วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 1


ดาหวัน นันทิพัฒน์ สาวสวย เปรี้ยวจัดจ้าน วัย 24 ปี กำลังเต้นอยู่อย่างเซ็กซี่ในผับของมารตีเพื่อนรุ่นพี่ที่เธอมาเที่ยวประจำ เธอหมุนตัวลงไปใกล้ชิดกับหนุ่มๆที่ยืนดูกันอยู่อย่างท้าทาย ยั่วยวน

สายตาคู่หนึ่งแอบมองดาหวันอยู่ในมุมเงียบ...

หนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มมองดาหวันอย่างกลัดมัน ทนไม่ไหวเข้าไปเคล้าคลอ ดาหวันทำท่าจะเล่นด้วย ลูบไล้จากใบหน้าลงมาถึงแผงอกแล้วหยุดบอกเขาอย่างยโสว่า

“ขอโทษนะ คืนนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์” แล้วผลักชายหนุ่มออกอย่างไม่แคร์ ทำเอาชายหนุ่มอารมณ์ค้างคว้ามือดาหวันไว้ พูดทั้งหื่นทั้งห่ามว่า

“มาอ่อยให้อยาก แล้วจะไปง่ายๆเหรอ จะเอาเท่าไหร่”

ดาหวันยิ้มหวานให้ดึงมือกลับสะบัดตบหน้าเขาทันที โดยที่หนุ่มไก่อ่อนนั่นไม่ทันตั้งตัว

มารตีสะกิดให้ธนายงสามีเธอที่กำลังรับแขกอยู่ให้ดูเหตุการณ์

ดาหวันยังยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่ยืนลูบรอยตบมองไปรอบๆ เห็นทุกคนมองอยู่ก็รู้สึกเสียหน้าหันไปจะตบคืน แต่ถูกการ์ดเข้ามาจับมือที่เงื้อไว้แล้วเข้าประกบชายหนุ่ม ดาหวันยิ้มให้อย่างถือไพ่เหนือกว่า พูดเย้ยว่า

“คนอย่างดาหวัน นันทิพัฒน์ คือคนเลือก ไม่ใช่ ถูกเลือก จำไว้”

ธนายงเดินเข้ามาบอกการ์ดให้เอาชายคนนั้นออกไป มารตีถามดาหวันว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอส่ายหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดกลั้วหัวเราะร่วนว่า “คืนนี้สนุกจัง ฉันกลับก่อนนะจ๊ะ” ดึงมารตีเข้าไปกอดจูบซ้ายขวา ส่งจูบไกลๆให้ธนายงแล้วเดินเซๆออกไป มารตีถามว่าไหวไหมเดี๋ยวให้เด็กไปส่ง เธอโบกมือให้แบบว่าสบายมาก ธนายงบอกมารตีว่าช่างเถอะ ดาก็เป็นแบบนี้ประจำแหละ สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้ของดาหวัน

ooooooo

ออกจากผับแล้ว ดาหวันรู้สึกเหมือนมีใครตามมา พอหันมองก็ไม่เห็นแต่พอหันกลับก็เจอกานต์ยืนอยู่ตรงหน้าจนเกือบจะชนกัน เขามองเธอด้วยสีหน้าโกรธเกลียด ดาหวันกระแทกสายตาใส่เขาด้วยความรู้สึกเดียวกัน

กานต์คือชายหนุ่มที่เป็นคู่หมั้นของดาหวัน เขาถามเธออย่างหมดความอดกลั้นว่ามียางอายบ้างไหม กลับถูกเธอกวนประสาท ถามกลับว่า

“อ๋อ...นี่คุณตามมาดูฉันงั้นเหรอ เอ๊...มันแปลว่าอะไร ยางอายน่ะ ถ้าแปลว่าความสุขละก้อ...ฉันมีมากกก ...แต่มันลดน้อยลงทันทีเมื่อเจอคุณ”

“ดาหวัน!” กานต์กระชากเธอเข้าไป “ผมหมดความอดทนกับคุณลงทุกทีแล้วนะ”

ดาหวันท้าว่าเอาเลย ทำอย่างที่เขาอยากทำเลย พอกานต์อดทนกับคำท้าทายก็กลับถูกเธอปรามาสว่า

“ถ้ายังไม่กล้า ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน...นะ...ดาร์ลิ่ง!” แล้วหันเรียกการ์ดให้ช่วยด้วย ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายตน กานต์อึ้งคิดไม่ถึงว่าเธอจะมาไม้นี้ พูดอย่างระอาว่า เธอนี่มารยาเกินเยียวยาจริงๆ ตนอยากฆ่านัก! “จุ๊ๆ ดาร์ลิ่งค่ะ เรียกฉันว่าดาร์ลิ่งซิ พูดแบบนี้ไม่เพราะเลย... การ์ด...ช่วยด้วย ...ช่วยด้วย...”

กานต์เดินออกไปอย่างไม่อยากมีเรื่อง การ์ดทำท่าจะเดินมาเลยชะงัก ดาหวันหัวเราะร่าอย่างสะใจที่แกล้งเขาได้

ooooooo

ดาหวันขับรถออกไปอย่างเร็ว ไม่ทันเห็นรอยน้ำมันเบรกรั่วหยดที่พื้นหลังรถ เธอขับรถออกไปยังหัวเราะอย่างสะใจกับการกระทำของตัวเอง

พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกอึดอัดภายในที่เก็บกดอยู่ น้ำตาไหลออกมา เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วกลับมาเป็นดาหวันที่แข็งและกร้าวคนเดิม เร่งเพลงให้ดังขึ้น เอื้อมมือไปหยิบทิชชูแต่ไม่ถนัดจึงปลดเข็มขัดนิรภัย แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ผงะเมื่อเห็นรถพุ่งเข้ามาประชิด เธอเหยียบเบรกแต่เบรกไม่ทำงาน เธอจึงหักหลบ รถเสียหลักพุ่งชนแท่งปูนที่วางกั้นระหว่างเลนอย่างแรง!

ร่างดาหวันกระเด็นออกจากรถ ตกหัวกระแทกพื้นถนนอย่างแรง เลือดทะลักจากหัวนองพื้น!

ooooooo

วันรุ่งขึ้น...ดาหวันนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีกานต์คอยดูแลอยู่ เขาโทรศัพท์คุยกับประจวบผู้เป็นพ่อว่า

“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ชีพจร ความดัน ไม่ดีขึ้นไม่แย่ลง... ครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะรีบบอกพ่อ”

ขณะนั้นเอง มาลัยแม่นมของดาหวันที่ยืนอยู่ข้างเตียงยกมือท่วมหัวพร้อมพวงมาลัย จับมือดาหวันให้รับรู้ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคุณหนูของตน ช่วยให้คุณหนูรีบๆตื่นขึ้นมา แล้วหันบอกกานต์ว่า

“นมเอามาลัยไปวางที่ศาลก่อนนะคะ ฝากดูคุณหนู ด้วยนะคะ”

กานต์รับคำนมมาลัยแล้วหันมองดาหวันที่นอนนิ่งอยู่ด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก

นมมาลัยเดินออกไปเจอพรรณีแม่ม่ายสามีตายมาพร้อมรุจิกากับธวัชลูกหญิงชายของตน ตามด้วยวีรอรน้องสาวม่ายสามีทิ้ง ซึ่งทั้งสองล้วนแต่มาอาศัยอยู่กับทวีพ่อของดาหวันที่เป็นคนใจดีขี้สงสารเห็นพี่น้องเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเลี้ยงดู แต่ทั้งพรรณีและวีรอรต่างก็แก่งแย่งหมายตาสมบัติของทวี ยิ่งดาหวันตกอยู่ในสภาพนี้การแก่งแย่งก็ยิ่งชิงไหวชิงพริบกันดุเดือด

พรรณีหมายมั่นว่าเมื่อไม่มีดาหวันแล้วคนที่จะจัดการมรดกได้ก็ต้องเป็นตน วีรอรเย้ยว่าจะมั่นใจอะไรขนาดนั้นเพราะคุณสิทธิยังไม่ได้เปิดพินัยกรรมเลย เตือนพรรณีผู้เป็นพี่สาวอย่างถือไพ่เหนือกว่าว่า

“พี่พรรณขา ถึงพี่จะมีศักดิ์เป็นป้า อายุมากที่สุด แต่อย่าลืมว่าพี่พรรณไม่ได้ใช้ ‘นันทิพัฒน์’ แล้ว แต่น้องต่างหากที่ยังใช้นันทิพัฒน์อยู่”

“หึ...ใช่สิ ก็เพราะฉันรักผัวฉันไง ถึงเขาตายไปแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่มันต่างกับเธอที่โดน

ผัวทิ้งจนต้องหอบลูกหนีมาเป็นกาฝากพึ่งใบบุญเขา”

“พี่พรรณ ให้เกียรติกันบ้างนะคะ เราสองคนมันก็อยู่ในฐานะที่ไม่ได้ต่างกัน!”

สองพี่น้องมองหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไม่มีใครยอมใคร

ooooooo

ดาหวันรู้สึกตัวขึ้นมา นัยน์ตาพร่าพรายต้องมองอยู่นานจึงเห็นกานต์ยืนอยู่ เธอพึมพำถาม

“คุณ...คุณเข้ามาในห้องนี้ทำไม”

กานต์ก้าวพรวดเข้ามา แล้วรีบกดปุ่มเรียกพยาบาล ถามดาหวันหยันๆว่า “ฟื้นแล้วเหรอ...ดาร์ลิ่ง”

ดาหวันฟังแล้วตกใจ ปฏิเสธลนลานว่า “ไม่...ไม่ใช่”

ขณะนั้นเอง เพียงนภา รุจิกา และธวัชเดินดาหน้าเข้ามา นมมาลัยวิ่งเข้ามากอดดาหวันไว้ด้วยความดีใจสุดๆ พร่ำพูด “คุณหนู...คุณหนูฟื้นแล้ว ทูนหัวของนม” ดาหวันทวนคำว่า ‘นม’ งงๆ “ค่ะ...นมที่เป็นคนเลี้ยงคุณหนูมาแต่อ้อนแต่ออกไงคะ คุณพระคุณเจ้า เจ็บตรงไหนไหมคะทูนหัวของนม”

กานต์บอกนมมาลัยว่าตนเรียกพยาบาลแล้ว ดูเธอยังค่อนข้างสับสนอยู่ ดาหวันมองหน้านมมาลัยบอกเชิงถามว่า

“เค้า...บอกว่าเป็นคู่หมั้นฉัน”

นมมาลัยยืนยันว่าใช่ กานต์เป็นคู่หมั้นเธอ รุจิกาพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่าจะมาท่าไหนอีก

ไม่ต้องการคู่หมั้น คิดถึงคู่รักมากกว่าล่ะสิ กานต์โกรธจึงหาข้ออ้างว่าจะไปตามพยาบาลปลีกตัวออกไป

ดาหวันยังทำหน้างง มองทุกคนอย่างคนแปลกหน้า ฟังคนโน้นคนนี้พูดแล้วสงสัยถามว่าตนมีคู่หมั้นแล้วหรือ แล้ว...ตนชื่ออะไร พวกคุณเป็นใคร รู้จักตนไหม ทุกคนฟังแล้วมองหน้ากันงงๆ ส่วนกานต์ที่กำลังจะออกไปก็ชะงักกึก

ooooooo

ประจวบได้รับข่าวนี้จากกานต์จึงรีบมาที่โรงพยาบาล ถามกานต์ว่าหมอว่าอย่างไรบ้าง เขาเล่าว่าผลสแกนออกมาแล้วไม่พบความผิดปกติในสมอง ไม่มีเลือดออกในสมอง ไม่มีรอยช้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

“แล้วทำไมหนูดาถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น”

“หมอคิดว่าสมองของดาหวันคงมีการกระทบ กระเทือนจากอุบัติเหตุทำให้สูญเสียความทรงจำครับพ่อ”

ที่บ้านวีรอร เพียงนภาลูกสาววัยแก่กว่าดาหวันเล็กน้อย หัวเราะร่าสะใจที่ดาหวันความจำเสื่อม สมน้ำหน้าที่ถูกสวรรค์ลงโทษแล้ว วีรอรบอกให้เบาๆหน่อยเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า เพียงนภาถามอย่างผยองว่า

“ต้องกลัวใครเหรอคะแม่ ป้าพรรณงั้นเหรอคะ ป้าพรรณก็คงนั่งหัวเราะอยู่ไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ ส่วนนังดามันก็อยู่โรงพยาบาล ถึงมันอยู่ นภาก็ไม่กลัว เราเป็นแม่ลูกกัน แม่ไม่ต้องเสแสร้งเกรงใจมันหรอกค่ะ เราก็รู้กันอยู่ว่านังดามันเคยเห็นหัวเราสองคนแม่ลูกที่ไหน ไม่อย่างนั้นมันจะกล้าแย่ง...”

“พอแล้ว” วีรอรขัดทันที “ไม่ต้องรื้อฟื้นได้ไหม เมื่อไหร่แกจะลืมเรื่องนั้นเสียที แค่ผู้ชายคนเดียว แถมยังไม่เห็นมันจะวิเศษสักแค่ไหน หลงมันอยู่ได้”

“นภาไม่ได้หลง แต่เมื่อมันเป็นของนภา ไม่ควรมีใครมาแย่งของนภาไป” เพียงนภาตาวาวอย่างโกรธแค้น

ooooooo

กานต์เฝ้าดาหวันอย่างเย็นชา ประชดประชัน เมื่อดาหวันถามถึงนมมาลัยก็ตำหนิว่า นมมาลัยอายุมากแล้วจะมาเฝ้าอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง

พอดาหวันติงว่าพูดเหมือนตนเป็นคนใจร้ายก็ถูกประชดว่าเธอเป็นคนใจดี ดีมาก คิดถึงแต่คนอื่นตลอดเวลา

“แต่น้ำเสียงคุณไม่ใช่แบบนั้น เหมือนกับที่คุณมาเยี่ยมฉันทุกวัน แต่สายตาคุณที่มองฉัน...มันไม่เหมือนนมมาลัยเลยสักนิด คุณเป็นคู่หมั้นฉันจริงๆหรือเปล่า” ดาหวันถามซื่อๆ แววตาหวาดหวั่น

กานต์เลยจูบประชดถามว่าแบบนี้ใช่ไหมที่ดาร์ลิ่งต้องการ ดาหวันถามว่าเขาทำแบบนี้กับคนที่เขาเรียกว่าดาร์ลิ่งหรือ? เขาต่างหากที่เป็นคนแบบไหนกันแน่ กานต์อึ้งไปนิดหนึ่งแต่แล้วก็หัวเราะใส่ถามเยาะว่า

“ผมทำผิดตรงไหนหรือ ก็คุณเป็นคนบอกผมว่าเราควรเรียกกันว่าดาร์ลิ่ง” ดาหวันถามว่าตนเนี่ยนะ? “ใช่ ผมทำตามที่คุณบอกไง รสจูบคุณยังร้อนแรงไม่เปลี่ยนเลยนะ...ผมว่า...”

กานต์เห็นดาหวันกลัวก็เอามือลูบปากเธอพูดอย่างคุกคาม “เราควรทบทวนอีกทีนะ เผื่อความคุ้นเคยเก่าๆจะช่วยให้คุณจำได้บ้าง” แล้วก้มลง ดาหวันเบี่ยงหน้าหนีอย่างสยองปฏิเสธเสียงหลง ขณะที่กานต์ก้มลงจนเกือบจูบดาหวันอยู่แล้ว นมมาลัยก็ผลักประตูเข้ามา กานต์ยืดตัวขึ้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

นมมาลัยมองกานต์แปลกๆ เพราะไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้มาก่อน ดาหวันดีใจรีบเรียกนมมาลัยบอกว่าตนหิวน้ำ เอาน้ำให้หน่อยได้ไหม กานต์ถือโอกาสนั้นขอตัวกลับอ้างว่าต้องเข้าออฟฟิศแล้ว พอกานต์ออกไป นมมาลัยถามดาหวันว่ามีอะไรหรือเปล่า ดาหวันส่ายหน้าแต่กอดนมมาลัยไว้แน่น

ooooooo

เย็นนี้ กานต์ออกกำลังกายที่ห้องออกกำลังที่บ้าน เขาเดินไปหยิบขวดน้ำดื่ม เห็นนิตยสารที่มีรูปดาหวันขึ้นปกเป็นภาพวาบหวามเซ็กซี่ เขาฉุนกึก เรียกสมคนรับใช้ประจำตัวมาถามว่าใครซื้อหนังสือเล่มนี้มา

สมบอกว่าตนซื้อเอง คุยอวดว่าหนังสือเพิ่งออกเห็นหน้าปกเป็นดาหวัน เล่มนี้สวย เซ็กซี่กว่าที่เคยถ่ายเล่นก่อนโน้น คงถ่ายไว้ก่อนเกิดอุบัติเหตุแน่นอน ทางหนังสือคงเห็นว่าจะช่วยเพิ่ม...

“ไอ้สม!! ฉันถามความเห็นแกหรือ เอาไปทิ้ง!” สมตกใจเสียดาย “ฉันบอกให้เอาหนังสือเล่มนี้ไปทิ้ง!!”

สมพยายามชี้ให้เห็นว่ากว่าตนจะได้หนังสือมายากเย็นเพียงใดแต่กานต์ย้ำดุดันว่าให้เอาไปทิ้งถ้าตนกลับมายังเห็นหนังสือเล่มนี้อยู่ในบ้านหลังนี้อีก “คนที่จะโดนเตะออกไปจากบ้านนี้คือแก เข้าใจไหม”

เมื่อพบกับประจวบในบ้าน พ่อถามเขาว่าติดต่อหมอได้หรือยัง?

“ผมให้หมอระบบประสาทที่ดีที่สุดมาดูแล้วครับ แต่หมอก็ยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัด ว่าความทรงจำจะกลับมาเมื่อไหร่ สิ่งที่ทำให้ได้คือหมอแนะนำให้ช่วยพาไปสถานที่ที่คุ้นเคยอยู่กับคนที่คุ้นเคยหรือญาติ อาจจะทำให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น”

ประจวบถอนใจเมื่อนึกถึงคนที่คุ้นเคยและอยู่รอบตัวดาหวัน กานต์พูดหน้านิ่งว่าเธอทำตัวเองทั้งนั้น

“แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าหนูดาเป็นลูกของทวีเพื่อนสนิทพ่อ ยังไงแกก็ต้องดูแลหนูดาให้ดีที่สุดนะ พ่อรับปากกับทวีไว้ว่าจะดูแลลูกสาวเขาให้ดีที่สุด”

“ผมเข้าใจครับ แต่การดูแลมันก็มีตั้งหลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องหมั้นกันแบบนี้ เราสองคนไม่ได้รักกัน และถ้าดาหวันต้องการแต่งงานกับผมจริง เขาคงไม่ยื้อการหมั้นไว้ตั้ง 2 ปี” กานต์ติง ถูกประจวบสวนทันควันว่า

“พ่อกับทวีเป็นยิ่งกว่าเพื่อนรักกัน แกก็รู้นี่ถ้าทวีไม่ออกหน้ามาช่วยรับรองแข็งขันกับธนาคารและคู่ค้าของเราตอนบริษัทเรามีปัญหา เราจะมีวันนี้เหรอ”

เมื่อพ่อยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด กานต์ก็เงียบ พูดไม่ออก ได้แต่พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง ประจวบยังอบรมต่อว่า

“สิ่งที่วัดความเป็นคนมันไม่ใช่แค่มีเงินทองมากมาย ผู้คนนับหน้าถือตา... แต่มันต้องมีความกตัญญูและตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณด้วย พ่อสอนแกมาตลอด ไม่ใช่เหรอ”

“ครับ...ผมยังจำคำสั่งสอนของพ่อได้เสมอ ไม่งั้นผมก็ถอนหมั้นกับผู้หญิงอย่างดาหวันไปนานแล้ว” กานต์เสียงอ่อย

ooooooo

อรอุมา เป็นน้องสาวของอติเทพ ชายหนุ่มปากหวานกะล่อน ผู้มีพื้นเพมาจากชนบทฐานะไม่ดีแต่ทะเยอทะยาน อาศัยความรูปหล่อพูดเก่ง กะล่อนพยายามที่จะเกาะหญิงสาวที่มีฐานะดี และเป็นชนวนให้เพียงนภาเคียดแค้นดาหวันมาจนทุกวันนี้

ทั้งนี้เพราะอติเทพเคยเป็นคนรักของเพียงนภาแต่เมื่อได้รู้จักดาหวันที่ฐานะดีกว่ามาก เขาก็ผละจากเพียงนภามาคบดาหวัน อรอุมากับอติเทพมีความคิดในทางเดียวกัน ทะเยอทะยานและใช้ทุกวิธีเพื่อไต่เต้าสู่ความร่ำรวยอย่างไร้หิริโอตตัปปะ

วันนี้อติเทพโทร.ให้อรอุมาซื้อกุหลาบขาวซึ่งเป็นกุหลาบสีโปรดของดาหวันเพื่อเอาไปเยี่ยมเธอ

เมื่ออติเทพมารับช่อกุหลาบขาวที่ออฟฟิศอรอุมา ถูกน้องสาวบ่นว่า

“โทร.มาคิดว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร ให้ไปหาซื้อกุหลาบขาวให้แฟนเนี่ยนะ รู้ไหมว่าค่ากุหลาบนี่เท่าไหร่ กินข้าวได้กี่มื้อ” ก็ถูกอติเทพในชุดเท่ ยืนอยู่ข้างรถเก๋งหรูยกมือห้าม

“พอเถอะ อย่าพูดอีกเลย ความรักของพี่มันมีค่ามากกว่านี้หลายเท่า แกก็รู้ดีนี่”

อรอุมาเลยเลิกบ่น ยิ้มอย่างรู้กันกับพี่ชาย

ooooooo

ดาหวันเอาอัลบั้มรูปถ่ายมาพลิกดู เธอมองรูปทวี ถามนมมาลัยว่า

“ดูท่าคุณพ่อคงเป็นคนใจดีมากนะ”

“ใช่ค่ะ ท่านใจดีและก็มีเมตตามาก ไม่งั้นคงไม่รับคุณพรรณกับคุณอรมาอุปถัมภ์เลี้ยงดูทั้งครอบครัวหรอกค่ะ เสียดายท่านไม่น่าสิ้นบุญไปเร็วเลย”

“นั่นสิคะ ตอนนี้ดาเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก สับสน มืดมนไปหมด แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักตัวเองเลย”

“ทูนหัวของนม คุณหนูมีนมอยู่นะคะ แล้วก็คุณกานต์ไงคะ” ดาหวันถามว่าผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ “ค่ะ คุณกานต์เธอเป็นคู่หมั้นคุณหนู คุณท่านเธอไว้ใจคุณกานต์มาก ฝากให้คุณกานต์ดูแลคุณหนู”

ดาหวันพลิกไปถึงรูปหมู่ถ่ายรวมทั้งหมด เธอบอกว่านี่ต่างหากคือครอบครัวของตน เขาเป็นญาติ พวกเขารักตนเหมือนคุณพ่อใช่ไหม นมมาลัยอึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ดาหวันมองหน้านมอีกทีบ่นตัวเองว่า

“ดาไม่น่าถามเลย พวกเขาต้องรักดาอยู่แล้ว แล้วเขานิสัยเป็นยังไงกันคะ ดาจำไม่ได้เลย”

ทุกคำถามของดาหวันทำให้นมมาลัยลำบากใจ ตอบได้แต่เพียงว่าไว้อยู่ๆไปคุณหนูก็รู้จักดีเองแหละ

ดาหวันขอร้องให้บอกตนได้ไหม ก็พอดีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นมมาลัยดูนาฬิกาแล้วบอกอย่างตื่นเต้นว่า

“คุณกานต์มาแล้ว แวะมาเยี่ยมคุณหนูได้ทุกวัน น่ารักจริงๆ” นมมาลัยรีบไปเปิดประตู แต่คนที่เข้ามากลายเป็นอติเทพ แต่งเท่ประคองช่อกุหลาบขาวยิ้มหวานเข้ามา

“ดา...ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน...”

ดาหวันทำตัวไม่ถูกเครียดจนเกร็ง นมมาลัยเลยแนะนำว่า “คุณอติเทพค่ะ...เป็น...เอ่อ...เป็น...”

“เป็นคนรักของดายังไงจ๊ะ ผมซื้อกุหลาบขาวที่ดาชอบมาให้ด้วยนะ” อติเทพชิงพูดแทนนมมาลัย

ดาหวันมองงงๆ ทวนคำว่า ‘คนรัก’ ถามว่าตนมีคู่หมั้นแล้วเขาจะมาเป็นคนรักตนได้ยังไง

ขณะอติเทพกำลังปากหวานแสดงความห่วงใยรักใคร่ดาหวันอย่างมาก บอกว่าพอตนรู้เรื่องก็รีบมา สัญญาว่าจะดูแลเธอเอง ขอให้เธอรู้แค่ว่า “ตอนนี้เรารักกัน” ก็พอ

“หน้าด้าน!!” เสียงเพียงนภาแว้ดขึ้น พร้อมกับเดินฉับๆ เข้ามามือถือพวงหรีดมาด้วย ด่าทั้งสองทันที “หญิงชั่วชายเลว ยังหน้าด้านกันเหมือนเดิมนะ”

อติเทพหันเรียก “นภา...” เพียงนภาพูดเยาะว่า นึกว่าจะไม่ทักกันเสียแล้ว จากนั้นหันด่าดาหวันว่าชอบเป็นชู้อยู่เหมือนเดิม ดาหวันถามอย่างตระหนกว่าทำไมถึงเกลียดตนขนาดนี้เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันไม่ใช่หรือ

“ฉันไม่เคยนับญาติกับเธอ นับตั้งแต่เธอแย่งผู้ชายของฉันไป”

ดาหวันเครียดจนปวดหัวจี๊ด อติเทพไล่เพียงนภาให้ออกไปจากห้องนี้ถ้าไม่ได้คิดมาเยี่ยมดาหวันจริงๆ เพียงนภายกพวงหรีดโชว์แช่งให้ดาหวันตายเร็วๆ นมมาลัยทนไม่ได้ไล่ให้ออกไปทั้งสองคน เห็นดาหวันเริ่มชักก็ยิ่งตกใจวิ่งเข้าไปหา

ทันใดนั้นกานต์เปิดประตูพรวดเข้ามาตวาดถามทั้งสอง “คุณสองคนเข้ามาทำอะไร!” แล้วรีบกดเรียกพยาบาลให้มาดูดาหวัน อติเทพไม่ยอมเสียเชิงจะเข้าไปหาดาหวันอีก

“ไม่เห็นหรือว่าดาชัก ออกไปห่างๆซิ อย่ามามุง”

กานต์เสียงเข้มไล่อติเทพ นมมาลัยก็ร้องเร่งกานต์ให้ช่วยคุณหนูด้วย

กานต์เข้าไปจับตัวดาหวันตะแคงซ้าย เธอจิกมือที่แขนกานต์แน่น และพยาบาลก็นำรถเข็นเข้ามาพอดี

ooooooo

ในยามที่ดาหวันอยู่ในภาวะความจำเสื่อมจนจำอะไรไม่ได้แม้แต่ตัวเอง บรรดาเหลือบไรปลิงทากที่มาเกาะพ่อเธอก็หมายฮุบสมบัติจนทะเลาะเบาะแว้งกันลั่น

ส่วนพวกลูกๆ ที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับดาหวัน บ้างที่อิจฉาก็ด่าว่า บ้างที่ถูกแย่งคนรักก็เอาพวงหรีดมาให้สาปแช่งให้ตายๆไปเสีย และที่เขม่นกันเองก็ทะเลาะกัน

หมอและพยาบาลที่กำลังเช็กอุปกรณ์ในห้องพักดาหวัน หลังจากทำให้เธอหลับแล้ว ถึงกับส่ายหน้ากับพฤติกรรมของบรรดาญาติๆ จนพยาบาลต้องออกมาบอกว่าให้ญาติกลับไปรอฟังอาการที่บ้านดีกว่า ตอนนี้คนไข้ต้องการพักผ่อน

พอข้างนอกสงบแล้ว ดาหวันลืมตาขึ้นน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ยินพวกนั้นทะเลาะกัน

ooooooo

วันนี้สมขมีขมันเตรียมรถไว้ให้กานต์ไปทำงานตามปกติ แต่เขากลับขับมอเตอร์ไซค์ไปแทน สมเชื่อว่าต้องมีเรื่องผิดปกติแน่ โทร.ไปบอกเลขาของเขา แต่ช้าไปแล้ว เพราะสมไม่ทันได้พูดอะไรกานต์ก็ไปถึงพอดี

พอมาถึงก็สั่งงานชุดใหญ่เสร็จแล้วก็สั่งกาแฟ ที่สำคัญกำชับว่า “เช้านี้ผมไม่รับแขก ไม่ว่าใครทั้งนั้น โอเคนะ”

เลขารับทราบและทวนคำสั่ง พอถึงคำสั่งสุดท้ายที่ว่าวันนี้ไม่รับแขก เลขาก็ตาโตตกใจเพราะมีคนมารออยู่ในห้องทำงานแต่เช้าแล้ว รีบวิ่งเข้าไปบอก ถูกกานต์ที่เจอคนที่มารอแล้วโบกมือไล่ให้ออกไป

ผู้ที่มารอพบกานต์แต่เช้าคือ ครองขวัญ คนรักสมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษด้วยกัน และสัญญากันว่าเมื่อเขากลับมาแล้วเขาจะบอกคุณพ่อว่าตนเจอผู้หญิงที่รู้ใจแล้ว กานต์ติงว่าแต่ตอนที่ตนกลับมาเธอก็มีแฟนใหม่แล้วไม่ใช่หรือ ถูกครองขวัญสวนมาว่า

“โธ่...ก็เพราะขวัญเสียใจที่กานต์หมั้นกับผู้หญิงคนอื่นไงคะ กานต์คะ ตอนนี้ขวัญกลับมาแล้วไง แล้วขวัญก็เข้าใจดีว่ากานต์จำเป็นต้องหมั้นกับดาหวันเพื่อคุณพ่อ... ขวัญจะรอค่ะ รอวันที่คุณถอนหมั้นกับดาหวัน แล้วเราจะได้แต่งงานกัน” พูดแล้วเขย่งหอมแก้มเขาเบาๆ

เสียงเคาะประตูขัดจังหวะขึ้น เลขาเอากาแฟเข้ามา พอเห็นอากัปกิริยาของทั้งสองก็รีบขอโทษ ถามว่าเดี๋ยวมาใหม่ดีไหม กานต์บอกไม่ต้อง ถามว่าเอากาแฟมาให้ใช่ไหมกำลังอยากกินเลย หาเหตุผละจากครองขวัญไปหยิบกาแฟดื่ม

ooooooo

เพราะความจำเสื่อมและเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามาอย่างสับสนและรุนแรง ทำให้ดาหวันฝันถึงพ่อ ในความฝันเธอตัดพ้อว่าทำไมพ่อไม่เอาตนไปอยู่ด้วย ตนอยู่ที่นี่ไม่มีใครเลย

ดาหวันสะดุ้งตื่นจากฝันเหงื่อแตกพลั่ก นมมาลัยที่เฝ้าอยู่ตกใจผวาเข้าไปถามว่าเป็นอะไร ปวดหัวหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม เดี๋ยวจะไปตามหมอให้ ดาหวันไม่ตอบแต่โผกอดนมมาลัยไว้แน่นเหมือนเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้

เพื่อให้ดาหวันผ่อนคลาย นมมาลัยเข็นรถพาเธอไปชมสวนดอกไม้ข้างล่าง ดาหวันอยากได้ดอกไม้ เดี๋ยวขึ้นไปแล้วจะได้เอาไปไหว้พ่อเลย นมมาลัยบอกให้เธอนั่งรอตรงนี้อย่าไปไหนตนไปซื้อดอกไม้เดี๋ยวเดียวจะรีบมา

ระหว่างที่ดาหวันรอนมมาลัยอยู่นั้น เธอลุกไปที่แผงหนังสือใกล้ๆ เห็นนิตยสารที่ตัวเองขึ้นปกวางบนแผง ชายสองคนหยิบขึ้นมาดูวิจารณ์กันหื่นๆ จนดาหวันได้ยินต้องรีบจับคอเสื้อให้กระชับ ทั้งสองหันมาเห็นดาหวันก็ทำท่าจำได้ ดาหวันปฏิเสธลนลานว่า “ไม่ใช่... ไม่ใช่...ไม่ใช่ฉัน”

นมมาลัยซื้อดอกไม้กลับมาปรากฏว่าดาหวันหายไปแล้วเหลือแต่รถอยู่ที่เดิม นมมาลัยตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโทร.ไปบอกกานต์ กานต์รีบออกมาเพื่อช่วยตามหา

ครองขวัญตามมาด้วยใส่ไฟทันทีว่าคงหนีเที่ยว นมมาลัยบอกว่าดาหวันจำไม่ได้แม้แต่ตัวเองจะทำอย่างนั้นได้ยังไง เธอก็ยังพล่ามว่าคนอย่างนี้จะทนนอนอยู่โรงพยาบาลเฉยๆได้ยังไงคงอยากออกไปเฉิดฉายใจแทบขาดแล้วกระมัง

ครองขวัญยังป้ายสีดาหวันไม่เลิก จนกานต์บอกว่า ถ้าเธอตามตนมาเพื่อทำให้นมยิ่งใจเสียละก็ให้กลับไปดีกว่า หรือถ้าอยากช่วยก็ต้องทำตามที่ตนบอก เพียงขวัญ ถามว่าจะให้ทำอะไร

“ผมอยากให้คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนนมมาลัย คุณทำได้ใช่ไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความช่วยเหลือนะครับ ผมไปล่ะ” กานต์กันครองขวัญออกไปแล้วก็รีบผละไปตามหาดาหวัน เขาไปถามผู้คนแถวนั้นและที่ร้านขายของมีคนพยักหน้าว่าเห็นและชี้ว่าไปทางโน้น แต่พอเขาไปดูก็ไม่เจอ

“เธอหนีไปซ่อนที่ไหนนะยายตัวแสบ” กานต์บ่น เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าชะโงกมองลงมาก็ไม่มีอะไร จนสะดุดตาเครื่องเล่นของเด็กที่เป็นท่อกลมๆวางอยู่ในสนาม เขาชะงักมอง

ooooooo

กานต์ตรงไปหาดาหวันที่ท่อนั้น แล้วก็เจอจริงๆ เขาดุเธอว่าวันหลังจะไปไหนให้ช่วยบอกคนอื่นบ้าง โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ พูดประชดว่า คงไม่บอกนะว่าไปเดินเล่น

ดาหวันฉุนถามว่าถ้าตนบอกว่าใช่ล่ะ? ก็ถูกเขาหาว่าเรียกร้องความสนใจ เขาให้เธอขี่หลังพากลับไป

ยังไม่วายมีปากเสียงประชดประชันกันไปตลอดทาง จนดาหวันบอกว่าตนไม่ได้ขอให้เขาช่วย ตนเดินเองได้ กานต์เลยวางเธอลงให้เดินกะเผลกๆเอง เขาพูดอย่างสมเพชว่า

“ถึงจะเสียความทรงจำ แต่นิสัยก็ไม่เปลี่ยน” ดาหวันถามว่าตนเป็นยังไง “ก็อวดดีไง เหมือนตอนนี้”

“คุณควรไปไกลๆฉันนะ เพราะฉันคิดว่าคุณกำลังทำให้อาการฉันแย่ลง” ดาหวันโมโหกัดฟันเดินย่องแย่งไปเอง

ระหว่างนั้นครองขวัญที่กานต์ขอให้อยู่กับนมมาลัย ทนไม่ได้จะออกไปหากานต์ ก็พอดีมีเสียงเคาะประตู ครองขวัญนึกว่าเป็นกานต์รีบไปเปิด กลายเป็นอติเทพ เธอเชิดใส่ทันที ต่างกระแนะกระแหนกันประสาคนรักเก่าที่เลิกกันอย่างมีปัญหา แล้วต่างก็แย่งกันออกไป คนหนึ่งมุ่งไปหากานต์ อีกคนก็สร้างภาพออกช่วยตามหาดาหวัน

ทั้งคู่ไปเจอกานต์กำลังจะอุ้มดาหวันเพราะเดินกะเผลกไม่ทันใจ อติเทพแทรกเข้าไปขอดูแลดาหวันแทนอ้างว่ากานต์ตามหามาเหนื่อยแล้ว กานต์หมั่นไส้เลยให้อติเทพดูแลดาหวัน ส่วนตัวเองควงครองขวัญกลับไป

ขณะอติเทพจะเข้าประคองดาหวันนั้น นมมาลัยมาถึงพร้อมรถเข็นบอกว่าตนดูแลเอง ไม่ต้องรบกวนเขาหรอก พอดาหวันเห็นนมมาลัยก็กางแขนโผหา บอกว่าตนจะไปกับนมมาลัย บอกอติเทพให้กลับไปเสียตนเหนื่อย อยากพัก อติเทพยังแสดงความห่วงใยก่อนกลับไปเหงาๆ

ดาหวันมองตามอติเทพไปอย่างสับสนระหว่าง อติเทพที่แสนดีอบอุ่นกับกานต์ที่ดูใจร้ายค่อนแคะประชดประชัน

ครองขวัญกลับบ้านอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสียจนนทีผู้เป็นพี่ชายถามว่าอารมณ์เสียมาจากไหน ไหนว่าออกไปตามกานต์ไง เธอระบายอารมณ์ว่า กลับจากโรงพยาบาลเพราะชวนกานต์ไปกินข้าวฟังเพลงก็บอกว่าเหนื่อย ทีไปเยี่ยมดาหวันล่ะทำได้แถมยังเรียกดาหวันว่าดาร์ลิ่งอีก พอพี่ชายติงว่าเขาเป็นคู่หมั้นกันเธอเองเพลาๆเรื่องกานต์ลงบ้างก็จะดี

“แต่พี่นทีเป็นคนขอให้ขวัญติดต่อกับกานต์เองนะคะ” เธอขึ้นเสียง

“ก็ใช่...แต่งานประมูลมันจบไปแล้ว พี่ขอแค่ให้ขวัญพาไปแนะนำบริษัทเท่านั้น...ยังไงเขาก็มีคู่หมั้นแล้วนะ”

“เขาแค่ทำตามที่พ่อขอเท่านั้น กานต์เขายังรักขวัญอยู่ ตอนอยู่อังกฤษกานต์เขาคลั่งไคล้ขวัญจะตาย พี่นทีไม่รู้หรอก”

รุจิกาที่คบกับนทีอยู่เห็นบรรยากาศไม่ดีจึงชวนกันไปชิมขนมเจ้าอร่อยกันก่อนดีไหม พอนทีเดินออกไป รุจิกาก็หันกลับมาบอกครองขวัญว่า

“เรื่องคุณกานต์ ยังไงพี่ก็เชียร์น้องขวัญนะคะ ยายดามันสำส่อนจะตายใครๆก็รู้ ผู้ชายสมาร์ทอย่างคุณกานต์ เหมาะกับน้องขวัญเท่านั้น”

“พี่รุน่ารักแบบนี้ ขวัญถึงอยากให้พี่รุมาเป็นพี่สะใภ้ขวัญ ถ้าพี่รุช่วยขวัญได้กานต์กลับมาเมื่อไหร่ ขวัญก็จะบอกให้พี่นทีรีบขอพี่รุแต่งงานเลยค่ะ”

ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างต่างมีผลประโยชน์ต่อรองกันอยู่

ooooooo

แม้ดาหวันจะสูญเสียความทรงจำในอดีต แต่เธอรับรู้เหตุการณ์ในปัจจุบันโดยเฉพาะความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างที่เข้ามาด้วยลีลาต่างกัน เธอถามนมมาลัยอย่างสับสนว่า

“พี่นภาเกลียดดาเพราะดาแย่งคุณเทพมา ป้าพรรณ อาอร พี่รุ ทุกคนเกลียดดา ดาเป็นผู้หญิงแบบไหน ดามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่กลับมีผู้ชายอีกคนเป็นคู่รัก ดาเป็นผู้หญิงแบบไหนคะนม นมตอบดาทีได้ไหมคะ”

นมมาลัยขอเธออย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้นเลย มันมีแต่จะทำให้เธอไม่สบายใจ แต่ดาหวันรู้สึกหวาดกลัวผู้คนรอบข้างที่เกลียดชังตนถามว่า อย่างนี้แล้วตนจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร นมมาลัยกอดดาหวันพูดอย่างสะเทือนใจว่า

“ที่ผ่านมายังไงก็ช่างมันเถอะค่ะ แต่ตอนนี้นมบอกได้ว่าคุณหนูไม่ใช่คนเดิมแล้ว ทำไมคุณหนูไม่ถือเสียว่ามันเป็นโชคดีที่จะได้เริ่มต้นใหม่ล่ะคะ”

เป็นคำถามที่ทำให้ดาหวันได้คิด เธอบอกนมมาลัยว่า “ค่ะ...ดาจะพยายาม” นมมาลัยยิ้มดีใจ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขอบคุณกานต์ สงสัยว่ากานต์รู้ได้อย่างไรว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน ชมว่าเก่งจัง

ที่แท้เป็นความทรงจำเมื่อ 15 ปีก่อน ที่ดาหวันถูกรุจิกากับเพียงนภาล้อว่าเธอเป็นคนไม่มีแม่ แม่ทิ้งเธอไปแล้ว ทำให้ดาหวันโกรธจนกัดแขนเพียงนภาแล้วพุ่งเข้าไปเตะรุจิกาก่อนวิ่งหนีไป

ด้วยความโกรธเกลียดคนที่มาล้อว่าตนไม่มีแม่ ดาหวันมุดเข้าไปแอบอยู่ในท่อที่เป็นเครื่องเล่นของเด็กในบ้าน เจอกานต์นั่งอ่านการ์ตูนอยู่ในนั้น ดาหวันเหวี่ยงใส่ว่า “นี่ที่ของเรา กล้าเข้ามาที่เราได้ยังไง!”

เวลานั้นกานต์ส่งสัญญาณให้เธอหยุดเสียงดังเพราะเห็นเท้านมมาลัยเดินตามหาเธออยู่ข้างนอก พอนมมาลัยเดินผ่านไป กานต์ถามว่าร้องไห้ทำไม เธอเล่าว่า “พี่รุกับพี่นภาบอกว่าดาดื้อแม่เลยทิ้งดาไป ฮือๆแม่ไปอยู่บนสวรรค์ต่างหาก”

กานต์ปลอบใจว่าแม่ตนก็อยู่บนสวรรค์เหมือนกัน ดาหวันจึงยอมให้เขามานั่งอ่านการ์ตูนในนี้ได้ แต่ต้องสัญญาว่าจะเก็บรักษาไว้เป็นความลับ กานต์พยักหน้าให้สัญญา แต่นั้นมาท่อกลมนี้จึงกลายเป็นที่ลับเฉพาะที่รู้กันเพียงสองคน

หลังจากกานต์ไปเจอดาหวันในท่อกลมนั้นแล้ว เขาฉุกคิดว่า

“ทำไมยายนั่นถึงไปแอบที่นั่นเหมือนเดิมล่ะหรือว่า...จำได้แล้ว แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้”

ooooooo

เช้านี้วีรอรทำซุปเพื่อเอาไปเยี่ยมดาหวัน

เพียงนภา ถามว่าทำไปทำไมจำไม่ได้หรือว่าคราวก่อน ทำไปให้ก็ถูกบ่นว่าเหมือนน้ำเปล่ายังไม่เข็ดอีกหรือ

วีรอรตำหนิเพียงนภาว่าทำอะไรไม่รู้จักคิด เอาพวงหรีดไปให้ดาหวัน ถ้าดาหวันตายไปแล้วคิดหรือว่าอติเทพจะหวนกลับมาหาตัวเอง เพียงนภาบอกว่าก็ไม่แน่ แต่ที่ตนทำไปไม่ใช่เพราะรักอติเทพ สำหรับเขาตนเหลือแต่ความแค้นเท่านั้น

ระหว่างนั้นเพียงนภาเห็นทนายสิทธิมาที่บ้านพรรณี เธอถามแม่ว่าลุงสิทธิมาทำไม แม่ลูกมองหน้ากันอย่างระแวง

พรรณีเป็นคนเรียกให้ทนายสิทธิมาพบที่บ้านอ้างว่าเมื่อเกิดปัญหากับนันทิพัฒน์ตนก็อยู่เฉยไม่ได้เป็นห่วงงานในบริษัทจึงต้องยื่นมือมาเกี่ยวข้อง เสนอว่า “คุณสิทธิน่าจะทำเรื่องมอบอำนาจให้ตาธวัชเป็นคนดูแลทุกอย่างแทนยายดา”

วีรอรกับเพียงนภาพรวดเข้ามา วีรอรถามว่าพี่ทำอย่างนี้ปรึกษาดาหวันหรือยัง หรือคิดเองทำเอง

สองแม่ลูกรุมกันซักไซ้จับผิดพรรณี จนพรรณีถามว่าสองคนคิดว่าตนจะหาทางเอาทรัพย์สินของดาหวันอยู่หรือ?

วีรอรค้านเรื่องจะให้ธวัชมาดูแลทุกอย่างในบริษัทแทนดาหวัน ถามว่าทำไมไม่เป็นตนหรือเพียงนภา

สองพี่น้องโต้เถียงชิงไหวชิงพริบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนทนายสิทธิต้องชี้แจงแก่ทั้งสองว่า

“ถึงแม้ตอนนี้หนูดาจะเป็นประธานบริษัทและยังไม่สามารถทำงานได้ แต่เรามีบอร์ดที่จะช่วยดูแลและพิจารณาเรื่องสำคัญๆของบริษัทให้ดำเนินการได้ และที่สำคัญ ถ้าจะมอบอำนาจให้ใครแทนหนูดา ผมคงต้องให้หนูดาเห็นชอบด้วยเพราะเธอแค่สูญเสียความทรงจำ แต่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนอยู่นะครับ”

ทั้งพรรณีและวีรอรต่างหน้าเจื่อน เมื่อทนายสิทธิยึดหลักการ ไม่เล่นด้วย

ทนายสิทธิไปเยี่ยมดาหวัน เขาลูบหัวเธออย่างเอ็นดูบอกว่า ไม่ต้องห่วง ตั้งใจรักษาตัวก็พอ ตนจะดูแลและรักษาผลประโยชน์ไม่ให้ใครมาเอาเปรียบแน่นอน พูดอย่างเปี่ยมด้วยความเอ็นดูว่า

“หนูเป็นลูกสาวทวี ก็เหมือนลูกสาวลุงคนหนึ่ง” ยังความปลื้มปีติและอบอุ่นใจแก่ดาหวันมาก ส่วนเจนจิราน้องสาวของคมกริชที่สนิทกับดาหวันและเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก ก็ปลอบว่า

“ก็เหมือนเราไงดา เจนกับดาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก และจะไม่ยอมเลิกเป็นเพื่อนกันง่ายๆหรอก เกือบลืมมีพี่กริชอีกคน” พูดแล้วเห็นดาหวันทำหน้างง เธอฟื้นความจำว่า “พี่กริช ก็พี่ชายเจนไงตอนนี้ดูงานอยู่สวิส แต่พี่กริชเขาห่วงดาตลอดเลยนะ” พลางเจนจิรามองไปที่กุหลาบขาวที่วางอยู่เกือบรอบห้อง ดาหวันถามว่ากุหลาบที่ส่งมาทุกวันเป็นของพี่กริชหรือ เจนจิราพยักหน้า “ใช่...นี่ดาจำพี่กริชได้เหรอ จริงสิ เจนก็ลืมไป ก็ดาจำไม่ได้นี่นะ”

ดาหวันถามว่าตกลงใครเสียความทรงจำกันแน่เนี่ย ทั้งสองเลยหัวเราะกันอย่างเบิกบาน ทำให้ทุกคนในห้องพลอยหัวเราะไปด้วย ดาหวันรู้สึกถูกชะตากับเจนจิราทั้งที่ยังจำอะไรในอดีตไม่ได้

บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเมื่ออติเทพเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะก่อน ถามว่าหัวเราะอะไรกันอยู่ดูมีความสุขจัง แล้วหันไปสวัสดีทนายสิทธิ และทักเจนจิราที่หน้าตึงทันทีที่เห็นเขาเข้ามา

ooooooo

พออติเทพมา ทนายสิทธิก็กลับ อติเทพเปรยๆ กับดาหวันว่าพอตนมาคุณลุงก็กลับ เลียบเคียงถามว่าคุณลุงมาคุยอะไรหรือ ดาหวันตอบอย่างรู้ทันว่าท่านมาเยี่ยมในฐานะเพื่อนของพ่อ ไม่ใช่ทนาย ทั้งยังบอกว่า

“ฉันรู้สึกอบอุ่นที่ท่านมาเยี่ยม ดูท่านใจดี แล้วก็มีเมตตากับฉัน อีกอย่างฉันดีใจที่มีเพื่อนที่น่ารักอย่างเจน เมื่อก่อนฉันกับเจนสนิทกันมากไหมคะ” อติเทพอึกอักแล้วบอกว่าไม่รู้เพราะตนเจอเจนจิราไม่กี่ครั้งเอง “ก็ไหนคุณว่าคุณเป็นคนรักฉัน เราจะรักกันยังไงในเมื่อคุณไม่รู้จักเพื่อนสนิทฉัน แล้วคุณยังเป็นคนรักของพี่สาวฉันด้วย”

เมื่อถูกดาหวันจับผิด อติเทพยอมรับว่าเจนจิราไม่ชอบตน คนรอบตัวเธอก็ไม่ชอบตน แล้วพรรณนาความรักของตนที่มีต่อเธอ แต่หลายคนก็มองว่าตนโลเลรักเพียงนภาแล้วเปลี่ยนใจมาหาเธอ พูดอย่างเด็ดเดี่ยวมั่นคงว่า...

“แต่ถ้าผมแคร์คำพูดพวกนั้น ผมก็ต้องเจ็บปวด ผมรักคุณ ผมจะถูกตราหน้ายังไง ผมก็ไม่สน” ดาหวันถามว่าทั้งที่ตนมีคู่หมั้นแล้วหรือ? “ผม...ไม่ใช่สิ เราต่างหาก เราสองคนยึดถือหัวใจมากกว่าข้อตกลง เราสองคนรักกันนะดา คุณรักผมและผมก็รักคุณ”

อติเทพมองตาดาหวันซึ้ง หว่านเสน่ห์เต็มที่ แต่พอจะก้มจูบ ดาหวันก็เบือนหน้าหนี ร้องห้าม บอกว่าตอนนี้ ตนจำความรู้สึกนั้นไม่ได้ อติเทพก็ยังรั้นบอกว่าจะทำให้ความรู้สึกของเธอกลับมาเหมือนเดิม ขอแต่เธออย่าผลักไสตน ขอให้ตนได้รักเธอ แล้วประคองมือดาหวันขึ้นจูบแทน ดาหวันปล่อยตามใจเมื่อเขาปฏิบัติต่อตนอย่าง อ่อนโยน นุ่มนวล...

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น