วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 3


สายมากแล้ว อรอุมาถือโทรศัพท์เข้ามาหาอติเทพที่นอนแผ่อยู่ที่โซฟา ปลุกให้ตื่นถามว่ารู้ไหมว่าในไลน์กลุ่มบริษัทลือกันให้แซ่ดว่าดาหวันกำลังจะแต่งงาน!

อติเทพลุกพรวดคว้าโทรศัพท์จากอรอุมาไปอ่าน ในขณะที่อรอุมาก็พล่ามอย่างขวัญเสียว่า

“ไหนพี่บอกว่าจะทำให้คุณดากลับมาหาพี่ไง ทางสุขสบายมันอยู่แค่เอื้อมแล้วเชียว ฉันบอกตรงๆนะ ฉันไม่อยากกลับไปเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน หาเงินเดือนชนเดือนแบบนี้ไปจนตายนะ กว่าจะดิ้นรนส่งตัวเองเรียนจนจบ ต้องดิ้นรนทำงานอีก ฉันอยากมีบ้านหลังใหญ่ มีรถหรูๆ มีเงินเหลือเฟือ นั่งเครื่องไปช็อปปิ้งแบบคนอื่นๆ สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย คนพวกนั้นมีเงินเหลือเฟือ ทำไมไม่แบ่งมาให้เราใช้บ้าง”

“นี่! หยุดพล่ามแล้วก็เงียบเสียทีได้ไหม หนวกหู ถ้าแกยังอยากมีเงินใช้อย่างที่แกว่า แกก็ต้องช่วยฉัน” อติเทพตวาด

ooooooo

วันแรกที่ดาหวันไปทำงาน ธวัชแนะนำพนักงานระดับหัวหน้าให้รู้จัก โดยมีรุจิกายืนเซ็งอยู่แถวนั้น หลังจากธวัชแนะนำคุณพิศาลผู้อำนวยการฝ่ายธุรการเป็นคนสุดท้ายแล้ว ดาหวันเอ่ยกับทุกคนว่า

“ขอบคุณทุกๆคนและทุกๆฝ่ายที่ช่วยดูแลงานให้ดำเนินอย่างราบรื่นมาตลอดที่ดาไม่สบาย ต่อไปดาจะพยายามเรียนรู้งานทุกด้านให้เร็วที่สุดค่ะ”

พนักงานมองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อรู้ว่าดาหวันจะกลับมาทำงาน ธวัชปรบมือนำทุกคนเลยปรบตาม ดาหวันผายมือให้ทุกคนแยกย้ายกันไป แล้วเธอก็เปิดแฟ้มงานดู พูดออกตัวกับธวัชว่า

“คงต้องรบกวนให้พี่ธวัชช่วยสอนงานให้ดาอีกพักล่ะค่ะ กว่าดาจะเข้าใจงานทั้งหมด เหนื่อยหน่อยนะคะ”

“ปกติเมื่อก่อนพี่ธวัชก็ทำงานแทนดาทั้งหมดอยู่แล้ว คงไม่เหนื่อยไปกว่านี้แล้วละมั้ง แค่เข้าออฟฟิศบ้างมากกว่าเดือนละครั้งก็ดีมากแล้วจ้ะ” รุจิกาพูดแทรกขึ้นหยันๆ ธวัชปรามด้วยสายตา แล้วบอกดาหวันว่า

“ไม่มีปัญหาครับ คุณดาติดตรงไหนถามพี่ได้เลย”

“ต่อไปดาจะเข้าออฟฟิศทุกวันค่ะ”

พอดีแม่บ้านเอากาแฟเข้ามาสามแก้วเพื่อเสิร์ฟให้ทุกคน ดาหวันหยิบแก้วกาแฟขึ้นเองยกดื่มแล้วทำหน้าเบ้ถามว่า “ใส่ครีมเทียมใช่ไหม” ทุกคนมองหน้ากันตกใจว่าต้องเกิดเรื่องแน่

เหตุการณ์ในอดีตหวนกลับสู่ความทรงจำทันที วันนั้นดาหวันที่ทาปากแดงแช้ดแต่งตัวเปรี้ยว วีนใส่แม่บ้านที่ชงกาแฟให้ผิดสูตรอย่างดุร้าย

“ฉันบอกแล้วไงว่ากาแฟของฉันเป็นดีแคฟแล้วก็ใส่นมโลว์แฟตไม่ใช่ครีมเทียมแบบนี้” เธอสาดกาแฟใส่หน้าแม่บ้านแต่แม่บ้านรู้ทันหลบพ้นแล้วรีบไปชงให้ใหม่

ดาหวันถือแก้วกาแฟนิ่งงงๆกับความทรงจำที่โผล่ขึ้นมากะทันหัน จนธวัชถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอส่ายหน้ามองกาแฟในมือพึมพำ “กาแฟแบบนี้...” แล้วหันมองแม่บ้านเห็นยกถาดขึ้นปิดหน้าและรีบขอโทษบอกว่าตนห้ามไม่ทัน

“งั้นเหรอ...นั่นสินะ ฉันไม่ชอบกาแฟใส่ครีมเทียม แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันพอกินได้” ดาหวันพูดอย่างใจเย็นและยกกาแฟขึ้นดื่ม ทำเอาทั้งธวัชและแม่บ้านโล่งอก แม่บ้านกับรุจิกาต่างมองดาหวันอย่างแปลกใจที่เธอเปลี่ยนไป

ooooooo

ดาหวันไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงพนักงานสองคนคุยกันพาดพิงถึงตนจึงแอบฟัง

“ได้ยินมาว่า วันนี้ยายแม่มดปากแดงเข้าออฟฟิศ แต่ว่าวันนี้ไม่ยักปากแดงเหมือนเดิม”

“เหรอๆ หายแล้วเหรอ ไม่น่ารีบหายเลยนะได้ข่าวว่ากลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปเลย จำอะไรก็ไม่ได้”

“อุ๊ย...งั้นเวลาไม่พอใจก็อาละวาดหนักกว่าเดิมน่ะสิ” แล้วก็ล้อเลียนเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อน “โง่จริง...ไม่เข้าใจที่ฉันสั่งหรือไงยะ”

เม้าท์กันแล้วก็หัวเราะคิกคัก ดาหวันฟังแล้วซีดจะหันเดินออก แต่พนักงานเดินมาเจอเสียก่อน ทั้งสองตกใจหน้าเหลือสองนิ้ว คิดว่าโดนแน่ แต่ดาหวันกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินเข้าไปเปิดก๊อกล้างมือ พนักงานทั้งสองยิ้มให้กันแหยๆ แล้วเดินตัวลีบออกไป

“คุณดา!” อรอุมาสวนเข้ามาพอดี เมื่อออกไปนั่งคุยกัน อรอุมาตีหน้าเศร้าถามว่า “คุณดาไม่แปลกใจเลยหรือคะว่าทำไมพี่เทพหายไป ทั้งๆที่มีข่าวคุณดาแต่งงานลงครึกโครมแบบนี้”

ดาหวันบอกว่าตนไม่ทันได้สังเกต อรอุมาทำเป็นยิ้มเจ็บปวดถามว่าเธอไม่รักอติเทพแล้วใช่ไหม จำความรู้สึกเดิมๆ ไม่ได้เลยหรือ ไม่น่าเชื่อคนสองคนที่เคยรักกันมาก จู่ๆวันหนึ่งก็หมดความรู้สึกกลายเป็นคนแปลกหน้าไปเสียเฉยๆ

“ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้”

“ค่ะ...แต่ในฐานะที่อุมารับรู้ความรักของสองคนมาตลอด รู้ว่ารักกันแค่ไหน ผ่านอุปสรรคกันมามากยังไงถึงรักกันได้ อุมาถึงยอมอยู่เฉยๆไม่ได้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่รักคุณดาสุดหัวใจ ถึงตอนนี้ยังรักอยู่และไม่เคยเปลี่ยนแปลงต่างหาก”

ดาหวันรู้สึกเสียใจและเริ่มสับสน อรอุมาสังเกตเห็นตีหน้าเศร้ารำพึงรำพันต่อ

“อุมาไม่ได้ขอร้องคุณดาไม่ให้แต่งงาน เพราะมันคงทำไม่ได้ แต่อยากให้คุณดาเห็นความรักของผู้ชายคนนี้บ้างเท่านั้นเอง”

พูดแล้วอรอุมายื่นทรัมบ์ไดรฟ์ใส่มือดาหวันเดินหงอยๆ จากไป ทิ้งดาหวันให้ยืนสับสนกับการกระทำของตัวเองที่ฟังจากอรอุมาอยู่ตรงนั้น

ooooooo

กานต์ถูกตามตัวไปที่ห้องรับรองของออฟฟิศ เขาเดินบ่นกับเลขามาว่าเรื่องคลิปยังไม่จบอีกหรือ ตำรวจถึงต้องมาขอพบตนอีก เลขาบอกว่าตำรวจแค่อยากคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น

“ให้ตายเถอะ! ตกลงจะให้ผมเป็นฆาตกรจริงๆ ใช่ไหม แล้วนี่ทนายมาหรือยัง”

“ไม่ใช่แค่คุณทนาย แต่ทุกคนมาพร้อมกันแล้วค่ะ”

กานต์มองหน้าเลขาอย่างแปลกใจ ก็พอดีเดินมาถึงหน้าห้อง เลขาเคาะประตูเชิงขออนุญาตแล้วเปิดประตูเข้าไป กานต์มองเข้าไปยิ่งแปลกใจ เพราะนอกจากจะเห็นตำรวจแล้วยังเห็นประจวบผู้เป็นพ่อและทนายสิทธิอยู่ในนั้นด้วย

“พ่อ...เอ๊ะคุณลุงก็มาด้วยเหรอครับ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ครับ”

“จะถามอีกนานไหม ปิดประตูสิจะได้คุยกันเสียที” ประจวบตัดบท

ooooooo

วีรอรทำซุปข้าวโพดอยู่ในครัว แต่ใจไม่อยู่กับ ตัวเผลอทำซุปไหม้เลยยกหม้อโยนทิ้งในอ่าง พรรณีมาเห็นพูดประชดว่า คงรวยเหลือเฟือเลยทำทิ้งทำขว้าง วีรอร บอกว่าตนเผลอทำไหม้ไม่ได้ตั้งใจ

“ย่ะ...ไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่แล้วยังไม่สำนึกอีก เธอรู้บ้างไหมว่ายายดามันจะแต่งงาน ถึงตอนนั้นพินัยกรรมก็จะสมบูรณ์ ทั้งบ้านทั้งบริษัท ดาหวันจะได้ครอบครองหมด พวกเรากำลังจะเดือดร้อน”

วีรอรบอกว่าทวีอนุญาตให้เราอยู่ที่นี่ พรรณีถามว่า ใครจะรู้ว่าดาหวันจะของขึ้นเมื่อไหร่ เกิดเฉดหัวพวกเราออกไปอย่างที่เคยประกาศไว้ล่ะ! วีรอรหน้าเสียอ้อนวอนพรรณีอย่าทิ้งน้องนะ

“ฉันก็ไม่ได้ใจจืดใจดำหรอกนะ แต่ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ให้ห้ามลูกสาวบ้าง เอาแต่ด่าดาหวันปาวๆ

อ๋อ...ฉันรู้แล้ว นี่หล่อนคงดีใจสินะที่ยายดาจะแต่งงาน อติเทพมันจะได้กลับไปหาลูกสาวเธอ”

“อรไม่ได้คิดแบบนั้น”

“บอกเสียก่อนนะ จะให้ฉันเลี้ยงเธอกับลูกไม่ไหวหรอกนะ ฉันไม่ได้มีสมบัติอะไร ถ้าต้องดูเธอกับลูกตลอดไปคงเป็นเตี้ยอุ้มค่อมเสียละมากกว่า ทุกวันนี้ลูกฉันต้องทำงานให้บริษัทงกๆ ทั้งตาวัช ยายรุ ต่างก็ช่วยงานยายดา เออ...จริงสิ ยายดามันคงไม่กล้าไล่ฉันออกจากบ้านหรอก แต่เธอสองแม่ลูก งานการก็ไม่ทำ เหมือนพวกเหลือบ ไร เอาแต่เกาะไม่มีประโยชน์ นี่ฉันไม่ได้พูดแรงไปหรอกนะ”

วีรอรกำด้ามหม้อซุปแน่นอย่างอัดอั้นที่ถูกกดตลอดเวลา นึกอยากเอาหม้อโขกหัวพี่สาว แต่พอดีพรรณีหันมาเห็นถามว่าจะทำอะไร จะตีหัวตนหรือ? กล้าหรือ! วีรอรปฏิเสธเสียงปร่าว่าเปล่า แล้วทำเฉไฉหันไปเปิดน้ำล้างหม้อซุป

ทันใดนั้นเสียงรถขับเข้ามา พรรณีหันมองบอกว่า ดาหวันกลับมาแล้ว วีรอรวิ่งพรวดแซงหน้าออกไปหน้าบ้านทันที เข้าไปคุกเข่ากอดขาดาหวันอ้อนวอนอย่าไล่พวกตนไปไหนเลย ดาหวันถามงงๆว่าพูดเรื่องอะไร?

วีรอรบอกว่าเธอต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ไล่พวกตนไปไหนหลังจากที่เธอแต่งงานแล้ว พอดาหวันรู้เรื่องถึงกับอึ้ง พอดีพรรณีตามออกมาเยาะเย้ยวีรอรว่าลงทุนทำขนาดนี้เลยหรือ ไม่รู้จักอายบ้างหรือเกาะขาเด็กรุ่นลูกเหมือนขอทานแบบนี้ วีรอรบอกว่าให้ตนทำมากกว่านี้ก็ได้ตนไม่อาย พรรณีเลยประชดว่างั้นก็กราบเท้าดาหวันเสียเลยจะได้หมดเรื่องหมดราว

วีรอรก้มกราบเท้าดาหวันจริงๆ! เธอตกใจชักเท้า ออก ก้มประคองวีรอรให้ลุกขึ้นบอกอย่าทำแบบนี้ ทันใดนั้น เพียงนภามากระชากดาหวันจากข้างหลังตวาดอย่าง

เกรี้ยวกราด “นังดา นี่แกกล้าให้แม่ฉันกราบแกเหรอ!” แล้วเงื้อมือจะตบ ถูกดาหวันจับมือไว้ผลักออกไป วีรอรรีบห้ามลูกอย่าทำแบบนั้น พอดีธวัชกับรุจิกาวิ่งเข้ามา รุจิกาหยุดดูอยู่ห่างๆ

“ดาไม่ได้ต้องการแบบนี้ พี่นภาเข้าใจผิด แต่ดาก็ยอมให้พี่ทำร้ายดาไม่ได้”

“อ๊ายยยยย” เพียงนภาแผดเสียงกระโจนเข้าจะทำร้ายดาหวัน ธวัชจับตัวไว้ก็ดิ้นไปด่าไป “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกความจำเสื่อม แกยังเลวเหมือนเดิม ฉันจะฆ่าแก นังดา คิดว่ามีเงินก็ข่มใครได้เหรอ ปล่อยนะ ปล่อยสิ!”

วีรอรบอกให้เพียงนภาหยุด อย่าทำให้เรื่องเลวร้ายกว่านี้เลย เพียงนภาไม่หยุดเลยถูกแม่ตบเพียะ เธอหยุดกึกอึ้งสนิทคิดไม่ถึงว่าแม่จะตบ ดาหวันตกใจ รุจิกาที่ยืนสังเกตการณ์อยู่แอบสะใจ วีรอรน้ำตาไหลเสียใจที่ตบลูก ชี้แจงว่า

“หนูดาไม่ได้บังคับให้แม่กราบ แม่อยากทำเอง ก็เพราะแกเป็นแบบนี้น่ะสิ ไม่เคยฟัง ไม่เคยคิดอะไร แทนที่จะทำให้หนูดาเขาเมตตาเราสองแม่ลูกให้อยู่บ้านนี้ ต่อไป แม่ถึงต้องกราบขอโทษหนูดาเขาครั้งแล้วครั้งเล่า”

รุจิกาได้ยินก็ตกใจถามดาหวันว่าจะไล่พวกตนออกจากบ้านหรือ ไม่ได้นะ! พรรณีก็ถามว่าคิดดีแล้วหรือยายดาที่จะแต่งงาน แล้วคนรักเก่าเราล่ะ จะเอาไปไว้ที่ไหน ธวัชติงว่า “แม่...นั่นมันเป็นเรื่องของน้องดานะครับ”

“เอาล่ะค่ะ” ดาหวันปะติดปะต่อเรื่องได้ขัดขึ้น “ไม่นึกว่าการแต่งงานของดาจะเกี่ยวพันกับทุกคนในบ้านนี้ งั้นดาขอประกาศไว้ตรงนี้ ให้ทุกคนทราบเลยแล้ว

กันนะคะ ถึงดาจะแต่งงาน แต่ทุกคนจะอยู่ที่บ้านนี้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะฉะนั้น ทุกคนไม่ต้องกังวล” ดาหวันฝืนยิ้ม ทุกคนจึงสงบลง

ooooooo

เมื่อเข้าห้องนอน ดาหวันเอาทรัมบ์ไดรฟ์ที่อรอุมาใส่มือให้มาเปิดดู

เป็นภาพอติเทพหนวดเคราครึ้มหน้าตาทรุดโทรม อรอุมาเดินมาหาพี่ชายบอกว่าอยู่อย่างนี้มาสองวันแล้ว ลุกไปอาบน้ำเสีย อติเทพไล่อรอุมาอย่ามายุ่งกับตน แล้วยกมือไล้หน้าจอที่เป็นรูปดาหวันซบหน้ากับฝ่ามือคร่ำครวญ...

“ผมคิดถึงคุณ...คุณดา...”

ดูแล้วดาหวันคิดเครียดจนปวดหัว นึกถึงที่ตัวเองเอากาแฟสาดแม่บ้าน วีรอรก้มกราบตน และที่กานต์กระชากไปจูบ เธอลุกพรวดขึ้นหยิบลิปสติกสีแดงสดที่เคยใช้

ทาปากอย่างเร็วแล้วออกจากบ้านไปทันที นมมาลัยตามออกมาเห็นแต่ท้ายรถก็ตกใจได้แต่ถามว่าจะไปไหน

ฝ่ายอรอุมานั่งจิบเครื่องดื่มอยู่กับอติเทพที่บ้านสบายๆ รอรับโทรศัพท์ สองพี่น้องพอใจกับแผนการและคลิปที่ส่งให้ดาหวันดู ต่างชมกันเองอย่างผยองว่าเล่นละครได้ยอดเยี่ยม

ไม่นานก็มีโทรศัพท์เข้ามา อติเทพยิ้มกริ่ม อรอุมาเร่งให้รีบรับเสียเดี๋ยวเขาจะวางสายไปเสียก่อน

“จุ๊ๆ แกนี่ยังต้องเรียนอีกเยอะนะ รีบไปก็ไม่น่าสนใจน่ะสิ” อติเทพนั่งใจเย็นปล่อยให้โทรศัพท์เรียกอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งแล้วจึงค่อยๆหยิบขึ้นมา ปรับน้ำเสียงสุภาพทัก “สวัสดีครับ... เอ๊ะ! คุณครองขวัญเหรอครับ!”

ooooooo

นมมาลัยตกใจที่ดาหวันขับรถออกไปกลางดึกโทร.บอกกานต์ให้ช่วยตาม กานต์พูดอย่างใจเย็นว่าเมื่อเขาเลือกจะออกไป เขาก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง แล้ววางสายเลย พอดีประจวบเข้ามา พอรู้เรื่องก็บอกให้กานต์ตามไปดู ถูกกานต์บ่นว่า ตนไม่ได้ฝังชิปไว้ในตัวดาหวันจะได้รู้ว่าเขาไปไหน

“สรุปว่าที่คุยกันเรื่องที่ตำรวจบอกแก แกไม่เชื่อเลยใช่ไหมว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ”

กานต์นึกถึงที่ตำรวจแจ้งเมื่อวันนั้นว่า คืนที่เกิดอุบัติเหตุนั้นรถดาหวันถูกเจาะน้ำมันเบรก ตำรวจพบคราบน้ำมันเบรกหยดตั้งแต่ออกจากบ้านไปจนถึงบลูคลับ และตำรวจก็กำลังสืบหาคนลงมืออยู่ และผู้ต้องสงสัยก็อาจเป็นไปได้ทุกคน

วันนั้นกานต์บอกว่าพ่อกับลุงสิทธิควรบอกให้ดาหวันรู้จะได้ระวังตัว ประจวบติงว่าต้องบอกแน่แต่ไม่ใช่เวลานี้เพราะเราไม่รู้ใครเป็นใคร แต่การเร่งแต่งงานแล้วให้ดาหวันย้ายมาอยู่ที่บ้านเราก็จะปลอดภัยระดับหนึ่ง วันนั้นกานต์เสนอว่าให้หาบอดี้การ์ดมาคุ้มกันเธอเสียก็หมดเรื่องไม่ต้องแต่งงานหรอก แล้วออกไปเลย ประจวบได้แต่ส่ายหน้ากับลูกชายจอมกวน
เมื่อกานต์นึกถึงเรื่องที่รับรู้จากตำรวจแล้ว ตกดึกเขาก็ขี่บิ๊กไบค์ออกจากบ้านไป ประจวบได้ยินเสียงรถก็ยิ้มออก

ooooooo

ดาหวันทาปากแดงแช้ดไปที่บลูคลับ ปฏิบัติตัวเหมือนเมื่อครั้งยังไม่เกิดอุบัติเหตุ สั่งเครื่องดื่มมาดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าทั้งที่ไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับรสชาติ มันเลย

มารตีดีใจที่ดาหวันมาเป็นลูกค้าเหมือนเดิมแต่ในฐานะเพื่อนตนชอบเธอแบบทุกวันนี้มากกว่า มันดีกับเธอมากกว่า

“ไม่ๆๆ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ ถ้าฉันไม่รู้จักตัวเอง ฉันจะแก้ไขเรื่องทุกอย่างได้ไง” ดาหวันรั้นเอาแต่ใจ

กานต์ไปถึงบลูคลับแล้วก็ถามตัวเองอย่างหงุดหงิดว่าเรามาทำอะไรที่นี่แล้วทำท่าจะกลับ พอดีมารตีมาเจอถามว่ามาหาดาหวันใช่ไหม แล้วพาไปดูดาหวันที่ยืนอ้วกเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างรถ

นักข่าวคนหนึ่งที่นั่งกันอยู่ในบลูคลับลุกจากโต๊ะบอกเพื่อนๆว่า “น่าจะมีข่าวใหม่ส่ง บก.แล้วนะ”

กานต์ประคองดาหวันที่อ้วกจนหมดแรงควานหากุญแจรถในกระเป๋าถือของเธอจะขับรถไปส่ง ดาหวันแย่งกุญแจรถจะขับกลับเอง ยื้อยุดกันจนเธอล้มถลาไปที่กระโปรงหน้ารถ กานต์เองก็เสียหลักล้มทับลงไป

แสงแฟลชวาบขึ้นทันที กานต์ตกใจรีบเรียกดาหวันลุกขึ้นบอกว่าเราโดนแอบถ่ายรูปมีหวังพรุ่งนี้เป็นข่าวแน่ๆ เลยลากเธอวิ่งหนีไป เพื่อนของนักข่าวคนนั้นตามมาถามว่ามีอะไรหรือ เขาบอกอย่างตื่นเต้นว่า “มีข่าวใหญ่ หน้าหนึ่งแน่นอน”

นักข่าวสองคนนั้นไล่ตามไป แต่กานต์พาดาหวันขึ้นบิ๊กไบค์หนีไปแล้ว

กานต์แวะซื้อน้ำให้ดาหวันล้างหน้าเพื่อให้สดชื่นขึ้น เธอถามว่าเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้นตนรู้แค่ว่าเขาพาตนหนี หนีใครหรือ?

“นักข่าวน่ะสิ ขืนปล่อยให้ถ่ายรูปเราสองคนใน สภาพแบบนั้น หุ้นบริษัทเราสองคนได้ตกอีกรอบแน่ เป็นไงอยากเมา เมาแล้วสนุกไหมล่ะ ผมถามหน่อย คุณอยู่เฉยๆไม่ทำเรื่องไม่ได้รึไง”

ดาหวันรู้สึกตัวเองผิดถามว่า “ถ้า...ฉันจะบอกว่า ฉันขอโทษล่ะ คุณจะเชื่อไหม” พูดแล้วก้มหน้าร้องไห้จนกานต์ตกใจ ดาหวันคร่ำครวญต่อ “ไม่ว่าจะตอนไหนฉันจะจำได้หรือไม่ได้ ฉันก็มักจะทำเรื่องแย่ๆเสมอใช่ไหม”

ดาหวันพยายามจะหยุดร้องไห้แต่ยิ่งกลั้นก็ยิ่งสะอื้นแรง จนกานต์สงสารจับเข้าไปกอดให้ดาหวันซุกกับอก ปล่อยให้เธอร้องไห้ให้พอใจ

ooooooo

พรรณีนับวันหนาวๆร้อนๆ กลัวไม่มีที่อยู่ กลัวว่าถ้าวันหนึ่งดาหวันทำอย่างที่ประกาศไว้ในงานศพทวีว่าให้พวกตนออกจากบ้านจะทำอย่างไร

คิดถึงอนาคตแล้วหนาว พรรณีวางแผนให้ธวัชจีบเจนจิราลูกสาวทนายสิทธิเพื่อหวังยึดเป็นที่พึ่งก็ไม่ได้ดั่งใจ จึงสั่งรุจิกาว่า “เราก็เหมือนกัน สถานการณ์ไม่แน่นอนแบบนี้ รีบๆแต่งงานเสียสิ จะได้มีอะไรเป็นหลักประกันบ้าง แม่ไม่ขัดหรอก ขอแค่สินสอดนิดหน่อยสัก 7-8 ล้านก็พอเอาไว้กินตอนแก่ แฟนแกจ่ายได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

รุจิกาคล้อยตามความคิดของแม่ วันนี้จึงไปหานที พี่ชายของครองขวัญที่บ้าน บีบนวดให้เขาอย่างเอาใจ ถามว่า สบายไหม เขาปากหวานว่า “มาก...ฝีมือคุณดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ผมหลงตายเลย”

รุจิกาอ้อนว่าเราแต่งงานกันดีไหมตนจะนวดให้เขาทั้งวันทั้งคืนเลย นทีเกี่ยงขอให้ครองขวัญแต่งก่อน รุจิกาถามว่าครองขวัญเคยแต่งที่อังกฤษแล้วไม่ใช่หรือ นทีลุกพรวดทันทีปรามอย่างฉุนเฉียวว่า

“ผมบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก แต่งแค่ไม่กี่เดือนผมถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แล้วก็อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้ายายขวัญเด็ดขาด” รุจิกาถามว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าครองขวัญไม่ได้แต่งเราก็ไม่ต้องแต่งงั้นหรือ? “ผมรับปากพ่อกับแม่ไว้ว่าจะดูแลน้องถ้าขวัญยังไม่มีความสุขผมก็คงเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้”

เป็นคำตอบที่ทำให้รุจิกาเซ็งสุดๆ ที่กล่อมนทีไม่สำเร็จ

ooooooo

ครองขวัญนัดพบกับอติเทพ ขอให้เขาร่วมมือกับตนทำอย่างไรก็ได้ให้ดาหวันยกเลิกการแต่งงาน อติเทพย้อนถามว่าแล้วทำไมไม่ใช่กานต์ เธอทำไม่สำเร็จใช่ไหม เพราะถ้าดาหวันยอมถอนตัวตอนนี้เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย ครองขวัญถามว่าเขาได้ตัวดาหวันไปยังไม่พอใจหรือ

“แน่นอนครับ ผมต้องการคุณดา แต่นั่นหมายถึงเธอจะต้องได้รับมรดกตามที่เธอมีสิทธิ์” ครองขวัญด่าว่าโลภมาก ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าคบกับดาหวันเพราะหวังเงิน “จุ๊ๆๆ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ มันไม่สุภาพเลย ผมรักดาหวันแต่สำหรับคนธรรมดาไม่มีมรดกพ่อแม่แบบผม เราต้องเรียนรู้ให้ขึ้นใจว่าความรักอย่างเดียวมันกินไม่ได้ ผมต้องการทั้งตัวและเงิน”

“แล้วคุณคิดว่าจะทำให้เธอรักก่อนแต่งงานกับกานต์ได้งั้นเหรอ เวลาคุณไม่มีแล้วนะ คุณกานต์ไม่ยอมถอนหมั้นแน่ เหลือแต่ดาหวันเท่านั้น”

“ถ้าเราร่วมมือกันมันต้องดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าคุณได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวมันคงไม่สวย สำหรับผมจนถึงวันแต่งงานผมก็ยังมีความหวังเสมอ”

“คุณมีแผนอะไร?” ครองขวัญถามอย่างตื่นเต้น อติเทพยิ้ม แต่ไม่ตอบ

ooooooo

ประจวบวางแผนจนกานต์กับดาหวันต้องยอมแต่งงานกันแล้ว เขาวางแผนต่อจ้างโปรเฟสชั่นแนลมาจัดงานให้

หัวหน้าสปาจัดให้ดาหวันไปขัดผิวอาบน้ำแร่แช่น้ำนม และกานต์ต้องขัดฟันเพื่อรอยยิ้มจะได้มีเสน่ห์

ทั้งคู่ถูกวางแผนคุมเข้มให้ปฏิบัติตามแผนการเตรียมเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวทุกขั้นตอนอย่างเข้มงวด แต่เพราะทั้งดาหวันและกานต์ไม่ได้เห็นความสำคัญจึงไม่ให้ความร่วมมือนัก ดังนั้น เมื่อเวดดิ้งแพลนเนอร์สัมภาษณ์ ถามถึงการพบกันครั้งแรก สีที่ชอบ เรื่องที่คุยกันถูกคอ ทั้งสองตอบไปกันคนละทาง จนเวดดิ้งแพลนเนอร์หัวเราะฝืดๆบอกว่า “ไปต่อไม่ถูกเลย”

ฝ่ายประจวบก็ได้รับข้อเสนอจากนักข่าวที่แอบถ่ายภาพกานต์กับดาหวันคืนนั้นขายรูปให้ ประจวบรับซื้อไว้แต่ซื้อทิ้งเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวฉาวให้บริษัทเสื่อมเสียอีก พอจ่ายเงินให้นักข่าวคนนั้นแล้วก็เอากล้องที่ถ่ายภาพนั้นโยนทิ้งน้ำไป

ส่วนภาพถ่ายลงนิตยสาร ดาหวันกับกานต์ ไทม์ไลน์คุยกับประจวบ ประจวบให้ใช้มืออาชีพถ่ายรูปออกมาจะได้สวย แล้วให้เลขาที่มอบหมายให้ดูแลงานนี้ พาทั้งสองไปแต่งตัวเสร็จแล้วพาไปยังห้องที่จัดไว้เพื่อถ่ายรูป

พอเห็นการเตรียมงานอย่างแข็งขันเต็มรูปแบบ กานต์ก็เซ็งบ่นว่า คิดว่าจะหนีพ้นแล้วเสียอีก

พอสไตลิสต์มาจัดท่าก็ปลดกระดุมเสื้อของกานต์ลงไปจนโชว์แผงอกที่แข็งแรง ทำเอาสไตลิสต์เคลิ้มซบอกกานต์ไม่รู้ตัว พอนึกได้ก็แก้เกี้ยวกับดาหวันว่า “พี่อยากได้ฟิลลิ่งแบบเมื่อกี๊ที่พี่ทำให้ดู ธรรมชาติๆแบบที่คุณน้องเคยโพสมานั่นแหละค่ะ”

ดาหวันลืมไปหมดแล้วแต่ไม่กล้าบอก สไตลิสต์จัดให้ทั้งสองแนบชิดกันอย่างร้อนแรงบอกว่าให้เหมือนนางแมวป่าพร้อมขย้ำ ทั้งคู่ต่างโพสท่าเซ็งๆ ไม่สนใจอีกฝ่ายจนท่าหนึ่งที่นั่งเก้าอี้อยู่ด้วยกัน จู่ๆดาหวันก็ลุกขึ้นทำให้กานต์เสียหลัก เขาคว้าดาหวันไว้ไม่ให้ล้มเจ็บ ดาหวันฟุบหน้ากับอกกานต์ ทุกคนตะลึงพรึงเพริดรีบวิ่งมาดู

จู่ๆครองขวัญก็โผล่มาทำทียื่นมือไปช่วยดึงดาหวันลุกขึ้นสร้างภาพให้กานต์เห็นว่าตนเป็นคนดีแต่ดาหวันไม่รับมือเธอ ครองขวัญหันไปถามกานต์ว่า

“ถ่ายคู่โปรโมตงานแต่งสินะคะ น่าอิจฉาจัง คุณดาทำให้กานต์ยอมทำเรื่องแบบนี้ได้” ทำเป็นน้ำตาคลอบอกกานต์ว่า “เปล่านะคะ ขวัญเข้าใจดี แต่กานต์ก็ต้องให้เวลาทำใจนิดนะคะ เอาล่ะค่ะ ไม่กวนกานต์แล้ว ไปนะคะ” พูดจบครองขวัญก็ทำทีขยับเนกไทกับปกเสื้อของกานต์ให้ดูดีแล้วจู่โจมเขย่งจูบแก้มทีหนึ่ง ทำเอาทุกคนในที่นั้นมองกันตาค้างแต่ดาหวันมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย กานต์แกล้งถามว่า “คงไม่หึงผมหรอกนะดาร์ลิ่ง”

“ฉันสงสารคุณขวัญมากกว่า คุณอ่อยเธอแบบนี้ เธอถึงไม่ยอมไปไหน...ถ้ายังไม่ถ่าย ดาขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”

ooooooo

อติเทพมีแผนใหม่ๆมารุกดาหวันเสมอ วันนี้ก็ไปซื้อดอกไม้ที่ร้านสั่งให้ทางร้านจัดเป็นดอกไม้หลายๆอย่างแต่เป็นสีขาวทั้งหมด สั่งจัดเป็นช่อบูเก้ สำหรับเจ้าสาวด้วย

เจ้าของร้านนึกว่าเขาเป็นเจ้าบ่าวเลยแสดงความยินดีด้วย อติเทพพูดหน้าตาเฉยว่า

“ยังครับ ผมยังไม่ใช่หรอก แต่ก็คงอีกไม่นานหรอกครับ แต่อยากให้ทุกครั้งที่เขาได้รับดอกไม้จากผมเขารู้สึกพิเศษเหมือนเจ้าสาวเสมอ”

อรอุมาตามมาถึงร้านดอกไม้ได้ยินพี่ชายพูดกับเจ้าของร้านก็เหน็บว่าซึ้งจนน้ำตาแทบไหลแต่น่าเสียดายที่วันนี้ดาหวันไม่เข้าออฟฟิศ เห็นว่ามีสัมภาษณ์และต้องถ่ายปกหนังสืออะไรสักอย่างกับว่าที่สามีตัวจริงของเธอ

อติเทพถามว่าที่ไหน เธอบอกว่าไม่รู้ แต่ที่ตามมาถึงที่นี่เพราะอยากไปทำหน้าอกใหม่รู้สึกว่าที่มีอยู่มันไม่เตะตาธวัชเลย

อรอุมาโอ้เอ้หวังได้เงิน ถูกอติเทพปรามว่าถ้าไม่คิดว่าที่นี่เป็นร้านดอกไม้จะตบเสียให้คว่ำ ตวาดว่า

“แกจะมาไถเงินอะไรกันตอนนี้ ฟังนะ ถ้าแกไม่รีบบอก ฉันว่าแกอาจต้องใช้ฟองน้ำเสริมไปตลอดชีวิต”

ขณะดาหวันเดินไปเข้าห้องน้ำก็ได้รับไลน์จากอติเทพ ถามว่า “ดาอยู่ไหนครับ” ดาหวันอ่านแล้วกำลังคิดว่าจะตอบดีหรือไม่ ก็ได้รับข้อความใหม่ว่า “ผมคิดถึงคุณนะ” แล้วนั่งเอกเขนกในรถรอดูไม่เห็นข้อความตอบมา เลยรีบขับรถไปหา

ดาหวันปิดโทรศัพท์เดินต่อก็เห็นครองขวัญยืนพิงผนังรออยู่ ครองขวัญผลักดาหวันเข้าไปในห้องน้ำทันที ดาหวันบอก ว่าเราคุยกันข้างนอกก็ได้

“นี่มันเป็นเรื่องของเราสองคน ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นมาเกี่ยว เห็นแก่หัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน คืนกานต์ให้ฉันเถอะค่ะ” ดาหวันติงว่าตนคิดว่ากานต์ไม่ใช่สิ่งของ ก็ถูกครองขวัญดักคอเยาะว่า อยู่ต่อหน้าตนไม่มีคนอื่นไม่จำเป็นต้องแอ๊บความจำเสื่อมสมองนิ่มอีกแล้ว ย้ำว่า “ล้มงานแต่งงาน ถอนหมั้นกับกานต์เสีย”

ดาหวันบอกให้เธอไปบอกกานต์เอง ตนรอฟังอยู่ ครองขวัญเสียงแข็งว่า เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะกานต์ติดสัญญากับพ่อ ดาหวันสวนทันทีว่าตนก็ติดพินัยกรรม

“ยอมรับแล้วใช่ไหมว่ารักสมบัติถึงยอมแต่งงานกับกานต์”

“ใช่ค่ะ สมบัติฉัน ฉันก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา” ครองขวัญถามว่าแล้วอติเทพล่ะ จะเอาไปไว้ไหน “นั่นมันเรื่องของฉัน ถ้าคุณอยากได้สิ่งที่คุณพูด ฉันแนะนำได้แค่ว่า คุณก็ควรไปพูดกับคุณกานต์เองนะคะ” ดาหวัน หมุนตัวจะออกไป ถูกครองขวัญกระชากแขนกลับตวาดถาม

“ที่ทำแบบนี้ เพราะเธอกะรวบไว้ทั้งสองคนใช่ไหม ตามนิสัยผู้หญิงมักมากไม่มียางอายอย่างเธอ ซึ่งฉันว่าไอ้นิสัยส่วนนี้มันคงซึมลึกจนไม่มีทางลบออกได้หรอก”

เมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ ครองขวัญเปลี่ยนจากขอความเห็นใจเป็นด่าดาหวันอย่างหยาบคาย สาดเสียเทเสีย จนดาหวันเริ่มปวดหัว ภาพเก่าๆ แว่บเข้ามาอีก ครองขวัญเห็นอาการยิ่งจี้จุดอ่อนนี้ ปรามาสว่า

“ถึงแต่งงานไป กานต์ก็ไม่มีวันรักเธอได้หรอก”

ดาหวันคิดถึงวันที่เธอเคยพูดฉอดๆ ใส่หน้ากานต์ว่า “ถอนหมั้นให้โง่หรือ สมบัติฉันมากมายมหาศาล เรื่องอะไรจะปล่อยให้หลุดมือ ถ้าจำเป็นต้องแต่งงานก็แต่ง ฉันไม่กลัวคำว่าแม่ม่ายหรอกค่ะ อติเทพยังอยู่ทั้งคนพร้อมจะรับแม่ม่ายอย่างฉันเป็นเมีย”

คิดถึงอดีตนั้นแล้ว ดาหวันยิ่งรู้สึกรังเกียจตัวเอง ครองขวัญยืนด่าไม่หยุดขู่ว่ายังมีเรื่องจะแฉอีกเยอะ ครองขวัญจับแขนดาหวันตรึงไว้ให้ฟังตนระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้าไม่หยุด ทำให้ดาหวันยิ่งควบคุมสติไม่ได้สั่งให้หยุด เมื่อครองขวัญไม่หยุดเลยถูกเหวี่ยงไปกระแทกโต๊ะ ดาหวันตกใจรีบขอโทษ

มีเสียงเคาะประตูร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ครองขวัญปัดมือดาหวันออกพุ่งเข้าเอาหัวชนมุมโต๊ะจนเลือดออกที่หน้าผาก

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...กลัวแล้ว...อย่า...กลัวแล้ว...” ครองขวัญแผดเสียงร้อง

พนักงานที่เข้ามามองหน้าดาหวันเชื่อว่าเธอทำร้ายครองขวัญ

ดาหวันจึงเข้าใจเล่ห์เหลี่ยมของครองขวัญได้แต่ส่ายหน้าอย่างสมเพช

ooooooo

เมื่อทีมงานรู้เรื่องที่เกิดในห้องน้ำ หลายคนเชื่อว่าดาหวันทำจริงเพราะเธอเคยมีประวัติทำนองนี้มาแล้ว จิตราเลขาของกานต์ติงว่านั่นคือดาหวันคนเก่าแต่ดาหวันคนใหม่เปลี่ยนแปลงแล้ว

“แหม แต่นิสัยเดิมๆมันก็ต้องอยู่นั่นแหละ หัวฟาดฟื้นปุ๊บกลายเป็นคนดีปั๊บ มันดูละค้อนละครนะคะ” คนหนึ่งทำเสียงสูงเหน็บ พรรคพวกเลยพากันหัวเราะคิกคัก

จิตราหันไปเห็นดาหวันมายืนฟังอยู่ ส่งสัญญาณให้พวกทีมงาน พวกนั้นเลยหยุดกึก ดาหวันไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เธอถามเรียบๆว่า

“วันนี้คงถ่ายแค่นี้ใช่ไหมคะ งั้นดากลับก่อนนะคะ” จิตรากระวีกระวาดจะไปเรียกรถให้ “ไม่ต้องค่ะ ดาดูแลตัวเองได้ขอบคุณนะคะ” ดาหวันหันหลังเดินออกไป พลันก็ชะงักเมื่อเจอกานต์อย่างจัง!

“จะไม่ไปดูขวัญสักหน่อยเหรอ” กานต์ถามเยาะๆ ดาหวันบอกว่าตนรีบ แล้วจะเดินเลี่ยงไป “เดี๋ยวสิ ใจดำไปหรือเปล่าคุณ ทำผิดแล้วจะวิ่งหนีไปเฉยๆงั้นเหรอ”

ดาหวันบอกว่าตนไม่ได้หนีและตนก็ไม่ได้ทำร้ายครองขวัญ ถูกกานต์ท้าให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ เธอจึงเล่าเหตุการณ์ในห้องน้ำให้ฟังตามจริงแล้วถามว่า “คุณเชื่อฉันไหม”

“ผมเชื่อคุณ ถ้าคุณไม่ใช่ ดาหวัน นนทิพัฒน์”

“ใช่! ทั้งหมดที่ฉันเล่าให้ฟัง มันไม่จริง ฮ่ะๆๆ” ดาหวันฉุนขาดหัวเราะประชด กานต์โมโห บอกว่าเธอทำให้ตนผิดหวัง เธอก็เหมือนเดิม ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง “แล้วคุณล่ะ? ในเมื่อคุณตัดสินว่าฉันเป็นคนผิดตั้งแต่ต้นแล้ว จะมาถามฉันอีกทำไม ไม่ต้องไปส่งฉันหรอกนะคะ ฉันอนุญาตให้คุณกลับไปดูแล
คุณขวัญได้ ฉันมีคนมารับแล้ว”

ดาหวันเดินไปหาอติเทพที่มารอรับอยู่ กระซิบบอกเขาว่า “พาดาไปไหนก็ได้ ให้พ้นจากตรงนี้ที” อติเทพรีบประคองเธอไปขึ้นรถ กานต์มองตามหลังทั้งโมโหและเสียใจที่ดาหวันเลือกไปกับอติเทพอย่างไม่ไว้หน้าตนเลย

ooooooo

ฝ่ายครองขวัญหลังจากทำแผลมีผ้ากอซพับปิดแผลที่หน้าผากแล้ว เธอแอบเปลี่ยนเอาผ้ากอซแผ่นใหญ่กว่ามาปิดแทน ถูกจิตราทักอย่างรู้ทัน แกล้งถามว่าจะไปโรงพยาบาลไหม

ครองขวัญโมโหตวาดว่าไม่ต้องมายุ่งถ้าต้องการไปโรงพยาบาลจะบอกเอง ขณะกำลังเหวี่ยงใส่จิตรา กานต์ก็เข้ามาพอดีเธอแกล้งทำเป็นเซ กานต์รีบเข้าประคองถามว่าไหวไหม เธออ้อนว่าอยากนอนพัก รู้สึกมึนๆ ถามกานต์ว่าไปไหนมาหรือ

จิตราหมั่นไส้เลยชิงตอบแทนกานต์ว่าไปส่งดาหวันมา ครองขวัญตัดพ้อว่าตนถูกทำร้ายแต่เขากลับไปส่งดาหวัน จิตราเลยยิ่งแกล้งยั่วจนครองขวัญบ่นน้อยใจ กานต์เลยเรียกปราม “คุณจิตรา” เพื่อให้เธอเพลาๆลงบ้าง

กานต์เลียบเคียงถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ ครองขวัญตัดพ้อว่า เขาคิดว่าตนลงทุนทำร้ายตัวเองแล้วป้ายความผิดให้ดาหวันหรือ สำออยว่า “ถ้าขวัญทำแบบนั้นขวัญก็แย่เต็มทีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ขวัญจะลืมให้หมด ไม่เอาผิดใคร ขวัญมันรนหาที่เอง” แล้วคว้ากระเป๋าสะบัดหน้าทำท่าจะไป แต่ก็ทำเป็นเซให้กานต์ต้องประคองอีก

กานต์บอกว่าสภาพของเธอแบบนี้กลับเองไม่ได้หรอก เดี๋ยวตนจะไปส่ง ครองขวัญรีบขอบคุณ จิตราแอบฟังอยู่ทำหน้าเซ็งกับมารยาของครองขวัญและความเป็นสุภาพบุรุษของกานต์ที่เข้าทางเจ้าหล่อนพอดี

เมื่อกานต์พาเธอไปถึงบ้านก็อุ้มเข้าบ้าน ครองขวัญออดอ้อนว่า นับแต่เขาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษช่วยเธอจากสามีฝรั่งที่ซาดิสต์ เธอก็บอกกับตัวเองว่า จะไม่รักใครอีกเลยนอกจากเขา...

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น