วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลิงตะวัน ตอนที่ 2


หญิงสาวปริศนาถูกนำตัวออกจากห้องไอซียูมาอยู่ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย นวลกับธงไทยแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเธอซึ่งอยู่ในอาการโคม่าเมื่อวานดูดีขึ้นอย่างกับคนละคน เพียงแต่ยังมีร่องรอยบาดแผลทั่วใบหน้า อีกทั้งยังมีผ้าพันแผลรอบศีรษะและรอบตัว หมอหัวเราะอย่างเขินๆ

“เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอนี่แหละครับ หมอหน้าแตกเลยนะครับเนี่ย”

“แล้วเธอจะหายดีเมื่อไหร่ครับ”

“นี่แหละครับที่หมอกังวล จากสภาพร่างกาย หมอคิดว่าใช้เวลาไม่นานเธอจะฟื้นตัวได้ดี คนไข้น่าจะเป็นนักกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นกิจวัตรหรือเปล่าครับ”

ธงไทยไม่รู้จะตอบอย่างไรดีได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ นวลรีบช่วยแก้ไขสถานการณ์ว่าเธอไม่ใช่นักกีฬาแต่ชอบเต้นลีลาศก็เลยทำให้แข็งแรง หมอเป็นห่วงอาการทางสมองของเธอเพราะถูกทำลายไปมาก หากจะให้กลับมาเป็นปกติคงต้องใช้ปาฏิหาริย์ช่วย ธงไทยมองหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติด้วยความเวทนาสงสาร

“อ้อ นี่ครับ บัตรประชาชนของเธอ คุณพยาบาลฝากมาคืน หมอดีใจนะครับที่เราไม่ต้องใช้มันแล้ว” หมอยื่นบัตรคืนให้ธงไทย นวลมองลูกชายอย่างตำหนิที่ดึงเอาวิวมาเกี่ยวข้องจนเกือบจะเดือดร้อนไปด้วย...

ขณะที่หญิงสาวปริศนารอดจากอาการโคม่ามาได้ราวกับมีปาฏิหาริย์ นันทวัฒน์แวะมาตามหาภรรยาที่บ้านของทรงพล เปลวเคยบอกเขาหลายครั้งแล้ว

ไม่ใช่หรือว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าไม่เชื่อใจกันจะค้นดูก็ได้ เขารีบออกตัวไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่นึกไม่ออกว่าเธอจะไปที่ไหนได้

เปลวเห็นสีหน้าเศร้าของเขาแล้วรู้สึกเห็นใจ รับปากว่าหากปรางค์ทองกลับมาจะรีบบอกให้รู้ เขายังไม่ทัน

ขยับจะไป ทรงพลนั่งรถเข็นเข้ามาโวยวายเสียก่อน “เป็นผัวเมียประสาอะไร เมียหายไปไหนยังไม่รู้ ไม่รู้ว่าฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่ยกลูกสาวให้ไปแต่งงานกับคุณ”

“ผมขอโทษครับ”

“เอาเป็นว่าถ้าเธอกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะรีบโทร.ไปบอกแล้วกันนะ วันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง” เปลวรีบตัดบท แล้วเดินนำนันทวัฒน์ออกไป เนื่องด้วยไม่อยากให้เขามีปัญหากับทรงพล...

นันทวัฒน์ทำท่าจะก้าวขึ้นรถ แต่แล้วเปลี่ยนใจหันมาถามเปลวว่าปรางค์ทองไม่ได้มาที่นี่จริงๆหรือ เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ อยากรู้เหมือนกันว่าลูกหายไปไหน มีเรื่องอะไรกันหรือ ปรางค์ทองถึงได้หนีไปแบบนี้

“ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละครับเพียงแต่คราวนี้เธอพูดจาลามปามแม่ผมมากไปหน่อย ผมเลย...”

“ฉันเข้าใจค่ะ ถ้ามีโอกาสฉันจะอบรมลูกฉันเอง”

“ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับ” นันทวัฒน์มองขึ้นไปบนบ้านเห็นทรงพลในรถเข็นจ้องมองมาที่ตนเองเขม็ง เปลวมองตามสายตาของเขาเห็นทรงพลแล้วไม่สบายใจบอกให้เขารีบไป ได้เรื่องอย่างไรแล้วจะส่งข่าวให้รู้ เธอรอจนเขาลับสายตา แล้วจะเดินเข้าบ้าน แต่หยุดสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เตรียมตัวรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ooooooo

เป็นไปตามที่เปลวหวั่นใจ ทรงพลโกรธที่เธอปกป้องนันทวัฒน์ลืมตัวลงไม้ลงมือจนเธอล้มคว่ำ แต่พอเห็นเลือดกำเดาเธอไหล ก็รู้สึกผิดจับแขนเธอไว้

“เปลว เจ็บไหม ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บนะ เปลว...ฉันขอโทษ...เปลวอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันไม่มีใครแล้วนะเปลว ฉันขอโทษ” ทรงพลกอดแขนเปลวแน่นจนเธอใจอ่อน

“ฉันไม่ไปไหนหรอกค่ะท่าน” เปลวนั่งลงข้างๆ

รถเข็น ซบหัวลงกับเข่าทรงพล...

เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับลูก นวลตำหนิเขาที่เอาบัตรประชาชนของวิวมาใช้ ธงไทยกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร เธอยินยอมพร้อมใจให้ใช้ได้

“ไทย เราจะเอาอย่างไรกับหนูวิวกันแน่ จะยังไงก็ให้มันชัดเจนไปเลยนะ ทำแบบนี้ผู้หญิงเขาจะเสียหาย”

“คุณแม่ครับแล้ววิวเขาจะเต็มใจหรือเปล่า ชาวไร่กับดีไซเนอร์เนี่ยนะครับ”

นวลไม่คิดแบบนั้น เพราะถ้าวิวรังเกียจ คงตะเพิดเขาไปนานแล้ว แต่นี่เธอดีกับเขาทุกอย่าง เตือนว่าคนดีๆแบบนี้ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ จังหวะนั้น ไผ่เดินเข้ามาในห้องพักฟื้นพร้อมกับกระเป๋าใส่ข้าวของของธงไทย นวลเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าก็เลยขอตัวกลับก่อน ช่วงบ่ายๆจะมาเปลี่ยนเวรกับเขา

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมอยากดูแลเธอ คุณแม่พักเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมก็ได้”

“ตามใจนะ” นวลว่าแล้วเดินนำไผ่ออกไป ธงไทยมองหญิงสาวปริศนาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับเธอต่อไปดี...

ทางด้านนันทนายังไม่เข็ดหลาบแอบพาตรีทศมาค้างอ้างแรมที่บ้านอีก นันทาไม่พอใจไล่ตะเพิดเขาออกจากบ้าน แล้วด่าซ้ำว่าไอ้กุ๊ย ก่อนจะสั่งให้กันเกราเอาเขาออกไปให้พ้นหน้า

“กลับก็ได้วะ คำก็กุ๊ย สองคำก็กุ๊ย ระวังเถอะจะได้หลายกุ๊ย” ขู่เสร็จตรีทศเดินหนี นันทาเต้นเป็นเจ้าเข้าโกรธควันแทบออกหู นันทนาจะตามคนรักแต่ถูกแม่รั้งตัวไว้ไม่ให้ไป สั่งให้เลิกยุ่งกับไอ้กุ๊ยนั่น สองแม่ลูกมีปากเสียงกันดังลั่นไปถึงห้องที่วัฒนานอนป่วยอยู่ แถมมีเสียงนันทาตบตีลูกดังเล็ดลอดเข้ามา วัฒนาหลับตาลงอย่างอ่อนล้าน้ำตาซึม พยาบาลพิเศษเห็นแล้วสงสารเขาจับใจ

“ดิฉันขอเร่งเสียงทีวีหน่อยนะคะ ท่านเจ้าสัว” พยาบาลเร่งเสียงทีวีเพื่อให้กลบเสียงของสองแม่ลูกที่กำลังทะเลาะกัน สักพักเสียงเอะอะก็เงียบลง เมื่อกันเกราเข้ามาแจ้งว่านันทวัฒน์พามยุริญมาที่นี่ นันทาเปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนละคนไม่สนใจลูกสาวตัวเองอีกต่อไป ซึ่งทำให้เธอน้อยใจมาก นันทวัฒน์เห็นท่าทางของแม่กับน้องก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถามว่ามีอะไรกันหรือ

“ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ หนูยุริญเป็นไงลูก” ไม่พูดเปล่านันทาเข้ามากอดเอาใจ นันทนาทนไม่ได้ ถึงกับปล่อยโฮ แล้วกลับห้อง นันทวัฒน์ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง แต่นันทากลับไม่รู้สึกรู้สมเพราะมัวแต่เอาใจมยุริญ

ooooooo

ธงไทยเฝ้าไข้หญิงสาวปริศนาไม่ห่าง จนกระทั่งอาการของเธอดีขึ้นเป็นลำดับ หน้าตาเริ่มมีเลือดฝาด แม้ศีรษะจะพันไว้ด้วยผ้าพันแผล แต่ยังเห็นเค้าความสวย ใบหน้ายามหลับของเธอดูน่าหลงใหล จนเขาอดใจไม่ไหว เอื้อมมือจะไปแตะแก้มพลันมีเสียงมือถือตัวเองดังขึ้น เขารีบชักมือกลับ ก่อนจะรีบรับสาย

“วิว...ยังอยู่ที่โรงพยาบาลจ้ะ”

“ถามจริงๆ ได้กลับบ้านบ้างหรือเปล่าเนี่ย ไทยก็อย่าหักโหมเกินไปนะรู้ไหม เดี๋ยวจะป่วยไปอีกคน” วิวเห็นชีสเค้กกับเจ๊แน๊ตคอยเงี่ยหูฟัง เดินเลี่ยงไปคุยที่อื่น “แล้วนี่กินข้าวบ้างหรือเปล่า”

“กินจนจะอ้วนแล้วเนี่ย แม่นวลก็ส่งส่วยทั้งวัน” ธงไทยเดินคุยมือถือกับวิวไปรอบห้อง พอหันมองอีกที เห็นหญิงสาวปริศนามองมาที่ตัวเอง “วิว แค่นี้ก่อนนะ” ธงไทยลดมือถือลงโดยที่ยังไม่ได้วางสาย เพราะมัวแต่จ้องมองเธอตอบ แล้วค่อยๆขยับเข้าใกล้ เธอมองไปรอบๆสีหน้าหวาดกลัว ก่อนจะกรีดร้องออกมา

“คุณ...คุณครับใจเย็นๆก่อนนะครับ” ธงไทยเข้าประชิดตัวเพื่อจะทำให้เธอสงบ หญิงสาวโผกอดเขาที่ไม่ทันตั้งตัวไว้แน่นทำให้มือถือร่วงพื้นและสายของวิวถูกตัด

เจ๊แน๊ตกับชีสเค้กอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธงไทย วิวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน โทร.กลับไปหา แต่เขาไม่ยอมรับสาย แล้วนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“เอ๊ะ...เดี๋ยวนะเจ๊ เมื่อกี้วิวได้ยินเสียงผู้หญิงอยู่กับไทยด้วย”...

ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา หญิงสาวปริศนาเอาแต่กอดธงไทยไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาเองทำตัวไม่ถูกเพราะไม่ชินกับการใกล้ชิดผู้หญิงขนาดนี้ พยาบาลจะเข้าไปจับให้เธอลงนอน เธอกรีดร้องห้องแทบแตกปัดมือพยาบาลไม่ยอมให้ถูกตัว หมอมองอาการของเธอแล้วหนักใจแทน

“เธอตื่นขึ้นมาเห็นคุณเป็นคนแรก เลยทำให้ไว้ใจคุณอยู่คนเดียว”

“อย่างกับลูกไก่ออกจากไข่เลยนะครับ”

“ก็ประมาณนั้น อย่างที่หมอเคยบอกไว้ สมองของเธอถูกทำลายไปมาก”

ธงไทยเป็นกังวล หากเป็นแบบนี้จะรักษาหายไหม หมอยังไม่ทันจะตอบคำถาม นวลกับไผ่เข้ามาในห้องเสียก่อน หญิงสาวปริศนาเห็นคนเยอะก็ยิ่งกลัว กอดธงไทยแน่นเข้าไปอีก นวลจะเข้าไปดูเธอใกล้ๆ เธอตกใจกรี๊ดใส่จนนวลผงะใจเต้นตูมตามต้องเอามือทาบอกไว้ ไผ่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาประคอง

“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ธงไทยจะเข้าไปดูท่าน แต่หญิงสาวดึงตัวไว้ไม่ยอมให้ไป

“แม่ไม่เป็นไรแค่ตกใจนิดหน่อย” นวลสบตาหมอเป็นเชิงไม่ให้พูดอะไร แล้วหันไปถามลูกชายจะทำอย่างไรต่อไปกับหญิงสาวปริศนาคนนี้ดี เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน จังหวะนั้นพยาบาลถือเข็มฉีดยาเข้ามา

“ต้องพักผ่อนแล้วนะคะคุณวิวรรณ”

นวลกับธงไทยได้ยินพยาบาลเรียกชื่อนี้ก็ยิ่งไม่สบายใจ พยาบาลจะเข้าไปฉีดยาเพื่อให้หญิงสาวปริศนาได้พักผ่อน แต่เธอไม่ยอมให้เข้าใกล้แถมขู่ฟ่อราวกับสัตว์ร้ายจนพยาบาลตกใจผงะถอยหลัง ธงไทย นวลและไผ่ต้องช่วยกันจับตัวเธอไว้ พยาบาลถึงฉีดยาให้เธอได้ อึดใจยากล่อมประสาทออกฤทธิ์ เธอหลับได้ในที่สุด

ooooooo

เจ๊แน๊ต วิวกับชีสเค้กนั่งถกกันถึงเรื่องที่ธงไทยเอาบัตรประชาชนของวิวไปให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ใช้

ยังโชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ตาย ไม่อย่างนั้นเจ้าของบัตรจะพลอยซวยไปด้วย

“ชีสจะบอกอะไรให้นะคะ คุณวิวน่ะระวังเถอะทำเป็นใจดีไปช่วยเขา เกิดเขาฟื้นขึ้นมาแย่งคุณไทยไปล่ะก็จะสม...” ชีสเค้กพูดยังไม่ทันจบ ทั้งวิวและเจ๊แน๊ตสั่งให้หุบปาก

“เอ...จะว่าไปก็จริงของนังชีสเค้กมันนะวิว ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้หน้าตาเป็นยังไง”

“ก็คงจะสวยแหละเจ๊ ไม่งั้นคุณไทยจะทุ่มเทขนาดนี้เหรอ”

วิวชักใจเสีย ไม่อยากได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้อีก ไล่ชีสเค้กกับเจ๊แน๊ตแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

พออยู่เพียงลำพังคนเดียว วิวอดคิดถึงคำเตือนของชีสเค้กไม่ได้...

ทางด้านนวลไม่สบายใจเรื่องที่ธงไทยให้หญิงสาวปริศนาสวมชื่อเป็นวิว แนะให้ไปบอกความจริงกับหมอเพราะเธอรอดตายแล้ว เราจะได้ตามหาญาติของเธอให้มารับตัว ไผ่มองลุ้นว่าธงไทยจะตอบอย่างไร แต่แล้วต้องฝันสลายเมื่อนวลรู้ทัน ไล่ให้เขาไปซื้อข้าวกลางวันมาเตรียมไว้ให้ธงไทยกิน เขาอยากอยู่ฟังคำตอบใจจะขาดแต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง ได้แต่เดินบ่นเป็นหมีกินผึ้งออกจากห้อง

“ไอ้เจ้าพวกนี้ จะต้องอยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง” นวลบ่นไล่หลัง

“ผมตัดสินใจแล้วครับแม่ ผมจะขอดูแลเธอต่อไปครับ”

“ไทย...นี่ไทยเข้าใจที่แม่พูดไหมเนี่ย” นวลถึงกับถอนใจเซ็ง ธงไทยเข้าใจแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะหญิงสาวคนนี้จำอะไรไม่ได้เลย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่มารับตัวเธอไปไม่ใช่คนที่ทำร้ายเธอ นวลเริ่มคล้อยตาม ยิ่งมองดูหญิงสาวที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติก็ยิ่งสงสาร

“ผมช่วยเธอมาแล้ว ก็อยากจะช่วยเธอให้ถึงที่สุดครับแม่ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นตราบาปของผมชั่วชีวิต เข้าใจผมนะครับ” ธงไทยเข้าไปกอดแม่ออดอ้อน นวลใจอ่อนยอมตามที่เขาต้องการ

“ขอบคุณครับแม่ รักแม่ที่สุดเลยครับ” ธงไทยหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่

“เออๆ พอแล้ว ไม่ต้องมาทำเป็นประจบเลย คอยรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นให้ดีเถอะ เก็บตัวอะไรมาเลี้ยงก็ยังไม่รู้เลย ดูดีหรือเปล่าเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกที ขี้สงสารตลอดเลยนะเราน่ะ”

“ก็เหมือนใครล่ะครับ” ธงไทยกอดแม่อย่างเอาใจ...

ooooooo

จ๊ะจ๋าพยายามโทร.ถามข่าวคราวของหญิงสาวปริศนาจากไผ่ แต่มือถือเขาเงินหมดเสียก่อนก็เลยพูดกันยังไม่ทันรู้เรื่อง เธอจึงไปซักถามเรื่องนี้จากตาท้วมซึ่งบ่นอุบว่าทำไมจะต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้ด้วย

“ก็ต้องอยากรู้สิ รู้ๆกันอยู่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ตาย บ้านเราได้มีสมาชิกเพิ่มแน่ๆ นายแม่นวลยิ่งชอบเก็บหมาเก็บแมวมาเลี้ยงอยู่ด้วย”

“ถ้านายแม่นวลไม่ชอบเก็บหมาเก็บแมวมาเลี้ยงป่านนี้เอ็งกับหนูพุทธคงระหกระเหินไปไหนต่อไหนแล้ว”

“ว้าย ป้านี่ ฉันหลานป้านะ ไม่ใช่เด็กที่ไม่มีใครเอาแบบหนูพุทธ” จ๊ะจ๋าไม่วายปากเสีย หนูพุทธกำลังนั่งกินข้าวอยู่ถึงกับกินไม่ลง ตาท้วมเอ็ดจ๊ะจ๋ากับเจียมจะพูดอะไรให้ระวังปากไว้บ้าง

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะตาท้วม ที่ป้าเจียมพูดก็ถูกจ้ะ ถ้านายแม่นวลไม่เอาหนูพุทธมาเลี้ยง ป่านนี้พ่อเขาคงขายหนูพุทธให้รถรับซื้อผลไม้เอาตังค์ไปซื้อเหล้ากินแล้วล่ะ”

“โถ แม่คุณ ป้าเจียมขอโทษนะ” เจียมว่าแล้วดึงหนูพุทธมากอด

“ป้าเจียมไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ ทุกวันนี้ชีวิตหนูพุทธก็เหมือนได้เกิดใหม่แล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจหรอกจ้ะ จริงไหมพี่จ๊ะจ๋า”

จ๊ะจ๋าสั่งไม่ให้หนูพุทธดึงตนเองไปเกี่ยวด้วย เพราะเราสองคนไม่เหมือนกัน ตาท้วมหมั่นไส้เธอมาก แกล้งยั่วประสาทว่า ได้ข่าวจากไผ่ว่าหญิงสาวปริศนาคนนั้นสวยมาก แล้วขยิบตาให้เจียมซึ่งรับมุกทันที

“หูย เจ้าไผ่บอกสวยมากๆหุ่นอย่างนี้เลย มาอยู่บ้านเราคงจะดีเนาะ”

“ถ้ามีคนสวยๆมาอยู่ คุณไทยก็คงจะกระชุ่มกระชวยเนาะ” คำยุแหย่ของตาท้วมได้ผล จ๊ะจ๋าเส้นริษยา

แตกซ่าน กรีดร้องลั่นก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย...

ในเวลาเดียวกัน ทรงพลต้องการชดเชยความผิดที่ทำร้ายเปลวเมื่อวาน สั่งซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่กับกระเป๋า แบรนด์เนมมาให้ เธอไม่ได้โกรธอะไร เขาไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงๆแบบนี้มาให้

“ฉันรู้ว่าเปลวไม่สบายใจฉันขอโทษ นี่ยัยปรางค์ก็ทิ้งฉันไปคนนึงแล้ว ฉันไม่อยากให้เปลวจากฉันไปอีกคน”

“ท่านอย่าคิดมากเลยค่ะ ฉันรับปากท่านแล้วว่าฉันจะไม่ไปไหน” ปากพูด แต่ใจของเปลวลอยไกลไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เป็นเหมือนโซ่ตรวนล่ามเธอไว้ให้หมดอิสรภาพ

ตอนนั้นเปลวอายุแค่ 17 ปี กำลังสวยสะพรั่ง เธอทำงานหารายได้พิเศษระหว่างเรียนหนังสือด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่พัทยา ด้วยหน้าตาที่สวยงามทำให้เธอถูกลูกค้าลวนลาม ทิมหนุ่มชาวต่างชาติที่ชอบเมืองไทยสุดหัวใจทนไม่ไหวเข้ามาช่วยเหลือจนเกิดการชกต่อยกันอุตลุด

การวิวาทครั้งนี้ทำให้เปลวถูกไล่ออกจากงาน เธอกับทิมสานสัมพันธ์กันจนเกิดความรักและย้ายมาอยู่กินด้วยกันจนมีปรางค์ทองเป็นโซ่คล้องใจ ทั้งสามคนอยู่กันอย่างมีความสุขได้แค่ 5 ปี ก็เกิดเหตุการณ์

เลวร้ายขึ้น มีชายฉกรรจ์สองคนบุกมาในห้องเช่า คาดคั้นให้ทิมบอกว่าเอาเงินไปไว้ไหน เขาไม่มีให้จึงโดนซ้อมสะบักสะบอม

ปรางค์ทองกับเปลวกอดกันกลมตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว หนึ่งในชายฉกรรจ์สั่งให้ทิมเอาเงินไปคืน

นิโคลัสเจ้านายของพวกตน ไม่อย่างนั้นจะถูกฆ่า ก่อนจะพากันจากไป

“ทิม นี่คุณยังไม่เลิกยาอีกหรือ ไหนทิมเคยบอกว่าเลิกแล้วไง” เปลวต่อว่าทั้งน้ำตา

“โธ่เว้ย คนเจ็บจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาพูดมากอีก”

เปลวบอกให้ทิมเอาเงินไปคืนเจ้าของจะได้หมดเรื่อง เขาไม่มีเงินไปคืนเพราะใช้หมดแล้ว เธอใจเสีย แบบนี้พวกมันต้องเอาเราตายแน่ๆ ทิมไม่พอใจตวาดลั่นให้เธอหยุดพล่ามได้แล้ว

ooooooo

ทิมชั่วได้ใจเอาเปลวไปขายซ่อง แล้วนำเงินไปซื้อตั๋วเครื่องบินหนีออกนอกประเทศ ปล่อยให้เธอกับลูกรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เปลวถูกชัยแมงดาซ้อมต่อหน้าลูกฐานไม่ยอมรับแขก แม่เล้าเห็นว่าใช้ไม้แข็งไม่สำเร็จ จึงสวมบทนางฟ้าใจดีสั่งให้ชัยหยุดทำร้ายเธอได้แล้วไม่สงสารเด็กน้อยบ้างเลยหรือ เปลวไหว้แม่เล้าปลกๆ

“เจ๊ช่วยหนูด้วย หนูไม่อยากรับแขก”

ชัยไม่ยอม ในเมื่อผัวของเปลวเอาเงินที่ได้จากการขายเธอไปแล้ว เธอก็ต้องรับแขก แม่เล้าไล่ชัยออกไปก่อน แล้วทำเป็นเมตตาสงสารสองแม่ลูก เรียกปรางค์ทองมากอดปลอบใจ

“น่าเวทนาจริงๆ นี่นังหนู เจ๊จะบอกให้นะ เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เจ๊ว่ารีบๆทำงานใช้หนี้ให้มันหมดๆเถอะ อย่าให้ลูกต้องมาโตคาซ่องแบบนี้เลย ยิ่งยื้อเวลา ถ้ายัยหนูมันโตทันใช้จะมานั่งเสียใจทีหลังนะ เชื่อเจ๊ เร่งทำงานให้หมดหนี้แล้วรีบออกไปจากที่นี่ซะ เข้าใจที่เจ๊พูดใช่ไหม” แม่เล้าเห็นเปลวพยักหน้ารับก็แอบพอใจที่แผนใช้ไม้อ่อนสำเร็จด้วยดี “รอเดี๋ยวนะ เจ๊จะไปเอายามาใส่ให้แล้วจะหาข้าวปลามาให้กินด้วย”...

หลังจากใช้เมกอัพกลบร่องรอยโดนซ้อมเรียบร้อย ชัยพาเปลวมาที่หน้าห้องพักแขกภายในซ่อง เธอกลัวตัวสั่นที่ต้องมารับแขก ชัยไม่พอใจผลักหลังเกือบหน้าทิ่ม

“เข้าไปสิ อ้อยส้อยอยู่ได้ เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก”

แม่เล้าพาปรางค์ทองเข้ามาพอดี เอ็ดชัยจะดุอะไรนักหนา แล้วไล่ไปให้พ้นหน้า เขาไม่วายหันไปทำหน้ายักษ์ใส่เด็กน้อยให้ตกใจ จนแกต้องวิ่งไปหลบหลังแม่เล้า

“ไอ้บ้าเอ๊ย แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น กินหวานมากไปหรือเปล่า...เปลวทำใจเถอะ รีบๆทำงานให้เสร็จจะได้ ออกมาหาลูก ส่วนทางนี้เจ๊จะดูแลให้เอง”

ปรางค์ทองจะขออยู่กับแม่ แต่แม่เล้าดึงตัวไว้ ก่อนจะพาแกออกไป เปลวสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้าแล้วเปิดประตูห้องพักแขกเข้าไป ทรงพลนอนหลับอยู่บนเตียงได้ยินเสียงประตูสะดุ้งตื่น มองไปรอบๆ พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตา พอเห็นเปลวที่ยืนอยู่ ก็ตกใจลุกพรวด ถามว่าเธอเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน

“บ้านดอกไม้แดงค่ะ หนูมารับใช้ท่าน” เปลวว่าแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ทรงพลขยับตัวออกห่างเพราะตั้งแต่ภรรยาตายเขาไม่เคยข้องแวะกับผู้หญิงที่ไหน เปลวนั่งนิ่งรอฟังคำสั่ง ทรงพลเห็นที่มุมปากของเธอมีเลือดซึมทะลุแป้งที่พอกไว้ ก็ชี้ไปที่ปากของเธอ เปลวรีบเช็ดเลือดออก ตัดสินใจจะรีบทำธุระให้เสร็จ ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก พยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่น้ำตาเจ้ากรรมไม่ยอมเชื่อฟังไหลอาบแก้ม

“พอเถอะ ไม่ต้องแล้ว” ทรงพลมองเธออย่างเวทนา

“หนูขอโทษค่ะท่าน ขอโอกาสให้หนูนะคะ หนูจะทำงานอย่างดีค่ะ”

“ไม่เป็นไร ติดกระดุมเสื้อซะ แล้วออกไปเถอะ”

เปลวขอร้องอย่าไล่กันเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะโดนลงโทษ ขอให้เธอได้ทำงานของเธอก็พอ ทรงพลสงสารรู้ว่าเธอถูกบังคับให้ขายตัว อนุญาตให้เธออยู่ต่อไปได้ รอให้เขาหายมึนหัวเมื่อไหร่ค่อยออกไปพร้อมกัน เปลวยิ้มทั้งน้ำตาไหว้ขอบคุณเขาสำหรับความเมตตาในครั้งนี้

ooooooo

แม่เล้าต้องไปต้อนรับแขกจึงปล่อยให้ปรางค์ทองเขียน ก.ไก่ ข.ไข่อยู่ที่มุมห้องรับรองแขก เด็กน้อยเขียนไปถึงตัว ห.หีบ จำพยัญชนะตัวต่อไปไม่ได้ พยายามจะถามแม่เล้า แต่เธอไม่สนใจเพราะมัวยุ่งอยู่กับแขก เด็กน้อยจึงวิ่งไปยังห้องที่แม่เพิ่งเดินเข้าไป

ทรงพลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องสั่งให้เปลวไปเปิด เพราะคิดว่าครบเวลาแล้ว เธอต้องตกใจที่เห็นคนเคาะคือปรางค์ทอง ร้องถามมาที่นี่ทำไม เด็กน้อยจำพยัญชนะที่ต่อจาก ห.หีบไม่ได้ก็เลยจะมาถามแม่

“นี่มันอะไรกัน ลูกเธอเหรอ” ทรงพลเสียงเครียด “เธอเป็นแม่ประสาอะไร ปล่อยให้ลูกสาวมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง”

“หนูไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกค่ะท่าน มีแม่ที่ไหนอยากให้ลูกมาอยู่ในที่แบบนี้ หนูกำลังทำทุกอย่างเพื่อพาลูกออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้าท่านมาเพื่อซื้อบริการก็แค่รับบริการจากหนูไป ท่านไม่รู้หรอกว่าหนูต้องเจอกับอะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นอย่ามาทำเป็นตัดสินหนูหน่อยเลย” เปลวโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด

แม่เล้าได้ยินเสียงเอะอะรีบเข้ามาดู “ตายแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เด็กมันมากวนใจท่าน ไปๆนังหนูไปเล่นที่อื่นเลยไป...ขอโทษจริงๆเลยนะคะ เชิญต่อเลยค่ะท่าน”

“เจ๊ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย”

แม่เล้าหันมองเปลวคิดว่าไปทำอะไรให้ทรงพลไม่พอใจ...

เรื่องที่ทรงพลจะคุยกับแม่เล้าคือต้องการซื้อตัวสองแม่ลูก แม่เล้าได้ทีโกงราคาขอหัวละสามแสนบาทขาดตัว เปลวโวยวายว่าสามีของเธอเอาเงินแม่เล้าไปแค่สี่หมื่นบ้านเท่านั้น

“ฉันจะเรียกเท่าไหร่มันก็เรื่องของฉัน แกเงียบไปเลย”

ทรงพลยินดีจ่ายเงินตามที่แม่เล้าต้องการ เปลวดีใจน้ำตาไหลพราก ปรางค์ทองเอามือเล็กๆปาดน้ำตาให้แม่ ทรงพลมองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ครู่ต่อมาเขาพาสองแม่ลูกมาที่บ้านของเขา ต้องการให้ทั้งคู่อยู่ที่นี่ด้วยกัน เปลวกราบแทบเท้าสำนึกในพระคุณ ทรงพลรีบพยุงให้เธอลุกขึ้น ขอร้องไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ เขาช่วยเธอกับลูกเพราะเห็นแก่มนุษยธรรมไม่ได้หวังอะไรตอบแทน แล้วหันไปเรียกเด็กน้อยให้มาหา

“ต่อไปนี้ปรางค์เรียกฉันว่าพ่อนะลูกนะ” ทรงพลดึงปรางค์ทองมากอด “ฉันไม่มีลูก เมียก็ตายไปแล้ว ให้ปรางค์เป็นลูกฉันนะเปลว เอ่อ...อย่าเข้าใจผิดฉันนะ เธออยู่กับลูกไป ฉันไม่ได้หมายความว่า...”

“ชีวิตหนูเป็นของท่านแล้ว ท่านจะเมตตายังไงก็สุดแท้แต่ท่านเถอะค่ะ ชีวิตที่เหลือของหนูกับลูก หนูขอใช้มันตอบแทนบุญคุณของท่าน” เปลวน้ำตาไหลอาบแก้ม ปรางค์ทองเข้าไปกอดแม่แล้วปาดน้ำตาให้

“แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลย ตั้งแต่นี้เราไม่ต้องร้องไห้แล้วนะจ๊ะแม่จ๋า”

“เออแน่ะ เข้าใจพูดจริงๆลูกใครวะเนี่ย” ทรงพลหัวเราะร่วน

“ลูกแม่เปลวจ้ะ และตั้งแต่วันนี้ หนูจะเป็นลูกพ่อทรงพลด้วยจ้ะ”

ทรงพลหัวเราะชอบใจในความฉลาดและน่ารักของปรางค์ทอง เปลวอดยิ้มออกมาไม่ได้...

เปลวนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างขมขื่น ขณะที่ทรงพลไม่ได้รู้สึกรู้สมกับความรู้สึกของเธอแม้แต่น้อย

ooooooo

หมออนุญาตให้หญิงสาวปริศนาไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ เนื่องจากอาการโดยรวมดีขึ้น แม้ตามร่างกายจะยังมีบาดแผลและยังมีผ้าพันแผลพันไว้เกือบทั้งตัว ธงไทยแปลกใจในเมื่อไม่มีกระดูกส่วนไหนหักเสียหาย แต่ทำไมเธอถึงเดินไม่ได้ หมออธิบายว่า เป็นเพราะสมองของเธอถูกทำลายก็เลยจำอะไรไม่ได้แม้แต่เรื่องการใช้ชีวิต

“หมอหมายความว่ายังไงครับ”

“ก็เหมือนเด็กแรกเกิดน่ะแหละครับ เธอต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด”

นวลตกใจถึงกับร้องเอะอะ หมายความว่าหญิงสาวคนนี้ต้องหัดเดินใหม่ หมอพยักหน้าแทนคำตอบ ธงไทย สะเทือนใจกับสิ่งที่ได้ยิน โอบไหล่เธอไว้ด้วยความสงสาร...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นันทนานั่งเล่นมือถือไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย ไม่ยอมแตะต้องอาหารตรงหน้า นันทารำคาญ เอ็ดตะโรลั่นให้หยุดเล่นมือถือได้แล้ว หัดทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง โตป่านนี้แล้วไม่รู้จักทำงานทำการ เธอยังไม่ทันจะอ้าปากเถียง นันทวัฒน์เดินเข้ามาเสียก่อน นันทาเรียกเขาให้กินข้าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ไม่ดีกว่าครับคุณแม่ สายแล้ว ผมนัดกับน้องยุริญไว้ครับ คณะลูกค้าที่ญี่ปุ่นจะมาเยี่ยมโรงงานเรา ผมเลยให้น้องยุริญช่วยแนะนำเรื่องของที่ระลึกสำหรับมอบให้กับภรรยาลูกค้า”

“ต๊าย ดีจริงๆ วัฒน์คิดถูกแล้วที่ให้หนูยุริญช่วยเลือก หนูยุริญเป็นคนเก่ง รสนิยมดี” นันทาเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีจนนันทนาเบ้ปากเอือมระอากับท่าทีของท่าน ทนงศักดิ์เดินเข้ามาพอดี คุณแม่ตัวแสบถึงกับหน้าตื่นเมื่อรู้ว่าทนงศักดิ์จะไปช่วยลูกชายซื้อของขวัญให้ลูกค้านั่น เท่ากับไปเป็นก้างขวางคอลูกชายกับ มยุริญ จัดแจงรั้งตัวเขาไว้ ขอให้ช่วยพานันทนาไปศึกษางานที่บริษัท เจ้าตัวโวยวายลั่น จะศึกษางานไปทำไม

“ก็ศึกษาไว้ทำงานน่ะสิ จะนั่งอยู่บ้านให้เป็นง่อยหรือไง ไปแต่งตัว” นันทาสั่งเสียงเฉียบ นันทนาลุกออกจากโต๊ะอาหารอย่างหงุดหงิด นันทวัฒน์เห็นทนงศักดิ์ติดธุระก็เลยจะเลื่อนการไปซื้อของเป็นวันพรุ่งนี้แทน

“ไปวันนี้แหละ นัดหนูยุริญแล้วอย่าผิดนัดเลย”

นันทวัฒน์รับคำ ทำตามที่แม่ว่า นันทาไม่รอช้ารีบตะโกนเรียกกันเกราให้ไปขัดขวางไม่ให้พิชิตตามนันทวัฒน์ ทนงศักดิ์รู้ทันทีว่าเธอมีแผนการอะไรในใจ...

ขณะที่นันทายังไม่ละความพยายามที่จะจับคู่มยุริญให้กับลูกชายตัวเอง จ๊ะจ๋าขี่มอเตอร์ไซค์กลับจากเรียนหนังสือ เพิ่งถึงทางเข้าไร่นวลตะวัน รถเกิดเสียขึ้นมาดื้อๆ จอมขับรถกระบะผ่านมาทางนั้นพอดี เห็นเธอในชุดนักศึกษาดูน่ารักน่าหลงใหล รีบจอดรถเสนอตัวเข้าไปช่วย แม้จะไม่สบายใจนักที่ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่มีทางเลือก จอมทำเป็นก้มๆเงยๆกับมอเตอร์ไซค์สักพัก ก็บอกว่าซ่อมไม่ได้ต้องเอาไปส่งช่าง เสนอให้เอามอเตอร์ไซค์ใส่ท้ายรถของเขา เดี๋ยวเขาจะพาไปซ่อมให้เอง จ๊ะจ๋าไม่ไว้ใจ

“ไม่เป็นไร ฉันเข็นเข้าไร่ดีกว่า”


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น