วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 12


พักตร์พริ้งกับพวงครามบุกมาหาอัปสรถึงบ้านเพื่อเจรจาให้ล้มเลิกงานแต่งงานของบุญสลักกับมนต์ทิพย์ แต่ทั้งคู่ต้องกลับบ้านไปอย่างหัวเสียเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเจรจาด้วย เขมิกาซึ่งรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านพวงคราม เสนอตัวจะช่วยท่านทั้งสองคนล้มงานแต่งงานนี้ให้ เพราะเธอเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

“ผู้ใหญ่เตือน บุญสลักก็น่าจะฟัง คุณอาทั้งสองอาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าอะไรดีอะไรไม่ดี”

“ถ้าตาบุญสลักมีความคิดได้สักครึ่งหนึ่งของหนูเขม อาคงไม่ต้องทุกข์ใจแบบนี้ มะรืนนี้ใช่ไหมหนูเขม”

“ค่ะ ทั้งแขกทั้งโรงแรม ทั้งเสื้อผ้าชุดวิวาห์ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมทุกอย่าง วันมะรืนนี้แน่นอนค่ะ”

พักตร์พริ้งปลอบพวงคราม อย่าเพิ่งรีบโศกเศร้า งานวิวาห์เถื่อนวันมะรืนจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด

ooooooo

กว่าบุญสลัก มนต์ทิพย์กับแฟรงค์และเขมิกาจะช่วยกันกับอัปสรและปีบจัดบ้านฝ่ายหญิงซึ่งจะใช้เป็น สถานที่รดน้ำสังข์ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยเล่นเอาเหงื่อตกไปตามๆกัน แฟรงค์ถึงกับถอนใจโล่งอก ก่อนจะหันไปกระเซ้าว่าที่เจ้าบ่าวว่าตื่นเต้นไหมพรุ่งนี้จะแต่งงานแล้ว

“ตื่นเต้นสิวะ ฉันรอมาตั้งหลายปี”

“เขมเสียดายแทน ถ้าคุณอาพวงครามมาร่วมงานด้วยก็คงจะสมบูรณ์แบบนะคะ”

“ทำไงได้ล่ะครับ แต่โชคดีที่ทิพย์เข้าใจผม”

บุญสลักกุมมือมนต์ทิพย์ไว้พลางสบตากันหวานหยด ขณะที่เขมิกาแทบจะลงไปชักดิ้นตายด้วยความริษยา...

ระหว่างที่อัปสรกับปีบกำลังเตรียมมื้อค่ำอยู่ในครัว มนต์ทิพย์เข้ามากอดออดอ้อนแม่ว่าเหนื่อยไหมทำโน่นทำนี่ทั้งวัน นอกจากท่านจะไม่เหนื่อยแล้ว ยังมีความสุขสุดๆที่เห็นลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝา และสั่งสอนว่าแต่งงานไปแล้วอย่าใจร้อน ยอมรับความคิดของบุญสลักให้มากๆ

“หนูจะจำไว้ค่ะ หนูจะได้มีชีวิตคู่ที่อบอุ่น มีความสุขเหมือนพ่อกับแม่”

อัปสรน้ำตารื่นอดคิดถึงพรวุฒิผู้เป็นสามีไม่ได้ “เอาล่ะกับข้าวเสร็จแล้ว ปีบเตรียมจัดโต๊ะได้แล้วจ๊ะ เดี๋ยวคุณๆกินข้าวเสร็จจะได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้า”...

ขณะที่มนต์ทิพย์กำลังวุ่นวายอยู่กับแม่และปีบในครัว เขมิกาแอบย่องขึ้นไปที่ห้องของว่าที่เจ้าสาว เปิดตู้แขวนชุดวิวาห์ หยิบทั้งชุดรดน้ำตอนเช้าและชุดราตรีฉลองสมรสเอาไปหย่อนทิ้งจากหน้าต่างห้อง...

ทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร แต่เขมิกาหายตัวไป ปีบอาสาจะตามให้ แต่มนต์ทิพย์ยกมือห้ามไว้ ขอให้ปล่อยเป็นหน้าที่ตนไปตามเอง แฟรงค์รีบบอกว่าไม่ต้อง ไปห้องน้ำแค่นี้เดี๋ยวเธอก็มาเอง แล้วบอกให้พักบ้าง ถ้าพรุ่งนี้หน้าตาไม่สดใสไม่รู้ด้วย บุญสลักรีบประคองมนต์ทิพย์ให้ลงนั่งอย่างเดิม...

คนที่มนต์ทิพย์ถามหากำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่พุ่มไม้ในสวนแถวใต้หน้าต่างห้องนอนมนต์ทิพย์ พยายามแหวกหาชุดที่ตัวเองเอาทิ้งลงมาแต่หาไม่เจอ ดันเจอแมวดำตัวหนึ่งแทน ไล่ตะเพิดไปให้พ้น แต่มันกลับจ้องหน้า จังหวะนั้นสร้อยพระที่โฉมให้หลุดออกมานอกเสื้อ แมวดำตกใจโดดหายวับไปในความมืด เขมิกามัวแต่ดีใจที่เจอชุดวิวาห์ของมนต์ทิพย์ไม่ทันสังเกตเห็น

อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก ผีละอองคำยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าพึงพอใจ แต่ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้นถามว่าทำไมไม่จัดการเขมิกาที่กำลังจะทำลายงานแต่งงานหลานของเธอที่จะได้อยู่กับเจ้าพี่ราบฟ้าในชาติภพใหม่ เท่ากับทำลายความฝันของเธอด้วย

“เรื่องของข้ากับหลาน ข้าจัดการเองได้ไม่ต้องมาสาระแนออกความเห็น เร่ร่อนเป็นผีไร้ญาติต่อไปเถอะ อีปิ่นเมือง” ด่าเสร็จผีละอองคำหายวับไป เจ้านางปิ่นเมืองถึงกับเต้นผ่างด้วยความโมโห

“อวดดีตั้งแต่เป็นคนยันผีปอบ เชอะ ข้าจะคอยดู พรุ่งนี้เวลาที่นังมนต์ทิพย์มันไม่มีชุดแต่งงานสวมในพิธี มันจะเป็นอย่างใด”

ooooooo

มนต์ทิพย์กำลังตรวจดูความเรียบร้อยของข้าวของและสถานที่เป็นครั้งสุดท้ายตอนที่ปีบวิ่งกระหืดกระหอบลงมาบอกว่าชุดแต่งงานของเธอหายไป หาจนทั่วก็ไม่เห็น อัปสรพลอยใจคอไม่ดีไปด้วย

“เอ๊ะ จะหายไปได้อย่างไร ทิพย์ไปดูซิลูก”

“ไม่หายหรอกค่ะแม่ ทิพย์แขวนไว้กับมือ พี่ปีบคงจะตื่นเต้นแทนทิพย์จนหาของไม่เจอล่ะสิคะ เดี๋ยวทิพย์ไปดูเอง” มนต์ทิพย์ว่าแล้วเดินลิ่วขึ้นไปข้างบน จังหวะนั้น มีเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน ปีบชะเง้อคอยาว

“ข้างนอกเหมือนมีแขกมาค่ะคุณนาย” ปีบว่าแล้วเดินนำอัปสรออกไปต้อนรับแขก

พรเทพมาถึงงานรดน้ำสังข์ก่อนแม่นมผ่องเล็กน้อย อัปสรดีใจมาก เท่ากับมีแขกผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาร่วมงาน ทำให้งานแต่งงานครั้งนี้สมบูรณ์ขึ้นมาทันที...

ฝ่ายมนต์ทิพย์ค้นหาตู้เสื้อผ้าจนทั่วไม่พบชุดวิวาห์ที่เตรียมไว้ กลับเจอซิ่นไหมคำพร้อมกับเสื้อและเครื่อง ประดับวางอยู่ที่มุมหนึ่งของตู้ เธอหยิบขึ้นมาลูบคลำด้วยความดีใจ

“ซิ่นไหมคำมาได้อย่างไร หรือว่าบุญสลักจะเซอร์ไพรส์เรา”

ผีละอองคำยืนดูที่มุมหนึ่งของห้อง ด้วยความพอใจ...

ในเวลาต่อมา บุญสลัก แฟรงค์และเขมิกาก็มาถึงงาน แฟรงค์เห็นพรเทพกับแม่นมผ่องนั่งเป็นประธานอยู่ในห้องโถงเข้าไปไหว้ทักทาย ขณะที่เจ้าบ่าวเข้าไปกราบท่านทั้งสอง แม่นมผ่องลูบหัวเขาน้ำตาคลอเบ้า

“ขอบคุณมากครับนมผ่อง นมเลี้ยงผมมาก็เหมือนผมมีแม่มาร่วมงานด้วย”

“ตาดีใจที่หลานเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน ไม่ถือชั้นวรรณะ แบบนี้ทำให้ตามั่นใจว่าหลานมนต์ทิพย์จะมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ที่สุด” พรเทพมองบุญสลักอย่างชื่นชม แต่ที่ทำให้เขาและอัปสรแปลกใจที่สุดก็เมื่อเขมิกาพาโฉมเข้ามาในงาน อัปสรตั้งสติได้รีบยกมือไหว้

“เป็นบุญของหลานที่คุณอาให้เกียรติมาร่วมงานนี้ค่ะ หนูจะตามยัยทิพย์มากราบผู้ใหญ่ทุกท่านนะคะ”

ครู่ต่อมา อัปสรเดินนำปีบเข้ามาในห้องนอนของลูก ตกตะลึงเมื่อเห็นมนต์ทิพย์แต่งชุดเจ้านางเมืองนายเต็มยศ ร้องเอะอะว่าไปเอาชุดนี้มาจากไหน

“ชุดที่ทิพย์เตรียมไว้หายไปไหนก็ไม่ทราบค่ะ แต่มีชุดนี้มาแทน นี่แหละค่ะซิ่นไหมคำที่ทิพย์เล่าให้แม่ฟัง”

“แล้วจะมาได้ยังไงกันล่ะคะ ไม่ใช่ว่า...” ปีบเห็นสายตาดุของอัปสรรีบหุบปากแทบไม่ทัน ทั้งที่หวั่นใจว่าอาจเป็นฝีมืออำนาจลึกลับ มนต์ทิพย์ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นฝีมือของบุญสลักแอบทำเซอร์ไพรส์ให้มากกว่า อัปสรมองไปรอบๆห้องสีหน้าหวาดหวั่น ขอร้องแม่ในใจว่าอย่ายุ่งกับลูกสาวของตนอีกเลย...

ทุกคนในห้องจัดพิธีรดน้ำ ถึงกับตะลึงที่เห็น มนต์ทิพย์งดงามในชุดผ้าซิ่นไหมคำ มีเพียงเขมิกาเท่านั้นที่ผิดหวังเพราะแผนป่วนงานรดน้ำล้มไม่เป็นท่า บุญสลักอดถามมนต์ทิพย์ไม่ได้ว่าได้ชุดนี้มาอย่างไร เธอขอร้องอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ เธอเองก็ยังงงๆเพราะคิดว่าเขาเซอร์ไพรส์เธอ บุญสลักยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือตนเอง

“ถ้าไม่ใช่ ทิพย์คิดว่าเจ้าของผ้าผืนนี้คงต้องการให้ทิพย์ใส่ชุดนี้ค่ะ”

อัปสรรีบเบนความสนใจของแขกเหรื่อ “ทิพย์ กราบคุณอาโฉมซะสิลูก”

เขมิกามองภาพตรงหน้าไม่พอใจ โฉมรับไหว้มนต์ทิพย์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะขอตัวไปเดินเล่นหน้าบ้านระหว่างรอพระมาสวด อ้างว่าข้างนอกอากาศดีกว่าในนี้ แล้วลุกออกไป โดยมีเขมิกาเดินตาม...

ทางด้านเขมิกาซักโฉมเป็นการใหญ่ทำไมมนต์ทิพย์ถึงได้มานับญาติกับท่าน หรือว่านังพวกบ้านปอบมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆเธอคงจะรับไม่ได้

“ย่ายังไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรกับบ้านนี้ อย่าเพิ่งโวยวายไปสิ มันไม่งามเลยนะเขม ถ้าไม่อยากพ่ายแพ้พวกมันก็รักษากิริยาด้วย” โฉมว่าแล้วเดินกลับเข้าตัวบ้าน

ooooooo

พรเทพเรียกอัปสรมาซักว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอเล่าว่าชุดแต่งงานของมนต์ทิพย์หายไปตอนไหนก็ไม่ทราบ แต่แล้วก็มีชุดนี้โผล่ขึ้นมาแทน ที่สำคัญเธอเชื่อว่าชุดนี้เป็นของละอองคำมาก่อน

มนต์ทิพย์ไปเจอที่ร้านเสื้อแล้วชอบมาก แต่สู้ราคาไม่ไหว โฉมมาทันได้ยินพอดี

“ฉันบอกเธอแล้วไงแม่อัปสร ว่านังละอองคำมันไม่ปล่อยเธอสองแม่ลูกแน่ แบบนี้เธอยังจะกล้าให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายดีๆอย่างตาบุญสลักได้ลงคออีกหรือ ไม่กลัวจะเจอจุดจบเดียวกับพี่ฉัตรพ่อของแกหรือไง”

พรเทพขอร้องให้โฉมหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว อาจไม่มีอะไรก็ได้ โฉมกลับหาว่าเขาหลงละอองคำตั้งแต่หนุ่มยันแก่ อยู่ๆชุดบ้าบอนี่จะมาโผล่แทนชุดเจ้าสาวได้อย่างไร เธอเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือนังปอบละอองคำแน่ๆ อัปสรถึงกับหน้าเสีย...

แฟรงค์เห็นเขมิกาหายไปก็ออกมาตาม เห็นเธอยืนซึมอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เข้ามากระเซ้าว่าเพื่อนแต่งงานทั้งทีทำไมทำหน้าไม่สดชื่นแบบนั้น เธอแหวใส่ทันที ถ้าเขาอยากสดชื่นมีความสุขก็เชิญตามสบาย อย่ามายุ่งกับเธอ แฟรงค์จับมือเธอไว้ตัดพ้อว่ารู้ตัวไหม เธอเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้เจอกับบุญสลัก

“ทำไม...ชอบมันมากนักเหรอ เลยทำใจไม่ได้ที่มันแต่งงาน”

“รู้ก็ดีแล้ว เขมจะได้ไม่ต้องอธิบาย” พูดจบเขมิกาสะบัดมือเขาออก

“หักใจซะเถอะเขม เรารักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเขมเปลี่ยนใจง่ายอย่างนี้ล่ะ”

เขมิกาไม่เคยบอกว่ารักเขาสักครั้ง อย่ามาทึกทักเข้าข้างตัวเองแบบนี้ แล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย ทิ้ง แฟรงค์ให้ยืนอกหักอยู่ตรงนั้น...

พิธีรดน้ำสังข์เป็นไปอย่างราบรื่น จะมีสะดุดอยู่บ้างก็ตรงคำอวยพรของโฉมที่ดูจะแปร่งหูกว่าของแขกผู้ใหญ่ท่านอื่น โดยเฉพาะตอนที่รดน้ำสังข์ให้มนต์ทิพย์

“ฉันเป็นน้องสาวของพี่ฉัตร คุณตาของเธอ ฉันขอเป็นตัวแทนทั้งพี่ฉัตรแล้วก็ย่าทวดซ่อนกลิ่น ขอให้ชีวิตคู่ของเธอกับพ่อบุญสลักอย่าได้มีเรื่องร้ายๆเหมือนอย่างชีวิตแต่งงานของพี่ฉัตรกับนังละอองคำ”

มนต์ทิพย์ไม่อาจถามอะไรท่านได้เพราะติดพิธีรดน้ำสังข์อยู่ จำเป็นต้องเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ จนกระทั่งเสร็จพิธีการตอนเช้าและแขกทุกคนกลับไปหมดแล้ว เธอจึงนำเรื่องนี้ไปถามแม่ว่ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณตาฉัตรและคุณยายละอองคำที่เธอควรจะรู้หรือเปล่า อัปสรตกใจเธอไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน

“ย่าโฉมของคุณเขมบอกว่าท่านเป็นน้องสาวของคุณตาฉัตร ท่านบอกว่าขอให้ชีวิตคู่ของหนูอย่าต้องเจอเรื่องร้ายๆเหมือนชีวิตแต่งงานของคุณตาฉัตรกับคุณยายละอองคำ แม่คะ...”

“ไม่มีอะไรหรอกลูก ทำใจให้สบายนะลูกนะ หนูยังต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงที่โรงแรมอีกนี่จ๊ะ รีบอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวแม่ลงไปรอข้างล่างนะลูกนะ” ตัดบทเสร็จ อัปสรผลุนผลันออกไป

ooooooo

เขมิกายังคาใจเรื่องเป็นญาติกับมนต์ทิพย์ไม่หาย ในเมื่อคุณย่าไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง เธอก็เลยต้องขอร้องให้เกษมผู้เป็นพ่อเล่าให้ฟังแทนที่ เขากลับส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง เท่าที่เขารู้ท่านมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ตายไปก่อนที่ท่านจะแต่งงาน เขมิกาถึงกับหน้าเครียด เกษมชักอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“คุณย่าแก่มากแล้ว วันๆไม่ค่อยได้ไปไหน ถ้าตื่นเช้าเพื่อไปร่วมงานแต่งครั้งนี้ก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฮึ...เขมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีญาติพี่น้องเป็นพวกผีปอบ” พูดจบเขมิกาเดินหน้าหงิกขึ้นข้างบน ทิ้งให้เกษมนั่งงงอยู่เพียงลำพัง...

ในที่สุดเขมิกาก็ออดอ้อนจนโฉมยอมเปิดปากเล่าเรื่องที่ยายของมนต์ทิพย์ฆ่าฉัตร พี่ชายสุดที่รักของท่านและยังฆ่าซ่อนกลิ่นย่าทวดของเขมิกาอีกด้วย เขมิกาสรุปทันที ถ้าอย่างนั้นที่ผู้คนลือกันว่ายายของมนต์ทิพย์เป็นปอบก็เป็นเรื่องจริงใช่ไหม โฉมไม่อยากพูดถึง จึงโกหกไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

“รู้แต่ว่าพี่ชายของย่าต้องตายไป ย่าไม่มีวันให้อภัยมันหรอก” โฉมขบกรามแน่นด้วยความแค้น...

พออัปสรรู้ว่ามนต์ทิพย์จะใส่ซิ่นไหมคำไปงานเลี้ยงฉลองสมรสคืนนี้ ก็เสนอจะหาชุดสวยๆชุดใหม่ให้ ท่านยังพอจะหาให้ได้ทัน เธอปฏิเสธว่าไม่ต้องการชุดอื่นจะใส่ชุดนี้ บุญสลักเข้ามาพอดี อัปสรจึงขอให้เขาช่วยกล่อมให้มนต์ทิพย์เปลี่ยนใจ เขากลับตามใจเธอ อยากจะใส่ชุดไหนเขาไม่ขัดข้อง ขอเพียงเธอสบายใจเป็นพอ อัปสรผิดหวังอย่างแรงที่ทำให้ลูกเปลี่ยนใจจากผ้าซิ่มไหมคำของละอองคำไม่ได้...

ไม่ได้มีแต่อัปสรที่ผิดหวัง พักตร์พริ้งกับพวงคราม เองก็ผิดหวังที่ไม่สามารถขัดขวางพิธีรดน้ำสังข์ของบุญสลักและมนต์ทิพย์ได้ เพราะอยู่ๆก็มีชุดโบราณมาช่วยขัดตาทัพเอาไว้ แถมแม่นมผ่องยังชื่นชมอีกว่าผ้าซิ่นผืนนั้นงดงามมาก ราคาน่าจะหลายแสนบาท พักตร์พริ้งตวาดลั่นว่าไม่ต้องมาทำเสียงเป็นปลื้มขนาดนั้น

“เป็นไปได้ไหมว่าคุณพรเทพจะจัดหาให้ เศรษฐีระดับนั้น จะเนรมิตอะไรก็ได้” พวงครามตั้งข้อสังเกต

พักตร์พริ้งว่าหากเป็นแบบนี้เราสองคนคงต้องไปงานเลี้ยงฉลองสมรส จะได้ไปดูให้เห็นกับตาเลยว่าเป็นอย่างไร แม่นมผ่องดีใจแทนคุณหนูของตัวเองที่คุณแม่กับคุณอาจะไปร่วมงานด้วย...

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น