วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 6


ลอตามแพงจนทัน ขอโทษเธอด้วยที่เมื่อวานไล่ตะเพิดรวมทั้งที่สาดน้ำใส่หน้าเธอเมื่อวันก่อน หวังว่าเธอคงจะหายโกรธและยอมยกโทษให้ แพงยังไม่พอใจเพราะเขาประกาศจะตัดเธอออกจากชีวิต

“เอ็งนี่มันได้คืบจะเอาศอก ตัดบัวยังไงก็ยังเหลือเยื่อเหลือใย เอ็งกับข้าก็เหมือนบัวนั่นแหละ ต่อให้โกรธเอ็งแค่ไหน ข้าก็ตัดเอ็งไม่ขาดหรอกอีแพง”

“พี่ลอพูดจริงหรือเปล่า”

“ก็แล้วแต่เอ็งจะเชื่อ ข้าก็ไม่รู้จะบอกยังไง คิดดูเอาเองแล้วกันว่าตั้งแต่ช่วยชีวิตเอ็งไว้ เวลาเอ็งร้องหาข้า ข้าเคยไม่อยู่ให้เอ็งเห็นหน้าหรือเปล่า” ลอทิ้งท้ายให้คิด

แล้วผละจากไป แพงมองตามสีหน้าครุ่นคิด...

ในเวลาต่อมา ลอกลับไปยังที่นา เพื่อจะพาไอ้เปลี่ยวกลับคอก เห็นแพงพยายามดึงเชือกที่ล่ามคอมันอยู่ แต่ดึงอย่างไรมันก็ไม่ยอมขยับ เขานึกสนุกร้องเรียกไอ้เปลี่ยวให้ไปอาบน้ำ ควายแสนรู้เดินเข้ามาหาเจ้าของอย่างว่าง่าย แพงไม่ทันตั้งตัวล้มหน้าทิ่มโคลน ลอหัวเราะชอบใจที่แกล้งเธอได้ แล้วบอกว่าทีหน้าทีหลังถ้าจะตามมาง้อก็ให้มาพูดจาดีๆ จะได้ไม่ต้องโดนเขาแกล้ง แพงทำเฉไฉ ใครบอกว่าตนมาง้อ ลอหมั่นไส้แบกเธอพาดบ่า แพงตกใจร้องเอะอะ คิดจะทำอะไรตน

“พาเอ็งตามไอ้เปลี่ยวไปล้างตัวขัดสีฉวีวรรณจะได้สวยเป็นคู่กับไอ้เปลี่ยวไง” ลอว่าแล้วหัวร่อร่า...

แรมเลวได้ใจมาก ทำทีอาสาจะเอาเครื่องดนตรีเก่าๆ ของพ่อไปซ่อมแซมให้ แต่กลับเอาไปขายให้พ่อค้าขายของเก่าเพื่อจะเอาเงินไปตั้งตัวที่พระนคร ระหว่างทางกลับบ้าน เจอลอกำลังอุ้มแพงมาโยนลงน้ำในลำกระโดงหัวเราะหัวใคร่กันสนุกสนาน แล้วตามไปขยี้หัวเธอเล่นด้วยความเอ็นดู จากนั้นเขาเดินไปหาไอ้เปลี่ยวที่กำลังนอนแช่น้ำอยู่ใกล้ๆ แพงวิ่งมากอดเอวเขาจากด้านหลังบอกว่ารักเขามาก จากนี้ไปห้ามเขาพูดว่าจะตัดเธอออกจากชีวิตเขาอีก ลอซึ่งไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งด้วย รับปากจะไม่ทำอย่างนั้นอีก

“แม่เพื่อนเป็นหัวใจของข้า ส่วนเอ็งก็เป็นแขนขา ขาดอะไรไปสักอย่างข้าก็อยู่ไม่ได้แล้ว”

“แค่ได้เป็นแขนขาให้พี่ลอได้เรียกใช้ ฉันก็ดีใจแล้ว” แพงแนบแก้มกับแผ่นหลังของลออย่างชื่นหัวใจ โดยไม่รู้ว่าแรมแอบมองอยู่ และคิดอกุศลว่าการแสดงออกของทั้งคู่เป็นไปในทางชู้สาว

ooooooo

หลังจากเป่าหูเพื่อนเสร็จ วีระพาเธอมาส่งที่เรือน ย้ำให้ไปคิดดูว่ายังมีผู้ชายที่เหมาะกับเธออยู่อีก ไม่ได้มีแต่ลอคนเดียวเท่านั้น เธอไม่สนใจ สะบัดมือเขาออก ไล่ตะเพิดไปให้พ้นหน้า แล้วเดินขึ้นเรือน มาดเจ็บใจแทนลูกพี่ ถ้ารู้ว่าเล่นแบบนี้ เขาน่าจะจับปล้ำทำเมียให้รู้แล้วรู้รอด เสียดายโอกาสเมื่อครู่นี้

“ใช่ มันน่าเสียดาย แต่ถ้าทำให้แม่เพื่อนเกลียดไอ้ลอได้ มันก็คุ้มที่จะทำให้แม่เพื่อนหันมารักข้ามากกว่าต้องใช้กำลังขืนใจ” วีระมองตามเพื่อนด้วยแววตาร้ายกาจ...

พิศเห็นลูกสาวคนโปรดเหนื่อยมาทั้งวัน แนะให้ขึ้นเรือนไปพักผ่อน เดี๋ยวตนจะให้พวกชาวบ้านมาช่วยทำครัวเองไม่ต้องเป็นห่วง เธอทำเองได้ แค่นี้ไม่เหน็ดเหนื่อยอะไร

“ข้ารู้ งานแค่นี้เอ็งไม่เหนื่อยหรอก แต่ที่นังแรมพูดมาก็ถูก ถึงจะเป็นดอกไม้ที่กำลังมีเจ้าของ ก็ไม่ได้หมายความว่าความสวยของดอกไม้จะต้องลดลง จริงไหม”

เพื่อนยังไม่ทันจะว่าอะไร มีเสียงแพงกับลอหัวเราะกันสนุกสนานดังเข้ามา พิศไม่พอใจหันไปเอ็ดลูกชังที่หายหัวไปตั้งแต่เช้า ทั้งที่วุ่นวายกันทั้งบ้านเตรียมจัดงานหมั้นวันพรุ่งนี้ แต่เธอกลับหนีไปเที่ยวเล่น น่าจะโดนเฆี่ยนให้หลังลายนัก แพงกลัวจัด รีบไปหลบหลังว่าที่พี่เขยซึ่งช่วยแก้ตัวให้ว่าเธอไม่ได้หนีไปเที่ยวเล่นที่ไหน แต่ไปดักลอบหาปลามาช่วยงานในครัว พิศไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ถามว่าจริงหรือ

“จริงสิอา นี่ไง ปลาเต็มข้องเลย ไปได้แล้วอีแพง เอาปลาไปให้พวกแม่ครัวเขาทำกับข้าว ไปสิ” ลอว่าแล้วเอาข้องยัดใส่มือแพงแล้วยิ้มให้ เธอยิ้มตอบรู้สึกดีมากๆที่เขาคอยช่วยปกป้องทำให้รอดตัวจากถูกพ่อเล่นงาน

เพื่อนไม่รอช้า ขอคุยกับลอตามลำพังแล้วพาไปหลังเรือน เล่าเรื่องที่วีระกับพวกมาบอกว่าเห็นเขากำลังคบคิดกับเสือมิ่ง พวกมันพยายามใส่ความ ทำให้เธอเกลียดเขาใช่ไหม ลอเลี่ยงที่จะพูดถึง บอกแต่เพียงว่าไม่เคยคิดจะข้องเกี่ยวกับเสือมิ่งแม้เขาจะมีบุญคุณกับตน แต่ก็จะไม่เอาบุญคุณนั้นมาเป็นหนี้ชีวิต ขอให้เธอเชื่อใจเขา เพื่อนโล่งอกนึกอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริงโผกอดเขาด้วยความดีใจ ส่วนลอกระอักกระอ่วนใจที่ต้องปิดบัง

“แม่เพื่อนไปพักผ่อนเถอะจ้ะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่น สวยสมกับเป็นดอกไม้ของไอ้ลอ”

หญิงสาวรับคำแล้วลุกออกไป ลอมองตามถอนใจ หนักใจ กำพระเครื่องที่ห้อยคอตัวเองไว้แน่น พึมพำขอโทษพ่อที่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องเสือมิ่งเพราะไม่อยากให้เธอต้องมาเกี่ยวข้องด้วย...

ทางด้านแก้วรีบดึงตัวแพงมายังมุมสงบของบ้าน สั่งให้พูดมาให้หมดเปลือกว่าคิดอะไรกับลอมากกว่าพี่ชายใช่ไหม แพงได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไร ตัดสินใจเดินหนีไปบริเวณที่เป็นโรงครัว เห็นพวกชาวบ้านกำลังช่วยกันเตรียมอาหาร ระหว่างนั้นเรืองอุ้มไก่จะเอามาช่วยงาน แพงมองๆก่อนจะคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ เป็นจังหวะเดียวกับแก้วตามเข้ามาคาดคั้นให้ตอบคำถามของตนก่อน ห้ามหนีไปไหนอีก

“ข้าไม่ได้หนี แต่ข้า...ข้าอายที่จะพูดเรื่องนี้กับเอ็งต่างหาก ข้าแอบชอบผู้ชายคนอื่นอยู่แล้ว ข้าจะไปรักพี่ลออย่างที่เอ็งสงสัยได้อย่างไร” แพงพูดจบทำเป็นชำเลืองมองไปที่เรืองอย่างเขินๆ แก้วถึงกับตกใจอ้าปากค้าง เรืองอุ้มไก่เข้ามาหาพอดี แพงจำต้องกัดฟันถามว่ากินอะไรมาหรือยัง ถ้ายังไม่ได้กิน ตนจะไปดูให้ว่าในครัวมีอะไรให้เขากินได้บ้าง แล้วยิ้มหวานให้ ก่อนจะลากแก้วออกมา เรืองมองตามงงๆ

“อีแพงมันไม่สบายหรือเปล่าวะ ทำไมวันนี้มันพูดกับเราดีจัง”...

เพื่อให้แผนการนี้เป็นความลับ แพงกำชับแก้วห้ามบอกใครเด็ดขาด ลอโผล่มาจากไหนไม่รู้เข้ามาถามว่ามีเรื่องลับลมคมในอะไรกัน แพงปฏิเสธว่าไม่มีอะไร เขาไม่เชื่อ เมื่อครู่นี้ยังได้ยินทั้งคู่คุยกัน เธอกลัวความลับแตก รีบไล่แก้วกลับไปช่วยงานที่เรือน แล้วเข้ามาควงแขนลอ ก่อนจะทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่หัวเขา

“อุ๊ย หัวพี่ลอมีแต่โคลนเลอะเต็มไปหมดเลย สงสัยจะเลอะตอนอาบน้ำให้ไอ้เปลี่ยว เดี๋ยวฉันช่วยสระผมให้พี่ลอนะ” แพงพยายามเบนความสนใจสุดฤทธิ์ พอเห็นลอไม่ติดใจสงสัยอะไรอีกก็แอบถอนใจโล่งอก

ooooooo

เย็นวันเดียวกัน เพื่อนส่องกระจกเงามองใบหน้างดงามตัวเองแล้วอดนึกถึงคำพูดของพ่อไม่ได้

“แต่ที่นังแรมพูดมาก็ถูก ถึงจะเป็นดอกไม้ที่กำลังมีเจ้าของ ก็ไม่ได้หมายความว่าความสวยงามของดอกไม้จะต้องลดลง จริงไหม”

เพื่อนเหลือบมองไปยังกระเป๋าที่แรมทิ้งไว้ ลุกขึ้นไปเปิดดูเห็นเสื้อผ้าสวยงามจากพระนครอัดไว้แน่น ระหว่างนั้นมีเสียงก้อนหินกระทบฝาบ้าน พร้อมกับเสียงเรียกเธอของแรมดังเข้ามา เพื่อนชะโงกดูที่หน้าต่าง ร้องถามว่ากลับมาอีกทำไม แรมมีเรื่องจะคุยด้วย พอดีเพิ่งไปเห็นบางอย่างมา เพื่อนทำท่าจะไม่ยอมลงไปหา แต่พอนึกถึงกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมาได้ รีบบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ตนไม่จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวจะเอาลงไปคืนให้

อึดใจ เพื่อนลงมาหาแรมพร้อมกับยื่นกระเป๋าใส่เสื้อผ้าคืน ย้ำหนักแน่น จะไม่มีวันทิ้งผู้ชายที่ตนเองรักไปไหนแน่นอน บอกลาเธอแล้วขยับจะขึ้นเรือน แรมขวางไว้ ก่อนจะใส่ไฟว่าลอกำลังคิดไม่ซื่อ ให้ระวังคนใกล้ตัวไว้ให้ดี เพื่อนชิงตัดบท ถ้าแรมคิดจะใส่ความให้ตนเกลียดพี่ลอแล้วหนีงานหมั้นไปพระนครกับเธอก็ให้ลืมได้เลย เสียเวลาเปล่าๆ

“งั้นถ้าเอ็งอยากหูหนวกตาบอด เลือกไอ้ลอเป็นผัวแล้วนั่งดูผัวตัวเองไปฟาดน้องสาวเป็นเมียด้วยอีกคนก็ตามใจเอ็ง พี่น้องใช้ผัวคนเดียวกันคงสนุกพิลึก” แรมว่าแล้วหัวเราะเยาะเย้ย เพื่อนโวยวายว่าเอาอะไรมาพูด เธอแค่พูดตามที่เห็น ลอกับแพงสนิทสนมใกล้ชิดกันเกินกว่าคนที่คิดอย่างพี่น้อง ทั้งที่หวั่นใจ เพื่อนก็ยังยืนกรานว่าแรมเข้าใจผิด ทั้งคู่เล่นหัวกันแบบนี้เป็นประจำ คนที่นี่เห็นจนชินแล้ว แรมยังพยายามยุแยงให้เธอแตกคอกับลอ จนเธอทนไม่ไหวต้องเอามืออุดหูวิ่งหนีไม่ต้องการรับรู้อะไรอีก ยัยตัวแสบมองตามสะใจ...

แพงว่ายน้ำเล่น โดยมีลอนั่งดูอยู่ที่บันไดท่าน้ำ ทั้งสองคุยกันไปหยอกล้อกันไปอย่างสนุกสนาน หลังจากเธอว่ายน้ำเสร็จก็จับลอสระผม ระหว่างนั้นแพงนึกขึ้นได้ ถามถึงตาลุงขี้หงุดหงิดที่เกือบจะมีเรื่องกับเธอวันนั้นเป็นใคร ลอรีบปฏิเสธว่าไม่รู้จัก แพงยังเซ้าซี้ไม่เลิกถาม ลอกลัวความลับจะแตกรีบตัดบท

“ข้าบอกว่าไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก เอ็งยังมาเซ้าซี้อีก พอๆๆ ไม่ต้องสระผมให้ข้าแล้ว”

“ก็ได้ๆ ไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก แค่นี้ก็ทำอารมณ์เสียใส่ฉัน”

ลอพยายามเบนความสนใจ ถ้าแพงปากว่างมากนักก็น่าจะร้องเพลงให้เขาฟังดีกว่ามาถามซอกแซกให้น้ำลายกระเด็นลงหัวเขา เธอหมั่นไส้แกล้งขยี้ผมแรงๆจนเขาร้องลั่น

ooooooo

เพื่อนเดินเรื่อยเปื่อยมาใกล้ท่าน้ำ ได้ยินเสียงร้องเพลงเคล้าเสียงหัวเราะของลอกับแพงแว่วเข้ามา คำพูดที่แรมยุยงผุดขึ้นมารบกวนจนอารมณ์เธอพลุ่งพล่าน เดินตามเสียงเพลงที่แพงร้องมาเห็นเธอกำลังสระผมให้ลอ ด้วยความที่ถูกเป่าหู ภาพที่เห็นชินตากลับกลายเป็นภาพบาดตา ตะโกนเรียกทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“พี่ลอ อีแพง จะมืดจะค่ำอยู่แล้ว มัวมาทำอะไรกันอยู่ที่นี่”

ไม่ว่าแพงจะตอบอย่างไรก็ผิดหูพี่สาวไปหมด หาเรื่องด่าว่าต่างๆนานา แล้วเข้าไปกระชากตัวเธอออกห่างจากชายคนรัก ลอพยายามขอร้องให้เพื่อนเพลาๆมือกับน้องบ้างก็ถูกเธอต่อว่ากลับ

“หยุดเลยนะพี่ลอ...พี่ลอก็ด้วยนั่นแหละ พรุ่งนี้จะมาหมั้นฉันแล้ว ยังมานั่งจ๊ะจ๋ากับอีแพง มันน้องสาวฉันนะพี่ เดี๋ยวนี้มันก็ไม่ใช่เด็กแล้ว คิดบ้างสิว่าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“แม่เพื่อน พี่ว่าไปกันใหญ่แล้ว อีแพงมันแค่สระผมให้พี่ ไม่ได้มีอะไรเลยเถิด”

“ก็ถ้าฉันไม่เข้ามาเสียก่อน มันก็คงจะเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ”

แพงเสียใจที่พี่สาวพูดจาดูถูก ทนฟังต่อไปไม่ไหว เดินหนีกลับเรือนทั้งน้ำตาคลอเบ้า ลอจะตามแต่เพื่อนขวางไว้ สั่งไม่ให้เขาทำอะไรแบบนี้กับแพงอีก แล้ววิ่งตามน้องจนทัน สั่งห้ามไปยุ่งวุ่นวายกับพี่ลอ เธอไม่ใช่เด็กที่จะคอยวิ่งตามเขาอีกแล้ว และที่สำคัญเขาเป็นคู่หมั้นของตน แพงปฏิเสธว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพื่อนสั่งเธอต้องทำให้ได้ เพราะตนไม่อยากโดนดูถูกว่าโง่ น้องสาวกับผัวเตรียมจะสวมเขาให้ยังไม่รู้ตัวอีก

“ใคร...ไอ้อีคนไหนที่เอาความคิดชั่วๆแบบนั้นมาพูดกับพี่”

เพื่อนตวาดแว้ด ไม่ต้องมาอยากรู้ว่าเป็นใคร ให้เธอรู้แค่ว่าอย่าคิดแย่งพี่ลอไปจากตน จากนี้ไปไม่ว่าเขาจะอยากกินอะไร อยากทำอะไร ตนในฐานะคู่หมั้นจะทำให้เอง เธอไม่ต้องมาเสนอหน้า แล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากจนแพงหน้าหงาย พิศได้ยินเสียงเอะอะ ออกมาถามว่าทะเลาะอะไรกัน เพื่อนรีบบอกว่าไม่มีอะไร ตนแค่สั่งสอนน้องว่าอย่ามาแย่งเสื้อผ้าสวยๆของตนและมันก็รับปากแล้วว่าจะไม่ยุ่ง ว่าแต่พ่อ ออกมาทำไม

“ข้าเห็นหลัดๆว่านังแรมมาหาเอ็ง เลยอยากรู้ว่ามาทำไม”

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะพ่อ พี่แรมเขาลืมของไว้ที่ฉันน่ะจ้ะ เข้าบ้านกันเถอะจะมืดแล้ว” เพื่อนพาพ่อขึ้นเรือน ขณะที่แพงมั่นใจว่าคนที่ยุแยงตะแคงรั่วพี่สาวตัวเองคือแรมนั่นเอง คิดหาทางเอาคืนให้สาสม

ooooooo

เรืองคุยอวดให้ครูแสงฟังว่าอีกไม่นานท่านอาจ จะได้อุ้มหลาน แต่ห้ามถามว่าเธอคนนั้นเป็นใคร รอให้เขามั่นใจกว่านี้ก่อนแล้วจะบอก เพราะขืนบอกตอนนี้ เดี๋ยวพ่อเอาไปโพนทะนา ไก่จะตื่นและทำให้เขาอดได้เธอคนนั้นมาเป็นเมีย จังหวะนั้นแรมเดินขึ้นเรือนมา ครูแสงหันไปถามว่าทำไมเพิ่งกลับ

“อย่าเพิ่งมาถามอะไรฉันเลยพ่อ ฉันกลับมาเหนื่อยๆ อยากนอนแล้ว” แรมตัดบทก่อนจะเดินเข้าห้อง หยิบเงินที่ได้จากการขายเครื่องดนตรีไทยของพ่อขึ้นมามองอย่างพอใจ มีเสียงครูแสงร้องเรียกเธอดังมาจากหน้าห้อง แรมจะหาที่ซ่อนเงินแต่ไม่ทันเพราะพ่อเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน ต้องลุกขึ้นยืนเอาตัวบังเงินไว้ ถามเสียงเขียวว่าเข้ามาทำไม เธอบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเหนื่อยอยากนอนพัก

“พ่อขอโทษ แต่เห็นเอ็งหายไปทั้งวัน พ่อก็แค่อยากรู้ว่าเครื่องดนตรีที่เอาไปซ่อมให้จะเสร็จเมื่อไหร่”

แรมโกหกว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ แล้วรีบไล่พ่อออกจากห้อง อ้างเหนื่อยมากอยากล้างเนื้อล้างตัวเข้านอน ครูแสงเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่บนเตียง ร้องทักว่าเอาออกมาทำไม จะไปไหนหรือ

“เปล่าไม่ได้ไปไหนหรอก ฉันเอาเสื้อผ้าออกมาจัดเฉยๆ ออกไปเถอะพ่อ ฉันเหนียวตัวจะแย่” แรมว่าแล้วดันพ่อออกจากห้องแล้วปิดประตูตามหลัง มองเงินกับกระเป๋าใส่เสื้อผ้าสีหน้าครุ่นคิดเป็นกังวล “ท่าทางพ่อสงสัยแบบนั้น ขืนเก็บเอาไว้ในบ้านมีหวังเรื่องแดงแน่”

คิดได้ดังนั้น แรมขนกระเป๋าใส่เสื้อผ้าพร้อมกับห่อเงิน ย่องมาที่หลังเรือน แพงซึ่งมาดักรอพร้อมด้วยหมามุ่ยที่จะเอามาแก้แค้น เห็นท่าทางลับๆล่อๆของเธอ มองอย่างสงสัย ก่อนจะสะกดรอยตาม กระทั่งมาถึงพงไม้ลับสายตาคน แรมเอากระเป๋าเสื้อผ้ากับห่อเงินซุกไว้อย่างดี

“เจ้าประคุณ ขอให้พรุ่งนี้ นังเพื่อนตัดสินใจตามไป พระนครด้วยเถอะ อีแรมจะได้สุขสบายสักที จะไม่กลับมาเหยียบบ้านสร้างอีกตลอดชีวิต” แรมยิ้มพอใจแล้วกลับขึ้นเรือน แพงออกจากที่ซ่อนสีหน้าตกใจ...

ฝ่ายลอร้อนใจมากที่เพื่อนคิดว่าเขากับแพงเล่นไม่ซื่อ ตามมาเคาะประตูห้องเรียกให้เธอออกมาคุยกันก่อน เธอนั่งหวีผมหน้าตาเฉยอยู่ในห้องไม่สนใจ พิศเห็นเลยเวลานอนมากแล้ว และที่สำคัญพรุ่งนี้มีงานหมั้นรออยู่ จึงออกมาไล่เขากลับไปพักผ่อน แล้วดันตัวลงเรือน สักครู่หนึ่งเพื่อนเปิดประตูออกมาไม่เห็นลออยู่ตรงนั้นก็ถามหา ได้ความว่าพ่อไล่กลับกระท่อมปลายนาไปแล้ว เธอชะเง้อคอมองตามสีหน้าครุ่นคิด...

ไม่นานนักลอกลับถึงกระท่อมปลายนา มองถุงใส่แหวนหมั้นซึ่งห้อยอยู่ที่ข้างฝาสีหน้าไม่สบายใจ พลันมีเสียงบางอย่างดังมาจากด้านนอก เขาร้องถามว่าใคร เงียบไม่มีเสียงขานตอบ รู้สึกไม่ชอบมาพากลค่อยๆเอื้อมไปหยิบมีดที่เสียบอยู่ใกล้ๆ แต่มีเสียงขึ้นนกปืนดังมาจากด้านหลังเสียก่อน

“เก็บมีดของเอ็งซะไอ้หลานรัก...อย่าคิดใช้มันกับผู้มีพระคุณไม่อย่างนั้นเอ็งจะได้ชื่อว่า ไอ้อกตัญญู”

“ฉันอาจเป็นหนี้บุญคุณที่อาเคยดูแลฉัน แต่อาไม่ใช่เจ้าชีวิตฉัน” ลอยังไม่ทันชักมีดออกจากฝักก็ถูกเสือมิ่งใช้พานท้ายปืนทุบต้นคอหมดสติ...

ขณะเพื่อนกำลังจะลงจากเรือน แพงเข้ามาขวาง ถามว่าจะไปไหน คงไม่ได้คิดจะทิ้งพี่ลอไปใช่ไหม ตนรู้แล้วว่าวันนี้พี่แรมมาที่นี่ทำไม เธอไม่รู้ว่าน้องรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่บอกได้คำเดียวว่าไม่คิดจะทิ้งพี่ลอไปไหน เว้นแต่ว่าเขากับแพงจะรวมหัวกันทำร้ายเธอ

“ไม่มีทางหรอกพี่เพื่อน พี่แรมเอาเรื่องนั้นมาป้ายสีฉันกับพี่ลอเพราะอยากให้พี่ไปพระนครกับเธอ จะเอาฉันไปสาบานเจ็ดวัดเจ็ดวา ฉันก็ไม่มีทางคิดแย่งพี่ลอไปจากพี่ ฉันขอแค่ได้อิ่มใจที่เห็นคนที่ฉันรักทั้งสองคนมีความสุข แล้วจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ จริงๆนะ” แพงอ้อนวอนทั้งน้ำตา มีเสียงพิศไอดังมาจากบนเรือน

“เอ็งขึ้นไปอยู่กับพ่อได้แล้วอีแพง ข้าจะไปหาพี่ลอ ฟังความเอ็งข้างเดียวข้ายังไม่เชื่อใจ พี่ลอต้องยืนยันกับข้าเหมือนกัน...ไปได้แล้ว” เพื่อนเห็นน้องยังอ้อยอิ่ง จึงออกแรงผลักให้ขึ้นเรือน แล้วจ้ำพรวดๆออกไป

ooooooo

ลอค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองถูกจับมัดเอาไว้กับเสาเรือน สั่งให้เสือมิ่งปล่อยตนเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจให้ตนยอมเดินทางเดียวกับเขา ที่สำคัญตนจะไม่ผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับพ่อและพระเครื่องของพ่อ เสือมิ่งไม่พอใจกระชากพระที่ห้อยคอลอออก

“พระองค์นี้ไม่เหมาะกับเอ็งหรอกไอ้ลอ ข้ามีของที่มันเหมาะกับเอ็งมาให้ คิดว่ายังไงเอ็งก็ต้องใช้ เอ็งจะได้ไม่โดนคนอื่นเขาดูถูก” เสือมิ่งพูดจบเอาผ้าห่อใหญ่ที่เต็มไปด้วยทองหยองของมีค่าโยนลงตรงหน้าลอซึ่งไม่สนใจแม้แต่น้อย ได้แต่ขอร้องให้คืนพระของตนพร้อมกับแอบแก้เชือกที่มัดข้อมือตัวเองไปด้วย

อีกมุมหนึ่งหน้ากระท่อม เพื่อนกำลังจะมาหาลอแต่เห็นสมุนของเสือมิ่งสองคนยืนคุยกันอยู่ รีบหลบหลังพุ่มไม้แอบฟัง หนึ่งในสมุนไม่เห็นด้วยกับลูกพี่ ในเมื่อลอไม่อยากไปกับพวกเรา ก็ไม่เห็นต้องมาเสียเวลาด้วย

“เอ็งอย่าพูดแบบนี้ให้พี่มิ่งได้ยินเชียว ไม่งั้นเอ็งโดนเด็ดหัวทิ้งแน่”

“แต่ข้าเสียดายสมบัติพวกนั้น อุตส่าห์ปล้นมาได้เหนื่อยแทบตาย แต่พี่มิ่งดันแบ่งมาให้ไอ้ลอเอาไปหมั้นสาว เสียดายจริงๆเถอะวะพับผ่า” คำพูดของเขาทำให้เพื่อนตระหนักว่าสาวคนนั้นคือตัวเอง พยายามขยับเข้าไปฟังใกล้ๆ แต่ไม่ทันระวังเผลอเหยียบกิ่งไม้แห้ง สมุนทั้งสองคนหันมองตามเสียงสีหน้าเอาเรื่อง

ขณะที่เพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เสือมิ่งพยายามกล่อมให้ลอเอาของมีค่าในห่อผ้าไปหมั้นสาววันพรุ่งนี้ แต่เขาไม่ต้องการสมบัติที่ได้มาจากการปล้น ขอแค่พระของพ่อคืนก็พอ ระหว่างนั้นมีเสียงเพื่อนร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น เนื่องจากถูกสมุนของเสือมิ่งจับตัวไว้ ลอพยายามจะไปหาแต่เชือกที่แอบแกะยังคลายปมไม่พอ ได้แต่ขอร้องให้เสือมิ่งปล่อยตนไป ตนกลัวสมุนของเขาจะทำร้ายหญิงคนรัก

“ข้ารับรองความปลอดภัยของคู่หมั้นเอ็ง เชื่อใจข้าเถอะไอ้ลอ ถ้าเอ็งรับปากว่าจะเอาสมบัติพวกนี้ไปเป็นสินสอดทองหมั้น ข้าก็จะได้หมดธุระหายห่วงเอ็งไปเปลาะหนึ่ง”

ลอสั่งให้เอาของของเสือมิ่งกลับไป ตนไม่รับแม้แต่สตางค์แดงเดียว เสือมิ่งประกาศจะจัดการกับความหัวดื้อของเขา แล้วเดินออกจากกระท่อม ทิ้งให้ลอร้องโวยวายอยู่ตรงนั้น...

ทันทีที่เสือมิ่งสั่งให้สมุนปล่อยตัว เพื่อนปรี่เข้าไปตบหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ตวาดลั่นทำอะไรพี่ลอของเธอ สมุนตกใจชักดาบจะเข้าไปเอาเรื่อง ลอซึ่งแก้มัดตัวเองจนเป็นอิสระ สะบัดมีดปักหัวไหล่สมุนจนดาบหลุดมือ

เพื่อนหันไปเห็นชายคนรักมาช่วยก็ดีใจรีบวิ่งไปหา เขาชูดาบในมือเตรียมต่อสู้ โยนผ้าห่อสมบัติลงไปตรงหน้าเสือมิ่ง แล้วขอพระของพ่อคืน เสือมิ่งยืนกรานให้เขารับของในห่อผ้าไว้ ตนเอามาให้ก็เท่ากับเป็นของเขาแล้ว เพราะตนคงไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอสาวให้เขาไม่ได้ ลอไม่ต้องการของพวกนี้ นอกจากพระองค์นั้น เสือมิ่งกำพระไว้แน่น แล้วพาสมุนกลับไป ลอจะตามไปเอาของของตัวเองคืน แต่เพื่อนขอร้องไม่ให้ไป

“พรุ่งนี้เราก็จะหมั้นกันอยู่แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ แล้วฉันล่ะ ฉันจะอยู่อย่างไร พระเก่าๆองค์เดียวกับชีวิตของพี่ ฉันขอเลือกพี่ ฉันขอล่ะพี่ลอ ห้ามไปเด็ดขาด”

“แล้วของที่พวกมันปล้นมานั่นล่ะ พี่เก็บไว้ไม่ได้หรอก”

“ไว้จัดการทีหลังเถอะพี่ ให้พ้นงานของเราไปก่อน นะจ๊ะพี่ลอ” เพื่อนกอดชายคนรักไว้แน่น เขาจำต้องทำตาม ที่เธอต้องการ เพื่อนมองไปยังห่อผ้าใส่สมบัติมีค่าด้วยแววตาครุ่นคิด

ooooooo

ขบวนขันหมากของลอโห่ร้องดังลั่นมาแต่ไกล ทุกคนที่อยู่ในขบวนร้องรำทำเพลงตามจังหวะกลองยาวและเสียงดนตรีอย่างสนุกสนาน แทนที่ลอจะมีความสุข สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความกังวล ผู้ใหญ่ผาดมองปราดเดียวก็รู้เขากังวลเรื่องเสือมิ่ง กระซิบบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนกำชับพวกเราให้คอยเป็นหูเป็นตาให้แล้ว

“ถ้ามันมาก็ดีจะได้เสร็จพวกข้า ส่วนเอ็งก็ไปจัดการฤกษ์มงคลให้เรียบร้อยไม่ต้องห่วงที่นังเพื่อนมันเตือนเอ็งไว้น่ะถูกแล้ว อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง วันนี้ฤกษ์ดีของเอ็งไปเถอะ” ผู้ใหญ่ผาดพยักพเยิดให้ลอรีบเดินตามขบวนขันหมาก ส่วนเขาเดินตามไปอีกทอดหนึ่งอย่างระแวดระวัง...

แพงยังไม่วางใจ เกรงพี่สาวตัวเองจะหนีงานหมั้นไปพระนครกับแรม มาคอยเฝ้าไม่ห่าง เพื่อนรู้ทันไล่ให้ไปรอข้างนอก โดยไม่ลืมให้น้องเอาห่อผ้าห่อนั้นไปใส่พานสินสอดให้ตนด้วย แพงสนใจใคร่รู้ในนั้นมีอะไร

“เอ็งไม่ต้องถามได้ไหม ทำตามที่ข้าบอกแล้วก็ไม่ต้องสะเออะแกะดูล่ะ ไม่งั้นข้าตีเอ็งขาลายแน่ ไป”...

แม้จะถูกสั่งห้ามดูของในห่อผ้า แต่พอเอาวางบนพานสินสอดเรียบร้อย แพงจัดแจงจะแกะดู มีเสียงครูแสงบอกพิศถึงสาเหตุที่แรมมาร่วมงานหมั้นของเพื่อนไม่ได้ เนื่องจากไม่ค่อยสบายดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอต้องยั้งมือไว้ พิศเห็นลูกชังยืนอยู่แถวนั้นคิดว่าอู้งานก็ไล่ตะเพิด

“ไปก็ได้ ไม่ต้องไล่ฉันหรอกพ่อ...ครูแสงจ๊ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยจ้ะ” พูดจบแพงพาครูแสงไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าของแรมกับห่อเงิน เขาสงสัยว่าของพวกนี้มาอยู่กับเธอได้อย่างไร

“ฉันว่าครูควรจะกลับไปถามพี่แรมเองมากกว่า ฉันขอโทษด้วยนะจ๊ะครู” แพงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ครูแสงมองเงินกับกระเป๋าเสื้อผ้าอย่างใจคอไม่ดี ก่อนจะเดินจากไป เธอได้แต่มองตามด้วยความสงสาร จังหวะนั้น แก้วตะโกนบอกเธอว่าขบวนขันหมากมาแล้ว เธอจึงเลิกสนใจเรื่องแรม รีบวิ่งไปหาแก้วทันที...

ผู้ใหญ่ผาดในฐานะเถ้าแก่ฝ่ายชายทำการสู่ขอเพื่อนจากพิศให้ลอตามประเพณี พิศประกาศต่อหน้าทุกคนว่าพร้อมจะยกลูกสาวคนโตให้ลอช่วยรับหน้าที่ดูแลต่อจากตนแล้วจับมือทั้งคู่ให้มากุมมือกันเอาไว้ แพงนั่งดูอยู่รู้สึกใจหาย น้ำตาคลอเบ้า เรืองหันมาเห็นกระเซ้าว่าดีใจแทนพี่สาวจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยหรือ

เธอบอกหน้าตาเฉยว่าไม่ได้ร้องไห้ เรืองไม่อยากเถียงด้วย เธอว่าอย่างไรว่าตามกันแล้วทำเนียนเข้าไปนั่ง เบียด แพงจะด่าแต่เหลือบเห็นสายตาจ้องจับผิดของแก้ว จำต้องปิดปากเงียบปล่อยให้เขานั่งเบียด

จากนั้นผู้ใหญ่ผาดเลื่อนพานสินสอดไปไว้ตรงหน้าพิศ “งั้นก็รับสินสอดหมั้นไปเลยแล้วกันนะไอ้พิศ”

พิศยิ้มรับแล้วแกะห่อผ้าออก เผยให้เห็นสร้อยคอทองคำ รวมทั้งทองรูปพรรณอีกมากมายล้วนเป็นสมบัติที่เสือมิ่งเอามาให้ลอ ทุกคนต่างตะลึง โดยเฉพาะลอ หันมองเพื่อนอย่างงุนงง ขณะที่เธอตีหน้าซื่อตาใส

“ขอบใจนะจ๊ะพี่ลอ ต่อไปนี้ใครก็มาดูถูกพี่ลอของฉันไม่ได้ ฉันจะเป็นดอกไม้งามในมือของพี่ลอคนเดียวจ้ะ” เพื่อนว่าแล้วกราบที่ตักลอซึ่งยังคงงุนงงไม่หาย...

ขณะที่ทุกคนพากันตื่นตะลึงกับสินสอดมากมายของลอ แรมหงุดหงิดที่หากระเป๋าเดินทางกับห่อเงินของตัวเองไม่เจอ ค้นหาทั่วบ้านก็ไม่พบ ครูแสงเอาห่อเงินที่ได้จากแพงโยนลงตรงหน้า ถามว่าหาไอ้นี่อยู่ใช่ไหม แรมแปลกใจว่าเงินจำนวนนี้ไปอยู่ที่พ่อได้อย่างไร ครูแสงช้ำใจมาก ต่อว่าว่ายังมีหน้ามาย้อนถามอีกหรือ

“ข้าต่างหากที่ควรจะถามว่าเอ็งเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน...บอกข้ามา”

แรมอ้างว่าเป็นเงินออมของเธอแล้วจะเข้าไปเก็บเงินที่เกลื่อนพื้น ครูแสงแค้นใจมากกระชากเธอมาตบ ด่าซ้ำหยาบๆคายๆ นี่เป็นเงินที่เธอเอาเครื่องดนตรีของเขาไปขายไม่ใช่หรือ แรมถึงกับหน้าเสีย

ooooooo

ชาวบ้านต่างเข้ามาห้อมล้อมชื่นชมทองหยองของหมั้นที่เพื่อนเอามาสวมใส่ ไม่คิดว่าคนอย่างลอ ที่วันๆเอาแต่ทำนาทำไร่จะร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐีกับเขาด้วย ลอได้แต่อ้ำอึ้ง เพื่อนจึงออกตัวให้ชายคนรักว่าเป็นเพราะเขาขยันทำงานหนัก เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หาได้เก็บหอมรอมริบเอามาซื้อสินสอดเหล่านี้

“งั้นเอ็งก็โชคดีซะยิ่งกว่าถูกหวยรวยโป แค่หมั้นยังขนาดนี้ ถึงตอนฤกษ์แต่งกันเดือนหก ตอนนั้นสองคนคงเป็นเศรษฐีทุ่งบ้านสร้าง น่าชื่นชมพวกเอ็งจริงๆ ไอ้ลอ นังเพื่อน” เสียงเยินยอของชาวบ้านได้ยินถึงหูแพงซึ่งรู้ดีว่าพี่สาวตัวเองกำลังปั้นน้ำเป็นตัว พอพ่อเดินมาหาจึงถามว่าสินสอดที่พี่เพื่อนสวมอยู่ได้มาจากไหน พ่อก็รู้ใช่ไหมว่าไม่ใช่ของพี่ลอ เขากระชากแขนเธอไปหลบมุม ขู่ถ้ายังถามซอกแซกอีกจะโดนตะเพิดออกจากที่นี่ แล้วไล่ให้ไปดูแลแขกในงาน ก่อนจะหันมองลูกรักที่มองสบตาตอบอย่างรู้กัน...

เรืองเห็นแพงลงมาจากเรือน รีบเข้าไปหาหมายจะพูดคุยเรื่องระหว่างตัวเองกับเธอ แต่เขินอายไม่กล้าพูดได้แต่ยืนบิดไปบิดมา เธอชิงตัดบท อย่ามัวเสียเวลามาวุ่นวายกับเธอ เขาควรจะรีบกลับไปช่วยครูแสงที่บ้าน เพราะกำลังมีปัญหากับพี่สาวของเขา

“พ่อกับพี่แรมเนี่ยนะจะมีปัญหากัน เข้าใจอะไร ผิดไปหรือเปล่า พ่อเขารักพี่แรมจะตาย”

แพงสั่งห้ามถามเซ้าซี้อะไรอีก เดี๋ยวจะไม่ทันกาล แล้วดันหลังเรืองให้รีบไป...

ทางฝ่ายครูแสงฉุดกระชากลากลูกสาวตัวดีมาที่ห้องเก็บเครื่องดนตรีซึ่งว่างเปล่า ชี้ไปยังที่เก็บอัฐิของบรรพบุรุษและเศียรพ่อแก่ที่วางอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา ต่อว่าเธอว่าเอาเครื่องดนตรีที่ตกทอดมาจากครูบาอาจารย์ไปขายได้อย่างไร แทนที่แรมจะสำนึกกลับด่าพ่อตัวเองฉอดๆ และยังดูถูกว่าเขาเป็นนักดนตรีคร่ำครึ คอยแต่ถ่วงความเจริญชาวบ้าน ครูแสงโกรธจนขาดสติตบหน้าเธอฉาดใหญ่แล้วตรงเข้าบีบคอ เรืองกลับมาทันพอดี รีบเข้าไปดึงพ่อออกมา แรมสบช่องผลักทั้งคู่ล้มไปชนโต๊ะหมู่บูชา เศียรพ่อแก่กลิ้งตกพื้น แล้ววิ่งหนี

“อย่าให้มันหนีไปไอ้เรือง มันเอาเครื่องดนตรีของข้าไปขายหมดแล้ว อย่าให้มันหนีไป” ครูแสงบอกลูกชายทั้งน้ำตา แม้จะต้องเสียเหงื่อในการไล่ตามพี่สาว แถมยังโดนเธอตบตีอีกต่างหาก แต่สุดท้ายเรืองก็เอาตัวเธอพร้อมด้วยเงินที่ได้จากการขายเครื่องดนตรีกลับมาหาพ่อจนได้

ooooooo

ขณะเกิดเรื่องวุ่นๆที่บ้านครูแสง ลอดึงแขนเพื่อนออกมาที่คอกเลี้ยงควายเพื่อคุยถึงเรื่องสินสอดทองหมั้น แต่เธอรู้ทันไม่ยอมคุยด้วย ขอให้เสร็จงานก่อนค่อยว่ากันอีกที แต่เขารอไม่ได้ ไม่อยากให้ใครต่อใครเข้าใจผิด เธอไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพื่อหน้าตาของเราสองคน

“ของเราหรือของแม่เพื่อนกับของอาพิศ”

เพื่อนโกรธ ตบลอหน้าหัน “เอาเลย ถ้าอยากให้ ทุกคนเขาด่าว่าฉันเป็นผู้หญิงตอแหลก็เชิญเลย ฉันจะได้รู้ว่าพี่ลอไม่ได้รักฉันจริงอย่างที่พี่พูด ไอ้คำสาบานของพี่มันก็แค่คำพูดขอไปที” ตัดพ้อเสร็จ เพื่อนวิ่งกลับเรือน ทิ้งให้ลอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น แพงซึ่งแอบดูอยู่อดสงสารเขาไม่ได้ ตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือ

หญิงสาววางแผนใช้ไอ้เปลี่ยวเป็นเครื่องมือ ยั่วจนมันโกรธแล้ววิ่งหนีเข้ามาในงานเลี้ยงฉลองหมั้น แขกเหรื่อพากันแตกตื่นหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง งานล่มสมใจเธอ แต่เกิดผิดแผนเล็กน้อย ไอ้เปลี่ยวไม่หยุดอาละวาดหันมาไล่ขวิดแพงจนต้องวิ่งหนีลงไปแอบในบึงหลังกอกก

ลอเดาออกว่านี่ต้องเป็นฝีมือของแพง จึงออกตามหาจนเจอ เห็นสภาพหัวหูเปื้อนโคลนของเธอก็หัวเราะ สมน้ำหน้าที่กรรมสนอง ไปยั่วไอ้เปลี่ยวจนมันหันมาเล่นงานตัวเอง เธอโอดครวญที่ทำไปก็แค่จะช่วยให้เขาไม่ต้องอึดอัดปั้นหน้าโกหกชาวบ้านเรื่องสินสอด แล้วขอร้องไม่พูดเรื่องนี้ ขืนพ่อรู้ว่าเธอใช้ไอ้เปลี่ยวไล่ตะเพิดแขก คงถูกเล่นงานแน่ๆ ลอรับปากไม่พูดเรื่องนี้แน่นอน

เรื่องอื่นต่างหากที่เขาอยากจะพูดกับอาพิศแต่ก็พูดไม่ได้

“ถ้าพี่ลออึดอัดใจขนาดนั้น เล่าให้ฉันฟังได้ไหมว่าพี่เพื่อนไปเอาสินสอดพวกนั้นมาจากไหน”

แม้ลอจะไม่ยอมบอกอะไร แต่แพงก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าของมีค่าเหล่านี้ต้องเป็นของเสือมิ่ง เขาตกใจ รู้ได้อย่างไร เธอแอบได้ยินพี่ลอกับพี่เพื่อนคุยกับพ่อว่าเสือมิ่งรู้จักกับพ่อของพี่ลอ มันก็เลยมาหาเขาที่นี่ ตกลงเสือมิ่งต้องการอะไรจากเขากันแน่ ลอเลี่ยงที่จะตอบคำถาม สั่งให้หยุดสอดรู้สอดเห็นได้แล้ว

“วันนี้เอ็งช่วยข้าข้าขอบใจ แต่ทีหลังอย่าทำอะไรพิเรนทร์แบบนี้อีก ข้าไปล่ะ”

“พี่ลออย่าไปโกรธพี่เพื่อนกับพ่อเลยนะ มีฉันคนเดียวทำให้พวกเขาอับอายก็พอแล้ว ถ้าพี่ช่วยทำให้พี่เพื่อนได้หน้า พ่อเขาจะได้ไม่อายใคร” แพงตะโกนไล่หลัง ลอหันมามองเธออึดใจก่อนจะเดินต่อไป...

ฝ่ายวีระรู้เรื่องสินสอดอันมากมายก่ายกองที่ลอใช้หมั้นเพื่อนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไปเอามาจากไหน ไม้ ตั้งข้อสังเกตของมีค่าแบบนั้นมีเพียงเสือมิ่งคนเดียวเท่านั้นที่จะให้ลอหยิบยืมได้ วีระต้องการรู้ความจริงให้ได้ จึงบุกไปหาเสือมิ่งถึงสถานที่กบดานกลางป่า

สมุนของเสือมิ่งให้เพียงวีระเท่านั้นที่เข้าพบลูกพี่ของพวกตน ส่วนไม้กับมาดต้องรออยู่นอกกระโจมที่พัก ทันทีที่เจอเสือมิ่ง วีระไม่อ้อมค้อมต้องการรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับลอ โจรร้ายนั่งนิ่งไม่พูดอะไร

“ไม่ต้องปฏิเสธว่าเอ็งกับมันไม่รู้จักกัน ข้าเห็นกับตามาแล้วว่าเอ็งอยู่กับมัน แล้วไหนจะสินสอดที่ไอ้ลอเอาไปหมั้นแม่เพื่อนวันนี้อีก ยังไงมันก็ต้องมาจากเอ็งแน่ๆ”

“ท่าทางพูดถึงไอ้ลอแบบนี้ เอ็งมีปัญหาอะไรกับมัน”

วีระกระชากคอเสื้อเสือมิ่ง ตะคอกใส่หน้าก็แค่ตอบคำถามเท่านั้นไม่ต้องมาลีลาท่ามาก เขาไม่พอใจที่เด็กเมื่อวานซืนมากร่างใส่ จับข้อมือบิดถึงกับร้องลั่น

ไม้กับมาดได้ยินเสียงร้องของเจ้านายจะชักดาบเข้าไปช่วยแต่ถูกสมุนของเสือมิ่งซึ่งไวกว่าเอาดาบจ่อคอสั่งให้ อยู่นิ่งๆถ้าไม่อยากให้วีระพิการ

เสือมิ่งเอามีดจ่อคอไอ้เด็กเมื่อวานซืนไว้ “ไอ้ลอไปทำอะไรให้ เอ็งถึงได้เกลียดขี้หน้ามันขนาดนั้น”

“ไอ้ลอแย่งแม่เพื่อนไปจากข้า น้ำหน้าอย่างมันไม่สมควรได้แม่เพื่อนเป็นเมีย ถ้าเอ็งลากมันไปจากทุ่งบ้านสร้างไม่ให้มันกลับมาได้อีกล่ะก็ อยากได้อะไรข้าจะหามากองให้”

ooooooo

เรื่องสินสอดทองหมั้นชักจะบานปลายใหญ่โต ทำให้พิศกับลอมีปากเสียงกัน เนื่องจากพิศเสียดายที่จะต้องคืนของเหล่านี้ให้เสือมิ่ง เพราะถ้าเก็บไว้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นของใครมาจากไหน ลอไม่เห็นด้วย

“ถึงไม่มีใครรู้ แต่ตัวเรารู้มันก็ไม่ดีแล้วจ้ะอา”

“ข้าก็แค่พูดไปตามน้ำ ยังไงข้าก็ไม่ได้คิดจะทำจริงๆหรอกเว้ย แล้วถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้กับข้าล่ะก็ ข้าไล่ตะเพิดมันลงเรือนไม่ยกลูกสาวให้เป็นเมียมันหรอก”

ลอขอโทษพิศด้วยถ้าทำให้ไม่พอใจ เขาแค่พูดตาม ที่พ่อเคยสอนไม่ได้คิดจะปากเสีย พิศไม่หายเคืองคว้าห่อผ้าสินสอดจากลูกสาวยัดใส่มือลอให้เอาไปคืนเสือมิ่งให้เรียบร้อยจะได้ไม่มีปัญหามาถึงตนกับลูก แล้วเตือนว่าอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้ ถึงเดือนหกฤกษ์แต่งงานเมื่อไหร่ เขาต้องสร้างฐานะไม่ทำให้ลูกสาวของตนต้องน้อยหน้าใคร ลอถึงกับหน้าเสีย เดินคอตกกลับกระท่อมปลายนา โยนห่อผ้าสินสอดลงพื้นอย่างไม่ไยดี

สักพักเพื่อนตามมาขอโทษที่ตัดสินใจทำแบบนั้นโดยไม่ปรึกษาเขาก่อน จนทำให้เขากับพ่อของเธอต้องทะเลาะกัน เขาไม่ถือโทษโกรธอะไรเธอกับอาพิศ เพื่อนทำมารยา ขอร้องให้เขาลงโทษเธอ อย่างน้อยจะได้ช่วยให้ความรู้สึกผิดของเธอลดลงบ้าง

“มีใครที่ไหนจะทำร้ายหัวใจตัวเองได้ล่ะแม่เพื่อน”

“ในเมื่อพี่ยังยืนยันจะไม่ลงโทษในความผิดที่ฉันทำ งั้นก็ขอให้ฉันได้ชดใช้ให้พี่บ้างเถอะจ้ะ” เพื่อนว่าแล้วจุมพิตริมฝีปากลอแบบไม่ทันให้ตั้งตัว บอกอย่างเอียงอายว่าคืนนี้เธอจะเป็นของเขา ลอตื่นเต้นดีใจจนบอกไม่ถูกที่หญิงคนรักยอมพลีกายให้ จับไหล่เธอให้เอนลงนอนบนเสื่อแล้วพรมจูบไปทั่วตัว
อีกมุมหนึ่งด้านนอกแพงชะเง้อคอมองอยู่ พอเห็นแสงตะเกียงในกระท่อมดับวูบถึงกับหน้าเศร้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ทั้งคู่ยังไม่ได้หมั้นกัน เธอคงหาเรื่องเข้าไป ขัดขวาง แต่ตอนนี้ทำได้แค่เดินจากไปอย่างเจ็บช้ำใจ...

ลอไม่อาจชิงสุกก่อนห่ามได้ ในเมื่อเพื่อนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิต เขาจึงไม่อยากให้สมบัติชิ้นนี้ต้องมีตำหนิก่อนถึงเวลา ได้แต่ดึงเธอมากอดแนบอก จากนั้นก็พากลับไปส่งบ้าน เพื่อนเอียงแก้มให้ลอหอมหนึ่งฟอด แล้วยืนส่งเขาจนเดินหายไปในความมืด แต่ยังไม่ทันจะขยับไปไหนมีเสียงของน้องสาวดังขึ้นเสียก่อน

“นอกจากอีแพงแล้ว ใครจะรู้ว่าดอกไม้สวยๆแห่งทุ่งบ้านสร้างไม่ได้มีแต่ความสวยอย่างเดียว แต่มีหนามไว้เล่นงานแมลงภู่จนอยู่หมัด นี่คงจะสบายใจแล้วสิท่า ถ่อไปหาพี่ลอเอาตัวเข้าแลก ปั่นหัวพี่ลอจนพ้นผิดมาไม่ใช่เหรอ” คำพูดแดกดันของน้องสาวทำเอาเพื่อนตกใจรีบลากแขนเธอเข้าห้องนอนกลัวพ่อจะได้ยิน

สองพี่น้องมีปากเสียงกัน แพงต่อว่าพี่สาวว่าไม่ได้ รักพี่ลอจริง ถึงได้บังคับให้เขาผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับพ่อของเขา ตนชักอยากจะให้พี่ลอหูตาสว่างถอนหมั้นเธอให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อนไม่พอใจตบน้องสาวหน้าหัน

“ถ้าเอ็งกล้าทำให้พี่ลอกับข้าเลิกกันล่ะก็ลองดูสิอีแพง ข้ากับพ่อจะได้เชื่อสนิทใจสักทีเอ็งมันก็ผีห่าผีตายโหงที่อาศัยท้องแม่ข้ามาเกิด เอ็งฆ่าแม่ตายแล้วเอ็งก็เตรียมฆ่าพ่อฆ่าพี่เอ็งด้วย เอาเลยอีแพงอีผีห่าผีตายโหง”

แพงเสียใจมากวิ่งออกจากห้องมาแอบนั่งร้องห่ม ร้องไห้ที่ถูกพี่สาวกล่าวหาว่าฆ่าแม่ตัวเอง

ooooooo

เช้าวันถัดมา ลอ เพื่อน แพงกับแก้ว รวมทั้งก้อนกับด้วงและชาวบ้านอีกหลายคนช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวไปพลางร้องเพลงเกี่ยวข้าวไปด้วย เพื่อนกับลอเกี่ยวข้าวอยู่ใกล้ๆกัน โดยที่แพงยืนห่างออกมา เธอ เหลือบมองน้องสาวแล้วเชิดหน้าใส่ แพงยิ่งเจ็บปวดใจ กำข้าวที่เกี่ยวไว้ในมือเดินหนีไปให้ห่างกว่าเดิม...

ขณะที่ความบาดหมางของสองพี่น้องเริ่มมีมากขึ้น ครูแสงเพิ่งกลับจากติดต่อซื้อเครื่องดนตรีคืนจากพ่อค้าขายของเก่า แต่ยังได้ไม่ครบเนื่องจากตอนขายถูกกดราคาตอนจะซื้อคืนต้องจ่ายแพงขึ้นเงินก็เลยไม่พอ แต่เขาไม่ท้อ จะต้องเอาคืนให้ครบทุกชิ้น เรืองเจ็บใจมาก จะเข้าไปต่อว่าพี่สาว แต่ครูแสงห้ามไว้

“เอ็งไม่ต้องโมโหไปหรอกไอ้เรือง ปล่อยให้เป็นธุระของข้า ว่าแต่เอ็งเถอะ อย่ามัวแต่มาอยู่ที่นี่เลยเดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกตเรื่องนังแรม ไปช่วยคนอื่นเขาเกี่ยวข้าวแล้วก็ทำตัวให้เป็นปกติ ใครถามถึงนังแรมก็ไม่ต้องพูดอะไร” ครูแสงตบบ่าลูกชายเป็นทำนองให้ทำตามคำสั่ง เรืองพยักหน้ารับแล้วลุกออกไป เขามองตามลูกชายแล้วหันไปมองที่ประตูห้องซึ่งใส่กุญแจไว้แน่นหนาด้วยน้ำตาคลอเบ้า เพราะล่ามโซ่แรมขังไว้ในนั้น...

ทันทีที่เจอหน้าเรือง แพงอดถามไม่ได้ว่าที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง เขารีบดึงเธอไปคุยหลังเกวียนบรรทุกข้าว ขอร้องอย่าพูดเรื่องที่พี่แรมทำเลวอะไรไว้กับพ่อเด็ดขาด ตอนนี้พ่อขังเธอไว้ไม่อยากให้หนีไปพระนคร แพงไม่เข้าใจในเมื่อเธอไม่รักดีครูแสงก็ไม่น่ารั้งตัวไว้ จังหวะนั้นลอขนรวงข้าวเข้ามาเห็นทั้งคู่ยืนลับๆล่อๆกันอยู่ ถามว่ามาหลบตรงนี้ทำไม หรือคิดจะอู้งาน แพงแก้ตัวว่าแดดร้อนก็เลยมาหลบแดด

“เออไอ้เรือง แล้วนี่พี่สาวเอ็งไปไหนวะไม่เห็นตั้งแต่งานข้าแล้ว”

เรืองอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร แพงเลยต้องช่วยตอบคำถามแทนว่าพี่แรมไม่ค่อยสบายแล้วรีบดึงตัวเรืองไปที่อื่นด้วยไม่อยากให้ซักอะไรมากความ เพื่อนเข้ามาเห็นน้องสาวควงแขนไปกับเรือง ยุส่งว่าสองคนนั้นดูมีลับลมคมในกันชอบกล ลอแก้ต่างให้ว่าคงไม่มีอะไร ทั้งคู่เล่นหัวกันมาแบบนี้ตลอด

“แต่เดี๋ยวนี้มันโตเป็นสาวแล้วนะพี่ลอ ไอ้เรืองก็รุ่นๆพี่ ผู้ชายทั้งหมู่บ้านฉันก็ไม่เห็นอีแพงจะสนิทสนมกับใครมากเท่าไอ้เรือง” เพื่อนพูดให้ลอคิดว่าเรืองกับแพงสนิทกันทำนองชู้สาวเพื่อกันท่าเธอไม่ให้มายุ่งกับเขา

คำยุยงของเพื่อนได้ผล ลอไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นแพงกับเรืองเล่นหัวหยอกล้อสนิทชิดเชื้อกัน เดินถือเคียวหน้าบอกบุญไม่รับแยกออกไป เพื่อนเห็นสีหน้าเขาแล้วรู้สึกผิดสังเกต รีบเดินตาม...

ในเวลาเดียวกัน ประจวบพบว่าเงินในตู้เซฟหายไป เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นฝีมือลูกชายตัวแสบ ระดมคนออกตามล่าตัว ไม้เห็นท่าไม่ดี แอบไปเตือนวีระซึ่งเมายาอยู่ในโรงฝิ่นให้รีบหนี ไม่อย่างนั้นอาจถูกประจวบตามมากระทืบเอาได้ แต่เขาเมายาเดินไม่ไหว จึงช่วยกันกับมาดลากตัวออกมา วีระขัดขืน โวยวายเสียงลั่น

“ข้ากำลังมีความสุข เวลาฉลองที่ไอ้ลอจะโดนกำจัดไปให้พ้นจากทุ่งบ้านสร้าง เอ็งอย่ามาเสือก...ไป”

“ฉันว่าเอาไว้ฉลองกันที่อื่นตอนที่ไอ้เสือมิ่งทำตามแผนของลูกพี่สำเร็จก็ได้ เพราะถ้าลูกพี่ไม่ไปตอนนี้ พ่อลูกพี่มาเจอเข้า ลูกพี่โดนหนักแน่” มาดเห็นท่าจะพูดกันไม่รู้เรื่อง ตัดสินใจคว้าถาดเงินใกล้มือฟาดหัววีระสลบ เหมือด แล้วช่วยกันกับไม้พยุงเขาไปที่ประตูทางออก

แต่ยังไปไม่ทันถึงไหน ประจวบเดินหน้าตาเอาเรื่องเข้ามาเสียก่อน มาดคิดแผนการบางอย่างได้ บอกให้ไม้พาวีระไปออกประตูด้านหลัง แล้วคว้าคอเสื้อลูกค้าสูบฝิ่นโชคร้ายที่เดินผ่านมา ชกหน้าจนล้มกลิ้ง เกิดโกลาหลย่อยๆ ขึ้น ทำให้ไม้พาวีระหนีออกจากโรงฝิ่นสำเร็จ

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น