วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 5


เช้าวันแต่งงาน ประจวบรอกานต์อย่างกระวนกระวายใจ ดูนาฬิกาแล้วบ่นว่าทำไมป่านนี้ยังไม่กลับอีก สมปลอบใจเจ้านายว่าไม่ต้องกังวล เสนอวิธีแก้ปัญหาอันบรรเจิดว่าถ้ากานต์กลับไม่ทันตนยอมเป็นเจ้าบ่าวแทนเอง

ผลจากความคิดอันบรรเจิดของสมคือถูกประจวบสั่งให้หันโก้งโค้งแล้วล่อเสียป้าบหนึ่งฐานตลกผิดเวลา

ครู่หนึ่งกานต์โทร.มา ประจวบรับสายก็โวยทันที

“โอ้โห...ไอ้กานต์ พ่อโทร.เป็นสิบ เพิ่งจะโทร.กลับ แกถึงไหนแล้ว เราควรถึงบ้านเจ้าสาวก่อนเวลาสักชั่วโมงนึงนะโว้ย” กานต์บอกว่าตนยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล หมอเพิ่งล้างท้องเสร็จ ครองขวัญปลอดภัยแล้วและกำลังจะพาไปพักที่ห้อง “โล่งอกเสียที แต่เฮ้ย...แล้วแกจะอยู่ทำไมอีกวะ พ่อเข้าใจนะว่ามันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ทิ้งไปไม่ดูดำดูดีก็ใจดำน่าดู แต่ว่าเมื่อเขาปลอดภัยแล้วให้พี่น้องเขาดูแลต่อดีไหม วันนี้แกมีเรื่องสำคัญในชีวิตที่ต้องทำเหมือนกันนะ”

“จำได้พ่อ...แต่ประเด็นก็คือพี่ชายเขาไม่อยู่ ไปสิงคโปร์”

“อืม...มันเหมาะเจาะจริงๆ” ประจวบทำเสียงปลง แล้วหันสั่งสม “เอาชุดเจ้านายแกไปใส่รถฉัน เดี๋ยวเจ้านายแกเขาจะรีบตามไปเจอที่บ้านหนูดาเลย”

สมสาระแนถามว่าให้คุณท่านไปรับหน้าก่อนใช่ไหม แล้วรีบทำตามคำสั่ง โทรศัพท์ของประจวบดังขึ้นอีก กานต์โทร.มาย้ำกับพ่อว่า “พ่ออย่าบอกเรื่องขวัญกับดาหวันเด็ดขาดนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ประจวบถามว่าจะดีหรือเพราะดาหวันน่าจะฟังเหตุผล “พ่อแน่ใจเหรอ อย่างกับไม่เคยเห็นฤทธิ์คุณนาย จะพาลยกเรื่องขวัญมายกเลิกงานแต่งเอาเสียเฉยๆน่ะสิ”

“เออๆ รีบมานะโว้ย” ประจวบวางโทรศัพท์แล้วบอกกับตัวเอง “ไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน”

ooooooo

ที่ห้องดาหวัน นมมาลัยกำลังเอาสร้อยข้อมือใส่ให้ดาหวันบอกว่าพอดีเลย สวยจัง เจนจิราที่ชะเง้อคอยกานต์อยู่ที่หน้าต่างบอกว่าตนไปสืบมาแล้วเป็นสร้อยของแม่กานต์ ตระกูลเขาตั้งใจส่งต่อให้ลูกสะใภ้ ชมว่าโรแมนติกจังเลย

ดาหวันบอกว่ากานต์เอามายื่นให้เฉยๆ ไม่เห็นบอกอะไร นมมาลัยคาดว่าคงเขินเลยไม่พูด เจนจิราเห็นพ้องว่ากานต์เป็นคนออกแนวโหดให้มาพูดให้มาทำอะไรหวานๆ คงขนลุกตายเลย พลันเจนจิราก็ร้องดีใจ

“อุ๊ย รถเจ้าบ่าวมาแล้ว นมขา เรารีบไปกั้นประตูกันเร็ว” ดาหวันบอกว่ายังไม่ได้ฤกษ์ แค่ตักบาตรเท่านั้น เจนจิราทำเป็นบ่นให้ขำว่า นี่คือเป้าหมายหลักเลยนะที่ตนขออนุญาตคุณพ่อมานอนเป็นเพื่อนดา แบบนี้ก็จบกัน ทั้งดาหวันและนมมาลัยพากันหัวเราะขำไปด้วย

ที่โรงพยาบาล พอครองขวัญเข้าห้องพัก เธอก็คว้ามือกานต์ไปกุม อ้อนขอให้เขาอยู่เป็นเพื่อน กานต์เหลือบดูนาฬิกาอย่างหนักใจ

ที่ห้องรับแขกบ้านดาหวัน ประจวบต้องรับหน้ากับดาหวัน พรรณี วีรอร เจนจิราและนมมาลัยอย่างลำบากใจ พอเขาบอกว่าเดี๋ยวกานต์จะรีบตามมา ก็ถูกพรรณีถามว่ามีอะไรสำคัญกว่างานแต่งงานตัวเอง

อีกหรือ วีรอรพูดเอาใจดาหวันว่า พิธีตอนเช้าก็มีแต่คนกันเองในครอบครัวเท่านั้น สายนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก เลยถูกพรรณีประชดว่า

“นั่นสินะ อย่างมากก็แค่ให้คุณประจวบตักบาตรแทนในฐานะพ่อเจ้าบ่าวคงได้นะ หึๆ” พอวีรอรติงว่าวันนี้เป็นวันงานมงคลอย่าพูดแบบนั้น ก็ถูกแหว

“เอ๊ะ! ยายอร ฉันนี่ก็ผมสองสีแล้ว รู้อะไรควรไม่ควรอยู่ ฉันก็พูดตามที่เห็น ถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ให้เกียรติเราแบบนี้ก็ไม่สมควรแต่งหรอก จะจัดงานทั้งทีมันก็ต้องยึดถือฤกษ์ยาม ถ้ามันเสียฤกษ์ตั้งแต่ต้นแล้ว ต่อไปมันก็เสียไปหมดแหละ” พรรณีพาลแช่งไปในที ประจวบเลยติงว่า

“คือ...มันไปกันใหญ่แล้วนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าลูกชายผมจะไม่มางานนะครับ แค่ขอให้รอหน่อยเท่านั้น ตัวผมเองก็อยู่ที่นี่พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง”
พรรณีไม่ลดราวาศอก ประจวบก็เริ่มของขึ้น

ดาหวันเลยตัดบทว่าทั้งหมดขอให้ตนตัดสินใจเองดีไหม ทุกคนเลยเงียบ

ooooooo

ธวัชเร่งรุจิกาให้รีบแต่งตัวไปงาน เธอให้พี่ชายไปก่อนตนจะไปตอนเย็นเลยทีเดียวเพราะไม่อยากไปเห็นหน้าเพียงนภาเพราะยังอยากตบอยู่เลย พูดเยาะเย้ยอย่างเจ็บใจว่า

“นี่คงหน้าบานอยู่ล่ะสิ หมดเสี้ยนหนามเสียที ยายดาแต่งงานเสียได้”

“พอแล้วน่าเรา เลิกทำตัวเป็นเด็กๆเสียที ตอนนี้ลุ้นให้เจ้าบ่าวมาทันก็พอ เดี๋ยวออกไปเราก็ไม่ต้องพูดอะไรมากล่ะ แค่นี้ก็สงสารน้องดาจะแย่อยู่แล้ว”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังรอกานต์อยู่อย่างอึดอัดนั้น ธวัชก็พารุจิกามาถึง พอมาถึงเธอก็พูดเยาะเย้ยทันทีว่า

“แม่คะ ยายดาเป็นหม้ายขันหมาก คุณกานต์หนีงานแต่งงานเหรอคะ ฮ่ะๆๆ ขำจัง”

“ขันหมากมารออยู่แล้ว” ประจวบหันมองพูดหน้านิ่งๆ รุจิกาสวนทันควันว่าแต่ไม่มีเจ้าบ่าว เจนจิราทนไม่ไหวโต้ว่า กานต์กำลังมาต่างหาก ธวัชเห็นน้องสาวเริ่มเยอะเกินไปแล้วเลยเตือนเบาๆ

“ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเราเป็นใบ้หรอกนะ” แล้วหันไปยกมือไหว้ขอโทษประจวบแทนน้อง

ระหว่างนั้นสมเดินมากระซิบบอกประจวบว่าพระมาแล้ว แต่พอประจวบถามเสียงขุ่นว่าแล้วเจ้านายเอ็งล่ะ สมก็ส่ายหน้าบ้องแบ๊ว เจนจิรากับนมมาลัยมองหน้ากันแล้วถอนใจ ส่วนวีรอรโพล่งขึ้นมาว่า

“นี่ก็นานแล้วนะคะ ยายดายังไม่ตัดสินใจอีก” พรรณีแทรกทันทีว่า ดาหวันไม่ออกมาแบบนี้ก็ชัดแล้วไม่รู้จะรออะไรอีก พลางลุกขึ้นพยักหน้าบอกรุจิกา
ให้กลับ

เพียงนภาทนไม่ไหวไปเคาะประตูเรียกดาหวัน ถามว่าจะต้องตัดสินใจอะไรอีก นี่มันงานแต่งงานของเธอนะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลย เห็นดาหวันยังเงียบ ก็ระดมทุบประตูหนักขึ้นตะโกน

“ดาหวันฉันบอกให้เธอออกมาไง เธอยกเลิกงานเพราะเรื่องบ้าบอแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม”

ดาหวันนั่งอย่างสงบ ดูรูปพ่ออีกทีก่อนตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูพร้อมกับบอกว่า

“พี่นภาคะ ดาตัดสินใจแล้ว ดา...จะไม่...” พลันก็ชะงักเมื่อเห็นกานต์ยืนเท่อยู่ที่ประตู เธอดีใจเผลอยิ้มออกมาแต่พอนึกได้ก็ปั้นหน้าปึ่ง กานต์บอกว่าพระรออยู่นานแล้วนะ ให้พระรอบาปนะ ดาหวันถามว่าจะไม่อธิบายหน่อยเหรอ กานต์มองๆแล้วบอกว่า เพื่อนไม่สบายเลยต้องพาไปโรงพยาบาล
เป็นคำชี้แจงที่สั้นคลุมเครือแต่กานต์ก็ไม่พูดต่อบอกว่าอยู่ที่เธอจะเชื่อใจตนไหม กานต์ยื่นมือออกไป ดาหวันตัดสินใจวางมือบนมือเขา เจนจิราที่ลุ้นระทึกอยู่ปรบมือนำ ทุกคนเลยปรบตามพร้อมกับถอนใจโล่งอก

ระหว่างที่ดาหวันกับกานต์ตักบาตรนั้น เพียงนภามองเศร้าๆ จนวีรอรถามว่าเป็นอะไร เหนื่อยหรือเปล่า เธอถามว่า

“แม่ว่า นภา...จะได้ทำแบบนั้นบ้างไหม...แต่อีกไม่กี่วันเทพเขาต้องยกขันหมากมาขอนภาอยู่แล้วล่ะนะ” เธอยิ้มหลอกตัวเอง ในขณะที่วีรอรก็บีบมือให้กำลังใจลูกสาว

จนเมื่อถึงพิธีสวมแหวน เปิดพานขันหมาก เห็นสินสอดทองหมั้นในพาน พรรณีกับรุจิกาชะเง้อคอยาวไปดู เห็นแหวนเพชรน้ำงามก็มองกันตาโต

ooooooo

เมื่อดาหวันตื่นขึ้นมาไม่เห็นกานต์ก็อาละวาด ปัดแก้วที่พยาบาลป้อนน้ำให้ตกแตกตวาดถามว่ากานต์หายไปไหนไล่ญาติคนไข้ได้ยังไง พยาบาลชี้แจงว่าเป็นความต้องการของญาติที่ติดต่อให้พยาบาลมาดูแลแทน

“ไม่จริง! เขาจะกล้าทิ้งฉันไปได้ยังไง ฉันทำขนาดนี้แล้ว ไป...ไปตามคุณกานต์มาให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะฟ้องโรงพยาบาล คอยดูจะฟ้องให้หมดเลย ฮือๆๆ”

งานเลี้ยงที่จัดในโรงแรมหรูอย่างสวยงาม พรรณีเดินมากับรุจิกา ก่อนเข้าห้องงานก็หยุดถามรุจิกาว่าผมตนบังสร้อยมรกตหรือเปล่า รุจิกาตอบตัดรำคาญว่ามองระยะ 500 เมตรยังเห็นเลย แล้วบ่นอย่างหงุดหงิดว่างานเมื่อเช้ายังหมั่นไส้ดาหวันไม่หายเลย ปากก็บอกว่าไม่อยากแต่งเห็นตอนรับสินสอดหน้าบานซะไม่มี

“นั่นสิ คุณทวีก็เหมือนกัน เอาแหวนมารับขวัญลูกสะใภ้ แต่ไม่มีรสนิยมเลย สักแต่ว่าใหญ่เท่านั้น” พรรณีช่วยถล่ม ยุรุจิกาว่า “นี่ยายรุ งานแกน่ะอย่าให้ต่ำกว่า 5 กะรัตนะ ไม่งั้นขายหน้าเขาแย่” แล้วถามว่าทำไมอติเทพไม่มาด้วย รุจิกาบอกว่าไปสิงคโปร์ ไปซื้ออะไรให้น้องสาวก็ไม่รู้เห็นว่าจะเอาด่วนด้วย

เดินมาจนเกือบเข้าห้องงานแล้ว รุจิกาขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน แต่ที่แท้แอบโทร.ไปหาครองขวัญ ฟังครองขวัญแล้วถามว่าที่เล่ามาเป็นเรื่องจริงหรือ ครองขวัญย้อนถามว่า ตนจะโกหกทำไม กานต์อยู่กับตนทั้งคืน

แม้กานต์จะจ้างพยาบาลพิเศษมาเฝ้าครองขวัญ แต่ระหว่างอยู่ในงานเขาก็แอบโทร.มาถามพยาบาลว่าครองขวัญเป็นอย่างไรบ้าง และจ้างพยาบาลพิเศษเฝ้าต่อ

กานต์นั่งคุยกับประจวบที่มุมหนึ่งในงาน ประจวบลุ้นว่าแต่งงานแล้วตนขอหลานเลยนะ คุยโวว่า ตนแต่งกับแม่เขาปุ๊บก็มีเขาปั๊บเลย กานต์คุยทับว่าไม่ต้องห่วงเพราะตนแต่งตอนเด็กกว่าพ่อเยอะ แถมยังฟิตกว่าด้วย

จิตราเข้ามาขัดจังหวะว่า ทางออร์กาไนซ์อยากให้บ่าวสาวไปดูจุดโปรยดอกไม้อีกที เพราะทางเขาเปลี่ยนจุดนิดหน่อยเพื่อให้ได้มุมที่สวยกว่า กานต์ลุกบ่นงึมงำ

“นี่ตกลงเป็นงานแต่งงานหรือจัดอีเวนต์เนี่ย...เดี๋ยวมานะครับพ่อ”

ประจวบมองลูกชายขำๆ แล้วหันหลังจะเดินไปอีกทาง แต่ต้องชะงักเมื่อเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมา

ooooooo

ดาหวันกับกานต์ไปซ้อมคิวกันเป็นการซ้อมที่ทำให้ทั้งคู่หวั่นไหว แต่ก็ยังไม่เท่าจิตราเลขาของกานต์ที่ดูแล้วเพ้อ เคลิ้มอยู่คนเดียว เมื่อซ้อมคิวเสร็จจะแยกกัน กานต์เรียกดาหวันไว้ชมว่า วันนี้เธอสวยเหมือนนางฟ้าเลย

กานต์ชวนดาหวันไปนั่งพักก่อนเพราะเดี๋ยวจะต้องยืนรับแขกอีกนาน ความอ่อนโยนใส่ใจของกานต์ทำให้ดาหวันอดปลื้มไม่ได้ แต่ก็ขอตัวไปซับหน้าก่อน
ระหว่างเดินไปห้องน้ำ ดาหวันเห็นโทรศัพท์มือถือตกอยู่ พอก้มหยิบรุจิกาก็เดินเข้ามาบอกว่าเป็นของตนทำหล่น ขณะไลน์คุยกับครองขวัญ ดาหวันฟังรู้ว่ารุจิกาเจตนาพาดพิงถึงครองขวัญเพื่ออะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่สนใจ รุจิกาทนไม่ไหวถามว่าไม่อยากรู้จริงๆ หรือว่าทำไมกานต์ถึงมาช้า

รุจิกาเป่าหูดาหวันว่าครองขวัญกับกานต์สนิทกันตั้งแต่เรียนอยู่เมืองนอก แล้วโยงถึงเรื่องที่กานต์มาสายเพราะมัวแต่ดูแลครองขวัญอยู่ ทำให้ดาหวันไม่พอใจที่กานต์โกหกตน พอแยกกับรุจิกา ดาหวันก็หลบมุมไปยืนพิงผนังอย่างผิดหวังน้อยใจพลันก็ถูกมือหนึ่งยื่นมาปิดปากและลากหายไป

กานต์ยืนรับแขกอยู่คนเดียว คมกริชมาแสดงความยินดีด้วยถามว่าแล้วดาหวันหายไปไหนทำไมถึงยืนอยู่คนเดียว กานต์บอกว่าไปซับหน้าแต่รู้สึกนานผิดปกติจึงฝากพ่อให้รับแขกแทนแล้วเลี่ยงไปเดินหาดาหวัน แต่ถูกน้องๆที่บริษัทมาขอถ่ายรูปคนแล้วคนเล่า กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ซ้ำยังเอารูปที่ถ่ายไว้มาให้ดูด้วย
ในรูปกานต์เห็นคล้ายอติเทพยืนอยู่มุมไกลๆ แต่พอขยายก็ชัดเจนว่าเป็นอติเทพ กานต์พึมพำว่าตนไม่ได้เชิญ สังหรณ์ใจขึ้นมา จึงเรียก รปภ.ให้ไปกับตน
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของกานต์อยู่ในสายตาของอรอุมาน้องสาวของอติเทพที่จับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว

ooooooo

อติเทพลากดาหวันเข้าไปในห้องเก็บของล็อกกุญแจบอกเธอว่าเรายังไม่ได้ทำความเข้าใจกันเลย อ้างว่าที่แล้วมาเธอฟังแต่คนอื่นยังไม่เคยฟังความจริงจากปากตนเลย รีบบอกว่า

“ผมไม่ได้ทำร้ายดานะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมรักดานะ”

“ถ้าเทพจะมางานวันนี้เพื่อยินดีกับดาในฐานะแขก ดาก็จะไม่ขัดข้องอะไร แต่เลิกยกเอาความรักของเรามาเป็นข้ออ้างเถอะ สิ่งที่เทพทำมันไม่ได้เป็นการให้เกียรติดาเลย” ดาหวันยกมือขอเขาอย่าพูดอะไรอีก อติเทพได้แต่มองเธออย่างเจ็บปวด

ระหว่างนั้นอรอุมารีบส่งไลน์เตือนอติเทพว่า “ดูเหมือนคุณกานต์รู้ตัวแล้ว รีบจัดการเสีย”

ระหว่างนั้นธวัชถือเครื่องดื่มเดินผ่านมา อรอุมาที่จ้องจะจับธวัชอยู่แล้วแกล้งสะดุดทำเครื่องดื่มหกรดเป้ากางเกงเขาและตัวเองก็หกรดตรงอกเสื้อพอดี ต่างฝ่ายต่างขอโทษกันแล้วพากันไปห้องน้ำ

กานต์ผ่านมาทางห้องเก็บของ ต่างหูเพชรของดาหวันหล่นที่พื้นส่องประกายเข้าตา เขามั่นใจว่าดาหวันต้องอยู่ในห้องนั้น เคาะประตูตะโกนเรียก “ดา...ดาหวัน คุณอยู่ในนั้นใช่ไหม” ดาหวันตะโกนออกไปว่า “คุณกานต์ ฉันอยู่ในนี้ค่ะ”

อติเทพรีบทำงานต่อ ขู่ดาหวันว่าเราเป็นของกัน และกันแล้ว เธอยังกล้าใส่ชุดเจ้าสาวบริสุทธิ์แบบนี้อีกหรือ เธอจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าบ่าวของเธอหรือเปล่า

กานต์ทนไม่ไหวบอก รปภ.ให้หาอะไรมางัดประตู ก็พอดีประตูเปิดออก กานต์รวบดาหวันไปถามว่าเธอปลอดภัยใช่ไหม ดาหวันพยักหน้ารับ กานต์หันไปถามอติเทพด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า

“คุณกล้าเข้ามาในงานนี้ได้ยังไง วันนั้นผมไม่ทันเอาเรื่องคุณเพราะห่วงดา แต่นี่คุณยังกล้าเข้ามาแล้วทำแบบนี้อีก ออกไปนะ รปภ.เชิญตัวผู้ชายคนนี้ออกไป”

อติเทพอ้างว่าตนแค่มาคุยกับดาหวันเท่านั้น ยียวนว่าคนรู้จักกันพูดคุยกันมันผิดด้วยหรือ กานต์โมโหชกเปรี้ยงที่หน้า อติเทพรู้ทันหลบพ้นแล้วเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ดาหวันบอก รปภ.ให้แยกพวกเขา พอ รปภ.แยกออกมาดาหวันรีบเข้ากั้นกลางขอร้องให้พอได้แล้ว

กานต์ประกาศว่านี่เป็นงานแต่งงานของตนและไม่ต้อนรับเขาไล่ให้อติเทพออกไปเสียถามว่าหรือจะให้ตำรวจมาเชิญตัวออกไป อติเทพท้าทายว่า จะจับข้อหาอะไร?

“ไอ้หน้าด้าน ก็ที่แกทำกับดาไง ที่แกจงใจปิดประตูขังดาไว้ ใช่ไหมดา เขาบังคับคุณ ใช้กำลังกับคุณใช่ไหม แค่นี้ผมก็เอาตำรวจลากคุณเข้าคุกได้แล้ว”

“เปล่า! เขาไม่ได้ทำอะไร เราแค่คุยกัน เขาไม่ได้บังคับฉัน” ดาหวันปกป้องอติเทพจนกานต์อึ้ง ดาหวันหันไปบอกอติเทพให้กลับไปเสีย ฝ่ายนั้นก็ทำเป็นเชื่อฟังว่า

ถ้าเป็นความต้องการของเธอก็ได้ แล้วมองกานต์กวนๆ ก่อนเดินออกไป ท่ามกลางความงุนงงของกานต์กับท่าทีของดาหวัน

อติเทพเดินหัวเสียออกมา เจอเพียงนภาเข้าพอดี เธอรี่เข้าไปถามว่าจะกลับแล้วหรือชวนอยู่ชิมเค้กแต่งงานกันก่อนข่าวว่าอร่อยมาก

เพียงนภาพยายามอ่อยอติเทพชวนให้คิดถึงความหลังโดยเฉพาะเหตุการณ์ในคืนนั้นที่เธอปลอมเป็นดาหวันไปนอนกับเขา อ้างว่าตนเป็นเมียเขาแล้วและก็มีพยานรับรู้มากมาย ชวนว่างานนี้คุณแม่มาด้วยเขาควรจะไปขอตนกับท่านเสียเลย

“กลับไปกินยาเสียนภา จะได้เลิกเพ้อเจ้อเสียที ถึงคุณจะลงทุนเป็นตัวแทนของดา ลงทุนประจานตัวเอง แต่คุณก็ไม่ได้อะไรหรอก เพราะผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น” อติเทพดูถูก ไม่ยี่หระ

ต่างโต้เถียงกันจนอติเทพตบเพียงนภาหน้าหันทรุดลงไปกอง เพียงนภาทั้งตกใจและกลัว อติเทพตามไปจิกหัว

“ฉันจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของฉัน อย่าเข้ามาแส่อีก จำเอาไว้” แล้วเงื้อมือจะตบอีก พลันก็ชะงักสะดุ้งตัวอ่อนทรุดลงไปกับพื้น ที่ข้างหลังเขา วีรอรถือเครื่องช็อตไฟฟ้าทั้งขู่ทั้งด่า

“ไอ้ทุเรศ ถ้าแกกล้าแตะต้องลูกสาวฉันอีก แกตายแน่ เข้ามาสิ!” พออติเทพประคองตัวออกไป วีรอรก็โยนเครื่องช็อตไฟฟ้าทิ้งโผถามเพียงนภา “เจ็บไหมลูก ไม่เป็นไรแล้วนะ แม่ไม่ให้ใครมาทำอะไรหนูได้อีกเด็ดขาด ไม่ต้องกลัวนะ”

ooooooo

อรอุมาเข้าห้องน้ำชำระคราบเครื่องดื่ม ดึงเสื้อด้านหน้าให้หย่อนลงมาโชว์เนินอก แล้วมาดูแลธวัช เธอพยายามยั่วยวนและจะช่วยทำความสะอาดบริเวณเป้ากางเกงที่เลอะเครื่องดื่มของเขา

ธวัชเกร็งกับการจับต้องของอรอุมา แต่สำนึกด้านดีเตือนสติตัวเองว่าไม่ควรทำอะไรผิด แม้อรอุมาให้สัญญาว่าจะไม่บอกใคร แต่เขาก็ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำแล้วหนีออกจากห้องน้ำไป

“บ้า ผู้ชายที่ไหนปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดมือ” อรอุมาด่าอย่างหงุดหงิดที่อ่อยธวัชไม่สำเร็จ

ธวัชออกมาเจอเจนจิราเธอมองเขาแปลกๆ เมื่อเห็นอรอุมาตามออกมาในสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เธอก็ยิ้มให้ทั้งสองทำนองรู้ทัน ธวัชจะชี้แจง อรอุมาก็ทำทีบอกว่าเจนจิราคงเข้าใจผิดตนสองคน แต่เจนจิราบอกว่าช่างเถอะแล้วเดินผ่านไป

เมื่อเข้ามาในงาน ธวัชเห็นเจนจิรายืนคุยอยู่กับแขก เขาอยากเข้าไปชี้แจงกับเธอแต่ก็ไม่กล้า

ฝ่ายกานต์กับดาหวันเดินกลับเข้ามาในงานอย่างหมางเมินใส่กัน ดาหวันนึกรังเกียจตัวเองตามที่ถูกอติเทพตอกย้ำเมื่อครู่ว่าเธอไม่สมควรใส่ชุดเจ้าสาวที่บริสุทธิ์เพราะเธอเป็นของเขาแล้ว ทำให้เธอพยายามห่างเหินกานต์ แต่กานต์กลับคิดว่าพอเธอได้เจออติเทพได้ทบทวนความหลังกันจึงหมางเมินกับตน

“ฉันรู้ว่าฉันทำอะไร อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยโกหก เหมือนคนบางคน”

กานต์งงว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ไม่ทันถาม ออร์กาไนซ์ก็มาตามตัวบอกว่า งานเริ่มแล้ว

งานดำเนินไปอย่างขลุกขลักเมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างปั้นปึ่งใส่กัน กานต์รู้ตัวว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะบอกดาหวันให้ยิ้มหวานๆ ขอให้คิดเสียว่าตนเป็นอติเทพก็แล้วกัน ถูกดาหวันประชดว่าได้ ขอให้เขาคิดเหมือนกันว่าตนเป็นครองขวัญก็แล้วกัน

ooooooo

ที่มุมแชมเปญกลางงาน ดาหวันกับกานต์ยืนรออยู่ เมื่อจุกขวดแชมเปญเปิดออก ดาหวันกับกานต์รินแชมเปญจากแก้วที่อยู่ด้านบนไหลลงแก้วด้านล่าง ขณะนั้นดาหวันเหลือบเห็นเหมือนอติเทพยืนยิ้มขยับปากพูดอยู่ไกลๆว่า “สัญญา”

ทำให้ดาหวันคิดถึงที่อติเทพพูดที่ห้องเก็บของว่า

“ดา...วันนี้ผมไม่ได้อยากทำงานแต่งงานดาล่มนะ ผมแค่อยากมาย้ำสัญญาของเราเท่านั้น ผมยอมให้คุณแต่งงานก็เพื่อพินัยกรรมสมบูรณ์ แต่ยังไงคุณก็ยังเป็นของผม ผมจะรอวันที่คุณหย่า แล้วเราก็จะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง หึๆๆ”

คำพูดนี้ทำให้ดาหวันระแวงจนเกิดภาพหลอนว่า แขกในงานต่างมองเธออย่างเหยียดหยาม ประณาม ดูถูก จนปวดหัวขึ้นมา ยืนโงนเงน มือปัดแก้วตกแตกกระจาย แขกในงานตกใจร้องกรี๊ด ดาหวันเองก็ตกใจ กานต์ถามว่าเป็นอะไร แต่ดาหวันไม่ทันได้พูดอะไรก็หมดสติในอ้อมแขนของกานต์แล้ว

รุ่งขึ้นดาหวันตื่นขึ้นมามองไปรอบๆ ไม่คุ้นกับห้องที่นอน เธอร้องเรียกนมมาลัยก็ไม่มีเสียงตอบรับ แต่มีเสียงของหล่น เธอตกใจคว้าของใกล้มือเป็นอาวุธ ค่อยๆ เดินไปผลักประตูห้องน้ำ แล้วเธอก็ต้องผงะเมื่อเห็นกานต์นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวอยู่ในห้องน้ำ กานต์ถามว่าตื่นแล้วหรือ

“คุณ? คือ... ฉันไม่คิดว่าจะเป็นคุณน่ะ” ดาหวันเห็นเขานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวก็เขินไม่กล้ามอง ก้มมองตัวเองอยู่ในชุดนอนก็รีบขยับให้กระชับเรียบร้อย

กานต์บอกว่าที่นี่คือเรือนหอของเรา แต่เมื่อคืนเธอนอนหลับยาว ดาหวันขอโทษเรื่องเมื่อวาน แล้วจะออกไป กานต์ไม่ยอมให้ไปไหน อ้างว่าเราแต่งงานกันแล้ว เธอควรจะเรียนรู้หน้าที่ของภรรยา แล้วสอนให้เธอโกนหนวดให้ เธอไม่ยอมทำก็ถูกกานต์เคี่ยวเข็ญเลยยื้อยุดจนกลายเป็นหยอกล้อกัน

บรรยากาศกำลังจะดี สมรเมียของสมก็มาเคาะประตูห้องบอกดาหวันว่า มีแขกมาขอพบทั้งสองเลยผละจากกันเขินๆ

ooooooo

แขกที่มาคือ มารตี เพื่อนเก่าเจ้าของบลูคลับที่ดาหวันไปเที่ยวประจำนั่นเอง มารตีเอาของขวัญวันแต่งงานมาให้ แสดงความยินดีที่เธอแต่งงานกับกานต์

มารตีเล่าว่าจะไปงานแต่งคืนนั้นแต่ธนายงปวดท้องกะทันหันทำท่าจะแย่จึงต้องพาไปส่งโรงพยาบาล ดาหวันตกใจถามว่าหนักขนาดนั้นเลยหรือ มารตีถามว่ากานต์ไม่ได้เล่าให้ฟังหรือ เพราะคืนนั้นเจอกานต์ที่ไปเฝ้าครองขวัญนึกว่าเขาเล่าให้ฟังแล้ว ดาหวันได้รับการยืนยันจากมารตีว่ากานต์อยู่กับครองขวัญจริงๆ เธออึ้งไปจนมารตีถามว่าตนพูดอะไรผิดหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรผิด แต่มันช่วยให้ฉันแน่ใจขึ้นเท่านั้น” แล้วตัดสินใจถาม “มารตี เรื่องวันก่อนที่ฉันให้เธอช่วยถามทนายเกี่ยวกับคำสั่งในพินัยกรรมของฉัน เธอถามให้แล้วหรือยัง”

มารตีพยักหน้ารับแทนคำตอบ

ooooooo

ครองขวัญกลับบ้านแล้ว เธอนั่งเอนกินผลไม้หัวเราะชอบใจขณะนั่งคุยกับรุจิกา

“ฮ่ะๆๆ ขวัญอุตส่าห์ลงทุนทำทุกทางเพื่อไม่ให้เกิดงาน แต่คนที่ทำงานแต่งงานพังก็คือยายดาหวันเอง ฮ่ะๆๆ”

รุจิกาหัวเราะผสมโรงบ่นเสียดายที่ตอนนั้นถ่ายคลิปเอาไว้ไม่ทัน นทีพี่ชายครองขวัญติติงน้องสาวว่า

“เห็นไหมสิ่งที่ขวัญพยายามทำเพื่อยื้อคุณกานต์ไม่มีประโยชน์ แถมยังอันตรายมาก เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”

“แค่กินยาเกินขนาดนิดๆหน่อยๆ ไม่กี่เม็ด ไม่ถึงตายหรอกค่ะพี่นที น้องขวัญเขาศึกษามาแล้ว” รุจิกาแก้ต่างให้ เลยถูกนทีตำหนิว่า แทนที่จะช่วยกันห้าม กลับส่งเสริมให้ทำอะไรแบบนี้ รุจิกาเลยจ๋อยไป นทีเตือนครองขวัญว่า

“ขวัญก็เหมือนกัน คราวนี้คุณกานต์แต่งงานไปแล้ว ก็เลิกยุ่งกับเขาสองคนเสียทีเถอะ ถึงงานแต่งงานจะจบไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนี้ทุกคนในสังคมก็รับรู้แล้วว่าเขาเป็นสามีภรรยากัน”

“ไม่!” ครองขวัญแผดเสียง “ขวัญไม่ยอมรับ ขวัญตั้งใจแล้วว่าขวัญจะไม่ยอมเสียกานต์ไปอีก ขวัญจะไม่ยอม พลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีก พี่นทีก็รู้นี่ พี่นทีห้ามขวัญแบบนี้ พี่นทีไม่รักขวัญ ไม่อยากดูแลขวัญเหมือนที่รับปากกับพ่อแม่ไว้ใช่ไหม งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับขวัญอีก”

ครองขวัญยกมืออาละวาดทำให้เลือดไหลย้อนไปในสายน้ำเกลือ นทีต้องบอกให้อยู่เฉยๆ เลือดมันจะไหลย้อน ครองขวัญเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญว่าพี่ชายไม่รักตนไม่ต้องมายุ่งกับตนปล่อยให้ตนตายไปเลย

“อย่าขวัญ อย่าทำแบบนี้อีก พี่ไม่ว่าขวัญแล้ว ขวัญจะทำอะไรก็ตามใจ” นทีกอดน้องไว้ ครองขวัญแอบยิ้มสมใจที่ใช้วิธีนี้กับนทีทีไรได้ผลทุกที

ooooooo

ดาหวันลงมาถามสมว่ามีรถคันไหนจะให้ตนใช้ได้บ้างไหม สมบอกว่ามีแล้วจะไปหยิบกุญแจให้ กานต์มาถามว่าเธอจะไปไหนเดี๋ยวตนไปส่งเพราะเธอเป็นภรรยาตนแล้ว และพ่อสอนว่าเมื่อมีภรรยาแล้วก็ต้องเอาใจภรรยา

กานต์ให้ดาหวันขึ้นรถใส่เบลให้เสร็จก็โบกมือหย็อยๆ ให้ประจวบที่วิ่งออกกำลังกายอยู่ที่สนามใกล้ๆนั้น กานต์สั่งให้สมเปิดประตูรถตนจะพาเมียนั่งรถเล่น สมแอบหัวเราะคิกคักในขณะที่ดาหวันนั่งหน้าตึง

เวลาเดียวกัน พรรณีอยู่กับบรรดานายหน้าที่เอาเงินตอบแทนการลงทุนหุ้นน้ำมันมาให้ที่ร้านอาหาร เมื่อรับเงิน ค่าตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนในหนึ่งสัปดาห์แล้ว พรรณีก็เอาไปช็อปปิ้งซื้อของกลับมาฝากรุจิกามากมาย

รุจิกาถามว่าคุณแม่ไปรวยอะไรมาหรือ พรรณีบอกว่าได้เงินค่าขนมจากหุ้นน้ำมันนิดหน่อย พอธวัชได้ยินก็ติงแม่ว่า เป็นพวกแชร์น้ำมันที่เป็นข่าวกันหรือเปล่า แม่ต้องระวังเพราะมีพวกมิจฉาชีพเยอะ

พรรณีมั่นใจว่าพวกที่ลงทุนล้วนเป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น ตนจะร่วมหุ้นกับเพื่อนซื้อสักบ่อก็แค่คนละ 10 ล้าน แค่นี้เราก็จะมีกินสบายๆไปตลอดไม่ต้องมาแบมือขอรับเงินเดือนกระจ้อยร่อยอยู่แบบนี้ ธวัชถามว่าแม่จะเอาเงิน 10 ล้านจากไหน

“เราไม่มี แต่เงินออฟฟิศออกเยอะแยะ แม่ไม่อยากพูดซ้ำซากหรอกนะ แต่แกก็รู้นี่ว่าต้องทำยังไงหรือแกจะรอให้นังดามันแบ่งสมบัติล่ะ”

ทั้งรุจิกาและพรรณีต่างพากันแช่งให้ดาหวันตายเร็วๆ จะได้เปิดพินัยกรรมแบ่งสมบัติกันให้เสร็จๆ ธวัชติงแม่กับน้องให้พูดกันเบาๆหน่อยเดี๋ยวใครมาได้ยินจะเข้าหูดาหวัน พรรณีบอกว่านี่เป็นบ้านตน ตนไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น

พอดีคนใช้เข้ามาบอกพรรณีว่า ดาหวันให้มาเชิญไปที่บ้านใหญ่ พรรณีอดตกใจไม่ได้ที่พอพูดถึง ดาหวันก็มา

ดาหวันเอากระเช้าผลไม้มาไหว้อาทั้งสอง ปรารภกับวีรอรว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ วีรอรรีบแย้งทันทีว่าแต่งงานแล้วก็ควรอยู่บ้านสามี ส่วนที่นี่อย่างไรเสียก็เป็นบ้านของเธออยู่วันยังค่ำคิดถึงเมื่อไรก็แวะมาได้ กานต์สนับสนุนทันที วีรอรหัวเราะอย่างเอ็นดู ถามว่า

“เมื่อวานเห็นสร้อยมรกตที่คอพี่พรรณี รู้สึกคุ้นๆ อยู่เหมือนของแม่หนูนะ อาเคยเห็นแม่หนูใส่อยู่”

ดาหวันบอกว่าใช่เป็นสร้อยของแม่ที่อยู่ในเซฟ พรรณีกับรุจิกามาถึงได้ยินพอดี พรรณีเหน็บวีรอรว่าสนใจสร้อยเส้นนั้นเป็นพิเศษเลยนะ ข้องใจอะไรหรือ ในเมื่อดาหวันอยากให้ตนใส่

วีรอรดักคอว่าเมื่อใส่เสร็จงานแล้วก็รีบเอามาคืนดาหวันเสียจะได้เอาไปเก็บเข้าเซฟธนาคาร

“ค่ะ ดาก็คิดแบบนั้น” ดาหวันได้จังหวะเอ่ยขึ้น ถามแกมทวงว่า “แล้วสร้อยล่ะคะ”

พรรณีบอกว่าลืมหยิบมาคืน ถูกเพียงนภาดักคอว่าลืมไม่ได้หยิบมาหรือจงใจลืมตลอดไปกันแน่ รุจิกาออกโรงปรามเพียงนภาแทนแม่ว่าพูดอย่างนี้จะให้ดาหวันคิดใช่ไหมว่าแม่ตนจะฮุบสร้อยนั้นไว้เอง

เพียงนภากับรุจิกาโต้เถียงกัน พรรณีช่วยรุจิกาเถียงกับเพียงนภา พอถูกเพียงนภาจี้ใจดำว่าถ้าทั้งสองไม่มีเจตนาจะฮุบสร้อยเส้นนั้นก็ไม่เห็นต้องออกตัวอะไร พรรณีหาว่าเพียงนภาไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ด่าว่าวีรอรไม่สั่งสอนลูกตนจะสั่งสอนให้เอง เลยกลายเป็นวีรอรออกมาปกป้องลูกมีปากเสียงกับพรรณีแทน ทำท่าจะลงมือกันจนกานต์ต้องออกไปกั้นกลางขอร้องให้พอเถอะ ดาหวันก็ขอร้องอย่าทะเลาะกันเองเลย

พรรณีฉวยโอกาสที่มีเรื่องกันพารุจิกากลับ ถูกเพียงนภาถามตามหลังว่า

“หาเรื่องโกรธกลับไป แล้วสร้อยล่ะเมื่อไหร่จะคืน”

ดาหวันเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน กานต์ได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเธอ

พรรณีกลับถึงบ้านก็รีบเปิดลิ้นชักดูสร้อยมรกตที่ซ่อนไว้ รุจิกาถามว่าแม่จะเอาไปคืนดาหวันจริงๆหรือ พรรณีถามว่าจะคืนทำไมเก็บไว้เผื่อดาหวันลืมจะได้ฮุบเสียเลย รุจิกากลัวเปิดพินัยกรรมแล้วจะถูกไล่ออกจากบ้าน ยุแม่ว่าต้องรีบโกยเสีย ไม่อย่างนั้นเราแย่แน่ มองสร้อยแล้วตีราคาว่าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามสี่ล้าน

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย 10 ล้าน ที่จะเอามาลงทุนมันเป็นส่วนที่พี่แกต้องเอามา ส่วนสร้อยนี่จะขายทำไม เก็บเอาไว้ใส่สิ มันเป็นหน้าตาของเราในสังคม” ว่าแล้วพรรณีก็เอาสร้อยเข้าเซฟ หมุนเปิดเซฟไม่ทันสังเกตว่ารุจิกาแอบดูอยู่ตาไม่กะพริบ

ooooooo

นมมาลัยเตรียมเก็บของที่ใช้ชินมือไปอยู่กับดาหวันที่บ้านกานต์ พอลงมาที่รถนึกได้ว่าลืมกระเป๋าของดาหวันจึงขึ้นไปเอา เห็นกระเป๋าไปซุกอยู่ที่มุมหนึ่ง พอเดินไปเอาก็เหยียบน้ำมันที่ราดพื้นลื่นหกล้ม

ดาหวันเห็นนมมาลัยไปนานผิดปกติจึงให้เด็กไปตาม ครู่เดียวเด็กวิ่งมาบอกว่านมมาลัยหกล้มอยู่ข้างบน ดาหวันรีบขึ้นไปดูเห็นนมมาลัยกำลังพยายามลุกขึ้นแต่ลุกไม่ขึ้น กานต์บอกว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนตัวเผื่อมีอะไรหักเราจะเคลื่อนย้ายผิดวิธีจึงโทร.เรียกศูนย์นเรนทรมารับไป

ปรากฏว่านมมาลัยแค่ขาแพลงอักเสบนิดหน่อยไม่ถึงกับหัก นมจึงขออยู่ที่นี่ไปก่อนเพราะคุ้นชินกับสถานที่ ดาหวันจะอยู่เป็นเพื่อน นมมาลัยไม่เห็นด้วย วีรอรบอกดาหวันว่าตนจะช่วยดูแลนมมาลัยอีกแรง ดาหวันจึงยอมกลับไปกับกานต์

วันนี้ขณะวีรอรกับเพียงนภาไปช็อปปิ้งในห้าง เพียงนภาบ่นแม่ว่าไปรับดูแลคนแก่ขาหักทำไม แม่ควรจะทุ่มเทดูแลตนมากกว่าเพราะตนเป็นลูกของแม่ วีรอรดุเพียงนภาว่าหยุดส่งเสียงดังได้แล้วเพราะนี่ไม่ใช่บ้านเรา และเลิกทำตัวขี้อิจฉา ที่อิจฉาแม้แต่นมมาลัยเสียที บอกเพียงนภาว่า

“แม่รักหนูคนเดียว แต่หัดคิดเสียบ้าง” แล้วลด เสียงลงแต่น้ำเสียงจริงจังขึ้น “ถ้าดาหวันไม่กลับมาที่บ้านอีก แล้วจะจัดการมันยังไง” เพียงนภาตาโตถามว่าหมายความว่ายังไง วีรอรก็ทำเสียงอ่อนลงว่า “ก็แม่หมายถึงเราจะ ทำคะแนนให้ดาหวันสงสารพวกเราได้ยังไง เราสู้พวกพรรณีไม่ไหวหรอกนะ”

เพียงนภายักไหล่ว่าไม่เห็นต้องแคร์ วีรอรย้ำเตือนว่านี่ก็ใกล้เวลาเปิดพินัยกรรมแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าดาหวันจะตัดสินใจอย่างไร เราต้องทำให้ดาหวันเห็นความดีของเราที่มีต่อนมมาลัยเพราะยังไงเราก็ไม่มีที่ไป

“ไหนแม่บอกลุงทวีเคยบอกจะยกสมบัติส่วนหนึ่งให้แม่ไง”

“พี่ทวีเคยสัญญากับแม่ เขาบอกว่าจะดูแลน้องสาวคนนี้ไปตลอด เราสองแม่ลูกไม่ใช่กาฝาก เราก็เป็นนันทิพัฒน์เหมือนดาหวัน เพราะฉะนั้นเรามีสิทธิ์ในสมบัติทุกอย่างได้ตามกฎหมายเหมือนกัน”

แต่เพียงนภาไม่ได้สนใจฟังเธอผละไปแล้ว พอวีรอรไม่เห็นเพียงนภาก็รีบตามหา

ooooooo

ที่แท้เพียงนภาเห็นหลังอติเทพเดินกับหญิงสาวในห้าง เธอรีบตามไปพอเห็นชัดๆ เธอก็ตะโกนเรียกเขาไม่สนใจว่าใครจะมอง คมกริชยืนซื้อกาแฟอยู่ก็หันไปดูด้วย


-------------ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น