วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 16 (ตอนจบ)


ที่บ้านเรือนไทย บรรยากาศฟุ้งๆเหมือนอยู่ในความฝัน...เตชินนั่งอยู่ที่ระเบียงท่าทางสบายๆ หน้าตามีความสุข พอเขาหันไปเห็นริลณีเดินหน้าเครียดเข้ามา ก็รีบลุกไปหาด้วยความดีใจ ถามว่าไปไหนมาตนมารออยู่ตั้งนาน

“กลับไปค่ะเตชิน คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้” ริลณีเสียงเครียด เตชินถามว่าทำไม ก็ที่นี่เป็นบ้านของเรา “คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณอยู่ คุณต้องตาย”

เตชินแปลกใจ ไม่เข้าใจ จนกระทั่งริลณีมองที่ลำตัวเขา เตชินก้มมองจึงเห็นแผลที่ถูกเอกราชยิงที่กลางลำตัวเลือดไหลไม่หยุด เขาถามริลณีงงๆว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผม...” ถามแล้วทรุดลงกับพื้นเพราะเสียเลือดมาก ริลณีเอาฝ่ามือปิดแผลห้ามเลือดให้เขา ปลอบใจ ว่าไม่ต้องกลัว ตนจะไม่มีวันให้เขาเป็นอะไรเด็ดขาด

ที่แท้เตชินหมดสติอยู่ในรถพยาบาล พยาบาลแปลกใจที่อยู่ๆเลือดที่แผลเขาก็หยุดไหล ชมพูที่นั่งอยู่ในรถพยาบาลด้วยมองหน้าพยาบาลถามอย่างตื่นเต้นว่า “พี่เตชินจะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ” พลันทุกคนก็ตกใจเมื่อพยาบาลร้องอย่างตกใจว่า

“คนไข้หัวใจหยุดเต้น!!” พยาบาลรีบใช้มือช่วยปั๊มหัวใจ ชมพูร้องเรียกเตชินอย่างตกใจสุดขีด

ในอีกมิติหนึ่ง...ริลณีเห็นเตชินกลับมา เธอถามว่า ทำไม เขาบอกว่า “ถ้าผมตาย ผมจะได้มาอยู่กับรินที่นี่ไง” ริลณีบอกว่าตนไม่ต้องการอย่างนั้น มันยังไม่ถึงเวลาของเขา แต่เตชินจะตายให้ได้ บอกเธอว่า “เวลาที่เหลือ ของผมคงไม่มีความหมาย ถ้าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว”

ริลณีพยายามช่วยไม่ให้เขาตาย แต่เตชินจะตายให้ได้ ทั้งสองยื้อยุดชีวิตกัน ท่ามกลางความวุ่นวายของแพทย์ พยาบาลที่ช่วยกันปั๊มหัวใจเตชินกันในห้องและชมพูที่ยืนร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความเป็นห่วงเตชินอยู่หน้าห้อง โดยมีเอทีเอ็มกอดปลอบ

ระหว่างนั้นพยาบาลแจ้งว่าเตชินเสียเลือดมากและเลือดในคลังตอนนี้ก็ไม่พอ ชมพูผละจากเอทีเอ็มวิ่งเข้าไปบอกพยาบาลว่าให้เอาเลือดของตนเพราะเลือดกรุ๊ปเดียวกัน พยาบาลจึงพาชมพูออกไป

ชัช เฟื่องฟ้า และเอทีเอ็ม มองอึ้งกับความเด็ดเดี่ยวของชมพูที่ยอมเสียสละทุกสิ่งอย่างของตัวเองเพื่อเตชิน

เตชินกับริลณียังยื้อยุดกันอยู่ที่ระเบียงบ้านเรือนไทย เตชินไม่ยอมให้ริลณีทำผิดซ้ำอีกและจะตามไปอยู่ด้วยกันให้ได้

“ไม่ค่ะ ถึงคุณจะตาย เราก็ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน รินทำบาปทำกรรมไว้มาก ไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิดที่ไหน เพราะฉะนั้นคุณต้องกลับไปใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข แทนรินด้วย...คุณช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว กลับไปได้แล้วค่ะ เตชิน”

“ไม่!! ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับคุณ”

“คุณ ต้อง กลับ ไป !!!” ริลณีโกรธ ตวาดแววตา ดุร้ายเอาเรื่องแล้วผลักเตชินหงายหลังตกระเบียงไป!!

ooooooo

ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล เตชินนอนไม่ได้สติอยู่หลายวัน ริลณีมายืนที่ปลายเตียงบอกว่า เขาปลอดภัยแล้วและตนก็ต้องไปแล้ว เตชินถามว่าเธอจะไปไหน ริลณีไม่ทันตอบ ชมพู ชัช เอทีเอ็มและเฟื่องฟ้าก็ผลักประตูเข้ามา

“พี่เตชินฟื้นแล้ว” ชมพูโผไปที่เตียงร้องไห้ด้วยความดีใจ เตชินถามว่าร้องไห้ทำไม “ก็พี่เตชินนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ตั้งหลายวันแล้วนี่คะ ชมพูดีใจมากนะคะ ที่พี่เตชินไม่เป็นอะไร ตอนที่เห็นพี่เตชินถูกยิง ชมพูคิดว่าพี่เตชินจะ...”

ริลณีพุ่งเข้ามายื่นหน้าจ้องชมพูเขม็ง เตชินชะงัก บอกชมพูว่า

“ถ้า..ถ้าไม่มีใครพาพี่กลับมา พี่คงตายไปแล้ว”

เอทีเอ็มบอกว่ายังตายไม่ได้ เขาต้องลากคอสองคนที่เหลือมาลงโทษให้ได้ก่อน เตชินมองทุกคนงงๆ เอทีเอ็มเล่าว่า

“ตอนที่ตำรวจไปถึง พบศพปริมลดากับศพหมอผีที่ชื่ออาจารย์ดำที่ถูกฆ่าแล้วเอาศพมาฝังไว้กับขวดขังวิญญาณริลณี พวกเรามั่นใจว่าเอกราช ประวิทย์ ปริมลดา ต้องเป็นคนฆ่าหมอผีนั่นแน่ๆ” เตชินถามว่าแล้วเอกราชกับตุลเทพล่ะ เฟื่องฟ้าบอกว่าหนีไปแล้ว ชัชบอกว่ายังไง ตำรวจก็ต้องตามจับให้ได้ แค่ที่พวกมันยิงเขาและไล่ฆ่าพวกตนก็ติดคุกหัวโตแล้ว

“ไม่ต้องห่วงนะคะเตชิน รินจะแก้แค้นให้คุณเอง ใครที่ทำให้คุณต้องเจ็บ คนนั้นต้องตาย” ริลณีบอกแล้วหายตัวไป

“ริน!!” เตชินตะโกนเรียกจะลุกตามไปแต่เจ็บแผลจนร้อง ชมพูบอกว่ายังลุกไม่ได้ เตชินยังพร่ำบอกว่า “รินจะไปฆ่าพวกนั้น พวกเราต้องรีบไปห้ามอย่าให้รินทำบาปเพิ่มขึ้นอีก”

เฟื่องฟ้าตกใจถามว่าริลณีอยู่แถวนี้หรือ ชัชบอกว่าเตชินเจ็บขนาดนี้จะเอาแรงที่ไหนไปช่วย เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เตชินยังดิ้นรนที่จะลุกไป ชัชพูดจริงจังว่า

“ฟังนะไอ้เต! ไม่ว่าแกหรือฉันหรือใครหน้าไหนก็ห้ามรินไม่ได้หรอก ยิ่งพวกมันทำกับแกหนักขนาดนี้ รินไม่มีวันหยุดแน่!!”

ooooooo

และเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ชัชพูด ขณะที่เอกราชกับตุลเทพกำลังเตรียมหนีกันอยู่นั้น ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเมื่อเอกราชหาว่าตุลเทพจะหนีเอาตัวรอด

เอกราชบอกว่าถึงเขาหนีรอดจากตำรวจก็ไม่รอดเงื้อมมือริลณีไปได้ เพราะริลณีต้องตามมาแก้แค้นแน่และตอนนี้เราก็ไม่มีอะไรป้องกันตัวอีกแล้วด้วย ตุลเทพบอกว่าตนมีเครื่องรางของขลังในห้องนี้

พริบตานั้น ริลณีปรากฏร่างจ้องทั้งสองอย่างเคียดแค้น บอกด้วยเสียงน่ากลัวว่า

“ไม่มีเครื่องรางของขลังไหนคุ้มครองคนเลวๆ อย่างพวกแกได้หรอก” สิ้นเสียงริลณี เครื่องรางของขลังในห้องตุลเทพก็มอดไหม้เป็นจุณ! ทั้งสองจะวิ่งหนี ริลณีพุ่งไปขวาง “ฉันพยายามอภัยให้พวกแกทุกคนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีใครสำนึก กลับทำร้ายฉันกับคนที่ฉันรักครั้งแล้วครั้งเล่า มันถึงเวลาที่เวรจองเวร เลือดต้องล้างด้วยเลือด ชีวิตต้องไถ่ด้วยชีวิตแล้ว”

ริลณีสนุกกับความกลัวตายของเอกราชและตุลเทพ ในยามนี้ทั้งสองไม่มีคำว่าเพื่อนเหลืออยู่ ต่างโยน ความผิดให้กันเพื่อเอาตัวรอด ริลณีตัดสินว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้ฆ่ากันเองก็แล้วกัน เธอสะกดให้ทั้งคู่ที่ถือมีดแหลมคนละเล่มจ้องแทงใส่กัน ริลณีสะใจสมเพชเมื่อเห็นทั้งสองกลัวตายจนน้ำตาร่วง

“ฉันจะให้แกสองคนค่อยๆตายช้าๆ จะได้ซึมซับ ความเจ็บปวดและทรมานก่อนตายให้มากที่สุด” ริลณี จ้องไปที่มือของทั้งคู่บังคับให้ใช้ปลายมีดกรีดไปในเนื้อ ของอีกฝ่ายและกดลึกลงไป...ลึกลงไป!

เตชินที่อยู่โรงพยาบาลลุกพรวดเมื่อรับรู้ว่าริลณีกำลังทำอะไร บอกชมพูที่เฝ้าอยู่ว่าตนจะไปห้ามริลณี ตนจะไม่ยอมให้เธอทำบาปเพิ่มอีก ชมพูพยายามห้ามแต่เตชินจ้องหน้าเธอบอกว่า “แต่พี่ต้องช่วยริน...”

ขณะที่เอกราชกับตุลเทพต่างโวยวายที่ถูกอีกฝ่ายแทงนั้น ริลณีจ้องไปที่มีดบังคับให้กดลึกลงไปอีกแต่ทำไม่ได้แล้ว! เธอแปลกใจ พลันก็ได้ยินเสียงเตชินแว่วมา...

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดช่วยหยุดริลณีหากว่าเขากำลังคิดจะฆ่าใคร ขอให้เขาได้รับรู้ว่า การฆ่าคนเป็นบาป ยิ่งเป็นการก่อเวรก่อกรรมต่อกันไม่มีวันจบสิ้นและไม่มีวันทำให้เขาพ้นทุกข์ที่กำลังเป็นอยู่ได้”

ริลณีจ้องแสงสีทองที่มาขวางคมมีดด้วยความโกรธ แล้วเธอก็หายตัวไปจากตรงนั้น พอเอกราชกับตุลเทพเห็นริลณีหายไปแล้วก็พากันวิ่งหนีออกจากห้อง

ooooooo

ขณะเตชินกำลังไหว้พระอยู่ที่หน้าหิ้งพระเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลนั้น ริลณีเข้ามามองเขาพูดด้วยความโกรธจัด

“พวกมันทำร้ายคุณ ทำร้ายรินขนาดนี้แล้ว คุณจะช่วยพวกมันอีกทำไม!!...รินกำลังจะฆ่ามันได้อยู่แล้ว”

“หยุดเถอะนะริน อย่าฆ่าใครอีกเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ กับผม มันอาจจะเป็นเพราะพวกเราสองคนเคยทำอะไรร้ายแรงกับพวกเขาในอดีตหลายๆชาติ หลายๆภพ พวกเขาถึงได้ตามมาทำร้ายพวกเราอย่างนี้ ถ้าไม่มีใครหยุดการจองเวรซึ่งกันและกัน ก็คงไม่มีวันหยุดบ่วงกรรมนี้ได้หรอก”

“คุณจะขอให้รินหยุด ทั้งๆที่รินเป็นฝ่ายโดนทำร้ายมาตลอด ทั้งตอนที่มีชีวิตและที่ตายไปแล้วเหรอคะ มันไม่ยุติธรรมกับริน มันไม่ยุติธรรมจริงๆ” เตชินถามว่าแล้วการฆ่าพวกเขามันยุติธรรมแล้วหรือ “ใครทำอะไรเอาไว้ก็ต้องได้รับผลที่ทำไม่ใช่เหรอคะ”

“แล้วรินจะได้อะไร ในเมื่อรินยิ่งทำก็ยิ่งมีบาปติดตัวไม่จบไม่สิ้น ผมไม่อยากให้รินตกนรกไม่อยากให้รินทรมานกับบาปกรรมที่รินต้องชดใช้ไม่มีวันหมดสิ้น”

“ไม่มีอะไรทรมานกว่าความแค้นที่รินมีอยู่ตอนนี้หรอกค่ะ สำหรับริน ความแค้นก็ทำให้รินเหมือนอยู่ในนรกทุกวันอยู่แล้ว ถึงจะไปอยู่ในนรกจริงๆ มันก็คงไม่แตกต่างอะไร คุณอย่าขวางรินอีกเลยค่ะ ถ้าคุณรักริน ขอให้รินได้แก้แค้น มันเป็นวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยรินจากความทรมาน”

“ไม่...ริน... ผมปล่อยให้คุณไปทำผิดไม่ได้”

“คุณห้ามรินไม่ได้หรอกค่ะเตชิน ยังไงพวกมันสองคนก็ต้องตาย!!” ริลณีมองเตชินอย่างน่ากลัว เต็มไปด้วยความแค้นอย่างไม่มีใครจะหยุดเธอได้ แล้วเธอก็หายตัวไป

เตชินพยายามตะโกนเรียก อ้อนวอน แต่ในที่สุดเขาก็ทรุดลงอย่างสิ้นหวัง

ooooooo

ตุลเทพกับเอกราชขับรถหนีตายกันอย่างไร้เป้าหมาย ทั้งคู่ทะเลาะกันมาตลอดทางว่าจะหนีไปไหนใครจะช่วยพวกตนได้ ตุลเทพคิดได้ว่าผีต้องกลัวพระ จึงเลี้ยวรถเข้าวัดที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนที่ริลณีจะตามมาทัน

ทั้งสองเลี้ยวรถเข้าไปในวัดที่หลวงตาคงกำลังนั่งทำสมาธิอยู่พอดี! ท่านลืมตามองทั้งสองที่เดินเข้ามาถามด้วยความเมตตา “หนีร้อนมาพึ่งเย็นเหรอโยม”

เอกราชกับตุลเทพเข้าไปไหว้หลวงพ่อขอนอนในโบสถ์สักวันสองวันได้ไหม หลวงพ่อถามว่าหนีอะไรมา ตุลเทพบอกว่าหนีผี มีผีพยายามจะฆ่าพวกตน หลวงพ่อถามว่าไปทำเวรทำกรรมอะไรกับเขามาเขาถึงได้แค้นขนาดนั้น

“หลวงพ่อจะถามมากทำไมเนี่ย” เอกราชเหวี่ยงใส่ ตุลเทพหันปรามเอกราชก่อนตอบหลวงพ่ออย่างใจเย็นว่าพวกตนก็ไม่รู้

“ถ้าโยมไม่รู้ก็คงช่วยได้ยาก แต่ถ้ารู้อาตมาก็อยากให้โยมขอโทษในสิ่งที่โยมทำกับเขา บางทีความโกรธที่เขามีอาจจะเบาลงมาบ้างก็ได้”

“จะให้ขอโทษนังผีบ้านั่น ไม่มีทางหรอก หลวงพ่อจะให้อยู่ที่นี่หรือไม่ให้อยู่ก็บอกมาเร็วๆเถอะ พูดมากเสียเวลา” เอกราชโมโห หลวงพ่อบอกว่าท่านไม่มีปัญหาอยู่แล้ว วัดนี้เป็นของทุกคน บอกทั้งสองว่าขอให้พักผ่อนให้สบาย อยู่ในที่แบบนี้จิตใจที่ร้อนรุ่มอาจจะเย็นลงได้บ้าง หลวงพ่อยิ้มให้อย่างเมตตาแล้วเดินออกไป เอกราชฟังแล้วโวยไล่หลังไปอย่างไร้ทั้งหิริโอตตัปปะและสัมมาคารวะว่า “เย็นลงงั้นเหรอ ลองมาโดนผีไล่ฆ่าดูบ้างสิ จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”

เมื่อหลวงพ่อออกจากโบสถ์ก็เห็นริลณียืนรออยู่ ท่านถามว่า “ดับความโกรธแค้นไม่ได้เหรอโยมริลณี!!”

ริลณีก้มกราบเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่าพวกมันฆ่าตน ถึงเวลาที่มันต้องชดใช้กรรมแล้ว หลวงพ่อติงว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ริลณีสวนทันทีว่า “ดิฉันขอรับกรรมที่ก่อ ขอแค่ได้แก้แค้นพวกมัน” หลวงพ่อถามว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจโยมได้เลยใช่ไหม ริลณีตอบเสียงแข็งแววตากร้าวว่า “ไม่มีค่ะ”

“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรมของมันสินะ ถ้างั้นอาตมาจะขอชีวิตสองคนนั้น ขอให้โยมอย่าทำร้ายพวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในวัดแห่งนี้จะได้ไหม”

“ถ้าอาจารย์ขอ ฉันก็จะให้ แต่ถ้ามันออกจากวัดนี้เมื่อไหร่ มันสองคนต้องตาย!!” หลวงพ่อพยักหน้าปลงๆ ก่อนเดินออกไป ริลณีมองเข้าไปในโบสถ์พึมพำยิ้มร้าย “ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนชั่วอย่างพวกนั้น จะทนอยู่ในวัดได้นานเท่าไหร่”

ริลณีกลับไปยืนดูเตชินที่ห้องพักคนไข้ในโรง พยาบาล ชมพูเปิดประตูเข้ามาเธอตกใจผงะเมื่อเห็นริลณีมาเฝ้าเตชินอยู่ข้างเตียง เธอถูกริลณีมองอย่างเคียดแค้นเกลียดชัง ชมพูกลัวจนตัวสั่นทนไม่ไหวเลยเปิดประตูวิ่งหนีออกไป ริลณียังมองตามไปด้วยสายตาเคียดแค้นอย่างที่สุด

ชมพูวิ่งออกไปยกมือกุมหน้าอกยืนหอบใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต

ooooooo

ตุลเทพนอนอยู่ในโบสถ์สบายๆ แต่เอกราชเดินพล่านโวยวายอย่างหงุดหงิดว่าดูทีวีก็ไม่ได้ เล่นมือถือก็ไม่มีสัญญาณแถมยังไม่มีอะไรกินอีก ถามอย่างหัวเสียว่าเราต้องอยู่ในนี้อีกนานเท่าไร ตุลเทพสวนไปว่าตนเองก็เกร็งเหมือนกัน

ขณะนั้นหลวงพ่อคงเดินนำลูกศิษย์ที่นำอาหารเข้ามาวางให้ เอกราชชำเลืองอาหารแล้วเบ้หน้าถามว่าไม่มีอะไรที่มันอร่อยกว่านี้หรือ หลวงพ่อบอกว่าอาหารจากการบิณฑบาตเราเลือกไม่ได้หรอก เอกราชถามว่าจะให้เงินไปซื้อมากินได้ไหม

“ก็สุดแท้แต่โยมเถอะ แต่โบราณท่านว่า ถ้าลำบากก็อย่าเลือกกิน”

เอกราชขัดหลวงพ่อทันทีว่าอย่าเพิ่งเทศน์ได้ไหมคนกำลังเครียด ตุลเทพถามว่าหลวงพ่อมีทางช่วยพวกตนไหมถ้าต้องหลบผีอยู่อย่างนี้พวกตนคงเฉาตายแน่ หลวงพ่อบอกว่าทางก็มีอยู่แต่พวกเขาจะเดินหรือเปล่า?

ทั้งสองตื่นเต้นนึกว่าหลวงพ่อมีเครื่องรางของขลังอะไร แต่พอหลวงพ่อบอกว่า “ถ้าโยมสองคนอยากรอด ก็บวชแล้วอยู่ในวัดนี้ซะ” เอกราชก็โวยว่าขืนต้องอยู่ถาวรแบบหลวงพ่อพวกตนคงตายแน่ ตุลเทพถามว่าไม่มีทางอื่นแล้วหรือ

“อาตมาช่วยโยมได้แค่นั้น โยมจะทำตามหรือไม่ก็สุดแท้แต่โยมเถอะ” หลวงพ่อบอกแล้วเดินออกไป

เอกราชพูดปรามาสว่าเป็นพระเสียเปล่าไม่รู้วิธีปราบผีเลย ลูกศิษย์หลวงพ่อบอกว่าท่านเป็นพระสายปฏิบัติไม่ใช่สายปราบผีแต่ถ้าพวกเขาอยากได้ของดีตนมีให้ แล้วควักตะกรุดมาโชว์ “ตะกรุดกันผีทำมาจากตะปูโลงผี 7 วัด”

ตุลเทพที่พอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้างตาโต บอกเอกราชว่านี่แหละของดีสุดยอดเครื่องรางกันผีหาไม่ได้ง่ายๆ ตอนเล่นของตนพยายามหาแทบตายก็หาไม่ได้ แล้วหันถามลูกศิษย์หลวงพ่อว่า มีอันเดียวหรือ

“มีแค่นี้แหละพี่ ผมเห็นพวกพี่เดือดร้อนก็เลยเอามาให้” ตุลเทพถามว่าพวกตนมีสองคนแต่มีตะกรุดอันเดียว “เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ แต่พวกพี่เป็นเพื่อนกันก็ปันกันเองแล้วกัน” พูดจบก็วิ่งออกไปเลย ไม่สนใจว่าทั้งสองจะจัดการอย่างไร

ทั้งตุลเทพและเอกราชต่างระแวงกัน ดึกคืนนี้ ตุลเทพนึกว่าเอกราชหลับแล้ว แอบไปหยิบตะกรุดจะออกไป เอกราชถามว่าจะทำอะไร ตุลเทพบอกว่าหิวน้ำจะลุกไปกินน้ำหน่อย เอกราชระแวงว่าตุลเทพจะขโมยตะกรุดหนีเอาตัวรอดคนเดียว ตุลเทพถามอย่างรู้ทันว่าแล้วดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับ คิดจะขโมยตะกรุดและแอบหนีไปเหมือนกันใช่ไหม เย้ยว่า

“แต่งานนี้ใครดีใครได้เว้ย” พูดจบก็คว้าตะกรุดวิ่งหนีออกจากโบสถ์ไปต่อหน้าต่อตา เอกราชวิ่งตามตะโกนลั่น

“เฮ้ย...หยุดนะ...ฉันไม่มีวันให้แกหนีรอดไปคนเดียวหรอก!”

ooooooo

ตุลเทพคว้าตะกรุดวิ่งหนี เอกราชไล่ตามแย่งกันเอาเป็นเอาตาย เอกราชตะโกนว่าจะไม่ยอมให้ตุลเทพหนีไปได้คนเดียวเด็ดขาด

ทั้งสองแย่งกันจนตะกรุดกระเด็นไป ต่างยื้ออีกคนไว้แล้วพยายามไขว่คว้า ขณะมือกำลังจะคว้าถึงตะกรุดนั้น เท้าใครคนหนึ่งก็มาเหยียบขยี้ตะกรุดจนแหลกละเอียด พอเงยหน้ามอง ทั้งเอกราชและตุลเทพก็แทบช็อกเมื่อเห็นริลณียืนแสยะยิ้มอยู่!

“พวกแกนี่มันน่าสมเพชจริงๆ เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งนาน แต่มาทะเลาะกันเพราะแย่งของที่ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด”

พอเห็นริลณี ทั้งสองก็ผวา ต่างตะกุยตะกายวิ่งกลับไปที่โบสถ์ ริลณีมองตามหัวเราะอย่างสมเพช

“หลบไปเถอะ ยังไงฉันก็รอได้ อยากรู้เหมือนกันว่า พวกแกกับฉันใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะของริลณีกึกก้องประสานกับเสียงหมาหอนโหยหวนไปทั่วบริเวณ

เอกราชกับตุลเทพมุดเข้าไปซุกอยู่ในโบสถ์ตัวสั่นเทา

ooooooo

แต่เมื่อเสียงทำวัตรเย็นของพระแว่วมา ทั้งสองก็ย่องไปที่กุฏิหลวงพ่อคง ตุลเทพถามกลัวๆว่า

“แน่ใจนะว่าจะไม่มีใครขึ้นมาเห็นพวกเรา”

“พระทั้งวัดไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันหมด ใครจะมาเห็นเรา” เอกราชตอบอย่างมั่นใจ

“แต่เราขึ้นมาขโมยของบนกุฏิพระมันจะดีเหรอวะ”

“เราไม่ได้มาขโมยของมีค่า แค่จะมาหาอะไรป้องกันตัวนิดหน่อย ฉันว่าหลวงพ่อนั่นต้องมีอะไรดีๆ ติดตัวบ้างล่ะ”

ทั้งสองเข้าไปรื้อค้นข้าวของในกุฏิหลวงพ่อท่ามกลางเสียงสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่แว่วเข้ามาตลอดเวลา

ขณะตุลเทพเปิดตู้เก็บหนังสือที่อยู่ในห้องก็เจอห่อกระดูกมีชื่อ “ริลณี รักถิ่น” เขียนไว้บนผ้าดิบ

“เอกราช...นายมาดูอะไรนี่ ฉันว่าเราเจอของดียิ่งกว่าเครื่องรางกันผีแล้วว่ะ” ตุลเทพตื่นเต้น หยิบห่อผ้าขาวออกมาบอกเอกราชว่า “กระดูกผีริลณี คิดว่าไอ้เตชินมันคงเอามาฝากไว้ก่อนจะทำพิธี ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มาเจอของดีแบบนี้”

เอกราชที่ไม่ประสากับเรื่องเหล่านี้ถามว่าดียังไง ตุลเทพพูดอย่างผู้รู้ว่า

“วิธีจัดการผีเฮี้ยนๆดีที่สุดน่ะ ก็คือการเอาร่าง หรือกระดูกมาเผาเพื่อส่งวิญญาณมันไปนรก ถ้าเราเผากระดูกนี่ ก็เท่ากับเราฆ่าฝังกลบส่งมันไปอยู่ในนรกอย่างสมบูรณ์”

เอกราชและตุลเทพมองหน้ายิ้มให้กันอย่างสะใจ เอกราชยิ้มร้ายพึมพำ

“นังริลณี คราวนี้แกตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดสมใจแน่”

แล้วทั้งสองก็รีบเอาห่อกระดูกออกไป

ooooooo

ชมพูปรารภกับเอทีเอ็มขณะคุยกันที่บ้านเด็กกำพร้าว่า ริลณีอาจไม่พอใจตน มักมองตนด้วยสายตาที่มองคนที่ฆ่าเธอเหมือนที่มองเอกราช ตุลเทพและปริมลดา

เอทีเอ็มติงว่าเธอคิดมากไปเองมากกว่าเพราะริลณีเป็นเพื่อนรักกันจะมาโกรธเกลียดเธอทำไม

“เขาอาจจะไม่พอใจที่ฉันไปยุ่งกับพี่เตชินมากก็ได้”

“คิดมากไปใหญ่แล้ว รู้ตัวไหมเนี่ยว่าตัวเองฟุ้งเว่อร์ ไปแล้ว ดึงสติกลับมาหน่อย อย่าคิดมาก จำเอาไว้ รินไม่มีทางเกลียดเพื่อนของตัวเอง” เอทีเอ็มย้ำ แม้ชมพูจะยิ้มเหมือนเชื่อแต่เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดมากหรือเพ้อไปเองแน่นอน

เย็นวันนี้ ขณะชมพูเข็นวีลแชร์พาเตชินชมสวนบนดาดฟ้าโรงพยาบาลเพื่อผ่อนคลายนั้น เห็นเตชินเครียดเธอปลอบเขาว่า

“พี่เตชินอย่าโกรธรินเขาเลยนะคะ ถึงเขาจะทำสิ่งไม่ดี แต่เขาก็รักพี่เตชินมากนะคะ พี่เตชินอาจจะไม่รู้ รินเขามาดูแลพี่เตชินที่โรงพยาบาลทุกวันเลย”

“แล้วเอกราชกับตุลเทพล่ะ เขาสองคน??...” เตชิน ตัดสินใจถามเรื่องที่เขากังวลใจ

“ชมพูยังไม่ได้ข่าวอะไรนะคะ ดูเหมือนสองคนนั้นจะหนีไปหลบอยู่ที่ไหนสักที่นึง” เตชินแอบดีใจว่าริลณี ยังไม่ได้ฆ่าพวกเขา เสนอว่าตนอยากเจอริลณี ถามว่าเธออยู่ที่ไหน

เพียงเขาพูดถึงร่างริลณีก็มาปรากฏตรงหน้า เขาถามว่าเธอเปลี่ยนใจที่จะไม่ฆ่าพวกนั้นแล้วใช่ไหม

“รินยังไม่ฆ่าพวกมัน เพราะยังไม่ถึงเวลาต่างหาก” พลันริลณีก็ชะงักเหมือนรับรู้อะไรบางอย่าง ยิ้มน่ากลัวก่อนบอกเขาว่า “แต่ดูเหมือนตอนนี้จะถึงเวลาแล้ว รินขอร้อง...ถ้าคุณรักริน ขอให้รินได้แก้แค้น อย่าพยายามช่วยพวกมันอีก!!”

พูดจบริลณีก็หายไปทันที เตชินตกใจพยายามร้องห้าม จนชมพูถามงงๆว่าเป็นอะไรหรือ เขาบอกว่า ริลณีกำลังจะไปฆ่าเอกราชกับตุลเทพตนต้องไปหยุดเธอ แล้วพยายามจะลุกขึ้น ชมพูบอกว่าเขาไปไม่ได้ถ้าแผลแตกอีกคราวนี้จะอันตรายมาก แต่เมื่อเตชินจะไปให้ได้ เธอจึงบอกเขาว่า

“พี่เตชินไม่ต้องไปหรอกค่ะ ชมพูจะไปเอง...ชมพูเป็นเพื่อนรักเขา ถ้าชมพูพูดเขาอาจจะยอมฟังก็ได้”

ชมพูรีบไปเข้าลิฟต์พร้อมกับพยายามโทร.หาเอกราช ทีแรกไม่มีคนรับสาย ต่อมามีคนกดรับสาย ชมพูรีบโพล่งไปทันที

“เอกราช...นายอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าตอนนี้ริลณีเขากำลังจะ...” พูดได้แค่นั้นก็มีเสียงหัวเราะหลอนๆ แทรกเข้ามาอย่างน่ากลัว ชมพูเอามือถือมาดูเห็นหน้าจอยังเป็นปกติ แต่พอเหลือบมองที่พื้นเห็นชายกระโปรงของริลณียืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เธอกลัวจนตัวสั่น พยายามจะหนีแต่ขยับไม่ได้ ริลณีค่อยๆยื่นหน้าเข้ามากระซิบ

“จะโทร.ไปบอกไอ้พวกชั่วว่าฉันจะตามไปฆ่ามันเหรอ นี่เธอจะอยู่ข้างฉันหรืออยู่ข้างพวกมันกันแน่เพื่อนรัก!”

ชมพูอ้อนวอนอย่าฆ่าใครอีกเลย การฆ่าไม่ใช่การแก้ปัญหา อภัยให้พวกเขาเถอะ

“ตัวเธอเองยังอภัยให้คนอื่นไม่ได้ แล้วจะมาขอให้ฉันอภัยให้พวกมันงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก!!!”

ทันใดนั้นลิฟต์เริ่มกระตุกแล้วหยุดกึก ไฟในลิฟต์ก็ดับมืด ชมพูตกใจกรีดร้องสุดเสียง...

ooooooo

เอกราชกับตุลเทพพากันลิ่วไปที่ริมสระน้ำสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำของตุลเทพ รีบก่อไฟจนลุกโชนแล้วเอาห่อกระดูกโยนลงไปในกองไฟ ผ้าห่อกระดูกถูกไหม้จนเหลือแต่กระดูกในกองไฟ

“จบสิ้นสักทีนังริลณี!” เอกราชระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ

“แกคิดว่าทุกอย่างมันจะจบสิ้นง่ายๆ งั้นเหรอ!!”

เสียงริลณีแทรกขึ้นอย่างน่ากลัว แล้วร่างริลณีก็ปรากฏขึ้นกลางกองไฟก้าวออกจากเปลวไฟเหมือนไม่รู้สึกอะไรตุลเทพตาเหลือกถามแทบไม่เป็นภาษาว่า

“ระ...ระ...ริลณี...ทำไมแกถึงไม่ถูกเผา...”

“ก็เพราะกระดูกที่แกเผาไม่ใช่กระดูกของฉันน่ะสิ พวกหน้าโง่”

ทั้งเอกราชและตุลเทพช็อก!!

ที่แท้เมื่อไม่กี่วันก่อน เตชินเอากระดูกของริลณีไปไว้ที่บ้านเรือนไทย แต่เอากระดูกอีกห่อไปไว้ที่วัด หลอกพวกเอกราชว่ากระดูกของริลณีอยู่ที่วัด เพื่อพวกนั้นจะได้ไม่มารบกวนกระดูกของริลณีที่บ้านเรือนไทย

ริลณีหัวเราะสะใจบอกเอกราชกับตุลเทพว่าพวกเขาพลาดอย่างหนักที่ออกมาจากโบสถ์ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกแล้วและตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะสะสางเรื่องราวในอดีตกันเสียที

ตุลเทพกลัวตายหาทางเอาตัวรอด อ้อนวอนริลณี อย่าฆ่าตน ตนไม่ได้เป็นคนฆ่าเธอคนฆ่าเธอคือเอกราช บอกให้ริลณีฆ่าเอกราชเสีย สัญญาว่าตนจะทำบุญไปให้เธอ หรือจะให้ตนฆ่าเอกราชให้ก็ได้

เอกราชช็อกที่ตุลเทพจะฆ่าตนเพื่อเอาตัวรอด

ริลณีฟังตุลเทพยิ้มพอใจ ตุลเทพคิดว่าเธอโอเค จึงหันไปคว้าไม้แถวนั้นฟาดเอกราช เอกราชต่อสู้เพื่อชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็ถูกตุลเทพเอาไม้ฟาดจนหมดสติ

แต่พอฟาดเอกราชจนหมดสติแล้ว ริลณีกลับสะบัดมือที่มีเล็บแหลมยาวกรีดหน้าตุลเทพเป็นแผลยาวด่าว่า “นายนี่มันเลวได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” แล้วตะโกนว่า

“สิ่งเดียวที่กูอยากได้จากมึง ก็คือชีวิตมึง ไอ้ตุลเทพ!!”

ตุลเทพวิ่งไปจะเอารถเอกราชขับหนีแต่ไม่มีกุญแจ จะไปเอาที่ตัวเอกราชก็ถูกริลณียืนขวางไว้จึงตัดสินใจวิ่งไปขึ้นเจ็ตสกีที่จอดอยู่ขับออกไป

ระหว่างทางตุลเทพให้กำลังใจตัวเองว่าอีกนิดเดียวก็ถึงฝั่ง พอขึ้นฝั่งก็เจอวัดแล้ว แต่จู่ๆเจ็ตสกีก็ดับกลางน้ำ ตุลเทพตัดสินใจกระโดดลงน้ำว่ายไป แต่ก็ถูกริลณีที่อยู่ใต้น้ำดึงจมน้ำลงไปทุกที ซ้ำพอดิ้นหลุดทะลึ่งพรวดขึ้นเหนือน้ำฮุบอากาศหายใจ ก็ถูกเจ็ตสกีที่ไม่มีคนขับพุ่งเข้าชนอย่างแรงจนบาดเจ็บสาหัส

ในที่สุดตุลเทพก็ถูกริลณีดึงลงใต้น้ำดิ้นทุรนทุรายขาดใจตายอย่างอนาถอยู่ใต้น้ำ

จัดการตุลเทพแล้ว ริลณีไปจัดการเอกราชต่อ เอกราชที่ฟื้นแล้วลุกขึ้นวิ่งไปที่รถของตนขับหนีออกไปทันที

ooooooo

ชมพูค้างอยู่ในลิฟต์ที่ไม่มีไฟ เตชินพยายามโทร.หาชมพูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ

“ปกติชมพูไม่เคยปิดเครื่อง หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชมพู...”

เตชินเป็นห่วงชมพูมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ในขณะที่ชมพูก็ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในลิฟต์ พยายามช่วยตัวเอง แต่ทั้งตกใจ อ่อนเพลีย และอากาศน้อยลงทุกที จนเธอหมดสติไปในลิฟต์นั่นเอง

เอกราชขับรถตะบึงไปพลางโทรศัพท์อย่างร้อนรน

“พ่อ!! ผมจะไปฮ่องกง ให้คนเตรียมตั๋วเครื่องบินให้ผมด้วย ทันทีที่ผมไปถึงสนามบินผมต้องการไปให้เร็วที่สุด”

พอวางสายจากพ่อ เอกราชก็ถูกริลณีหลอกหลอนจนขวัญผวา เสียงเพลงไทยเดิมแว่วขึ้น เอกราชเหลือบมองไปที่เบาะหลัง ก็ไม่เห็นอะไร แต่พอเขาถอนใจโล่งอก ก็ช็อกเมื่อเห็นริลณีในสภาพผีเฟอะหนองเยิ้มนั่งคู่มากับตนด้านหน้า

เอกราชเบรกรถเอี๊ยด... มองไปอีกทีริลณีหายไปแล้ว เขากลัวจนสติแตก คว้าปืนในรถลงไปร้องท้าอย่างบ้าคลั่ง

“แน่จริงก็ออกมาสิวะ นังผีบ้า ก็อยากรู้เหมือนกันว่าผีกับปืน อะไรมันจะเจ๋งกว่ากัน”

พลันก็เห็นเงาคนแว่บผ่านข้างหน้า...เขาหันยิงก็ไม่มีอะไร เงาแว่บผ่านข้างหลังก็ยิงใส่อีก รัวจนกระสุนหมดก็ไม่มีอะไรอีก แล้วริลณีก็หายไป เอกราชตะโกนอย่างผยอง

“โธ่เอ๊ย...นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็แพ้ปืน ถุย!!”

เอกราชรู้สึกฟินสุดๆ ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

ooooooo

ณ โรงแรมหรูในฮ่องกง...

เอกราชเปิดประตูเข้าห้องพัก เดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ถอนใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

“เฮ้อ...ต่อให้นังริลณีกลับชาติมาเกิดใหม่ มันก็คงตามมาเล่นงานเราถึงที่นี่ไม่ได้แน่” พลางหยิบเวลคัม ดริ๊งก์ขึ้นจิบสบายใจ หยิบรีโมตขึ้นเปิดทีวีดูอย่างผ่อนคลาย

แต่เอกราชกลับเครียด เมื่อในทีวีมีภาพเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันเอาศพตุลเทพขึ้นจากบึง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“พบศพนายตุลเทพ เศวตชัย เจ้าของบึงเจ็ตสกีสุดชิค ขวัญใจวัยรุ่นลอยอืดสยองอยู่กลางบึง สันนิษฐานเบื้องต้นน่าจะถูกเจ็ตสกีชนและขยี้หัวเละจนดับสยอง”

เอกราชหัวเราะสะใจพึมพำ “แล้วคนที่รอด ก็ไม่ใช่นาย หึๆ” แล้วกดเปลี่ยนช่อง กลายเป็นภาพข่าวเจ้าหน้าที่กำลังเก็บศพปริมลดาออกจากท่อที่ตกลงไปถูกเหล็กแหลมเสียบตายอย่างสยดสยองไม่แพ้ข่าวตุลเทพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“สาเหตุเบื้องต้นการตายของดาราสาว น่าจะมาจากความประมาท ที่ทำให้ลื่นล้มจนตกลงมาถูกเหล็กเสียบตายสยอง แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่า ดาราดังไปทำอะไรในเขตก่อสร้างจนเกิดอุบัติเหตุตายอนาถแบบนี้”

เอกราชเปลี่ยนช่องหมายหนีข่าวการตายของ ปริมลดา แต่ก็เจอข่าวการตายของประวิทย์ หงส์หยก เชิงชาย ที่สลับผ่านไปอย่างเร็ว โดยผู้สื่อข่าวรายงานรวมๆว่า

“เจ้าของร้านอาหารอิตาลีชื่อดังย่านสุขุมวิทถูกฆ่าตัดคอดับสยอง...หญิงสาวโดดลงมาจากตึกตาย คาดว่าเกิดจากความเครียดจากข่าวใหญ่ที่รุมเร้า...และเหตุฆาตกรรมสุดแปลก เมื่อเหยื่อถูกยัดดินให้กิน ก่อนจะฝังทั้งเป็นจนตาย”

เอกราชเริ่มมึนงง หยิบรีโมตกดเปลี่ยนช่อง แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปช่องไหน ข่าวพวกนี้ก็ยังวนเวียนให้เห็นอยู่ทุกช่อง จนถึงข่าวสุดท้าย...เป็นภาพเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันดับไฟรถที่ถูกไฟไหม้จนดูซากไม่ออกว่าเป็นรถอะไร พร้อมกับงัดศพคนขับที่ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกออกมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“เกิดเหตุสะเทือนใจ ไฟไหม้รถยนต์หรูโดยไม่มีสาเหตุ คนขับที่อยู่ข้างในตายสยอง”

เอกราชเสียวสันหลังวาบ กลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ รีบกดรีโมตปิดทีวี แล้วก็ผวาเฮือกเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาตะโกนถามว่าใคร! เสียงตอบเข้ามาว่า “Room Service...sir!!”

เอกราชถอนใจโล่งอก พอเปิดประตูเห็นพนักงานเข็นอาหารที่เขาสั่งไว้เข้ามาพร้อมกับพนักงานนวดสาวสวย พนักงานจัดวางอาหารเสร็จ พอเอกราชให้ทิปพนักงานก็ออกไป เหลือแต่พนักงานนวดสาวสวย เอกราชมองตาเป็นมันอย่างถูกใจมาก เธอถามอ่อนหวานว่า “ต้องการนวดแบบไหนคะ”

“ฉันอยากนวดแบบสบายๆ ในอ่างจากุชชี่ได้ไหม”

“ได้ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการค่ะ”

เอกราชยิ้มพอใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ พนักงานนวดยิ้มหวานเดินตามไปทันที พนักงานสาวนวดให้อย่างถูกใจจนเอกราชเคลิ้มรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก บอกให้นวดตรงนั้น ขยี้ตรงนี้ ถามว่าหลังตนตึงมากเลยใช่ไหม

“ใช่ค่ะ ตึงมากขนาดนี้คุณต้องมีเรื่องเครียดมากใช่ไหมคะ”

“มันก็มีแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ฉันหนีมันมาพ้นแล้ว ไม่มีใครหรืออะไรตามมาทำร้ายฉันได้อีกแล้ว” เอกราชหลับตาสบายจนพนักงานที่กำลังนวดให้กลายเป็นริลณีไปก็ไม่รู้ตัว ริลณีเสนอให้บริการพิเศษ เอกราชไม่ปฏิเสธ ริลณีจัดให้ทันที!

เล็บเธอค่อยๆยาว แหลม และคมกริบบรรจงกรีดลงบนแขนเอกราชเป็นริ้วๆ แล้วถลกหนังออกมาโดยที่เอกราชไม่รู้ตัว ถามว่าเธอทำอะไรสบายดีจัง

ริลณีบอกว่าไม่มีอะไรก็แค่ถลกหนังที่มือเขาออก มือเขาจะได้ไม่ไปทำอะไรชั่วๆอีก!

เอกราชสะดุดหู รีบดึงมือไปดูเห็นว่ามือข้างหนึ่งถูกถลกหนังออกเห็นแต่เนื้อแดงๆชุ่มเลือด!

ริลณีหัวเราะสยองและกำลังจะดึงมืออีกข้างไปถลกหนัง เอกราชตกใจกระชากมือกลับร้องแทบไม่เป็นภาษา

“ระ...ริลณี...กะ...กะ...แกตามฉันมาได้ยังไง”

“ต่อให้แกหนีฉันไปไกลแค่ไหน ก็ไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก” ริลณีใช้เล็บแหลมคมกรีดไปบนแขนเอกราชจนเขาร้องลั่นทั้งกลัวและเจ็บปวด

“ม่ายยยยยยย!!!!!”

ooooooo

เอกราชสะดุ้งตกใจตื่นเสียงร้องของตัวเอง พบว่าตัวเองยังหลับฟุบอยู่ที่พวงมาลัยในรถ และรถก็ยังจอดอยู่กลางถนนที่เดิม เขาพึมพำกับตัวเองว่า ฝันไปหรือเนี่ย???

พลันวิทยุในรถก็ดังขึ้น เป็นเสียงรายงานข่าวเดียวกับที่เขาฝันเห็นในทีวี...

“เกิดเหตุสะเทือนใจ ไฟไหม้รถหรูโดยไม่มีสาเหตุ คนขับที่อยู่ข้างในตายสยอง”

เอกราชทนฟังไม่ได้เอื้อมมือจะไปปิดวิทยุ เห็นแขนตัวเองข้างหนึ่งถูกถลกหนังอีกข้างมีรอยกรีดเป็นริ้วๆ เลือดแดงไปทั้งแขน ขณะตกใจแขนของตัวเอง วิทยุในรถก็รายงานข่าวไฟไหม้รถประโยคเดิม รายงานซ้ำๆ ถี่ขึ้น เร็วขึ้น จนเอกราชทนฟังไม่ได้ตะโกน “หยุดสักที... หยุด!!” เสียงวิทยุเงียบไป เอกราชมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว พลันก็เห็นริลณีในสภาพผีที่เน่าเฟะน้ำเหลืองเยิ้มนั่งข้างคนขับมองตนอยู่ พูดอย่างสะใจ!

“คงคิดล่ะสิว่าจะหนีฉันพ้น แต่สุดท้ายแกก็หนีไปไหนไม่รอด แต่ฉันก็ยังใจดีให้แกสมหวังเล็กๆ น้อยๆก่อนตาย ไม่เหมือนพวกแก ทำลายความหวังของฉันไม่มีชิ้นดี คนรักที่แสนดี ครอบครัวที่มีความสุข พวกแกทำลายความสุขที่ฉันรอคอยมาตลอดชีวิต จนกลายเป็นผีที่มีแต่ความแค้น คราวนี้แหละพวกแกจะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดสิ้นหวังที่ฉันได้รับบ้าง”

เอกราชพยายามที่จะเปิดประตูรถหนี แต่ประตูทุกบานถูกล็อก เขาตะโกนถาม “แกจะทำอะไร!”

“แกก็รู้อยู่แล้วนี่” ริลณีตอบเสียงเย็นเยียบน่าสยอง

ทันใดนั้นเสียงวิทยุในรถก็ดังขึ้นในประโยคเดิมซ้ำๆ

“เกิดเหตุสะเทือนใจ ไฟไหม้รถหรูโดยไม่มีสาเหตุ คนขับที่อยู่ข้างในตายสยอง”

“ลาก่อนเอกราช” เสียงริลณีเอ่ยอย่างสะใจแล้วหายไปทันที เอกราชตะเกียกตะกายโวยวายหนีตายแทบคลั่งอยู่ในรถ พริบตานั้นไฟลุกพรึบขึ้นเผารถทั้งคันอย่างรวดเร็ว

ริลณียืนมองเอกราชดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกองไฟอย่างสะใจ ดูจนไฟไหม้ท่วมรถทั้งคัน รถถูกไหม้จนเหลือแต่ซาก และร่างเอกราชก็ถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของริลณีที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

ooooooo

วันต่อมาจึงมีคนมาช่วยชมพูที่ถูกขังอยู่ในลิฟต์ เอทีเอ็มโผเข้าอุ้มชมพูกอดไว้ด้วยความเป็นห่วง ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ชมพูยิ้มบางๆแทนคำตอบก่อนจะหลับตาลงอย่างโล่งใจที่มีคนมาช่วยแล้ว...

ที่บ้านเด็กกำพร้า เฟื่องฟ้าวางแท็บเล็ตที่เขียนข่าวการตายของพวกเอกราชทั้งหกคนลงบนโต๊ะบอกเพื่อนๆว่า

“คดีของรินจบแล้ว”

ชมพูเชื่อว่าเวลานี้ริลณีก็คงไปอยู่ในที่สงบแล้ว พลางชมพูก็หยิบซองสีน้ำตาลยื่นให้เฟื่องฟ้า บอกว่า คุณหญิงป้าฝากเงินมาให้พวกเธอเผื่อเอาไว้ใช้จ่ายที่จำเป็น เฟื่องฟ้าเปิดดูเห็นเงินจำนวนมาก ชมพูบอกว่าท่านคงอยากชดเชยความผิดที่เคยทำให้พวกเธอเดือดร้อน

“ฝากกลับไปคืนเถอะ เงินชดเชยไม่ได้ทุกอย่างหรอก” เฟื่องฟ้าเลื่อนซองคืนชมพู เอทีเอ็มก็บอกว่าพวกเราขออโหสิกรรมให้ดีกว่า เผื่อผลบุญจะไปถึงริลณี ชมพูนิ่งไป แล้วถามเอทีเอ็มว่าตกลงเขาจะไปเรียนต่อเมืองนอกจริงๆหรือ เอทีเอ็มพยักหน้า ชมพูถามว่าไม่ห่วงเฟื่องฟ้ากับเด็กๆที่นี่หรือ

“ทุกคนที่นี่เข้มแข็ง ฉันมั่นใจว่าเขาจะอยู่ได้” เอทีเอ็มบอก มองหน้าชมพูถามว่า “แต่เธอสิ โอเคนะ” ชมพูฝืนยิ้มบอกว่า

“นายกับเฟื่องฟ้าคอยดูแลช่วยเหลือเรามาตลอด ตอนนี้เราก็เข้มแข็งไม่แพ้เด็กๆที่นี่เหมือนกัน ขอบคุณนะเอทีเอ็ม เฟื่องฟ้า เธอสองคนเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ” ชมพูฝืนยิ้ม

ทั้งสามยิ้มเศร้าๆให้กันในยามที่เพื่อนรักกลุ่มใหญ่เหลืออยู่กันเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังเกาะกลุ่มรักและช่วยเหลือกัน

ooooooo

วันนี้เตชินไปยืนอยู่ ณ จุดที่เคยยืน คือ...ที่ที่เคยเป็นหลุมฝังศพริลณี...ขณะยืนครุ่นคิดอยู่นั้น ได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบ เขาดีใจวูบคิดว่าริลณีมา หันขวับไปกลายเป็นชมพู

ชมพูถามว่าเขาจะเผากระดูกริลณีจริงๆหรือ เขาบอกว่าอยากให้ริลณีไปสงบสุขจริงๆ ชมพูถามต่อว่า

“เมื่อรินสงบแล้ว พี่เตชินล่ะคะ” เตชินมองหน้าเธอนิ่ง “ชมพูอยากให้พี่เตชินมีความสุขด้วย” เตชินเหมือนลำบากใจที่จะตอบ ชมพูบอกว่า “ชมพูรู้ดีค่ะว่าการที่เราจะทำใจให้กับความสุข ทั้งที่เราไม่ได้มีคนที่เรารักอยู่เคียงข้าง มันยากที่จะทำใจได้” เตชินฟังแล้วเศร้า สะเทือนใจ “ชมพูขออะไรพี่เตชินอย่างนึงได้ไหมคะ”

“ชมพู...พี่รู้ว่าชมพูหวังดีและเป็นห่วงพี่มาก แต่ชีวิตนี้พี่คงรักใครไม่ได้อีกแล้วเพราะ...”

ชมพูส่ายหน้าช้าๆ พอเตชินหยุดพูด เธอชี้แจงด้วยใบหน้าแจ่มใสว่า

“ชมพูไม่ได้จะขอให้พี่เตชินรักชมพู แต่ชมพูจะขอเป็นน้องสาวของพี่เตชินตลอดไปได้ไหมคะ”

เตชินยิ้ม เดินเข้ามากอดชมพูอย่างอบอุ่นเยี่ยงพี่ชายกอดน้องสาว แล้วชมพูก็ผละออกบอกเขาว่า

“พี่เตชินอยู่ลารินเถอะค่ะ ชมพูไปก่อนนะคะ” พอเตชินพยักหน้าหันหลังเดินไป ชมพูมองตามหลังเขาเศร้าๆ น้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ตัดใจหันหลังจะเดินกลับ พลันก็ช็อกเมื่อเห็นริลณียืนจ้องอยู่ตรงหน้าในสภาพร่างกายเน่าเฟะมองชมพู พูดด้วยแววตาแค้นสุดๆว่า

“ทำกับฉันไว้ขนาดนั้น แล้วคิดว่าจะหนีไปง่ายๆ งั้นเหรอเพื่อนรัก” พูดจบก็ตรงเข้าสิงร่างชมพูทันที เป็นจังหวะที่เตชินหันมองชมพู ถามว่า

“ชมพูจะไปไหนเหรอครับ”

“ไปที่ที่เราเคยหยุดเวลาเอาไว้...” บอกแล้วยิ้มหลอนๆ เตชินมองนิ่ง รู้สึกถึงความแปลกๆของเธอ แต่พอเขาเดินกลับมาที่บ้านเรือนไทย สมหมายก็เดินหน้าตื่นเข้ามาถามว่าคุณหนูล่ะ? เตชินบอกว่ากลับไปนานแล้ว

“ไม่นะครับ ผมรออยู่ที่รถ คุณหนูก็ไม่ออกมาสักที โทร.ไปก็ไม่มีใครรับสายด้วย คุณหนูหายไปไหนครับเนี่ย”

ทันทีที่ได้ยินว่า “คุณหนูหายไปไหน” เตชินคิดย้อนไปถึงที่ชมพูพูดเมื่อครู่นี้ที่ว่า “ไปที่ที่เราเคยหยุดเวลาเอาไว้” จำได้ว่าเป็นคำพูดที่ริลณีเคยพูดเมื่อครั้งไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขที่ชายทะเล คิดถึงรอยยิ้มหลอนๆ ของชมพูที่เหมือนริลณีมาก

เตชินคิดทบทวนประมวลแล้วเชื่อว่าต้องเป็นริลณีแน่ๆ เขาช็อกตกใจสุดขีดตะโกนลั่น “ริน!!!”

ooooooo

ชมพูลืมตาขึ้นที่ริมหน้าผา มองลงไปเห็นทะเลสวยแปลกตาแต่น่ากลัว พอหันกลับชมพูก็ผงะเห็นหน้าริลณีพุ่งเข้ามาเกือบชนหน้าตน เธอร้องกรี๊ดล้มนั่งกระแทกพื้น ริลณีพุ่งเข้าประกบจ้องหน้าเกือบชิด ถามดุร้าย

“ชอบที่ตายของเธอไหม เพื่อนรัก” ชมพูตกใจถามว่าจะทำอะไรตน “ก็สะสางเรื่องที่เหลือของเราไง” ชมพูถามว่า เรื่องอะไรตนจำไม่ได้ ริลณีก็ตวาด “ตอแหล!” แล้วยิ้มหวานบอกว่า “งั้นเดี๋ยวฉันจะทำให้เธอรู้เองนะเพื่อนรัก!”

ริลณีมองฟึ่บไปยังมือข้างที่เป็นแผลของชมพู พอเธอมองมือตัวเองก็เห็นกำแน่นยกมือขึ้นดู มีเลือดไหลอย่างไม่มีสาเหตุ พอแบมือออกก็เห็นเข็มกลัดนางรำอยู่ในมือแล้ว! ริลณีหัวเราะสะใจถามว่าจำได้แล้วใช่ไหมเพื่อนรัก!

ชมพูมองริลณีกลัวๆพลันภาพในอดีตก็ปรากฏขึ้น!!

ชมพูเห็นเข็มกลัดครั้งแรกในงานรำครบรอบของมหาวิทยาลัยที่ริลณีให้ไว้เป็นกำลังใจ และวันนั้นเธอนั่งอยู่บนรถตู้เห็นรถของเอกราชกับพวกแล่นเข้ามา ได้ยินเอกราชพูดกับพรรคพวกว่า

“เราจะลงมือจัดการนังนั่น หลังจากที่มันกลับมาจากประกวดรำแล้ว”

“คราวนี้มันไม่มีทางรอดแน่ๆ” ตุลเทพยิ้มเหี้ยม

ชมพูกลัวมากมองเข็มกลัดที่อยู่ในมือรีบคืนให้ริลณีด้วยความหวังว่าเข็มกลัดที่เป็นเครื่องรางประจำตัวของริลณีอาจช่วยเธอได้ ชมพูคืนเข็มกลัดให้ริลณีแล้วหันไปทางอื่นไม่กล้าสู้หน้า เพราะรู้สึกผิดและกลัวเรื่องเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

พอชมพูจำเรื่องนี้ได้ ริลณีทำให้เธอจำเรื่องแหวนได้อีก...วันนั้นเธอได้รับข้อความจากคุณหญิงจิตราว่าเตชินไปซื้อแหวนเซอร์ไพรส์วันเกิดเธอและส่งภาพแหวนมาให้ดูด้วย เธอเห็นแหวนแล้วตื่นเต้นมีความสุขอย่างที่สุด

แต่หลังจากนั้น ขณะอยู่กับริลณีในห้องชมรมนาฏศิลป์ ริลณีกำลังจะบอกอะไรชมพู ก็พอดีโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าริลณีดังขึ้น ชมพูอยู่ใกล้กว่าจะเอื้อมหยิบให้ มือริลณีก็เอื้อมถึงพอดี สองมือชนกันปัดกระเป๋าตก ของในกระเป๋าหกเกลื่อน สองสาวช่วยกันเก็บ ชมพูเห็น แหวนหล่นอยู่เธอหยิบขึ้นดูถึงกับช็อก เพราะเป็นแหวนวงเดียวกับที่คุณหญิงจิตราส่งมาให้ดูบอกว่าเป็นแหวนที่เตชินซื้อมาเซอร์ไพรส์เธอในวันเกิดนั่นเอง!

ชมพูรู้สึกจุกจนหายใจขัด ทำใจแข็งยื่นแหวนคืนให้ริลณีชมว่า “แหวนสวยดีนะ” ริลณีกำลังจะบอกความจริงแต่ชมพูทนความเจ็บปวดใจไม่ได้วิ่งออกไปบอกว่าขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ริลณีมองตามไปอย่างเสียดายที่ไม่ได้บอกความจริงสักที

“คราวนี้จำได้แล้วใช่ไหม นังเพื่อนรัก” ริลณีสะบัดชมพูล้มลง ชมพูบอกว่าตนไม่รู้เรื่องจริงๆ อ้อนวอนอย่าทำอะไรตนเลยเราเป็นเพื่อนรักกัน “เพื่อนรักเหรอ ฉันอยากจะรู้ว่าถ้าเธอรู้ว่าทำอะไรกับฉัน จะยังกล้าเรียกตัวเองว่าเพื่อนรักอีกไหม!”

ริลณีเดินเข้าหาชมพู เธอกระถดถอยไปจนสุดหน้าผา ริลณีจิกผมชมพูกระชากขึ้นยืน เท้าชมพูตกหน้าผาไปข้างหนึ่งริลณีดึงกลับขึ้นมาบอกว่าตนยังไม่ปล่อยให้ตายหรอกเพราะยังไม่ถึงเวลา ตะคอกใส่หน้าว่า

“แกต้องจำให้ได้ทั้งหมด ว่าแกทำชั่วอะไรกับฉันไว้บ้าง เพื่อนรัก!!”

แล้วเหตุการณ์สุดท้ายก็วาบขึ้นในความจำ!

วันนั้น เมื่อชมพูวิ่งออกจากห้องบอกริลณีว่าจะไปห้องน้ำแต่พอพ้นออกมาเธอก็ทนไม่ได้ร้องไห้กำมือทุบกำแพงอย่างเจ็บแค้นเมื่อรู้ว่าตนถูกทั้งริลณีและเตชินหลอกมาตลอด แหวนงามวงนั้นแทนที่จะเป็นของตนแต่กลับเป็นของริลณี!

ระหว่างนั้นปริมลดาเข้ามาทักเพื่อถ่วงเวลาชมพูไว้ข้างนอกให้พวกเอกราชทำตามแผน เมื่อชมพูวิ่งกลับไปที่ห้องนาฏศิลป์อีกทีเจอน้าไหวกับกล้าเดินร้องเพลงเมาปลิ้นกันมา เธอหลบจนทั้งสองเดินผ่านไปจึงวิ่งเข้าไปในห้องนาฏศิลป์ ชมพูใจหายวาบเมื่อไม่เห็นริลณีอยู่ในห้องนั้นแล้ว!

ชมพูวิ่งออกไปที่ถนน เห็นเอกราช ประวิทย์ และเชิงชายกำลังอุ้มริลณีออกไป เธอตกใจตัวสั่นได้แต่ยืนมองไม่กล้าทำอะไร จนพวกนั้นอุ้มริลณีที่พยายามส่งเสียงร้องและดิ้นจนเข็มกลัดตกที่พื้น แต่ชมพูกลับยืนมองเฉย มองไปที่ริลณี เห็นสายตาเธอเศร้า หมดหวัง น้ำตาไหลพรากเจ็บปวดอย่างคิดไม่ถึงว่าเพื่อนรักจะหักหลังกันได้ถึงเพียงนี้!

ชมพูซุ่มมองจนริลณีถูกยัดใส่ท้ายรถแล้วเอกราชขับออกไปทันที เธอมองที่พื้นเห็นเข็มกลัดที่เพิ่งคืนริลณีตกอยู่ที่พื้น ชมพูวิ่งไปเก็บเพื่อไม่ให้เป็นหลักฐานแล้ววิ่งออกจากตรงนั้นไปทันที!

ชมพูกำเข็มกลัดไว้แน่นจนปลายแหลมของเข็มกลัดแทงทะลุเข้าเนื้อเจ็บแปร๊บ เธอตกใจยกมือดูก็ชะงักเมื่อเห็นรอยแทงเข้าไปในอุ้งมือ!

ภาพความทรงจำดีๆที่ตนกับริลณีเป็นเพื่อนรักที่รำคู่กันมาตลอดและคอยช่วยเหลือกันมาอย่างดีผุดพรายในสมอง จนนึกถึงภาพที่ริลณีถูกมัดอุ้มไปยัดใส่รถขับออกไป นาทีนั้น เธอเห็นชีวิตเพื่อนตกอยู่ในอันตราย แต่ชมพูก็

มองอย่างเลือดเย็น ไม่รู้สึกอะไร แม้จะนึกถึงที่ปริมลดาพูดอย่างสะใจว่า

“ถ้าพวกเราทำตามแผนสำเร็จเมื่อไหร่ รับรองว่านังริลณีนอกจากมันจะไม่กล้าสู้หน้าใครบนโลกนี้แล้ว มันจะไม่มีวันกลับเข้ามาในชีวิตของพวกเราทุกคนอีกแน่นอน”

ooooooo

เตชินวิ่งมาตามชายหาดที่เคยมากับริลณี เขาวิ่งตามหาชมพูอย่างไรก็ไม่เจอ จนนึกได้ถึงคำพูดของชมพูที่ถูกริลณีสิง เตชินหันมองไปที่หน้าผาแล้ววิ่งสุดฝีเท้าไปทันที

ในที่สุดชมพูก็จำเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับริลณีได้ทั้งหมด ริลณีพูดอย่างแค้นใจว่า “แกนี่แหละที่ปล่อยให้ฉันไปตาย!!” ชมพูยอมรับว่าเวลานั้นตนแค่อยากให้ริลณีได้เจ็บอย่างที่ตนเจ็บบ้างเท่านั้น ริลณีถามว่าตนทำอะไรให้เธอเจ็บ ตนเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดต่างหาก ชมพูฟังแล้วตะโกนออกมาอย่างแค้นคั่งว่า

“เธอแอบคบกับพี่เตชินทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นว่าที่คู่หมั้นฉัน เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอริน นี่เหรอเพื่อนที่ดีมาตลอด เธอแทงข้างหลังฉันมาตลอดต่างหากล่ะ!”

“แต่ฉันก็ชดใช้ความผิดนั้นด้วยชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ ถึงเวลาที่แกจะต้องชดใช้ให้ฉันบ้าง อีนังเพื่อนอำมหิต!”

ชมพูหวาดกลัวจนตัวสั่นยกมือไหว้ขอชีวิตกับริลณี แต่ความแค้นของริลณีมีมากเกินกว่าที่จะอภัย บอกชมพูว่าความผิดของเธอนั้นมากกว่าพวกหกคนรวมกันเสียอีก เพราะพวกนั้นไม่เคยบอกว่าเป็นเพื่อนรักของตน แล้วพุ่งเข้าบีบคอชมพูแน่น กัดฟันคำรามว่า “ในเมื่อวันนั้นแกยืนดูฉันไปตายได้ วันนี้ฉันก็ขอยืนดูแกตายบ้างก็แล้วกัน”

ชมพูหวีดร้องสุดเสียง เตชินจำเสียงชมพูได้เขาตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปตามเสียง ริลณีหันขวับมองเตชินแล้วหันโหดใส่ชมพู “ดีแล้ว!! แกรักเตชินของฉันมากนักนี่ รักมากก็ตายให้เตชินของฉันดูซะเลย” สิ้นเสียงริลณีก็พุ่งเข้าสิงร่างชมพู แม้ชมพูจะรู้สึกตัวแต่ก็ไม่มีแรงที่จะขัดขืน

เตชินวิ่งมาถึงหน้าผา เห็นชมพูกำลังเดินไปที่ริมผาพอดี! ชมพูมองไปข้างล่างกลัวจนตัวสั่น

ทันใดนั้น! ภาพในอดีตปรากฏขึ้นในความจำคืนนั้น ชมพูเห็นรถเอกราชขับพาริลณีไปอย่างเร็ว เธอพยายามวิ่งตามไปเพื่อช่วยริลณี ในมือกำเข็มกลัดไว้แน่นจนเลือดชุ่มเธอตัดสินใจวิ่งตัดสนามเพื่อไปดักหน้ารถเอกราช พลางตะโกน

“กลับมาก่อน...อย่าเพิ่งไป ริน...ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นทำร้ายเธอ ริน...ริน...!!!”

ชมพูวิ่งมาถึงถนนใหญ่พลางตะโกน “ริน!!!” พลันเธอก็ถูกรถเตชินที่ขับรถมาอย่างเร็วชนโครม!! ชมพูล้มลงทันที เตชินวิ่งลงจากรถมาประคองชมพูขึ้นเขย่าเรียกชมพูปรือตามอง พยายามบอก “ช่...ว...ย...ริ...น...!!!” แล้วหมดสติไป

ณ นาทีนี้ ชมพูที่ยืนอยู่ริมหน้าผา บอกเตชินน้ำตาไหลพราก “ช่วย...ริน...ด้วย...” เตชินวิ่งเข้ามา ชมพูที่ถูกริลณีสิงกลายเป็นหน้าริลณีทันที!

“หยุดนะ!! รักนังนี่งั้นเหรอ คุณจะรักใครไม่ได้เตชิน!! คุณต้องรักรินคนเดียว! รักรินคนเดียว!! คุณสัญญาว่าจะรักรินคนเดียว!!!”

“ริน...ผมรักคุณ ผมรักคุณคนเดียว”

“ดี!! งั้นนังนี่ ตาย!!!” พลันร่างชมพูก็กระตุกเฮือก เตชินเห็นร่างริลณีซ้อนในร่างชมพู และกลายเป็นร่างริลณีกระโดดลงหน้าผา เตชินพุ่งเข้าไปรวบตัวไว้ ร่างทั้งสองกอดกันตกจากหน้าผาทันที!

ระหว่างลอยอยู่กลางอากาศนั่นเอง ริลณีก็กลายเป็นร่างชมพูที่เตชินกอดไว้แน่นร่วงลงไปด้านล่างด้วยกัน...

ริลณีที่ออกจากร่างชมพูยืนดูอยู่ที่ริมหน้าผา เมื่อเห็นเตชินกระโดดกอดชมพูตกลงไปด้วยกัน ริลณีช็อก แผดเสียงลั่น

“ไม่นะ...เตชิน...ไม่!!!!”

ริลณีมองร่างเตชินกับชมพูกอดกันจมหายไปใต้พื้นน้ำ ทรุดลงร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ

ooooooo

ที่ศาลาวัด ศพของเตชินกับชมพูตั้งคู่กัน คุณหญิงจิตราร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าศพ ณรงค์ปลอบว่าอย่าร้องไห้ไปเลย ลูกพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

“เราพยายามมาตลอดให้เขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้ไปอยู่ด้วยกันตอนที่ตายแล้วแบบนี้ มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่กีดกันลูกตั้งแต่แรก เรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้ แม่ขอโทษ...คนที่ตายควรเป็นแม่ ไม่ใช่ลูก...เตชิน...”

พิชัยบอกพิสมัยว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของเวรกรรม พิสมัยพูดอย่างทำใจได้แล้วว่าลูกไปสบายแล้วอย่างน้อยเขาก็ได้ไปอยู่กับคนที่เขารัก ทันใดนั้นริลณีปรากฏร่างขึ้น ตะโกนใส่หน้าพิสมัยด้วยความโกรธแทบคลั่งว่า

“ไม่!! มันจะไม่มีวันได้อยู่กับเตชิน เพราะเตชินเขารักฉัน เขาจะต้องกลับมาหาฉัน เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน แม้ความตายก็จะพรากเราจากกันไม่ได้” แล้วเดินไปที่หน้าโลงศพเตชินถามว่า “ใช่ไหมคะเตชิน คุณจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับฉัน”

ทันใดนั้น เสียงหลวงพ่อหรือพระอาจารย์คง ก็แว่วเข้ามาว่า “บาปกรรมที่โยมทำไว้ จะทำให้โยมไม่มีวันได้เจอกับโยมเตชินอีก จนกว่าโยมจะชดใช้กรรมที่ทำไว้จนหมดสิ้น” ริลณีถามว่าเมื่อไหร่เวรกรรมจะหมดสิ้น? หลวงพ่อไม่ตอบ ริลณีโมโหเลยโวยวาย

“ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอ” หันบอกเตชินที่โลงศพว่า “รินจะไปรอคุณที่บ้านของเรานะคะ”

ริลณีกลับไปนั่งรอเตชินที่ระเบียงบ้านเรือนไทยที่ทรุดโทรม ด้วยความหวังว่าเขาจะกลับมา แต่วันแล้ววันเล่า เธอเฝ้าแต่รอ...รอ...อยู่อย่างนั้น บางครั้งก็แต่งชุดรำไทยออกมาร่ายรำ...รำจนเริ่มรำไม่ได้ ก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง...

“ทำไมคุณถึงไม่กลับมาหาริน ไหนคุณสัญญาว่าจะไม่ทิ้งริน...ไหนคุณสัญญาว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...

รินคิดถึงคุณเหลือเกิน...รินใจจะขาดแล้ว...เตชิน...” แล้วริลณีก็แผดเสียงอย่างคลุ้มคลั่ง “ทำไมคุณไม่กลับมา!!!”

พระอาจารย์คงนั่งสมาธิอยู่ เห็นความเสียใจของริลณี ท่านลืมตาขึ้น บอกริลณีว่า...“ผลกรรมที่โยมก่อไว้ มันมากมายเกินกว่าที่จะทำให้โยมได้อยู่กับคนที่รัก ถึงแม้ว่าโยมจะอยู่ในภพเดียวกันแล้ว แต่ผลกรรมต่างกันกรรมที่เกิดจากความแค้น กรรมที่เกิดจากความอาฆาต กรรมที่โยมสร้างมันขึ้นมา โยมต้องชดใช้กรรมที่โยมก่อไว้”

“กรี๊ดดดด...ทำไมคุณไม่กลับมา...” ริลณีแผดเสียงอย่างคลุ้มคลั่งไม่หยุด

บ้านเรือนไทยเวลานี้เป็นบ้านร้างที่มีเสียงหวีดร้อง สะอื้น คร่ำครวญ และที่ระเบียงบ้านริลณียังนั่งรอเตชินอยู่วันแล้ว...วันเล่า...ด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจไปไหนได้ บาปกรรมที่เธอก่อไว้จะไม่มีวันให้เธอได้พบกับคนที่รักไปตลอดกาล...

ooooooo

-อวสาน-
ที่มา ไทยรัฐที่บ้านเรือนไทย บรรยากาศฟุ้งๆเหมือนอยู่ในความฝัน...เตชินนั่งอยู่ที่ระเบียงท่าทางสบายๆ หน้าตามีความสุข พอเขาหันไปเห็นริลณีเดินหน้าเครียดเข้ามา ก็รีบลุกไปหาด้วยความดีใจ ถามว่าไปไหนมาตนมารออยู่ตั้งนาน

“กลับไปค่ะเตชิน คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้” ริลณีเสียงเครียด เตชินถามว่าทำไม ก็ที่นี่เป็นบ้านของเรา “คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณอยู่ คุณต้องตาย”

เตชินแปลกใจ ไม่เข้าใจ จนกระทั่งริลณีมองที่ลำตัวเขา เตชินก้มมองจึงเห็นแผลที่ถูกเอกราชยิงที่กลางลำตัวเลือดไหลไม่หยุด เขาถามริลณีงงๆว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผม...” ถามแล้วทรุดลงกับพื้นเพราะเสียเลือดมาก ริลณีเอาฝ่ามือปิดแผลห้ามเลือดให้เขา ปลอบใจ ว่าไม่ต้องกลัว ตนจะไม่มีวันให้เขาเป็นอะไรเด็ดขาด

ที่แท้เตชินหมดสติอยู่ในรถพยาบาล พยาบาลแปลกใจที่อยู่ๆเลือดที่แผลเขาก็หยุดไหล ชมพูที่นั่งอยู่ในรถพยาบาลด้วยมองหน้าพยาบาลถามอย่างตื่นเต้นว่า “พี่เตชินจะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ” พลันทุกคนก็ตกใจเมื่อพยาบาลร้องอย่างตกใจว่า

“คนไข้หัวใจหยุดเต้น!!” พยาบาลรีบใช้มือช่วยปั๊มหัวใจ ชมพูร้องเรียกเตชินอย่างตกใจสุดขีด

ในอีกมิติหนึ่ง...ริลณีเห็นเตชินกลับมา เธอถามว่า ทำไม เขาบอกว่า “ถ้าผมตาย ผมจะได้มาอยู่กับรินที่นี่ไง” ริลณีบอกว่าตนไม่ต้องการอย่างนั้น มันยังไม่ถึงเวลาของเขา แต่เตชินจะตายให้ได้ บอกเธอว่า “เวลาที่เหลือ ของผมคงไม่มีความหมาย ถ้าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว”

ริลณีพยายามช่วยไม่ให้เขาตาย แต่เตชินจะตายให้ได้ ทั้งสองยื้อยุดชีวิตกัน ท่ามกลางความวุ่นวายของแพทย์ พยาบาลที่ช่วยกันปั๊มหัวใจเตชินกันในห้องและชมพูที่ยืนร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความเป็นห่วงเตชินอยู่หน้าห้อง โดยมีเอทีเอ็มกอดปลอบ

ระหว่างนั้นพยาบาลแจ้งว่าเตชินเสียเลือดมากและเลือดในคลังตอนนี้ก็ไม่พอ ชมพูผละจากเอทีเอ็มวิ่งเข้าไปบอกพยาบาลว่าให้เอาเลือดของตนเพราะเลือดกรุ๊ปเดียวกัน พยาบาลจึงพาชมพูออกไป

ชัช เฟื่องฟ้า และเอทีเอ็ม มองอึ้งกับความเด็ดเดี่ยวของชมพูที่ยอมเสียสละทุกสิ่งอย่างของตัวเองเพื่อเตชิน

เตชินกับริลณียังยื้อยุดกันอยู่ที่ระเบียงบ้านเรือนไทย เตชินไม่ยอมให้ริลณีทำผิดซ้ำอีกและจะตามไปอยู่ด้วยกันให้ได้

“ไม่ค่ะ ถึงคุณจะตาย เราก็ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน รินทำบาปทำกรรมไว้มาก ไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิดที่ไหน เพราะฉะนั้นคุณต้องกลับไปใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข แทนรินด้วย...คุณช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว กลับไปได้แล้วค่ะ เตชิน”

“ไม่!! ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับคุณ”

“คุณ ต้อง กลับ ไป !!!” ริลณีโกรธ ตวาดแววตา ดุร้ายเอาเรื่องแล้วผลักเตชินหงายหลังตกระเบียงไป!!

ooooooo

ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล เตชินนอนไม่ได้สติอยู่หลายวัน ริลณีมายืนที่ปลายเตียงบอกว่า เขาปลอดภัยแล้วและตนก็ต้องไปแล้ว เตชินถามว่าเธอจะไปไหน ริลณีไม่ทันตอบ ชมพู ชัช เอทีเอ็มและเฟื่องฟ้าก็ผลักประตูเข้ามา

“พี่เตชินฟื้นแล้ว” ชมพูโผไปที่เตียงร้องไห้ด้วยความดีใจ เตชินถามว่าร้องไห้ทำไม “ก็พี่เตชินนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ตั้งหลายวันแล้วนี่คะ ชมพูดีใจมากนะคะ ที่พี่เตชินไม่เป็นอะไร ตอนที่เห็นพี่เตชินถูกยิง ชมพูคิดว่าพี่เตชินจะ...”

ริลณีพุ่งเข้ามายื่นหน้าจ้องชมพูเขม็ง เตชินชะงัก บอกชมพูว่า

“ถ้า..ถ้าไม่มีใครพาพี่กลับมา พี่คงตายไปแล้ว”

เอทีเอ็มบอกว่ายังตายไม่ได้ เขาต้องลากคอสองคนที่เหลือมาลงโทษให้ได้ก่อน เตชินมองทุกคนงงๆ เอทีเอ็มเล่าว่า

“ตอนที่ตำรวจไปถึง พบศพปริมลดากับศพหมอผีที่ชื่ออาจารย์ดำที่ถูกฆ่าแล้วเอาศพมาฝังไว้กับขวดขังวิญญาณริลณี พวกเรามั่นใจว่าเอกราช ประวิทย์ ปริมลดา ต้องเป็นคนฆ่าหมอผีนั่นแน่ๆ” เตชินถามว่าแล้วเอกราชกับตุลเทพล่ะ เฟื่องฟ้าบอกว่าหนีไปแล้ว ชัชบอกว่ายังไง ตำรวจก็ต้องตามจับให้ได้ แค่ที่พวกมันยิงเขาและไล่ฆ่าพวกตนก็ติดคุกหัวโตแล้ว

“ไม่ต้องห่วงนะคะเตชิน รินจะแก้แค้นให้คุณเอง ใครที่ทำให้คุณต้องเจ็บ คนนั้นต้องตาย” ริลณีบอกแล้วหายตัวไป

“ริน!!” เตชินตะโกนเรียกจะลุกตามไปแต่เจ็บแผลจนร้อง ชมพูบอกว่ายังลุกไม่ได้ เตชินยังพร่ำบอกว่า “รินจะไปฆ่าพวกนั้น พวกเราต้องรีบไปห้ามอย่าให้รินทำบาปเพิ่มขึ้นอีก”

เฟื่องฟ้าตกใจถามว่าริลณีอยู่แถวนี้หรือ ชัชบอกว่าเตชินเจ็บขนาดนี้จะเอาแรงที่ไหนไปช่วย เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เตชินยังดิ้นรนที่จะลุกไป ชัชพูดจริงจังว่า

“ฟังนะไอ้เต! ไม่ว่าแกหรือฉันหรือใครหน้าไหนก็ห้ามรินไม่ได้หรอก ยิ่งพวกมันทำกับแกหนักขนาดนี้ รินไม่มีวันหยุดแน่!!”

ooooooo

และเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ชัชพูด ขณะที่เอกราชกับตุลเทพกำลังเตรียมหนีกันอยู่นั้น ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเมื่อเอกราชหาว่าตุลเทพจะหนีเอาตัวรอด

เอกราชบอกว่าถึงเขาหนีรอดจากตำรวจก็ไม่รอดเงื้อมมือริลณีไปได้ เพราะริลณีต้องตามมาแก้แค้นแน่และตอนนี้เราก็ไม่มีอะไรป้องกันตัวอีกแล้วด้วย ตุลเทพบอกว่าตนมีเครื่องรางของขลังในห้องนี้

พริบตานั้น ริลณีปรากฏร่างจ้องทั้งสองอย่างเคียดแค้น บอกด้วยเสียงน่ากลัวว่า

“ไม่มีเครื่องรางของขลังไหนคุ้มครองคนเลวๆ อย่างพวกแกได้หรอก” สิ้นเสียงริลณี เครื่องรางของขลังในห้องตุลเทพก็มอดไหม้เป็นจุณ! ทั้งสองจะวิ่งหนี ริลณีพุ่งไปขวาง “ฉันพยายามอภัยให้พวกแกทุกคนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีใครสำนึก กลับทำร้ายฉันกับคนที่ฉันรักครั้งแล้วครั้งเล่า มันถึงเวลาที่เวรจองเวร เลือดต้องล้างด้วยเลือด ชีวิตต้องไถ่ด้วยชีวิตแล้ว”

ริลณีสนุกกับความกลัวตายของเอกราชและตุลเทพ ในยามนี้ทั้งสองไม่มีคำว่าเพื่อนเหลืออยู่ ต่างโยน ความผิดให้กันเพื่อเอาตัวรอด ริลณีตัดสินว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้ฆ่ากันเองก็แล้วกัน เธอสะกดให้ทั้งคู่ที่ถือมีดแหลมคนละเล่มจ้องแทงใส่กัน ริลณีสะใจสมเพชเมื่อเห็นทั้งสองกลัวตายจนน้ำตาร่วง

“ฉันจะให้แกสองคนค่อยๆตายช้าๆ จะได้ซึมซับ ความเจ็บปวดและทรมานก่อนตายให้มากที่สุด” ริลณี จ้องไปที่มือของทั้งคู่บังคับให้ใช้ปลายมีดกรีดไปในเนื้อ ของอีกฝ่ายและกดลึกลงไป...ลึกลงไป!

เตชินที่อยู่โรงพยาบาลลุกพรวดเมื่อรับรู้ว่าริลณีกำลังทำอะไร บอกชมพูที่เฝ้าอยู่ว่าตนจะไปห้ามริลณี ตนจะไม่ยอมให้เธอทำบาปเพิ่มอีก ชมพูพยายามห้ามแต่เตชินจ้องหน้าเธอบอกว่า “แต่พี่ต้องช่วยริน...”

ขณะที่เอกราชกับตุลเทพต่างโวยวายที่ถูกอีกฝ่ายแทงนั้น ริลณีจ้องไปที่มีดบังคับให้กดลึกลงไปอีกแต่ทำไม่ได้แล้ว! เธอแปลกใจ พลันก็ได้ยินเสียงเตชินแว่วมา...

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดช่วยหยุดริลณีหากว่าเขากำลังคิดจะฆ่าใคร ขอให้เขาได้รับรู้ว่า การฆ่าคนเป็นบาป ยิ่งเป็นการก่อเวรก่อกรรมต่อกันไม่มีวันจบสิ้นและไม่มีวันทำให้เขาพ้นทุกข์ที่กำลังเป็นอยู่ได้”

ริลณีจ้องแสงสีทองที่มาขวางคมมีดด้วยความโกรธ แล้วเธอก็หายตัวไปจากตรงนั้น พอเอกราชกับตุลเทพเห็นริลณีหายไปแล้วก็พากันวิ่งหนีออกจากห้อง

ooooooo

ขณะเตชินกำลังไหว้พระอยู่ที่หน้าหิ้งพระเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลนั้น ริลณีเข้ามามองเขาพูดด้วยความโกรธจัด

“พวกมันทำร้ายคุณ ทำร้ายรินขนาดนี้แล้ว คุณจะช่วยพวกมันอีกทำไม!!...รินกำลังจะฆ่ามันได้อยู่แล้ว”

“หยุดเถอะนะริน อย่าฆ่าใครอีกเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ กับผม มันอาจจะเป็นเพราะพวกเราสองคนเคยทำอะไรร้ายแรงกับพวกเขาในอดีตหลายๆชาติ หลายๆภพ พวกเขาถึงได้ตามมาทำร้ายพวกเราอย่างนี้ ถ้าไม่มีใครหยุดการจองเวรซึ่งกันและกัน ก็คงไม่มีวันหยุดบ่วงกรรมนี้ได้หรอก”

“คุณจะขอให้รินหยุด ทั้งๆที่รินเป็นฝ่ายโดนทำร้ายมาตลอด ทั้งตอนที่มีชีวิตและที่ตายไปแล้วเหรอคะ มันไม่ยุติธรรมกับริน มันไม่ยุติธรรมจริงๆ” เตชินถามว่าแล้วการฆ่าพวกเขามันยุติธรรมแล้วหรือ “ใครทำอะไรเอาไว้ก็ต้องได้รับผลที่ทำไม่ใช่เหรอคะ”

“แล้วรินจะได้อะไร ในเมื่อรินยิ่งทำก็ยิ่งมีบาปติดตัวไม่จบไม่สิ้น ผมไม่อยากให้รินตกนรกไม่อยากให้รินทรมานกับบาปกรรมที่รินต้องชดใช้ไม่มีวันหมดสิ้น”

“ไม่มีอะไรทรมานกว่าความแค้นที่รินมีอยู่ตอนนี้หรอกค่ะ สำหรับริน ความแค้นก็ทำให้รินเหมือนอยู่ในนรกทุกวันอยู่แล้ว ถึงจะไปอยู่ในนรกจริงๆ มันก็คงไม่แตกต่างอะไร คุณอย่าขวางรินอีกเลยค่ะ ถ้าคุณรักริน ขอให้รินได้แก้แค้น มันเป็นวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยรินจากความทรมาน”

“ไม่...ริน... ผมปล่อยให้คุณไปทำผิดไม่ได้”

“คุณห้ามรินไม่ได้หรอกค่ะเตชิน ยังไงพวกมันสองคนก็ต้องตาย!!” ริลณีมองเตชินอย่างน่ากลัว เต็มไปด้วยความแค้นอย่างไม่มีใครจะหยุดเธอได้ แล้วเธอก็หายตัวไป

เตชินพยายามตะโกนเรียก อ้อนวอน แต่ในที่สุดเขาก็ทรุดลงอย่างสิ้นหวัง

ooooooo

ตุลเทพกับเอกราชขับรถหนีตายกันอย่างไร้เป้าหมาย ทั้งคู่ทะเลาะกันมาตลอดทางว่าจะหนีไปไหนใครจะช่วยพวกตนได้ ตุลเทพคิดได้ว่าผีต้องกลัวพระ จึงเลี้ยวรถเข้าวัดที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนที่ริลณีจะตามมาทัน

ทั้งสองเลี้ยวรถเข้าไปในวัดที่หลวงตาคงกำลังนั่งทำสมาธิอยู่พอดี! ท่านลืมตามองทั้งสองที่เดินเข้ามาถามด้วยความเมตตา “หนีร้อนมาพึ่งเย็นเหรอโยม”

เอกราชกับตุลเทพเข้าไปไหว้หลวงพ่อขอนอนในโบสถ์สักวันสองวันได้ไหม หลวงพ่อถามว่าหนีอะไรมา ตุลเทพบอกว่าหนีผี มีผีพยายามจะฆ่าพวกตน หลวงพ่อถามว่าไปทำเวรทำกรรมอะไรกับเขามาเขาถึงได้แค้นขนาดนั้น

“หลวงพ่อจะถามมากทำไมเนี่ย” เอกราชเหวี่ยงใส่ ตุลเทพหันปรามเอกราชก่อนตอบหลวงพ่ออย่างใจเย็นว่าพวกตนก็ไม่รู้

“ถ้าโยมไม่รู้ก็คงช่วยได้ยาก แต่ถ้ารู้อาตมาก็อยากให้โยมขอโทษในสิ่งที่โยมทำกับเขา บางทีความโกรธที่เขามีอาจจะเบาลงมาบ้างก็ได้”

“จะให้ขอโทษนังผีบ้านั่น ไม่มีทางหรอก หลวงพ่อจะให้อยู่ที่นี่หรือไม่ให้อยู่ก็บอกมาเร็วๆเถอะ พูดมากเสียเวลา” เอกราชโมโห หลวงพ่อบอกว่าท่านไม่มีปัญหาอยู่แล้ว วัดนี้เป็นของทุกคน บอกทั้งสองว่าขอให้พักผ่อนให้สบาย อยู่ในที่แบบนี้จิตใจที่ร้อนรุ่มอาจจะเย็นลงได้บ้าง หลวงพ่อยิ้มให้อย่างเมตตาแล้วเดินออกไป เอกราชฟังแล้วโวยไล่หลังไปอย่างไร้ทั้งหิริโอตตัปปะและสัมมาคารวะว่า “เย็นลงงั้นเหรอ ลองมาโดนผีไล่ฆ่าดูบ้างสิ จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”

เมื่อหลวงพ่อออกจากโบสถ์ก็เห็นริลณียืนรออยู่ ท่านถามว่า “ดับความโกรธแค้นไม่ได้เหรอโยมริลณี!!”

ริลณีก้มกราบเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่าพวกมันฆ่าตน ถึงเวลาที่มันต้องชดใช้กรรมแล้ว หลวงพ่อติงว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ริลณีสวนทันทีว่า “ดิฉันขอรับกรรมที่ก่อ ขอแค่ได้แก้แค้นพวกมัน” หลวงพ่อถามว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจโยมได้เลยใช่ไหม ริลณีตอบเสียงแข็งแววตากร้าวว่า “ไม่มีค่ะ”

“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรมของมันสินะ ถ้างั้นอาตมาจะขอชีวิตสองคนนั้น ขอให้โยมอย่าทำร้ายพวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในวัดแห่งนี้จะได้ไหม”

“ถ้าอาจารย์ขอ ฉันก็จะให้ แต่ถ้ามันออกจากวัดนี้เมื่อไหร่ มันสองคนต้องตาย!!” หลวงพ่อพยักหน้าปลงๆ ก่อนเดินออกไป ริลณีมองเข้าไปในโบสถ์พึมพำยิ้มร้าย “ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนชั่วอย่างพวกนั้น จะทนอยู่ในวัดได้นานเท่าไหร่”

ริลณีกลับไปยืนดูเตชินที่ห้องพักคนไข้ในโรง พยาบาล ชมพูเปิดประตูเข้ามาเธอตกใจผงะเมื่อเห็นริลณีมาเฝ้าเตชินอยู่ข้างเตียง เธอถูกริลณีมองอย่างเคียดแค้นเกลียดชัง ชมพูกลัวจนตัวสั่นทนไม่ไหวเลยเปิดประตูวิ่งหนีออกไป ริลณียังมองตามไปด้วยสายตาเคียดแค้นอย่างที่สุด

ชมพูวิ่งออกไปยกมือกุมหน้าอกยืนหอบใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต

ooooooo

ตุลเทพนอนอยู่ในโบสถ์สบายๆ แต่เอกราชเดินพล่านโวยวายอย่างหงุดหงิดว่าดูทีวีก็ไม่ได้ เล่นมือถือก็ไม่มีสัญญาณแถมยังไม่มีอะไรกินอีก ถามอย่างหัวเสียว่าเราต้องอยู่ในนี้อีกนานเท่าไร ตุลเทพสวนไปว่าตนเองก็เกร็งเหมือนกัน

ขณะนั้นหลวงพ่อคงเดินนำลูกศิษย์ที่นำอาหารเข้ามาวางให้ เอกราชชำเลืองอาหารแล้วเบ้หน้าถามว่าไม่มีอะไรที่มันอร่อยกว่านี้หรือ หลวงพ่อบอกว่าอาหารจากการบิณฑบาตเราเลือกไม่ได้หรอก เอกราชถามว่าจะให้เงินไปซื้อมากินได้ไหม

“ก็สุดแท้แต่โยมเถอะ แต่โบราณท่านว่า ถ้าลำบากก็อย่าเลือกกิน”

เอกราชขัดหลวงพ่อทันทีว่าอย่าเพิ่งเทศน์ได้ไหมคนกำลังเครียด ตุลเทพถามว่าหลวงพ่อมีทางช่วยพวกตนไหมถ้าต้องหลบผีอยู่อย่างนี้พวกตนคงเฉาตายแน่ หลวงพ่อบอกว่าทางก็มีอยู่แต่พวกเขาจะเดินหรือเปล่า?

ทั้งสองตื่นเต้นนึกว่าหลวงพ่อมีเครื่องรางของขลังอะไร แต่พอหลวงพ่อบอกว่า “ถ้าโยมสองคนอยากรอด ก็บวชแล้วอยู่ในวัดนี้ซะ” เอกราชก็โวยว่าขืนต้องอยู่ถาวรแบบหลวงพ่อพวกตนคงตายแน่ ตุลเทพถามว่าไม่มีทางอื่นแล้วหรือ

“อาตมาช่วยโยมได้แค่นั้น โยมจะทำตามหรือไม่ก็สุดแท้แต่โยมเถอะ” หลวงพ่อบอกแล้วเดินออกไป

เอกราชพูดปรามาสว่าเป็นพระเสียเปล่าไม่รู้วิธีปราบผีเลย ลูกศิษย์หลวงพ่อบอกว่าท่านเป็นพระสายปฏิบัติไม่ใช่สายปราบผีแต่ถ้าพวกเขาอยากได้ของดีตนมีให้ แล้วควักตะกรุดมาโชว์ “ตะกรุดกันผีทำมาจากตะปูโลงผี 7 วัด”

ตุลเทพที่พอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้างตาโต บอกเอกราชว่านี่แหละของดีสุดยอดเครื่องรางกันผีหาไม่ได้ง่ายๆ ตอนเล่นของตนพยายามหาแทบตายก็หาไม่ได้ แล้วหันถามลูกศิษย์หลวงพ่อว่า มีอันเดียวหรือ

“มีแค่นี้แหละพี่ ผมเห็นพวกพี่เดือดร้อนก็เลยเอามาให้” ตุลเทพถามว่าพวกตนมีสองคนแต่มีตะกรุดอันเดียว “เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ แต่พวกพี่เป็นเพื่อนกันก็ปันกันเองแล้วกัน” พูดจบก็วิ่งออกไปเลย ไม่สนใจว่าทั้งสองจะจัดการอย่างไร

ทั้งตุลเทพและเอกราชต่างระแวงกัน ดึกคืนนี้ ตุลเทพนึกว่าเอกราชหลับแล้ว แอบไปหยิบตะกรุดจะออกไป เอกราชถามว่าจะทำอะไร ตุลเทพบอกว่าหิวน้ำจะลุกไปกินน้ำหน่อย เอกราชระแวงว่าตุลเทพจะขโมยตะกรุดหนีเอาตัวรอดคนเดียว ตุลเทพถามอย่างรู้ทันว่าแล้วดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับ คิดจะขโมยตะกรุดและแอบหนีไปเหมือนกันใช่ไหม เย้ยว่า

“แต่งานนี้ใครดีใครได้เว้ย” พูดจบก็คว้าตะกรุดวิ่งหนีออกจากโบสถ์ไปต่อหน้าต่อตา เอกราชวิ่งตามตะโกนลั่น

“เฮ้ย...หยุดนะ...ฉันไม่มีวันให้แกหนีรอดไปคนเดียวหรอก!”

ooooooo

ตุลเทพคว้าตะกรุดวิ่งหนี เอกราชไล่ตามแย่งกันเอาเป็นเอาตาย เอกราชตะโกนว่าจะไม่ยอมให้ตุลเทพหนีไปได้คนเดียวเด็ดขาด

ทั้งสองแย่งกันจนตะกรุดกระเด็นไป ต่างยื้ออีกคนไว้แล้วพยายามไขว่คว้า ขณะมือกำลังจะคว้าถึงตะกรุดนั้น เท้าใครคนหนึ่งก็มาเหยียบขยี้ตะกรุดจนแหลกละเอียด พอเงยหน้ามอง ทั้งเอกราชและตุลเทพก็แทบช็อกเมื่อเห็นริลณียืนแสยะยิ้มอยู่!

“พวกแกนี่มันน่าสมเพชจริงๆ เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งนาน แต่มาทะเลาะกันเพราะแย่งของที่ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด”

พอเห็นริลณี ทั้งสองก็ผวา ต่างตะกุยตะกายวิ่งกลับไปที่โบสถ์ ริลณีมองตามหัวเราะอย่างสมเพช

“หลบไปเถอะ ยังไงฉันก็รอได้ อยากรู้เหมือนกันว่า พวกแกกับฉันใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะของริลณีกึกก้องประสานกับเสียงหมาหอนโหยหวนไปทั่วบริเวณ

เอกราชกับตุลเทพมุดเข้าไปซุกอยู่ในโบสถ์ตัวสั่นเทา

ooooooo

แต่เมื่อเสียงทำวัตรเย็นของพระแว่วมา ทั้งสองก็ย่องไปที่กุฏิหลวงพ่อคง ตุลเทพถามกลัวๆว่า

“แน่ใจนะว่าจะไม่มีใครขึ้นมาเห็นพวกเรา”

“พระทั้งวัดไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันหมด ใครจะมาเห็นเรา” เอกราชตอบอย่างมั่นใจ

“แต่เราขึ้นมาขโมยของบนกุฏิพระมันจะดีเหรอวะ”

“เราไม่ได้มาขโมยของมีค่า แค่จะมาหาอะไรป้องกันตัวนิดหน่อย ฉันว่าหลวงพ่อนั่นต้องมีอะไรดีๆ ติดตัวบ้างล่ะ”

ทั้งสองเข้าไปรื้อค้นข้าวของในกุฏิหลวงพ่อท่ามกลางเสียงสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่แว่วเข้ามาตลอดเวลา

ขณะตุลเทพเปิดตู้เก็บหนังสือที่อยู่ในห้องก็เจอห่อกระดูกมีชื่อ “ริลณี รักถิ่น” เขียนไว้บนผ้าดิบ

“เอกราช...นายมาดูอะไรนี่ ฉันว่าเราเจอของดียิ่งกว่าเครื่องรางกันผีแล้วว่ะ” ตุลเทพตื่นเต้น หยิบห่อผ้าขาวออกมาบอกเอกราชว่า “กระดูกผีริลณี คิดว่าไอ้เตชินมันคงเอามาฝากไว้ก่อนจะทำพิธี ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มาเจอของดีแบบนี้”

เอกราชที่ไม่ประสากับเรื่องเหล่านี้ถามว่าดียังไง ตุลเทพพูดอย่างผู้รู้ว่า

“วิธีจัดการผีเฮี้ยนๆดีที่สุดน่ะ ก็คือการเอาร่าง หรือกระดูกมาเผาเพื่อส่งวิญญาณมันไปนรก ถ้าเราเผากระดูกนี่ ก็เท่ากับเราฆ่าฝังกลบส่งมันไปอยู่ในนรกอย่างสมบูรณ์”

เอกราชและตุลเทพมองหน้ายิ้มให้กันอย่างสะใจ เอกราชยิ้มร้ายพึมพำ

“นังริลณี คราวนี้แกตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดสมใจแน่”

แล้วทั้งสองก็รีบเอาห่อกระดูกออกไป

ooooooo

ชมพูปรารภกับเอทีเอ็มขณะคุยกันที่บ้านเด็กกำพร้าว่า ริลณีอาจไม่พอใจตน มักมองตนด้วยสายตาที่มองคนที่ฆ่าเธอเหมือนที่มองเอกราช ตุลเทพและปริมลดา

เอทีเอ็มติงว่าเธอคิดมากไปเองมากกว่าเพราะริลณีเป็นเพื่อนรักกันจะมาโกรธเกลียดเธอทำไม

“เขาอาจจะไม่พอใจที่ฉันไปยุ่งกับพี่เตชินมากก็ได้”

“คิดมากไปใหญ่แล้ว รู้ตัวไหมเนี่ยว่าตัวเองฟุ้งเว่อร์ ไปแล้ว ดึงสติกลับมาหน่อย อย่าคิดมาก จำเอาไว้ รินไม่มีทางเกลียดเพื่อนของตัวเอง” เอทีเอ็มย้ำ แม้ชมพูจะยิ้มเหมือนเชื่อแต่เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดมากหรือเพ้อไปเองแน่นอน

เย็นวันนี้ ขณะชมพูเข็นวีลแชร์พาเตชินชมสวนบนดาดฟ้าโรงพยาบาลเพื่อผ่อนคลายนั้น เห็นเตชินเครียดเธอปลอบเขาว่า

“พี่เตชินอย่าโกรธรินเขาเลยนะคะ ถึงเขาจะทำสิ่งไม่ดี แต่เขาก็รักพี่เตชินมากนะคะ พี่เตชินอาจจะไม่รู้ รินเขามาดูแลพี่เตชินที่โรงพยาบาลทุกวันเลย”

“แล้วเอกราชกับตุลเทพล่ะ เขาสองคน??...” เตชิน ตัดสินใจถามเรื่องที่เขากังวลใจ

“ชมพูยังไม่ได้ข่าวอะไรนะคะ ดูเหมือนสองคนนั้นจะหนีไปหลบอยู่ที่ไหนสักที่นึง” เตชินแอบดีใจว่าริลณี ยังไม่ได้ฆ่าพวกเขา เสนอว่าตนอยากเจอริลณี ถามว่าเธออยู่ที่ไหน

เพียงเขาพูดถึงร่างริลณีก็มาปรากฏตรงหน้า เขาถามว่าเธอเปลี่ยนใจที่จะไม่ฆ่าพวกนั้นแล้วใช่ไหม

“รินยังไม่ฆ่าพวกมัน เพราะยังไม่ถึงเวลาต่างหาก” พลันริลณีก็ชะงักเหมือนรับรู้อะไรบางอย่าง ยิ้มน่ากลัวก่อนบอกเขาว่า “แต่ดูเหมือนตอนนี้จะถึงเวลาแล้ว รินขอร้อง...ถ้าคุณรักริน ขอให้รินได้แก้แค้น อย่าพยายามช่วยพวกมันอีก!!”

พูดจบริลณีก็หายไปทันที เตชินตกใจพยายามร้องห้าม จนชมพูถามงงๆว่าเป็นอะไรหรือ เขาบอกว่า ริลณีกำลังจะไปฆ่าเอกราชกับตุลเทพตนต้องไปหยุดเธอ แล้วพยายามจะลุกขึ้น ชมพูบอกว่าเขาไปไม่ได้ถ้าแผลแตกอีกคราวนี้จะอันตรายมาก แต่เมื่อเตชินจะไปให้ได้ เธอจึงบอกเขาว่า

“พี่เตชินไม่ต้องไปหรอกค่ะ ชมพูจะไปเอง...ชมพูเป็นเพื่อนรักเขา ถ้าชมพูพูดเขาอาจจะยอมฟังก็ได้”

ชมพูรีบไปเข้าลิฟต์พร้อมกับพยายามโทร.หาเอกราช ทีแรกไม่มีคนรับสาย ต่อมามีคนกดรับสาย ชมพูรีบโพล่งไปทันที

“เอกราช...นายอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าตอนนี้ริลณีเขากำลังจะ...” พูดได้แค่นั้นก็มีเสียงหัวเราะหลอนๆ แทรกเข้ามาอย่างน่ากลัว ชมพูเอามือถือมาดูเห็นหน้าจอยังเป็นปกติ แต่พอเหลือบมองที่พื้นเห็นชายกระโปรงของริลณียืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เธอกลัวจนตัวสั่น พยายามจะหนีแต่ขยับไม่ได้ ริลณีค่อยๆยื่นหน้าเข้ามากระซิบ

“จะโทร.ไปบอกไอ้พวกชั่วว่าฉันจะตามไปฆ่ามันเหรอ นี่เธอจะอยู่ข้างฉันหรืออยู่ข้างพวกมันกันแน่เพื่อนรัก!”

ชมพูอ้อนวอนอย่าฆ่าใครอีกเลย การฆ่าไม่ใช่การแก้ปัญหา อภัยให้พวกเขาเถอะ

“ตัวเธอเองยังอภัยให้คนอื่นไม่ได้ แล้วจะมาขอให้ฉันอภัยให้พวกมันงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก!!!”

ทันใดนั้นลิฟต์เริ่มกระตุกแล้วหยุดกึก ไฟในลิฟต์ก็ดับมืด ชมพูตกใจกรีดร้องสุดเสียง...

ooooooo

เอกราชกับตุลเทพพากันลิ่วไปที่ริมสระน้ำสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำของตุลเทพ รีบก่อไฟจนลุกโชนแล้วเอาห่อกระดูกโยนลงไปในกองไฟ ผ้าห่อกระดูกถูกไหม้จนเหลือแต่กระดูกในกองไฟ

“จบสิ้นสักทีนังริลณี!” เอกราชระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ

“แกคิดว่าทุกอย่างมันจะจบสิ้นง่ายๆ งั้นเหรอ!!”

เสียงริลณีแทรกขึ้นอย่างน่ากลัว แล้วร่างริลณีก็ปรากฏขึ้นกลางกองไฟก้าวออกจากเปลวไฟเหมือนไม่รู้สึกอะไรตุลเทพตาเหลือกถามแทบไม่เป็นภาษาว่า

“ระ...ระ...ริลณี...ทำไมแกถึงไม่ถูกเผา...”

“ก็เพราะกระดูกที่แกเผาไม่ใช่กระดูกของฉันน่ะสิ พวกหน้าโง่”

ทั้งเอกราชและตุลเทพช็อก!!

ที่แท้เมื่อไม่กี่วันก่อน เตชินเอากระดูกของริลณีไปไว้ที่บ้านเรือนไทย แต่เอากระดูกอีกห่อไปไว้ที่วัด หลอกพวกเอกราชว่ากระดูกของริลณีอยู่ที่วัด เพื่อพวกนั้นจะได้ไม่มารบกวนกระดูกของริลณีที่บ้านเรือนไทย

ริลณีหัวเราะสะใจบอกเอกราชกับตุลเทพว่าพวกเขาพลาดอย่างหนักที่ออกมาจากโบสถ์ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกแล้วและตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะสะสางเรื่องราวในอดีตกันเสียที

ตุลเทพกลัวตายหาทางเอาตัวรอด อ้อนวอนริลณี อย่าฆ่าตน ตนไม่ได้เป็นคนฆ่าเธอคนฆ่าเธอคือเอกราช บอกให้ริลณีฆ่าเอกราชเสีย สัญญาว่าตนจะทำบุญไปให้เธอ หรือจะให้ตนฆ่าเอกราชให้ก็ได้

เอกราชช็อกที่ตุลเทพจะฆ่าตนเพื่อเอาตัวรอด

ริลณีฟังตุลเทพยิ้มพอใจ ตุลเทพคิดว่าเธอโอเค จึงหันไปคว้าไม้แถวนั้นฟาดเอกราช เอกราชต่อสู้เพื่อชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็ถูกตุลเทพเอาไม้ฟาดจนหมดสติ

แต่พอฟาดเอกราชจนหมดสติแล้ว ริลณีกลับสะบัดมือที่มีเล็บแหลมยาวกรีดหน้าตุลเทพเป็นแผลยาวด่าว่า “นายนี่มันเลวได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” แล้วตะโกนว่า

“สิ่งเดียวที่กูอยากได้จากมึง ก็คือชีวิตมึง ไอ้ตุลเทพ!!”

ตุลเทพวิ่งไปจะเอารถเอกราชขับหนีแต่ไม่มีกุญแจ จะไปเอาที่ตัวเอกราชก็ถูกริลณียืนขวางไว้จึงตัดสินใจวิ่งไปขึ้นเจ็ตสกีที่จอดอยู่ขับออกไป

ระหว่างทางตุลเทพให้กำลังใจตัวเองว่าอีกนิดเดียวก็ถึงฝั่ง พอขึ้นฝั่งก็เจอวัดแล้ว แต่จู่ๆเจ็ตสกีก็ดับกลางน้ำ ตุลเทพตัดสินใจกระโดดลงน้ำว่ายไป แต่ก็ถูกริลณีที่อยู่ใต้น้ำดึงจมน้ำลงไปทุกที ซ้ำพอดิ้นหลุดทะลึ่งพรวดขึ้นเหนือน้ำฮุบอากาศหายใจ ก็ถูกเจ็ตสกีที่ไม่มีคนขับพุ่งเข้าชนอย่างแรงจนบาดเจ็บสาหัส

ในที่สุดตุลเทพก็ถูกริลณีดึงลงใต้น้ำดิ้นทุรนทุรายขาดใจตายอย่างอนาถอยู่ใต้น้ำ

จัดการตุลเทพแล้ว ริลณีไปจัดการเอกราชต่อ เอกราชที่ฟื้นแล้วลุกขึ้นวิ่งไปที่รถของตนขับหนีออกไปทันที

ooooooo

ชมพูค้างอยู่ในลิฟต์ที่ไม่มีไฟ เตชินพยายามโทร.หาชมพูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ

“ปกติชมพูไม่เคยปิดเครื่อง หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชมพู...”

เตชินเป็นห่วงชมพูมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ในขณะที่ชมพูก็ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในลิฟต์ พยายามช่วยตัวเอง แต่ทั้งตกใจ อ่อนเพลีย และอากาศน้อยลงทุกที จนเธอหมดสติไปในลิฟต์นั่นเอง

เอกราชขับรถตะบึงไปพลางโทรศัพท์อย่างร้อนรน

“พ่อ!! ผมจะไปฮ่องกง ให้คนเตรียมตั๋วเครื่องบินให้ผมด้วย ทันทีที่ผมไปถึงสนามบินผมต้องการไปให้เร็วที่สุด”

พอวางสายจากพ่อ เอกราชก็ถูกริลณีหลอกหลอนจนขวัญผวา เสียงเพลงไทยเดิมแว่วขึ้น เอกราชเหลือบมองไปที่เบาะหลัง ก็ไม่เห็นอะไร แต่พอเขาถอนใจโล่งอก ก็ช็อกเมื่อเห็นริลณีในสภาพผีเฟอะหนองเยิ้มนั่งคู่มากับตนด้านหน้า

เอกราชเบรกรถเอี๊ยด... มองไปอีกทีริลณีหายไปแล้ว เขากลัวจนสติแตก คว้าปืนในรถลงไปร้องท้าอย่างบ้าคลั่ง

“แน่จริงก็ออกมาสิวะ นังผีบ้า ก็อยากรู้เหมือนกันว่าผีกับปืน อะไรมันจะเจ๋งกว่ากัน”

พลันก็เห็นเงาคนแว่บผ่านข้างหน้า...เขาหันยิงก็ไม่มีอะไร เงาแว่บผ่านข้างหลังก็ยิงใส่อีก รัวจนกระสุนหมดก็ไม่มีอะไรอีก แล้วริลณีก็หายไป เอกราชตะโกนอย่างผยอง

“โธ่เอ๊ย...นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็แพ้ปืน ถุย!!”

เอกราชรู้สึกฟินสุดๆ ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

ooooooo

ณ โรงแรมหรูในฮ่องกง...

เอกราชเปิดประตูเข้าห้องพัก เดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ถอนใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

“เฮ้อ...ต่อให้นังริลณีกลับชาติมาเกิดใหม่ มันก็คงตามมาเล่นงานเราถึงที่นี่ไม่ได้แน่” พลางหยิบเวลคัม ดริ๊งก์ขึ้นจิบสบายใจ หยิบรีโมตขึ้นเปิดทีวีดูอย่างผ่อนคลาย

แต่เอกราชกลับเครียด เมื่อในทีวีมีภาพเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันเอาศพตุลเทพขึ้นจากบึง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“พบศพนายตุลเทพ เศวตชัย เจ้าของบึงเจ็ตสกีสุดชิค ขวัญใจวัยรุ่นลอยอืดสยองอยู่กลางบึง สันนิษฐานเบื้องต้นน่าจะถูกเจ็ตสกีชนและขยี้หัวเละจนดับสยอง”

เอกราชหัวเราะสะใจพึมพำ “แล้วคนที่รอด ก็ไม่ใช่นาย หึๆ” แล้วกดเปลี่ยนช่อง กลายเป็นภาพข่าวเจ้าหน้าที่กำลังเก็บศพปริมลดาออกจากท่อที่ตกลงไปถูกเหล็กแหลมเสียบตายอย่างสยดสยองไม่แพ้ข่าวตุลเทพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“สาเหตุเบื้องต้นการตายของดาราสาว น่าจะมาจากความประมาท ที่ทำให้ลื่นล้มจนตกลงมาถูกเหล็กเสียบตายสยอง แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่า ดาราดังไปทำอะไรในเขตก่อสร้างจนเกิดอุบัติเหตุตายอนาถแบบนี้”

เอกราชเปลี่ยนช่องหมายหนีข่าวการตายของ ปริมลดา แต่ก็เจอข่าวการตายของประวิทย์ หงส์หยก เชิงชาย ที่สลับผ่านไปอย่างเร็ว โดยผู้สื่อข่าวรายงานรวมๆว่า

“เจ้าของร้านอาหารอิตาลีชื่อดังย่านสุขุมวิทถูกฆ่าตัดคอดับสยอง...หญิงสาวโดดลงมาจากตึกตาย คาดว่าเกิดจากความเครียดจากข่าวใหญ่ที่รุมเร้า...และเหตุฆาตกรรมสุดแปลก เมื่อเหยื่อถูกยัดดินให้กิน ก่อนจะฝังทั้งเป็นจนตาย”

เอกราชเริ่มมึนงง หยิบรีโมตกดเปลี่ยนช่อง แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปช่องไหน ข่าวพวกนี้ก็ยังวนเวียนให้เห็นอยู่ทุกช่อง จนถึงข่าวสุดท้าย...เป็นภาพเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันดับไฟรถที่ถูกไฟไหม้จนดูซากไม่ออกว่าเป็นรถอะไร พร้อมกับงัดศพคนขับที่ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกออกมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“เกิดเหตุสะเทือนใจ ไฟไหม้รถยนต์หรูโดยไม่มีสาเหตุ คนขับที่อยู่ข้างในตายสยอง”

เอกราชเสียวสันหลังวาบ กลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ รีบกดรีโมตปิดทีวี แล้วก็ผวาเฮือกเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาตะโกนถามว่าใคร! เสียงตอบเข้ามาว่า “Room Service...sir!!”

เอกราชถอนใจโล่งอก พอเปิดประตูเห็นพนักงานเข็นอาหารที่เขาสั่งไว้เข้ามาพร้อมกับพนักงานนวดสาวสวย พนักงานจัดวางอาหารเสร็จ พอเอกราชให้ทิปพนักงานก็ออกไป เหลือแต่พนักงานนวดสาวสวย เอกราชมองตาเป็นมันอย่างถูกใจมาก เธอถามอ่อนหวานว่า “ต้องการนวดแบบไหนคะ”

“ฉันอยากนวดแบบสบายๆ ในอ่างจากุชชี่ได้ไหม”

“ได้ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการค่ะ”

เอกราชยิ้มพอใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ พนักงานนวดยิ้มหวานเดินตามไปทันที พนักงานสาวนวดให้อย่างถูกใจจนเอกราชเคลิ้มรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก บอกให้นวดตรงนั้น ขยี้ตรงนี้ ถามว่าหลังตนตึงมากเลยใช่ไหม

“ใช่ค่ะ ตึงมากขนาดนี้คุณต้องมีเรื่องเครียดมากใช่ไหมคะ”

“มันก็มีแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ฉันหนีมันมาพ้นแล้ว ไม่มีใครหรืออะไรตามมาทำร้ายฉันได้อีกแล้ว” เอกราชหลับตาสบายจนพนักงานที่กำลังนวดให้กลายเป็นริลณีไปก็ไม่รู้ตัว ริลณีเสนอให้บริการพิเศษ เอกราชไม่ปฏิเสธ ริลณีจัดให้ทันที!

เล็บเธอค่อยๆยาว แหลม และคมกริบบรรจงกรีดลงบนแขนเอกราชเป็นริ้วๆ แล้วถลกหนังออกมาโดยที่เอกราชไม่รู้ตัว ถามว่าเธอทำอะไรสบายดีจัง

ริลณีบอกว่าไม่มีอะไรก็แค่ถลกหนังที่มือเขาออก มือเขาจะได้ไม่ไปทำอะไรชั่วๆอีก!

เอกราชสะดุดหู รีบดึงมือไปดูเห็นว่ามือข้างหนึ่งถูกถลกหนังออกเห็นแต่เนื้อแดงๆชุ่มเลือด!

ริลณีหัวเราะสยองและกำลังจะดึงมืออีกข้างไปถลกหนัง เอกราชตกใจกระชากมือกลับร้องแทบไม่เป็นภาษา

“ระ...ริลณี...กะ...กะ...แกตามฉันมาได้ยังไง”

“ต่อให้แกหนีฉันไปไกลแค่ไหน ก็ไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก” ริลณีใช้เล็บแหลมคมกรีดไปบนแขนเอกราชจนเขาร้องลั่นทั้งกลัวและเจ็บปวด

“ม่ายยยยยยย!!!!!”

ooooooo

เอกราชสะดุ้งตกใจตื่นเสียงร้องของตัวเอง พบว่าตัวเองยังหลับฟุบอยู่ที่พวงมาลัยในรถ และรถก็ยังจอดอยู่กลางถนนที่เดิม เขาพึมพำกับตัวเองว่า ฝันไปหรือเนี่ย???

พลันวิทยุในรถก็ดังขึ้น เป็นเสียงรายงานข่าวเดียวกับที่เขาฝันเห็นในทีวี...

“เกิดเหตุสะเทือนใจ ไฟไหม้รถหรูโดยไม่มีสาเหตุ คนขับที่อยู่ข้างในตายสยอง”

เอกราชทนฟังไม่ได้เอื้อมมือจะไปปิดวิทยุ เห็นแขนตัวเองข้างหนึ่งถูกถลกหนังอีกข้างมีรอยกรีดเป็นริ้วๆ เลือดแดงไปทั้งแขน ขณะตกใจแขนของตัวเอง วิทยุในรถก็รายงานข่าวไฟไหม้รถประโยคเดิม รายงานซ้ำๆ ถี่ขึ้น เร็วขึ้น จนเอกราชทนฟังไม่ได้ตะโกน “หยุดสักที... หยุด!!” เสียงวิทยุเงียบไป เอกราชมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว พลันก็เห็นริลณีในสภาพผีที่เน่าเฟะน้ำเหลืองเยิ้มนั่งข้างคนขับมองตนอยู่ พูดอย่างสะใจ!

“คงคิดล่ะสิว่าจะหนีฉันพ้น แต่สุดท้ายแกก็หนีไปไหนไม่รอด แต่ฉันก็ยังใจดีให้แกสมหวังเล็กๆ น้อยๆก่อนตาย ไม่เหมือนพวกแก ทำลายความหวังของฉันไม่มีชิ้นดี คนรักที่แสนดี ครอบครัวที่มีความสุข พวกแกทำลายความสุขที่ฉันรอคอยมาตลอดชีวิต จนกลายเป็นผีที่มีแต่ความแค้น คราวนี้แหละพวกแกจะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดสิ้นหวังที่ฉันได้รับบ้าง”

เอกราชพยายามที่จะเปิดประตูรถหนี แต่ประตูทุกบานถูกล็อก เขาตะโกนถาม “แกจะทำอะไร!”

“แกก็รู้อยู่แล้วนี่” ริลณีตอบเสียงเย็นเยียบน่าสยอง

ทันใดนั้นเสียงวิทยุในรถก็ดังขึ้นในประโยคเดิมซ้ำๆ

“เกิดเหตุสะเทือนใจ ไฟไหม้รถหรูโดยไม่มีสาเหตุ คนขับที่อยู่ข้างในตายสยอง”

“ลาก่อนเอกราช” เสียงริลณีเอ่ยอย่างสะใจแล้วหายไปทันที เอกราชตะเกียกตะกายโวยวายหนีตายแทบคลั่งอยู่ในรถ พริบตานั้นไฟลุกพรึบขึ้นเผารถทั้งคันอย่างรวดเร็ว

ริลณียืนมองเอกราชดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกองไฟอย่างสะใจ ดูจนไฟไหม้ท่วมรถทั้งคัน รถถูกไหม้จนเหลือแต่ซาก และร่างเอกราชก็ถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของริลณีที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

ooooooo

วันต่อมาจึงมีคนมาช่วยชมพูที่ถูกขังอยู่ในลิฟต์ เอทีเอ็มโผเข้าอุ้มชมพูกอดไว้ด้วยความเป็นห่วง ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ชมพูยิ้มบางๆแทนคำตอบก่อนจะหลับตาลงอย่างโล่งใจที่มีคนมาช่วยแล้ว...

ที่บ้านเด็กกำพร้า เฟื่องฟ้าวางแท็บเล็ตที่เขียนข่าวการตายของพวกเอกราชทั้งหกคนลงบนโต๊ะบอกเพื่อนๆว่า

“คดีของรินจบแล้ว”

ชมพูเชื่อว่าเวลานี้ริลณีก็คงไปอยู่ในที่สงบแล้ว พลางชมพูก็หยิบซองสีน้ำตาลยื่นให้เฟื่องฟ้า บอกว่า คุณหญิงป้าฝากเงินมาให้พวกเธอเผื่อเอาไว้ใช้จ่ายที่จำเป็น เฟื่องฟ้าเปิดดูเห็นเงินจำนวนมาก ชมพูบอกว่าท่านคงอยากชดเชยความผิดที่เคยทำให้พวกเธอเดือดร้อน

“ฝากกลับไปคืนเถอะ เงินชดเชยไม่ได้ทุกอย่างหรอก” เฟื่องฟ้าเลื่อนซองคืนชมพู เอทีเอ็มก็บอกว่าพวกเราขออโหสิกรรมให้ดีกว่า เผื่อผลบุญจะไปถึงริลณี ชมพูนิ่งไป แล้วถามเอทีเอ็มว่าตกลงเขาจะไปเรียนต่อเมืองนอกจริงๆหรือ เอทีเอ็มพยักหน้า ชมพูถามว่าไม่ห่วงเฟื่องฟ้ากับเด็กๆที่นี่หรือ

“ทุกคนที่นี่เข้มแข็ง ฉันมั่นใจว่าเขาจะอยู่ได้” เอทีเอ็มบอก มองหน้าชมพูถามว่า “แต่เธอสิ โอเคนะ” ชมพูฝืนยิ้มบอกว่า

“นายกับเฟื่องฟ้าคอยดูแลช่วยเหลือเรามาตลอด ตอนนี้เราก็เข้มแข็งไม่แพ้เด็กๆที่นี่เหมือนกัน ขอบคุณนะเอทีเอ็ม เฟื่องฟ้า เธอสองคนเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ” ชมพูฝืนยิ้ม

ทั้งสามยิ้มเศร้าๆให้กันในยามที่เพื่อนรักกลุ่มใหญ่เหลืออยู่กันเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังเกาะกลุ่มรักและช่วยเหลือกัน

ooooooo

วันนี้เตชินไปยืนอยู่ ณ จุดที่เคยยืน คือ...ที่ที่เคยเป็นหลุมฝังศพริลณี...ขณะยืนครุ่นคิดอยู่นั้น ได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบ เขาดีใจวูบคิดว่าริลณีมา หันขวับไปกลายเป็นชมพู

ชมพูถามว่าเขาจะเผากระดูกริลณีจริงๆหรือ เขาบอกว่าอยากให้ริลณีไปสงบสุขจริงๆ ชมพูถามต่อว่า

“เมื่อรินสงบแล้ว พี่เตชินล่ะคะ” เตชินมองหน้าเธอนิ่ง “ชมพูอยากให้พี่เตชินมีความสุขด้วย” เตชินเหมือนลำบากใจที่จะตอบ ชมพูบอกว่า “ชมพูรู้ดีค่ะว่าการที่เราจะทำใจให้กับความสุข ทั้งที่เราไม่ได้มีคนที่เรารักอยู่เคียงข้าง มันยากที่จะทำใจได้” เตชินฟังแล้วเศร้า สะเทือนใจ “ชมพูขออะไรพี่เตชินอย่างนึงได้ไหมคะ”

“ชมพู...พี่รู้ว่าชมพูหวังดีและเป็นห่วงพี่มาก แต่ชีวิตนี้พี่คงรักใครไม่ได้อีกแล้วเพราะ...”

ชมพูส่ายหน้าช้าๆ พอเตชินหยุดพูด เธอชี้แจงด้วยใบหน้าแจ่มใสว่า

“ชมพูไม่ได้จะขอให้พี่เตชินรักชมพู แต่ชมพูจะขอเป็นน้องสาวของพี่เตชินตลอดไปได้ไหมคะ”

เตชินยิ้ม เดินเข้ามากอดชมพูอย่างอบอุ่นเยี่ยงพี่ชายกอดน้องสาว แล้วชมพูก็ผละออกบอกเขาว่า

“พี่เตชินอยู่ลารินเถอะค่ะ ชมพูไปก่อนนะคะ” พอเตชินพยักหน้าหันหลังเดินไป ชมพูมองตามหลังเขาเศร้าๆ น้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ตัดใจหันหลังจะเดินกลับ พลันก็ช็อกเมื่อเห็นริลณียืนจ้องอยู่ตรงหน้าในสภาพร่างกายเน่าเฟะมองชมพู พูดด้วยแววตาแค้นสุดๆว่า

“ทำกับฉันไว้ขนาดนั้น แล้วคิดว่าจะหนีไปง่ายๆ งั้นเหรอเพื่อนรัก” พูดจบก็ตรงเข้าสิงร่างชมพูทันที เป็นจังหวะที่เตชินหันมองชมพู ถามว่า

“ชมพูจะไปไหนเหรอครับ”

“ไปที่ที่เราเคยหยุดเวลาเอาไว้...” บอกแล้วยิ้มหลอนๆ เตชินมองนิ่ง รู้สึกถึงความแปลกๆของเธอ แต่พอเขาเดินกลับมาที่บ้านเรือนไทย สมหมายก็เดินหน้าตื่นเข้ามาถามว่าคุณหนูล่ะ? เตชินบอกว่ากลับไปนานแล้ว

“ไม่นะครับ ผมรออยู่ที่รถ คุณหนูก็ไม่ออกมาสักที โทร.ไปก็ไม่มีใครรับสายด้วย คุณหนูหายไปไหนครับเนี่ย”

ทันทีที่ได้ยินว่า “คุณหนูหายไปไหน” เตชินคิดย้อนไปถึงที่ชมพูพูดเมื่อครู่นี้ที่ว่า “ไปที่ที่เราเคยหยุดเวลาเอาไว้” จำได้ว่าเป็นคำพูดที่ริลณีเคยพูดเมื่อครั้งไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขที่ชายทะเล คิดถึงรอยยิ้มหลอนๆ ของชมพูที่เหมือนริลณีมาก

เตชินคิดทบทวนประมวลแล้วเชื่อว่าต้องเป็นริลณีแน่ๆ เขาช็อกตกใจสุดขีดตะโกนลั่น “ริน!!!”

ooooooo

ชมพูลืมตาขึ้นที่ริมหน้าผา มองลงไปเห็นทะเลสวยแปลกตาแต่น่ากลัว พอหันกลับชมพูก็ผงะเห็นหน้าริลณีพุ่งเข้ามาเกือบชนหน้าตน เธอร้องกรี๊ดล้มนั่งกระแทกพื้น ริลณีพุ่งเข้าประกบจ้องหน้าเกือบชิด ถามดุร้าย

“ชอบที่ตายของเธอไหม เพื่อนรัก” ชมพูตกใจถามว่าจะทำอะไรตน “ก็สะสางเรื่องที่เหลือของเราไง” ชมพูถามว่า เรื่องอะไรตนจำไม่ได้ ริลณีก็ตวาด “ตอแหล!” แล้วยิ้มหวานบอกว่า “งั้นเดี๋ยวฉันจะทำให้เธอรู้เองนะเพื่อนรัก!”

ริลณีมองฟึ่บไปยังมือข้างที่เป็นแผลของชมพู พอเธอมองมือตัวเองก็เห็นกำแน่นยกมือขึ้นดู มีเลือดไหลอย่างไม่มีสาเหตุ พอแบมือออกก็เห็นเข็มกลัดนางรำอยู่ในมือแล้ว! ริลณีหัวเราะสะใจถามว่าจำได้แล้วใช่ไหมเพื่อนรัก!

ชมพูมองริลณีกลัวๆพลันภาพในอดีตก็ปรากฏขึ้น!!

ชมพูเห็นเข็มกลัดครั้งแรกในงานรำครบรอบของมหาวิทยาลัยที่ริลณีให้ไว้เป็นกำลังใจ และวันนั้นเธอนั่งอยู่บนรถตู้เห็นรถของเอกราชกับพวกแล่นเข้ามา ได้ยินเอกราชพูดกับพรรคพวกว่า

“เราจะลงมือจัดการนังนั่น หลังจากที่มันกลับมาจากประกวดรำแล้ว”

“คราวนี้มันไม่มีทางรอดแน่ๆ” ตุลเทพยิ้มเหี้ยม

ชมพูกลัวมากมองเข็มกลัดที่อยู่ในมือรีบคืนให้ริลณีด้วยความหวังว่าเข็มกลัดที่เป็นเครื่องรางประจำตัวของริลณีอาจช่วยเธอได้ ชมพูคืนเข็มกลัดให้ริลณีแล้วหันไปทางอื่นไม่กล้าสู้หน้า เพราะรู้สึกผิดและกลัวเรื่องเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

พอชมพูจำเรื่องนี้ได้ ริลณีทำให้เธอจำเรื่องแหวนได้อีก...วันนั้นเธอได้รับข้อความจากคุณหญิงจิตราว่าเตชินไปซื้อแหวนเซอร์ไพรส์วันเกิดเธอและส่งภาพแหวนมาให้ดูด้วย เธอเห็นแหวนแล้วตื่นเต้นมีความสุขอย่างที่สุด

แต่หลังจากนั้น ขณะอยู่กับริลณีในห้องชมรมนาฏศิลป์ ริลณีกำลังจะบอกอะไรชมพู ก็พอดีโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าริลณีดังขึ้น ชมพูอยู่ใกล้กว่าจะเอื้อมหยิบให้ มือริลณีก็เอื้อมถึงพอดี สองมือชนกันปัดกระเป๋าตก ของในกระเป๋าหกเกลื่อน สองสาวช่วยกันเก็บ ชมพูเห็น แหวนหล่นอยู่เธอหยิบขึ้นดูถึงกับช็อก เพราะเป็นแหวนวงเดียวกับที่คุณหญิงจิตราส่งมาให้ดูบอกว่าเป็นแหวนที่เตชินซื้อมาเซอร์ไพรส์เธอในวันเกิดนั่นเอง!

ชมพูรู้สึกจุกจนหายใจขัด ทำใจแข็งยื่นแหวนคืนให้ริลณีชมว่า “แหวนสวยดีนะ” ริลณีกำลังจะบอกความจริงแต่ชมพูทนความเจ็บปวดใจไม่ได้วิ่งออกไปบอกว่าขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ริลณีมองตามไปอย่างเสียดายที่ไม่ได้บอกความจริงสักที

“คราวนี้จำได้แล้วใช่ไหม นังเพื่อนรัก” ริลณีสะบัดชมพูล้มลง ชมพูบอกว่าตนไม่รู้เรื่องจริงๆ อ้อนวอนอย่าทำอะไรตนเลยเราเป็นเพื่อนรักกัน “เพื่อนรักเหรอ ฉันอยากจะรู้ว่าถ้าเธอรู้ว่าทำอะไรกับฉัน จะยังกล้าเรียกตัวเองว่าเพื่อนรักอีกไหม!”

ริลณีเดินเข้าหาชมพู เธอกระถดถอยไปจนสุดหน้าผา ริลณีจิกผมชมพูกระชากขึ้นยืน เท้าชมพูตกหน้าผาไปข้างหนึ่งริลณีดึงกลับขึ้นมาบอกว่าตนยังไม่ปล่อยให้ตายหรอกเพราะยังไม่ถึงเวลา ตะคอกใส่หน้าว่า

“แกต้องจำให้ได้ทั้งหมด ว่าแกทำชั่วอะไรกับฉันไว้บ้าง เพื่อนรัก!!”

แล้วเหตุการณ์สุดท้ายก็วาบขึ้นในความจำ!

วันนั้น เมื่อชมพูวิ่งออกจากห้องบอกริลณีว่าจะไปห้องน้ำแต่พอพ้นออกมาเธอก็ทนไม่ได้ร้องไห้กำมือทุบกำแพงอย่างเจ็บแค้นเมื่อรู้ว่าตนถูกทั้งริลณีและเตชินหลอกมาตลอด แหวนงามวงนั้นแทนที่จะเป็นของตนแต่กลับเป็นของริลณี!

ระหว่างนั้นปริมลดาเข้ามาทักเพื่อถ่วงเวลาชมพูไว้ข้างนอกให้พวกเอกราชทำตามแผน เมื่อชมพูวิ่งกลับไปที่ห้องนาฏศิลป์อีกทีเจอน้าไหวกับกล้าเดินร้องเพลงเมาปลิ้นกันมา เธอหลบจนทั้งสองเดินผ่านไปจึงวิ่งเข้าไปในห้องนาฏศิลป์ ชมพูใจหายวาบเมื่อไม่เห็นริลณีอยู่ในห้องนั้นแล้ว!

ชมพูวิ่งออกไปที่ถนน เห็นเอกราช ประวิทย์ และเชิงชายกำลังอุ้มริลณีออกไป เธอตกใจตัวสั่นได้แต่ยืนมองไม่กล้าทำอะไร จนพวกนั้นอุ้มริลณีที่พยายามส่งเสียงร้องและดิ้นจนเข็มกลัดตกที่พื้น แต่ชมพูกลับยืนมองเฉย มองไปที่ริลณี เห็นสายตาเธอเศร้า หมดหวัง น้ำตาไหลพรากเจ็บปวดอย่างคิดไม่ถึงว่าเพื่อนรักจะหักหลังกันได้ถึงเพียงนี้!

ชมพูซุ่มมองจนริลณีถูกยัดใส่ท้ายรถแล้วเอกราชขับออกไปทันที เธอมองที่พื้นเห็นเข็มกลัดที่เพิ่งคืนริลณีตกอยู่ที่พื้น ชมพูวิ่งไปเก็บเพื่อไม่ให้เป็นหลักฐานแล้ววิ่งออกจากตรงนั้นไปทันที!

ชมพูกำเข็มกลัดไว้แน่นจนปลายแหลมของเข็มกลัดแทงทะลุเข้าเนื้อเจ็บแปร๊บ เธอตกใจยกมือดูก็ชะงักเมื่อเห็นรอยแทงเข้าไปในอุ้งมือ!

ภาพความทรงจำดีๆที่ตนกับริลณีเป็นเพื่อนรักที่รำคู่กันมาตลอดและคอยช่วยเหลือกันมาอย่างดีผุดพรายในสมอง จนนึกถึงภาพที่ริลณีถูกมัดอุ้มไปยัดใส่รถขับออกไป นาทีนั้น เธอเห็นชีวิตเพื่อนตกอยู่ในอันตราย แต่ชมพูก็

มองอย่างเลือดเย็น ไม่รู้สึกอะไร แม้จะนึกถึงที่ปริมลดาพูดอย่างสะใจว่า

“ถ้าพวกเราทำตามแผนสำเร็จเมื่อไหร่ รับรองว่านังริลณีนอกจากมันจะไม่กล้าสู้หน้าใครบนโลกนี้แล้ว มันจะไม่มีวันกลับเข้ามาในชีวิตของพวกเราทุกคนอีกแน่นอน”

ooooooo

เตชินวิ่งมาตามชายหาดที่เคยมากับริลณี เขาวิ่งตามหาชมพูอย่างไรก็ไม่เจอ จนนึกได้ถึงคำพูดของชมพูที่ถูกริลณีสิง เตชินหันมองไปที่หน้าผาแล้ววิ่งสุดฝีเท้าไปทันที

ในที่สุดชมพูก็จำเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับริลณีได้ทั้งหมด ริลณีพูดอย่างแค้นใจว่า “แกนี่แหละที่ปล่อยให้ฉันไปตาย!!” ชมพูยอมรับว่าเวลานั้นตนแค่อยากให้ริลณีได้เจ็บอย่างที่ตนเจ็บบ้างเท่านั้น ริลณีถามว่าตนทำอะไรให้เธอเจ็บ ตนเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดต่างหาก ชมพูฟังแล้วตะโกนออกมาอย่างแค้นคั่งว่า

“เธอแอบคบกับพี่เตชินทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นว่าที่คู่หมั้นฉัน เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอริน นี่เหรอเพื่อนที่ดีมาตลอด เธอแทงข้างหลังฉันมาตลอดต่างหากล่ะ!”

“แต่ฉันก็ชดใช้ความผิดนั้นด้วยชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ ถึงเวลาที่แกจะต้องชดใช้ให้ฉันบ้าง อีนังเพื่อนอำมหิต!”

ชมพูหวาดกลัวจนตัวสั่นยกมือไหว้ขอชีวิตกับริลณี แต่ความแค้นของริลณีมีมากเกินกว่าที่จะอภัย บอกชมพูว่าความผิดของเธอนั้นมากกว่าพวกหกคนรวมกันเสียอีก เพราะพวกนั้นไม่เคยบอกว่าเป็นเพื่อนรักของตน แล้วพุ่งเข้าบีบคอชมพูแน่น กัดฟันคำรามว่า “ในเมื่อวันนั้นแกยืนดูฉันไปตายได้ วันนี้ฉันก็ขอยืนดูแกตายบ้างก็แล้วกัน”

ชมพูหวีดร้องสุดเสียง เตชินจำเสียงชมพูได้เขาตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปตามเสียง ริลณีหันขวับมองเตชินแล้วหันโหดใส่ชมพู “ดีแล้ว!! แกรักเตชินของฉันมากนักนี่ รักมากก็ตายให้เตชินของฉันดูซะเลย” สิ้นเสียงริลณีก็พุ่งเข้าสิงร่างชมพู แม้ชมพูจะรู้สึกตัวแต่ก็ไม่มีแรงที่จะขัดขืน

เตชินวิ่งมาถึงหน้าผา เห็นชมพูกำลังเดินไปที่ริมผาพอดี! ชมพูมองไปข้างล่างกลัวจนตัวสั่น

ทันใดนั้น! ภาพในอดีตปรากฏขึ้นในความจำคืนนั้น ชมพูเห็นรถเอกราชขับพาริลณีไปอย่างเร็ว เธอพยายามวิ่งตามไปเพื่อช่วยริลณี ในมือกำเข็มกลัดไว้แน่นจนเลือดชุ่มเธอตัดสินใจวิ่งตัดสนามเพื่อไปดักหน้ารถเอกราช พลางตะโกน

“กลับมาก่อน...อย่าเพิ่งไป ริน...ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นทำร้ายเธอ ริน...ริน...!!!”

ชมพูวิ่งมาถึงถนนใหญ่พลางตะโกน “ริน!!!” พลันเธอก็ถูกรถเตชินที่ขับรถมาอย่างเร็วชนโครม!! ชมพูล้มลงทันที เตชินวิ่งลงจากรถมาประคองชมพูขึ้นเขย่าเรียกชมพูปรือตามอง พยายามบอก “ช่...ว...ย...ริ...น...!!!” แล้วหมดสติไป

ณ นาทีนี้ ชมพูที่ยืนอยู่ริมหน้าผา บอกเตชินน้ำตาไหลพราก “ช่วย...ริน...ด้วย...” เตชินวิ่งเข้ามา ชมพูที่ถูกริลณีสิงกลายเป็นหน้าริลณีทันที!

“หยุดนะ!! รักนังนี่งั้นเหรอ คุณจะรักใครไม่ได้เตชิน!! คุณต้องรักรินคนเดียว! รักรินคนเดียว!! คุณสัญญาว่าจะรักรินคนเดียว!!!”

“ริน...ผมรักคุณ ผมรักคุณคนเดียว”

“ดี!! งั้นนังนี่ ตาย!!!” พลันร่างชมพูก็กระตุกเฮือก เตชินเห็นร่างริลณีซ้อนในร่างชมพู และกลายเป็นร่างริลณีกระโดดลงหน้าผา เตชินพุ่งเข้าไปรวบตัวไว้ ร่างทั้งสองกอดกันตกจากหน้าผาทันที!

ระหว่างลอยอยู่กลางอากาศนั่นเอง ริลณีก็กลายเป็นร่างชมพูที่เตชินกอดไว้แน่นร่วงลงไปด้านล่างด้วยกัน...

ริลณีที่ออกจากร่างชมพูยืนดูอยู่ที่ริมหน้าผา เมื่อเห็นเตชินกระโดดกอดชมพูตกลงไปด้วยกัน ริลณีช็อก แผดเสียงลั่น

“ไม่นะ...เตชิน...ไม่!!!!”

ริลณีมองร่างเตชินกับชมพูกอดกันจมหายไปใต้พื้นน้ำ ทรุดลงร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ

ooooooo

ที่ศาลาวัด ศพของเตชินกับชมพูตั้งคู่กัน คุณหญิงจิตราร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าศพ ณรงค์ปลอบว่าอย่าร้องไห้ไปเลย ลูกพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

“เราพยายามมาตลอดให้เขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้ไปอยู่ด้วยกันตอนที่ตายแล้วแบบนี้ มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่กีดกันลูกตั้งแต่แรก เรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้ แม่ขอโทษ...คนที่ตายควรเป็นแม่ ไม่ใช่ลูก...เตชิน...”

พิชัยบอกพิสมัยว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของเวรกรรม พิสมัยพูดอย่างทำใจได้แล้วว่าลูกไปสบายแล้วอย่างน้อยเขาก็ได้ไปอยู่กับคนที่เขารัก ทันใดนั้นริลณีปรากฏร่างขึ้น ตะโกนใส่หน้าพิสมัยด้วยความโกรธแทบคลั่งว่า

“ไม่!! มันจะไม่มีวันได้อยู่กับเตชิน เพราะเตชินเขารักฉัน เขาจะต้องกลับมาหาฉัน เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน แม้ความตายก็จะพรากเราจากกันไม่ได้” แล้วเดินไปที่หน้าโลงศพเตชินถามว่า “ใช่ไหมคะเตชิน คุณจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับฉัน”

ทันใดนั้น เสียงหลวงพ่อหรือพระอาจารย์คง ก็แว่วเข้ามาว่า “บาปกรรมที่โยมทำไว้ จะทำให้โยมไม่มีวันได้เจอกับโยมเตชินอีก จนกว่าโยมจะชดใช้กรรมที่ทำไว้จนหมดสิ้น” ริลณีถามว่าเมื่อไหร่เวรกรรมจะหมดสิ้น? หลวงพ่อไม่ตอบ ริลณีโมโหเลยโวยวาย

“ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอ” หันบอกเตชินที่โลงศพว่า “รินจะไปรอคุณที่บ้านของเรานะคะ”

ริลณีกลับไปนั่งรอเตชินที่ระเบียงบ้านเรือนไทยที่ทรุดโทรม ด้วยความหวังว่าเขาจะกลับมา แต่วันแล้ววันเล่า เธอเฝ้าแต่รอ...รอ...อยู่อย่างนั้น บางครั้งก็แต่งชุดรำไทยออกมาร่ายรำ...รำจนเริ่มรำไม่ได้ ก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง...

“ทำไมคุณถึงไม่กลับมาหาริน ไหนคุณสัญญาว่าจะไม่ทิ้งริน...ไหนคุณสัญญาว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...

รินคิดถึงคุณเหลือเกิน...รินใจจะขาดแล้ว...เตชิน...” แล้วริลณีก็แผดเสียงอย่างคลุ้มคลั่ง “ทำไมคุณไม่กลับมา!!!”

พระอาจารย์คงนั่งสมาธิอยู่ เห็นความเสียใจของริลณี ท่านลืมตาขึ้น บอกริลณีว่า...“ผลกรรมที่โยมก่อไว้ มันมากมายเกินกว่าที่จะทำให้โยมได้อยู่กับคนที่รัก ถึงแม้ว่าโยมจะอยู่ในภพเดียวกันแล้ว แต่ผลกรรมต่างกันกรรมที่เกิดจากความแค้น กรรมที่เกิดจากความอาฆาต กรรมที่โยมสร้างมันขึ้นมา โยมต้องชดใช้กรรมที่โยมก่อไว้”

“กรี๊ดดดด...ทำไมคุณไม่กลับมา...” ริลณีแผดเสียงอย่างคลุ้มคลั่งไม่หยุด

บ้านเรือนไทยเวลานี้เป็นบ้านร้างที่มีเสียงหวีดร้อง สะอื้น คร่ำครวญ และที่ระเบียงบ้านริลณียังนั่งรอเตชินอยู่วันแล้ว...วันเล่า...ด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจไปไหนได้ บาปกรรมที่เธอก่อไว้จะไม่มีวันให้เธอได้พบกับคนที่รักไปตลอดกาล...

ooooooo

-อวสาน-
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น