“ก็เออน่ะสิ จะซักอีกนานไหมวะ รีบกลับเถอะ เม่ยเหนื่อยมากแล้ว”

“โอเคๆ งั้นรีบไปกันดีกว่า...เอ้า นำทางไปสิวะ” วายุร้องบอกอันดากับภูผา

สองหนุ่มสบตากันอย่างเจ็บใจวายุที่ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสดีไป แล้วทั้งคู่ก็ต้องหนักใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินโชวประกาศขณะเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านว่าให้ทุกคนเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพฯให้เร็วที่สุด ตนมีอะไรต้องจัดการอีกเยอะ

ooooooo







ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 8


ในเมื่ออนาวิลไม่ยอมบอกว่าใครฆ่านัท ดุจดาว จึงคิดสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอลาออกจากงานที่เดิมแล้วมาสมัครทำงานในหน่วยอินทรีพิฆาต โดยได้รับความเห็นชอบจากท่านผู้การที่ต้องการทำโทษ อนาวิลที่กล้าขัดคำสั่ง

ขณะเดียวกัน หลี่เฟยสงสัยการกระทำของเหว่ยชิง ที่ไม่ไยดีโชว โกรธถึงขนาดทำร้ายร่างกายราวไม่ใช่ลูก จึงให้เฉินไปสืบประวัติเด็กที่เกิดวันเดียวและโรงพยาบาลเดียวกันกับโชวเมื่อ 25 ปีก่อน แต่พอเฉินไปถึงกลับพบว่าเอกสารเหล่านั้นถูกเผาทำลายไปแล้วโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือคนของเหว่ยชิง

อนาวิลกลุ้มใจที่ดุจดาวเข้ามาทำงานในหน่วยอินทรีพิฆาตเพื่อสะสางคดีของนัท เขานัดเจอเม่ยเพื่อปรับทุกข์ แต่โชวกับวีนัสบังเอิญมาเจอ วีนัสจงใจหาเรื่องเม่ย แต่อนาวิลคอยปกป้อง โชวเห็นแล้วยิ่งหึงหวงเม่ยจนทนดูไม่ได้เดินหนีไปด้วยความโมโห

แล้วคืนนั้นเอง โชวไปเที่ยวผับไม่ยอมกลับบ้าน วีนัสฉวยโอกาสวางยานอนหลับแล้วจะพาเขาออกจากผับ แต่จู่ๆอนาวิลปรากฏตัวแย่งโชวไป ทิ้งความเจ็บใจไว้ให้วีนัสที่คิดจะรวบหัวรวบหางโชวเพื่อเป็นเมียประมุขจตุรภาคี

โชวฟื้นขึ้นมาเห็นอนาวิลนึกว่าเขาวางยา แต่พอคิดทบทวนก็จำได้ว่าเป็นวีนัส อนาวิลไม่อยากพูดมาก บอกโชวตรงๆว่าเขาชอบเม่ยและจะเอาชนะใจเธอให้ได้ โชวตกใจและโกรธ กลัวจะเสียเม่ยไป เมื่อกลับบ้านโดนเม่ยคาดคั้นว่าใครฆ่านัท โชวเลยพาลหงุดหงิดผลักเธอล้มแล้วประกาศว่าต่อให้ฆ่าตนตายตนก็ไม่บอก

แต่สำหรับดุจดาวแล้วต้องรู้ให้ได้ว่าใครฆ่านัทแฟนหนุ่มของเธอ เมื่อเธอขอผู้การรื้อคดีของนัทใหม่ ปรากฏว่าท่านไม่ยอม ย้ำว่าเป็นคำสั่งจากเบื้องบน ทุกคนต้องทำตาม ดุจดาวดึงดันไม่ยอม พูดโพล่งว่าถ้างั้นตนจะฟ้องเอาเรื่องนี้ไปประจานให้สังคมรู้ ผู้การโกรธมากที่เธอแข็งข้อ ตวาดเสียงดังลั่นห้องประชุม โดยที่พวกอนาวิลก็อยู่ด้วย

“เอาสิดุจดาว อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ก่อนอื่นผมขอไล่คุณออก ต่อไปคุณไม่ใช่อินทรีพิฆาตอีก...อนาวิลจัดการเรื่องนี้ให้ผมด้วย”

“ผู้การครับ...”

“หรือคุณจะขัดคำสั่งอีกคน”

อนาวิลนิ่งเงียบ ผู้การเดินออกไป ทุกคนมอง ดุจดาวที่ยังยืนอึ้งเสียใจ อนาวิลเป็นห่วงขอร้องน้องสาวให้ล้มเลิกความคิดนี้เพราะมันไม่มีประโยชน์ แต่เธอปฏิเสธทันควันว่าไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความคิดตนได้

ดุจดาวมุ่งมั่นตั้งใจ ย้ำกับตัวเองไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรตนก็จะเอาคืนให้พี่นัท...แล้วเย็นนั้นเอง เธอลงทุนยิงปืนเฉี่ยวแขนตัวเองเลือดอาบก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากโชว

โชวทำแผลให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดุจดาวโกหกว่าผู้ใหญ่ไม่ยอมให้เธอทำคดีแฟน แล้วยังไม่ยอมบอกว่าคนร้ายเป็นใคร พอเธอจะฟ้องก็เลยโดนไล่ออก แล้วถูกลอบทำร้ายมาแบบนี้

“พวกเขาทำร้ายคุณ?”

“ใช่ ฉันเลยสงสัยว่าเบื้องหลังการตายของแฟนฉันอาจจะเป็นฝีมือพวกเขา”

“เป็นไปได้เหรอ”

“ไม่มีใครเห็นด้วยกับฉัน ทั้งพ่อแม่ หรือพี่ชาย ฉันเลยอยากมาขอพึ่งคุณกับจตุรภาคี รับฉันเข้าภาคีด้วยนะ”

“ไม่ได้”

“ถ้าคุณไม่ช่วยฉัน ฉันก็ไม่มีใครอีกแล้ว ได้โปรดเถอะค่ะ”

โชวไม่ใจอ่อน เดินหนีไป ดุจดาวผิดหวังมาก กลับมาขอโทษผู้การที่เธอทำงานไม่สำเร็จ ไม่สามารถเจาะเข้าไปอยู่ในจตุรภาคีได้

ที่แท้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในห้องประชุมเป็นแผนของดุจดาวและผู้การร่วมมือกันเพื่อให้ดุจดาวเข้าไปอยู่ในจตุรภาคี

“ไม่เป็นไร มันเรื่องง่ายซะที่ไหนล่ะ นี่ลงทุนเจ็บตัวเลยเหรอ”

ดุจดาวนิ่งเงียบแทนคำตอบ ผู้การเห็นใจบอกว่าพรุ่งนี้จะเซ็นคืนตำแหน่งให้

“ไม่ค่ะท่าน ฉันจะไม่ยอมหยุดแค่นี้ค่ะ จตุรภาคีต้องยอมรับฉัน ไม่วันนี้ก็ต้องวันหน้า”

ดุจดาวสีหน้ามุ่งมั่นมาก คืนนั้นเธอกลับถึงบ้านพบว่าอนาวิลรอคอยอยู่ เขาเห็นบาดแผลที่แขนเธอก็ตกใจถามว่าเป็นอะไร ใครทำร้าย แต่ดุจดาวไม่สนใจฟังจะเดินหนีขึ้นห้อง ทันใดเสียงอนันต์ดังขึ้นจนเธอชะงัก

“หยุดตรงนั้นแหละดุจดาว”

อนันต์เดินเข้ามาหาลูกสาว ถามว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่ ดุจดาวก้มหน้าไม่ตอบ กระทั่งอนันต์สั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าคิดจะทำอะไรขอให้หยุด เธอถึงต่อต้านออกมา

“แล้วถ้าดาวไม่ทำตามล่ะคะ”

“ก็ออกจากบ้านนี้ไปซะ”

สองพี่น้องตกใจ ดุจดาวมองหน้าพ่อนิ่งแต่แววตา ผิดหวังเสียใจ อนาวิลสงสารน้องสาวแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

ooooooo

เช้าวันใหม่ นวลจันทร์ตั้งใจมาปลุกดุจดาวแต่พบว่าไม่มีลูกสาวในห้อง เธอเดินสำรวจครู่หนึ่งก็ตกใจ ในตู้เสื้อผ้าว่างเปล่าไม่มีเสื้อผ้าและข้าวของเหลือสักชิ้น

นวลจันทร์ตกใจมากร้องเรียกสามีและลูกชายดังลั่น อนันต์กับอนาวิลวิ่งพรวดเข้ามา

“มีอะไรเหรอคุณ”

“ยัยดาวค่ะคุณ ยัยดาวไม่อยู่ เสื้อผ้าก็หายไปด้วย ยัยดาวไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับลูกคะคุณ”

นวลจันทร์เสียงสั่นเครือ อนันต์กับอนาวิลมองหน้าอึ้งๆ รู้ที่มาที่ไปว่าเพราะอะไร แต่ไม่นึกว่าดุจดาวจะกล้าทำถึงขนาดนี้...

ส่วนที่บ้านตระกูลจาง เม่ยกำลังจะออกจากบ้านหลังจากอนาวิลโทร.มานัดเจอ โชวเห็นเข้าก็ระแวงถามว่าจะไปไหน

“ธุระส่วนตัว”

“ส่วนตัวกับไอ้อนาวิลใช่มั้ย”

“ค่ะ” เม่ยตอบรับหน้านิ่งแล้วจะเดินไป โชวไม่พอใจสั่งห้ามไม่ให้เธอไปกับมัน แต่เธอไม่ฟัง สาวเท้าเดินต่อไป เหตุนี้เองทำให้โชวทนไม่ไหว ดึงเธอมาประทับจูบหนักหน่วงแทนคำพูดที่แอบรักเม่ยมานาน...

เม่ยออกไปพบอนาวิลตามนัดแต่ยังคิดทบทวนเหตุการณ์ที่โชวจูบเธอ...โชวบอกว่านี่คือการลงโทษที่เธอขัดคำสั่ง เธอโกรธมากตบหน้าเขาแล้ววิ่งหนีออกมาทันที

อนาวิลเดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำดื่มยื่นให้เม่ยที่กำลังเหม่อลอย เขาถามเธออย่างห่วงใยว่าไม่สบายหรือเปล่า เห็นซึมอยู่นานแล้ว

เม่ยปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วพูดถึงดุจดาว ที่หนีออกจากบ้าน

“บ้านเพื่อนดาวเราก็ไปมาหมดแล้ว เอาไงต่อดีคะ”

อนาวิลหน้าเครียดขึ้นมาทันที ส่ายหน้าไม่รู้จะเอายังไงดีเหมือนกัน

“ให้เวลาดาวอยู่คนเดียวสักพัก อาจมีอะไรดีขึ้นก็ได้นะคะ”

“ก็คงต้องอย่างนั้น”

“สักวันดาวจะเข้าใจค่ะ”

อนาวิลพยักหน้าน้อยๆ อาสาไปส่งเม่ยที่บ้าน โชวแอบมองออกมาเห็นทั้งคู่ สีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ...แน่ใจว่าอนาวิลกำลังรุกคืบตามที่เคยบอกเขาว่าชอบเม่ยจริงๆ แล้วก็จะเอาชนะใจเธอให้ได้ด้วย

หลังจากอนาวิลออกรถไปแล้ว เม่ยเดินเข้าบ้านเจอโชวกำลังจะไปข้างนอก เขาเดินผ่านไปราวกับเธอไม่มีตัวตน...

โชวไปที่ผับประจำซึ่งเพื่อนๆในกลุ่มกำลังสนุกสนานกันเต็มที่ เพราะคืนนี้มีสาวดริ๊งก์คนใหม่ ซึ่งผู้จัดการรับรองว่าพวกคุณชายเห็นแล้วต้องร้องซี้ด!

ไม่นาน ผู้จัดการก็เปิดตัวพนักงานคนใหม่ในชุดสวยเซ็กซี่ เธอออกมาวาดลีลาเรียกเสียงฮือฮาจากหนุ่มๆ แต่สำหรับโชวไม่ได้สนใจแต่แรก เขาหันหลังเดินออกมาถึงประตู

แต่แล้วโชวชะงักกับชื่อของพนักงานคนใหม่ที่พิธีกรประกาศขึ้น

“พิเศษในค่ำคืนนี้ด้วยการเปิดตัวน้องสาวคนใหม่ของร้านเรา...น้องสตาร์ ดุจดาว”

เสียงปรบมือดังกราว โชวหันกลับมามองดุจดาวด้วยความตกใจ วายุกับอันดาเห็นแล้วอึ้งตะลึงในความสวย จ้องมองหญิงสาวตาไม่กะพริบ!

ooooooo

ดุจดาวปลอมตัวเป็นนางโชว์เข้ามาทำงานในผับหรูหลังได้ข้อมูลจากจ่าเดชเรื่องการตายของนัทว่าเกี่ยวข้องกับพวกจตุรภาคี

ความสวยน่ารักของดุจดาวสะดุดตาวายุและอันดา แต่สำหรับวีนัสมีแต่ความหมั่นไส้ เธอจงใจหาเรื่องแต่วายุเข้ามาขัดขวาง นอกจากจะช่วยไม่ให้ดุจดาวถูกวีนัสทำร้ายแล้ว วายุยังขอให้โชวรับเธอเข้าทำงานที่จตุรภาคีด้วย

โชวไม่พอใจและไม่เล่นด้วย ต่อว่าวายุไปหลายคำ แต่แล้วโชวก็ต้องประหลาดใจที่วันรุ่งขึ้นเหว่ยชิงสั่งให้เขารับลูกสาวอนันต์เข้าภาคี

“ให้ผมไปฆ่าไอ้อนันต์เลยดีกว่า อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว มันเป็นลูกต้องรับผลกรรมที่พ่อทำไว้ ลูกฉัน...แกยังต้องกำพร้าพ่อ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่เว้นเหมือนกัน”

“แต่จะเป็นผลเสียกับภาคีมากกว่า”

“ฉันควบคุมได้ ทำตามที่สั่งก็พอ” เหว่ยชิงตัดบทเสียงเข้ม โชวเลยนิ่งไปอย่างสบายใจ

ด้านอนาวิลที่กลุ้มใจไม่รู้ดุจดาวไปอยู่ไหน...วันนี้เขาเข้ามาที่หน่วยอินทรีพิฆาตแล้วถูกแจ็ครบเร้าให้ฝึกซ้อมวิชาต่อสู้เพื่อเอาไว้แก้แค้นพวกจตุรภาคีให้พ่อแม่ อนาวิลไม่ค่อยพร้อมแต่ก็ไม่ขัดศรัทธาแจ็ค เริ่มต้นสอนการเตะต่อยกระสอบทราย ปรากฏว่าแจ็คหัวไวทำได้ดีเป็นที่พอใจ

เสร็จการซ้อม อนาวิลกำลังจะออกจากหน่วยฯ พอดีชินรีบร้อนมาบอกว่ารู้ที่ซ่อนของผิดกฎหมายของพวกจตุรภาคีแล้ว...อนาวิล ชิน และริวบุกไปถึงโกดังเก็บอาวุธสงครามจำนวนมาก ปะทะกับบรรดาสมุนของวายุจนพวกมันบาดเจ็บหนีกระเจิงไป แต่บางส่วนถูก อนาวิลจับกุมตัวเอาไว้

โชวอยู่กับวายุที่บ้าน รู้ข่าวนี้จากสมุนคนหนึ่งที่กระหืดกระหอบมาบอก วายุโกรธและกังวลมากกลัวสมุนจะสารภาพความจริงและสาวมาถึงตัวเขา แต่โชวบอกให้ใจเย็น ให้นึกถึงคำพูดที่ว่าพี่น้องต้องไม่ทรยศกัน

“คำสอนของนายใหญ่จางฉง” วายุพึมพำอย่างจำได้

“ใช่...คนของแกคงฆ่าตัวตายแล้ว”

จริงดังคำของโชว สมุนจำนวนหนึ่งของวายุที่โดนอนาวิลจับตัวมาคาดคั้นไม่ยอมบอกความจริง

“ปกป้องความลับเจ้านาย พวกแกว่ามันจะเห็นบุญคุณเหรอ บอกความจริงมาเถอะ”

สมุนทุกคนมองหน้ากันไปมาแล้วพูดออกมาพร้อมกัน “พี่น้องต้องไม่ทรยศกัน”

จบคำทุกคนก็ขบกัดอะไรบางอย่างในปากพร้อมกัน ชั่วพริบตาทั้งหมดน้ำลายฟูมปากชักตายต่อหน้าต่อตาพวกอนาวิล!

ริวกับชินสำรวจแล้วพบเม็ดยาแคปซูลหล่นจากปากศพหนึ่ง ชินตรวจเช็กจนแน่ใจก่อนบอกอนาวิลว่า

“มันเป็นยาพิษชนิดรุนแรง ที่สามารถฆ่าคนให้ตายได้ภายในไม่กี่วินาที พวกมันมียานี้ซ่อนอยู่ในปากทุกคน”

“สมุนจตุรภาคีสละชีวิตเพื่อพวกพ้องได้ขนาดนี้เลยเหรอ” ริวเปรยอย่างไม่อยากเชื่อ

อนาวิลได้ยินแล้วยิ่งแค้น “ไอ้โชวมันโชคดีจริงๆที่มีสมุนที่จงรักภักดีพร้อมปกป้องมัน”

“แล้วทีนี้เราจะเอาไงต่อดีล่ะครับ ทั้งพยานทั้งหลักฐานที่มีไม่มีอะไรโยงใยไปถึงพวกจตุรภาคีเลย”

คำพูดของริวทำให้อนาวิลหน้าเครียด มองไปรอบๆ พลันสะดุดตาแหวนรูปหัวกะโหลกที่นิ้วมือสมุนคนหนึ่ง อนาวิลเดินไปถอดแหวนจากศพมาดู ด้านในเป็น Flash Drive ที่ใช้เก็บข้อมูล ริวกับชินมองหน้ากันอย่างทึ่งจัดที่อนาวิลช่างสังเกต

เมื่อกลับถึงหน่วยอินทรีพิฆาต ชินเอา Flash Drive เสียบกับคอมพิวเตอร์แล้วระบบก็เชื่อมต่อทันที ภาพสัญลักษณ์จตุรภาคีขึ้นที่หน้าจอ ทุกคนหันมายิ้มให้กัน เชื่อมั่นว่าในนี้ต้องเก็บข้อมูลสำคัญของพวกมันไว้แน่

“เปิดเข้าไปเลยชิน”

“ครับหัวหน้า”

ชินพยายามเปิดแต่ไม่สำเร็จ “มันมีระบบป้องกันครับหัวหน้า เราต้องใส่รหัสเข้าไป”

“นายเจาะข้อมูลเข้าไปเลยได้ไหม”

ชินลองกดที่จอคอมพ์ พยายามเจาะข้อมูลอีกครั้งแต่ไม่ได้ผล

“ไม่ได้ครับหัวหน้า เราต้องเจาะรหัสป้องกันของมันก่อน”

“งั้นจัดการเลย”

ชินรับคำแล้วลงมือเจาะรหัสผ่านทันที อนาวิลลุ้นเต็มที่อยากรู้ว่าคราวนี้โชวจะเอาตัวรอดยังไง...จ่าเดชที่อยู่ในกลุ่มสีหน้าเคร่งเครียด กังวลใจ

ooooooo

ที่ห้องประชุมจตุรภาคี เหว่ยชิงซึ่งได้รับรายงานจากจ่าเดชเรียกผู้เกี่ยวข้องประชุมพร้อมหน้า บอกทุกคนว่า

“สายของฉันรายงานมาว่าตอนนี้พวกอินทรีพิฆาตได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างไป พวกมันกำลังเจาะรหัสป้องกันอยู่”

ทุกคนตกใจ เหว่ยชิงหันไปถามวายุว่าพอเดาออกไหมว่าข้อมูลอะไร

“ในนั้นเป็นข้อมูลซื้อขายและรายชื่อลูกค้าทั้งหมดของเรา”

“ข้อมูลสำคัญแบบนี้ปล่อยให้หลุดไปได้ยังไง” ผู้ใหญ่คนหนึ่งตำหนิขึ้นมา คนอื่นทำท่าจะซ้ำเติม แต่โชวท้วงเสียก่อนว่า

“ฟังวายุพูดให้จบก่อนเถอะครับ”

“เราเก็บข้อมูลสำคัญไว้อย่างดี ถ้าพวกมันเอาไปได้แสดงว่ามือขวาของผมเขาต้องตายไปแล้ว”

“งั้นเราต้องรีบชิงข้อมูลนั้นกลับมาก่อน” ภูผาเสริมขึ้น ขณะที่หลี่เฟยถามเหว่ยชิงว่าให้สายของเราในนั้นช่วยได้ไหม

“ไม่ได้! พวกมันคุ้มกันอย่างดี ทำแบบนั้นสายของเราจะถูกจับได้”

“ถ้างั้นผมขอรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”

“ไม่ต้องวายุ ฉันจัดการเอง”

“แต่มันเป็นความผิดของฉันนะโชว”

“แต่ฉันเป็นประมุข”

“พอได้แล้ว! ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง” เหว่ยชิงประกาศกร้าวจนทุกคนสงบนิ่งไปด้วยความงุนงงสงสัย

ooooooo

ดุจดาวมาทำงานที่ผับหรูเหมือนเดิม เธอโดนพนักงานสาวๆเขม่นเพราะเด่นดังเกินหน้า แต่คนอย่างดุจดาวไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ เหตุนี้เองสองฝ่ายจึงมีปากเสียงกันเสียงดังจนผู้จัดการต้องเข้ามาปราม

ผู้จัดการลากดุจดาวออกไปหน้าผับแล้วตะคอกใส่ “ออกไป! ฉันไล่เธอออก ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกแล้ว”

“แต่พวกมันมาหาเรื่องฉันก่อนนะ มาไล่ฉันออกคนเดียวได้ไง”

“แต่เมื่อวานเธอมีเรื่องกับคุณหนูวีนัส...จบนะ ไปได้แล้ว อย่ามาเกะกะหน้าร้าน”

“ไปๆๆๆๆ” สาวๆรุมขับไล่ ดุจดาวทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินออกไปอย่างสุดเซ็ง

เหมือนคนไม่รู้จะไปไหน ดุจดาวเข้าไปอาศัยสวนสาธารณะนั่งพัก ก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงนอนกับพื้นหญ้า พึมพำออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“ดาวจะทำยังไงต่อไปดีพี่นัท...ดาวเหนื่อยจัง”

เธอจนปัญญา นอนหลับตาปล่อยให้น้ำตาเอ่อไหลออกมาโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งยืนมอง จนกระทั่งเขาเข้ามาใกล้ ลงนั่งเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ เธอสะดุ้งตกใจลุกพรวดทันที

“คุณ!”

วายุนั่นเอง เมื่อคืนเขาช่วยเธอไว้ เธอจำหน้าเขาได้แม่น

“แค่โดนไล่ออกจากงาน ถึงกับน้ำตาตกเลยเหรอ”

“คุณรู้ได้ไง”

“ผมแวะไปที่นั่น เห็นเข้าพอดี”

“ก็เลยตามฉันมา...นี่รู้มั้ย สะกดรอยตามแบบนี้ฉันฟ้องคุณได้นะ”

วายุยิ้มหวานแล้วยื่นสองมือไปให้เธอ บอกว่าตนยอมให้จับ ดุจดาวแคลงใจ เดาว่าเขาคงไม่ได้ตามมาปลอบใจตนแน่

“ใครบอก ผมอยากปลอบใจคุณจริงๆ”

“ตลกละ มีอะไรก็ว่ามา”

“นายหญิงเหว่ยชิง แม่ของโชวอยากพบคุณ”

ดุจดาวแปลกใจแต่ก็ตามวายุไปถึงบ้านตระกูลจางซึ่งทุกคนที่ประชุมกันก่อนหน้านี้ยังอยู่ครบ ดุจดาวเดินตามวายุเข้ามาในห้องโถง ชำเลืองมองทีละคนพยายามจดจำและเก็บข้อมูล

วายุพาเธอเดินไปหยุดตรงหน้าเหว่ยชิงกับโชวแล้วแนะนำ “นี่นายหญิงเหว่ยชิง”

ดุจดาวยืนมองเฉยไม่ทำความเคารพ หลี่เฟยไม่พอใจพูดเสียงดังว่าเจอนายหญิงยังไม่ทำความเคารพอีกหรือ

“ไม่เป็นไรหลี่เฟย” เหว่ยชิงยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี “รู้มาว่าเธออยากเข้าจตุรภาคี...เพราะอะไร”

“ฉันอยากแก้แค้นให้คู่หมั้น ฉันสงสัยว่าพวกอินทรีพิฆาตอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพราะพี่นัทคู่หมั้นฉันเป็นสายของจตุรภาคี”

“สายของจตุรภาคี” โชวทวนคำอย่างแปลกใจ

“ใช่ น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้แหละพวกอินทรีพิฆาตถึงได้เก็บพี่นัท”

ทุกคนมองหน้ากันคิดว่าดุจดาวเข้าใจผิด มีแต่เหว่ยชิงเท่านั้นที่อมยิ้มเพราะรู้เรื่องหมด

“พูดตรงดี แต่บอกตามตรงฉันไม่ไว้ใจเธอ ถึงยังไงเธอก็เป็นลูกสาวของอนันต์ แถมหัวหน้าหน่วยอินทรีพิฆาตก็เป็นพี่ชายเธออีก เธอจะให้ฉันเชื่อใจยังไง”

“ฆ่าฉัน...ถ้าฉันหักหลังพวกคุณ”

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นเธอต้องทำอะไรให้ฉันเชื่อใจซะก่อน”

“หักหลังพี่ชายเธอเองเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ”

ดุจดาวอึ้งงันกับเงื่อนไขของเหว่ยชิง...ขณะนั้นเม่ยเดินเข้ามาหน้าห้อง เฉินรีบดักหน้าบอกน้องสาวให้กลับไปก่อน ตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่ง

“นายหญิงมีแขกเหรอ”

เฉินพยักหน้า เม่ยยืนนิ่งสงสัยว่าใคร แต่โดนพี่ชายทำตาดุใส่ก็เลยจำใจเดินออกไป...คลาดกับดุจดาวที่เดินออกมากับวายุอย่างฉิวเฉียดดุจดาวสีหน้าไม่สบายใจ วายุสังเกตเห็นเอ่ยอย่างอาทรว่า

“ถ้าคุณไม่สบายใจไม่ต้องทำก็ได้นะครับ”

“ไม่! ฉันจะทำ ฉันอยากช่วยคุณ...ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยฉันเมื่อคืน ไม่ต้องห่วงยังไงฉันก็จะต้องเอามันมาคืนคุณให้ได้”

ดุจดาวท่าทางมุ่งมั่นตัดสินใจแล้วว่าจะทำ วายุเลยนิ่งไป

ooooooo





ที่มา ไทยรัฐ

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 7


ดุจดาวเสียใจมากจนคิดฆ่าตัวตายแต่โชวที่ตั้งใจมางานศพนัทช่วยไว้ทัน คำพูดเตือนสติของโชวทำให้เธอเปลี่ยนใจอยากมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นแทนนัท และเธอรู้สึกประทับใจโชวมากแม้จะจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร

โชวผละไปก่อนที่เม่ยจะมาพบดุจดาว ตามด้วยพวกอนาวิล ทุกคนดีใจที่ดุจดาวไม่คิดสั้น แต่ก็สะท้อนใจเมื่อได้ยินเธอประกาศว่าที่ไม่คิดสั้นเพราะยังไม่ได้แก้แค้นให้นัท

นวลจันทร์ปลอบโยนลูกสาวด้วยความรักและสงสาร เม่ยรู้สึกไม่ต่างกันจึงขอนอนค้างเป็นเพื่อนดุจดาวที่บ้านและได้ยินเธอพูดถึงใครคนหนึ่งที่เตือนสติทำให้เธอมีชีวิตอยู่รอด เขาคือผู้มีพระคุณแล้วยังทำให้เธอรู้ว่าต้องมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

เม่ยตกใจถามดุจดาวว่าอนาวิลบอกแล้วหรือว่าคนร้ายเป็นพวกไหน ดุจดาวส่ายหน้าแต่ย้ำว่าอีกไม่นานตนต้องรู้ให้ได้...ฟังคำตอบแล้วเม่ยไม่สบายใจ เป็นห่วงทั้งโชวและดุจดาว

วันต่อมา เหว่ยชิงเรียกโชวมาตำหนิที่ไปยุ่งกับอนาวิลทั้งที่เคยสั่งห้ามไว้แล้ว โชวเถียงว่าตนไม่อยาก ยุ่งแต่มันมายุ่งกับงานของตนเอง เหว่ยชิงโกรธถึงกับ พลั้งปากด่าว่าเลือดชั่ว ไม่ต้องมาแก้ตัว กล้าดียังไงถึงขัดคำสั่งตน

โชวอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนระเบิดความคับแค้นว่าไม่เข้าใจ ทำไมตนถึงทำอะไรอนาวิลไม่ได้ เหว่ยชิงชะงัก เสียงอ่อนลงว่ายังไม่ใช่เวลานี้ คนที่เขาต้องจัดการคืออนันต์...พูดจบก็ไล่โชวออกไปก่อนจะสบถอาฆาตมาดร้ายว่าถ้าคนที่ตายเป็นอนาวิล แกต้องตาย!

หลังงานศพนัท อนาวิลบุกไปคิดบัญชีกับพวกโชวถึงบ้านแต่จู่ๆจ่าเดชก็เข้ามาห้ามก่อนเรื่องจะลุกลามบานปลาย โดยบอกว่าท่านผู้การมีคำสั่งให้อนาวิลเข้าพบเดี๋ยวนี้...

อนาวิลรับทราบจากผู้บังคับบัญชาให้เลิกทำคดีพวกจตุรภาคีแต่เขาไม่ยอม อยากทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร

“คดีฆ่าคนตายพวกมันรับโทษก็แค่ไม่กี่คน ถ้าอยากแก้แค้นหาหลักฐานมาเอาผิดพวกมันให้หมดไม่ดีกว่าเหรอ”

“แต่คนผิดต้องได้รับโทษ เราจะปล่อยมันไป ไม่ได้”

“งั้นผมคงต้องลงโทษคุณก่อน ที่ทำงานพลาดจนพวกมันรู้ตัว...ว่าไงล่ะ ยอมรับไหมว่าตัวเองก็มีส่วนผิด”

“ผมยอมรับโทษ ถ้ามันจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้พี่นัทได้”

“งั้นหน่วยงานลับอย่างอินทรีพิฆาตก็ต้องถูก เปิดโปงให้คนรู้ด้วย มันคุ้มกันใช่ไหม” อนาวิลสะอึกเถียงไม่ออก “พวกคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไร้ตัวตน ก่อนเข้ามาที่นี่พวกคุณยอมรับเงื่อนไขข้อนี้เองไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย สิ่งสำคัญที่สุดคือภารกิจที่ได้รับมอบหมาย”

“แต่คนของเราตายไปทั้งคนนะครับ”

“จะอีกกี่คนก็ไม่ได้”

อนาวิลทนไม่ไหวหันหลังจะเดินออกไป ท่านผู้การตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห

“ผมย้ำอีกครั้งนะอนาวิล นี่คือคำสั่ง”

อนาวิลกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ ผลุนผลันออกไปต่อยผนังนอกห้องพร้อมกับคำรามจะฆ่าโชว หลังจากนั้นเขาจะโทร.หาใครคนหนึ่งให้ช่วยเช็กข้อมูลว่าโชวอยู่ไหน แจ็คแอบได้ยิน รู้ว่าอนาวิลจะตามไปแก้แค้นจึงขอไปด้วยเพราะเขาเองก็ต้องการแก้แค้นพวกมันให้พ่อแม่เหมือนกัน แต่อนาวิลไม่ยอมเพราะอันตรายเกินไป จับแจ็คมัดไว้ในห้องทำงานแล้วมุ่งหน้าตามจุดหมายที่ได้ข้อมูลมา

ooooooo

ด้วยความเจ็บแค้นใจที่พวกจตุรภาคีฆ่านัท อนาวิลบุกเดี่ยวไปเอาเรื่องโชวและเพื่อนๆที่เกาะส่วนตัว แต่ไม่คิดว่าจะเจอวีนัสอยู่ด้วย เขาเห็นกับตาว่าเธอจงใจยั่วยวนโชว ความศรัทธาและเชื่อมั่นในรักที่มีต่อเธอมลายหายไปหมดสิ้น

อนาวิลเสียใจมาก เขารู้ความจริงทั้งหมดว่าวีนัสคือคุณหนูของกลุ่มอันดามัน เธอขอโทษอนาวิลที่ปิดบังและไม่อาจจะรักเขาต่อไปได้ อนาวิลรู้เหตุผลว่าเป็นเพราะโชวก็ยิ่งเจ็บแค้นเขามากขึ้น ถึงกับบุกจู่โจมหวังฆ่าเขา แต่กลับเป็นฝ่ายถูกรุมทำร้าย

ขณะที่อนาวิลกำลังจะถูกฆ่าในงานปาร์ตี้บนเกาะ เม่ยที่โดนโชวบังคับมาเที่ยวร้องขอชีวิต โชวจึงท้าอนาวิล ด้วยการประลองฝีมือแบบลูกผู้ชาย ทั้งคู่ฝีมือสูสีไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งเม่ยทนไม่ไหววิ่งมาห้ามโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยง โชวจึงยอมเลิกราปล่อยอนาวิลไป

หลี่เฟยไม่พอใจ ส่งเฉินและลูกน้องพรางตัวแอบตามไปเล่นงานอนาวิลจนเกือบตาย เม่ยตามมาเห็นเข้าจึงช่วยไว้แต่ไม่เห็นหน้าพวกคนร้าย

เม่ยพาอนาวิลไปรักษาตัวที่กระท่อมลุงมีด้วยสมุนไพรและกำชับแกห้ามบอกใคร เธออยู่เฝ้าอนาวิล ทั้งคืน เห็นเขาไข้ขึ้นสูงถึงกับเพ้อถึงนัทและดุจดาวก็ยิ่งสงสาร

ooooooo

ดุจดาวตัดสินใจยื่นใบสมัครเข้าหน่วยอินทรีพิฆาตต่อท่านผู้การโดยตรงด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อบางสิ่งบางอย่าง แต่ไม่ยอมบอกอนันต์เพราะกลัวเขาจะขัดขวางงานของเธอ

ฝ่ายแจ็คที่ถูกจับมัดไว้ในห้องทำงาน...ริว ชิน และจ่าเดชมาพบช่วยแก้มัดให้ พอรู้ว่าอนาวิลไปแก้แค้นพวกจตุรภาคี ทุกคนเป็นห่วงรีบเช็กข้อมูลจนรู้ว่าอนาวิล ไปเกาะส่วนตัวตระกูลจาง แจ็คจึงเร่งให้ติดตามแต่จ่าเดช บอกว่ามีคำสั่งไม่ให้เราตามไป ซึ่งเรื่องนี้ริวกับชินก็ทราบเหมือนกัน

“ทำไมล่ะครับ” แจ็คถาม

“เพราะหัวหน้าขัดคำสั่งจากเบื้องบนน่ะสิ”

“งานนี้แย่แน่”

“แล้วพวกพี่จะปล่อยให้พี่วินไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวงั้นเหรอ”

“นั่นสิวะ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย” ริวโวย...ส่วนชินก็โพล่งขึ้นว่าขอขัดคำสั่งสักทีเถอะ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง ริวจึงฟันธงว่าเอาไงเอากัน แจ็ค เห็นด้วยอย่างยิ่ง ชวนไปลุยเลย!

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น อนาวิลตื่นก่อนเม่ยที่หลับฟุบอยู่ข้างๆ ความน่ารักและแสนดีของเม่ยทำให้อนาวิลเผลอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกประทับใจ พอเห็นเธอลืมตาเขาก็รีบหลับตาทำไม่รู้ไม่ชี้

เม่ยลุกขึ้นจับหน้าผากอนาวิลด้วยความเป็นห่วง ตัวไม่ร้อนแสดงว่าไข้ลดก็โล่งใจ เธอก้มหน้ามองเขาใกล้ๆ ทันใดเขาลืมตาโพลงเห็นเธอในระยะประชิด ต่างคนต่างอึ้งเขินกันไปมา

เม่ยได้สติรีบถอยห่างออกมาแล้วพูดแก้เก้อว่าเมื่อคืนพี่วินไข้สูงมาก ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว

“ครับ ขอบคุณเม่ยที่ช่วยพี่”

สองคนยังเขินกันอยู่ พอดีลุงมีเปิดประตูเข้ามา เม่ยเลยถือโอกาสฝากแกดูอนาวิล เธอจะไปทำข้าวต้มมาให้เขากิน...

ขณะเดียวกันนั้น โชวกำลังโวยวายมิ่งที่ตามหาเม่ย ไม่เจอ มิ่งยืนยันว่าตนหารอบเกาะแต่ไม่รู้ว่าเม่ยไปไหน

“เช้าแบบนี้เม่ยจะหายไปไหน” โชวบ่นด้วยความเป็นห่วง วีนัสเดินเข้ามาได้ยินก็ลอยหน้าบอกโชวว่า “คุณเม่ยไม่ได้หายไปแต่เช้าหรอกค่ะ เธอหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก”

“อะไรนะ” โชวอุทานตกใจ ขณะที่วีนัสยิ้มมีเลศนัย เหมือนรู้อะไรดีๆมา

“คือเมื่อคืนวีนัสไปเดินเล่นที่ชายหาดก็เลยเห็นเข้าน่ะค่ะ”

วีนัสเปิดฉากนิ่มๆ แล้วเล่าต่อไปว่าเธอเห็นเม่ยไปกับอนาวิล มิ่งเถียงว่าไม่จริง เม่ยต้องมีเหตุผล เธอไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่

“ไม่ทำ แต่หายไปกับผู้ชายทั้งคืน”

มิ่งเถียงไม่ออก โชวกำมือแน่นหึงและโกรธ วีนัสเห็นแล้วลอบยิ้มสมใจ

“คนรักกันก็ต้องเป็นห่วงกันธรรมดา ประมุขเข้าใจคุณเม่ยเธอหน่อยนะคะ”

โชวไม่พูดอะไรแต่เดินออกไปทันทีเลย วีนัสสะใจรีบก้าวตามเขาไป

ooooooo

ที่กระท่อมลุงมี เม่ยทำข้าวต้มมาให้อนาวิลกินก่อนจะส่งยาสมุนไพรรสขมให้ เธอรับรองว่าสรรพคุณดีเยี่ยม เขาเลยกระเซ้าว่า คุณพยาบาลรับรองแบบนี้ไม่เชื่อได้ยังไง

พูดแล้วอนาวิลซดยา ปรากฏว่าขมปี๋จนสีหน้าเปลี่ยน เม่ยหัวเราะบอกว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา แล้วส่งยาแก้อักเสบให้อีกเม็ดจะได้หายไวๆ อนาวิลเบ้หน้าไม่อยากกิน พอเธอขู่จะฉีดยาแทน เขาก็รีบรับยามากินอย่างกลัวๆ

“พี่วินคะ คนที่ทำร้ายพี่วินเมื่อคืนเป็นพวกไหน พี่วินรู้ไหมคะ”

อนาวิลชะงักแล้วนิ่งไป เม่ยเดาออกว่าเป็นคุณชาย เธอโกรธลุกพรวดขึ้นตั้งใจจะไปเอาเรื่องโชว อนาวิลเดินไม่ถนัดนักแต่พยายามก้าวตามออกมาหน้ากระท่อม ถามเม่ยว่าจะไปไหน

“ไปจัดการคนนิสัยไม่ดีค่ะ เขาต้องได้รู้สำนึกบ้าง”

“อย่าครับ พี่ไม่อยากให้เม่ยเดือดร้อน”

“เม่ยไม่กลัว คนแบบนี้ถ้าเรานิ่งเขายิ่งได้ใจ”

“เม่ย...อย่าไปเลยครับ”

“ไม่ค่ะ เม่ยต้องไปจัดการให้เขารู้ซะบ้างว่าไม่ใช่ ทุกคนที่จะยอมเขา”

เม่ยดึงดันไม่เลิกล้มความตั้งใจ อนาวิลไม่ยอมเพราะเป็นห่วง สองคนดึงกันไปยื้อกันมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มลงด้วยกันในลักษณะแนบชิด จังหวะนั้นโชวกับวีนัสเดินมาถึงพอดี ภาพที่เห็นทำให้โชวโมโหหึงกระชาก อนาวิลขึ้นมาชกเปรี้ยงโดยที่เม่ยห้ามไม่ทัน

อนาวิลล้มคว่ำ เม่ยร้องห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นโชวจะเข้าไปซ้ำอนาวิลอีก

“หยุดนะคุณชาย...ไม่ใช่เรื่องของคุณชาย”

โชวอึ้งที่เม่ยปกป้องอนาวิล ตะเบ็งเสียงใส่อย่างฉุนเฉียว “เธอหายไปทั้งคืน เพราะมาอยู่กับมัน เป็นห่วงมันมากใช่มั้ย”

“ใช่ค่ะ”

คำตอบนั้นเล่นเอาโชวตะลึง ผิดหวังและโกรธจนพูดโพล่งว่า “เธอมันง่าย”

ฉาด! เม่ยตบหน้าโชวแล้วด่าซ้ำ “อย่าคิดว่าคนอื่นจะชั่วเหมือนตัวเอง”

“จะมากเกินไปแล้วนะคุณเม่ย” วีนัสออกโรงโกรธแทนโชว อนาวิลทนไม่ไหวสวนออกไปว่า

“ไม่มากไปหรอกกับคนที่คิดดูถูกเม่ย”

วีนัสเจ็บใจที่อนาวิลปกป้องเม่ย เยาะหยันว่าอยู่ด้วยกันสองคนทั้งคืนตนดูผิดตรงไหน

ลุงมีได้ยินเสียงเอะอะรีบเดินออกมาจากกระท่อม โชวเห็นลุงมีก็ใจชื้น ถามแกว่าอยู่ที่นี่ด้วยหรือ ลุงมีใช้ภาษามือตอบรับและบอกว่าอนาวิลป่วย ตนกับเม่ยช่วยพยาบาล โชวเข้าใจถึงกับหน้าซีด มองเม่ยอย่างรู้สึกผิด

“พี่วินเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ได้มีนิสัยลอบกัดเหมือน คุณชาย”

“เธอพูดอะไร” โชวถามเม่ยเสียงดัง

“คุณชายไม่รู้เหรอคะ เมื่อคืนพี่วินถูกลอบฆ่า” โชวชะงักแปลกใจ เม่ยยิ่งจี้เข้าไป “อย่าบอกนะไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งเกาะทั้งคนเป็นของคุณชายหมด ถ้าไม่ใช่ฝีมือคุณชายแล้วจะเป็นใคร”

โชวจะอธิบาย แต่ชะงักเมื่อมิ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่าแย่แล้ว!

ทุกคนรีบไปริมหาดที่พวกริวพากันมาตามหาอนาวิลแล้วกำลังตะลุมบอนกับพวกภูผา...โชวหยุดทุกคนด้วยเสียงปืนแล้วไล่อนาวิลให้พาพวกพ้องของเขากลับไป ก่อนที่ตนจะหมดความอดทน

อนาวิลตัดสินใจกลับพร้อมพวกริวและไม่ลืม ขอบคุณเม่ยที่ช่วยเหลือ ส่วนโชวก็สั่งมิ่งให้บอกทุกคนเตรียมตัวกลับ จากนั้นเขาแยกไปเล่นงานเม่ย ถามประชดว่าเป็นห่วงกันนักทำไมไม่ตามมันกลับไป

“กำลังจะไปเก็บของค่ะ”

คำตอบของเม่ยทำให้โชวโมโหมาก ดึงแขนเธอไว้อย่างแรง ถามว่ารักมันใช่ไหม?

“ก็ไม่ได้เกลียดเหมือนคุณชายแล้วกัน” ตอบแล้วเม่ยสะบัดหนีไป โชวนิ่งขรึมน้อยใจ

ขณะเดินทางออกจากเกาะ อนาวิลแปลกใจว่าพวกริวมาได้ยังไง ริวบอกรู้จากแจ็คว่าเขามาเกาะส่วนตัวตระกูลจาง แต่พวกเขาไม่ยอมให้แจ็คมาด้วยเลยจับมัดไว้ที่หน่วยฯ

“พวกนายทำถูกแล้วล่ะ แจ็คมันยังเด็กเกินไปที่จะมาเสี่ยง มันคงโมโหน่าดู”

“แต่คนที่โมโหมากกว่าคงเป็นท่านผู้การนะครับ”

คำพูดจ่าเดชทำให้ริวกับชินนึกได้หันมองหน้า

อนาวิลแล้วเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด อนาวิลตบบ่าทั้งคู่ปลอบใจอย่าคิดมาก ไม่เป็นไรหรอก ก่อนมาตนก็เตรียมใจยอมรับผลไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องเตรียมโดนรับโทษด้วยเพราะขัดคำสั่งท่านผู้การมาเหมือนกัน

ooooooo

ด้านโชว...ทันทีที่กลับถึงบ้านเขาถูกเหว่ยชิงสั่งสมุนจับมัดแล้วเฆี่ยนด้วยแส้จนเนื้อแตกเลือดไหล มิ่งขอร้องด้วยความสงสารแต่ไม่สามารถหยุดเหว่ยชิงได้ เธอโกรธมากที่โชวทำให้อนาวิลบาดเจ็บเกือบเอาชีวิตไม่รอด

โชวเจ็บแต่ไม่ร้องแม้แต่น้อย หลี่เฟยทราบเรื่องจากแจ่มรีบเข้ามาห้าม ถามเหว่ยชิงว่าคุณชายทำอะไรผิดถึงต้องลงโทษขนาดนี้

“มันขัดคำสั่งฉัน สั่งคนไปลอบฆ่าอนาวิล”

“สายบอกมาหรือครับ”

“ไม่สำคัญ...สำคัญคือมันต้องเจ็บเท่าๆกับที่อนาวิลเจ็บ”

โชวหลับตานิ่งยอมรับชะตากรรม เหว่ยชิงเงื้อมือจะฟาดโชวอีก หลี่เฟยขัดขวางและพูดความจริงออกมาว่าเป็นคำสั่งของตนเอง ตนเป็นคนสั่งให้ไปเก็บอนาวิล คุณชายไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ

เหว่ยชิงโกรธจัดตบหน้าหลี่เฟยสุดแรงแล้วเขวี้ยงแส้ลงพื้นก่อนเดินออกไป เฉินกับมิ่งช่วยกันแก้มัดเชือกที่มือให้โชว หลี่เฟยเป็นห่วงถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง โชวไม่ตอบแต่อยากรู้ว่าหลี่เฟยบอกความจริงกับแม่ทำไม

หลี่เฟยชะงักที่โชวรู้เรื่องตนส่งคนไปลอบฆ่า

อนาวิล “ผมต้องปกป้องคุณชาย จะกลัวตายปล่อยให้คุณชายถูกลงโทษได้ยังไง”

“ต่อไปอาอย่าทำแบบนี้อีก ผมเป็นลูก ยังไงแม่ก็ไม่ฆ่าผม”

หลี่เฟยนิ่งไป แอบสงสารที่โชวนึกว่าแม่รัก...

หลังจากนั้นโชวกลับไปที่ห้อง เม่ยจะทำแผลให้แต่เขาไม่ยอม ตะคอกไล่ทุกคนออกไป มิ่งเห็นใจทุกฝ่าย ขอร้องเม่ยกับแจ่มออกไปก่อน ให้คุณชายอยู่คนเดียวสักพัก

เมื่ออยู่คนเดียวในห้อง โชวนึกถึงคำพูดของเหว่ยชิงที่ห่วงใยอนาวิลเหลือเกิน แต่กับตนเธอไม่สนใจไยดี คิดมาคิดไปอดบ่นด้วยความน้อยใจไม่ได้ว่าระหว่างตนกับอนาวิลใครเป็นลูกแม่กันแน่!

เหว่ยชิงเข้าไปขลุกอยู่ในสวนสมุนไพรแล้วคิดถึงจางฉงเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นเธอกำลังตั้งท้อง จางฉงเห่อลูกมากและคาดว่าลูกต้องเป็นผู้ชาย เขาประคบประหงมดูแลเธออย่างดี ปลูกสมุนไพรบำรุงครรภ์ให้เธอ และอีกหลายอย่างล้วนเพื่อรักษาลูกยามเจ็บไข้ได้ป่วย

“ผมอยากให้คุณกับลูกของเราแข็งแรง กว่าเราจะมีลูกคนนี้ได้ ผมรู้ว่าคุณลำบากมาก ขอบคุณนะเหว่ยชิง”

คำพูดของจางฉงในวันนั้นทำให้เหว่ยชิงซาบซึ้งใจ... แต่มาวันนี้อนาวิลลูกชายแท้ๆของเขาและเธอกลับถูกลูกศัตรูทำร้ายเกือบตาย เหว่ยชิงถึงได้แค้นโชวซึ่งเป็นลูกชายของอนันต์ยิ่งนัก

เหว่ยชิงคิดถึงจางฉงจับใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารอนาวิล เขาคงเจ็บปวดจากการถูกทำร้าย...หลี่เฟยเดินเข้ามาในสวนสมุนไพรเห็นเหว่ยชิงกำลังเหม่อ เรียก เธอเบาๆ “นายหญิงครับ”

“แกไม่เคยขัดคำสั่งฉันนะหลี่เฟย”

“ผมขอโทษครับนายหญิง”

“เพราะอะไร”

“อนาวิลจะฆ่าคุณชาย”

เหว่ยชิงได้ยินกลับทำเฉยๆ ไม่ตกใจและไม่แสดงสีหน้าท่าทีเป็นห่วงโชวสักนิด

“จะเรื่องอะไร แกก็ทำอนาวิลไม่ได้ทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นแกอาจเสียใจ”

หลี่เฟยมองเหว่ยชิงแปลกใจ ได้ยินเธอเน้นย้ำก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“หน้าที่สำคัญของแกคือปกป้องโชวเท่านั้นพอ... ออกไปได้แล้ว”

หลี่เฟยรับคำแล้วเดินออกไปเงียบๆ เหว่ยชิงสีหน้ากังวลใจเป็นห่วงอนาวิล...ส่วนเฉินที่ยืนรอพ่ออยู่หน้าเรือนสมุนไพรด้วยความเป็นห่วง เห็นพ่อเดินออกมาก็ถามทันทีว่า

“เป็นไงบ้างครับ”

“ฉันไม่เคยเห็นนายหญิงโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย”

“นั่นสิ นายหญิงทำอย่างกับไอ้อนาวิลสำคัญกว่าคุณชายซะอีก”

หลี่เฟยชะงัก...มองหน้าลูกชายแล้วครุ่นคิดอยู่เงียบๆ

ooooooo



ที่มา ไทยรัฐ