วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 12


ไปดูหลานกันแล้ว คุณขจีกับคุณเศียรชื่นมื่นกันมาก ทั้งสองบอกว่าไปหาซินแสหาชื่อมงคลมาให้เจ้าตัวเล็กแล้วได้มาหลายชื่อ

คุณเศียรบอกว่าตนชอบชื่อ บูรณ์พิภพ แต่คุณขจีบอกว่าตนชอบชื่อ ปณชัย ชื่อเล่นว่า มอนเต้ แปลว่าภูเขา ถามว่าทุกคนเห็นด้วยไหม

“ไม่ค่ะ ปิ่นจะให้ลูกชื่อเล่นว่า หนึ่ง ง่ายดี ชีวิตมันยากอยู่แล้ว อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากอีกเลยค่ะ”

คุณขจีถึงกับหน้าชา ส่วนคุณยอด คุณโปรย และนครินทร์มองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจกับความแข็งกระด้างของปิ่นปัก

ขณะคุณโปรยกับคุณยอดออกมาส่งคุณขจีกลับนั้น คุณขจีเสนอว่า ถ้ามีเวลาให้พาหนูปิ่นไปตรวจสุขภาพจิตบ้าง ตนรู้สึกนับวันหนูปิ่นยิ่งจะดูแปลกๆเหมือนผีเข้า คุณเศียรเห็นด้วย เกรงว่าเวลาเลี้ยงลูกเกิดเธอสติแตกขึ้นมาจะจับลูกทุ่มเหมือนในข่าว คุณโปรยกับคุณยอดมองหน้ากันอย่างพยายามอดกลั้นเต็มที่ คุณยอดเอ่ยหน้านิ่งๆว่า

“แต่ผมว่าคุณน่าจะให้คุณศกมาทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดี ไม่นอกใจเมีย รับรองครับ ปิ่นหายเป็นประสาทแน่นอน” คุณโปรยเรียกเตือนสติเบาๆ คุณยอดยืนยันว่า “ผมพูดความจริง คุณขจีกับคุณเศียรเห็นด้วยใช่ไหมครับ”

“เรื่องในครอบครัวเขา เราไม่รู้หรอกค่ะว่าลึกๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น จะมาโทษตาศกของดิฉันฝ่ายเดียวไม่ได้ ดิฉันลากลับล่ะค่ะ จะแวะไปทำบุญสักหน่อย ช่วงนี้จิตใจไม่ค่อยดี” พูดประชดแล้วเดินไปเลย

คุณโปรยบ่นคุณยอดว่าไปพูดแบบนั้นกับเขาทำไม คุณยอดย้อนถามว่าจะปล่อยให้เขามาด่าลูกเราฝ่ายเดียวหรือไง?

“ยัยปิ่นก็แปลกๆไปอย่างที่เขาพูดจริงๆ ไม่เหมือนปิ่นปักลูกแม่คนเดิม”

“มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วคุณ” คุณยอดโอบกอดคุณโปรยไว้อย่างเข้าใจความรู้สึกกัน

ooooooo

ปิ่นปักปั๊มนมให้ลูก เธอดึงจุกปั๊มนมออกจากในเสื้อของตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด พัชรินที่มาเยี่ยมมองดูปิ่นปักด้วยสีหน้าสยอง บอกว่าถ้าปั๊มนมต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ก็นับว่าตนโชคดีที่คุณยุทธมีลูกให้ไม่ได้

พยาบาลบอกว่าคุณแม่คลอดใหม่ๆ จะเจ็บแบบนี้แต่พอร่างกายฟื้นตัว อาการเจ็บก็จะทุเลาไปเอง บอกปิ่นปักว่า “อดทนอีกนิดนะคะ”

“ปิ่นทนได้ค่ะ”

“จะว่าไปนะ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ฉันไม่เคยเห็นชีวิตเธอต้องอดทนกับเรื่องอะไรเลย นี่ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานมีลูกมีผัวก็คงไม่รู้จักกับคำนี้”

“ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่รู้ซึ้งเลยล่ะ” ปิ่นปักประชดตัวเอง

พอดีศกเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยม พัชรินถามว่าไปหาลูกหนึ่งมาแล้วหรือยัง พอศกบอกว่าไปมาแล้ว พัชรินเอ่ยอย่างชื่นชมว่า “หน้าตาเหมือนคุณศกอย่างกับก๊อบปี้กันออกมาเลยนะคะ”

“ฉันกับลูกยังโชคดี นี่ถ้าลองลูกหน้าไทยเหมือนฝั่งครอบครัวฉัน ลูกฉันได้โดนครหาว่าเป็นลูกชู้อีกแน่ๆ”

ศกทนไม่ได้ต่อว่าว่าตนอุตส่าห์มาเยี่ยมอย่าทำให้อารมณ์เสีย ถูกสวนหน้านิ่งๆ ว่า “ถ้าลำบากมากไม่ต้องมาก็ได้”

“ปิ่น!” ศกตวาดจนพัชรินตกใจ ทำทีขอไปซื้อกาแฟข้างล่าง แล้วลุกลี้ลุกลนหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าสะพายใหญ่ ความรีบทำให้กุญแจรถตก เธอหยิบใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายแล้วรีบออกจากห้องไป แต่ไม่ได้ไปซื้อกาแฟอย่างที่บอก พอออกไปนอกห้อง ก็แอบถ่ายคลิปศกกับปิ่นปักทะเลาะกันจากประตูที่เปิดแง้มไว้อย่างสะใจ!

ศกพยายามอดกลั้น ถามปิ่นปักว่าจะกลับบ้านเมื่อไร จะได้ให้แม่มายจัดเตรียมห้องไว้ให้ ปิ่นปักบอกว่าตนจะไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีก แต่จะไปอยู่บ้านคุณแม่

“คุณก็รู้นะปิ่น ว่าผมไม่ชอบง้อใคร” ศกเสียงแข็ง

“ปิ่นรู้ค่ะว่าคุณไม่เคยทำอะไรเพื่อใคร นอกจากเพื่อตัวคุณเอง”

ศกคว้าตัวปิ่นปักไปบีบไหล่อย่างแรง ตะคอกว่าตนชักจะหมดความอดทนแล้วนะ เธอท้าว่าจะตบตนก็ตบเลย ตนไม่กลัว เพราะมันคงเจ็บไม่มากไปกว่าที่ตนเคยเจ็บอยู่ตอนนี้หรอก!

“ผมจะบอกให้นะ ไอ้ที่คุณหวีดร้องตะโกนร้อง เรียกร้องความสนใจอยู่ตอนนี้ มันลดคุณค่าของคุณ มีความรู้เสียเปล่าแต่ไม่ช่วยอะไรเลย”

“ใช่ซี...คุณไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของปิ่นหรอก เพราะคุณไม่ได้เป็นคนที่ถูกคนรักนอกใจ ไม่ได้เป็นคนที่ต้องนอนกลืนน้ำตาอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตเพียงลำพัง แถมยังถูกนังผู้หญิงไม่มีราคาคนนั้นที่คุณเป็นคนพามันเข้ามาในชีวิตคู่ของเราฆ่าลูก เรื่องนี้ถ้าจะมีคนชั่วที่สุด มันก็คือคุณ!”

“แล้วจะเอายังไง หย่าเลยไหม”

ปิ่นปักอึ้งไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้แต่ด้วยความทิฐิทำให้เธอท้ากลับไปว่า

“หย่าก็หย่า ปิ่นก็ไม่อยากจะทนแล้วเหมือนกัน” ปิ่นปักลุกขึ้นไปเอากุญแจรถในกระเป๋าสะพายของพัชรินพรวดพราดออกไป พัชรินรีบตามไป ศกไม่เรียกและไม่ตาม เขายืนมองตามปิ่นปักไปอย่างหงุดหงิด

ปิ่นปักออกมาหน้าห้องก็พอดีมีคนส่งดอกไม้มาบอกว่ามีของมาส่งให้คุณปิ่นปัก ปิ่นปักกับพัชรินมองไปเห็นเป็นพวงหรีดที่เขียนว่า “ขอให้ลูกแกตาย”

ปิ่นปักกรีดร้องจนศกออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคว้าพวงหรีดปาใส่หน้าศกแล้ววิ่งหนีไปขึ้นรถพัชรินขับออกไปอย่างเร็ว

ooooooo

ที่อีกมุมหนึ่งของโรงพยาบาล พาไลเข็นรถพาฝนมาตามทาง ฝนโทร.แจ้งร้านดอกไม้ว่าส่งเงินค่าดอกไม้ไปให้แล้ว ขอบคุณแล้ววางสาย แต่พอพาไลถามว่าส่งดอกไม้ให้ใคร ฝนบอกว่าไม่มีอะไร ถามว่าพาไลเอารถใครมารับตน

พาไลบอกว่ารถมิ้ม ฝนถามว่าเธอบังคับเอามาใช่ไหม พาไลบอกว่ามิ้มเต็มใจ ฝนยักไหล่เหยียดปากอย่างไม่เชื่อ

ขณะพาไลเข็นรถฝนข้ามถนนนั่นเอง ปิ่นปักขับรถมาเจอเธอจิกตามองอย่างแค้นใจแล้วพุ่งรถเข้าหาราวกับจะชนแต่หยุดกึกก่อนถึงตัว ฝนกรีดร้องอย่างตกใจ ปิ่นปักลงจากรถไปถามอย่างสะใจว่า

“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าความกลัวมันเป็นยังไง”

ฝนลุกจากรถเข็นปราดเข้าตบหน้าปิ่นปักสุดแรง ปิ่นปักตบคืนอย่างแรงเช่นกัน พาไลพยายามห้ามทั้งสอง พอดีนครินทร์มาเห็นเขาเข้าไปดึงปิ่นปักออก ในขณะที่พาไลก็รั้งตัวฝนไว้ จึงแยกจากกันได้

เมื่อพาปิ่นปักกลับมาที่ห้องพักในโรงพยาบาล นครินทร์ตำหนิน้องว่าทำไมทำแบบนั้น คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างไหม ถ้าหยุดรถไม่ทันขึ้นมาจะทำอย่างไร ปิ่นปักบอกว่าตนไม่ได้คิด เวลานั้นตนแค่โกรธและอยากทำ

พัชรินแทรกขึ้นว่าทีหลังก็คิดให้มาก เพราะรถที่ชนเป็นรถของตนรถเพิ่งใช้ได้แค่ไม่กี่ปีต้องมาชนคนตายแค่คิดก็กลุ้มแล้ว เธอขอตัวกลับบอกว่าจะแวะไปให้พระพรมน้ำมนต์ให้รถหน่อย

ขณะปิ่นปักยืนเหม่อลอยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น นครินทร์เอ่ยขึ้นว่า “พัชบอกว่าปิ่นกับคุณศกจะหย่ากัน?”

“ในเมื่ออยู่กันไม่ได้แล้วก็หย่าไปเสียให้จบเรื่อง คอยดูนะพี่รินทร์ ปิ่นจะไม่มีวันจดทะเบียนกับใครหน้าไหนอีกแล้ว” นครินทร์ถามว่าแล้วลูกล่ะ “ลูกต้องเป็นของปิ่นเท่านั้น ปิ่นจะไม่ให้พวกมันแตะต้องลูกปิ่นได้เลย” นครินทร์ติงว่าทางเขาคงไม่ยอม “ไม่ยอมก็ให้เขาฟ้องเอาแล้วกัน”

“คิดดูดีๆแล้วกันปิ่น อย่าปล่อยให้ความเจ็บแค้นของเรามาทำลายตัวเราเอง ปิ่นต้องคิดให้รอบคอบด้วยสติไม่ใช่ด้วยอารมณ์ ปิ่นต้องคิดด้วยว่าถ้าปิ่นหย่าแล้ว ปิ่นจะทำตัวยังไงในสภาพของแม่ม่าย”

“ปิ่นไม่คิดอะไรแล้วค่ะพี่รินทร์ ทีตอนปิ่นคิดแทบตาย ระวังตัวแทบตาย ปิ่นไม่เห็นได้รับผลตอบแทนเลย ความดีของปิ่นที่ทำมาตลอดมันช่วยอะไรปิ่นบ้าง” ปิ่นปักร้องไห้อย่างหนัก นครินทร์ได้แต่กอดปลอบใจน้องสาว

ooooooo

นครินทร์ไปที่บ้านสวน ถามพาไลว่าฝนเป็นอย่างไรบ้าง พอรู้ว่าหลับแล้วเขาขอโทษฝนแทนปิ่นปักด้วย ตนไม่อยากให้พวกเขาผูกใจเจ็บต่อกัน พาไลเห็นด้วยเพราะตัวต้นเหตุอย่างศกกลับไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยเลย

นครินทร์บอกว่าอยากขอบคุณเธอเรื่องเสื้อที่ส่งให้แต่เธอไม่อยู่ก็เลยไม่ได้โทร.มาหาก่อน

พอนครินทร์จะกลับพาไลเตือนเขาด้วยความเป็นห่วงปิ่นปักว่า

“คนที่เคยมั่นใจในตัวเองอย่างคุณปิ่นกำลังผิดหวังเสียใจ คุณต้องดูแลเธอให้กำลังใจเธอ อย่าให้เธอเลือกแก้ปัญหาด้วยการประชดชีวิตเหมือนอย่างที่ฉันเคยทำ ฉันไม่อยากเห็นใครมีชีวิตพลาดพลั้งแบบนั้น”

ฝ่ายคุณโปรยเตรียมช่วยปิ่นปักเลี้ยงดูหลานเต็มที่ แต่พอปิ่นปักพาลูกกลับมาถึงบ้าน คุณโปรยหน้าเสียเมื่อปิ่นปักจ้างพยาบาลมาเลี้ยงลูก บอกคุณโปรยว่าไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อย คุณโปรยติงว่าเกรงหลานโตมาจะเป็นเด็กมีปัญหา

“ปิ่นใกล้ชิดคุณแม่มาตลอด ปิ่นยังมีปัญหาเลยค่ะ ขอให้คุณแม่เชื่อว่าที่ปิ่นทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าปิ่นไม่รักลูก ปิ่นรักลูกมากเขาคือชีวิตของปิ่น ปิ่นถึงเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้เขาและ ‘ตัวปิ่นเอง’ ปิ่นอดทนเพื่อลูกเพื่อคนอื่นมามากพอแล้วค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่อยากเห็นปิ่นเป็นบ้า อย่าบังคับปิ่นอีกเลยนะคะ” พูดแล้วปิ่นปักจะเดินออกไป

“ปิ่นจะไปไหน”

“ไปใช้ชีวิตของปิ่นค่ะ” ปิ่นปักเดินออกไปเลย มิไยว่าคุณโปรยจะเรียกให้กลับมาคุยกันก่อน นครินทร์จึงห้ามแม่ไว้

“แม่ครับ ปล่อยปิ่นไปเถอะครับ อย่าเพิ่งห้ามปิ่นเลย ปิ่นจะยิ่งเตลิดมากไปกว่านี้”

ooooooo

นับแต่นาทีนั้นปิ่นปักปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างสิ้นเชิง เธอเข้าห้างซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง แปลงโฉมตัวเองเป็นปิ่นปักที่เซ็กซี่ เปรี้ยว และก๋ากั่นไปนั่งดื่มในผับคนเดียว

ความสวยเซ็กซี่ของปิ่นปัก สะดุดตานักเที่ยววัย 30-40 สองคนอย่างจัง หนึ่งในนั้นสั่งเครื่องดื่มให้พนักงานเอาไปให้ และตัวเองเดินไปยืนตรงหน้าปิ่นปัก เธอมองเขาอย่างกิริยาดีและไว้ตัว

“ขอบคุณมากที่สั่งให้ฉัน แต่ฉันดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ ยังต้องให้นมลูก” ชายคนนั้นมองอย่างสำรวจบอกว่าไม่เชื่อ ปิ่นปักตามใจและขอโทษด้วยตนต้องการความเป็นส่วนตัว

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น