วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 1


เช้าตรู่ เวลา 05.55 น. พอเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น มุกริน คุรุรัตน์ สาวสวยหุ่นดีก็ลุกจากเตียงอย่างกระฉับกระเฉง คว้ามือถือเดินตรงไปที่ห้องน้ำ

ที่หัวเตียงมีรูปคู่ระหว่างเธอกับคู่หมั้นหนุ่มรูปหล่อ ณ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่ง

เช้าตรู่วันเดียวกัน คิมหันต์ สุริยะศักดิ์ คู่หมั้นหนุ่มของมุกรินยังนอนคุดคู้อยู่ เสียงมือถือที่วางอยู่หัวเตียงเรียก เขางัวเงียเอื้อมมือไปหยิบกดรับ

“มอร์นิ่ง...ตื่นเช้าจัง...ขอให้ทุกอย่างราบรื่น ฝนไม่ตกนะจ๊ะ...ขอนอนอีกแป๊บนึงน่า...งานเริ่มบ่ายไม่ใช่เหรอ...ก็นอนอยู่ในห้องที่จะเป็นเรือนหอของเราเดือนหน้านี่ไง”

“นอนก่อนได้ไง...เขาถือนะ” มุกรินพูดใส่โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างอ่างล้างหน้า คิมหันต์ตอบเสียงง่วงๆว่าใครถือก็ช่างตนไม่ถือ “อวยพรให้มุกหน่อยสิคะ...งานวันนี้ฝีมือมุกล้วนๆเลยนะ”

“นอกจากคำอวยพรแล้ว ผมยังมีของขวัญให้มุกด้วย...ฟังนะ” คิมหันต์ลุกขึ้นหยิบกีตาร์เล่นและร้องเพลงรักระหว่างเขาและเธออยู่บนเตียง และที่หัวเตียงมีรูปถ่ายคู่ของเขากับมุกรินรูปเดียวกันกับมุกรินวางอยู่เช่นกัน

ฟ้าเริ่มสางแล้ว... แสงสลัวเผยให้เห็นบ้านไม้สามชั้นที่แม้จะเก่าแก่แต่ปรับแต่งซ่อมแซมจนสวยงามน่าอยู่อาศัยยิ่งนัก

ooooooo

“Fast Track...to the Fifth Year” แผ่นป้ายสวยงามในบรรยากาศงานเลี้ยงหรูหรา ดูดีมีรสนิยม

พลโทอรรถ เลิศปัญญาวุฒิ นายทหารนอกราชการผู้กว้างขวางในแวดวงธุรกิจ ท่านประธานบริษัท Fast Track ผู้มีบุคลิกดี สมาร์ทและมีเสน่ห์ มีเลขาสาวแสนสวยเดินประกบไม่ห่าง ยิ้มแย้มท่ามกลางแขกที่มาแสดงความยินดีไม่ขาด

“ดีใจด้วยนะครับ เผลอแป๊บเดียว จะครึ่งทศวรรษแล้ว” แขกคนหนึ่งทัก

“นั่นสิ สี่ปีที่แล้ว ยังคิดว่าจะทำเล่นๆ ขำๆ อยู่เลย” อรรถเอ่ยยิ้มแย้ม

“อย่างนี้ไม่ขำแล้วครับท่าน มืออาชีพเลยล่ะ” แขกอีกคนเสริม

“ใช่...งานใหญ่ๆระดับชาติทั้งภาครัฐภาคเอกชนเป็นต้องเรียกใช้ Fast Track เจ้าเดียวเท่านั้น” อีกคนชื่นชม

“พูดอย่างนี้ เดี๋ยวมีคนไปฟ้องศาลหาว่าผมผูกขาด จะแย่เอานา” อรรถเอ่ย แล้วพากันหัวเราะ

ที่อีกมุมหนึ่งของงาน พักตรา เลิศปัญญาวุฒิ ลูกสาวพลโทอรรถ กำลังถูกแขกผู้ใหญ่ที่เป็นสตรีในงานทักทายหยอกเอินอย่างเอ็นดูว่าวันนี้จะขึ้นเวทีเป็นพิธีกรหรือร้องเพลงหน่อยไหม จะรอฟัง

“ไม่ดีกว่าค่ะ บริษัทของพ่อ งานของพ่อ ให้พ่อร้องดีกว่า คุณพ่อร้องเพลงเพราะนะคะ”

ขณะนั้นเองมีหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ แยกไปหยิบเครื่องดื่ม แขกผู้ใหญ่คนนั้นชี้ไปที่หนุ่มหน้าตี๋ ถามพักตราว่าแล้วเมื่อไหร่จะมีข่าวดี

“โอ๊ย...อีกนาน ความประพฤติยังไม่ผ่านเกณฑ์ค่ะ” พักตราตอบตรงเสียจนแขกคนนั้นพูดได้แค่ “เหรอจ๊ะ...” แล้วเงียบไป

ooooooo

ที่อีกมุมหนึ่ง กลุ่มพนักงานเดินแจกพลุกระดาษให้กับแขกในงาน มุกรินบอกแขกเหล่านั้นว่า เอาไว้ใช้ตอน speech ของท่านประธาน แล้วเดินไปหาปรารภผู้จัดการบริษัทบอกว่าอีกห้านาที ปรารภบอกว่าตนดูนาฬิกาอยู่

พอมุกรินจะเดินไป ปรารภเรียกไว้ชมว่า งานวันนี้ทำได้ดีมากนะ เธอพูดยิ้มๆว่า “ขึ้นเงินเดือนให้มุกสิคะ”

“ทั้งเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง เดี๋ยวผมจะชงเรื่องให้”

“ขอบคุณค่ะ” มุกรินไหว้ทีเล่นทีจริงแล้วเดินไป พักตราเดินมาหามุกรินพูดอย่างสนิทสนมแต่ทีท่าเหนือกว่าว่า

“แฟนฉันล่ะ ไม่มาเหรอ”

“มาซี่...แต่เขาโอ้เอ้ อืดอาดอย่างนี้ประจำน่ะแหละ”

“ถึงว่าสิ ถึงได้เป็นแค่คูหมั้นมาตั้งสามปี ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจับแต่งงานตั้งแต่เป็นแฟนกันปีแรกแล้ว ไม่หมั้นให้เสียเวลาอย่างนี้หรอก...ระวังนะ หมั้นนานๆ อย่างนี้จะกลายเป็นหมันไม่รู้ตัว” พอมุกรินบอกว่าจะแต่งเดือนหน้าแล้วพักตราทำตาโต “เหรอ...งั้นฉันยังพอมีเวลาแย่งเธออีกตั้งเดือนนึง”

มุกรินชี้ไปที่หนุ่มหน้าตี๋คนนั้นถามว่าแล้วคนนั้นเขาไม่ว่าเอาเหรอ พักตราส่ายหน้า หางตาไปทางนั้นบอกว่า

“ฉันจะเลิกกับมันวันนี้แหละ”

ooooooo

เมื่อได้เวลาเปิดงาน ปรารภขึ้นเวทีกล่าวทักทายแขกผู้มีเกียรติ แล้วเอ่ยเชิญ

“ในวาระที่ Fast Track กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ห้า...จึงขอถือโอกาสนี้ มาฟังเรื่องราวดีๆจากท่านประธานของเรา ขอเสียงปรบมือต้อนรับหัวเรือใหญ่ที่มีสายตากว้างไกลของเรา...พลโทอรรถ เลิศปัญญาวุฒิ”

ท่านประธานบริษัทเดินอย่างสง่าขึ้นเวทีพร้อมกับโบกมือให้แขกทุกคนในงาน

ที่อีกมุมหนึ่ง คิมหันต์มาถึงแล้ว พวกสาวๆในงานต่างเหลียวมองเขากันเกรียว ส่วนหนุ่มหน้าตี๋กำลังง่วนกับการหลีสาววัยรุ่นเซ็กซี่

“มาเร็วกว่าที่คิดตั้งครึ่งชั่วโมง” มุกรินทักคิมหันต์ เขาบอกว่าแวะไปเอาดอกไม้มาให้เธอ ไม่อย่างนั้นมาเร็วกว่านี้อีก พลางมอบช่อดอกไม้ เอ่ยอย่างชื่นชม

“congratulations ครับ...ตั้งแต่ประตูเข้างานจนมาถึงนี่ มีแต่คนชมครีเอทีฟงานนี้ ไม่พูดเรื่องอื่นเลยรู้ไหม”

“เว่อร์แล้วคิม” มุกรินยิ้มเขินๆกับคำชมของคู่หมั้น

อรรถยืนอยู่หน้าไมโครโฟนโดยมีปรารภยืนขนาบข้าง เขาเอ่ยชื่นชมว่า

“ก่อนอื่น ผมต้องขอให้เครดิตกับผู้ออกแบบจัดงานวันนี้ก่อน...เธอเป็นกราฟฟิกดีไซเนอร์ที่เพิ่งหันมาจับงานด้านครีเอทีฟ และผลงานของเธอดูดี มีอนาคตทีเดียว นางสาวมุกริน คุรุรัตน์ครับ” แขกในงานหันมองมุกรินปรบมือให้เกียรติ “เห็นสวยๆอย่างนี้มีคู่หมั้นแล้วนะครับ นายคิมหันต์ สุริยะศักดิ์ ยืนข้างๆกันนั่นแหละ หนุ่มๆเสียดายกันเป็นแถวล่ะซี”

“พ่อม่ายอย่างผมยังเสียดายเลยครับ” ปรารภเอ่ยหยอกเอิน

พักตราเดินมาหามุกรินและคิมหันต์บอกว่า “ถ้าจะเอาใจลูกค้าคงต้องเลิกกันนะ คนอื่นจะได้มีลุ้น” คิมหันต์บอกว่าให้มุกออกจากบริษัทง่ายกว่ากระมัง พักตรามองขวับ “ตอนคุณเลิกกับพักตร์ไม่เห็นจะยากเลยนี่คะ”

“พูดใหม่เถอะพักตร์ เรายังไม่เคยเป็นอะไรกันเลยนะ”

“อันนี้ก็แล้วแต่ ใครจะคิดจ้ะ...เนอะมุก” พักตราหัวเราะร่วนหันไปพูดทีเล่นทีจริงกับมุกรินแทน

บนเวที...อรรถ ประธานบริษัทยังยืนพูดอยู่หน้าไมโครโฟน บอกกล่าวแก่แขกที่มาร่วมงานว่า วันนี้ถือเป็นวันเกิดและวันเติบโตของบริษัท ตนจึงถือเอาวันนี้เป็นวันคืนกำไรให้กับสังคม โดยจะแบ่งผลกำไรส่วนหนึ่งของบริษัทในปีที่ผ่านเพื่อทำการกุศลแล้วประกาศเชิญชวน...

“ผู้มีเกียรติแจ้งความประสงค์จะร่วมบริจาคกับเราอีกมากมาย ผมจะขอเชิญผู้ใจบุญที่ร่วมบริจาคเป็นหลักล้าน ขึ้นโชว์ตัวบนเวทีหน่อยครับ... ท่านแรกครับ... คุณวิมลรัตน์ สุริยะศักดิ์ เจ๊มลคนดังแห่งแวดวงแบรนด์เนมนั่นเอง”

ธาดาเดินมายืนข้างคิมหันต์กับมุกรินเอ่ยกับคิมหันต์ว่าถ้าไม่บอกนามสกุลจะไม่รู้เลยว่าเป็นพี่สาวเขา คิมหันต์แซวคืนว่า “ก็เหมือนคุณกับมุกนั่นแหละ เอาใบเกิดมาดูยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน”

ธาดาเดินขึ้นเวทีไปยืนแทรกข้างวิมลรัตน์ เธอกระซิบพอได้ยินกันสองคนทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มสวยอยู่ว่า

“ทำไมชอบหนีฉัน...ฉันบอกให้เดินตามมาใกล้ๆ ไง” ธาดากระซิบตอบภรรยาว่าเผื่อเธออยากจะคุยส่วนตัวกับนายทหาร ตนก็หลบให้ไง ถูกวิมลรัตน์จิกว่า “หลบไปคุยกับสาวอื่นล่ะสิ อย่าให้จับได้เชียวนะ”

“โธ่...มีที่ไหนกัน...ถามน้องชายคุณได้” ธาดาโอดโอยแต่ยังเก๊กหน้าหล่อ

ขณะนั้นเอง พักตราเดินเข้ามาจิกตาไปยังหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกกับสาววัยรุ่นเซ็กซี่

ปรารภดำเนินรายการต่อ ประกาศถึงช่วงสุดท้ายของพิธีการว่า

“ตามฤกษ์พานาทีที่พระอาจารย์ให้ไว้ เราจะนับถอยหลังพร้อมๆกัน เพื่อเป็นสัญญาณในการเคลื่อนเข้าสู่ก้าวใหม่ ก้าวที่ใหญ่ขึ้น แกร่งขึ้น ทุกท่านมีอุปกรณ์อยู่ในมือแล้วนะครับ พร้อมนะครับ สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...”

ระหว่างนั้นแขกในงานก็จับพลุในมือกระชับ อรรถประธานบริษัทเตรียมกดปุ่มสำคัญบนเวที เสียงแขกในงานร่วมกันนับถอยหลังกับปรารภ “...หก...ห้า... สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...”

ทันใดนั้น เสียงแก้วแตกดังลั่นขึ้นก่อนที่ประธานจะกดปุ่มและก่อนที่แขกในงานจะจุดพลุ เสียงร้องกรี๊ดลั่น แขกในงานมองไปยังที่มาของเสียงเป็นตาเดียว!

ภาพที่ปรากฏแก่สายตาทุกคนคือเด็กสาวเซ็กซี่คนนั้นยืนตัวสั่น รอบตัวมีเศษแก้วแตกกระจาย ส่วนหนุ่มหน้าตี๋ยืนซีดอยู่ใกล้ๆ พักตรายืนประจันหน้าคนทั้งสองด้วยสีหน้าถมึงทึง ตะโกนลั่น

“ออกไปเลย ออกไปจากงานนี้เลย สะเออะเข้ามาทำไมไม่ทราบ อีหน้าด้าน...นึกว่าฉันไม่รู้เหรออีอ้อ ว่าแกแอบไปนอนกับแฟนฉันกี่ครั้งแล้ว ฉันแค่ไม่อยากพูดเท่านั้นแหละ...ไป...ออกไปให้พ้น!”

พักตราบ้าดีเดือดคว้าขวดเหล้าสาดใส่หน้าสาว พอหนุ่มหน้าตี๋ห้ามเสียงอ่อย เธอคว้าถังน้ำแข็งใบใหญ่สาดใส่หนุ่มหน้าตี๋เข้าอย่างจัง ตามด้วยเหล้าอีกหลาย
ขวด ตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง...

“แกก็ออกไปด้วย ไปได้แล้ว...ปกป้องอีนี่ดีนัก ไปอยู่กับมันเลย...เราเลิกกันวันนี้ ไอ้กระจั๊ว...ออกไป!”

ผู้คนในงานต่างมองและส่งเสียงกันอื้ออึงและโกลาหลกันเล็กน้อย ส่วนคนบนเวทีมองตะลึง อรรถหันไปพยักหน้าให้ปรารภ ปรารภหันไปส่งสัญญาณให้ดนตรีเล่นให้ดังกระหึ่มกลบเสียงด่าทอของพักตรา

“เล่นให้ดังเข้าไว้ ดังกว่าปกติสักสามเท่า...ทุกท่าน... จุดพลุได้!” ปรารภตะโกน และอรรถก็กดปุ่มสำคัญ ลูกโป่งที่เตรียมไว้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงพลุกระดาษในมือของทุกคนดั่งสนั่น กระดาษสีกระจายฟ่องเต็มพื้นที่จัดงาน ดนตรีก็เร่งเสียงดังกระหึ่มจนสะเทือนห้อง

ในสถานการณ์นี้ วิมลรัตน์กับธาดาก็ยังกะหน็อง กะแหน็งกันไม่เลิก ธาดาบอกวิมลรัตน์ว่าตนไม่ได้เลวเหมือนไอ้หมอนั่นสักหน่อย วิมลรัตน์พูดลอดไรฟันว่า “ให้มันจริงเถอะ อย่าลืมว่า ถ้าฉันของขึ้นเมื่อไหร่ ฉันร้ายกว่ายายพักตรานั่นหลายเท่า”

ooooooo

เมื่อบรรยากาศเริ่มคลี่คลาย อรรถเดินมาพูดกับมุกรินและคิมหันต์ที่ยืนเซ็งอยู่ว่า

“งานวันนี้สวยงาม และมีคุณค่ามากนะ ส่วนที่ทำให้งานเสียหาย ก็ไม่ใช่เพราะหนู เป็นเพราะลูกสาวอาเอง...หนูไม่ต้องกังวล คิมหันต์...อาอยากจะขอให้เธอไปคุยกับยายพักตร์หน่อยได้ไหม ส่วนฉันจะกลับไปคุยกับเขาที่บ้าน ขืนคุยที่นี่เดี๋ยวไม่จบ แต่ถ้าเธอลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ” พูดแล้วเดินผละไป

มุกรินบอกคิมหันต์ว่าไปเถอะ ตนไม่มีปัญหา เขาบอกเธอว่า “รอผมก่อนนะ คืนนี้เรามีนัดฉลองกัน...อย่าลืม”

คิมหันต์หอมแก้มเธอก่อนเดินออกไป

พักตราถามคิมหันต์ว่าพ่อให้มาปลอบตนหรือ คิมหันต์บอกว่าใช่เธอเดาได้แม่นมาก พักตราทำหน้าผิดหวังบ่นว่าอยากเดาผิดบ้าง อยากให้เขาบอกว่า ตั้งใจมาคุยกับตนเองมากกว่า

“ผมจะมาเองหรือคุณพ่อคุณบอกให้มา มันไม่ต่างกันหรอกครับ เพราะจริงๆแล้วทุกคนเป็นห่วงคุณเหมือนกันนะพักตร์” พักตราถามว่าเขาจะห่วงตนมากกว่าคนอื่นสักนิดไม่ได้เหรอ คิมหันต์นิ่งไม่ตอบ พักตราเอื้อมไปจับมือเขาจ้องหน้าเขาเต็มตา ถามอ้อนๆ “พักตร์ขอมากไปเหรอคะ” คิมหันต์ไม่ตอบแต่ดึงตัวเองออกมา เธอตัดพ้อว่า “พักตร์โชคไม่ดีเหมือนมุก”

“คุณมีอะไรๆมากกว่ามุกรินเยอะ”

“แต่พักตร์ไม่มีคิม ถ้าสี่ปีที่แล้ว พักตร์ไม่แนะนำคิมกับมุกให้รู้จักกัน วันนี้เราอาจจะแต่งงานกันแล้วก็ได้ คิมว่าไหม” คิมหันต์ไม่ตอบ มองหน้าถามว่า เธออารมณ์ดีขึ้นแล้วนะ ใช่ไหม?

ooooooo

มุกรินนั่งคอยคิมหันต์อยู่เงียบๆ จนวิมลรัตน์กับธาดาเดินเข้ามา วิมลรัตน์ติงมุกรินว่าไม่ควรปล่อยให้คิมหันต์ไปคุยตามลำพังกับผู้หญิงอื่น มุกรินบอกว่าไม่มีอะไรหรอก แค่ให้กำลังใจกันประสาเพื่อน

“ฉันไว้ใจน้องชายฉันว่าไม่มีอะไร แต่ฉันไม่ไว้ใจยายพักตรา” วิมลรัตน์เอ่ย ธาดาชวนมุกรินไปหาอะไรกินกันไหม เธอยิ้มส่ายหน้า ก็พอดีคิมหันต์กลับมา เขาตอบแทนมุกรินว่าเสียใจ เพราะเรามีนัดกันแล้ว ธาดาชวนวิมลรัตน์ไปจอยกับเขาดีไหม คิมหันต์ขัดทันทีว่า “อย่าดีกว่า คู่ใครคู่มันเถอะ”

“ก็ดี...” วิมลรัตน์ตอบน้องชายแล้วหันมองธาดา “เพราะคุณกับฉัน มีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกเยอะคุณธาดา” คิมหันต์กระซิบบอกพี่สาวว่า “เบาๆหน่อยก็ดีนะพี่มล ไอ้หมอนี่มันฝ่อพี่จะแย่อยู่แล้ว”

วิมลรัตน์บอกคิมหันต์ก่อนผละไปกับธาดาว่า “ว่างๆค่อยโทร.คุยกันนะ”

คิมหันต์ขับรถพามุกรินไปถึงริมทะเลสวย เข้าไปจองบังกะโล พนักงานบอกว่าห้องเต็ม

“ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ค้าง แค่จะมาทานอาหาร เดินเล่นริมหาดเท่านั้น” มุกรินบอก

คิมหันต์บอกพนักงานว่าเราเคยมาที่นี่เมื่อสามปีที่แล้ว พนักงานบอกว่าวันนี้ไฟดับและแม่ครัวก็เพิ่งกลับไปเพราะกลัวพายุเข้า คิมหันต์ถามว่าในครัวมีอะไรบ้างเราทำกันเองได้ถ้าอนุญาต เห็นพนักงานลังเล คิมหันต์ขอร้อง...

“นะครับ...วันนี้วันสำคัญ...ครบรอบวันหมั้นเราสองคน”

เมื่อเข้าห้องครัว คิมหันต์บ่นเสียดายที่ผิดแผนไปหน่อย ไม่ได้นั่งโต๊ะสวยๆริมทะเล รำลึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน...วันที่เราบอกรักกันริมโขดหินที่นี่ มุกรินจำได้ว่าคืนนั้นเขาเมาหลับบนตักตนถึงเช้า วันนั้นมีฝนและวันนี้ฝนก็กำลังจะตก

“อยากได้บรรยากาศแบบนั้นอีกไหม” คิมหันต์ถาม มุกรินบอกว่าจะทำได้อย่างไรเพราะพายุไม่เข้าใคร ออกใครพลันคิมหันต์ก็ดีดนิ้วเป๊าะ...ไฟสว่างจ้าทันที มองไปนอกหน้าต่าง เห็นโต๊ะอาหารที่ตบแต่งสวยงามโรแมนติกอยู่กลางลานหญ้าหน้าชายหาด มีนักดนตรีสามคนยืนสีไวโอลินอยู่ข้างโต๊ะ คิมหันต์กระซิบข้างหูมุกริน

“สุขสันต์วันหมั้นครับ ผมก็จัดได้เก่งไม่แพ้คุณเหมือนกันนะครับ คุณมุกริน” แล้วคิมหันต์ก็จูงมือเธอเดินออกจากห้องครัวตรงไปที่โต๊ะอาหาร ฟ้าร้องครืนๆ มุกรินถามว่าเขาเตรียมเครื่องทำฝนด้วยหรือเปล่า “เปล่า... อันนี้ของจริง พายุมันไม่เข้าใครออก”

คิมหันต์กอดจูบมุกรินอย่างแสนรัก ท่ามกลางเสียงไวโอลินแสนหวานจากนักดนตรีและหยาดฝนที่โปรยปราย...

ooooooo

ที่โถงบ้านวิมลรัตน์ ธาดากำลังตะโกนลั่นบ้านว่าพูดแค่นี้ไม่รู้เรื่องหรือไง!

วิมลรัตน์กับธาดานั่งดื่มกันจนกรึ่มทั้งคู่ วิมลรัตน์ถามธาดาว่าทำอะไร เขาตะคอกว่าก็ทำอย่างที่เห็นนี่ไง ถูกตวาดทันทีว่าอย่ามาขึ้นเสียงกับตน

“ทำไมผมจะขึ้นเสียงไม่ได้ ผมเป็นสามีคุณนะ ไม่ใช่ลูกจ้าง” วิมลรัตน์ย้อนถามว่าแล้วรู้ไหมว่าหน้าที่ของสามีคืออะไร “แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าหน้าที่ของภรรยาคืออะไร” ธาดาตวาดคืน

“ไม่ใช่วิ่งหาเงินใช้หนี้ให้สามีอย่างคุณก็แล้วกัน”

ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง จนวิมลรัตน์ตบหน้าธาดาอย่างแรง พอดีเจ้าหนี้โทร.มาทวงหนี้ธาดา เขาบอกว่าจะรีบใช้ให้เร็วที่สุด นี่ก็วิ่งหาเงินจนขาขวิดไปหมดแล้ว รับปากว่า “ไม่เกินอาทิตย์หน้า ผมรับรอง”

กดตัดสายจากเจ้าหนี้แล้ว ธาดาทำใจสงบ อารมณ์เย็นขึ้น บอกวิมลรัตน์ว่า

“มล...ฟังนะมล...ผมสัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย” วิมลรัตน์ถามว่าเท่าไหร่ พอธาดาบอกว่าสี่สิบ เธอสวนทันทีว่าให้บอกไปว่าไม่มี อยากได้ก็ไปฟ้องเอา เธอหยิบเหล้า กรอกปากแล้วเดินเข้าห้องนอน ธาดามองตามเครียดหนัก

ขณะที่คิมหันต์กับมุกรินนั่งพิงกันอยู่ในรถระลึกความหลังกันท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมานั้น คิมหันต์ออดอ้อนอย่างหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ แต่มุกรินย้ำเตือนสัญญาที่ให้กันไว้ว่าเราจะไม่มีอะไรกันก่อนวันแต่งงาน มุกรินย้ำว่า เพราะมันมีค่ามากสำหรับตน

“เข้าใจ...มุกเป็นลูกครูสอนภาษาไทย ถูกปลูกฝังแบบไทยๆมาตั้งแต่เด็ก”

“มันไม่ได้เป็นเรื่องเชยนะคิม มันจะทำให้คืนส่งตัวของเรามีความหมายมากๆ”

“ครับผม...” คิมหันต์หักห้ามใจ มุกรินให้กำลังใจว่าอีกเดือนเดียวเอง “ผมรู้...ผมนับถอยหลังอยู่...”

“มุกก็นับจ้ะ” มุกรินหยอกล้อเขาให้ผ่อนคลาย แล้วเสียงมือถือของคิมหันต์ก็ทำลายบรรยากาศ เขารับสายแล้วส่งมือถือให้มุกรินบอกว่าพี่ชายเธอ มุกรินจึงนึกได้ว่ามือถือตนแบตหมด

มุกรินคุยกับธาดา บอกพี่ชายว่ากลับเพราะคิมหันต์ต้องไปถ่ายงานที่เขาใหญ่ต่อ แต่คงจะเกือบเช้า พอตัดสายจากธาดา คิมหันต์ถามว่าโทร.มาหาแค่นี้หรือ

“สงสัยทะเลาะกับพี่มล” มุกรินบอก ถามเขาว่า “แต่งงานกันแล้วเราจะทะเลาะกันไหม”

“ไม่มีทาง ผมไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ หรือต้องเสียน้ำตาเป็นอันขาด...ผมสัญญา...”

ooooooo

บรรยากาศที่บ้านวิมลรัตน์ดูเหมือนจะผ่อนคลาย แต่ความตึงเครียดกำลังคืบคลานเข้ามา เมื่อธาดาถือขวดเหล้าเข้ามาและวิมลรัตน์ก็มีแก้วเหล้าวางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอเตรียมจะไปอาบน้ำ

ธาดาเริ่มขึ้นก่อนว่า “คุณบอกว่าวันนี้คุณมีเรื่องจะเคลียร์กับผม” วิมลรัตน์บอกว่าเขาเมาอย่างนี้ตนไม่คุยด้วยหรอก ธาดารินเหล้าเติมให้ในแก้วเธอ บอกว่าจะได้เมาเท่าๆกัน วิมลรัตน์ปรามาสว่าตนคอแข็งกว่าเขาเยอะ ธาดาเลยรื้อฟื้นว่า

“จริง ผมถึงได้เสียตัวให้คุณตอนเมาไง” ผลคือถูกวิมลรัตน์ตบหน้าฉาดใหญ่ ปรามเสียงเข้ม...

“พูดดีๆ นะ ใครเสียตัวให้ใคร ใครคุกเข่าอ้อนวอนขอความรักจากฉัน...ใครร้องไห้ฟูมฟายจะฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์รักแท้...ใคร!”

“ผมเอง...ขอโทษ แต่ถ้าผมไม่เมา ผมคงไม่ทำอย่างนั้น”

“พูดใหม่เหอะ...ถ้าฉันไม่รวย คุณคงไม่ทำอย่างนั้น”

“ก็จริง... แล้วสุดท้ายผมได้อะไรบ้าง...ผมไม่เห็นได้อะไรจากการเป็นสามีสาวใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างคุณเลย”

วิมลรัตน์โกรธจัด ถามว่าแล้วตนได้อะไรจากเขา นอกจากเสียตัวแล้วยังเสียเงินอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ทั้งหนี้บ่อนพนันบอล ขายของก็เจ๊ง ด่าว่า

“แกมันไม่ต่างอะไรกับแมงดาเลยนะ ฉันยอมให้เห็บให้หมัดเกาะกินเลือดฉันยังดีกว่าให้แมงดาอย่างแกมาเกาะฉัน”

ด่าแล้ววิมลรัตน์จะเข้าห้องน้ำ ธาดาดึงไว้พูดเสียง อ่อนลงทั้งที่เจ็บใจมาก

“มล...ฟังนะ ถ้ามลไม่ช่วยผมครั้งนี้ผมตายแน่”

“ไม่มีเจ้าหนี้รายไหนฆ่าลูกหนี้หรอก เพราะมันจะทำให้เขาไม่ได้เงินคืนสักบาท”

ธาดาใช้ไม้ตายว่า ถ้าเธอไม่ช่วยตนเราเลิกกันดีกว่า ถูกวิมลรัตน์ตบหน้าเขาฉาดใหญ่ถามว่าพูดอะไรออกมา ธาดาจ้องอย่างเอาเรื่องปรามว่าถ้าตบอีกทีล่ะน่าดู! วิมลรัตน์ถามว่าจะทำอะไร แล้วตบเขาอีกที คราวนี้ถูกธาดาตบคืนแรงยิ่งกว่า จนวิมลรัตน์เลือดกำเดาไหล

ธาดาบอกว่าตนจะไม่กลับมาที่นี่อีก วิมลรัตน์ถามว่าเขามีผู้หญิงอื่นใช่ไหม จะหนีไปอยู่กับผู้หญิงอื่นใช่ไหม?! ธาดาตวาดว่าตนจะไปหาเงินจากที่อื่น

“กลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าก้าวออกไปจากบ้านนี้ก้าวเดียว แกตาย!”

วิมลรัตน์หันหยิบปืนในลิ้นชักเล็งใส่ธาดา เสียงฟ้าคำรามสนั่น ไฟในห้องดับๆ ติดๆ ท่ามกลางแสงไฟที่กะพริบนั้น เสียงตึงตังโครมครามดังแข่งกับเสียงฝนฟ้าคำราม แล้วไฟในห้องก็ดับสนิท แต่เสียงโครมครามในห้องยังดังไม่หยุด

ครู่หนึ่ง ธาดาก็ขับรถพุ่งออกจากบ้านไปราวกับพายุ!

ooooooo

ฟ้าสางแล้ว คิมหันต์ขับรถมาส่งมุกรินที่หน้าบ้าน เธอเร่งให้เขารีบไปเดี๋ยวไม่ทันงาน กำชับให้ขับรถดีๆ แล้วเดินเข้าบ้าน แต่ไม่ทันทำอะไร ธาดาก็เดินตัวเปียกโชกเข้ามา พร่ำบอกแต่ว่า

“มุก...ช่วยพี่ด้วย ช่วยพี่นะมุก...ช่วยพี่ด้วย...”

มุกรินประคองพี่ชายที่เหมือนคนควบคุมสติไม่อยู่เข้าบ้านไปงงๆ

หลังจากนั้น หลายวัน...ที่บ้านวิมลรัตน์ ถวิลกับไสว คนรับใช้ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อกลับจากต่างจังหวัด เบิ้มออกมารับเข้าบ้านไม่นาน เสียงกรีดร้องจากในบ้านก็ลั่นไปทั้งซอย!

หลังจากนั้นสังคมก็ตะลึง เมื่อผู้ประกาศข่าวทีวี อ่านข่าวใหญ่อย่างตื่นเต้น...

“เกิดเหตุช็อกผู้คนในวงสังคม เมื่อเจ้าแม่วงการสินค้านำเข้าอย่างคุณวิมลรัตน์ สุริยะศักดิ์ ถึงแก่กรรมลง โดยช่วงสายของวันนี้เอง คนรับใช้ที่เพิ่งกลับจากต่างจังหวัดเป็นผู้พบศพ สภาพศพเริ่มบวมอืดแล้ว โดยในขั้นต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ขอยืนยันแน่ชัดว่าเสียชีวิตมาแล้วกี่วัน”

มุกรินยืนดูข่าวทีวีอยู่กับเพื่อนพนักงานที่บริษัท ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อผู้ประกาศข่าวรายงานว่า

“ด้านนายธาดา คุรุรัตน์ ผู้เป็นสามีนั้น เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เจอตัว ส่วนน้องชายคนเดียวของคุณวิมลรัตน์คือนายคิมหันต์ สุริยะศักดิ์ ยังทำงานถ่ายภาพอยู่ที่ต่างจังหวัด เมื่อทราบเรื่องจากผู้สื่อข่าวถึงกับมีอาการช็อกอย่างเห็นได้ชัด”

จากนั้นก็มีภาพการสัมภาษณ์คิมหันต์ที่เขาใหญ่ เขาพูดหน้าเครียดอย่างเจ็บแค้นว่า

“ใครก็ตาม ที่ทำกับพี่มลแบบนี้ มันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมที่สุด! มันทำพี่มลเจ็บแค่ไหนมันจะต้องเจ็บมากกว่าเป็นร้อยๆเท่า” เขาชี้ใส่กล้องอย่างดุดัน “ระวังตัวให้ดี...ฉันไม่เอาแกไว้แน่!”

ooooooo

เจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านมุกริน บ้านใส่กุญแจ ตำรวจจึงไปที่บริษัท ปรารภเข้าไปบอกมุกรินที่โต๊ะว่าตำรวจขอคุยด้วย

มุกรินถามตำรวจว่ามีเรื่องอะไรกับพี่ใหญ่หรือ ตำรวจไม่ตอบแต่ย้อนถามว่าตอนนี้พี่ชายเธออยู่ไหน เธอติดต่อเขาบ้างหรือเปล่า มุกรินบอกว่าธาดาไปฮ่องกงจะกลับวันสองวันนี้แหละ

“คุณพอจะติดต่อคุณธาดาได้ไหมครับ” ตำรวจถาม มุกรินนิ่งอึ้งไป ปรารภมองอย่างเป็นห่วงอยู่ห่างๆ

ที่บ้านวิมลรัตน์ ตำรวจกันเขตห้ามเข้าในบริเวณพื้นที่สำคัญ นักข่าวมากมายกำลังสัมภาษณ์ชาวบ้านแถวนั้นและชะเง้อมองเข้าไปในบ้านหมายได้เห็นอะไรบ้าง

คิมหันต์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นายไสวรีบเข้าไปหาบอกว่า

“คุณชุมสายมารอคุณคิมตั้งแต่เช้าแล้วครับ”

คิมหันต์พยักหน้า ก็พอดีมือถือดังขึ้น เขาดูหน้าจอ ก็พอดีชุมสายทนายความที่เป็นเพื่อนสนิทเดินมาเร่ง

“คิม...รีบเข้าข้างในบ้านก่อนที่นักข่าวจะมารุมสัมภาษณ์แกไหม”

คิมหันต์พยักหน้า โยนมือถือไว้ในรถแล้วรีบตามชุมสายเข้าบ้านไป

ooooooo

มุกรินถือโทรศัพท์บอกปรารภว่าคิมหันต์ไม่รับสาย ปรารภถามว่าเขากลับจากเขาใหญ่แล้วหรือ

“ค่ะ เมื่อคืนเพิ่งคุยกัน ก่อนที่จะมีข่าวพี่มล...”

“อาจจะกำลังสะเทือนใจอยู่ เลยไม่อยากพูดจากับใคร” ปรารภมองหน้ามุกรินเหมือนชั่งใจก่อนถามว่า “พี่ถามตรงๆได้ไหมมุก...พี่ชายมุกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยไหม” มุกรินถามว่าเขาคิดอย่างนั้นหรือ “พี่คิดแทนตำรวจน่ะ...ไม่แน่นะ คิมหันต์อาจจะคิดแบบนี้ด้วยก็เป็นได้”

มุกรินถามว่านี่คือสาเหตุที่เขาไม่รับสายตนหรือ ปรารภเสนอว่า “เราคงต้องรอให้พี่ชายคุณกลับมาก่อน... อะไรๆก็จะชัดขึ้นเอง คุณโทร.เจอตัวเขารึยัง” มุกรินส่ายหน้า “งั้นตอนนี้ เราควรจะแวะไปให้กำลังใจคู่หมั้นคุณหน่อยนะ ไป...ผมขับรถไปส่งให้เอง”

ooooooo

ชุมสายพาคิมหันต์เข้าไปในบริเวณบ้าน เห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆกำลังทำงานกันอย่างเคร่งเครียด ชุมสายเล่าให้คิมหันต์ฟังว่า

“เจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปสาเหตุการเสียชีวิต แต่พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุก็บ่งชี้ได้ถึงการทะเลาะวิวาท ทั้งปืน ทั้งรอยกระสุน เพียงแต่ว่า สภาพศพผู้ตายดูเหมือนจะเสียชีวิตมาเกินกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ทำให้การหาหลักฐานทางนิติเวชในตัวผู้ตายทำได้ลำบาก”

คิมหันต์เดินดูสภาพในห้อง เดินไปที่ห้องน้ำ ศพของวิมลรัตน์ยังไม่ได้เคลื่อนย้าย เขาทรุดลงน้ำตาไหลพราก ความแค้นพลุ่งพล่าน จนเมื่อชุมสายพานายตำรวจพันโทเข้ามาแนะนำ

“คิม...นี่ท่านรองอาณัติ เป็นเจ้าของคดีนี้”

“ผมขอรับรองว่า เราจะทำคดีนี้ให้รอบคอบและรวดเร็วที่สุดครับ” รองอาณัติเอ่ย คิมหันต์ถามว่ามีใครค้านไหมว่าไม่ใช่ฆาตกรรม “ถึงยังไงเราก็ต้องไม่ตัดประเด็นอื่นด้วย”

คิมหันต์เดาว่าปืนลั่น? อาณัติบอกว่าไม่มีรอยกระสุนที่ร่างผู้ตาย เขาเดาอีกว่าลื่นล้มศีรษะกระแทกเองหรือ? ชุมสายถามท่านรองว่าฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหม

“มันคือฆาตกรรมครับ เป็นการจงใจฆ่าชัดๆ และผมรู้ด้วยว่าไอ้ฆาตกรคือใคร” คิมหันต์โพล่งออกมาอย่างแค้นใจ

ooooooo

ระหว่างที่ปรารภขับรถพามุกรินไปนั้น เธอโทร.หาธาดา ติดต่อได้จึงรู้ว่าเขาเพิ่งลงจากเครื่อง เธอถามว่ารู้เรื่องพี่มลหรือยัง

ธาดาบอกว่าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ แต่พอมุกรินบอกว่าตำรวจต้องการเจอตัวเขา ธาดานิ่งไปอึดใจแล้ว จึงถามว่า

“มุกบอกอะไรตำรวจไปบ้างหรือยัง”

“ยัง...มุกกำลังจะไปหาคิม เขาคงต้องการกำลังใจ”

“โอเค...แล้วค่อยคุยกันนะ” แต่ธาดายังไม่ทันออกจากสนามบินก็ถูกตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำแล้ว

ที่บ้านวิมลรัตน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเคลื่อนย้ายศพวิมลรัตน์ คิมหันต์ถามว่า

“ถ้าผมจะเก็บสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้เหมือนเดิม จะมีประโยชน์ต่อคดีไหมครับ” รองอาณัติบอกว่าได้เพราะตำรวจเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว “ผมจะเก็บห้องพี่มลไว้อย่างนั้น จนกว่าจะได้ตัวคนร้ายมาลงโทษ”

ขณะนั้นเอง รถของปรารภแล่นเข้ามาจอด ชุมสายสะกิดบอกคิมหันต์ว่าคู่หมั้นเขามา คิมหันต์สีหน้านิ่งเฉย

“คิม...มุกเสียใจด้วยนะ...เสียใจจริงๆ” มุกรินวิ่งเข้ามาหา คิมหันต์เพียงแต่พยักหน้า “มีอะไรให้มุกช่วยบ้างไหม”

“ตอนนี้ยัง...นอกจากมุกจะบอกได้ว่าใครคือคนร้ายฆ่าพี่มล” มุกรินบอกว่าตำรวจบอกว่าอาจเป็นอุบัติเหตุ ลื่นล้ม คิมหันต์หันมองขวับถามว่า “มุกเชื่ออย่างนั้นหรือ”

“มุกไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แค่เล่าให้ฟังว่าเป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานของตำรวจ”

“มุกน่ะรู้เท่าๆกับผมนะว่าใครเป็นคนทำ” คิมหันต์จ้องหน้ามุกรินด้วยสายตาที่ดุดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนมุกรินอึ้ง “ขอตัวก่อนนะมุก ผมต้องไปจัดการเรื่องศพพี่มลก่อน” 

แต่ก่อนออกไปเขาตะโกนสั่งคนใช้ “อย่าให้ใครเข้าไปในบ้านเป็นอันขาด แม้แต่คู่หมั้นฉันก็ห้ามเข้า” แล้วเดินไปเลย มุกรินยืนอึ้ง หน้าเสีย
ปรารภลงจากรถได้ยินพอดี

ooooooo

พักตราไปหาอรรถที่สนามกอล์ฟถามว่ารู้เรื่องเจ๊มลหรือยัง

“อืมมม...ไม่น่าเชื่อ เมื่อวันงานยังคุยกันออกรสอยู่เลย พ่อว่าจะเป็นเจ้าภาพให้สักสามวัน กำลังให้เช็กว่าตั้งศพวัดไหน” พักตราถามว่าพ่อรู้ไหมว่าใครฆ่า ตนอยากรู้ว่าคิดเหมือนกันไหม และพ่อจะช่วยตามจับฆาตกรคนนี้ได้ไหม “เฮ้ย...ไม่ใช่หน้าที่พ่อ ตำรวจเขาสรุปแล้วเหรอว่าเป็นการฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ”

“ใครๆก็เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมทั้งนั้น และเดาไปถึงตัวฆาตกรด้วยซ้ำ นายธาดาพี่ชายยายมุกไงพ่อ ผัวฆ่าเมียตัวเอง”

อรรถเตือนพักตราว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องของผู้เสียหายเขาเคลียร์กันเอง

“เราเห็นต่างกันแล้วค่ะพ่อ พักตร์เห็นว่าช่วงนี้แหละที่พักตร์ควรจะเข้าไปช่วยเหลือคิมโดยเร็ว” อรรถถามว่าทำไม “มันเป็นโอกาสที่พักตร์จะได้คนรักกลับมาไงคะพ่อ พ่อต้องช่วยพักตร์นะ ถ้าพักตร์ต้องการเส้นสายอะไรเป็นพิเศษ พักตร์จะรีบบอกพ่อเลย”

ooooooo

ธาดาถูกนำตัวไปสถานีตำรวจก็เป็นเวลาค่ำแล้ว เขาถูกตำรวจสอบปากคำทันที

ตำรวจถามว่าสามวันมานี้เขาไปไหน ธาดาบอกว่าไปฮ่องกง ไปสั่งของที่จะเอามาขายในร้านตามปกติ ตำรวจถามว่าระหว่างอยู่ฮ่องกงไม่ได้ติดต่อภรรยาเลยหรือ ธาดาจึงเล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นให้ฟังว่า

ก่อนออกเดินทาง เราทะเลาะกันรุนแรง...มีการขว้างปาข้าวของ...ใช้กำลัง ลงไม้ลงมือกัน ตำรวจถามว่าบีบคอด้วยหรือเปล่า?

“ครับ ผมบีบคอเธอ...เพราะเธอเอาปืนมาจ่อหัวผม” ตำรวจถามว่าเธอยิงไหม “ห้านัด...เฉี่ยวผมไปนิดเดียว”

“ช่วยเล่าเหตุการณ์วันสุดท้ายที่คุณอยู่กับภรรยาให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”

“วันนั้น เราไปงานเลี้ยงด้วยกัน เป็นงานของบริษัท Fast Track ที่น้องสาวผมทำงานอยู่...เรามีปากเสียงกันเล็กน้อยระหว่างขับรถกลับบ้าน...ผมพยายามจะทำให้บรรยากาศดีขึ้นด้วยการชวนน้องชายเขากับน้องสาวผมไปกินข้าวด้วยกันที่บ้าน...แต่สองคนนั้นปฏิเสธ เพราะพวกเขาจะไปฉลองครบรอบวันหมั้นกันตามลำพัง”

ตำรวจถามว่าเขากลับถึงบ้านกี่โมง ธาดาบอกว่า “น่าจะประมาณหกโมงเย็น”

ตำรวจขอให้ยืนยันเวลาที่แน่นอน ธาดาส่ายหน้าบอกว่าจวนจะมืดแล้ว ตอนนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน ร้านค้าข้างทางปิดร้านหมดแล้ว ท้องฟ้าครึ้มๆ ฝนกำลังเริ่มจะตก ตำรวจถามว่าตอนนั้นฝนตกหรือยัง

“ตกแล้วครับ...ตกหนักด้วย” ตำรวจคาดว่าคนแถวนั้นคงไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกัน และจะไม่มีใครรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างใช่ไหม “ก็คงอย่างนั้นครับ”

“ดังนั้น เวลาที่คุณออกจากบ้านไป จะเป็นกี่โมงแน่ก็คงไม่มีใครยืนยันได้”

ธาดาบอกว่ามุกริน น้องสาวตนยืนยันได้ ตำรวจจึงไปที่วัด...

มุกรินอยู่ที่วัดพยายามที่จะช่วยเหลือคิมหันต์จัดงานศพ แต่ถูกเขาเย็นชา หมางเมินอย่างเห็นได้ชัด 

เมื่อมุกรินจะเข้าไปช่วยเองก็ถูกคิมหันต์ห้าม “ไม่ต้องมุก...ผมทำเอง”

ตำรวจมาสอบถามมุกรินตามที่ธาดาอ้างเธอว่า คืนนั้นเขาไปถึงบ้านเธอกี่โมง มุกรินบอกว่าจำไม่ได้ รู้แต่ว่าพี่ใหญ่มารออยู่นานแล้ว ตำรวจถามว่าเธอเพิ่งกลับจากไปฉลองครบรอบวันหมั้นกับคิมหันต์ที่พัทยาใช่ไหม คาดว่าน่าจะกลับมาเกือบเช้า มุกรินบอกว่ายังไม่เช้าเพราะคิมหันต์ต้องไปทำงานต่อที่เขาใหญ่ แต่พอมาถึงบ้านตนก็เห็นพี่ใหญ่มารออยู่นานแล้วจริงๆ

พอตำรวจซักว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขามารอนานแล้ว มุกรินอึกอัก ขอคุยกับพี่ชายก่อนได้ไหม เธอจึงรู้ว่าธาดาอยู่กับตำรวจแล้ว เธอตกใจถามว่าพี่ใหญ่เป็นผู้ต้องหาแล้วหรือ?

“ตอนนี้อยู่ในขั้นที่เรียกว่าผู้ต้องสงสัย...เรายังไม่ได้แจ้งข้อหาครับ”

ทันใดนั้นเสียงคิมหันต์ก็โวยวายมาจากในศาลา

“ออกไปนะไอ้เลว ไปให้พ้น ถ้าเหยียบเข้ามาบนศาลานี้มีเรื่องแน่”

มุกรินกับตำรวจหันมอง เห็นธาดายืนโต้เถียงกับคิมหันต์อยู่ที่บันไดศาลา ธาดาถามว่าทำไมตนจะมาเคารพศพเมียตัวเองไม่ได้! คิมหันต์ด่าว่าเพราะเขาชั่ว ฆ่าพี่สาวตนแล้วยังจะคิดมากราบไหว้ขออโหสิอีกงั้นหรือ! ธาดาตวาดให้พูดดีๆ ไม่อย่างนั้นตนฟ้องหมิ่นประมาทแน่

คิมหันต์ท้าให้ฟ้องเลย ตนด่าไอ้คนที่เป็นฆาตกรไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป ธาดาตะโกนว่าตนไม่ใช่ฆาตกร

“มึงนั่นแหละฆาตกร!” คิมหันต์ตะโกนดังยิ่งกว่า

มุกรินเดินเข้าไปหาธาดา พักตราก็เดินเข้าไปเกาะแขนคิมหันต์อย่างใกล้ชิดทันที มุกรินมองท่าทีของพักตรานิ่งๆ

ชุมสายเข้าไปหว่านล้อมคิมหันต์ให้ใจเย็นๆ ก็ถูกคิมหันต์เอ็ดว่าไม่ต้องยุ่ง คอยว่าความให้ตนอย่างเดียวพอ

คิมหันต์กับธาดาทะเลาะด่าทอจนชกต่อยกัน ตำรวจต้องเข้าแยก พักตรากับมุกรินยืนอยู่กับคู่กรณีคนละฝ่ายอย่างชัดเจน พักตราเกาะแขนคิมหันต์แจ บอกมุกรินให้พาพี่ชายเธอกลับไปก่อน ตนจะดูแลคิมหันต์เอง

ธาดายอมกลับบอกว่าวันหลังค่อยมาไหว้ศพ

วิมลรัตน์ก็ได้ ถูกคิมหันต์ตวาดว่าไม่มีวันหลัง ไม่ว่าวันไหนเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องแม้แต่โลงศพพี่สาวตน

“มึงจำไว้นะไอ้คิม” ธาดาชี้หน้าอาฆาต

“กูไม่มีวันลืมอยู่แล้ว...ไอ้ชั่ว”

ก่อนออกไป ธาดาประกาศแก่ทุกคนบนศาลาว่า “ผมไม่ใช่ฆาตกร ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าวิมลรัตน์...มันเป็นอุบัติเหตุครับ” แล้วเดินไป มุกรินบอกคิมหันต์ว่าตนกลับก่อนนะ คิมหันต์นิ่ง แต่พอเธอเดินไป เขาเรียกไว้

“มุก...ถามจริงๆเหอะ มุกเชื่อพี่ชายมุกเหรอ หรือจะเชื่อความจริงที่ทุกคนก็รู้อยู่”

มุกรินอึ้ง ไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร

ooooooo

พาธาดากลับมาที่บ้านแล้ว มุกรินเอากาแฟมาให้ เห็นธาดานั่งเหม่อลอย พอถามเขาบอกว่า

“พี่ใจลอยน่ะ ภาพวิมลรัตน์แว้บเข้ามาในหัวพี่ตลอดเวลา...น่าสงสารจัง”

มุกรินถามว่าตำรวจสอบปากคำเขามากไหม ธาดาบอกว่ามาก เธอถามว่าแล้วเขาทำอย่างที่ตำรวจสงสัยหรือเปล่า ธาดาฉุน บอกว่าวิมลรัตน์เป็นเมียตนแล้วตนจะฆ่าได้อย่างไร มุกรินตอบอย่างสับสนว่า “มุกไม่รู้”

“มุกต้องรู้สิ มุกเป็นน้องสาวพี่นะ มุกต้องเชื่อพี่ ต้องเป็นพยานให้พี่” มุกรินย้ำว่าเฉพาะที่ตนรู้ที่ตนเห็นนะ “เท่านั้นก็พอแล้ว แค่มุกเล่าเรื่องราวคืนนั้นให้ตำรวจฟังเขาก็เอาผิดพี่ไม่ได้แล้ว”

“เรื่องราวคืนนั้น” ที่ธาดาอ้างถึงคือ...

คืนนั้นฝนตกหนัก เมื่อมุกรินกลับถึงบ้าน ธาดาในสภาพเปียกปอนบอกเธออย่างตระหนกว่าให้ช่วยพี่ด้วย พี่ถูกวิมลรัตน์ยิงหลายนัด

มุกรินถามว่าวิมลรัตน์ยิงเขาเรื่องอะไร ธาดาบอกว่าตนจับได้ว่าเธอมีผู้ชายอื่น มุกรินตกใจถามว่าจริงหรือ?

“พี่ก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทำอย่างนี้กับพี่ได้ พอพี่แย่งปืนจนหลุดจากมือเขาได้ พี่ก็รีบหนีมาที่นี่เลย”

มุกรินตั้งข้อสังเกตว่า แบบนี้ใครๆก็ต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงทิ้งวิมลรัตน์ไป ธาดาย้อนถามว่าจะให้ตนทำอย่างไร ย้ำว่า “ปืนนะมุก พี่โทร.กลับไปหาเขา เขาก็ยังด่าพี่ไม่หยุดเลย มุกก็เห็น”

มุกรินจำได้ว่าคืนนั้นธาดายืนพูดโทรศัพท์กับวิมลรัตน์ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามนอกบ้าน...

“ถ้าคุณยังไม่หยุดด่าผม เราก็คงพูดกันไม่รู้เรื่องนะมล ผมทำอะไรผิด...เป็นความผิดของผมเหรอที่ดันไปรู้เรื่องที่เป็นความลับของคุณ...ผมเป็นสามีคุณนะ ผมย่อมมีสิทธิ์ที่จะหึงหวงภรรยาผมซี่ คุณหยุดกินเหล้า หยุดด่าผมเสียทีได้ไหม...มล”

แล้วธาดาก็ส่งโทรศัพท์ให้เธอบอกว่า “เขาบอกว่าจะกินเหล้าให้เมาตายไปเลย มุกช่วยพูดกับเขาที พี่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว” มุกรินจึงรับโทรศัพท์ไปคุย

“พี่มลคะ นี่มุกนะคะ พี่ใหญ่เขาเป็นห่วงพี่มลนะคะ...พี่มลใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะ...พี่มลคะ...พี่มล...”

ธาดาแย่งโทรศัพท์จากมุกรินไปพูดต่อ “มล...ผมรู้นะว่าคุณฟังผมอยู่ หยุดกินเหล้า หยุดร้องไห้ อาบน้ำนอนเสีย ผมต้องไปสั่งของที่ฮ่องกงตอนเช้า กลับมาแล้วเราค่อยคุยกันนะ”

นึกถึงเหตุการณ์ขณะนั้นแล้ว มุกรินบอกว่าตนไม่ได้ยินเสียงพี่มลเลย นอกจากเสียงฝนตกกับเสียงเพลง ธาดาโพล่งว่า

“นั่นแหละ ปัญหาของพี่ ถ้าไม่มีใครเชื่อพี่เลย พี่ก็จบ...พี่รู้ว่ามุกลำบากใจ คิมหันต์มันเป็นคู่หมั้นมุก เอางี้นะ ถ้าพี่ไม่ถึงกับจนแต้มจริงๆ พี่จะไม่ดึงมุกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย พี่สัญญา”

ธาดากอดมุกรินไว้ด้วยความรัก เธอถามว่า “พี่ใหญ่เข้าใจมุกใช่ไหมคะ” ธาดาย้อนถามเหมือนวัดใจกันว่า

“มุกก็เชื่อใจพี่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

ooooooo

กลางดึกคืนนี้...คิมหันต์เข้าไปในห้องนอนของวิมลรัตน์ เขาซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง...เรื่องราวเมื่อ 17 ปีก่อน ผุดขึ้นในความทรงจำอย่างปวดร้าว...

เวลานั้นเขาเพิ่งอายุได้ 8 ขวบและวิมลรัตน์ในวัย 18 ปี เหตุการณ์ในวันนั้น เขากลัวตัวสั่น เมื่อทั้งพ่อและแม่ถูกโจรปล้นและฆ่าตาย เขากอดพี่สาวร้องไห้ ถามว่าไม่มีพ่อไม่มีแม่แล้ว เราจะอยู่กันอย่างไร วิมลรัตน์กอดน้องปลอบว่า

“พี่ยังอยู่นี่ไง พี่จะดูแลคิมแทนพ่อกับแม่เอง” คิมหันต์กอดพี่สาวแน่นอ้อนวอนอย่าทิ้งตนไปไหน “พี่สัญญา พี่จะไม่มีวันทิ้งคิมไป นอกจากพี่จะตายเท่านั้นแหละ”

“ไม่เอา...พี่มลต้องไม่ตาย พี่มลอย่าตายนะ...ห้ามตายนะพี่มล...” เด็กชายคิมหันต์กอดพี่สาวไว้แน่น

คิดถึงวันนั้นแล้ว คิมหันต์น้ำตาไหลพราก เขาลุกไปที่มุมห้องหยิบกรอบรูปใหญ่ตรงนั้นขึ้นดู เป็นรูปที่วิมลรัตน์ถ่ายกับธาดาเมื่อครั้งรักกันใหม่ๆ เป็นรูปคู่ที่สวยงามและโรแมนติกมาก

คิมหันต์คิดถึงเมื่อสามปีก่อน ที่วิมลรัตน์บอกเขาว่าจะแต่งงานกับธาดา คิมหันต์ติงว่าธาดาอายุน้อยกว่า เธอพูดอย่างมีความสุขว่า “ไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้พี่มีความสุขได้อย่างเขา...อายุไม่ใช่ปัญหา”

เวลานั้นเขาติงอีกว่า “เพราะพี่มลรวยน่ะสิ ลองพี่มลไม่มีตังค์สิ มันจะรักพี่ไหม”

“อย่าพูดอย่างนี้นะคิม อย่าดูถูกคนอื่น อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่ชายยายมุกรินนะ”

ธาดาเองก็เคยบอกเขาว่า “ถ้านายรักน้องสาวฉันได้ นายก็น่าจะรักฉันได้ไม่ยาก” เวลานั้นเขาบอกธาดาเชิงปรามว่า

“ถ้าคุณทำให้พี่มลเสียใจแม้แต่นิดเดียว...”

“มันจะไม่มีวันนั้น...พนันกันไหมล่ะ...เดิมพันด้วยชีวิตยังได้เลยน้อง”

คิดแล้วคิมหันต์แค้นจนหยิบมีดแทงรูปตรงหน้าธาดาจนทะลุ กระนั้นก็ยังไม่สาสมแก่ใจ

เช้านี้มุกรินเอาอาหารมาให้คิมหันต์ที่บ้าน แต่ไขกุญแจเข้าบ้านไม่ได้เหมือนปกติ โทร.ถามเขาบอกว่าเปลี่ยนกุญแจเพราะไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายในบ้านตน พูดแล้วตัดสายเลย มุกรินยืนอึ้ง สับสนระคนน้อยใจอยู่ที่หน้าบ้านนั่นเอง

แล้ววันนี้ธาดาก็ไปที่ร้าน MOLLY ที่ขายสินค้านำเข้าของวิมลรัตน์ ตรงไปที่โต๊ะทำงานของวิมลรัตน์บอกพนักงานว่าเมื่อพี่มลไม่อยู่ตนก็ต้องนั่งตรงนี้ และทำหน้าที่บริหารงานต่อ ถามว่ามีใครไม่เห็นด้วยหรือใครอยากขึ้นมาแทนยกมือให้ดูซิ มีไหม!

เมื่อไม่มีใครกล้ายกมือ เขารวบรัดว่าถ้างั้นก็ทำงานตามปกติไป มีพนักงานคนหนึ่งใจกล้าถามว่า ระหว่างงานศพเจ๊มล เราจะไม่ปิดร้านหรือ อย่างน้อยก็เป็นการไว้ทุกข์ให้เจ๊ ธาดาชะงักไปนิดหนึ่งแล้วตีขลุมหน้าตายว่า

“ที่จริง ผมตั้งใจจะประกาศบ่ายนี้แหละ เราจะปิดร้านตั้งแต่พรุ่งนี้จนกว่าจะเสร็จงานศพ”

“หวังว่าคุณธาดาจะมีโอกาสไปร่วมงานนะคะ” พนักงานคนนั้นพูดเบาๆ แล้วรีบเดินหนี ธาดามองตามเคืองๆ

ooooooo

พักตราฉวยโอกาสนี้รุกคิมหันต์อย่างต่อเนื่อง วันนี้เธอไปหาเขาที่บ้านวิมลรัตน์ คนรับใช้เข้าไปบอกคิมหันต์ขณะเขากำลังตรวจเอกสารที่โต๊ะของวิมลรัตน์ว่ามีคนมาหา เขาถามว่าใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย? ระบุว่าถ้าเป็นมุกรินไม่ต้อนรับ

พักตราเดินเข้ามาถึงแล้ว เธอกระแซะเขาทันที พอคิมหันต์เห็นเป็นเธอ เขาสั่งคนรับใช้ให้เอาน้ำมารับแขก

พักตราไม่เพียงมาเกาะติดคิมหันต์ เธอยังโทร.ไปบอกมุกรินถามเย้ยๆว่าวันนี้มุกเข้าบ้านคิมไม่ได้ใช่ไหม มุกรินถามว่าเธอรู้? พักตราว่าอ้างว่าคิมหันต์เล่าให้ฟัง มุกรินถามว่าแล้วตอนนี้เธออยู่ไหนหรือ

“พักตร์มาดูแลคิมแทนมุกไง ไม่ต้องห่วงนะ สักพักก็คงจะดีขึ้นเอง เซฮัลโหลกับคู่หมั้นหน่อยไหม”

พอมุกรินบอกว่าไม่ดีกว่า พักตราก็หันไปบอกคิมหันต์ว่ามุกรินยังไปทำงานได้ตามปกติ ไม่มีอะไรน่าห่วง แล้วยุแยงว่า

“อย่างน้อยก็มีตาปรารภคอยดูแลอยู่อีกทั้งคน เชื่อพักตร์สิ” แต่คิมหันต์ฟังแล้วหน้านิ่งไร้ความรู้สึก

ปรารภเห็นมุกรินคุยโทรศัพท์แล้วหน้าเครียด ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า มุกรินบอกว่าพักตราโทร.มาแสดงความเป็นห่วงเท่านั้น ปรารภถามว่าแล้วธาดาเป็นยังไงบ้าง มุกรินบอกว่าไปทำงานตามปกติ แต่ไม่รู้ว่าตำรวจจะนัดไปคุยอีกเมื่อไร

แต่ตำรวจไปรวบตัวธาดาที่ร้าน MOLLY แล้ว เขาถูกหมายจับในคดีจงใจฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และถูกใส่กุญแจมือทันที

คืนนี้เอง คิมหันต์โทรศัพท์ไปบอกมุกรินว่า

“นี่คิมพูดนะมุก...ไม่มีอะไรมาก แค่จะโทร.มาบอกว่าพี่ชายคุณถูกจับแล้วนะ ตำรวจทำงานได้รวดเร็วน่าชมเชยจริงๆ ถ้ามุกจะเยี่ยมพี่ชายก็เชิญที่ สน.นะ ถ้ามุกไปก็เจอผมได้ที่นั่น เท่านี้แหละ” วางสายแล้วคิมหันต์ยิ้มสะใจ

คิมหันต์ไปถึงสถานีตำรวจก็เจอมุกรินมาถึงก่อนแล้ว เขาทักว่าแสดงว่าเธอรู้เรื่องก่อนที่ตนจะบอก เข้าไปนั่งข้างมุกรินพูดเหมือนให้เธอทำใจแต่เย้ยในทีว่า “คนทำผิดก็ต้องรับผลกรรมเป็นธรรมดา มุกคงเข้าใจ”

มุกรินเข้าใจ แต่บอกเขาว่า “แต่มุกไม่เข้าใจท่าทีของคิมที่ทำกับมุก ทำไมคิมต้องทำท่าเหมือนรังเกียจมุกมากมายขนาดนี้ มุกทำผิดอะไรเหรอคิม...หรือแค่เป็นน้องพี่ธาดา มุกก็ผิดแล้ว” คิมหันต์ตอบอย่างที่เธอคาดไม่ถึงว่า...ก็อาจจะใช่

คิมหันต์ขอตำรวจไปดูหน้าคนทำผิด ตำรวจไม่อนุญาต เขาขอร้องจนตำรวจยอมให้เข้าไปแต่กำชับว่าอย่าให้มีเรื่อง มุกรินจึงขอตามไปด้วย คิมหันต์เข้าไปพูดเยาะเย้ยเหยียดหยามธาดาต่างๆนานา จนมุกรินทนไม่ได้ขอร้องให้เขาพอเถอะ ธาดาไล่ตะเพิดให้เขาออกไป เมื่อยังไม่ยอมไปเลยถูกธาดากระชากคอเสื้อผ่านลูกกรง คิมหันต์บีบคอธาดาผ่านลูกกรงเช่นกัน จนทั้งตำรวจและมุกรินต้องช่วยกันห้ามและดึงตัวแยกจากกัน บอกมุกรินกับคิมหันต์ให้กลับไปเสีย ขืนอยู่แถวนี้เดี๋ยวมีเรื่องอีก

“คิม...เรายังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ไหม?” มุกรินถาม คิมหันต์ยกมือที่มีแหวนหมั้นให้ดู บอกให้เธอขับรถกลับดีๆนะ แล้วแยกกันไป ชุมสายเตือนเพื่อนว่าวู่วามแบบนี้มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ทำบ่อยๆเข้าอาจเป็นผลเสียด้วยซ้ำ แล้วเตือนว่า

“อีกเรื่องนึงว่ะ จะทำอะไรนึกถึงใจคุณมุกเขาบ้าง ...สงสารเขาสักนิดเถอะเพื่อน”

ooooooo

การถูกจับของธาดาเป็นข่าวครึกโครม สื่อรายงานและแพร่ภาพอย่างละเอียดนับแต่ธาดาถูกจับขังที่โรงพัก จนถึงส่งฟ้องศาลและนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

หลังจากนั้นก็มีนายบรรเจิดแนะนำตัวเองว่าเป็นทนายความที่ เสธ.ส่งมาว่าความให้ บอกธาดาว่าไม่ต้องห่วงเรื่องคดีความเพราะ ไม่มีใครอยากเสียเงินสี่สิบล้านฟรีๆ ธาดาถามว่าเมื่อไรตนจะได้ออกไป

“เร็วที่สุด แต่ต้องหลังจากที่คุณเล่าความจริงให้ผมฟังก่อน ผมขอความจริงทั้งหมด ห้ามปิดบังแม้แต่เรื่องเดียว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย เรื่องผิดถูก เป็นหน้าที่ของผม”

ธาดาฟังแล้วอึ้งไปพักใหญ่...

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น