วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 10


มนต์ทิพย์ไม่เป็นอันทำอะไรคอยแต่ชะเง้อมองไปนอกบ้านรอแม่กลับ ปีบยกแก้วใส่นมอุ่นๆมาให้ดื่มรองท้อง เพราะตั้งแต่บ่ายยันค่ำเธอยังไม่มีข้าวสักเม็ดตกถึงท้อง แฟรงค์เตือน ขืนไม่ยอมกินอะไรแบบนี้จะมีแรงตามหาคุณน้าได้อย่างไร มนต์ทิพย์จะกินอะไรลงได้อย่างไรในเมื่อยังหาตัวแม่ไม่เจอ

“กินสักหน่อย นึกว่าเห็นแก่ฉันที่เป็นเพื่อนแกก็แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปทำบุญแต่เช้า เสร็จแล้วเราก็จะเริ่มตามหาคุณน้าทันที โอเคไหม”

“คุณบุญสลักก็หายต๋อมไปเลยนะคะ” ปีบเผลอหลุดปาก แฟรงค์เห็นเพื่อนรักสีหน้าเศร้าหมอง มองปีบด้วยสายตาดุ คนถูกมองรู้ตัว รีบเดินเลี่ยงออกไป...

ในเวลาเดียวกัน อัปสรที่ถูกขังอยู่ในเรือนปั้นหยาได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากหน้าบ้าน รีบวิ่งไปดูที่รอยแตกของฝาบ้าน เห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่นำโดยชายหนุ่มที่พาหญิงสาวมาพลอดรักที่นี่เมื่อช่วงบ่าย ในมือของทุกคนมีคบไฟสว่างไสว ผีละอองคำปรากฏตัวขึ้น

“เห็นไหมอัปสร ลูกกำลังจะถูกเผาทั้งเป็น”

“ไม่จริง แม่หลอกหนู ยังไงหนูก็ไม่ยอมรับเลี้ยงผีของแม่แน่ๆ” อัปสรว่าแล้วทุบผนังบ้าน ร้องขอความช่วยเหลือ ละอองคำเตือน ถ้ายังอวดดีไม่ยอมรับผีเจ้าไปเลี้ยง เธอจะต้องถูกพวกมนุษย์ด้วยกันเผาทั้งเป็น อัปสรหวาดกลัวมาก ยิ่งได้ยินเสียงชาวบ้านยุยงให้จุดไฟเผาบ้านหลังนี้ก็ยิ่งผวาหนัก

อึดใจพวกชาวบ้านพากันขว้างคบไฟใส่บ้านละอองคำ ฝาผนังเริ่มติดไฟ ก่อนจะลามไปทั่ว อัปสรกลัวลนลานถอยกรูด ผีเจ้าข่มขู่ถ้ายังไม่อยากตาย ก็ให้รับเลี้ยงพวกตน แม้จะกลัวแทบตายแต่อัปสรยืนยันจะไม่ยอมทำตามที่ผีเจ้าต้องการ

“เจ้ายังไม่นับถือข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะแสดงให้เห็นว่าข้ามีอำนาจเหนือพวกมนุษย์ยังไง” ผีเจ้าหัวเราะลั่นแล้วหายวับไป ไฟโหมไหม้รุนแรง เนื่องจากเป็นบ้านไม้ ชาวบ้านพากันฮึกเหิมเข้าใจว่าจัดการกับปอบได้ ทันใดนั้นผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่ชานบ้าน หัวเราะเสียงดังลั่น ชาวบ้านต่างตกใจถอยร่นไม่เป็นขบวน ผีเจ้าสำแดงฤทธิ์ทำให้เกิดลมพายุพัดลูกไฟพุ่งใส่กลุ่มชาวบ้าน คราวนี้ต่างคนต่างหนีตายกันจ้าละหวั่น เพลิงที่เผาบ้านเมื่อครู่ดับสนิท อัปสรถอนใจโล่งอก ที่รอดจากการถูกเผามาได้

“เห็นแล้วใช่ไหมอัปสร ผีเจ้าช่วยลูกได้ รับเลี้ยงผีของแม่เถอะ แล้วลูกจะได้ทุกอย่าง”

ไม่ว่าผีเจ้ากับละอองคำจะบีบบังคับหรือข่มขู่จะให้มนต์ทิพย์รับหน้าที่นี้แทน อัปสรยังคงยืนกรานไม่ยอมสืบทอดการเลี้ยงผีเด็ดขาด ผีเจ้าโกรธมาก

“งั้นเจ้าก็ตายอยู่ที่นี่แหละ นังอัปสร อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับผีบริวารของข้าที่นี่ก็แล้วกัน” สิ้นเสียงผีเจ้า เงาผีหลายตนลอยขึ้นจากพื้นบ้าง จากผนังบ้านบ้างยั้วเยี้ยไปหมด อัปสรกลัวจนเป็นลมล้มพับ พลันมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังมาจากหน้าบ้าน ละอองคำหันขวับไปมองสีหน้าเอาเรื่อง

ooooooo

อึดใจ ละอองคำหายตัวมาโผล่หน้าบ้าน แปลกใจที่เห็นวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองยืนหัวเราะอยู่ ร้องถามว่ายังไม่ไปผุดไปเกิดอีกหรือ เธอจะยังไม่ไปเกิดจนกว่าจะเห็นความพินาศของละอองคำ

“เพื่ออะไรเล่าอีปิ่นเมืองเหย เมื่อมีชีวิตอยู่ เจ้ายังชั่วช้าสามานย์ไม่พอรึ ตายเป็นผีแล้วจึงเป็นเยี่ยงเดิม”

“ข้าเป็นอย่างใดก็ยังเป็นอย่างนั้นหาเหมือนเจ้าไม่อีละอองคำเหย ตกต่ำเป็นผีปอบอดอยากทุกข์ทรมานนี่มิใช่ผลจากที่เจ้าทิ้งผีปู่ย่าไปรับผีต่างวงศ์รึ จำไว้อีละอองคำเจ้าอยู่ในสายตาของข้าเสมอ ข้ารอดูความพินาศของเจ้า” เจ้านางปิ่นเมืองหัวร่อร่า ก่อนจะเลือนหายไป ละอองคำมองตามแค้นใจแล้วหายวับไป ทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้นบนเรือนปั้นหยา ผีเจ้าปรี่เข้าหา

“ถ้าเจ้าหาทายาทปอบให้ข้าไม่ได้ เจ้าก็จะต้องพินาศดังปากอีปิ่นเมือง ข้าไม่มีเวลามากนัก อย่าช้าอีละอองคำ” ผีเจ้าว่าแล้วกลายร่างเป็นกรวยดอกไม้ ลอยไปวางบนหิ้งผี ทิ้งให้ละอองคำหน้าเครียดอยู่ตรงนั้น...

บรรยากาศโดยรอบบ้านของอัปสรมืดมิด แต่ในบ้านกลับเปิดไฟสว่างไสว ปีบกับแฟรงค์นั่งสัปหงกอยู่ในห้องรับแขก ขณะที่มนต์ทิพย์นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งน้ำตาไหลพรากเป็นห่วงแม่

“แม่ขาแม่อยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ยายเป็นใคร ทำไมแม่ต้องกลัวยายมากมายขนาดนี้ด้วยคะ”

เธอไม่ล่วงรู้เลยว่าผีละอองคำแอบมองอยู่นอกบ้าน ครุ่นคิดหาทางทำอย่างไรให้เธอรับเป็นทายาทปอบแทนอัปสร จังหวะนั้นบุญสลักโทร.มาถามข่าวคราวของอัปสรจากมนต์ทิพย์ พอรู้ว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า รู้สึกสงสารหญิงคนรัก ปรึกษากับแม่นมผ่องว่าจะทำอย่างไรดี พวงครามเดินนำพักตร์พริ้งเข้ามาทันได้ยินพอดี เตือนให้ลูกอยู่ห่างๆ อย่าไปยุ่งจะดีกว่า

“แต่ทิพย์ไม่มีใครนะครับแม่ ครอบครัวทิพย์กำลังลำบาก”

พักตร์พริ้งหัวเราะเยาะหาว่าเขาแยกคำว่าลำบากกับคำว่ามารยาไม่ออก ถึงได้รู้ไม่เท่าทันนังสองแม่ลูกที่คิดจะจับเขา บุญสลักมั่นใจว่ามนต์ทิพย์ไม่ใช่คนแบบนั้นและที่สำคัญเขารักเธอ แล้วขยับจะไป พวงครามไม่พอใจ สั่งห้ามเขาเดินหนี แล้วจับมือเขาไว้

“แม่มีลูกเพียงคนเดียวเลิกสนใจหนูมนต์ทิพย์ซะเถอะ มองหาผู้หญิงอื่นที่มีเชื้อมีแถว มีความเป็นกุลสตรี นึกว่าเห็นแก่แม่นะลูกนะ” พูดจบพวงครามทำทีปาดน้ำตาแล้วดึงตัวลูกชายมากอด ท่าทางดื้อรั้นของเขาคลายลงทันที “พรุ่งนี้แม่จะไปวัด บุญสลักพาแม่ไปหน่อยนะลูก แม่อยากทำบุญให้สบายใจ ไม่งั้นแม่คงกลุ้มใจจนตายคาบ้านแน่” คำพูดของพวงครามทำให้บุญสลักหนีไม่ออก แม้อยากจะไปอยู่เคียงข้างหญิง

คนรักยามที่เธอลำบากมากแค่ไหน แต่เขาจำต้องรับปากพาแม่ไปวัด เธอกับพักตร์พริ้งยิ้มพอใจที่ยื้อเขาไว้ได้

ooooooo

เสียงเอะอะดังมาจากภายนอก ปลุกอัปสรที่นอนฟุบอยู่กับพื้น ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นในสภาพมอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิง เธอเงี่ยหูฟังจนได้ยินชัดเจนว่าเป็นเสียงคนรีบวิ่งไปดูตรงรอยแตกของผนัง เห็นชาวบ้านที่มาเมื่อคืนพร้อมด้วยอาวุธเท่าที่จะหาได้ในมือก็ดีใจ ทุบฝาบ้านปังๆพลางส่งเสียงเรียก

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย ฉันถูกขังอยู่บนนี้...ช่วยด้วย”

ชาวบ้านต่างหยุดกึกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ชายหนุ่มหัวโจกของกลุ่มชักใจคอไม่ดี ถูกผีหลอกเมื่อคืนยังขยาดไม่หาย หันไปถามผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มว่าใช่ผีตัวเมื่อคืนหรือเปล่า

“เอ็งก็กลัวไม่เข้าเรื่อง กลางวันแสกๆอย่างนี้ ผีปอบมันไม่มีฤทธิ์หรอกโว้ย เราจะทำอะไรก็ต้องรีบทำ”

ได้ฟังดังนั้น ชาวบ้านก็ย่ามใจจะจัดการผีปอบให้สิ้นซากในวันนี้เลย แล้วเฮโลบุกเข้าไปข้างใน ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก อัปสรซึ่งรอท่าอยู่วิ่งสวนออกมา ชาวบ้านเห็นสภาพของเธอแล้ว เชื่อเต็มร้อยว่าเป็นปอบ เอาก้อนหินขว้างใส่ เธอพยายามอธิบายแต่ไม่มีใครฟัง จึงตัดสินใจวิ่งหนี

ชาวบ้านไม่ยอมให้ลอยนวลไล่ตาม และจับตัวได้ในที่สุด...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ณ วัดใกล้กับบ้านของละอองคำ บุญสลักพาพวงครามกับพักตร์พริ้งมาทำบุญตักบาตรโดยมีแช่มมาคอยถือปิ่นโตใส่อาหารสำหรับถวายพระตามหลัง พักตร์พริ้งรู้มาว่าที่วัดแห่งนี้มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำพรรษาอยู่ด้วย จะได้ถือโอกาสกราบขอพร

“บางทีบุญกุศลอาจทำให้พ่อบุญสลักตาสว่างขึ้นมาบ้าง”

บุญสลักถึงกับหน้าเสีย แช่มมองเจ้านายด้วยความเห็นใจ แล้วเดินนำทุกคนไปยังกุฏิของหลวงพ่อ...

หลังจากชาวบ้านพาตัวอัปสรออกไปไม่นาน แฟรงค์ขับรถมาจอดหน้าเรือนปั้นหยาของละอองคำตามที่มนต์-ทิพย์ร้องขอ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามาที่บ้านรกร้างนี่ทำไม

“แม่เคยเล่าให้ฟังว่าบ้านยายเป็นบ้านเก่าอยู่ริมน้ำลักษณะเหมือนบ้านหลังนี้เลย แม่อาจจะอยู่ในนี้ก็ได้” มนต์ทิพย์พูดจบขยับจะเข้าไปข้างใน ปีบดึงแขนไว้ ขอร้องอย่าเข้าไป แฟรงค์เห็นด้วย คุณน้าไม่น่าจะอยู่ที่นี่ หากเธอสงสัยจริงๆ ก็น่าจะถามชาวบ้านแถวนี้ดูก่อนว่าเป็นบ้านของใคร ไม่อย่างนั้นเราอาจเจอข้อหาบุกรุก มนต์ทิพย์จำต้องกลับขึ้นรถ ผีละอองคำปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างชั้นบนซึ่งเปิดเองได้ มองตามสีหน้าครุ่นคิด

ooooooo

บุญสลัก พักตร์พริ้งกับพวงครามและแช่มรับพรจากหลวงพ่อเสร็จพอดีตอนที่ได้ยินเสียงเอะอะของชาวบ้านดังมาจากหน้ากุฏิ หลวงพ่อรีบลุกออกไปดู บุญสลักสนใจลุกตามไปอีกทอดหนึ่ง พักตร์พริ้งจะห้ามปรามไม่ให้ไปยุ่งแต่ไม่ทัน

ด้านหลวงพ่อมองดูอัปสรที่ก้มกราบทั้งที่มีเชือกมัดมืออย่างเวทนา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอขอร้องให้ท่านช่วยเธอด้วย พวกชาวบ้านหาว่าเธอเป็นปอบ ชาวบ้านอยากให้หลวงพ่อช่วยรดน้ำมนต์ให้นังนี่ที จะได้รู้ว่ามันเป็นปอบหรือไม่ หลวงพ่อยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นปอบ แต่เพื่อให้ทุกคนแน่ใจ ท่านจะจัดการให้ บุญสลักที่ตามหลวงพ่ออกมา ไม่เห็นหน้าอัปสรเพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ หนึ่งในชาวบ้านอาสาไปตักน้ำมนต์จากขันใส่น้ำมนต์ในกุฏิหลวงพ่อ แช่มซึ่งนั่งรออยู่กับพวงครามและพักตร์พริ้ง ร้องถามว่ามีเรื่องอะไรกัน

“ปอบน่ะสิ จับมันได้ มันไม่ยอม เลยจะให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์มัน ฮึ ทนได้ก็ให้มันรู้ไป” ชาวบ้านถือขันใส่น้ำมนต์ออกไป พวงครามกับพักตร์พริ้งมองหน้ากันก่อนจะพากันตามไปดู หลวงพ่อเอาน้ำมนต์ที่ได้ราดอัปสรจนเปียกชุ่ม โดยที่เธอไม่สะดุ้งสะเทือน ชาวบ้านมองหน้ากันงงๆทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้

“เห็นไหม โยมคนนี้ไม่ได้เป็นปอบหรอก แยกย้ายกันกลับได้แล้ว”

อัปสรเงยหน้าขึ้นน้ำตาไหลพราก ขอบพระคุณหลวงพ่อที่ช่วยชีวิตเอาไว้ บุญสลักเห็นเธอชัดๆก็ดีใจรีบวิ่งมาหา เป็นจังหวะที่พวงครามกับพักตร์พริ้งออกมาเห็นก็ไม่พอใจ เรียกให้เขากลับได้แล้ว ทั้งหมดยังไม่ได้ขยับไปไหน มนต์ทิพย์ แฟรงค์และปีบเดินเข้ามาพอดี มนต์ทิพย์ดีใจมากที่เจอแม่ โผกอดร้องไห้โฮ พวงครามดึงมือลูกชายไว้ สั่งให้กลับไปกับตน

“อย่าลดตัวลงไปสมาคมกับพวกที่แม้กระทั่งชาวบ้านยังรังเกียจ” พักตร์พริ้งพูดจบช่วยกันกับพวงครามกึ่งลากกึ่งจูงบุญสลักกลับไปที่รถ มนต์ทิพย์มองตามชายคนรักสีหน้าผิดหวัง

ครู่ต่อมา มนต์ทิพย์กับแฟรงค์และปีบพาอัปสรมาที่กุฏิของหลวงพ่อ เพื่อให้ท่านทำพิธีเรียกขวัญให้ อัปสรเล่าให้ท่านฟังว่าหลวงปู่ของเธอเคยบวชอยู่ที่นี่ ส่วนพ่อของเธอชื่อฉัตร หลวงพ่อจำได้ สมัยที่หลวงปู่ของเธอเป็นเจ้าอาวาส ท่านยังเป็นแค่พระลูกวัดอยู่เลย แล้วบอกให้เธอกลับไปพักผ่อนได้แล้ว

“เอาน้ำมนต์ไปพรมบ้านเสียสิ จะได้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปให้หมด”

แฟรงค์อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง...

ส่งแม่กับอาจอมจุ้นเสร็จ บุญสลักจะไปหามนต์ทิพย์ ทั้งคู่พยายามรั้งตัวไว้ คราวนี้เขาไม่ตามใจแม่กับอา รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว พักตร์พริ้งโกรธที่หลานชายแข็งข้อ ใส่ไฟให้พวงครามเกลียดชังมนต์ทิพย์มากขึ้นว่าเป็นเพราะเธอ บุญสลักถึงได้แข็งข้อกับเราสองคน

ครั้นเล่นงานใครไม่ได้ พักตร์พริ้งพาลหาเรื่องแม่นมผ่องว่าเลี้ยงดูบุญสลักแบบตามใจจนเหลิง...

มนต์ทิพย์รอจนแม่หลับไปแล้ว จึงลงมาข้างล่าง ต้องชะงักเมื่อเห็นบุญสลักนั่งรออยู่ที่โซฟา เขาปรี่เข้ามาถามว่าอัปสรเป็นอย่างไรบ้าง พอรู้ว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมากตอนนี้หลับไปแล้วก็โล่งใจ

“ท่านคงจะเหนื่อยน่ะทิพย์ พักสักหน่อยคงดีขึ้น ส่วนสภาพจิตใจอาจต้องใช้เวลา” บุญสลักปลอบ

“พระท่านเรียกขวัญให้แล้ว ยังจะมีพระเครื่องคล้องคอป้องกันตัวอีก ฉันว่าคุณน้าต้องดีวันดีคืนเลยไอ้ทิพย์แกไม่ต้องกังวลไปหรอก” แฟรงค์มองออกว่าทั้งคู่อยากอยู่กันตามลำพัง ก็เลยขอตัวกลับก่อน

“เออ ขอบใจมากแฟรงค์ ไม่ต้องห่วงนะ คืนนี้ฉันก็จะค้างที่นี่ ทิพย์จะได้ไม่ต้องกังวลไง”

ooooooo

เลยเวลานัดไปมากแล้ว ตอนที่แฟรงค์มาถึงบ้านของเขมิกา เขากราบขอโทษโฉมด้วยที่ทำให้รอกินข้าว ท่านไม่ถือโทษโกรธอะไร เขาไม่ต้องเป็นกังวล จากนั้นโฉมถามโดยไม่อ้อมค้อมว่า

“เราสองคนคบกันมานานแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักที”

แฟรงค์พร้อมเสมอ ติดที่เขมิกาต่างหาก โฉมสั่งสอนหลานรัก หากเจอคนที่ใช่ก็ไม่ควรรอช้า โอกาสเจอคนดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ใช่เรื่องที่จะเจอได้ทุกวัน เขมิกาอ้างว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ แฟรงค์โวยลั่น

“อ้าวเขม พูดแบบนี้มีเคืองนะ ผมรักเขมแค่ไหนไม่รู้หรือไงจ๊ะที่รัก”

“จ้า...เอ้อ เขมไปดูก่อนนะคะว่าเด็กจัดโต๊ะอาหารเสร็จหรือยัง เดี๋ยวเขมมาค่ะ” เขมิกาตัดบทเสร็จเดินเลี่ยงออกมาไม่อยากพูดเรื่องแต่งงานกับแฟรงค์เพราะตอนนี้เธอเจอคนที่ใช่แล้ว แต่ติดตรงที่เขามีเจ้าของ...

พวงครามไม่ยอมแตะต้องมื้อเย็น จะรอให้บุญสลักกลับมากินพร้อมหน้า พักตร์พริ้งแนะให้เธอโทร.ตามลูกและย้ำว่าห้ามใจอ่อน ต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธออาจเสียเขาให้กับผู้หญิงที่จ้องจะจับผู้ชายรวยๆอย่างนังสองแม่ลูกนั่น พวงครามครุ่นคิดคล้อยตาม

“พักตร์ยังอดคิดไม่ได้เลยนะคะคุณพี่ ไอ้ที่เห็นในวัดน่ะ นังนั่นกับแม่ของมันสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสาร เพราะรู้ไงคะว่าตาบุญสลักน่ะใจอ่อน”

“นั่นสิถ้าพี่ได้แม่นั่นเป็นลูกสะใภ้พี่คงบ้าตายวันละร้อยหน” พูดจบพวงครามโทร.จิกลูกให้กลับบ้าน...

ทางฝ่ายมนต์ทิพย์ไม่อยากให้บุญสลักมีปัญหากับแม่ จึงบอกให้เขากลับไปก่อนจะดีกว่า เธออยู่กับปีบได้ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ยอมทำตาม จะให้ทิ้งไปได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีใคร ไม่ว่ามนต์ทิพย์จะไล่เขากลับอย่างไร บุญสลักยืนกรานไม่ไปไหนทั้งนั้น คืนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ

“อย่าลืมสิว่าเรารักกัน หรือว่าคำสัญญาที่เราเคยให้ไว้แก่กันมันไม่มีความหมายแล้ว ทิพย์ถึงไล่ผม” เขาเห็นมนต์ทิพย์อ้าปากจะเถียงชิงพูดขึ้นเสียก่อน “ไม่มีแต่ทิพย์ เวลานี้คุณคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม”

มนต์ทิพย์ซาบซึ้งใจน้ำตาคลอโผกอดบุญสลักไว้ ปีบมองยิ้มๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา ผีละอองคำยืนมองอยู่ในมุมมืดเห็นบุญสลักที่หน้าตาเหมือนเจ้าราบฟ้าไม่มีผิดเพี้ยนอดคิดวันคืนในอดีตที่เคยหวานชื่นด้วยกันไม่ได้ น้ำตาจากไหนไม่รู้ไหลอาบแก้ม

ooooooo

ตั้งแต่กลับมาจากบ้านมนต์ทิพย์ ผีละอองคำเอาแต่นั่งซึม ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ต่อว่าเธอว่าที่คิดคดทรยศ ไม่ยอมทำให้มนต์ทิพย์รับเลี้ยงตนแทนอัปสร ผีละอองคำกร้าวใส่ อย่ายุ่งกับหลานของเธอ

“เพราะเจ้ารู้ว่านังมนต์ทิพย์มันจะได้ครองรักกับเจ้าราบฟ้าในชาติภพนี้ใช่ไหม อย่าละเมอเพ้อพกว่า

นังมนต์ทิพย์มันคือตัวแทนของเจ้าละอองคำ ตั้งสติให้ดี

นังมนต์ทิพย์กับเจ้าถึงแม้จะสืบเชื้อสืบเครือกัน มีหน้าตาละม้ายกับเจ้านัก แต่มันก็ไม่ใช่เจ้า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย” ผีเจ้าหัวเราะหยัน ผีละอองคำยกมือไหว้

“ผีเจ้าอย่ายุ่งกับหลานข้าเลย ข้าอยากให้เธอเป็นตัวแทนข้า ให้เธอได้ครองรักกับเจ้าพี่ราบฟ้าเถอะ”

“นังโง่ คิดเหรอว่าไอ้ราบฟ้าในชาตินี้มันจะยังจดจำเจ้าได้ ไม่มีทางหรอกที่คนดีๆอย่างราบฟ้าจะจดจำคนชั่วช้าอกตัญญู คนที่กล้าทำร้ายเชื้อเครือตัวเองจนพินาศเยี่ยงเจ้าได้” ผีเจ้าหัวเราะใส่หน้า ผีละอองคำพยายามร้องขอความเมตตาจากนาง แต่ไร้ผล ผีเจ้าข่มขู่ ถ้าเธอทำให้มนต์ทิพย์รับเลี้ยงตนไม่ได้ ทั้งเธอ อัปสรและมนต์ทิพย์จะต้องพินาศย่อยยับ แล้วหายตัววับไป ทิ้งให้ละอองคำร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้น...

มนต์ทิพย์เป็นห่วงแม่จึงมานอนเป็นเพื่อน โดยมีปีบนอนเฝ้าอยู่ที่พื้นปลายเตียง แต่คนที่ฝันร้ายกลับเป็นมนต์ทิพย์ซึ่งฝันว่าไปที่เรือนปั้นหยาและได้เจอกับละอองคำยายของตัวเอง เธอเหมือนถูกสะกดจิตให้เข้าไปหาละอองคำที่อ้าแขนรอรับ ละอองคำกอดเธอไว้แน่นจนหายใจไม่ออก เธอพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น มนต์ทิพย์ตะโกนสุดเสียงว่า “คุณยาย” แล้วผวาตื่นลุกขึ้นนั่ง

ทั้งอัปสรและปีบพลอยตกใจตื่นไปด้วย ปีบถามเสียงสั่นว่าฝันถึงผีหรือเปล่า เพราะเธอได้ยินเสียงแมวร้องทั้งคืนน่ากลัวมาก มนต์ทิพย์ค่อยๆแกะผ้านวมที่รัดตัวเองออก

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ปีบ ทิพย์ไม่ได้ฝันร้าย แค่อึดอัดเพราะผ้าห่มแน่นไปเท่านั้นค่ะ”

ปีบถอนใจโล่งอก เห็นนาฬิกาที่ผนังบอกเวลาว่าใกล้หกโมงเช้า จึงขอตัวลงไปเตรียมอาหาร มนต์ทิพย์รอจนเธอปิดประตูห้องจึงหันไปบอกแม่ว่าเธอฝันถึงคุณยาย อัปสรแทบจะลมจับ สีหน้าหวาดกลัวเห็นได้ชัดจนมนต์ทิพย์อดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไรไป เธอโกหกว่าไม่มีอะไร มนต์ทิพย์เล่าเพิ่มเติมอีกว่าในฝันของตน คุณยายหน้าตาเหมือนตนราวกับฝาแฝด อัปสรใจคอไม่ดีซักเป็นการใหญ่ว่าเห็นอะไรอีก

“ทิพย์เห็นบ้านหลังใหญ่ริมน้ำ ตอนที่แม่หายไป แม่ไปอยู่ที่นั่นใช่ไหมคะ”

“หนูรู้ได้ยังไง หนูฝันชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือลูก”

“ทิพย์ไปที่บ้านนั้นมาค่ะ ยายเป็นใครคะแม่ แม่บอกทิพย์สิคะ ทำไมแม่ถึงต้องกลัวยายมากมายขนาดนั้น” มนต์ทิพย์มองแม่อย่างรอคำตอบ อัปสรถึงกับปล่อยโฮ ขอให้ลูกสัญญาว่าจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีก

ooooooo

อัปสรเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพรเทพ เธอจะให้ลูกย้ายไปอยู่กับบุญสลักที่บ้านของเขาเผื่อจะพ้นจากเงื้อมมือละอองคำ เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ มนต์ทิพย์ยังไม่ได้ตบแต่งกับ บุญสลัก จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเปล่าๆ เสนอให้มาอยู่ที่นี่กับตน

“คุณอาสูงวัยมากแล้วนะคะ เราสองคนปกป้องยัยทิพย์จากเงื้อมมือคุณแม่ไม่ได้แน่ๆ ส่วนบุญสลัก เขามีความรักต่อกันเป็นที่ตั้ง หนูเชื่อค่ะว่าบุญสลักจะคุ้มครองยัยทิพย์ได้” อัปสรสีหน้ามุ่งมั่น...

เมื่อบุญสลักรู้เรื่องที่อัปสรจะให้มนต์ทิพย์ไปอยู่ที่บ้านด้วยก็ทักท้วงเช่นเดียวกับพรเทพว่าเราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน จะพาเธอไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร อัปสรถึงกับปล่อยโฮ

“ไม่มีเวลาแล้วบุญสลัก ยัยทิพย์มีอันตรายเกินกว่าจะนึกถึงเรื่องแต่งงาน แค่พ่อบุญสลักรับปากน้าว่าจะคุ้มครองยัยทิพย์แทนน้า น้าก็พอใจแล้ว รับปากน้าสิบุญสลัก”

ชายหนุ่มซักว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครจะทำอะไรมนต์ทิพย์ หากเขาไม่รู้อะไรเลยแล้วจะปกป้องเธอได้อย่างไร อัปสรเอาแต่ส่ายหน้าไม่กล้าบอกความจริง ขอให้เขารู้แค่ว่ามนต์ทิพย์กำลังตกอยู่ในอันตรายก็พอ...

บุญสลักคิดไม่ตกจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี โทร.ตามแฟรงค์ให้มาพบที่บ้าน มีเรื่องสำคัญจะปรึกษาด้วย เขาไม่สะดวกเพราะกำลังจะพาเขมิกาไปส่งบ้าน เขมิกาทักท้วงทันที

“แวะบ้านคุณบุญสลักก่อนก็ได้ค่ะ ทางผ่านพอดี เขมไม่รีบ” เธอเก็บอาการได้เนียน ทั้งที่ดีใจแทบโดดตัวลอยที่จะได้เจอคนที่ใช่ ครู่ต่อมาแฟรงค์กับเขมิกามาถึงบ้านของบุญสลัก พอทั้งคู่รู้เรื่องที่อัปสรจะให้มนต์ทิพย์มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ก็พากันตกใจ โดยเฉพาะแฟรงค์ซึ่งรู้ดีว่าแม่กับอาของเขาคงไม่ยอม

“ฉันถึงกลุ้มใจ คุณน้าก็เครียดมากบอกแต่ว่าทิพย์กำลังตกอยู่ในอันตราย ให้ฉันพาทิพย์ออกไปอยู่ที่อื่น”

“พูดกันแต่เรานะโว้ย ฉันว่าคุณน้าแกแปลกๆ ถึงขนาดให้พาลูกสาวหนีทั้งที่ไม่ได้แต่งงาน หนำซ้ำยังฝันประหลาดอยู่บ่อยๆ ฉันว่านายน่าจะแนะนำไอ้ทิพย์ให้พาคุณน้าไปพบจิตแพทย์ หรือคุณว่าไงเขม”

เขมิกาไม่ขอออกความเห็นเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วปล่อยให้สองหนุ่มคุยกันไปก่อน ส่วนเธอเองขอตัวไปทักทายอาพักตร์พริ้ง แฟรงค์รอจนเขมิกาลับสายตา แนะให้บุญสลักปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นการตัดสินใจของมนต์ทิพย์จะดีกว่า เพราะถ้าเขาฟังอัปสรมากเกินไป เธออาจเคืองเอาได้...

ฝ่ายเขมิกาเข้าไปไหว้ทักทายพักตร์พริ้งและพวงครามอย่างคุ้นเคย พักตร์พริ้งชมเธอไม่หยุดปากว่าน่ารักอ่อนหวานกว่าแฟนของบุญสลัก น่าเสียดายแทนหลานชายที่ดันไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงพรรค์นั้น เขมิกาถามหยั่งเชิงว่าหากวันข้างหน้าเกิดมนต์ทิพย์เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ท่านทั้งสองจะว่าอย่างไร

“แต่สำหรับอานะ หัวเด็ดตีนขาด อาก็รับแม่มนต์ทิพย์ไว้ไม่ได้หรอก ถ้าเข้ามาอยู่จริงๆ อาคงเป็นลมตายวันละร้อยหน ฮึ นอกจากจะไม่มีสมบัติพัสถานอะไรแล้ว ยังลือกันว่าเป็นลูกหลานปอบอีก แค่คิดก็สยอง”

เขมิกาแอบยิ้มชอบใจ ที่ทั้งพวงครามและพักตร์พริ้งต่างตั้งแง่รังเกียจมนต์ทิพย์...

ตั้งแต่เขมิกาเจอคนที่ใช่ กอปรกับพักตร์พริ้งและพวงครามเชียร์เธอให้กับบุญสลักอย่างออกนอกหน้า ทำให้เธอเปลี่ยนไปไม่ใส่ใจแฟรงค์เหมือนเคย ทุกทีที่เขาขับรถมาส่งบ้าน จะชวนเขาเข้าบ้านก่อน แต่วันนี้เธอกลับอ้างว่าเหนื่อยแล้วไล่เขากลับ โฉมพอจะมองออก จึงเรียกหลานรักให้ไปพบที่ห้อง ถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่า บุญสลักใช่ไหมที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจจากแฟรงค์ เขมิกาอึกอัก กลัวจะถูกตำหนิ คุณย่ากลับไม่ว่าอะไร แถมยังเสนอตัวจะช่วยให้หลานสาวสมหวังกับคนที่ใช่อีกต่างหาก เพราะต้องการแก้แค้นละอองคำ

ooooooo

ผีละอองคำต้องการบีบให้อัปสรยอมรับเป็นทายาทปอบ จึงตามมาหลอกหลอนเธอถึงห้องนอน อัปสรกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ปีบที่นอนเป็นเพื่อนตกใจตื่นถามว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วรีบเปิดไฟในห้อง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ อัปสรชี้ไปที่เพดานบอกว่าผีอยู่บนนั้น ปีบข่มความกลัวแหงนหน้ามองก็ไม่เจออะไร

“หรือว่ายาจะหมดฤทธิ์” ปีบพึมพำ แล้วหยิบยามาวางให้ ก่อนจะเดินไปรินน้ำ

อัปสรจะคว้ามากินแต่ยากลายเป็นหนอนเดินยั้วเยี้ย ถึงกับร้องลั่นปัดยากระเด็น ปีบหยิบยาให้ใหม่เธอก็ไม่ยอมแตะต้อง ถอยหนีไปติดผนัง ปีบเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งไปตามมนต์ทิพย์ที่ห้องนอน...

ระหว่างที่ปีบกำลังทุบประตูเรียกมนต์ทิพย์ให้มาดูอัปสร ผีละอองคำใช้อำนาจปอบทำให้เธอไม่ได้ยิน แล้วเข้าฝันเธอ กล่อมให้สืบทอดการเลี้ยงผีเพื่อตนจะได้ไปผุดไปเกิด เธอถามเสียงสั่นว่าท่านตายแล้วหรือ

“ใช่ ยายตายแล้ว ตายไปพร้อมกับอำนาจที่ไม่มีใครสืบทอด”

“แม่ไม่เคยเล่าเรื่องยายให้หนูฟังเลยค่ะ เอ่อ ถ้ายายตายแล้วจริงๆ ทำไมยายถึงมาคุยกับหนูได้ล่ะคะ”

ผีละอองคำทำให้มนต์ทิพย์เห็นภาพตัวเองค่อยๆเน่าเปื่อย เธอกลัวมาก จะร้องก็ร้องไม่ออก จะหนีก็ก้าวขาไม่ได้ ผีละอองคำที่นอนตายตาเบิกโพลงน้ำเหลืองไหลเฟะ กลอกตามองมาที่มนต์ทิพย์ สั่งให้มาช่วยปิดเปลือกตาส่งวิญญาณให้ เธอกลั้นใจเอื้อมมือปิดตา น้ำเหลืองเละติดมือชวนสยองขวัญ ถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะผวาตื่นขึ้น รีบดูมือตัวเองว่าเปื้อนอะไรหรือเปล่า ไม่พบอะไรก็ถอนใจโล่งอก แล้วนึกเป็นห่วงแม่ขึ้นมา รีบวิ่งไปหาเห็นท่านนั่งคุดคู้อยู่บนเตียงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว มีปีบยืนปลอบอยู่ใกล้ๆ

“คุณแม่กลัวอะไรคะ”

“ผีค่ะ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผี ปีบเอายาให้กินก็หาว่าเป็นหนอน”

มนต์ทิพย์ขอให้ปีบช่วยโทร.ตามหมอให้ที อัปสรโวยวายว่าไม่อยากได้เพราะหมอเป็นผี แล้วขอให้ลูกช่วยต่อโทรศัพท์หาบุญสลัก ท่านมีธุระจะพูดกับเขา มนต์ทิพย์เห็นดึกมากแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยโทร.หา อัปสรไม่ยอม ต้องการให้เขามาที่นี่เดี๋ยวนี้ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นโผกอดลูกไว้

“แม่ตายไม่ว่า แต่ทิพย์ต้องไม่เป็นอะไร แม่ไม่ยอม แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรทิพย์”

ooooooo

พวงครามไม่พอใจมากเมื่อรู้จากแม่นมผ่อง ว่าบุญสลักออกไปหามนต์ทิพย์ที่บ้านตั้งแต่เช้ามืด เนื่อง จากทางนั้นโทร.มาตาม สั่งให้แช่มไปตามพักตร์พริ้งมาพบ เธอทักท้วง เช้าขนาดนี้คุณพักตร์ยังไม่น่าจะตื่น

“ยังไม่ตื่นก็ปลุกสิ ทำเป็นไหม หรือฉันจะต้องทำให้แกดูเป็นตัวอย่าง ฮึ...เดี๋ยวฉันตัดเงินเดือนซะเลย เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ” พวงครามอารมณ์เสียสุดๆ...

ท่าทางซึมเศร้าของอัปสรเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นหน้าบุญสลัก มนต์ทิพย์ขอร้องแม่เก็บเรื่องคุยธุระไว้ทีหลัง แล้วไปหาหมอก่อน ท่านไม่ยอมไป อ้างไม่ได้เป็นอะไร

“ทิพย์ฟังแม่นะลูก สิ่งที่แม่จะพูดต่อไปนี้สำคัญกว่ามาก ทิพย์จะอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ไปอยู่กับบุญสลัก เขาจะปกป้องลูกได้ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับลูกอีกแล้ว”

“แต่ทิพย์จะไปอยู่บ้านเขาด้วยเหตุผลอะไรคะ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ยังไม่มีผู้ใหญ่มาสู่ขอทิพย์ด้วยซ้ำ”

“ฟังแม่นะทิพย์ ชีวิตลูกสำคัญที่สุด เรื่องอื่นแม่ไม่สนใจ แม่ทำแบบนี้เพราะแม่รักลูก”

มนต์ทิพย์พยายามซักถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อัปสรไม่ยอมตอบคำถามได้แต่พูดซ้ำๆให้เธอย้ายไปอยู่บ้านบุญสลัก ชายหนุ่มเข้ามาแตะไหล่มนต์ทิพย์ ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้ถามอะไรอีก แล้วรับปากอัปสรจะปกป้องคุ้มครอง มนต์ทิพย์เอง อัปสรดีใจมากขอบคุณเขาเป็นการใหญ่

“แต่คุณแม่ต้องไปหาหมอนะคะ ฉีดยาบำรุงสักหน่อย จะได้สบายขึ้น ถ้าคุณแม่ไม่ยอมไปหาหมอ ทิพย์จะไม่ไปกับบุญสลัก” มนต์ทิพย์ยื่นคำขาด อัปสรจำต้องทำตาม...

การพาอัปสรไปหาหมอครั้งนี้ แทนที่อาการจะดีขึ้นกลับแย่กว่าเก่า เพราะผีเจ้าสำแดงฤทธิ์ให้เธอเห็นหมอกับพยาบาลเป็นผี อัปสรถึงกับสติแตก ถอยกรูด พยาบาลจะเข้ามาจับตัว เธอก็คิดว่าผีจะทำร้าย วิ่งหนี มนต์ทิพย์กับบุญสลักได้ยินเสียงเอะอะก็ตกใจ จะเข้าไปดู อัปสรผลักประตูห้องตรวจออกมาเสียก่อน แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว มนต์ทิพย์วิ่งนำหน้าบุญสลัก หมอและพยาบาลมาถึงถนนใหญ่ แต่แม่หายไปแล้ว

“บุญสลักคะ ทิพย์จะทำยังไงดี แม่หายไปแล้วค่ะ ทิพย์จะทำอย่างไรดี” มนต์ทิพย์ร้องไห้โฮอย่างเสียขวัญ บุญสลักต้องปลอบให้ใจเย็นๆ แล้วหันไปถามหมอว่าเกิดอะไรขึ้น

“จู่ๆคุณอัปสรก็ร้องว่าผี แล้วก็วิ่งออกมาครับ”...

ผีเจ้ายังตามรังควานอัปสรที่หนีกระเซอะกระเซิงไม่เลิก โดยมาในคราบหญิงใจดีทำทีเข้ามาช่วยเหลือก่อนที่เธอจะเสียทีให้ผีร้าย หลวงพ่อซึ่งรดน้ำมนต์ให้เธอเมื่อวันก่อนเข้ามาช่วยเหลือไว้ทัน ผีเจ้ากลัวบารมีหลวงพ่อ หายตัววับไป จากนั้นอัปสรตามหลวงพ่อมาที่วัดท่านเทศนาสั่งสอนว่าจิตที่ผูกพันห่วงใยก็เหมือนบ่วงคล้องคอ บ่วงจะทำให้เธอตกอยู่ในอารมณ์ที่เป็นทุกข์ ดังนั้นเธอต้องหมั่นปฏิบัติธรรมเข้าไว้ เมื่อจิตผูกติดอยู่กับพระธรรม บ่วงของธรรมะจะทำให้เธอเข้าใจชีวิตและโลกได้มากขึ้น

“ดิฉันพยายามคิดว่าดิฉันเห็นจริงๆ หรือจิตของดิฉันคิดไปเอง แต่ทุกครั้งมันก็เหมือนแม่มาหาจริงๆเจ้าค่ะ หลวงพ่อเจ้าคะ ดิฉันอยากทราบความจริงเกี่ยวกับแม่ของดิฉัน”

หลวงพ่อขอให้เธอชั่งใจให้ดีเสียก่อนว่ารู้แล้วได้อะไร สู้ปฏิบัติสมาธิฝึกจิตไว้ไม่ดีกว่าหรือ...

มนต์ทิพย์ตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่บ้านบุญสลักอย่างที่แม่ต้องการโดยไม่ลืมพาปีบไปอยู่เป็นเพื่อน ยังไม่ทันจะก้าวเข้าตัวบ้าน พวงครามกับพักตร์พริ้งออกมารุมด่าว่าหน้าด้าน หอบผ้ามาอยู่บ้านผู้ชายไม่รู้จักมียางอายบ้าง บุญสลักต้องขอร้องท่านทั้งสองให้เห็นใจมนต์ทิพย์ด้วย ตอนนี้บ้านของเธอกำลังมีปัญหา

“เราสองคนอาจทำอะไรไม่ถูกไม่ต้องไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรผมก็จะต้องแต่งงานกับทิพย์อยู่แล้ว”

“แต่แม่ไม่เห็นด้วย บุญสลักจะกล้าขัดใจแม่หรือ”

“ขอประทานโทษนะคะที่มารบกวน ตอนนี้ครอบครัวของทิพย์ประสบปัญหาจริงๆ ถ้าอะไรต่อมิอะไรดีขึ้น ทิพย์ก็จะรีบย้ายออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดค่ะ”

บุญสลักเห็นแม่กับอาไม่ว่าอะไรอีก จึงสั่งให้ป้าแหวนกับแช่มช่วยขนกระเป๋าของมนต์ทิพย์ขึ้นไปที่ห้องรับรองแขกข้างห้องของเขา ทั้งคู่ยังไม่ทันจะขยับ พวงครามสั่งห้ามเสียงลั่น ปีบไม่อยากให้มีปัญหา จัดแจงยกกระเป๋าไปเก็บเอง แม่นมผ่องเข้ามาจับมือบุญสลักกับมนต์ทิพย์อย่างให้กำลังใจ

ooooooo

อัปสรทำตามที่หลวงพ่อแนะนำ เปลี่ยนไปนุ่งขาวห่มขาวนั่งสมาธิทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าก็ถอนจากสมาธิ

“ข้าพเจ้าขอให้ผลบุญที่ได้เจริญสมาธินี้จงไปสู่ พรวุฒิ สามีของข้าพเจ้า ขอให้ผลบุญนี้จงเป็นเกราะป้องกันภยันตรายทั้งมวลแก่ลูกมนต์ทิพย์และลูกขออุทิศส่วนบุญให้แก่...แม่ละอองคำ” อธิษฐานเสร็จ อัปสรก้มกราบพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา...

ระหว่างที่อัปสรหันเข้าหาพระธรรม มนต์ทิพย์กับปีบทำบุญกรวดน้ำเสร็จ พากันเข้าบ้าน พวงครามเดินสวนออกมากับป้าแหวนและแช่ม ร้องทักทายเสียงอ่อนหวาน

“ตื่นมาใส่บาตรกันแต่เช้าเชียว หนูมนต์ทิพย์กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้บรรดาญาติปอบของหนูหรือจ๊ะ”

มนต์ทิพย์ไม่ตอบ เดินก้มหน้าเข้าบ้านไปกับปีบ พวงครามมองตามสะใจ...

ในเวลาต่อมา ระหว่างที่บุญสลักอยู่กับมนต์ทิพย์ที่สวนข้างบ้าน นึกขึ้นได้ว่าเธอลุกขึ้นมาตักบาตรแต่เช้าถามว่าทำบุญแล้วสบายใจขึ้นไหม เธอพยักหน้ารับคำ วันนี้เธอทำบุญให้ยายแก่ๆคนหนึ่งที่มาเข้าฝันเธอบ่อยๆ เธอไม่แน่ใจว่าใช่ยายของตัวเองหรือเปล่า เพราะแม่ไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับท่านเลย...

ผลบุญที่ทั้งอัปสรและมนต์ทิพย์ทำให้ละอองคำ ส่งผลให้เกิดลำแสงสีทองอบอุ่นสาดมาคลุมร่างเธอที่คุยอยู่กับผีเจ้าภายในเรือนปั้นหยา เธอรู้สึกอิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนผีเจ้าตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ความหิวโหยและความเจ็บปวดทรมานที่ละอองคำเผชิญอยู่เมื่อครู่ก็มลายไปสิ้น

“ใคร...ใครมันบังอาจนัก ใครมันทำบุญให้เจ้า” ผีเจ้ามองไปรอบๆอย่างเกรี้ยวกราด “อย่าคิดนะว่าจะช่วยนังละอองคำให้รอดพ้นจากการเป็นทาสของข้าได้...เจ้าต้องเป็นทาสของข้าตลอดไป นังละอองคำ”...

ในเวลาเดียวกัน มื้อเช้าแสนอร่อยเป็นอันต้องกร่อยสนิทเมื่อพักตร์พริ้งก้าวเข้ามาในห้องอาหาร เธอปรายตามองมนต์ทิพย์ที่นั่งอยู่ข้างๆบุญสลักด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วทำจมูกฟุดฟิด

“คุณพี่พวงครามได้กลิ่นอะไรไหมคะ กลิ่นสาบๆ เอ๊ะ กลิ่นแบบนี้กลิ่นผีกลิ่นสางแน่ๆ กลิ่นปอบหรือเปล่าก็ไม่รู้” พักตร์พริ้งทำท่าขนลุกขนพอง มนต์ทิพย์หมดความอดทนรวบช้อนส้อมแล้วลุกออกไปทันที บุญสลักเป็นห่วงความรู้สึกของหญิงคนรัก รีบลุกตาม พักตร์พริ้งหัวเราะไล่หลังสะใจ พวงครามต้องเตือนให้เธอเพลาๆลงบ้าง อย่างน้อยก็ให้นึกถึงบุญสลัก เราไม่เคยขัดใจเขาสักครั้ง ตนถึงได้กลัวลูกจะเตลิดจนกู่ไม่กลับ

“นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณพี่โดนมนต์ปอบเข้าอีกคน ใจอ่อนแบบนี้ไม่ได้นะคะ ยังไงพักตร์ก็ไม่มีทางยอม”

ทางด้านบุญสลักเดินตามมนต์ทิพย์จนทัน คว้ามือมาจับไว้ ขอโทษแทนอาของเขาด้วย ท่านเป็นคนพูดจาไม่ระวังปากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้ช่วยพาทิพย์ไปวัดหน่อยได้ไหมคะ ทิพย์อยากทำบุญ ฝันร้ายติดๆกันมาหลายคืนแล้ว อีกอย่าง เผื่อจะได้ข่าวคราวคุณแม่บ้าง”

“ได้สิครับ”...

แม่นมผ่องเห็นใจคนกลางอย่างคุณหนูของตัวเองที่ต้องเจอศึกสองด้าน จึงมาขอร้องพักตร์พริ้งอย่าพูดอะไรที่ทำให้คุณหนูต้องเสียใจอีกเลย เธอแว้ดใส่ทันที

“ฉันไม่ได้ว่าบุญสลัก ฉันว่านังผู้หญิงหน้าด้านที่หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ที่นี่มากกว่า หรือว่าแกโดนมนต์ผีปอบของมันไปด้วยอีกคนแล้ว อย่าเพ้อเจ้อนมผ่อง มีอะไรก็ไปทำ...สงสัยต้องหาพระมาพรมน้ำมนต์ทั่วบ้านซะแล้ว คนบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด” พักตร์พริ้งบ่นอย่างหงุดหงิด

ooooooo

มนต์ทิพย์สวดมนต์ก่อนนอนเสร็จ อธิษฐานขอพรจากพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

“ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองคุณแม่อัปสรให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงด้วยเถิด” พูดจบเธอก้มกราบหมอน ก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่เห็นเงาที่ปรากฏตัวอยู่นอกหน้าต่าง อึดใจเงาน่าเกลียดน่ากลัวค่อยๆเปลี่ยนเป็นละอองคำในชุดเจ้านาง จ้องเขม็งมาที่มนต์ทิพย์...

อีกมุมหนึ่งในห้องโถง ขณะที่พักตร์พริ้งกำลังอบรมหลานชายเรื่องที่พาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้าน มีเสียงกรีดร้องของมนต์ทิพย์ดังมาจากห้องนอน บุญสลักตกใจรีบวิ่งไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว

“ขึ้นไปดูสิคะ เดี๋ยวมันก็ควักไส้หลานบุญสลักกินล่ะแย่เลย”

พวงครามไม่รอให้พักตร์พริ้งเตือนซ้ำ วิ่งลิ่วนำหน้าโดยมีพักตร์พริ้งกับแม่นมผ่องและปีบตามติด เสียงมนต์-ทิพย์กรีดร้องขอความช่วยเหลือยังดังไม่หยุดเนื่องจากเห็นผีละอองคำในชุดเจ้านางเดินผ่านหน้า แถมจ้องมองด้วยสายตากร้าว ทันทีที่บุญสลักผลักประตูห้องเข้ามา ร่างของผีละอองคำหายวับไป มนต์ทิพย์โผกอดเขาไว้ตัวสั่นหวาดผวาสุดๆ เขากอดตอบพร้อมกับถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอละล่ำละลักว่าโดนผีหลอก พวงครามที่วิ่งนำหน้าพักตร์-พริ้ง ปีบและแม่นมผ่องเข้ามาทันได้ยินพอดี โวยวายลั่น

“จะเป็นไปได้อย่างไร บ้านนี้ไม่เคยมีผีมีสางที่ไหน”

“คุณทิพย์คงกลุ้มใจเรื่องคุณแม่ก็เลยตาฝาดหรือเปล่าคะ” แม่นมผ่องช่วยแก้ต่างให้

มนต์ทิพย์ยืนยันว่าเห็นผีผู้หญิงแต่งชุดโบราณจริงๆ พักตร์พริ้งไม่เชื่อ หาว่าเธอมารยาทำเป็นกลัวผีจะได้นอนคนเดียวไม่ได้ คิดจะล่อหลานของตนมานอนด้วยมากกว่า มนต์ทิพย์ดันตัวออกจากบุญสลักทันที

“ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกใจ คุณไปได้แล้วค่ะ ทิพย์อยู่ได้ ไปสิคะ”

บุญสลักเห็นหญิงคนรักมองด้วยสายตากร้าว จำต้องออกไปพร้อมกับแม่และอา สักพักทั้งสามคนกลับมายังห้องโถง พักตร์พริ้งไม่วายตำหนิมนต์ทิพย์ นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกัน ยังกล้าออกคำสั่งกับพวกเรา ถ้าได้มาเป็นสะใภ้จริงๆมิแย่หรือ บุญสลักแก้ตัวแทนหญิงคนรักว่าไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น พักตร์พริ้งน้อยใจที่เขาเห็นคนอื่นสำคัญกว่าตัวเอง ลาพวงครามแล้วเดินออกไปเลย

“บุญสลัก ที่อาพักตร์พูดไว้ก็น่าคิดนะลูก ยังไงก็เตือนแฟนเราด้วยว่าให้เห็นหัวผู้ใหญ่บ้าง”...

ณ เรือนปั้นหยา ผีเจ้าโกรธมากที่ผีละอองคำทำงานพลาดอีกครั้ง เธอแก้ตัวว่ายังไม่ทันจะขอให้มนต์ทิพย์รับเป็นทายาทปอบก็มีคนมาขัดเสียก่อน ผีเจ้าสั่งการให้เธอกลับไปบังคับอัปสร ผีละอองคำทำไม่ได้ ตอนนี้อัปสรบวชชีพราหมณ์อยู่ ผีเจ้ามองเธออย่างรู้เท่าทัน

“ก็เลยนั่งฝันว่าจะได้กินบุญจากมัน รอคอยให้มันกรวดน้ำมาให้รึ อย่าหวังจะหนีข้าไปได้ง่าย” ผีเจ้าจับผีละอองคำเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังบ้าน ในเมื่อเธอทำไม่สำเร็จตนก็จะจัดการเองแล้วหายตัววับไป ผีละอองคำตะโกนไล่หลังว่าอย่าทำอะไรหลานของตนเลย ผีเจ้าปรากฏตัวทางด้านหลัง ดึงผมจนเธอหน้าหงาย

“ห่วงมันมากนักเหรอ อยากเจ็บตัวใช่ไหม นังละอองคำ”...

เสียงฟ้าร้องครึนๆดังเข้ามาทำให้มนต์ทิพย์รู้สึกตัวตื่นขึ้น ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นผีเจ้านั่งอยู่ปลายเตียง จะร้องเรียกให้ปีบที่นอนอยู่หน้าเตียงมาช่วยก็ร้องไม่ออก ขยับจะหนีก็ถูกผีเจ้าดึงขาไว้ ก่อนที่มนต์ทิพย์จะถูก

ผีเจ้าเล่นงานไปมากกว่านี้ กายทิพย์ของรุ้งแก้วซึ่งตอนนี้เป็นแม่ชีมาช่วยเอาไว้ทัน

อึดใจ ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผีละอองคำโวยวายลั่นว่ารุ้งแก้วยังมีชีวิตอยู่ ถ้านังนั่นไม่มาขวางไว้ ป่านนี้ตนก็บังคับให้มนต์ทิพย์รับเป็นทายาทของตนได้แล้ว

“ข้าไม่มีวันยอมดอก ไม่ได้อีอัปสรก็ต้องเป็นลูกสาวของมัน คนใดคนหนึ่งต้องเป็นทายาทของข้า” พูดจบผีเจ้าหายวับไปอีกครั้ง ผีละอองคำน้ำตาไหลพราก ภาวนาให้รุ้งแก้วช่วยหลานด้วย

ooooooo

บุญสลักพามนต์ทิพย์ไปทำบุญตักบาตรที่วัดแห่งหนึ่ง เขาเห็นเธอยังอารมณ์ค้างจากที่ถูกพักตร์พริ้งพูดจาไม่ดีใส่ ให้สัญญากับเธอว่าหากพบอัปสรเมื่อไหร่ เราสองคนจะแต่งงานกันและพาท่านกลับอังกฤษ

“แต่...แม่คุณแล้วยังจะอาของคุณ...”

“ในเมื่อท่านไม่เห็นใจ ผมก็จำเป็นต้องทำเพื่อเราสองคน ผมสัญญา ผมจะพูดกับคุณแม่ให้เข้าใจ”

มนต์ทิพย์น้ำตาคลอเบ้าด้วยความตื้นตัน จากนั้นทั้งคู่ชวนกันเข้าไปไหว้พระประธานในโบสถ์ เจอเด็กวัดที่เข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดโบสถ์ บุญสลักซักถามว่ามีผู้หญิงมาขออาศัยอยู่ที่วัดนี้บ้างไหม

“ไม่มีหรอกครับ ปกติท่านเจ้าอาวาสจะไม่รับคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ที่วัด”...

ระหว่างเดินมาที่ลานจอดรถของวัด บุญสลักนึกขึ้นได้ว่าพ่อของเขมิกาเป็นคนกว้างขวาง เราน่าจะขอให้เธอช่วยตามหาอัปสรให้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาเขมิกาทันที มนต์ทิพย์ยิ้มอย่างมีความหวัง

ฝ่ายเขมิกาวางสายจากบุญสลักด้วยสีหน้าบึ้งตึง โฉมยืนมองอยู่อดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไร เธอเล่าให้ฟังว่าบุญสลักโทร.มาไหว้วานให้เธอขอร้องพ่อให้ติดต่อนักสืบเพื่อตามหาอัปสรแม่ของมนต์ทิพย์ แล้วเล่าถึงสาเหตุ คร่าวๆที่ทำให้อัปสรหนีเตลิดเนื่องจากเห็นใครต่อใครเป็นผีไปหมด

“ถ้าเป็นคุณย่า...คุณย่าจะช่วยตามหาไหมคะ”

โฉมย้อนถาม แล้วเธอคิดอย่างไร ตนอยากฟังความเห็นของเธอก่อน เขมิกาไม่อยากช่วย เพราะถ้าพบตัวอัปสร เจอเร็วเท่าไหร่ก็จะทำให้บุญสลักกับมนต์ทิพย์แต่งงานกันเร็วขึ้นเท่านั้น โฉมกลับเห็นตรงกันข้าม

“ถ้าไม่ช่วยเขาก็จะหาว่าหลานใจดำ ผู้ชายน่ะตายน้ำตื้นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เขมอย่ามองข้ามสิเชื่อย่า”

“งั้นเขมก็ขอให้คุณย่าช่วยเป็นธุระคุยกับคุณพ่อให้ทีเถอะค่ะ เขมจะออกไปช็อปปิ้ง เขมจะให้บุญสลักส่งรูปยัยอัปสรมาให้ แล้วเขมจะส่งให้คุณย่านะคะ เขมไปก่อนค่ะ รักคุณย่าจัง” เขมิกากอดโฉมประจบประแจง...

พักตร์พริ้งเจอหน้ามนต์ทิพย์เป็นไม่ได้ หาเรื่องว่ากระทบตลอด จนเธอทนไม่ไหวด่ากลับไปบ้าง คุณอาตัวแสบถึงกับเต้นเป็นเจ้าเข้า แจ้นไปฟ้องพวงครามว่านี่ขนาดมันยังไม่ได้เป็นสะใภ้ยังก้าวร้าวขนาดนี้ ถ้าแต่งงานกันไปมิเหยียบเราสองคนจมดินหรือ พวงครามถึงกับกุมขมับ

“โอย คุณพักตร์ ค่อยๆพูดกันเถอะ โรคหัวใจของพี่มันจะกำเริบแล้ว”...

บุญสลักต้องตามมาปลอบมนต์ทิพย์ให้ใจเย็นๆเอาไว้ เขาไม่อยากให้คุณอามองว่าเธอก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ มนต์ทิพย์อ้างว่าเธอก็เป็นของเธอแบบนี้ จะให้เปลี่ยนแปลงคงทำไม่ได้ ก็เหมือนคุณอาของเขาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เช่นกัน ส่วนเรื่องงานแต่งงานของเราไว้ค่อยพูดกันอีกทีเมื่อเจอแม่ของเธอแล้ว แต่ตอนนี้เธออยากอยู่คนเดียว บุญสลักไม่อยากเซ้าซี้กวนใจ รีบผละจากมา...

โฉมมองภาพอัปสรในโทรศัพท์ที่เขมิกาส่งมาให้แล้วอดบ่นไม่ได้ว่าดูเหมือนชีวิตของตัวเองกับของละอองคำจะหนีกันไม่พ้น ก่อนจะนึกถึงแหวนเครื่องรางที่แม่ชีน้อมให้มา รีบหยิบมาสวม

“แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนังละอองคำ”

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น