วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 9


เนตรเล่นการพนันเสียจนถูกลูกน้องเสี่ยตามทวงหนี้ เมื่อไม่มีก็ถูกทำร้ายจนต้องรับปากว่าพรุ่งนี้จะหาเงินมาใช้ให้แน่นอน

เพื่อหาเงินมาใช้หนี้พนัน เนตรไปป้วนเปี้ยนแถวบริษัทที่บัวทองทำงาน เอ่ยปากขอยืมเงินสองหมื่น บัวทองบอกไม่มี ถ้าอยากได้ก็ไปขอจากเมียเก่าของเขา คิดว่าคุณ

ป้าพิศมัยน่าจะแบ่งเงินของคุณลุงให้บ้าง

วันนี้พาไลไปสมัครเรียน กศน.กลับถึงบ้านก็มายืนที่หน้ารูปคุณเชื่อมบอกว่าวันนี้ไปสมัครเรียนมาแล้วต่อไปจะหาเงินเลี้ยงดูแม่เองคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ระหว่างนั้นเอง เนตรแอบเข้ามาทางประตูหลังบ้าน พาไลคว้าไม้เบสบอลเป็นอาวุธ แต่ไม่ทันตั้งตัวเนตรก็โถมเข้ากอด พร่ำรำพันความรักความคิดถึงแล้วขอค้างด้วยสักคืน

พาไลไล่ให้ออกจากบ้านไปไม่อย่างนั้นจะเรียกตำรวจ เมื่อเนตรไม่ยอมไปเธอใช้ไม้เบสบอลฟาดใส่ไม่ยั้งจนเนตรถอยออกไปนอกประตู เนตรออดอ้อนพาไลขอคืนดีและมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน พาไลรู้ทันว่าเนตรต้องการเงินบอกว่าตนไม่มีให้แล้วเดินเข้าบ้านปิดประตู

“พาไล...พาไล...กูจะไปหาเงินที่ไหนวะเนี่ย” เนตรยืนบ่นมืดแปดด้าน

จุ้นที่ต้องมาปิดประตูกั้นระหว่างบ้านคุณโปรยกับบ้านสวนเป็นประจำ วันนี้มาเห็นเนตรกอดพาไลอยู่ก็ดี๊ด๊าจะรีบไปฟ้องคุณโปรยว่าพาไลพาผู้ชายเข้าบ้านอีกแล้ว แต่ระหว่างทางมีโทรศัพท์จากหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์เข้ามา จุ้นระริกระรี้รับสายจนลืมเรื่องจะไปฟ้องคุณโปรยเรื่องพาไลพาผู้ชายเข้าบ้าน

เนตรเห็นประตูรั้วกั้นสองบ้านไม่ได้ปิดจึงเดินเลยเข้าไปทางบ้านคุณโปรย พาไลเห็นก็แปลกใจว่าเนตรไปบ้านนั้นทำไม พลางก็โทร.เข้ามือถือนครินทร์แต่เขาอยู่ในห้องน้ำจึงไม่ได้รับสาย พาไลร้อนใจเชื่อว่าเนตรต้องเข้าไปบ้านนั้นทำเรื่องไม่ดีแน่ๆจึงตามไปดู

เนตรกระโดดเข้าบ้านทางหน้าต่างมองสำรวจไม่มีใครจึงรีบค้นหาของมีค่า

พาไลโทร.หานครินทร์ไม่มีคนรับสายจึงตัดสินใจเดินตามไปดูว่าเนตรไปทำอะไร เจอจุ้นคุยกับผู้ชายเสร็จพอดี จุ้นขวางไว้ไม่ให้พาไลเข้าไปในเขตบ้านอ้างว่าคุณโปรยสั่งห้ามไว้ แล้ววิ่งไปปิดประตูกั้นสองบ้าน พาไลวิ่งไปเกาะประตู อ้อนวอนขอเข้าไปหานครินทร์ ถูกจุ้นปิดประตูใส่หน้าปัง!

เนตรรีบร้อนค้นหาของมีค่ามือปัดถูกแจกันตกแตก คุณโปรยได้ยินเสียงเดินลงมาดู แม้จะอยู่ในชุดนอนแต่ก็ยังใส่แก้วแหวนเงินทองเต็มตัว คุณโปรยเดินลงมาถามว่า ใครทำอะไรตกแตก เนตรรีบหลบหลังเสา คุณโปรยเรียกจุ้นเรียกป้าแสงก็ไม่มีใครอยู่ เดินดูแจกันที่ตกแตกบ่นหงุดหงิด

“อย่าให้รู้นะว่าใครทำแตกแล้วก็ไม่เก็บให้ดี”

เนตรค่อยๆย่องเข้าทางข้างหลังคุณโปรยหมายชิงสร้อยทองคำที่คอ คุณโปรยรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลัง หันไปเจอเนตรเข้าอย่างจัง

“แก...แกเป็นใคร เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง” สิ้นเสียงคุณโปรยเนตรพุ่งเข้ากระชากสร้อยคอแต่เอาไปไม่ได้เพราะคุณโปรยจับไว้แน่นพลางร้องตะโกน “อย่าเอาของฉันไป...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย!!”

“คุณแม่!!” นครินทร์ออกจากห้องน้ำได้ยินเสียงเขาวิ่งลงมาที่ชั้นล่างทันที

พาไลได้ยินเสียงคุณโปรยร้องเช่นกัน เธอตกใจรู้ว่าต้องเป็นฝีมือเนตรแน่ๆ

เนตรยื้อแย่งสร้อยคอกับคุณโปรย มันผลักคุณโปรยจนล้มสร้อยขาดติดมือมัน เนตรมองดูสร้อยแล้วคะเนว่ายังไม่พอใช้หนี้มันตรงเข้าไปถอดแหวนอีก คุณโปรยยื้อไว้สุดแรง มันชักมีดออกมาจะแทง ก็พอดีนครินทร์ลงมากระชากไหล่มันหงายหลังแล้วซัดหมัดใส่หน้ามันเต็มแรงจนมันกระเด็นไป ทำให้นครินทร์เห็นหน้าเนตรเต็มๆ เขาอุทานตกใจ

“คุณ!!”

เนตรลุกขึ้นกำสร้อยไว้ในมือคว้ามีดขู่นครินทร์สั่งไม่ให้เข้ามาแล้ววิ่งหนีไป พอดีคุณยอด ป้าแสงวิ่งลงมา นครินทร์บอกให้ดูแลคุณแม่ด้วย แล้วตัวเองรีบวิ่งไล่ตามเนตรไป

ooooooo

พาไลปีนกำแพงกระโดดข้ามไปบ้านคุณโปรยจนล้มกลิ้งหน้าผากชนต้นไม้อย่างแรง แม้จะสะลึมสะลือแต่เธอก็พยายามลุกวิ่งไปที่บ้านใหญ่

เนตรกำมีดและสร้อยกับแหวนของคุณโปรยวิ่งอ้าวออกมาชนเข้ากับจุ้นจนล้มไปด้วยกัน นครินทร์วิ่งมาทันเขาจับเนตรกดคว่ำเอามือไพล่หลัง คุณยอดกับป้าแสงประคองคุณโปรยออกมา พร้อมกับที่พาไลก็วิ่งโซเซมาจากทางสวน บาดเจ็บที่หน้าผากทำให้เธอเข่าอ่อนทรุดลง

นครินทร์เห็นพาไลทรุดลงเขาตกใจเผลอคลายมือ เนตรฉวยโอกาสไปคว้าสร้อยกับแหวนและมีด พอดีคุณโปรยมาถึงร้องตะโกน “อย่าเอาของฉันไป!” เนตรตวัดมีดสั้นถูกแขนคุณโปรยเลือดพุ่ง ทุกคนตกใจ นครินทร์เองก็ตกใจ ทุกคนกรูกันมาดูคุณโปรยรวมทั้งพาไลด้วย ถูกจุ้นด่าพลางผลักออกไป

“อีนังนกต่อ ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับคุณผู้หญิง” แล้วจุ้นก็ป่าวร้องว่า “ไอ้คนร้ายเป็นผัวของนังนี่ เมื่อกี๊มันยังนัวเนียกันอยู่หน้าบ้านสวน แถมนังนี่ยังพยายามจะเข้ามาในบ้าน ที่แท้ก็จะเข้ามาช่วยผัวขโมยของ”

ทุกคนมองพาไลอึ้ง โกรธ โดยเฉพาะคุณโปรย แต่นครินทร์ไม่เชื่อหมดใจ เมื่อพาไลพยายามชี้แจงก็ถูกคุณโปรยปราดเข้าตบหน้าเต็มแรงประกาศ “ฉันจะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด”

พอดีแสงเอากุญแจรถมา คุณยอดบอกนครินทร์ให้ไปเอารถ เขามัวแต่เป็นห่วงพาไลจนคุณยอดตวาด

“รินทร์ แกอยากเห็นแม่แกเสียเลือดตายอยู่ตรงนี้หรือไง!”

นครินทร์ต้องผละจากพาไลรับกุญแจรถวิ่งไปที่ลานจอดรถ คุณโปรยกับคุณยอดมองพาไลด้วยสายตาโกรธและเกลียดชัง พาไลเสียใจแต่ไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่า พูดไปก็ไร้ประโยชน์

เนตรถือสร้อยและแหวนวิ่งไปดีใจที่ได้เงินไปต่อทุน ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งขับมาอย่างเร็วชนเนตรคว่ำไปแล้วขับหนี เนตรคว่ำหมดสติสร้อยและแหวนของคุณโปรยตกอยู่ข้างตัว

ooooooo

รุ่งขึ้นปิ่นปักรีบมาที่บ้านคุณโปรย เจอคุณโปรยกับคุณยอดนั่งอยู่ด้วยกัน เธอปราดเข้าถามด้วยความเป็นห่วงว่า

“คุณแม่ขา คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ” คุณโปรยบอกว่าเย็บแค่ไม่กี่เข็มไม่เป็นอะไรแล้ว ปิ่นปักถามว่าจับคนร้ายได้หรือยัง คุณยอดบอกว่ายังแต่คงจับได้

ไม่ยากเพราะเป็นแฟนเก่าของพาไล “แฟนพาไล ปิ่นคิดอยู่แล้วเชียวว่าโจรจะมาจากไหน เราอยู่ที่นี่กันมาตั้งนาน ไม่เคยจะมีเรื่องร้ายอะไร พี่รินทร์นะพี่รินทร์ไม่น่าให้พาไลมาเช่าบ้านเราเลย”

“พี่ชายเราเขากำลังหลงเห็นผู้หญิงดีกว่าพ่อแม่ แม่เจ็บขนาดนี้ยังปกป้องพาไล หาว่าพาไลไม่รู้เรื่อง” คุณโปรยร้องไห้เสียใจ ปิ่นปักปลอบคุณโปรยอย่าร้องไห้ ตนจะพูดกับพี่รินทร์เอง

ศกมองครอบครัวปิ่นปักที่กำลังเศร้าแล้วมองไปทางบ้านสวน

ooooooo

เมื่อศกรู้ว่าพาไลมาเช่าบ้านสวนอยู่ คืนนี้เขาแอบเข้าไปหาเธอเมื่อตำรวจที่มาสอบถามเธอกลับไปแล้ว พาไลตกใจถามว่าเข้ามาได้ยังไง มีธุระอะไร

ศกยืนกอดอกพิงเสามาดกวน บอกว่ามาเยี่ยมเพราะได้ยินว่าเมื่อคืนเธอเจอหนัก พาไลตอบประชดว่าไม่หนักไปกว่าที่เคย “เจอ” มาหรอก

“ใช่สิ คุณมันเป็นพวกทนทายาด แต่ครอบครัวคุณรินทร์นี่สิ ไม่รู้ว่าจะทนกับความโง่เขลาของลูกชายตัวเองได้อีกนานแค่ไหน” พาไลตัดบทว่าอยากบอกอะไรตนก็พูดมาตรงๆเลย “ไม่เห็นต้องให้ผมบอกคุณก็น่าจะรู้ดีว่าคุณรินทร์ต้องเจอกับอะไร น่าสงสารคุณรินทร์นะ ไม่รู้จะอยู่ข้างไหนดี ระหว่างครอบครัวที่รักกับผู้หญิงที่ใคร่แต่ไร้ราคา”

พาไลจ้องหน้าศกอย่างโกรธจัด แต่เขาไม่สะทกสะท้าน พูดนิ่มๆ เนิบๆ ว่า

“อย่าเพิ่งโกรธ คำหลังผมไม่ได้พูด คุณพ่อคุณแม่ของคุณรินทร์เขาพูดกัน”

พาไลไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนครินทร์ ครู่เดียวมือถือเธอดังขึ้น เป็นสายจากนครินทร์ถามว่าอยู่บ้านหรือเปล่าตนจะเข้าไปหา พาไลรีบบอกว่าอย่าเพิ่งเลยให้เขาอยู่ดูแลคุณแม่เขาไปก่อนดีกว่า นครินทร์ถามว่าน้ำเสียงเธอไม่ดีมีอะไรหรือเปล่า พอเธอบอกว่าเปล่า แต่เขาไม่เชื่อถามว่า

“คุณกำลังคิดเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม พาไล...ไม่ว่าใครจะคิดยังไงก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ร่วมมือกับเขา” พาไลถามว่าอะไรทำให้เขามั่นใจอย่างนั้น “เพราะเขาเป็นคนที่ฆ่าลูกคุณ”

พาไลร้องไห้ออกมา เขาถามว่าร้องไห้ทำไม เธอบอกว่าดีใจที่เขาเข้าใจตน

“งั้นผมก็ขอให้คุณเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ผมเหมือนกัน”

“ค่ะ...ฉันเข้าใจดี ถ้าลูกฉันยังอยู่ ฉันก็อยากให้ลูกคบกับคนดีๆ”

“คุณก็เป็นคนดีพาไล”

“แต่อาจจะยังดีไม่พอ” เขาถามว่าใช้อะไรวัด “ใช้ความสบายใจจากคนที่รักคุณยิ่งกว่าชีวิต”

“เพราะเขายังไม่รู้จักคุณเหมือนที่ผมรู้จัก ผมถึงรู้ใจตัวเองดีว่า สำหรับผม คุณพอดีที่สุดแล้ว”

พาไลอึ้ง นครินทร์พูดแล้วยิ้มเขินๆที่ตัวเองพูดความในใจออกไป ต่างเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พอดีป้าแสงมาเคาะประตูห้องนครินทร์บอกว่า ตำรวจโทร.มา นครินทร์จึงต้องเลิกคุยกับพาไลบอกว่าเอาไว้ค่อยคุยกันแล้ววางสาย

ตำรวจโทร.มาบอกว่ามีพลเมืองดีเห็นข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์เลยแจ้งตำรวจมาว่าพบนายเนตรพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะถูกรถชน แต่ตำรวจยังไม่ได้คุยกับเขาเพราะยังไม่ฟื้น นครินทร์จึงขอตำรวจเข้าไปหาเนตรเอง

ooooooo

นครินทร์กับเพรียวเข้าไปในห้องพักคนป่วยที่โรงพยาบาล เห็นเนตรขาใส่เฝือก หน้าผากมีผ้าพันแผล นครินทร์พยักหน้ากับเพรียวอย่างรู้กัน เพรียวเดินเข้าไปตบหน้าเนตรเบาๆ ปลุกให้ตื่น

พอเนตรลืมตาตื่นก็สงสัยว่าตนมาอยู่โรงพยาบาลได้อย่างไร พอเห็นเพรียวกับนครินทร์ชัดๆ ก็ตกใจ นครินทร์ก้าวเข้าไปถามด้วยสีหน้าจริงจังว่าที่เขาเข้าไปขโมยของในบ้านตนนั้นพาไลร่วมมือด้วยหรือเปล่า เนตรยิ้มเจ้าเล่ห์ทำยึกยัก นครินทร์มองอย่างรู้ทัน พูดดักว่า

“แต่ก่อนที่นายจะตอบ ฉันมีเรื่องจะบอกไว้ให้นายคิดไตร่ตรองก่อน ตอนนี้นอกจากคดีทำร้ายร่างกายคุณแม่ คดีชิงทรัพย์ ตำรวจยังได้หลักฐานว่านายมีคดีค้ายาเสพติดกับคดีนำเข้ารถหนีภาษีด้วย และถ้านายโกหกเรื่องพาไล แล้วตำรวจหาหลักฐานได้ นายจะโดนข้อหาให้การเท็จกับตำรวจเพิ่มอีกกระทง”

เพรียวสำทับว่าคดีเยอะขนาดนี้มีหวังเข้าไปนอนคุกยาวแน่ เนตรคิดหนัก นครินทร์สำทับว่า

“ว่ายังไง เรื่องเมื่อคืน พาไลร่วมมือกับนายหรือเปล่า”

เนตรมองนครินทร์อย่างเจ็บใจที่ต้อนจนตนจำต้องสารภาพออกมา นครินทร์อัดเสียงไว้เอาไปเปิดให้คุณโปรยกับคุณยอดฟังเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าพาไลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างที่จุ้นใส่ไฟ

แทนที่คุณโปรยกับคุณยอดจะเข้าใจ กลับคิดว่าเพราะนครินทร์หลงพาไลจนออกโรงปกป้องเธอ คุณยอด พูดอย่างผิดหวังว่า “ตอนแรกพ่อก็เชื่อใจว่ารินทร์จะไม่ตกเป็นเหยื่อของเขา แต่ตอนนี้พ่อแน่ใจแล้วว่าพ่อคิดผิด”

นครินทร์ชี้แจงว่าตนไม่ได้หลงพาไลแต่ตนไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจเธอผิด ปิ่นปักแทรกขึ้นว่าพวกตนเห็นพฤติกรรมของพาไลมานานไม่มีใครเข้าใจผิดหรอก มีแต่เขาที่เข้าใจผิด

ทันใดนั้นเสียงคุณโปรยอาละวาดตวาด “ฉันไม่กิน! เอาออกไป!!” แล้วจุ้นก็วิ่งเข้ามาตัวเปื้อนข้าวต้มบอกว่า

“คุณผู้หญิงอาละวาดไม่ยอมทานข้าวทานยาค่ะ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน จุ้นขอบาย...หมดปัญญาตื๊อแล้วค่ะ”

“คงจะต้องเห็นแม่แกตายก่อนใช่ไหม รินทร์ถึงจะตาสว่างว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร” คุณยอดออกไปทางที่จุ้นเข้ามา

“พี่รินทร์คะ ถ้าพี่รินทร์ยังรักคุณพ่อคุณแม่ ปิ่นคิดว่าพี่รินทร์ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วค่ะ”

นครินทร์ถูกกดดันจนเครียด

ooooooo

พาไลถือกระเช้าผลไม้เข้ามาที่บ้านคุณโปรย ส่งเสียงว่าตนมาเยี่ยมคุณโปรย แต่ไม่มีเสียงตอบจึงเดินเข้าไปข้างใน

ที่ห้องนั่งเล่น ปิ่นปักกับนครินทร์เดินเข้าไปหาคุณยอดที่กำลังเช็ดน้ำตาปลอบคุณโปรยอยู่ ป้าแสงกำลังเก็บกวาดชามแตกที่พื้น ปิ่นปักบอกคุณโปรยว่า

“คุณแม่คะ พี่รินทร์มีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ” คุณโปรยเห็นนครินทร์ก็ทำเมิน “พี่รินทร์จะมาบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า พี่รินทร์จะเลิกยุ่งกับพาไลแล้วค่ะ” ปิ่นปักมองที่กระจกกั้นเห็นเงาพาไลยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนั่งเล่น เธอชงให้นครินทร์พูด

“พี่รินทร์บอกคุณพ่อคุณแม่เหมือนที่บอกกับปิ่นสิคะ ว่าพี่รินทร์รู้แล้วว่าพาไลเป็นคนไม่ดี พี่รินทร์ไม่น่ายุ่งกับพาไลตามที่คุณแม่สั่งตั้งแต่แรก”

“แต่แม่ไม่ต้องการให้รินทร์เลิกยุ่งกับมันเพราะคำสั่งของแม่ รินทร์ควรจะคิดได้ด้วยตัวเองว่าไม่ควรเอาชีวิตที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูมาอย่างดีไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงคนนั้นที่สะกดคำว่าดีไม่เป็น”

“พี่รินทร์ไม่ได้จะเลิกยุ่งกับพาไลเพราะคำสั่งคุณแม่ค่ะ แต่พี่รินทร์คิดได้ด้วยตัวเองแล้ว ใช่ไหมคะพี่รินทร์ ตอบคุณแม่สิคะพี่รินทร์” ปิ่นปักคะยั้นคะยอ

“ผมขอเวลาทบทวนก่อน ผมสัญญาว่าจะทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วคิดหาทางทำให้ทุกคนสบายใจ”

“พี่รินทร์!” ปิ่นปักอุทานอย่างผิดหวัง

“คุณพ่อคุณแม่สอนให้ผมรู้จักคิดก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเข้าไปทำความรู้จักกับพาไล ผมก็คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถึงตอนนี้ที่ผมจะเลิกคบกับเขา ผมก็ขอคิดทบทวนก่อน”

“ยังมีอะไรต้องคิดอีกล่ะรินทร์! หรือว่ารินทร์ยังไม่เห็นว่ามันทำอะไรกับแม่ ดูไหมรินทร์ ดูให้เต็มตา” คุณโปรยเสียงสั่นเครือพลางจะกระชากผ้าพันแผลที่แขนออก คุณยอดกับปิ่นปักช่วยกันห้าม ปิ่นปักเข้าไปกอดคุณโปรยไว้ คุณโปรยร้องไห้โฮ สภาพนี้ยิ่งทำให้นครินทร์เครียดมาก

พาไลที่ยืนดูยืนฟังมาแต่ต้น หันหลังเดินออกไป ปิ่นปักชำเลืองมองตามด้วยหางตา

พาไลเดินเศร้าออกมา เธอไม่ได้โกรธนครินทร์เพราะเข้าใจดีว่าเขาต้องพูดให้ครอบครัวสบายใจ เดินไปวางกระเช้าผลไม้ไว้ที่เก้าอี้แล้วจะเดินกลับไปที่บ้านสวน ปิ่นปักตามมาพูดเสียงกระด้างว่าสะใจหรือยังที่ทำให้ครอบครัวตนเป็นแบบนี้ แล้วปิ่นปักก็ขอร้องพาไลให้ออกไปจากชีวิตพวกตน ครอบครัวตนเคยมีแต่ความสุข เราไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันจนกระทั่งเธอก้าวเข้ามา

เห็นพาไลเศร้า ปิ่นปักยกเรื่องลูกขึ้นมาพูดว่า เธอเองก็เคยมีลูกน่าจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ว่าจะทุกข์ใจแค่ไหนถ้าลูกตัวเองเห็นผู้หญิงอื่นสำคัญกว่า

“ค่ะ...ฉันจะทำตามที่คุณต้องการ ฉันจะออกไปจากชีวิตของคุณรินทร์” พาไลรับรองว่าแม้ตนจะพบเจอกับนครินทร์บ้างก็จะเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น จะไม่ทำให้คุณรินทร์วุ่นวายเพราะตนอีก

เมื่อปิ่นปักกลับไปเล่าให้ศกฟัง เขาชมว่าไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเธอจะทำแบบนั้นได้ แกล้งถามว่าเธอแน่ใจเหรอว่าพาไลจะเลิกยุ่งกับนครินทร์จริง ปิ่นปักยอมรับว่าไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือตนจะต้องทำให้นครินทร์หันไปสนใจผู้หญิงคนอื่นบ้าง แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

“ผมช่วยคิดให้เอาไหม” ศกเสนอตัว ยิ้มร้ายอย่างมีแผน

ooooooo

มิตราแปลกใจที่จู่ๆนครินทร์ก็นัดดินเนอร์กัน

เธอถามว่าเนื่องในโอกาสอะไรหรือ เน้นว่าขอความจริง

“ปิ่นอยากให้ผมพาคุณไปทาน ปิ่นบอกว่าอาหารร้านนี้อร่อยมาก” มิตราถามว่าแล้วใจเขาล่ะอยากเสียเวลาไปดินเนอร์กับตนไหม

“ปิ่นรู้ดีว่าบังคับใจผมไม่ได้ ช่วงนี้ผมมีเรื่องให้คิดเยอะ ได้ไปนั่งกินอาหารอร่อยๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณก็ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง”

“งั้นฉันก็ตกลงค่ะ” มิตราตอบรับ นครินทร์ยิ้มยินดี แต่แล้วมิตราก็ถูกเพื่อนอาจารย์ทัก ถามว่านึกอย่างไรไปดินเนอร์กับนครินทร์ ตกลงเป็นกิ๊กกันแล้วหรือ มิตราบอกว่าเป็นเพื่อนกัน

“เพื่อนกันไม่ไปดินเนอร์กันหรอกค่ะ” แล้วอาจารย์สาวก็เตือนว่า “ไปอยู่ใกล้ชิดคุณรินทร์มากๆเดี๋ยวจะอยากเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟนไม่รู้ตัว ที่เตือนเพราะหวังดีนะคะ เพราะฉันก็เคยรู้สึกแบบนั้นมาแล้วค่ะ โชคดีที่มีลูกมีผัวแล้ว ถึงตัดใจง่าย”

มิตราฟังแล้วยิ้ม แต่ลึกๆแล้วก็อดหนักใจอะไรบางอย่างไม่ได้ เพราะใจตัวเองก็รู้สึกดีๆกับเขาอยู่ไม่น้อย

ooooooo

วันนี้พาไลไปเยี่ยมบ้าน เห็นพิสมัยนั่งถักผ้าพันคอหลังขดหลังแข็ง ต่อมาจึงรู้ว่าพิสมัยถักเพื่อหาเงินมาช่วยค่ากับข้าวในบ้าน พาไลยังเจอชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งมายกเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านและถูกบัวทองขัดขวางเอะอะโวยวายกัน

จากการพูดของบัวทองและเพ็ญรวมทั้งการยอมรับของพิสมัย พาไลจึงรู้ด้วยความตกใจว่า คุณเชื่อมไปค้ำประกันให้เพื่อนกู้เงินมาทำธุรกิจ แล้วเกิดมีปัญหา คุณเชื่อมจึงต้องใช้หนี้แทนเป็นจำนวนเงินถึงหนึ่งร้อยล้าน แต่ได้ขายทรัพย์สินใช้หนี้จนเหลืออีกสิบล้าน

ชายที่มาทวงหนี้บอกว่าถ้ายอมยกบ้านหลังนี้ให้ก็จะหมดหนี้ หัวเด็ดตีนขาดพิสมัยก็ไม่ยอมเสียบ้านหลังนี้ไปแต่จะหาเงินมาใช้หนี้ให้

“นี่เห็นว่ามีแต่ผู้หญิงหรอกนะ ถึงได้เห็นใจ รีบๆ หามาก็แล้วกัน ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน” ชายคนนั้นพูดแล้วเดินนำลูกน้องออกไป ทุกคนเครียดจนเงียบกริบกันหมด

บัวทองด่าพาไลว่าเป็นตัวซวยพอกลับมาก็มีเรื่อง บอกว่าถ้ารักคุณลุงจริงก็ให้ไปขายตัวเอาเงินมาใช้หนี้ก็แล้วกัน พาไลถามพิสมัยว่าทำไมคุณแม่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย

“แม่ไม่อยากให้ไลทุกข์ใจ แม่อยากให้ไลทุ่มเทเวลากับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของไล”

“ชีวิตใหม่ของไล คือการรู้จักเสียสละเพื่อคนอื่นค่ะ โดยเฉพาะคนที่ไลรัก”

ooooooo

ศกยืมมือฝนดำเนินแผนการของตน คืนนี้เขานัดฝนไปที่คอนโดบอกฝนว่าคืนนี้ตนไม่ได้อยากมานอนกับเธอ แต่มีเรื่องจะให้เธอช่วย

ฟังเรื่องที่ศกจะให้ช่วยแล้ว ฝนถามอย่างไม่แน่ใจว่าเขาจะให้ตนชวนพาไลไปกินข้าว?

“ใช่ พวกนักธุรกิจที่ผมรู้จักเขาจะนัดกินข้าวกัน แล้วเขาก็อยากได้ผู้หญิงสาวๆสวยๆไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อน ผมอยากให้คุณชวนพาไลไปทำ” ฝนถามว่าทำไมต้องเป็นพาไล “คุณก็รู้นะว่าผมไม่ชอบให้ใครถามเซ้าซี้ ทำตามที่ผมสั่งให้ได้สิผมจะได้รู้ว่าชีวิตผมขาดคุณไม่ได้”

ฝนยิ้มกับคำหวานของศก วันนี้เธอจึงไปบอกพาไลว่ามีงานจะให้ทำ พาไลถามว่างานอะไร

“งานกินข้าวทั่วๆไปอย่างที่แกเคยทำเมื่อก่อนไง พอดีมีคนติดต่อฉันมา ฉันไม่อยากไปคนเดียวก็เลยมาชวนแกไปด้วย”

“ฝันไปเถอะว่ามันจะไป ตอนนี้นังไลเอาใจใครไม่เป็นนอกจากคุณรินทร์” มิ้มฟันธง

“แต่ฉันจะไป” พาไลโพล่งอย่างมั่นใจ ทำเอามิ้มร้องอ้าว พาไลบอกว่า “ตอนนี้ฉันต้องการเงิน ถ้าไม่ใช่งานขายตัวฉันทำหมด”

เป็นการตัดสินใจของพาไลที่ทำให้ทั้งมิ้มและฝนแปลกใจ

ooooooo

ที่ร้านอาหารหรู...

พาไลกับฝนแต่งตัวสวยเซ็กซี่ไปนั่งกินข้าวกับนักธุรกิจ 4 คน นอกจากเธอสองคนแล้วยังมีหญิงสาวสวยเซ็กซี่อีกสองคนที่นั่งประกบนักธุรกิจออดอ้อนออเซาะดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำนักธุรกิจที่นั่งด้วยอย่างเอาอกเอาใจเต็มที่

ฝนกับพาไลดูแลนักธุรกิจที่นั่งด้วยอย่างสุภาพไว้ตัว เพราะฝนไม่เต็มใจมา ส่วนพาไลเบื่อหน่ายกับเรื่องพวกนี้มากแล้ว

เป็นร้านอาหารที่นครินทร์พามิตรามาดินเนอร์พอดี! มิตราแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ นครินทร์กับมิตราไปนั่งที่โต๊ะหนึ่ง บังเอิญหนึ่งในนักธุรกิจนั้นรู้จักคุณยอดและคุณโปรยจึงเรียกนครินทร์ไปแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก

นครินทร์กับพาไลต่างมองกันตะลึง! นครินทร์ขอตัวกับนักธุรกิจคนนั้นอย่างทนเห็นพาไลในสภาพนี้ไม่ได้

ฝนรู้เจตนาของศกทันทีว่าทำไมเขาจึงให้ตนไปชวนพาไลมางานนี้ เธอแอบส่งไลน์ไปหาศกว่า

“ฝนรู้แล้วว่าคุณให้ฝนพาพาไลมาทำงานนี้เพราะใคร”

ศกนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกที่บ้าน เขาอ่านหน้าจอมือถือแชทกับฝนแล้ว ยิ้มร้าย

“พาไล...ผมไม่ได้คุณ ใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้!”

นครินทร์กลับมานั่งที่โต๊ะกับมิตรา เธอถามว่าคุณแม่เขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่นครินทร์ว้าวุ่นใจจนไม่ได้ยิน จนเธอเรียกอีก เขาสะดุ้งถามว่า “คุณมินถามผมว่าอะไรนะครับ” มิตรามองไปที่โต๊ะนักธุรกิจ ตอบนครินทร์อย่างน้อยใจที่ปล่อยให้ตนพูดคนเดียวว่าช่างเถอะ

ไม่มีอะไร นครินทร์ขอโทษบอกว่าตนพยายามไม่ใส่ใจแล้ว แต่ว่า...

“แต่ว่าคุณก็อดเป็นห่วงพาไลไม่ได้” มิตราพูดต่อให้ นครินทร์พยักหน้ารับ มิตรามองพาไลในใจคิดอะไรบางอย่าง

ooooooo

มิตราไปดักรอพาไลที่ห้องน้ำ ถามว่าจะกลับหรือยัง เธอบอกว่าใกล้แล้ว มิตราจึงจะฝากนครินทร์ให้รอรับเธอกลับด้วย พาไลติงว่าเขามากับเธอก็ควรกลับไปกับเธอ

“ฉันเอารถมาเองค่ะ รอกลับพร้อมคุณรินทร์เถอะนะคะ คุณรินทร์เป็นห่วงคุณมาก” ระหว่างทางเดินออกจากห้องน้ำ มิตราโทร.บอกนครินทร์ว่า “คุณรินทร์คะ ฉันต้องขอโทษด้วย พอดีมีปัญหาที่บ้าน ฉันต้องรีบกลับเดี๋ยวนี้”

ขณะพาไลเดินออกจากห้องน้ำก็ถูกนักธุรกิจที่เธอมาทานข้าวเป็นเพื่อนกระชากแขนชวนไปต่อกันเดี๋ยวจะจ่ายเพิ่มให้

“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันแค่มาทานข้าวเป็นเพื่อนคุณเท่านั้น”

เมื่อถูกปฏิเสธนักธุรกิจหื่นคนนั้นก็ซุกไซ้พาไลทันที แม้เธอจะเบี่ยงหลบเขาก็ยังไม่ยอมหยุด พริบตานั้น นครินทร์เข้ามาดึงตัวพาไลไป เอาตัวบังไว้

“เฮ้ย! ยุ่งอะไรด้วยวะ”

“ได้ยินเพื่อนที่โต๊ะคุณพูดว่า เมียคุณกำลังมาที่นี่”

นักธุรกิจคนนั้นหูตาเหลือกทันที นครินทร์แนะนำให้เขารีบไปที่โต๊ะเสีย ปัญหาครอบครัวจะได้ไม่เกิด ตนก็จะรีบพาแฟนไปเหมือนกัน พลันก็จับมือพาไลพาออกไปทันที ส่วนนักธุรกิจหื่นคนนั้นก็รีบวิ่งออกไปอีกทาง

พาไลอึ้ง คาดไม่ถึงว่านครินทร์จะอ้างกับนักธุรกิจคนนั้นว่าตนเป็นแฟน เขาลากเธอไปที่มุมหนึ่งในร้านอาหาร พาไลบอกให้เขาปล่อยตนจะกลับไปทำงาน

“เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่หรือพาไล ว่าคุณจะไม่เอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงกับคนที่เขาหวังผลประโยชน์กับตัวคุณ แล้วทำไมคุณยังทำ”

“เรื่องของฉัน!” นครรินทร์ถามว่าเธอเป็นอะไรไปหรือ “เป็นโรคเบื่อคนดี ฝ่ามือแม่คุณที่ตบฉันทำให้ฉันได้สติว่าฉันพยายามทำดีไปเท่าไหร่ก็ไม่มีวันที่ใครจะมองว่าดี ฉันกลับไปเลวเหมือนเดิมดีกว่า แฮปปี้กว่าเยอะ”

“ชีวิตลูกคุณกับคุณเชื่อมล่ะ คุณจะยอมให้เขาจากไปอย่างไร้ประโยชน์หรือ”

“ถ้าฉันเอาตัวเองไปผูกติดกับคนตาย ฉันก็คงต้องตายตามพวกเขาไปอีกคน ตอนนี้ฉันต้องการเงิน ต้องการเที่ยว ต้องการช็อปปิ้ง ฉันคิดถึงพวกมันใจจะขาดอยู่แล้ว”

พาไลพูดประชดแล้วเดินผละไป ถูกนครินทร์คว้าข้อมือลากไปอีกทางอย่างไม่แยแสกับเสียงร้องของเธอ

ooooooo

นครินทร์ลากพาไลไปยัดใส่รถแล้วปิดล็อกไว้ เธอโวยวายให้ปล่อย เขาบอกว่าถ้าเธอไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไรไปก็จะอยู่ด้วยกันทั้งคืนอย่างนี้แหละ

พาไลแผลงฤทธิ์เอื้อมมือไปกดแตรดังลั่นปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วย นครินทร์สั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้

“อยากให้ฉันหยุดก็ปล่อยฉันสิ ฉันจะกลับไปทำงาน หายออกมาก่อนเดี๋ยวอดได้ค่าตัว ช่วงนี้ฉันกินแกลบ กระหายเงินเป็นที่สุด”

“อยากได้ค่าตัวนักใช่ไหม ผมจะจ่ายให้คุณเอง” นครินทร์ตัดสินใจออกรถไปอย่างเร็ว

ฝนเห็นพาไลไปห้องน้ำนานผิดปกติ ลุกเดินตามหาบ่นงึมงำ “ไลหายไปไหน?”

หารู้ไม่พาไลถูกนครินทร์พาไปถึงโรงแรมริมทะเลแล้ว!

นครินทร์ลงไปขอเปิดห้อง สองห้องสองคืน ครู่หนึ่งพนักงานแจ้งว่าห้องเต็มเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น

“ตกลงค่ะ สองคนนอนห้องเดียวอบอุ่นดี” พาไลบอกพนักงาน แล้วหันมองนครินทร์อย่างท้าทาย

คืนนี้ขณะนครินทร์ออกไปซื้ออาหาร พาไลก็โทร.เล่าให้มิ้มฟัง มิ้มถามว่าเธอจะไปท้าทายนครินทร์ทำไม เขาไม่ใช่คนมักง่ายเหมือนผู้ชายคนอื่น เดี๋ยวเขาก็เกลียดให้หรอก พาไลบอกว่าอยากให้เขาเกลียดเพราะเป็นทางเดียวที่จะไล่เขาไปจากชีวิตตนได้

“แต่แกรักเขาไม่ใช่เหรอ”

“ใช่...รัก...รักมากด้วย ฉันถึงต้องเสียสละให้เขากลับไปมีชีวิตที่ดี ไปอยู่กับคนที่เหมาะสม” มิ้มถามว่านางเอกไปรึเปล่า “ไม่มีนางเอกคนไหนเน่าแบบฉันหรอก นางเอกต้องเป็นคนดีพร้อมอย่างคุณมิน ถึงจะคู่ควรกับพระเอกอย่างคุณรินทร์”

พาไลทำเสียงร่าเริงทั้งที่กล้ำกลืนความเจ็บปวดจนแทบน้ำตาไหล ก็พอดีนครินทร์กลับมา เธอแกล้งโทร.สั่งจองตั๋วไปญี่ปุ่น ทำเป็นหันมองนครินทร์ตาหวานบอกปลายสายว่า

“เดี๋ยวได้เงินจากสปอนเซอร์ใจดีแล้วจะไปจ่ายให้ แค่นี้นะ บาย...”

นครินทร์หิ้วอาหารมาหลายถุง บอกว่าข้างล่างโรงแรมมีร้านเสื้อผ้าผู้หญิงหลายร้าน พรุ่งนี้เช้าเธอค่อยไปเลือกซื้อเอาเอง ตนซื้อของใช้ที่จำเป็น ซื้อเสื้อยืดกับกางเกงให้เธอเป็นชุดนอน พาไลเดินไปโอบคอเขาฉอเลาะยั่ว

“ไม่เห็นต้องซื้อชุดนอนมาเลย เพราะคงจะไม่ได้ใส่” แต่นครินทร์ไม่ตอบสนอง กลับเตือนหน้าขรึมว่า

“เตือนไว้ก่อนนะพาไล ผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถ้าคิดจะแกล้งทำอะไร ระวังไว้ด้วย เพราะถ้าผมเกิดมีความสัมพันธ์กับใคร เขาจะไม่มีวันไล่ผมออกไปจากชีวิตได้เลย”

เมื่อนครินทร์ไม่เล่นด้วย พาไลปล่อยแขนจากคอเขาหันหลังให้ เริ่มหนักใจ

ถึงเวลานอน พาไลนอนหันหลังให้นครินทร์ เขาห่มผ้าให้เธอแล้วเดินไปนอนที่โซฟา พาไลแอบดู แววตาเศร้าหมองที่จะต้องเสียผู้ชายดีๆอย่างเขาไป...

ooooooo

วันนี้คุณขจีและคุณเศียรเอากระเช้าผลไม้มาเยี่ยมคุณโปรย คุยกันครู่หนึ่งคุณขจีถามว่านครินทร์ไม่อยู่หรือ คุณโปรยบอกว่าไปต่างจังหวัดกับเพื่อน ถูกคุณขจีดักคอว่าเพื่อนหรือแฟน

คุณโปรยบอกว่าตารินทร์ยังไม่มีแฟน คุณขจีถามว่าทำไมยังไม่มี เสนอว่าเราน่าจะมาช่วยกันหาคู่ให้ดีไหมแต่งปุ๊บให้มีหลานปั๊บเลย คุณโปรยบอกว่าเรามีหลานจากปิ่นปักอยู่แล้ว

“ว้าย! ไม่ได้ค่ะ ลูกจากหนูปิ่นทางดิฉันจะเลี้ยงดูเองเท่านั้น นี่ดิฉันก็ให้สถาปนิกมาออกแบบต่อเติมห้องหับไว้ต้อนรับหลานแล้ว”

เห็นคุณโปรยกับคุณยอดมองหน้ากัน คุณเศียรตัดบทว่าเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า เพราะอีกนานกว่าปิ่นปักจะคลอด คุณโปรยกับคุณยอดได้แต่มองหน้ากันอย่างหนักใจ

ooooooo

ปิ่นปักมีความสุขที่ได้รับการประคบประหงมจากศกหลังจากรู้ว่าเธอท้องได้ไม่นาน หลังจากนั้น เธอก็เริ่มรู้สึกเบื่อกระทั่งเซ็ง เมื่อถูกเขาสั่งห้ามทีละอย่าง...ทีละอย่าง

นับแต่ห้ามเธอทาครีมเกรงสารเคมีจะกระทบกระเทือนลูก ให้เธอออกจากงานกลัวตนจะถูกมองว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเธอให้ดี เมื่อเธอแพ้ท้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำ กลับมาก็ถูกบ่นว่าคราวหลังให้ปิดประตูห้องน้ำให้สนิทด้วยเพราะตนไม่ชอบฟังเสียงโอ้กอ้ากน่ารังเกียจ

มาวันนี้เมื่อปิ่นปักจะเขียนบทความให้กระทรวงตามที่ตกลงกันไว้ ก็ถูกห้ามอีก หาว่าเธอสรรหาความเครียดใส่ตัวมันไม่ดีกับลูก เมื่อเธอบอกว่าอยู่บ้านเฉยๆมันเบื่อ เขาสวนเสียงแข็งว่า

“ถึงจะเบื่อก็ต้องอดทน เพื่อลูก”

วันนี้เป็นวันหยุด เธอขอให้เขาอยู่บ้าน ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่แยแสว่าเธอก็รู้ว่างานตนมีวันหยุดเสียที่ไหน

ปิ่นปักฟังแล้วเซ็งจนเงียบไป ครู่หนึ่งศกถามว่านครินทร์ไปดินเนอร์กับมิตราเป็นอย่างไรบ้าง

“ปิ่นยังไม่ได้คุยกับพี่รินทร์เลยค่ะ แต่ว่าได้คุยกับมินแล้ว มินก็ดูแฮปปี้ดีนะคะ ขอบคุณคุณมากที่ช่วยแนะนำร้านอาหารดีๆให้”

“ไม่เป็นไร ผมยินดีช่วย ถ้าคุณรินทร์กับพาไลเลิกเป็นแฟนกันได้ พ่อแม่คุณคงจะสบายใจ”

ปิ่นปักบอกว่าเขาเข้าใจผิดแล้วเพราะพาไลเป็นแฟนกับเพรียว พวกเขาเพิ่งควงกันมาเปิดตัวเมื่อเร็วๆนี้เอง

“ผมไม่เชื่อ ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่คุณลองคิดดูสิ พาไลมีตัวเลือกที่ดีอย่างพี่ชายคุณ พาไลจะไปคว้าเอาคนกระจอกอย่างไอ้เพรียวทำไม”

นี่เองทำให้รุ่งขึ้นปิ่นปักไปหาเพรียวที่บ้านเพื่อถามเรื่องนี้ให้ชัด แต่ระหว่างเพรียวจัดขนมไทยที่แม่ขายมาให้ปิ่นปักทานนั้น พอเธอถามว่า “พี่เพรียวกับพาไลไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหมคะ” ทำเอาเพรียวสำลักขนมจนหายใจไม่ออก

แม่ของเพรียวตกใจบอกปิ่นปักให้โทร.เรียกรถพยาบาล เธอถามว่ามือถือเพรียวอยู่ไหน แม่บอกอยู่ที่ห้องนอนเพรียวให้ขึ้นไปหยิบเอา ปิ่นปักขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แต่มือไพล่ไปถูกกล่องเหล็กที่เพรียวเก็บรูปที่ตนวาดปิ่นปักไว้คว่ำลง ขณะเธอกำลังจะหยิบรูปดู เพรียวก็ขึ้นมา รีบเก็บรูปใส่กล่องเหล็ก

เพรียวไม่ยอมบอกว่ารูปในกล่องเหล็กเป็นใคร บอกว่าผู้หญิงแถวนี้แหละ เธอถามว่าเคยบอกชอบเขาไหม

“ไม่เคยจ้ะ พี่ไม่กล้า แล้วก็สายเกินไปที่จะบอกแล้วด้วย เพราะพี่ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่บนคาน คอยเลี้ยงลูกให้ปิ่นดีกว่า”

“แล้วเรื่องพี่เพรียวกับพาไล ตกลงว่าความจริงเป็นยังไงคะ พี่เพรียวคบกับพาไลจริงหรือเปล่า”

“ไม่จริง เราแกล้งคบกันตามแผนของพาไล เพราะพาไลเขาอยากช่วยแก้ข่าวเรื่องปิ่นกับพี่จ้ะ”

“พาไลน่ะเหรอคะช่วยแก้ข่าวให้ปิ่น” เมื่อเพรียวยืนยันว่าใช่ เธอแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าพาไลจะทำเพื่อตน

ooooooo

รุ่งขึ้นนครินทร์ตื่นมาไม่เห็นพาไล เดินหาจึงเจอเธอเขียนแปะไว้ที่ประตูว่า “ลงไปเดินเล่นที่ชายหาด”

เมื่อตามลงไป เห็นพาไลในชุดสวยโพสท่าให้นักท่องเที่ยวหนุ่มหล่อคนหนึ่งถ่ายรูปด้วยมือถือให้ เขานึกหึงขึ้นมาไม่รู้ตัว เมื่อเดินไปถึงถามว่ารู้จักกับหนุ่มนั่นด้วยหรือ

“ไม่รู้จักค่ะ แต่ทำยังไงได้ ฉันอยากได้รูปแล้วก็อยากได้ลูกค้าเพิ่ม พอเสร็จจากงานคุณ ฉันจะได้มีงานทำต่อเลย”

พาไลแกล้งยั่วจนนครินทร์ถามว่าเธอจะทำแบบนี้ไปถึงไหน เธอตอบร่าเริงว่า

“ไปจนตายค่ะ ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าฉันอยากกลับไปเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากพยายามทำดีเป็นสาวใสสะอาดอีกแล้ว เพราะทำไปก็ไม่มีใครรู้ว่าดีอยู่ดี ขอตัวไปเดินเล่นต่อนะคะ วิวตรงโน้นสวยมาก” ว่าแล้วเดิน นวยนาดไปเลย

“พาไล...ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นอะไร” นครินทร์มองตามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

ooooooo

ปิ่นปักกลับจากบ้านเพรียวก็จะไปคุยกับพาไลที่บ้านสวน จุ้นบอกไม่ต้องเดินไปให้เป็นเสนียดฝ่าเท้าหรอก ตนจะไปเรียกให้มาพบคุณปิ่นเอง

จุ้นไปวางมาดตะโกนเรียกพาไลบอกว่าคุณปิ่นมีธุระจะพูดด้วยให้รีบไปหา ฝนออกมาบอกจุ้นอย่างมีแผนว่าเดี๋ยวจะไปตามให้ ครู่หนึ่งฝนออกมาบอกว่าพาไลไม่ว่างกำลังตะไบเล็บอยู่ถ้าคุณปิ่นอยากคุยก็เชิญเดินมาหาเอง

จุ้นถูกปิดประตูใส่หน้าก็เดินหงุดหงิดกลับไป ฝนพึมพำ “นังปิ่น ถึงเวลาที่แกจะรู้จักฉันแล้ว”

พอจุ้นกลับไปบอกปิ่นปักตามที่ฝนบอก แทนที่จะโกรธ ปิ่นปักกลับบอกว่าถูกของฝนเพราะตนเป็นฝ่ายอยากคุยกับพาไลก็ต้องไปหาเขาเอง

ปิ่นปักเดินไปหาพาไลที่บ้านสวน เดินเข้าไปในบ้านเห็นหนังสือภาษาอังกฤษและภาษาไทยตั้งเรียงอยู่บนชั้น เธอชะงักนึกไม่ถึงว่าพาไลจะอ่านหนังสือพวกนี้ด้วย แต่ที่สะดุดตาจนอึ้งคือลิปสติกแท่งนั้น เธอหยิบขึ้นดู พลันฝนก็ทักขึ้น

“อุ๊ย...คุณปิ่นขอลิปของฝนคืนด้วยค่ะ” ฝนแกล้งทำเป็นมีพิรุธมากขณะรับลิปสติกคืน

จุ้นเข้าไปเดินหาพาไลไม่เจอ ปิ่นปักบอกว่าไม่เป็นไรธุระของตนไม่สำคัญอะไร เอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้

กลับถึงบ้าน ปิ่นปักเล่าเรื่องลิปสติกให้พัชรินฟังและมีข้อสังเกตว่าฝนมีพิรุธมากขณะรับลิปสติกคืน พัชรินถามว่าหรือฝนจะเป็นเจ้าของลิปสติกแท่งนั้นจริงและคงกลัวปิ่นปักจะไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นไปมั่วกับศกที่ห้องนอนเธอ ปิ่นปักโกรธจะเรียกมาเตือนให้รู้ว่าอย่าไปทำพฤติกรรมแบบนั้นบนบ้านใครอีก จะขอเบอร์ฝนจากเลขาศกเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง

พัชรินติงว่าเรื่องน่าอายแบบนั้นไม่มีใครบอกหรอก แนะว่าเราต้องถามจากคนที่อยู่ในคืนวันนั้น ซึ่งก็คือแม่มายนั่นเอง ปิ่นปักกับพัชรินจึงไปหาแม่มายที่ห้องครัว เอารูปที่ถ่ายในคืนนั้นให้แม่มายดู ถามว่าผู้หญิงคนไหนที่ขึ้นไปนอนกับศกที่ห้องนอนตน

แม่มายถูกศกขู่ไว้ไม่กล้าบอก จนปิ่นปักต้องรับปาก ว่าจะไม่บอกใครว่ารู้เรื่องนี้จากใคร แม่มายจึงชี้ไปที่รูปพาไล

“พาไล!” ปิ่นปักตกใจสุดขีด

ooooooo

ความโกรธ เสียใจ ผิดหวัง ทำให้ปิ่นปักสั่งแม่มายให้จัดห้องนอนแขกไว้คืนนี้ตนจะไปนอนที่นั่น เธอรอจนศกกลับมา เธอถามเขาตรงๆว่า

“ศกคะ ปิ่นมีเรื่องอยากจะถามค่ะ คืนงานวันเกิดคุณพาพาไลขึ้นไปทำอะไรบนห้องนอนของเราจริงหรือเปล่าคะ”

“ทำไมไม่ถามจากคนที่คาบข่าวมาบอกคุณล่ะ” ศกหน้าตึง ปิ่นปักเริ่มลังเล กลัวจะทำให้ครอบครัวมีปัญหา ตอบเขาอย่างเกรงใจว่า

“ปิ่นอยากฟังจากคุณมากกว่าค่ะ ตอนแรกปิ่นคิดว่าจะไม่ถามเพราะปิ่นควรจะต้องไว้ใจคุณ แต่ปิ่นไม่อยากเครียดแล้วก็ไม่อยากคิดไปเองเหมือนที่ผ่านมา ปิ่นถึงตัดสินใจว่าถามความจริงจากคุณไปเลยดีกว่า”

ศกเตือนว่ากล้าถามก็ต้องกล้าฟังคำตอบด้วยนะ ปิ่นปักใจไม่ดีถามว่า “หมายความว่ายังไงคะ”

“ผมพาพาไลขึ้นห้องจริงๆ”

ปิ่นปักตะลึงแต่ยังถามอย่างเกรงใจว่าขึ้นไปทำอะไรกันหรือ “ผู้หญิงผู้ชายขึ้นห้องคงไม่ได้ไปเล่นหุ้นหรอกปิ่น”

ปิ่นปักถามเสียงสะท้านว่าทำไมเขาทำแบบนั้น! “ผู้หญิงเสนอ ผมก็เลยสนอง”

ปิ่นปักตัดพ้อต่อว่าศกว่าเขามีตนอยู่แล้วต่อให้ผู้หญิงมาแก้ผ้าต่อหน้าก็ควรจะปฏิเสธ ศกอ้างว่าตนเป็นผู้ชายขืนปฏิเสธก็เสียเหลี่ยมแย่ ปิ่นปักผิดหวังมากไม่คิดว่าผู้ชายที่ตนเลือกมาเป็นสามีจะเห็นแก่ตัวอย่างนี้

“อย่าโลกสวย ผู้ชายคนไหนก็ทำเหมือนผม...ผมจะบอกให้นะปิ่น ผู้ชายทุกคนเคยกินของนอกบ้านกันทั้งนั้นแหละ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปิดมิดไม่มิด แต่ผมไม่ปิดหรอกนะ เพราะคุณควรจะทำใจให้กว้างว่าเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย”

พูดแล้วศกเดินออกไปเลย ปิ่นปักถามว่าจะไปไหน เขาตอบไม่หันมองว่าไปอยู่ที่ที่สบายใจ ปิ่นปักร้องไห้โฮเข่าอ่อนจะทรุดลง แม่มายรีบมาประคอง เธอถามแม่มายทั้งน้ำตาว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมศกกลายเป็นคนแบบนี้”

“คุณศกคงกำลังหลงผู้หญิงคนนั้น คุณปิ่นอย่าเพิ่งคิดมากนะคะ ทำใจให้สบาย นึกถึงลูกเข้าไว้ค่ะ”

แม้จะพยายามคิดถึงลูก แต่ความเจ็บช้ำในนาทีนี้ ปิ่นปักไม่อาจหักห้ามใจได้ เธอร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น...

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น