วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 13


ในเวลาต่อมา โฉมเข้ามาในห้องของเขมิกาเพื่อค้นหาสร้อยพระที่หายไป อยู่ๆม่านในห้องก็ปลิวไสวทั้งที่ไม่ได้เปิดหน้าต่าง พลันวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า โฉมถึงกับผงะถามเสียงสั่นว่าเป็นใคร

“เป็นศัตรูของอีละอองคำ เป็นคนที่จะช่วยเจ้าและหลานของเจ้าอย่างใดเล่า จำไว้ถ้าอยากชนะมัน เจ้าต้องเชื่อข้า...เจ้าต้องเชื่อข้า” เสียงของเจ้านางปิ่นเมืองค่อยๆ เลือนหายพร้อมกับร่างของเธอเช่นกัน โฉมได้แต่ยืนตะลึงไม่กล้าขยับ...

ในที่สุดมนต์ทิพย์กับบุญสลักก็ปรับความเข้าใจกันได้ เธอยอมรับว่ามีไขว้เขวหลงเชื่อคำโกหกของเขมิกาไปบ้าง แต่ให้สัญญาต่อไปจะเชื่อใจเขา เพราะรู้ดีว่าเขมิกา

ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนแตกแยกกัน บุญสลักขอให้เธอรับปากไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสองคนจะไม่มีวันแยกจากกัน เธอพยักหน้ารับคำ อัปสรยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่งโล่งใจที่ทั้งคู่กลับมาหวานให้กันอีกครั้ง

“ผมจะรีบกลับไปพูดให้คุณแม่กับคุณอาพักตร์พริ้งเข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”

มนต์ทิพย์ยังหวั่นใจ เพราะท่านทั้งสองเชื่อเขมิกา

กว่าเชื่อเขา บุญสลักมั่นใจว่าพวกท่านมีเหตุผลพอ...

แม้จะดีใจที่เห็นมนต์ทิพย์กับบุญสลักคืนดีกัน แต่อัปสรรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ “ถ้าแม่ช่วยหลานก็ช่วยให้ตลอดนะคะ หนูหวังว่าแม่จะทำเพราะรักหลานเป็นห่วงหลาน ถ้าไม่ใช่ก็อย่ายุ่งกับทิพย์ ลูกสาวหนูอีกเลย”...

ฝ่ายแฟรงค์สารภาพว่าไม่ได้คิดจะพาเขมิกาไปกินข้าว แค่จะจับโกหกเธอเท่านั้น เพราะตั้งแต่เขาขับรถออกจากบ้านของเธอ ยังไม่เห็นโรงแรมม่านรูดที่ไหนสักแห่ง เธอตวาดเสียงดังกลบเกลื่อน เขาก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าบุญสลักพยายามปล้ำเธอที่หน้าบ้าน แฟรงค์หัวเราะหยัน

“แต่ที่ผมเห็นน่ะ คุณเป็นฝ่ายปล้ำเขามากกว่า แล้วถ้าเข้าโรงแรมกันมาแล้วก็คงไม่ยาก นี่เห็นเหมือนต่อสู้กัน บอกมาตามตรงดีกว่าเขม คุณทำลายความรักของบุญสลักกับทิพย์ทำไม” แฟรงค์ตวาดให้บ้าง

“คุณเป็นบ้าอะไรแฟรงค์”

“ผมก็อยากถามคุณเหมือนกันว่าคุณเป็นบ้าอะไร ถ้าอยากมีผัวจนตัวสั่นถึงขั้นวางแผนอุบาทว์แบบนี้ก็บอกผมสิ ผมช่วยคุณได้” ว่าแล้วเขากระชากเธอมาจูบ เขมิกาตบเขาฉาดใหญ่ แล้ววิ่งหนีไปขึ้นรถแท็กซี่ แล่นจากไปอย่างรวดเร็ว แฟรงค์ได้แต่มองตามสะใจ

ooooooo

แทนที่จะตรงกลับบ้าน เขมิกาแวะมาเรียกร้องความเห็นใจจากพวงครามและพักตร์พริ้งซึ่งเชียร์เธอให้บุญสลักอย่างออกนอกหน้า โดยเฉพาะพักตร์พริ้งถึงกับประกาศลั่นว่าจะไม่ยอมให้บุญสลักมาทำเล่นๆ กับเขมิกาเด็ดขาด พวงครามโพล่งขึ้นทันที

“พี่ชักจะงงแล้วล่ะค่ะคุณพักตร์ ตาบุญสลักยอมแตกหักกับเราเพื่อจะแต่งงานกับนังมนต์ทิพย์ให้ได้แล้วทำไมจู่ๆถึงมายุ่งกับหนูเขมได้ล่ะ คุณพักตร์ว่าไหมคะ หรือนังมนต์ทิพย์มันทำเสน่ห์ใส่ตาบุญสลัก”

“ต๊าย นังมนต์ทิพย์มันมีเชื้อสายปอบ มันต้องใช้วิธีนี้แน่ๆเลยค่ะคุณพี่ โอ๊ย แค่คิดก็สยองแล้วล่ะค่ะคุณพี่ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เราต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้ว” พักตร์พริ้งสบตากับพวงครามอย่างรู้กัน

เขมิกาแอบยิ้มสมใจที่ทั้งคู่เข้าข้างตนเอง แล้วขอตัวกลับก่อน เดี๋ยวคุณย่าจะเป็นห่วง นี่เธอร้อนใจก็เลยมารถแท็กซี่ พักตร์พริ้งอาสาจะขับรถไปส่ง จะได้ถือโอกาสนี้คุยกับคุณย่าของเธอด้วย...

คล้อยหลังไม่นาน บุญสลักมาหาแม่เพื่อจะคุยถึงเรื่องของเขมิกา กลับพบว่าท่านป่วยนอนซมอยู่บนเตียง เขาจะพาไปหาหมอท่านก็ไม่ยอมไป ขอแค่เขาอยู่เป็นเพื่อน หากท่านจะตายก็จะได้อยู่ดูใจกันทัน

“คุณแม่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” บุญสลักจับมือแม่ไว้อย่างปลอบใจ โดยไม่ล่วงรู้ว่านี่เป็นแค่แผนหลอกให้เขาอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องกลับไปอยู่กับมนต์ทิพย์...

เกษมไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นพักตร์พริ้งมากับ

เขมิกา รอจนลูกขอตัวไปหาคุณย่าจึงหันมาต่อว่าแขกไม่ได้รับเชิญว่าควรจะเลิกนิสัยเจ้ากี้เจ้าการสักที เพราะเป็นแบบนี้เขาถึงไม่แต่งงานด้วย พักตร์พริ้งโกรธต่อว่ากลับว่าจะพูดทำไมให้เธอเจ็บปวดใจอีก ในเมื่อไม่รักไม่ไยดีกันแล้วก็ทางใครทางมัน

“ก็ถูก ทางใครทางมันก็ไม่ควรยุ่งกันอีก ผมบอกตรงๆนะผมไม่อยากเห็นคุณวุ่นวายกับยัยเขม ถามจริงๆ เถอะ กำลังจะทำอะไร”

เธอเห็นบุญสลักกับเขมิการักกันก็เลยไม่อยากให้ทั้งคู่ผิดหวัง เกษมเตือนหากคิดจะทำอะไรก็ตาม ขอแค่อย่าให้เกิดเรื่องก็แล้วกัน...

พออัปสรรู้ว่าคืนนี้บุญสลักต้องอยู่ค้างคืนกับแม่ของเขา อดสงสารลูกสาวตัวเองไม่ได้ เพิ่งจะแต่งงานกันแท้ๆ ต้องถูกแยกจากกัน บอกให้ลูกอดทนไว้อย่าหวั่นไหว

“ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงทิพย์นะคะ ทิพย์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าแม่เขาไม่สบายจริง ทิพย์ก็เข้าใจได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้ ทิพย์ไม่มีวันยอม”...

พักตร์พริ้งขอให้โฉมเล่าเรื่องปอบที่เคยอาละวาดเมื่อสมัยท่านยังสาวๆ อยากรู้ว่ามีจริงหรือเปล่า ท่านตอบโดยไม่ต้องคิดว่ามีจริงและก็น่ากลัวมากด้วย เตือนเธออย่าไปคิดท้าทายเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ จังหวะนั้นเขมิกาเข้ามาสมทบ โฉมถึงกับตะลึงที่เห็นวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏร่างซ้อนบนตัวหลานสาว เขมิกาเห็นท่าทางแปลกๆของคุณย่าอดถามไม่ได้ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น

“ปละ...เปล่าไม่มีอะไร หล่อนกลับไปได้แล้วพักตร์พริ้ง ฉันคิดถึงหล่อนวันไหน ฉันจะโทร.ตามเอง”

โฉมรอจนพักตร์พริ้งลับสายตา จึงหันไปถาม

เขมิกาถึงสร้อยห้อยพระที่ให้ไว้ ตกลงหายไปจริงๆหรือ ตนเข้าไปหาในห้องของเธอก็ไม่เจอ เขมิกาเดาว่าน่าจะหายในวันที่บุญสลักกับเธอทะเลาะกันที่หน้าบ้าน โฉมเห็นวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองหายไปแล้วถึงกับถอนใจโล่งอก ถามหลานรักว่าช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายบ้างไหม เธอยืนยันว่าแข็งแรงดีไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ได้แต่งงานกับบุญสลัก เธออาจเป็นบ้าตายได้

ooooooo

แม่นมผ่องรอจังหวะที่บุญสลักอยู่เพียงลำพัง จะเข้าไปฟ้องเรื่องที่พวงครามป่วยการเมืองหวังแยกเขาให้อยู่ห่างจากมนต์ทิพย์ แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด พักตร์พริ้งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

“นมผ่อง...มีอะไรก็ไปทำ อาหลานเขาจะคุยกัน”

พักตร์พริ้งรอจนแม่นมผ่องไปแล้ว จึงหันมาโกหกบุญสลักว่าพวงครามเครียดจัดจนล้มป่วย ท่านอยากเห็นเขาแต่งงานกับผู้หญิงที่คู่ควร ถ้าเขายอมแต่งงานกับเขมิกาก็เท่ากับเขากตัญญูยืดอายุของแม่ตัวเองให้ยืนยาวออกไป บุญสลักท้วงจะทำแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อไม่ได้รักเขมิกา

“รักหรือไม่รักก็ไม่สำคัญเท่าความกตัญญูที่ลูกคนหนึ่งจะมีต่อแม่ อาก็บังคับใจหลานไม่ได้หรอก แต่อยากให้หลานเอากลับไปคิดให้ดีๆนะหลาน”...

ขณะที่มนต์ทิพย์นั่งเหม่อมองดวงจันทร์สวยบนฟ้า ครุ่นคิดเป็นกังวลเรื่องของบุญสลัก เขมิกาโทร.มายั่วประสาทเป็นทำนองว่าเธออยู่กับบุญสลักที่บ้านของพวงคราม มนต์ทิพย์ไม่ต้องเป็นห่วง เธอจะดูแลเขาอย่างดี ตลอดทั้งคืน แล้วหัวเราะร่วน ก่อนจะกระแทกสายใส่ มนต์ทิพย์โกรธมากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

เสร็จจากโทร.ยั่วประสาทมนต์ทิพย์ เขมิกาเข้าไปออดอ้อนให้โฉมช่วยให้ตัวเองสมหวังกับบุญสลัก ท่านเตือนว่าเขาแต่งงานแล้ว ตัดใจจากเขาไม่ดีกว่าหรือ เธอรักเขามากจะให้เปลี่ยนใจคงทำไม่ได้ ถ้าท่านไม่ช่วย เธอจะฆ่าตัวตาย โฉมขอคิดดูก่อนว่าจะทำอย่างไรดี เขมิกายิ้มหน้าบานที่ท่านรับปาก เข้ามากอดเอาใจ

“เขมรักคุณย่าจังเลยค่ะ รู้ไหมคะเมื่อครู่นี้นังมนต์ทิพย์มันโทร.มาเยาะเย้ยเขม บอกว่าเขมไม่มีวันชนะมันได้หรอก เขมเจ็บใจค่ะคุณย่า” เขมิกาบีบน้ำตา โฉมหลงเชื่อคำโป้ปด โกรธแค้นมนต์ทิพย์เป็นเท่าทวีคูณ...

ผีละอองคำอาศัยจังหวะที่มนต์ทิพย์จิตใจอ่อนแอเนื่องจากถูกแม่สามีกีดกันและกลั่นแกล้ง กล่อมให้เธอยอมรับเลี้ยงผีของท่าน แล้วท่านจะช่วยให้เธอสมหวังทุกอย่าง

“ไม่หรอกยาย ถ้าบุญสลักเขาไม่ได้รักทิพย์ด้วยหัวใจ การช่วยเหลือของยายก็ไม่มีความหมาย”

“อย่าดูถูกยาย...อย่าดูถูกผีของยาย แล้วเจ้าจะเสียใจมนต์ทิพย์” พูดจบผีละอองคำหายวับไป มนต์ทิพย์นึกกลัวขึ้นมา วิ่งไปเคาะประตูห้องแม่ อัปสรเห็นสีหน้าหวาดๆ ของลูกถามว่าหนีอะไรมา

“ยายค่ะยาย แม่ขา ขอทิพย์นอนกับแม่คืนนึงนะคะ”...

ดึกมากแล้ว แต่โฉมยังนอนไม่หลับครุ่นคิดเคืองแค้นถึงเรื่องที่หลานรักฟ้องว่ามนต์ทิพย์โทร.มาเย้ยหยันว่าเธอไม่มีวันชนะตนเองได้ พลันวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น โฉมตกใจลุกพรวด ถามว่าเข้ามาได้อย่างไร

“ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้ ข้าทำลายพิธีแต่งงานหลานอีละอองคำข้าก็ยังทำมาแล้ว ให้ข้าช่วยไหมล่ะ ศัตรูของเจ้ากับของข้าเป็นคนเดียวกัน”

“ท่านช่วยฉันทำไม”

“ไม่ต้องถาม เพียงแค่เจ้ากับหลานสาวยอมรับข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าได้ จำไว้นะ ไม่ต้องให้มันคล้องพระ ข้าจะได้ช่วยมันได้เต็มที่” สั่งเสร็จเจ้านางปิ่นเมืองเลือนหายไป ทิ้งให้โฉมหน้าตาตื่นอยู่ตรงนั้น

ooooooo

มนต์ทิพย์ทำเมินใส่เมื่อเจอหน้าบุญสลักที่มารอรับจะพาไปส่งที่ทำงาน เขาเข้ามาโอบกอดงอนง้อ ขอร้องอย่าโกรธ เธอก็รู้ว่าแม่ของเขาป่วย เขาถึงต้องนอนค้างที่นั่นไม่ได้ไปเหลวไหลที่ไหนสักหน่อย มนต์-ทิพย์ดันตัวออกห่าง บอกว่าเขมิกาโทร.มารายงานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตกลงเขมิกาดูแลเขาดีเท่าเธอไหม

“ไปกันใหญ่แล้วทิพย์”

“ทิพย์ว่าเขมิกาไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่ ไหนจะมีแม่กับอาคุณคอยสนับสนุนอีก บอกไว้ก่อนนะคะ ทิพย์ไม่ยอมแน่ๆ ถ้าจะมีผู้หญิงอื่นมาวุ่นวายกับสามีของทิพย์”

บุญสลักดึงมนต์ทิพย์มากอดอย่างรักใคร่ ก่อนจะชวนให้ไปกันได้แล้ว เขาจะไปส่งเธอที่ทำงานแล้วตอนกลางวันจะไปรับกินข้าวเที่ยงด้วยกัน เธอยิ้มให้แทนคำตอบตกลง...

เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่บุญสลักวางแผนไว้ พอใกล้เวลานัดกับมนต์ทิพย์ เกษมโทร.มาตามให้ไปพบที่บ้าน อ้างว่ามีเรื่องด่วนจะปรึกษา แล้ววางสายโดยไม่สนใจจะฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธของอีกฝ่าย

ธุระด่วนที่เกษมว่าก็คือต้องการให้บุญสลักรับผิดชอบที่ข่มขืนลูกสาวของตน เขาปฏิเสธหนักแน่นต่อหน้าเกษมและโฉมว่าไม่เคยล่วงเกินอะไรเขมิกา จะให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้

“เธอกล้าปฏิเสธได้อย่างไรบุญสลัก เขมิกาไม่หน้าด้านกุเรื่องน่าอายแบบนี้ขึ้นมาแน่ๆ ยังไงย่าก็ไม่ยอม”

ไม่ว่าโฉม เกษมและเขมิกาจะพูดอย่างไร บุญสลักยืนกรานไม่แต่งงานกับเขมิกาเด็ดขาด เพราะเขามีภรรยาแล้ว และที่สำคัญไม่เคยคิดอะไรกับเธอเกินกว่าคำว่าเพื่อน แล้วผลุนผลันออกไป เขมิการ้องกรี๊ดๆขยับจะตาม เกษมต้องรั้งตัวไว้ เธอสะบัดมือพ่อออกแล้ววิ่งตามบุญสลักจนทัน ตวาดเสียงเขียวให้เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป

“ผมจะรับผิดชอบได้อย่างไร ผมไม่ได้ทำอะไรคุณ” พูดจบบุญสลักขึ้นรถขับออกไป ทันทีที่รถพ้นบ้านเขมิกา เขารีบโทร.ไปหามนต์ทิพย์ที่ออฟฟิศแต่เธอไม่อยู่ แฟรงค์เป็นคนรับสายบอกว่าเธอลาครึ่งวัน เขารีบวางสายแล้วโทร.เข้ามือถือของเธอ สายว่างแต่ไม่มีคนรับ

ooooooo

มนต์ทิพย์เหมือนต้องมนต์สะกดให้มาที่เรือนปั้นหยา กว่าเธอจะรู้ตัวก็พบว่าตัวเองถูกพลังลึกลับบาง อย่างดึงเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้สภาพสวยงามเหมือนตอนเจ้าของบ้านยังมีชีวิต ผีละอองคำซึ่งหน้าสะสวยนั่งรอท่าอยู่ที่โซฟา ยื่นข้อเสนอให้เธอยอมรับเลี้ยงผีของตน แล้วจะได้ทุกอย่างดั่งใจปรารถนา

“มาให้ยายกอดหน่อยซิ มาสิ”

มนต์ทิพย์ส่ายหน้าพลางถอยหนี พลันประตูบ้านเปิดผลัวะ ร่างของเธอถูกเหวี่ยงออกไปกองกับพื้นสนาม เธอตั้งสติได้วิ่งหนี ภายในเรือนปั้นหยาบัดนี้กลายเป็นบ้านเก่าโทรม เช่นเดียวกับผีละอองคำที่กลายร่างเป็นหญิงแก่หน้าตาน่าเกลียด กายทิพย์ของแม่ชีรุ้งแก้วปรากฏตัวขึ้น เกลี้ยกล่อมให้ผีละอองคำล้มเลิกความคิดที่จะเอาใครมาเป็นทายาทปอบ หากเธอต้องการจะให้พ้นจากอำนาจผีเจ้าก็ให้หมั่นปฏิบัติธรรม ถ้ามีบารมีสูง ผีเจ้าก็ทำอะไรเธอไม่ได้ จากนั้นก็เลือนหายไป ผีละอองคำไม่พอใจตะโกนไล่หลัง

“อีรุ้งแก้ว อย่ายุ่งกับเรื่องของข้า”

ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้น กระชากผมผีละอองคำหน้าหงาย เตือนว่าหากยังชักช้าไม่จัดการให้อัปสรหรือมนต์ทิพย์รับเป็นทายาท เธอก็จะต้องอยู่กับความทุกข์ทรมานต่อไปไม่มีวันจบสิ้น...

มนต์ทิพย์กลับถึงบ้านเจอบุญสลักรออยู่แล้ว เขาดึงเธอมากอดพร้อมกับขอโทษที่ผิดนัด คุณเกษมเรียกตัวเขาไปพบอย่างเร่งด่วน เขาก็เลยปฏิเสธไม่ได้ แล้วถามว่าหายไปไหนมา เขาตามหาทุกที่ที่เธอชอบไป ก็ไม่เจอ ยกเว้นที่เรือนปั้นหยาแห่งเดียวเท่านั้น เธอยอมรับว่าไปที่นั่น อัปสรได้ยินถึงกับซวนเซทำของในมือหล่น

“แม่...แม่เป็นอะไรคะ ท่าทางเหมือนเป็นลม ปีบๆๆ เอายาดมให้ที”

“พาคุณน้าไปพักผ่อนบนห้องดีกว่าครับ ผมช่วย” บุญสลักช่วยมนต์ทิพย์ประคองอัปสรขึ้นบันได...

ขณะที่พวงครามรอลูกชายกลับมากินข้าวพร้อมหน้า พักตร์พริ้งเดินยิ้มร่าเข้ามาบอกว่าเพิ่งวางสายจากเขมิกาซึ่งโทร.มาแจ้งว่าเกษมยื่นคำขาดให้บุญสลักแต่งงานกับเธอเร็วที่สุด พรุ่งนี้เขานัดเราให้พาบุญสลักไปเจรจาสู่ขอเขมิกาอย่างเป็นทางการ พวงครามถึงกับฉีกยิ้ม

“โอย ดิฉันไม่คิดเลยว่าบทเวลามันจะง่ายมันก็ง่ายดายเหลือเกิน ว่าแต่บุญสลักจะยอมไปหรือเปล่า”

พักตร์พริ้งอาสาจะจัดการเรื่องนี้เอง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.บอกบุญสลักว่าพวงครามอาการทรุดหนัก แม้มนต์ทิพย์จะรู้แก่ใจดีว่าท่านป่วยการเมือง แต่ก็ไม่อยากทำให้สามีซึ่งเป็นคนกลางไม่สบายใจ จึงบอกให้เขาไปดูแม่ของเขา ส่วนเธอจะดูแลแม่ของเธอเช่นกัน...

พวงครามกับพักตร์พริ้งล่อหลอกจนบุญสลักตกปากรับคำยอมไปพบเกษมที่บ้านด้วยกันในวันรุ่งขึ้น

ooooooo

ณ ห้องรับแขกบ้านของเกษม บุญสลักอดแปลกใจไม่ได้ทำไมเขมิกาถึงไม่มาร่วมเจรจาด้วย ในเมื่อเป็นฝ่ายกล่าวหาว่าเขาล่วงเกิน โฉมทำทีไม่พอใจอ้างว่าเขมิกาเป็นผู้หญิงมียางอายจะให้นั่งฟังเรื่องนี้ได้อย่างไร

“ไม่ควรค่ะคุณแม่ พักตร์เป็นผู้หญิง พักตร์ทราบค่ะว่าเรื่องแบบนี้มันน่าอายแค่ไหน” พักตร์พริ้งรีบเออออไปด้วย ทำให้บุญสลักเครียดมากขึ้น...

เขมิกาไม่ได้หน้ามียางอายอย่างที่โฉมอ้าง ที่เธอไม่ร่วมวงเจรจาด้วยเพราะต้องการโทร.ไปเยาะเย้ยมนต์–ทิพย์ว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ฝ่ายบุญสลักกำลังเจรจาสู่ขอเธอ อีกไม่นานเราสองคนก็คงจะจัดงานแต่งงานกัน มนต์ทิพย์อย่าลืมมาร่วมงานด้วย เธอทนฟังไม่ไหวตัดสายทันที เขมิกาหัวเราะสะใจ

“แกไม่มีวันชนะฉันได้หรอกนังทิพย์”...

ทั้งเกษมและโฉมพร้อมด้วยพักตร์พริ้งกับพวงคราม พยายามบีบให้บุญสลักแต่งงานกับเขมิกาให้ได้ แต่เขายืนกรานว่าไม่เคยล่วงเกินอะไรเธอ จะให้รับผิดชอบได้อย่างไรและที่สำคัญเขาแต่งงานแล้ว ถ้าแม่จะสู่ขอเขมิกาเป็นสะใภ้คงต้องหาคนอื่นมาแต่งงานกับเธอ เกษมโวยลั่น ถ้าไม่คิดจะรับผิดชอบลูกสาวของเขาก็ไสหัวไปจากที่นี่ แล้วลุกออกไปอย่างโกรธจัด โฉมลุกตาม ขณะที่พวงครามลมแทบจับ บุญสลักต้องช่วยประคอง

พักตร์พริ้งรีบตามไปขอร้องเกษมอภัยให้หลานชายของเธอด้วย เขาไม่อยากฟังคำแก้ตัว คนอย่างเขา ถ้าตัดสินใจอะไรไปแล้ว ก็จะยึดมั่นในการตัดสินใจนั้น เชิญเธอพาหลานชายกลับไปได้แล้ว

ooooooo

การปฏิเสธการแต่งงานกับเขมิกาของบุญสลักครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเองและต่อมนต์ทิพย์ด้วย เขาถูกเกษมสั่งยกเลิกโครงการที่เขาเป็นวิศวกรควบคุมงาน ส่วนแฟรงค์ถูกเขมิกาบีบให้ไล่มนต์ทิพย์ออกจากงาน เขาไม่มีทางเลือกเพราะเกษมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทของเขา
อัปสรรู้ข่าวนี้พลอยเครียดไปกับลูกสาวและลูกเขย พยายามจะนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบ แต่ทำไม่ได้ ผีละอองคำอาศัยจังหวะที่เธอจิตไม่นิ่ง สอดแทรกเข้าไปปรากฏตัวในนิมิตของเธอ

“แม่...ปล่อยหนูกับลูกไปเถอะค่ะ แล้วหนูจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แม่จะได้ไปผุดไปเกิดสักที”

ผีละอองคำไม่ต้องการเศษบุญของเธอ มีเพียงมนต์ทิพย์คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ตนหลุดพ้น แล้วหายตัววับไป อัปสรพยายามทำจิตให้สงบอีกครั้งกลับถูกวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองเข้ามาป่วนจนสมาธิแตกซ่าน โชคดีที่กายทิพย์ของแม่ชีรุ้งแก้วมาช่วยดึงสมาธิของเธอเอาไว้ เตือนว่าตอนนี้ไม่ได้มีแต่ผีละอองคำเท่านั้นที่เป็นมารผจญ อัปสรกับมนต์ทิพย์ยังมีวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรของละอองคำมาตั้งแต่ครั้งอยู่เมืองนาย คอยตามอาฆาตอีกด้วย อัปสรจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“หลานต้องปฏิบัติธรรมเพื่อช่วยเหลือเจ้าพี่ละอองคำกับมนต์ทิพย์ รวมถึงเจ้าพี่ปิ่นเมืองด้วย อย่าลืมนะอัปสร” กำชับเสร็จ กายทิพย์ของแม่ชีรุ้งแก้วค่อยๆเลือนหายไป...

อัปสรทำตามที่แม่ชีรุ้งแก้วแนะนำ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าออกเดินทางไปปฏิบัติธรรม โดยไม่ลืมกำชับมนต์ทิพย์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับคุณยายละอองคำเด็ดขาด ท่านไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้คุณยายพ้นทุกข์และจะได้ไปสู่สุคติ มนต์ทิพย์อยากรู้ว่าแม่จะไปปฏิบัติธรรมที่ไหน เผื่อจะไปเยี่ยม

“แม่บอกอะไรไม่ได้ ขอให้แม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เถิดนะ เสร็จแล้วแม่จะรีบกลับมา แม่ไปก่อนนะ”

จากนั้นไม่นาน อัปสรมาถึงวัดป่าที่แม่ชีรุ้งแก้วถือบวชอยู่ ท่านดีใจมากที่เธอตัดสินใจมาปฏิบัติธรรมเพื่อช่วยผีละอองคำให้หลุดพ้นจากอำนาจของผีเจ้า...

ดูเหมือนเทพีแห่งโชคจะไม่เข้าข้างมนต์ทิพย์กับบุญสลัก โครงการก่อสร้างตึกศูนย์การค้าที่บุญสลักเป็นวิศวกรควบคุมเกิดพังทลายลง มีผู้เสียชีวิตนับสิบราย ตำรวจตามมาจับตัวเขาถึงบ้าน

พวงครามรู้ข่าวบุญสลักถูกตำรวจจับถึงกับร้องไห้โฮ คร่ำครวญกับพักตร์พริ้งจะช่วยเหลือเขาอย่างไร แม่นมผ่องต้องปลอบให้เธอใจเย็นๆก่อน มันต้องมีทางช่วยเหลือเขาได้

“คนตายตั้งหลายคน คราวนี้คงได้ติดคุกหัวโต ตาบุญสลักต้องซวยซ้ำซวยซ้อนก็เพราะมีเมียกาลกิณี อย่างอีนังมนต์ทิพย์นี่แหละ” พักตร์พริ้งเข่นเขี้ยวแค้นใจ...

ด้านมนต์ทิพย์ตามมาเยี่ยมบุญสลักถึงห้องขัง กอดเขาผ่านลูกกรงร้องไห้เป็นเผาเต่า ไม่เข้าใจว่าเราสองคนทำกรรมอะไรไว้หนักหนา ถึงต้องเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ บุญสลักโทษตัวเองที่บกพร่องในหน้าที่ แล้วบอกให้เมียรักเข้มแข็งเข้าไว้ อยู่เป็นกำลังใจให้เขาด้วย เธอสัญญาจะอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

จังหวะนั้น พักตร์พริ้งกับพวงครามมาเยี่ยมบุญสลักเช่นกัน เบียดจนมนต์ทิพย์กระเด็นไปอีกทางหนึ่ง ปีบต้องเข้ามาประคองเธอไว้ พักตร์พริ้งไม่วายต่อว่ามนต์ทิพย์ว่าทำไมปล่อยให้บุญสลักอยู่ในห้องขัง น่าจะรีบเดินเรื่องประกันตัวออกมา บุญสลักอธิบายว่าทางตำรวจยังไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้น

“โถลูกแม่ หัวใจแม่จะขาดเสียให้ได้” พวงครามลูบหน้าลูบหลังลูกน้ำตาไหลพราก
พักตร์พริ้งเป็นห่วง หากต้องขึ้นโรงขึ้นศาลไม่รู้ต้องเสียเงินทองมากมายแค่ไหน มนต์ทิพย์ไม่เกี่ยง ไม่ว่าจะต้องเสียเงินเท่าไหร่ เธอก็จะหามาช่วยเขาให้ได้ เธอรักเขาจะให้ตายแทนก็ยอม บุญสลักมองเธอด้วยความซาบซึ้งใจ ขณะที่พักตร์พริ้งอดหมั่นไส้ไม่ได้...

ฝ่ายเขมิกาพยายามอ้อนวอนขอร้องให้พ่อช่วยไปประกันตัวบุญสลัก แต่ท่านไม่ยอมทำตามที่ลูกขอร้อง แถมจะปล่อยให้เขาติดคุกหัวโตอีกต่างหาก เธอถึงกับปล่อยโฮ...

ดึกคืนเดียวกัน ผีละอองคำสบช่องเห็นว่ามนต์ทิพย์อับจนหนทางจะช่วยเหลือบุญสลัก จึงมาปรากฏตัวในความฝันของเธอ เสนอให้เธอรับเลี้ยงผีเจ้าแลกกับอิสรภาพของสามี แล้วใช้อิทธิฤทธิ์พาเธอไปที่เรือนปั้นหยาเพื่อให้รับกรวยดอกไม้ แต่กายทิพย์ของอัปสรกับของแม่ชีรุ้งแก้วมาขัดขวางไว้เสียก่อน สั่งไม่ให้เชื่อผีละอองคำเด็ดขาด ผีร้ายโมโหพุ่งเข้าใส่มนต์ทิพย์ แต่ถูกกายทิพย์ของอัปสรกับแม่ชีรุ้งแก้วขวางไว้

เกิดแรงปะทะของฝ่ายดีและฝ่ายชั่วเสียงดังสนั่น ผีละอองคำถูกกระแทกกระเด็น มนต์ทิพย์ร้องลั่นว่าไม่ ก่อนจะสะดุ้งตื่น มองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป อดคิดไม่ได้ว่าตึกถล่มครั้งนี้ อาจเป็นฝีมือคุณยายก็ได้

ooooooo

เขมิกาอ้อนให้พ่อช่วยบุญสลักไม่สำเร็จ จึงเบนเข็มไปขอให้คุณย่าตัวเองช่วยเขาด้วย โฉมแนะให้รอให้ถึงที่สุดก่อน ช่วยเขาตอนนี้ เขาจะเห็นน้ำใจที่เธอมีต่อเขาหรือ

“เชื่อย่าสิ คดีร้ายแรงแบบนี้ ไม่มีปัญญาหาเงินมาประกันตัวหรอก”

“แต่แม่ของบุญสลักเขาก็มีเงินอยู่นะคะ”

“ถ้าเขามีปัญญาก็ปล่อยเขาไปสิ ให้เขาจัดการเอง แต่ถ้าไม่มีปัญญาก็บากหน้ามาหาเราเองแหละ ถึงตอนนั้น เขมจะเรียกร้องยังไงก็ได้” คำพูดของโฉมทำให้เขมิกาคล้อยตาม...

ด้วยความช่วยเหลือจากแฟรงค์ทำให้ตำรวจได้หลักฐานใหม่ว่าตึกที่ถล่มลงมา เป็นความบกพร่องของวิศวกรคนเก่าไม่เกี่ยวกับบุญสลัก ตำรวจจึงอนุญาตให้ประกันตัวได้ มนต์ทิพย์ดีใจมาก รีบกลับไปเอาโฉนดที่ดินมาประกันตัวเขา...

เขมิกาหอบเอกสารเพื่อจะมาประกันตัวบุญสลัก แต่ต้องผิดหวังกลับไปเพราะมนต์ทิพย์ประกันตัวเขาออกไปก่อน พวงครามชวนพักตร์พริ้งหอบโฉนดที่ดินจะมาประกันตัวบุญสลักเช่นกัน แต่เห็นเขาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก็โผกอดด้วยความดีใจ จากนี้ไปคงหมดทุกข์หมดโศกสักที พักตร์พริ้งท้วงว่าไม่หมดง่ายๆ เพราะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ยังไม่รู้ พวงครามชวนลูกกลับบ้านจะได้หาทางสู้คดีนี้ด้วยกัน เสียเงินเสียทองมากแค่ไหน ตนยอมทั้งนั้น ขอแค่ลูกปลอดภัยก็พอ

“ผมแต่งงานแล้วนะครับ ผมต้องรับผิดชอบทิพย์ ผมจะหาเงินมาสู้คดีเองครับ”

พักตร์พริ้งหาว่าเขาอวดดี ขอให้ทำได้ตามที่พูดก็แล้วกัน บุญสลักขอตัวกลับก่อน ตอนนี้มนต์ทิพย์ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน เขาสัญญาจะกลับไปเยี่ยมแม่บ่อยๆ...

เขมิกากลับถึงบ้านด้วยความหงุดหงิด บ่นกับโฉมว่าถูกมนต์ทิพย์ประกันตัวบุญสลักตัดหน้าไปก่อนแล้ว

“คราวนี้เขมกับบุญสลักก็คงห่างกัน นังทิพย์มันคงหัวเราะเยาะเขมที่มันเอาชนะเขมได้”

“คุณพ่อของเขมแค่ยกเลิกโครงการ แต่ไม่ได้ไล่ออกสักหน่อย ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกตั้งมากมายให้บุญสลักบริหาร” คำพูดของโฉมทำให้เขมิกายิ้มออก

ooooooo

เขมิกายังไม่ยอมรามือ ตามมาป่วนมนต์ทิพย์ถึงบ้าน ในเมื่อเธอคุยนักคุยหนาว่ารักบุญสลักมาก ก็ควรจะเลิกเป็นตัวถ่วงชีวิตของเขาได้แล้ว

“ฉันช่วยให้บุญสลักหลุดคดีได้ ช่วยให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าและมั่นคงได้ ในขณะที่เธอไม่มีปัญญา คิดดูให้ดีๆนะมนต์ทิพย์ ถ้าเธอรักบุญสลักจริง ก็อย่าฉุดให้เขาต้องจมปลักอยู่กับเธอต่อไปอีกเลย”

“หุบปากแล้วก็กลับไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ” มนต์ทิพย์เสียงเขียว แต่พอเขมิกาไปพ้นสายตา ท่าทีแข็งกร้าวเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมอง ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง...

ในเมื่อแผนแกล้งป่วยใช้ไม่ได้ผล พวงครามจึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่ ทำทีว่าถูกผีเข้า แล้วให้พักตร์พริ้งโทร.ตามบุญสลักมาช่วย ขณะที่ลูกชายสุดสวาทกำลังถามไถ่ถึงอาการของแม่ เขมิกาก็โทร.ไปเย้ยมนต์ทิพย์ว่าคืนนี้คงต้องนอนคนเดียวเพราะบุญสลักต้องอยู่เฝ้าพวงครามกับตน

“แล้วเธอมาเกี่ยวอะไรด้วยฮึ เขมิกา”

พักตร์พริ้งเห็นเขมิกาอึกอัก คว้าโทรศัพท์มาพูดเองว่าเขมิกาเป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านนี้จะเข้านอกออกในเวลาไหนก็ได้ แล้วบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงบุญสลัก เพราะเขมิกาจะดูแลให้อย่างดี

“ส่วนหล่อนก็เตรียมตัวเป็นหม้ายผัวทิ้งได้เลยนังสะใภ้เถื่อน” ด่าเสร็จพักตร์พริ้งกระแทกหูใส่ มนต์ทิพย์ ฉุนขาดจะบุกไปที่บ้านพวงครามให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย แล้วโทร.ตามแฟรงค์ให้ขับรถไปส่ง

เมื่อมาถึงบ้านพวงคราม มนต์ทิพย์วิ่งหน้าตั้งจะไปหาบุญสลักที่ห้อง ขึ้นบันไดไปได้แค่ครึ่งทางก็ถูกพวงครามกับพักตร์พริ้งและเขมิกาขวางไว้แถมยังด่าว่าต่างๆนานา เธอไม่ยอมถูกด่าข้างเดียวด่ากลับให้บ้าง พักตร์พริ้งโกรธจัดปรี่เข้าไปกระชากผม มนต์ทิพย์เบี่ยงตัวหลบแต่เหยียบพลาดกลิ้งตกบันไดหัวกระแทก

แฟรงค์กับแม่นมผ่องที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอดได้แต่ยืนตะลึง ส่วนพักตร์พริ้งเองก็เสียหลักจะหงายหลัง คว้าพวงครามที่ไม่ทันระวังตัว ทำให้เธอร่วงตกบันไดลงมาทับมนต์ทิพย์พอดี บุญสลักได้ยินเสียงเอะอะออกมาเห็นแม่กับเมียกองอยู่ที่พื้น รีบเข้าไปประคองแม่ที่นอนร้องโอดโอย

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ”

“นังมนต์ทิพย์มันจะฆ่าคุณพี่ ตาบุญสลัก เมียแกจะฆ่าแม่แก ตาบุญสลัก” พักตร์พริ้งได้ทีโยนความผิด ให้มนต์ทิพย์ เขมิกาช่วยใส่ความอีกแรงหนึ่ง บุญสลักหลงเชื่อคำโป้ปด ต่อว่ามนต์ทิพย์

“ป่าเถื่อนที่สุด คุณทำกับแม่ผมได้อย่างไร ทิพย์” ว่าแล้วเขาช่วยกันกับแฟรงค์ประคองพวงครามไปส่งโรงพยาบาลโดยไม่สนใจมนต์ทิพย์ที่หัวแตกเลือดอาบ สักพัก มนต์ทิพย์ในสภาพหัวยุ่งเหยิงเดินออกมาหน้าบ้าน พักตร์พริ้งกับเขมิกาหันมาเห็นช่วยกันไล่ตะเพิด

“ฉันจะจำไว้ว่าพวกคุณทำอะไรกับฉันบ้าง” มนต์ทิพย์ผละจากมาด้วยความโกรธแค้น พักตร์พริ้งกระซิบกับเขมิกาว่าลูกน้องของเกษมที่ตนขอไว้ พร้อมแล้วใช่ไหม เธอพยักหน้าแทนคำตอบ

“เรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ จะได้ไม่มีใครสงสัย” พักตร์พริ้งว่าแล้ว จูงมือเขมิกาไปขึ้นรถ...

มนต์ทิพย์เดินร้องไห้เสียใจมาตามทางจนถึงถนนที่ทั้งมืดและเปลี่ยว พวกลูกน้องของเกษมที่เขมิกาเตี๊ยมเอาไว้กรูกันออกมาฉุดเธอเข้าป่าหญ้ารกชัฏข้างทาง มนต์ทิพย์ทั้งดิ้นทั้งถีบ แต่สู้แรงชายโฉดสามคนไม่ได้ ก่อนที่เธอจะเสียทีให้คนชั่ว ผีละอองคำมาช่วยไว้ทัน จัดการควักไส้พวกนั้นออกมากินอย่างโหดเหี้ยม

ooooooo

ระหว่างรอฟังอาการของแม่อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แฟรงค์ตำหนิบุญสลักว่าไม่ควรด่วนไปต่อว่ามนต์-ทิพย์แบบนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ แล้วก็ไม่ใช่เธอที่ทำให้แม่ของเขาตกบันได พักตร์พริ้งต่างหากที่เป็นคนทำ

“จริงค่ะ แต่คุณหนูอย่าบอกไปนะคะว่านมพูด นมกลัวค่ะ”

“ไอ้ทิพย์คงเสียใจมากที่แกเข้าใจมันผิด”

บุญสลักซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง เสียใจที่ทำร้ายจิตใจมนต์ทิพย์ จังหวะนั้นหมอเจ้าของไข้ออกมาแจ้งว่าอาการของพวงครามไม่หนักหนาสาหัสอะไร พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หาย บุญสลักนึกถึงภาพมนต์ทิพย์ที่หัวแตกเลือดไหลเปรอะหน้าก็ยิ่งเสียใจหนัก เพราะดูท่าแล้วเธอเจ็บมากกว่าแม่ของเขา...

ในเวลาต่อมาที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย พวงครามนอนร้องโอดโอยเหมือนเจ็บหนักตลอดเวลา พลางถามแม่นมผ่องกับพักตร์พริ้งว่าตนจะตายไหม แม่นมผ่องปลอบว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ให้ถือว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน

“ทำไมฟาดแรงนักล่ะฮึนมผ่อง ขาฉันหักเชียวนะ”

“หักที่ไหนกันคะ กล้ามเนื้อฉีกนิดเดียว พักไม่กี่วันก็หายแล้วล่ะค่ะ”

พักตร์พริ้งโทษว่าเป็นเพราะมนต์ทิพย์คนเดียวที่ทำให้พวงครามต้องเป็นแบบนี้ แม่นมผ่องต้องขอร้องเธออย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ ให้พวงครามได้พักสมองบ้าง เธอค้อนแม่นมผ่องหนึ่งวงแล้วพาลค้อนบุญสลักที่กำลังโทรศัพท์อยู่ที่อีกมุมหนึ่งของห้องพักฟื้น

“ว่าไงนะพี่ปีบ!”

“ก็คุณเขมิกาโทร.มายั่ว บอกว่าคุณจะแต่งงานใหม่จะไม่กลับมาที่นี่อีก คุณทิพย์โกรธมากจะไปคุยกับคุณให้รู้เรื่อง แล้วนี่คุณยังไม่เจอกันอีกหรือคะ แล้วคุณทิพย์หายไปไหนล่ะคะเนี่ย ดึกดื่นป่านนี้”

บุญสลักใจคอไม่ดีเป็นห่วงเมียรัก โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้เธอหายตัวไป

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น