วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 14


ณ เรือนปั้นหยาของผีละอองคำซึ่งอยู่ในสภาพสวยงาม มนต์ทิพย์นั่งร้องไห้อยู่ในห้องรับแขก ยังขวัญเสียกับเหตุการณ์เมื่อครู่ โดยมีผีละอองคำคอยปลอบอยู่ใกล้ๆ ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง แต่เธอไม่เห็น

“รับผีของยายไปเลี้ยงเถอะ แล้วจะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก”

“ผี...เลี้ยงผีของยายเหรอคะ”

“หลานจะชนะศัตรูทุกคนที่มันจ้องทำร้ายหลาน คิดดูสิ ถ้าผีของยายไม่ช่วยไว้ ป่านนี้เจ้าคงถูกไอ้พวกเศษมนุษย์รุมข่มขืนจนป่นปี้” ผีละอองคำยิ้มพอใจที่เห็นมนต์ทิพย์มองตนเองอย่างชื่นชม...

แม่ชีรุ้งแก้วรับรู้ได้ว่ามนต์ทิพย์เริ่มมีใจเอนเอียงที่จะรับผีเจ้าไปเลี้ยง รีบบอกให้อัปสรนั่งสมาธิเพื่อถอดดวงจิตไปช่วยเหลือ ก่อนจะสายเกินไป...

ขณะที่แม่ชีรุ้งแก้วและอัปสรกำลังหาทางช่วยเหลือมนต์ทิพย์ ผีละอองคำพาหลานสาวขึ้นไปบนห้องนอน พร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อว่าเธอจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ต่อไปจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้ หากเธอยอมรับเลี้ยงผีของตน นอกจากนี้เธอจะยังได้บ้านสวยหลังนี้และสมบัติในกำปั่นของตนทั้งหมด

“จะไม่มีใครดูถูกว่าหลานไร้หัวนอนปลายเท้าเพราะหลานเป็นถึงเชื้อสายเจ้านางเมืองนายผู้สูงศักดิ์”

วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น ด่าว่าผีละอองคำว่าชั่วช้ายิ่งนัก แม้แต่หลานตัวเองยังไม่ละเว้น แล้วเตือนมนต์ทิพย์อย่าไปหลงเชื่อคำลวงของผีละอองคำเพราะจะทำให้เธอตกนรกทั้งเป็น

พลันกายทิพย์ของแม่ชีรุ้งแก้วและอัปสรปรากฏตัวขึ้นข้างๆเจ้านางปิ่นเมือง พยายามกล่อมให้มนต์ทิพย์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะรับเป็นทายาทปอบ ทั้งเจ้านางปิ่นเมืองและอัปสรพยายามขัดขวางไม่ให้เธอรับกรวยดอกไม้ แต่ถูกผีเจ้าเล่นงานจนพากันเลือนหายไป จิตใจที่อาฆาตแค้นของมนต์ทิพย์ทำให้เธอเห็นผิดเป็นชอบ ยอมรับกรวยดอกไม้มาเทินไว้เหนือหัว

“หนูจะรับเลี้ยงผีของยายตลอดไป”

ราวกับเกิดอาเพศ ฟ้าผ่าเปรี้ยงทั้งที่ฝนไม่ตั้งเค้า แม่ชีรุ้งแก้วเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยหลานไว้ได้หายวับไป ผีเจ้ากับผีละอองคำหัวเราะลั่นอย่างผู้ชนะ วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนอกบ้าน

“หามีผู้ใดเลวเท่าเจ้าอีกแล้วอีละอองคำ สมแล้วที่เจ้าไม่สมรักกับเจ้าพี่ราบฟ้า สมแล้วที่เจ้าพ่อเกลียดเจ้า สมแล้วที่คนทั้งเมืองนายชิงชังเจ้า อีละอองคำ”...

ทันทีที่กายทิพย์กลับเข้าร่าง แม่ชีรุ้งแก้วถึงกับล้มพับ อัปสรซึ่งรอท่าอยู่ รีบประคองให้ลุกขึ้น ท่านเสียใจที่ช่วยมนต์ทิพย์ไม่ได้เนื่องจากจิตสงบไม่พอ แล้วกัดฟันนั่งสมาธิอีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือจากแม่ชีน้อม...

ในระหว่างที่มนต์ทิพย์ยอมให้อำนาจฝ่ายต่ำเข้าครอบงำ แฟรงค์กับบุญสลักขับรถตามหามนต์ทิพย์ไปทั่วแต่ไม่พบ โทร.เช็กตามโรงพยาบาลก็ไม่มี แฟรงค์แนะให้แจ้งตำรวจ จะได้ช่วยกันตามหาอีกแรงหนึ่ง...

กายทิพย์ของแม่ชีรุ้งแก้วกับอัปสรปรากฏตัวที่เรือนปั้นหยาอีกครั้งหนึ่งพร้อมด้วยกายทิพย์ของแม่ชีน้อม พยายามเกลี้ยกล่อมมนต์ทิพย์ให้ถอนตัวจากการเป็นทายาทปอบก่อนจะถลำลึกมากกว่านี้ ผีเจ้าขู่ไม่ให้แม่ชีน้อมมายุ่งเรื่องนี้ ท่านจะนิ่งดูดายได้อย่างไรในเมื่อผีเจ้ากำลังจะใช้มนต์ทิพย์ก่อกรรมชั่วซึ่งจะทำให้เธอต้องตกนรกหมกไหม้

“แต่เจ้าก็หยุดข้าไม่ได้ ดูให้ดีอีผู้ทรงศีล อีรุ้งแก้วอีอัปสร มนต์ทิพย์กำลังจะกลายเป็นทาสของข้า” ว่าแล้ว ผีเจ้าหายวับเข้าร่างแมวดำที่ยืนส่งเสียงขู่อยู่ใกล้ๆ แล้วกระโจนใส่มนต์ทิพย์ถึงกับสะดุ้งเฮือกหงายหลังตึง บรรยากาศเงียบกริบราวกับอยู่ในป่าช้า พลันมนต์ทิพย์ลุกพรวดขึ้น มองทุกคนตาขวาง

“ไม่มีใครหยุดข้าได้” เสียงผีเจ้าที่สิงร่างมนต์ทิพย์ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น...

ในขณะที่เขมิกากระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่าตัวเองกำจัดมนต์ทิพย์สำเร็จ วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น เตือนว่าอย่าเพิ่งฝันหวาน เพราะมนต์ทิพย์อยู่รอดปลอดภัยดี หนำซ้ำยังรับสืบทอดทายาทปอบจากยายของมัน และกลายเป็นปอบเต็มตัวแล้ว

“เจ้าต้องระวังตัวไว้ แต่ไม่ต้องกลัวมัน ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

จังหวะนั้นโฉมเดินผ่านหน้าห้องพอดีได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน เคาะประตูห้องหลานรักแล้วเปิดเข้ามาถามว่าคุยกับใครอยู่ เขมิการีบเข้ามากอดประจบประแจงเพื่อกลบเกลื่อน

“เขมอยู่คนเดียว จะคุยกับใครได้อย่างไรล่ะคะคุณย่า”

ooooooo

แม่ชีรุ้งแก้วกับอัปสรกระวนกระวายใจมากเมื่อรู้จากปีบว่าตั้งแต่มนต์ทิพย์กลับถึงบ้านก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง เธอเคาะประตูเรียกก็ไม่ขานตอบ ทั้งสองคนตรงไปที่ห้องของเธอ ทั้งเคาะประตูทั้งร้องเรียกให้เธอเปิดรับ แต่ทุกอย่างกลับเงียบ อัปสรใจเสียร้องไห้โฮ

“ทิพย์ ออกมาพูดกับแม่สิลูกทิพย์”

ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผลัวะ เผยให้เห็นมนต์ทิพย์นั่งอยู่บนเตียงหันหลังให้ประตู อัปสรจะเข้าไปหา มนต์ทิพย์เห็นสร้อยพระที่คล้องคอแม่ ร้องห้ามไม่ให้เข้าใกล้ อัปสรถอดสร้อยพระออกจากคอยื่นให้ลูก ในเมื่อลูกยังไม่ทันได้ทำบาปอะไร รับพระไปไว้กับตัวจะได้พ้นจากอำนาจของผีร้าย

“อย่ามายุ่งกับข้า ไปให้พ้น” เสียงที่เปล่งออกจากปากมนต์ทิพย์กลับเป็นสียงของผีร้าย แถมยังขู่ถ้าไม่ยอมไปจะจับกินให้หมด ปีบกลัวจัด ถอยหนี แต่อัปสรก้าวเข้าหาเพื่อจะสวมสร้อยพระให้ มนต์ทิพย์หลบทันแล้วใช้มือปัด สร้อยพระติดมือมาด้วย เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ปีบกับอัปสรจะเข้าไปจับตัวก็ถูกเธอผลักล้ม แล้ววิ่งหนีออกจากห้อง อัปสรร้องเรียกให้ลูกกลับมาก่อน แต่เธอหายตัวไปแล้ว...

ณ บ้านของพวงครามซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง ป้าแหวนกับแช่มกำลังไล่ทำความสะอาดห้องชั้นบนอยู่ จนกระทั่งถึงคิวห้องนอนของบุญสลัก แต่พอเปิดประตูเข้าไปตกใจแทบหงายหลังเมื่อเห็นมนต์ทิพย์นั่งอยู่บนเตียงหันข้างให้ ทั้งคู่ร้องทักอย่างพร้อมเพรียงกันว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมพวกเราไม่เห็น มนต์ทิพย์หันมองตาขวาง ทั้งคู่สะดุ้งโหยง

“ว้าย...งั้นแช่มไปทำที่อื่นก่อนก็แล้วกันค่ะ” แช่มว่าแล้วรีบลากป้าแหวนออกจากห้อง

ทั้งคู่เอาเรื่องนี้ไปนินทาให้แม่นมผ่องฟังว่ามนต์ทิพย์เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ตาก็ขวางๆราวกับถูกปอบสิง เธอสั่งห้ามพูดเรื่องผีอีก ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าพักตร์พริ้งเป็นคนกุเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งคู่รับเงินค่าปิดปากมาด้วยไม่ใช่หรือ แช่มขอร้องให้เธอเบาเสียงลงหน่อย เดี๋ยวคุณมนต์ทิพย์ได้ยินเข้าจะเป็นเรื่อง

“นี่เราสองคนยังงงอยู่เลยนะคะว่าเข้ามาในบ้านนี้ได้อย่างไร” แช่มตั้งข้อสังเกต

“คุณทิพย์ไม่ใช่ลมสักหน่อย จะได้เข้ามาแล้วไม่เห็นตัว หล่อนสองคนมัวอู้งานอยู่ที่ไหนซะมากกว่า”...

พรเทพแวะไปที่บ้านอัปสรเพื่อปรึกษากันเรื่องที่มนต์ทิพย์ยอมรับเลี้ยงผีของละอองคำ แม่ชีรุ้งแก้วโทษตัวเองที่มีพลังไม่พอก็เลยช่วยหลานไม่ได้ อัปสรน้ำตาคลอเบ้าสงสารลูก

“มนต์ทิพย์คงต้องทุกข์ทรมาน ถ้าเอาชีวิตหนูไปแล้วจะช่วยลูกได้ หนูก็ยินดีค่ะคุณอา”

“มันต้องมีวิธีจะช่วยให้มนต์ทิพย์หลุดพ้นจากอำนาจของผีปอบสิ” พรเทพถอนใจหน้าเครียด ร่างกายของแม่ชีรุ้งแก้วยังไม่ฟื้นเต็มร้อย รู้สึกวิงเวียนก่อนจะเป็นลมล้มพับ ทั้งอัปสรและพรเทพรีบเข้าไปดูแล

ไม่นานนัก แม่ชีรุ้งแก้วถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอตรวจอาการแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่อ่อนเพลียเท่านั้น ระหว่างที่อัปสรกับแม่ชีรุ้งแก้วรอพรเทพไปรับยา บังเอิญเจอพักตร์พริ้ง โฉมและเขมิกาที่มาเยี่ยมพวงคราม คุณอาตัวแสบปรี่เข้ามาต่อว่าอัปสรว่าเลี้ยงลูกประสาอะไร ถึงปล่อยให้มาอาละวาดบุญสลักถึงบ้าน แถมผลักพวงครามตกบันไดขาเดี้ยง อัปสรโล่งใจที่ไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกว่านั้น แล้วยกมือไหว้พักตร์พริ้ง

“ดิฉันขอร้องนะคะคุณพักตร์ เมตตายัยทิพย์ อย่าดุอย่าด่าให้แก่โกรธเคืองนะคะ ดิฉันขอร้องล่ะค่ะ”

“ไม่ต้องไหว้ฉันหรอกย่ะ ยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อน ถ้านังมนต์ทิพย์ยังหัวแข็งแบบนี้ ก็คงไม่โชคดีซ้ำสองหรอกนะ แล้วอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน” พูดจบพักตร์พริ้งผละจากไป เหมือนส่งไม้วิ่งผลัด โฉมเข้ามาต่อว่าอัปสรฉอดๆเป็นคิวถัดมา แม่ชีรุ้งแก้วจำเธอได้ร้องทักว่าสบายดีหรือเปล่า โฉมมองงงๆ

“ดิฉันรุ้งแก้ว น้องสาวของเจ้าพี่ละอองคำ ไม่เจอกันเสียนานนะคะ”

โฉมคิดว่าเธอตายไปแล้วเนื่องจากไม่เห็นหน้าค่าตาอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น แล้วดักคอว่าที่กลับมาที่นี่แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญใช่ไหม จังหวะนั้นพรเทพถือถุงใส่ยาเข้ามาสมทบ เห็นโฉมอยู่ด้วย ทักว่ามาหาหมอหรือ เธอสบายดีไม่เจ็บไม่ไข้ แต่มาเยี่ยมพวงครามที่ถูกมนต์ทิพย์ผลักตกบันไดขาเดี้ยง

“คุณพี่มากับคนบ้านนี้ไม่กลัวบ้างหรือคะ ใจคอมันอำมหิตผิดผู้ผิดคน” แดกดันจบ โฉมผละจากไป อัปสรถึงกับน้ำตาซึม แม่ชีรุ้งแก้วต้องปลอบไม่ให้เธอคิดมาก

ooooooo

พักตร์พริ้งเล่าให้พวงครามฟังเรื่องที่อัปสรไหว้ขอร้องให้เมตตามนต์ทิพย์ พวงครามตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกผิดขึ้นมาก็ได้ เขมิกาซึ่งรู้เรื่องมนต์ทิพย์รับเป็นทายาทปอบแล้ว กลับไม่เห็นด้วย

“เขมว่าดูเหมือนคุณน้าอัปสรจะห่วงอะไรสักอย่างนะคะ เหมือนกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรร้ายแรง”

โฉมหาว่าหลานสาวคิดมาก อัปสรแค่อยากให้พวงครามกับพักตร์พริ้งเมตตามนต์ทิพย์ก็แค่นั้นเอง พักตร์พริ้งไม่มีวันเมตตานังหลานปอบเด็ดขาด แล้วนึกถึงบุญสลักขึ้นมาได้ ไม่เห็นอยู่ในห้องด้วยก็ถามหา

“ก็ยุ่งๆเรื่องคดีนั่นแหละค่ะ เมื่อครู่นี้โทร.มาบอกว่าขอกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วจะรีบมาโรงพยาบาล”

พักตร์พริ้งยิ้มพอใจ ที่สามารถแยกบุญสลักออกจากมนต์ทิพย์ได้...

ฝ่ายมนต์ทิพย์ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองอยู่บ้านพวงคราม เพราะกลัวแม่กับแม่ชีรุ้งแก้วจะมาขัดขวางการเป็นทายาทปอบ จึงขอร้องบุญสลักไม่ให้บอกใคร อ้างว่าตอนนี้อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ แล้วชวนเขาไปซื้อบ้านแยกอยู่ต่างหาก เขายังไม่พร้อมจึงขอให้เธอชะลอแผนการนี้ออกไปก่อน

“คุณกังวลเรื่องเงินใช่ไหมคะ บุญสลักคะ นับจากนี้คุณไม่ต้องกังวลอีกแล้วล่ะค่ะ” มนต์ทิพย์พูดจบจูงมือเขามาดูกำปั่นใส่สมบัติซึ่งตั้งอยู่มุมห้อง บุญสลักตกใจ ไปเอาของมีค่ามากมายเหล่านี้มาจากไหน เธออธิบายว่าเป็นสมบัติของเธอที่คุณยายเก็บไว้ให้ ในเมื่อเรามีเงินแล้ว เราไปซื้อบ้านกันตอนนี้เลย เขายังไปไหนไม่ได้ เพราะแม่ยังป่วยอยู่โรงพยาบาล ไว้รอให้ท่านหายดีก่อนค่อยว่ากัน...

ค่ำวันเดียวกัน อัปสรทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจบุกไปเรือนปั้นหยาตามลำพัง หวังจะเอาตัวเองแลกกับชีวิตของลูก พยายามร้องเรียกให้แม่ออกมาหา แต่ทุกอย่างเงียบ เธอถึงกับปล่อยโฮ ซบหน้ากับตั่งที่แม่เคยนั่งเป็นประจำ ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นด้านหลังโดยที่เธอไม่เห็น พลันมีเสียงแม่ชีรุ้งแก้วดังขึ้น

“อัปสร กลับบ้าน เร็วสิ กลับบ้าน”

อัปสรลุกพรวด ผีเจ้าจะเข้าไปเล่นงานแต่ถูกพลังของพระเครื่องห้อยคอเธอกระแทกใส่หายวับไป ครู่ต่อมา อัปสรกลับถึงบ้านตัวเอง แม่ชีรุ้งแก้วตำหนิเธอที่แอบไปตามลูกคนเดียว ถ้าตนไม่นั่งสมาธิตามไป ป่านนี้เธอคงเป็นเหยื่อของผีเจ้าไปแล้ว ทีหน้าทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีก เธอแก้ตัวว่าทำไปเพราะเป็นห่วงลูก

“เขาไม่อยากให้เราพบ ไว้เขาออกมาก่อน เราค่อยหาทางช่วย พักผ่อนซะเถอะ”...

ขณะที่อัปสรรอดเงื้อมมือผีเจ้ามาได้หวุดหวิด บุญสลักแจ้งข่าวดีให้พวงครามทราบว่าพรุ่งนี้หมออนุญาตให้ท่านกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ พวงครามฉีกยิ้มอย่างมีความสุขจะได้กลับบ้านสักที อยู่ที่นี่เบื่อมาก

“งั้นคืนนี้ผมค้างเป็นเพื่อนคุณแม่ เช้าจะได้กลับบ้านพร้อมกันเลย”

“ดีลูก แม่จะได้ไม่เหงา หมู่นี้อาพักตร์ก็ไม่ค่อยว่าง”

แม่นมผ่องรีบรายงานว่าได้ยินพักตร์พริ้งบอกว่าคืนนี้ต้องไปงานเลี้ยง...

ณ ห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรมหรู คณิตจับจ้องมองพักตร์พริ้งตาไม่กะพริบ สนใจในความร่ำรวยของเธอ รอจนเธออยู่เพียงลำพัง จึงเข้าไปตีสนิทด้วย ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเพื่อให้เธอตายใจ พักตร์พริ้งไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา หลงปลื้มโดยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกปอกลอก

ooooooo

ระหว่างที่พวงครามกำลังจะเข้านอน มีเงาดำวูบผ่านหน้าบุญสลักกับแม่นมผ่องที่นั่งเฝ้าไข้เธออยู่ ทั้งสองคนตาค้างก่อนจะฟุบหลับ ทันใดนั้นประตูห้องพักฟื้นเปิดผลัวะ มนต์ทิพย์ดวงตาแดงก่ำราวกับตาของผีเดินเข้ามา พวงครามกลัวจัด จะร้องก็ร้องไม่ออก จะหนีก็ขยับไม่ได้

“ได้ข่าวว่าคุณหมอจะให้กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะ แหม ดูท่าไส้คุณแม่นี่คงจะเด้งน่าดู รสชาติคงอร่อยพิลึกนะคะ” ไม่พูดเปล่า มนต์ทิพย์ชูนิ้วขึ้นทำท่าจะจิ้มท้องพวงคราม มีเสียงของแม่ชีน้อมดังขัดจังหวะ

“มนต์ทิพย์ จงตั้งจิตให้มั่น ให้เข้มแข็ง มารจะครอบงำเจ้าไม่ได้” กายทิพย์ของแม่ชีน้อมปรากฏตัวขึ้น ผีเจ้าที่สิงอยู่ในร่างมนต์ทิพย์ตะคอกใส่ไม่ให้มายุ่งเรื่องของตน แม่ชีน้อมเตือนผีเจ้า หากไม่หยุดก่อกรรม ท่านก็ไม่อาจนิ่งเฉย พลันประกายสีทองของพลังบุญที่แม่ชีน้อมปล่อยออกมาส่องแสงระยิบระยับโปรยปรายไปทั่วห้อง ผีเจ้ากรีดร้องเสียงลั่นก่อนจะหายวับไปพร้อมกับร่างของมนต์ทิพย์

มนต์ดำที่สะกดไว้ก็คลายลงไปด้วย พวงครามขยับตัวได้ ร้องกรี๊ดๆห้องแทบแตก ทั้งบุญสลักและแม่นมผ่องฟื้นคืนสติ พากันตกใจรีบวิ่งไปจับพวงครามไว้ เสียงร้องเอะอะทำให้พยาบาลกรูเข้ามาช่วยกันจับเธอไว้ ทั้งแม่นมผ่องและบุญสลักไม่เห็นแหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่เข้าใจว่าพวงครามเป็นอะไร...

มนต์ทิพย์และผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านพวงคราม พร้อมกับเสียงหมาหอน ผีเจ้าบ่นหิวมากเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง มนต์ทิพย์มองไปรอบๆ เห็นหมากลุ่มหนึ่งกำลังเห่าหอนตนอยู่ ตรงรี่ไปที่พวกมัน

ooooooo

ป้าแหวนกับแช่มลงมากวาดสนามหญ้าหน้าบ้านในเช้าวันต่อมา ต้องตกใจที่เจอซากหมาตายเกลื่อน ในสภาพท้องแตกไส้หายไป เขมิกามาเห็นเข้าต้องเบือนหน้าหนีด้วยความขยะแขยง แล้วนึกบางอย่างขึ้นมาได้รีบเข้าไปในตัวบ้าน โดยมีป้าแหวนกับแช่มรีบเดินตาม

“บ้านเงียบเชียบไม่มีใครอยู่เลยหรือ”

แช่มกับป้าแหวนมองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันมองขึ้นไปที่ชั้นบนสีหน้ามีพิรุธ เขมิกามองตาม ก่อนจะถามว่ามีอะไรหรือ ป้าแหวนปฏิเสธว่าไม่มีอะไร เธอพยักหน้ารับรู้แล้วหยิบเงินให้ทั้งคู่คนละห้าร้อยบาท

“อย่าลืมล่ะ ถ้าเห็นอะไรผิดปกติรีบโทร.บอกฉันทันที อย่าบอกคุณอาทั้งสองนะ ฉันกลัวท่านไม่สบายใจ”

ทั้งสองคนรับคำอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย...

คืนนี้บุญสลักกลับมานอนบ้านเนื่องจากหมอเปลี่ยนใจยังไม่ยอมให้พวงครามกลับ มนต์ทิพย์รอจนเขาหลับสนิท ตามไปหลอกหลอนพวงครามที่ห้องพักฟื้นอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของเธอทำให้พยาบาลเวรวิ่งเข้ามาดู เห็นพวงครามร้องไห้ฟูมฟายว่าโดนผีหลอก พยาบาลต้องปลอบว่าไม่มีอะไร แล้วหันไปทางแม่นมผ่อง

“สงสัยว่าต้องส่งคุณหมอให้ตรวจสภาพจิตแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้ถ้าญาติมาเยี่ยม ช่วยบอกกับเคาน์เตอร์พยาบาลด้วยนะคะ”...

ในเวลาเดียวกัน แม่ชีรุ้งแก้วนั่งสมาธิอยู่ในห้องนอนโดยที่อัปสรนั่งสมาธิอยู่อีกมุมหนึ่ง กายทิพย์ของแม่ชีน้อมปรากฏตัวขึ้น แม่ชีรุ้งแก้วคุยกับท่านทางจิตว่าตนเองจิตใจสงบไม่พอก็เลยหาตัวมนต์ทิพย์ไม่พบ แม่ชีน้อมเพ่งกระแสจิตแล้วเห็นมนต์ทิพย์ ไปหาพวงคราม อัปสรร้อนใจ กลัวลูกจะไปทำร้ายเธอ ทำให้หลุดจากสมาธิ แม่ชีรุ้งแก้วต้องปลอบว่าอย่าเพิ่ง ตีตนไปก่อนไข้ พวงครามยังปลอดภัยดี

“แต่ถ้ามนต์ทิพย์ไม่ยอมเลิกราล่ะคะ หนูไม่อยากให้ลูกทำบาป” อัปสรน้ำตาคลอเบ้า

ooooooo

พอถึงตอนเช้า มนต์ทิพย์ที่สวยสดใสในยามค่ำคืน กลายเป็นผู้หญิงโทรมสุดๆ บุญสลักกำลังจะไปทำงาน เห็นสภาพของเมียรักแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ แนะให้ไปหาหมอ เธออ้างว่าไม่ได้เป็นอะไร ถ้าได้นอนพักก็คงจะหาย เขาไม่อยากให้เธออยู่ในห้องอับๆ จะไปเปิดหน้าต่างให้ลมถ่ายเท

“อย่าค่ะ ปิดไว้แบบนี้แหละดีแล้ว คุณไปทำงานเถอะค่ะ”

“ทิพย์อยากได้อะไรเรียกแหวนกับแช่มนะครับ” บุญสลักหอมแก้มเมียรักแล้วเดินออกจากห้อง...

บุญสลักไม่ได้ตรงไปที่ทำงานทันที แต่แวะเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลก่อน เจอแฟรงค์มาเยี่ยมท่านเช่นกัน แฟรงค์อดถามไม่ได้ว่ามนต์ทิพย์หายไปอย่างนี้ เขาไม่คิดจะออกตามหาบ้างหรืออย่างไร

“นายรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ไอ้ทิพย์อยู่ที่ไหน”

บุญสลักรับปากมนต์ทิพย์จะไม่บอกใครว่าเธออยู่ไหน จึงได้แต่ส่ายหน้า แล้วถามเขาว่าเจอเขมิกาบ้างไหม แฟรงค์มองไม่พอใจ ต่อว่าว่าแทนที่เขาจะเป็นห่วงเมียกลับถามถึงผู้หญิงอื่น ถ้าเขาหมดรักเธอแล้ว ก็ควรจะบอกกันตรงๆ ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง บุญสลักขี้เกียจเถียงด้วยเดินลิ่วไปที่ห้องพักฟื้นของแม่โดยมีแฟรงค์ตามติด พวงครามเห็นลูกมาเยี่ยมโผกอดไว้แน่น ละล่ำละลักว่ามนต์ทิพย์มาที่นี่จะมาฆ่าท่าน จะมากินไส้ท่าน

“คุณแม่ใจเย็นๆนะครับ ทิพย์จะไม่ทำอะไรคุณแม่แน่นอน ผมสัญญา”

“แต่แม่กลัว แม่ไม่อยากให้มืดเลย บุญสลัก มันน่ากลัวเหลือเกินลูก”

แฟรงค์สงสัย ไหนว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ แม่นมผ่องก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณผู้หญิงเอาแต่ร้องเอะอะว่าคุณทิพย์มาที่นี่ จะควักไส้ ท่านกิน นี่อาจเป็นเพราะท่านเคยหลอกคุณหนูว่าผีเข้า เวรกรรมก็เลยตามสนอง พักตร์พริ้งมาทันได้ยิน เอ็ดแม่นมผ่องที่พูดจาเลอะเทอะ

“ถ้าไม่เพราะนังมนต์ทิพย์ คุณพี่จะเป็นแบบนี้รึ”

“คุณพยาบาลบอกว่าจะให้คุณผู้หญิงตรวจสภาพจิตค่ะคุณหนู” แม่นมผ่องรายงาน พักตร์พริ้งแหวลั่น

คุณพี่ไม่ได้บ้า แค่ขาเดี้ยงจะให้พบจิตแพทย์ทำไม

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน แช่มกับป้าแหวนยกอาหารขึ้นมาที่หน้าห้องของบุญสลัก เคาะประตูบอกมนต์-ทิพย์ว่าเอาอาหารกลางวันมาให้ เธอสั่งให้วางไว้ตรงนั้น ยังไม่หิว ป้าแหวนคะยั้นคะยอให้กินอะไรบ้าง เมื่อเช้าก็ไม่มีอะไรตกถึงท้อง จู่ๆประตูห้องเปิดผลัวะ เผยให้เห็นมนต์ทิพย์นอนอยู่บนเตียงหันมองตาขวาง

“ฉันบอกว่าไม่กินก็ไม่กินสิ อย่ามาเซ้าซี้ เรื่องเก่าฉันก็ยังไม่ได้ชำระความกับแกสองคนเลยนะ”

ทั้งคู่กลัวหัวหด วิ่งแจ้นลงบันไดแทบไม่ทัน ป้าแหวน กับแช่มทนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ไหวตัดสินใจโทร.ไปนินทาให้เขมิกาฟังว่ามนต์ทิพย์ป่วย ร่างกายทรุดโทรม ข้าวปลาไม่ยอมกิน และไม่ยอมไปหาหมออีกด้วย

“แต่พอค่ำๆเธอลงมาข้างล่างค่ะคุณเขม ดูไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด หนำซ้ำยังดูสวยขึ้นผิดกับตอนกลางวันเป็นคนละคนเลยค่ะ” แช่มรายงานฉอดๆๆ เขมิกา ถึงกับอึ้ง อดนึกถึงเรื่องปอบไม่ได้ เสียงโฉมทักว่าเป็นอะไรหรือเปล่าถึงได้ถอนใจเฮือกๆแบบนั้น ปลุกให้เขมิกา ตื่นจากภวังค์ ก่อนจะรีบวางสาย

“เอ่อ...คุณย่าขา คุณย่าบอกเขมว่าปอบมีอยู่จริง แล้วปอบต่างกับคนเราตรงไหนเหรอคะ”

“ปอบมันก็เหมือนคนนั่นแหละ เพียงแต่มันจะกลัวแดด แต่พอหมดแสงอาทิตย์ มันก็ออกมาเฉิดฉายสวยงาม เปล่งปลั่ง จนผู้ชายหลงใหลกันทั้งเมือง มีอะไรหรือเปล่า เขมถามเรื่องปอบกับย่าหลายครั้งแล้วนะ”

เขมิกาไม่ตอบอะไร กลับย้อนถามว่าปอบกลัวพระใช่ไหม โฉมพยักหน้ารับคำ สีหน้าเป็นกังวล แอบแตะแหวนที่แม่ชีน้อมมอบให้บนนิ้วมือตัวเองเพื่อความอุ่นใจ...

แช่มกับป้าแหวนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นมนต์-ทิพย์หน้าตาสะสวย ยิ้มสดใสลงมาต้อนรับบุญสลักที่เพิ่งกลับจากทำงาน ทั้งๆที่เมื่อตอนกลางวันเธอโทรมสุดๆ เหมือนป่วยค้างปี เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงไม่สดชื่นนักว่าเขาพ้นคดีตึกถล่มแล้ว เพราะมีหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดของเขา มนต์ทิพย์ท้วง หลุดคดีน่าจะดีใจ แต่ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น เขาเป็นกังวลเรื่องอาการป่วยของแม่ที่แย่ลงกว่าเดิม

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อาจเป็นเพราะกรรมเก่าตามสนอง” มนต์ทิพย์รู้สึกตัวว่าพูดมากไป รีบกลบเกลื่อน “เชื่อทิพย์นะคะ อีกไม่กี่วันแม่คุณก็จะหายกลับบ้านได้ เชื่อทิพย์เถอะค่ะ”...

ดึกแล้ว บุญสลักไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่กอดเอาแต่หอมมนต์ทิพย์ไม่เลิกไม่แล้ว ได้เวลาที่เธอต้องออกหาเหยื่อ จึงขอร้องให้เขาเข้านอนได้แล้ว

“แต่ผมยังไม่หายคิดถึงทิพย์เลยนี่ครับ ขอกอดทิพย์อีกหน่อยนะ”

มนต์ทิพย์กลัวผีเจ้าจะไม่พอใจ สะกดจิตบุญสลักให้เข้านอน แล้วรีบร้อนออกไป...

ด้านเขมิกาเห็นสภาพของพวงครามแล้วอด

หวาดหวั่นไม่ได้ เกรงจะโดนปอบเล่นงานไปด้วย จึงขอพระเครื่องจากเกษมเอาไว้ติดตัว ทีแรกเขาคิดว่าลูกพูดเล่น แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของเธอแล้ว หยิบสร้อยห้อยพระองค์หนึ่งขึ้นเทินเหนือหัว ก่อนจะคล้องให้ลูก พร้อมกับอวยพรให้พระคุ้มครอง...

คืนนี้ผีเจ้าไม่ต้องการกินไส้ของสัตว์อีกแล้ว อยากได้เครื่องในสดๆของมนุษย์ แล้วชี้ให้มนต์ทิพย์ดูชายชาวบ้านสองคนที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่ท่าน้ำ นางเห็นเธอลังเล รีบปลุกเร้า

“ครั้งแรกก็แบบนี้ ลองดูสิไม่ยากหรอก แล้วเจ้าจะมีอำนาจที่หาผู้ใดเทียบเทียมมิได้”

กิเลสที่เข้าครอบงำจิตใจทำให้มนต์ทิพย์ยอมตกเป็นทาสของผีเจ้า สังหารชายชาวบ้านทั้งสองคนแล้วควักตับไตกินอย่างเอร็ดอร่อย วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น เย้ยหยันว่าเธอก็ไม่ต่างจากยายตัวเอง บูชาอำนาจใฝ่ต่ำ ผู้หญิงอกตัญญูที่รับเลี้ยงผีต่างวงศ์แทนผีปู่ย่าอย่างเธอไม่เหมาะกับผู้ชายดีๆอย่างบุญสลัก ผีเจ้าไม่พอใจไล่ตะเพิดเจ้านางปิ่นเมืองไปให้พ้นหน้า แต่เธอไม่สนใจ

“เจ้าจะไม่เหลือใครเลยสักคน อีมนต์ทิพย์”

เจ้านางปิ่นเมืองว่าแล้วหายวับไป มนต์ทิพย์เริ่มไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ผีเจ้าปรี่เข้าประชิดตัว คว้าคอเธอบีบแล้วตะคอกใส่หน้า “เจ้าจะเชื่อผีเร่ร่อนหรือเชื่อข้า”...

ขณะเขมิกาเดินครุ่นคิดอยู่ที่สวนข้างบ้าน วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เห็นสร้อยพระที่คอเธอก็โวยวายว่าห้อยพระแบบนี้แล้วตนจะช่วยเหลือได้อย่างไร เธอแค่จะไว้ป้องกันปอบมนต์ทิพย์

“เจ้าจะกลัวไปไย ในเมื่อมีข้าคอยช่วยเหลืออยู่ ถอดสร้อยออกเถอะ หรือเจ้าไม่อยากครองรักกับบุญสลักแล้ว คิดดูให้ดีเขมิกา” พูดจบวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองเลือนหายไป ด้วยความต้องการได้ตัวบุญสลักมาครอบครอง เขมิกาตัดสินใจถอดสร้อยห้อยพระออก

ooooooo

แฟรงค์มาเยี่ยมพวงครามที่โรงพยาบาลเหมือนทุกวัน ทักทายคนป่วย แม่นมผ่องและพักตร์พริ้งอย่างอารมณ์ดี โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองเขมิกาที่นั่งอยู่ในห้องเช่นกัน เธอเองก็ไม่ชอบใจนักที่เจอหน้าเขา บอกกับพวงครามและพักตร์พริ้งว่าบังเอิญเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวไปพบลูกค้าก่อน

“อ้าว ยังไม่ได้คุยกันเลยหนูเขม”

เขมิกายกมือไหว้พักตร์พริ้งกับพวงครามแล้วออกไปเลย แฟรงค์อดใจไม่ไหวรีบตามเธอจนทัน

“มาทำคะแนนแต่เช้า ฮึ ผมล่ะชื่นชมในความหน้าด้านของคุณจริงๆเขมิกา กล้าแย่งสามีคนอื่นโดยไม่รู้สึกละอายใจ จะทำยังไงดีนะคุณถึงจะมีสำนึกขึ้นมาได้บ้าง”

แทนที่เธอจะละอายแก่ใจ กลับหาว่าเขาเองก็คิดไม่ซื่อกับมนต์ทิพย์ ถ้าคิดว่ารักเพื่อนก็อย่าสวมเขาให้เพื่อนก็แล้วกัน แฟรงค์ถึงกับอึ้ง ได้แต่มองตามเขมิกาเดินจากไปอย่างเจ็บแค้นใจ...

ไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจให้บุญสลักกลับมาบ้านตอนกลางวัน ตรงไปหาเมียรักที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง กอดหอมเธอราวกับไม่เจอกันเป็นเดือนทั้งๆที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อเช้า จู่ๆเขาก็ชะงัก ทำจมูกฟุดฟิด

“ผมได้กลิ่นเหม็นสาบเหมือนอะไรเน่า”

มนต์ทิพย์เหลือบมองไปนอกห้องเห็นแช่มกับป้าแหวนยืนแอบๆอยู่ ฟ้องว่าไม่มีใครเข้ามาทำความสะอาดห้องให้ ถึงได้มีกลิ่นสาบๆแบบนี้ บุญสลักหันมองแช่มกับป้าแหวนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเรียกลงมาชำระความที่ห้องโถง ตำหนิทั้งคู่ที่ไม่ให้เกียรติมนต์ทิพย์ แม้แม่ของเขากับอาจะไม่ชอบเธอ แต่เธอก็เป็นเมียของเขา แล้วสั่งให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องของเขาให้เรียบร้อย

“หวังว่าผมคงไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกเป็นครั้งที่สองนะ” สั่งเสร็จบุญสลักลุกออกไป ทั้งป้าแหวนและแช่มแค้นใจมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ จำต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ทั้งที่มนต์ทิพย์เองเป็นคนห้ามไม่ให้พวกตนเข้าไปวุ่นวายในห้องนั้น...

ตั้งแต่พวงครามเข้าโรงพยาบาล พักตร์พริ้งออกเที่ยวกับคณิตตลอดๆ คืนนี้ก็เช่นกัน หลังจากปาร์ตี้กันสนุกสนาน เขาขับรถมาส่งเธอหน้าประตูรั้วบ้าน เธอชวนเขาเข้าไปข้างในก่อน คณิตอ้างว่ามีนัดจะเอาโฉนดที่ดินไปให้เพื่อนดู เนื่องจากตอนนี้บริษัทของเขากำลังมีปัญหาสภาพคล่อง พักตร์พริ้งหลงคิดว่าเขาจริงใจด้วย จึงเสนอตัวช่วยเหลือ เซ็นเช็คเงินสด 10 ล้านบาทให้เขาเอาไปหมุนก่อนโดยไม่มีอะไรค้ำประกัน คณิตตอบแทนความโง่เขลาของเธอด้วยการจับมือมาจุมพิต พร้อมกับหยอดคำหวาน

“คุณพักตร์ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง”

แค่นั้นพักตร์พริ้งก็ลงจากรถของเขาด้วยอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่แล้วอารมณ์บรรเจิดของเธอต้องสะดุดหยุดกึกเมื่อ เขมิกาโทร.มานัดให้ไปเจอกันวันพรุ่งนี้มีเรื่องบางอย่างจะปรึกษา...

บุญสลักได้ยินเสียงรถ จึงถามแช่มว่ารถใครมา เธอรู้แต่ว่ามาส่งพักตร์พริ้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วรายงานว่าพักนี้เธอแต่งตัวสวยออกจากบ้านทุกวัน บางทีก็มีเพื่อนขับรถมารับ พลันมีเสียงมนต์ทิพย์ดังขึ้น

“อย่าไปสนใจเลยค่ะ เรื่องธรรมดาของสาวแก่ พอเจอผู้ชายเอาใจเข้าหน่อยก็ต้องหลงเป็นธรรมดา”

“ทิพย์พูดเรื่องอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจ”

“คุณอาพักตร์คงกำลังมีความรัก เชื่อเถอะค่ะ ทิพย์ทายไม่ผิดหรอก”

ooooooo

ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง พักตร์พริ้งเต้นเป็นเจ้าเข้าเมื่อรู้จากเขมิกาว่ามนต์ทิพย์อยู่ที่บ้านพวงครามไม่ได้หลบลี้หนีหน้าไปไหนอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ด้วยเหตุนี้บุญสลักถึงไม่ค่อยไปโรงพยาบาลเพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับแม่นั่น พักตร์พริ้งชวนเขมิกาตามไปเอาเรื่อง เธอกลับอิดออด

“เขมมีนัดสำคัญกับคุณพ่อน่ะค่ะ”

“แหม เสียดาย ไม่เป็นไรแล้วอาจะรีบส่งข่าวนะจ๊ะ อาไปก่อน จะรีบไปจัดการกับนังตัวแสบ”

เขมิกามองพักตร์พริ้งที่ผลุนผลันออกไปอย่างพึงพอใจ พลันมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังว่าเอาเรื่องชั่วๆอะไรมาเป่าหูอาพักตร์อีก เธอหันขวับไปมอง เห็นแฟรงค์เดินมานั่งแทนที่พักตร์พริ้ง ก่อนจะยิ้มยียวนให้

“ไม่อยากเชื่อว่าคนหน้าตาสวยๆอย่างคุณจะจิตใจสกปรกอย่างคาดไม่ถึง” ด่าเสร็จเขาลุกออกไป เธอโกรธมาก ด่าไล่หลังว่า “ไอ้บ้า”...

ไม่นานนัก พักตร์พริ้งบุกมาอาละวาดมนต์ทิพย์ ถึงบ้านพวงคราม ไล่ให้เธอเก็บข้าวของออกไปจากที่นี่ แล้วด่าว่าต่างๆนานา มนต์ทิพย์แกล้งพูดยั่วประสาท ให้พักตร์พริ้งระวังจะถูกผู้ชายหลอกจนหมดตัวก่อนตาย เธอโกรธจัด จะตบสั่งสอนนังปอบปากเสียสักฉาด แล้วปรี่เข้าหา มนต์ทิพย์แค่ตวัดสายตาใส่ เธอก็สะดุดโครมล้มปากฟาดโต๊ะเลือดซิบ พอยันตัวลุกขึ้นได้จะเข้าไปเล่นงานมนต์ทิพย์อีก บุญสลักมาห้ามไว้ทัน

“หยุดนะ...นี่มันอะไรกันครับ ทำไมยังทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้”

“ก็เมียแกน่ะสิ มันจะฆ่าแม่แก แล้วมันก็ยังแช่งชักหักกระดูกอาอีก”

บุญสลักขอร้องให้เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว แฟรงค์เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างว่ามนต์ทิพย์ไม่ได้ผลักแม่ แต่ท่านเข้ามาช่วยพักตร์พริ้งทำร้ายมนต์ทิพย์ถึงได้พลัดตกบันได พักตร์พริ้งโวยลั่นนี่เขาหาว่าตนจะฆ่าพวงครามหรือ เขาปฏิเสธว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่จะบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ

“หลานอกตัญญู นี่แกเห็นเมียดีกว่าอาที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เนรคุณแท้ๆหลานฉัน” พักตร์พริ้งร้องไห้ฟูมฟาย บุญสลักได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ แล้วประคองมนต์ทิพย์ออกไป ทิ้งให้เธอเสียใจอยู่ตรงนั้น...

ด้วยความคับแค้นใจ พักตร์พริ้งไปขอร้องให้คณิตส่งสมุนของเขาไปจัดการมนต์ทิพย์ที่บ้านพวงคราม แล้วโทร.นัดแนะกับเขมิกาอีกครั้งเพื่อป้องกันความผิดพลาด...

ค่ำวันเดียวกัน เขมิกาโทร.ตามบุญสลักให้มาดูพวงคราม อ้างว่าท่านอาการไม่ดี เรียกหาเขาตลอดเวลา มนต์ทิพย์รู้เท่าทันแผนชั่วของเขมิกาและพักตร์พริ้ง แกล้งงอนเขาพอเป็นพิธี เพื่อไม่ให้เขาสงสัย...

ในเวลาต่อมา พักตร์พริ้งชะเง้อคอมองจากหน้าต่างบ้านตัวเองมาที่สนามหญ้าบ้าน พวงครามซึ่งอยู่ในรั้วเดียวกัน พร้อมกับบ่นอุบทำไมมนต์ทิพย์ถึงไม่ออกมาสักที ไหนแช่มกับป้าแหวนบอกว่าเธอชอบออกมาเดินเล่นดึกๆดื่นๆ สักพักมนต์ทิพย์
ออกมาที่สนามหญ้า พักตร์พริ้งถึงกับยิ้มออก

“ในที่สุด โชคก็เข้าข้างคนดีอย่างฉัน” ขาดคำ มนต์ทิพย์แหงนขึ้นมองเหมือนรู้ว่าถูกจับจ้อง พักตร์-พริ้งหลบวูบ เธอจึงไม่เห็นอีกฝ่ายยิ้มแสยะมาให้ แล้วเดินตรงไปยังจุดที่สมุนสามคนของคณิตซุ่มรออยู่อย่างจงใจ ปล่อยให้พวกนั้นเอากระสอบคลุมตัวแบกออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยที่เธอไม่ส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว

สมุนทั้งสามคนถูกมนต์สะกดให้ไปที่เรือนปั้นหยา กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ถูกผีเจ้ากับมนต์ทิพย์ควักไส้ออกมากิน ตายอนาถ...

ระหว่างที่สมุนของคณิตกลายเป็นเหยื่อรายล่าสุดของปอบ เขมิกาขับรถกลับบ้านกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่าจัดการมนต์ทิพย์ได้แล้ว พลันวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวที่เบาะหลังรถ หัวเราะหยัน เขมิกาตกใจรีบเบนรถจอดข้างทาง เธอต่อว่าเขมิกาที่โง่ไปเชื่อฟังพักตร์-พริ้ง น่าจะรู้ว่าไม่มีทางทำอะไรมนต์ทิพย์ได้ การส่งสมุนไปแบบนั้น ก็เท่ากับส่งอาหารไปเพิ่มพลังให้มัน เขมิกาอยากรู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

“อีพักตร์พริ้งจะทำอะไรก็ปล่อยมันไป เป้าหมายของเจ้าคือบุญสลัก อย่ามัวเสียเวลา ที่ใดมีเจ้าที่นั่นจะมีข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” พูดจบ เจ้านางปิ่นเมืองหายวับไป...

หลังจากมื้อดึกแสนอร่อย มนต์ทิพย์ใช้อำนาจปอบไปเข้าฝันพักตร์พริ้งในสภาพตาแดงก่ำ เล็บยาวน่าเกลียด ตรงเข้าบีบคอศัตรู แล้วเอามือจ้วงแทงท้องจะกินไส้ พักตร์พริ้งกรีดร้องลั่น ตกใจตื่นเหงื่อท่วมตัว รีบเปิดไฟหัวเตียง มองไปรอบๆห้อง ไม่พบสิ่งผิดปกติ ล้มตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ โดยไม่ล่วงรู้ว่ามนต์ทิพย์ยืนจ้องด้วยสายตามาดร้ายอยู่นอกหน้าต่างห้อง

ooooooo

แฟรงค์โทร.หาอัปสรทันทีที่ถึงออฟฟิศ เพื่อถามข่าวคืบหน้าของมนต์ทิพย์และแจ้งให้อัปสรรู้ว่า ลูกสาวของเธอไม่ได้ผลักพวงครามตกบันได แต่เป็นอุบัติเหตุ เขาวางสายแล้วพิงพนักเก้าอี้สีหน้าครุ่นคิด พอหันมองอีกทีต้องตกใจที่เจอเขมิกายืนเล็งปืนใส่ ขู่จะฆ่าทิ้งหากไม่เลิกยุ่งเรื่องของเธอ

“แล้วเรื่องทิพย์กับบุญสลักล่ะ”

“ถ้าจะยอมตายเพื่อเพื่อน ฉันก็คงห้ามคุณไม่ได้ แต่บางทีทิพย์อาจจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณแล้วก็ได้” เขมิกาพูดจบเดินออกจากห้อง แฟรงค์ตะโกนถามไล่หลัง พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร เธอไม่ตอบ ยังคงเดินลิ่วต่อไป...

ทางฝ่ายบุญสลักร้อนใจมากเมื่อกลับจากเฝ้าแม่แล้วพบว่ามนต์ทิพย์หายตัวไป ถามใครก็ไม่มีใครเห็น รู้แค่ว่าออกมาเดินที่สนามหญ้าข้างบ้านเมื่อคืน จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย

ครู่ต่อมา แฟรงค์โทร.เข้าบ้านพวงครามเพราะคิดว่าบุญสลักอยู่ที่นั่น แช่มซึ่งเป็นคนรับสายรายงานว่าเขาออกไปตามหามนต์ทิพย์ที่หายออกจากบ้านตั้งแต่เมื่อคืน แฟรงค์ถึงกับร้องเอะอะ นี่แสดงว่ามนต์ทิพย์อยู่ที่นั่นมาตลอด แช่มชะงักหน้าเจื่อนที่รู้ว่าแฟรงค์ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน พวงครามร้อนใจมากเมื่อพักตร์- พริ้งมาฟ้องว่ามนต์ทิพย์เข้าไปสิงสถิตอยู่ในบ้าน สั่งให้แม่นมผ่องไปบอกหมอว่าตนจะออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ จะไปจัดการนังนั่นให้รู้ดำรู้แดงไปเลย...

ทั้งอัปสร พรเทพและแม่ชี้รุ้งแก้วตกใจมากเมื่อรู้จากแฟรงค์ว่ามนต์ทิพย์อยู่ที่บ้านพวงคราม ไม่ได้หายตัวไปไหน พรเทพไม่เข้าใจ ทำไมบุญสลักถึงไม่บอกพวกเรา แม่ชีรุ้งแก้วตั้งข้อสังเกต อาจเป็นเพราะเขาตกอยู่ในอำนาจของปอบ แฟรงค์มองทุกคนสลับกันไปมางงๆ อัปสรจึงเล่าเรื่องปอบตั้งแต่สมัยเมืองนายให้เขาฟัง และบอกว่ามนต์ทิพย์กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นคนกับปอบ

จากนั้นทั้งสี่คนก็ตรงไปยังเรือนปั้นหยา เพราะมั่นใจว่ามนต์ทิพย์อยู่ที่นั่น เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด อัปสรดีใจที่เจอลูก ถลาเข้าไปหา มนต์ทิพย์เห็นสร้อยพระที่คอแม่ ตวาดลั่นให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ต้องเข้ามา

“หนูอย่าเชื่อผีเจ้านะทิพย์ ปอบไม่สามารถบันดาลทุกอย่างให้ลูกได้ ทิพย์กำลังจะทำบาปมหันต์ด้วยการฆ่าคนสังเวยปอบ แม่ไม่อยากให้หนูต้องทุกข์ทรมานเหมือนคุณยาย แม่จะช่วยหนูเอง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตแม่ก็ยอม” ไม่ว่าอัปสรจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร พรเทพและแม่ชีรุ้งแก้วพยายามพูดให้เธอเปลี่ยนใจแค่ไหน มนต์ทิพย์ก็ไม่สนใจ ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ เดินหนีขึ้นไปที่ห้องนอนของละอองคำหน้าตาเฉย

อัปสรกับทุกคนวิ่งตามเธอขึ้นไป แต่เข้าห้องไม่ได้ถูกประตูกระชากปิดใส่หน้า มนต์ทิพย์ไล่ตะเพิดทุกคนไปให้พ้น เธอไม่อยากพบใครทั้งนั้น อัปสรทรุดลงกับพื้นร้องไห้โฮ พรเทพต้องช่วยประคอง แฟรงค์โกรธมากที่เธอพูดกับแม่อย่างนั้น ทั้งเขย่าทั้งทุบประตูให้เธอออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง ด้วยความเก่าแก่ประตูหลุดผลัวะ เขาพุ่งเข้าไปกอดมนต์ทิพย์ที่ตอนนี้เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ เนื่องจากปอบจะฤทธิ์น้อยในเวลากลางวัน

“ฉันรักแกนะ แกต้องเข้มแข็ง อย่าให้ปอบมันครอบงำแกได้”

มนต์ทิพย์พยายามดิ้นหนีแต่แฟรงค์กอดไว้แน่น บุญสลักเข้ามาเห็นก็ไม่พอใจต่อยแฟรงค์หน้าหงายที่บังอาจมาแตะต้องเมียของตน เขาอธิบายว่าพวกเรากำลังช่วยเหลือเธอให้พ้นจากอำนาจปอบ บุญสลักไม่เชื่อเรื่องผีสาง หาว่าเขาบ้าจี้ไปกับพักตร์พริ้งและเขมิกา สั่งห้ามกล่าวหามนต์ทิพย์แบบนี้อีก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อยู่ๆ

มนต์ทิพย์เป็นลมล้มพับ บุญสลักรับตัวไว้ทัน แล้วอุ้มออกไปทันที โดยมีทุกคนตามไปติดๆ

ooooooo

ขณะที่มนต์ทิพย์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พวงครามก็กลับถึงบ้านโดยมีพักตร์พริ้งกับเขมิกาช่วยกันประคองเข้ามา เธอหวังจะมาเอาเรื่องมนต์ทิพย์ให้หายแค้น กลับพบว่าเธอไปแล้ว แช่มกับป้าแหวนเองก็ไม่รู้ว่าไปไหน เมื่อคืนยังอยู่ พอเช้ามาก็ไม่เห็นแล้ว พวงครามยิ้มแฉ่ง ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยไล่มันไปจากที่นี่

“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกันล่ะคะ คุณคณิตของน้องต่างหากที่จัดการมัน...อุ๊ย เอ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ที่ช่วยเรา กำลังนังมนต์ทิพย์ สาธุๆๆ” พักตร์พริ้งไหว้ปลกๆกลบเกลื่อน ทุกคนพากันมองเธองงๆ...

หมอตรวจมนต์ทิพย์อย่างละเอียดแล้วพบว่าท้องได้ 7 สัปดาห์ บุญสลักดีใจมาก แต่อัปสร พรเทพแม่ชีรุ้งแก้วและแฟรงค์ต่างหน้าเสียเพราะเท่ากับผีเจ้ามีข้อต่อรองเพิ่มขึ้น ชวนกลับไปปรึกษาหารือกันที่บ้านอัปสรว่าจะทำอย่างไรกันดี แม่ชีรุ้งแก้วเองก็มืดแปดด้าน คงต้องขอปรึกษากับแม่ชีน้อมก่อน...

พวงครามกับพักตร์พริ้งเห็นบุญสลักพามนต์ทิพย์กลับมาบ้าน ช่วยกันไล่ตะเพิดโดยมีเขมิกายืนยิ้มสะใจอยู่ใกล้ๆ แต่พอรู้ว่าเธอท้อง ทั้งสามคนพากันเจ็บใจที่ไม่อาจขับไล่ไสส่งมนต์ทิพย์ไปจากชีวิต...

ในเวลาต่อมา เขมิกากลับถึงบ้านอย่างเซ็งจัดที่แผนการทุกอย่างล้มคว่ำไม่เป็นท่า วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับบอกว่ามนต์ทิพย์ท้องได้ก็แท้งได้ เธอมองไม่เข้าใจ

“อีพักตร์พริ้งมันจิตใจสกปรก มันช่วยเจ้าได้ ปอบมันอ่อนแอเวลากลางวันจำไว้”...

ฝ่ายแม่ชีรุ้งแก้วและอัปสรนั่งสมาธิเพื่อติดต่อกับแม่ชีน้อม สักพักกายทิพย์ของท่านปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ ป่านนี้ผีเจ้าคงรู้แล้วว่าเด็กในท้องมนต์ทิพย์เป็นหญิง นางคงไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ อัปสรจะขอเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยไม่ให้ลูกกับหลานต้องตกนรกทั้งเป็นเหมือนแม่ตัวเอง

“พุทธคุณเท่านั้นที่จะปราบปอบได้ เราต้องเริ่มต้นที่ตรงนั้นก่อน” แม่ชีน้อมแนะนำ...

อัปสรลองทำตามคำแนะนำของแม่ชีน้อม วานให้แฟรงค์ขับรถพาไปพบบุญสลักที่ออฟฟิศของเขา ขอร้องให้ช่วยเอาสร้อยพระเส้นนี้คล้องคอมนต์ทิพย์ตอนเผลอให้ด้วย แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้ แต่นี่อาจช่วยให้มนต์ทิพย์หลุดพ้นจากอำนาจลึกลับ บุญสลักจำใจรับสร้อยพระไว้ แต่พอทั้งคู่คล้อยหลัง เขานำสร้อยห้อยพระใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน ไม่สนใจอะไรอีก...

โฉมกับเขมิกาวางแผนจะกำจัดเด็กในท้องของมนต์ทิพย์ให้ได้ จึงขอให้พักตร์พริ้งช่วยเพราะรู้ว่าเธอเกลียดมนต์ทิพย์มาก โดยโฉมจะฝากยาแท้งลูกไปให้มนต์ทิพย์และกำชับว่าต้องกินให้หมด...

เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามคาด มนต์ทิพย์กับผีเจ้าล่วงรู้ถึงแผนนี้เสียก่อน จึงวางแผนดัดหลัง สะกดแช่มให้บอกเขมิกากับพักตร์พริ้งที่รอฟังผลงานอยู่หน้า

ห้องนอนของบุญสลักว่ามนต์ทิพย์กินยาเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่หลงกลกรูกันเข้าไปในห้อง กลับเห็นถ้วยยาในมือแช่มไม่พร่องแม้แต่น้อย แถมนังสะใภ้เถื่อนหายตัวไป

พลันมนต์ทิพย์โผล่พรวดมาจากด้านหลังด้วยดวงตาแดงก่ำของผี พักตร์พริ้งไม่ทันสังเกตเห็น สั่งให้ เขมิกาช่วยกันจับตัวไว้จะได้กรอกยากำจัดเด็กในท้องให้สิ้นซาก แต่อยู่ๆมีเงาดำเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนถูกมนต์ดำของปอบไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนกายได้ มนต์ทิพย์หันไปทางแช่ม

“นังแช่มมานี่...ป้อนยาให้นังเขม”

แช่มพยายามขัดขืนแต่ทำไม่ได้ เขมิกาก็เช่นกัน ดิ้นรนอย่างไรก็หนีไม่ได้ ทันใดนั้นวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น ช่วยเหลือเขมิกาหนีไปได้ มนต์ทิพย์จึงหันไปเล่นงานพักตร์พริ้งแทนที่ แช่มเอายากรอกปากเธอจนหมดถ้วย จากนั้นปอบสาวก็คลายมนต์สะกด คุณอาตัวแสบถึงกับทรุด ขย้อนออกมาเป็นเลือด

มนต์ทิพย์ยิ้มสะใจแล้วเดินลิ่วออกจากห้อง พักตร์พริ้งแค้นมากฝืนความเจ็บปวดไล่ตามจนทันกันตรงบันไดแล้วผลักเธอเต็มแรง ผีเจ้าเห็นท่าไม่ดีสิงร่างแม่นมผ่องเข้าไปคว้ามนต์ทิพย์ไว้ทันก่อนจะร่วงลงมา แล้วออกจากร่างเธอพุ่งใส่พักตร์พริ้ง บิดไส้จนลงไปร้องโอดโอย

ooooooo
 

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น