วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 11


คุณโปรยสบายใจเมื่อจุ้นบอกว่าไม่เห็นพาไลมาหลายเดือนแล้ว ค่าเช่าก็เอามาฝากตนไว้ให้นครินทร์ เชื่อว่าเขาสองคนเลิกกันแล้ว

พาไลทำงานกลางคืนกลางวันไปเรียนหนังสือ เธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบนครินทร์ เมื่อหาเงินได้ก็เอาไปให้แม่เป็นดอกเบี้ย บอกแม่ว่าตนอายุมากขึ้นงานเริ่มน้อยลงสู้พริตตี้สาวๆรุ่นใหม่ไม่ได้

พิสมัยบอกให้หางานใหม่ทำ ตนถักผ้าพันคอก็พอจะมีรายได้อยู่บ้าง บอกว่า “แม่ไม่อยากให้คนมองไลไม่ดี”

“ไลไม่สนหรอกค่ะ ไลขอให้ได้เงินช่วยใช้หนี้ที่บ้าน ให้คุณแม่ได้กินอิ่มนอนหลับ ไลก็มีความสุขแล้ว” พาไลกอดแม่ไว้ด้วยความรัก

บัวทองยังร้ายไม่เลิก เห็นพาไลในชุดนักศึกษากำลังจะออกไป จึงเรียกไว้บอกว่าตนมีเพื่อนดูแลตลาดนัดใหม่ ทำเลดีมาก ถ้าอยากได้สักล็อกไว้ขายของก็โทร.ไปบอกว่ามาจากตน แล้วยื่นนามบัตรให้ พาไลขอบใจรับนามบัตรแล้วออกไป

เพ็ญบ่นบัวทองว่าไปช่วยมันทำไม บัวทองยิ้มเจ้าเล่ห์บอกแม่ว่า

“นังพาไลมันขายของเก่ง มันมีที่ทำมาหากิน มันจะได้หาเงินมาให้เราใช้ไงแม่”

“จริงด้วย ลูกแม่ฉลาดที่สุด” เพ็ญชื่นชม แม่ลูกยิ้มอย่างรู้ใจกัน

ooooooo

พาไลไปขายของที่ตลาดนัด เป็นเสื้อยืดสีพื้นไม่มีลาย ถูกแม่ค้าเจ้าเก่าในตลาดต่อว่าที่มาขายของเหมือนตน หาว่าก๊อบปี้กัน มิ้มโมโหถามว่าใครก๊อบปี้เจ๊!

แม่ค้าเอาเสื้อผ้าของตนมาเทียบให้ดู มิ้มยอมรับว่าเหมือนจริงๆด้วย พาไลขอโทษบอกว่าตนไม่รู้ว่าเจ๊ขายแบบนี้อยู่ เจ๊ด่าว่าโกหก เห็นตนขายดีเลยจะมาแย่งขาย

“อ้าว...อีเจ๊ อุตส่าห์ขอโทษดีๆแล้วยังจะมาด่ากันอีก เดี๋ยวแม่!” มิ้มสะอึกจะเข้าไปตบ ถูกแม่ค้าท้าว่าจะทำอะไร มิ้มเลยผลักอกแม่ค้าจนเซ ตวาดลั่น “กูจะตบล้างน้ำน่ะสิ” พาไลเลยต้องเข้าไปห้ามพัลวัน

มิ้มบอกพาไลว่าเมื่อเสื้อผ้าเหมือนเขาเราก็ไม่ต้องขาย พาไลเสียดายว่าเราซื้อมาเยอะ จะเอาไปไว้ที่ไหน

“งั้นแกก็ต้องหาทางทำให้เสื้อของแกแตกต่างจากอีเจ๊ มันจะได้ไม่ต้องมาด่าอีก”

พาไลหยิบเสื้อขึ้นมาคลี่ดู คิดว่าจะทำให้แตกต่างอย่างไร? จะทำอะไรให้แตกต่าง? ทอดสายตาไปไกล เห็นหลังคาบ้านนครินทร์ ฉุกคิดขึ้นมาว่า

“ถ้าได้ปรึกษาคุณรินทร์แบบเมื่อก่อนก็คงจะดี”

ooooooo

ปิ่นปักโกรธฝนจนตัวสั่น ฝนยิ่งยั่วว่าต่อไปตนมาอยู่ด้วยกันสามคนผัวเมีย ศกอยากไปนอนกับใครก็ ตามใจเขา พูดจนปิ่นปักคว้าแก้วใกล้มือปาใส่ แก้วแตกเศษแก้วกระเด็นบาดขาคุณขจีที่วิ่งมาดู

ฝนถลาเข้าไปดราม่า แสดงความห่วงใยมากมาย ด่าปิ่นปักว่าหัดควบคุมอารมณ์บ้าง ปิ่นปักถามคุณขจีว่าคุณแม่รู้เรื่องของมันด้วยหรือ ร้องไห้ตัดพ้ออย่างเจ็บปวด

“ทำไมคุณแม่ไม่ห้ามคุณศก คุณแม่ปล่อยให้ทำร้ายปิ่นได้ยังไง”

“ผู้ชายจะมีเล็กมีน้อยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเธอปล่อยวางไม่ได้ เธอก็ต้องเจ็บอยู่แบบนี้”

“เห็นแก่ตัวกันทั้งครอบครัว” ปิ่นปักน้ำตาไหลพราก ในขณะที่ฝนทำคะแนนด่าปิ่นปักว่ามากไปแล้ว เธอจะด่าตนอย่างไรตนทนได้แต่อย่าลามปามถึงคุณแม่ ปิ่นปักตบหน้าฝนอย่างแรง คุณขจีตวาดลั่น

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นพวกใช้ความรุนแรง ฉันมองเธอผิดไปจริงๆ”

“ปิ่นก็มองลูกชายคุณแม่ผิดไปเหมือนกัน” ปิ่นปักทนไม่ไหวเดินปึงปังออกไป แม่มายมองตามอย่างเป็นห่วง ในขณะที่คุณขจีตะโกนไล่หลังไปอย่างโกรธแค้นว่า

“ถ้าในท้องเธอไม่มีหลานของฉัน ฉันจะบอกให้ตาศกเลิกกับเธอ นังหมาบ้า!”

พอปิ่นปักไปแล้ว ฝนเล่นแผนต่อทันที ทำเป็นคลื่นไส้จะอาเจียน คุณขจีตกใจ

“ขอโทษค่ะ...ฝนแพ้แรงไปหน่อย...” เห็นคุณขจีมองสงสัย ฝนยิ้มปลื้มบอกว่า “ค่ะ...ฝนท้องแล้ว”

ooooooo

แม่มายเป็นห่วงปิ่นปักมาก ตามไปร้องเรียกแต่เธอขับรถออกไปแล้ว ออกไปถึงกลางซอยเธอก็หมดแรงที่จะขับต่อไปได้ จอดรถฟุบหน้ากับพวงมาลัยร้องไห้ อย่างหมดอาลัยตายอยากจนถูกรถคันหลังบีบแตรไล่

แม่มายโทร.หานครินทร์ไม่ติดจึงโทร.บอกเพรียวว่าปิ่นปักหายไปจากบ้าน ตนโทร.หานครินทร์ก็ไม่รับสาย โทร.ไปที่บ้านคุณโปรย ปิ่นปักก็ไม่ได้ไปที่นั่น เพรียวถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอฟังจากแม่มายเขาอุทาน...โถ...ปิ่น...

“คุณปิ่นกำลังท้องกำลังไส้ไม่น่าต้องมาเจอกับเรื่องแย่ๆแบบนี้เลย คุณช่วยตามหาคุณปิ่นหน่อยเถอะนะคะ ป้าเป็นห่วงคุณปิ่นเหลือเกิน” แม่มายพูดไปร้องไห้ไปด้วยความเป็นห่วงปิ่นปักมาก

“ครับป้า ถ้าได้เรื่องยังไงผมจะโทร.ไปบอกนะครับ” เพรียววางสาย เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลา 14.30 น. ยังไม่เลิกงาน แต่เขาก็คว้ากระเป๋าลุกไปจากโต๊ะ

มิตรารู้ข่าวจากเพรียว เธอรีบไปบอกนครินทร์ เขาถามว่าแล้วมีใครออกตามหาปิ่นปักหรือยัง

“คุณเพรียวตามหาอยู่ค่ะ แต่ยังไม่พบ คุณรินทร์ใจเย็นๆก่อนนะคะ ปิ่นอาจจะกลับไปที่บ้านคุณแม่ แต่ยังเดินทางไม่ถึง”

“แต่ผมคิดว่าปิ่นไม่กลับไปที่บ้าน ปิ่นไม่พร้อมจะฟังคำว่า ‘ให้อดทน’ จากคุณแม่”

“ปิ่นเจอปัญหาหนักมากเลยหรือคะ” มิตราสงสารเพื่อนมาก

พัชรินแสดงความเป็นห่วงเป็นใยปิ่นปักมาก แต่ที่แท้ต้องการรู้เรื่องของปิ่นปักเพื่อความสะใจ เธอซักไซ้เพรียวจะให้บอกให้ได้ว่าปิ่นปักมีปัญหาอะไร เพรียวบอกว่าตนไม่รู้ก็หาว่าโกหก เดาว่าปิ่นปักมีเรื่องศกกับเมียน้อยแน่ๆ

“ผมไม่รู้จริงๆครับ แล้วก็ไม่ได้สนใจจะอยากรู้ด้วย เพราะเป็นห่วงปิ่นมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าปิ่นปักติดต่อมารบกวนคุณโทร.บอกรินทร์ด้วยนะครับ” เพรียวตัดบทอย่างเหนื่อยใจแล้ววางสายเลย

พัชรินบ่นว่ายังไม่ทันรู้เรื่องเลยวางสายเสียแล้ว ยุทธที่ฟังอยู่ด้วยถามว่ามีอะไรหรือ

“ปิ่นหายตัวไปค่ะ ฉันต้องรีบแจ้งก่อน”

“จะแจ้งตำรวจต้องรอให้หายไปครบ 24 ชั่วโมงก่อน”

“ไม่ได้แจ้งตำรวจค่ะ แต่แจ้งข่าวให้เพื่อนๆในกรุ๊ป แชตรู้เรื่องค่ะ ว่านางฟ้าปิ่นปัก ตกสวรรค์แล้ว!” พัชรินก้มหน้าก้มตากดมือถือเอาจริงเอาจัง

ยุทธส่ายหน้าเหนื่อยใจกับการกระทำของเมียตัวเอง

ooooooo

เพรียวขับรถออกไปด้วยความร้อนรุ่มกังวลใจเป็นห่วง ไม่รู้ว่าปิ่นปักหายไปไหน เป็นอย่างไร

คิดทบทวนว่าปิ่นปักจะไปไหนแล้วฉุกคิดถึงอดีต... เวลานั้นตนเรียนอยู่มัธยมปลาย ถือลูกบาสไปเจอปิ่นปักยืนอยู่ในสวนริมน้ำ ถามว่ามายืนทำอะไรตรงนี้ ปิ่นปักหันมองพูดหน้าเศร้าว่า

“ปิ่นยังไม่อยากกลับบ้าน วันนี้ปิ่นไปรับผลสอบมา ปิ่นได้เกรดแค่ 3.8 แต่พี่รินทร์ได้ 4.0 ปิ่นไม่อยากกลับไปฟังคุณแม่คุณพ่อชมพี่รินทร์ว่าปิ่นเก่งไม่เท่าพี่รินทร์ ปิ่นรู้สึกผิด”

“แล้วปิ่นจะยืนอยู่อย่างนี้เหรอ”

“ค่ะ...เวลาปิ่นผิดหวัง ปิ่นชอบมาตรงนี้ มายืนมองตัวเองในน้ำ ปิ่นก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมปิ่นถึงชอบ”

“งั้นพี่ยืนเป็นเพื่อนจนกว่าปิ่นจะสบายใจ”

คิดได้แล้ว เพรียวบ่ายหน้าไปยังสวนแห่งนั้น เจอปิ่นปักอยู่ที่นั่นจริงๆ ดวงตาเธอบวมแดงเพราะร้องไห้หนัก เธอมองตัวเองในน้ำ นึกถึงความสมบูรณ์แบบที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต...

ในคืนวันแต่งงาน เธอมีความสุขมาก แต่ก่อนหน้านี้ นครินทร์เคยเตือนสติเมื่อเธอตัดสินใจแต่งงานกับศกว่า

“ตอนนี้เขายังรักปิ่น เขาก็ยอมปิ่นได้ทุกอย่าง แต่ถ้าวันหนึ่งที่มีคำว่าชินชาเข้ามาแทนที่ความรัก ปิ่นคิดเอาเองแล้วกันว่าปิ่นจะต้องเจออะไรจากคนที่ไม่รู้จักให้เกียรติคนอื่น ชีวิตคู่ การให้เกียรติซึ่งกันและกันสำคัญกว่าฐานะหรือหน้าที่การงานเสียอีก”

เวลานั้นเธอไม่ฟัง แต่นครินทร์ก็ยังพูดทิ้งไว้ให้คิดว่า

“พี่ไม่ได้ขอให้ปิ่นเลิกรักคุณศก แต่พี่อยากขอให้ปิ่นใช้เวลาตัดสินใจให้นานกว่านี้”

คิดถึงคำเตือนสติของพี่ชายแล้ว ณ นาทีนี้...ปิ่นปักพึมพำกับตัวเอง “ปิ่นโง่เอง...”

แว่บหนึ่งของความคิด ปิ่นปักอยากฆ่าตัวตาย เธอยกเท้าจะปีนขึ้นไปบนราวสะพาน

“ปิ่นอย่า!!” เพรียวตะโกนอย่างตกใจสุดขีด พุ่งเข้าไปคว้าตัวปิ่นปักไว้ในอ้อมกอด “ปิ่นอย่าทำร้ายตัวเอง ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เราไม่จำเป็นต้องจบปัญหาด้วยวิธีนี้”

เพรียวกอดปิ่นปักไว้แน่น เธอตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดเขา ยังสับสน มึนงง

เพรียวโทรศัพท์บอกนครินทร์ว่า “ไม่ต้องห่วงนะรินทร์ ฉันจะดูแลปิ่นให้ แล้วก็จะพาปิ่นกลับไปส่งที่บ้านเอง”

ooooooo

ปิ่นปักยังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ม้านั่ง เพรียวไปนั่งข้างๆต่างเงียบอยู่ในความคิดคำนึงของตัวเอง จนปิ่นปักเอ่ยขึ้นว่า

“ปิ่นเคยคิดว่า คนที่คิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะความรัก ช่างเป็นคนที่โง่เขลา ปิ่นไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ แต่เมื่อกี๊ ปิ่นก็เกิดความคิดชั่ววูบว่าความตายเท่านั้นจะทำให้ความทุกข์สิ้นสุดลง”

“เขาถึงเรียกว่า ‘คิดสั้น’ ถ้าคิดให้ยาวกว่านี้ ก็จะรู้ว่า ความตายไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง”

ปิ่นปักพยักหน้า หันบอก “พี่เพรียวคะ...ปิ่นรู้แล้ว ว่าทำไมปิ่นถึงชอบมองตัวเองในน้ำ”

เพรียวสงสัย ปิ่นปักลุกไปยืนริมน้ำ มองตัวเองบนผิวน้ำที่มีคลื่นเล็กๆ สะท้อนภาพปิ่นปักอย่างบิดเบี้ยว

“เพราะภาพสะท้อนของปิ่นในน้ำ มันเป็นภาพที่บิดเบี้ยว ไม่ได้สวยงามสมบูรณ์แบบ ปิ่นคงจะเบื่อหน่ายกับการพยายามทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ ปิ่นต้องเรียนเก่ง ต้องทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบ ปิ่นเคยอยากออกไปเที่ยวเหมือนวัยรุ่นคนอื่น แต่ปิ่นต้องห้ามใจ เพราะปิ่นต้องสมบูรณ์แบบในสายตาของคนอื่นเท่านั้น ถึงจะทำให้ปิ่นมีความสุข แต่ปิ่นลืมไปว่า...ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ...”

“สำหรับพี่...ปิ่นสมบูรณ์แบบเสมอ” เพรียวเอ่ยจากหัวใจ แต่ปิ่นปักยิ้มเศร้า ส่ายหน้าว่า

“ไม่มีปิ่นปักที่สมบูรณ์แบบอีกแล้ว พี่เพรียวดูภาพปิ่นตอนนี้ให้เต็มตาสิคะ”

“พี่ไม่เคยใช้สายตามองปิ่น แต่พี่ใช้...” เพรียวจับมือปิ่นปักไปแนบที่หัวใจตัวเอง บอกด้วยสายตาว่า เขารักเธอคนเดียวมาตลอด ปิ่นปักมองตาเขาอย่างคาดไม่ถึง เพรียวกุมมือเธอแน่นขึ้นอีก เอ่ยอย่างให้กำลังใจ “จำไว้นะปิ่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปิ่นยังงดงามสมบูรณ์แบบสำหรับพี่เสมอ แล้วก็ไม่มีใครมีค่าพอที่จะมาทำลายคุณค่าน้องปิ่นของพี่ได้ เขาก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้ปิ่นรู้ว่า ผู้ชายเฮงซวยหน้าตาเป็นยังไง”

ปิ่นปักร้องไห้โฮ โผกอดเพรียวไว้แน่น วินาทีนั้น... เพรียวตัวแข็งทื่อกับการกอดครั้งแรกของปิ่นปัก ผู้หญิงที่เขารักอย่างหมดหัวใจ...

“ขอบคุณนะคะพี่เพรียว...” เสียงปิ่นปักสะท้านสะเทือนใจในอ้อมกอดของกันและกัน...

ooooooo

ศกโมโหฝนมาก ไปหาเธอที่คอนโด ถามว่าจะท้องได้อย่างไรในเมื่อตนป้องกันทุกครั้ง ฝนอ้างว่าอาจเป็นอุบัติเหตุ ศกตะคอกถามว่าเธอคิดจะจับตนใช่ไหม!

ฝนถูกกระชากจนเจ็บ ยอมรับว่าตนตั้งใจมีลูกกับเขาแต่ไม่ใช่เพราะอยากจับเขาแต่เป็นเพราะตนรักเขา อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นกับเขา ศกหัวเราะเยาะถามว่าเอาอะไรมาคิด ฝนตกใจถามว่าเขาจะทิ้งตนกับลูกหรือ

“ผมไม่ใช่หมาถึงจะทำแล้วทิ้ง ถ้าเขาเป็นเลือด เนื้อเชื้อไขของผมจริง ผมรับผิดชอบแน่ แต่ผมเอาแต่ลูก ส่วนตัวแม่...ผมไม่เอา!” ฝนอ้างว่าตนเป็นเมียเขา “อย่าสำคัญตัวผิด ผมมีเมียอยู่แล้วคือปิ่น ส่วนคุณเป็นแค่คู่นอน ตอนนี้คุณมีเด็กอยู่ในท้อง คุณนอนกับผมไม่ได้ คุณก็หมดความหมาย เก็บของเสร็จแล้วเอากุญแจวางไว้ด้วย”

ศกออกไปแล้ว ฝนกรี๊ด ปาข้าวของอย่างคลุ้มคลั่ง แผดเสียงลั่น

“กูไม่ยอมให้มึงทิ้งกูง่ายๆหรอก!”

ooooooo

เพรียวพาปิ่นปักกลับถึงบ้าน เขาประคองปิ่นปักไปนั่งที่โซฟาอย่างทะนุถนอม ศกเข้ามาเห็นพอดี พูดประชดหาเรื่องทันที

“ดีเหลือเกิน ไม่พอใจอะไรก็หายตัวไปหาผู้ชายอื่น ปลอบใจกันไปถึงไหนแล้วล่ะ”

เพรียวโกรธจัดชกหน้าศกอย่างแรงจนเลือดกบปาก ชี้หน้าด่าศก

“ตัวเองเป็นตัวก่อปัญหา อย่าโบ้ยความผิดมาให้คนอื่น โดยเฉพาะเมียตัวเอง มันทุเรศ!”

ศกผลักอกเพรียวจนเซแล้วจะตามไปชก ปิ่นปักเข้าไปยืนขวางไว้อย่างปกป้องเพรียว พูดใส่หน้าศก

“อย่าเอามือโสโครกของคุณไปแตะต้องพี่เพรียว” ศกตวาดว่าคุณกล้าด่าผมต่อหน้ามัน “ต่อหน้าคนอื่น ปิ่นก็จะด่าค่ะ ในเมื่อคุณไม่เคยให้เกียรติปิ่น นับจากนี้ไป คุณก็อย่าหวังว่าจะได้รับคำว่าเกียรติจากปิ่น”

“งั้นเรามาดูกันว่าเกียรติของผมกับด็อกเตอร์ปิ่นปักถูกทำลาย ใครมันจะชักตายก่อนกัน” ศกหยิบมือถือขึ้นมากด พอปลายสายรับ เขาพูดต่อหน้าปิ่นปัก “ผมศก มหากิจไพศาล ช่วยส่งตำรวจมาจัดการชู้ของเมียผมที มันทำร้ายร่างกายผม”

โทรศัพท์แล้ว ศกยิ้มเยาะอย่างสะใจ ปิ่นปักกับเพรียวอึ้งกับความร้ายกาจของศก

ooooooo

ฝนกลับไปที่บ้านสวน เก็บข้าวของของตัวเองใส่กระเป๋า มิ้มถามอย่างเป็นห่วงเพื่อนว่า จะย้ายไปอยู่บ้านแม่ศก เขาอนุญาตแล้วหรือ ถ้าโดนไล่ตะเพิดออกมาหน้าแตกโบท็อกซ์ทะลักเลยนะ

“คุณขจีอนุญาตแล้ว เพราะว่าฉันกำลังจะมีหลานให้เขา” ฝนเชิดหน้ายโส

ทั้งมิ้มและพาไลตกใจ พาไลเตือนสติฝนว่า

“แกก็รู้ว่าคุณศกเขาไม่ได้จริงใจกับแก แกปล่อยให้ตัวเองท้องทำไม แกอยากให้ลูกแกโตมาเป็นเด็กมีปัญหาอย่างพวกเราหรือ”

ฝนโต้ว่าปัญหาของตนคือมีพ่อแม่ยากจน ตนจึงอยากได้ศกมาเป็นพ่อของลูก มิ้มย้ำเตือนว่า ความ “อยาก” มันสร้างความหายนะให้คนมานักต่อนักแล้ว ฝนไม่เพียงไม่ฟัง หากยังย้อนเย้ยว่ามิ้มเองก็เคยเป็นเมียน้อยคนอื่นมาแล้วไม่ใช่หรือ มิ้มบอกว่าตนไม่เคยทำตัวเป็นเมียน้อยชั่วๆอย่างฝนก็แล้วกัน ฝนโกรธหาว่าเพื่อนด่า

“เออ...ฉันด่า เผื่อคำด่าของฉันมันจะไปกระตุ้นต่อมจิตใต้สำนึกที่ดีของแกบ้าง” แล้วมิ้มก็ระดมคำด่าสารพัด “อีกเห็นแก่ตัวเอาชีวิตเด็กมาเป็นเครื่องมือสร้างความสุขสบายให้ตัวเอง อีหน้าเงิน! อีเมียน้อยไร้คุณธรรม! อี...”

มิ้มไม่ทันด่าต่อก็ถูกฝนตบหน้าฉาดใหญ่จนล้มลงกับพื้น มิ้มลุกขึ้นพุ่งมาคล่อมตบฝนพลางก็ด่า

“แกจำคำฉันไว้อีฝน ชีวิตแกจะต้องฉิบหายเพราะความเห็นแก่ตัวของแก!”

ฝนกับมิ้มตบกันจนหัวหูยุ่งไปหมด พาไลต้องเข้ามาห้าม บอกมิ้มว่าฝนท้องอยู่ เดี๋ยวเด็กเป็นอะไรไป มิ้มจึงหยุด

จุ้นมองจากบ้านคุณโปรย เห็นการตบตีกันที่หน้าบ้านสวนก็แจ้นไปรายงานคุณโปรยทันที

ooooooo

ฝนเก็บข้าวของจะออกจากบ้านสวน พาไลตามมาเรียกไว้ ฝนบอกว่าอย่ามาห้ามตน

“ฉันไม่ได้ห้าม เพราะฉันรู้ว่าห้ามแกไม่ได้ ฉันแค่อยากจะบอกว่า ยังไงแกก็ยังมีฉันกับมิ้มเป็นเพื่อน ถ้าเกิดอะไรขึ้น กลับมาหาเรานะฝน”

“ฉันกลับมาแน่ แต่จะมาในฐานะสะใภ้ของมหากิจไพศาล ฉันจะไม่มีวันเป็นแค่อีฝนคนเดิม!”

ฝนสะบัดไปอย่างยโสโอหัง ไม่นานมิ้มก็หิ้วกระเป๋าผมยุ่งเหยิงออกมา บอกพาไลว่าช่างมันเถอะ กรรมเวรใครกรรมเวรมัน พาไลพยักหน้า มิ้มมองไปทางบ้านใหญ่บอกพาไลว่า

“โน่น เจ้ากรรมนายเวรของแกมาแล้ว ฉันกลับก่อนแล้วกัน ขี้เกียจเถียงกับคน ปวดหัว” แล้วมิ้มก็เดินออกไปเลย

พาไลยืนรับหน้าคุณโปรยอยู่คนเดียว พอมาถึงคุณโปรยถามว่าเพื่อนเธออยู่ไหน ตนมีเรื่องจะคุยด้วย พาไลบอกว่าไม่มีใครอยู่ กลับไปกันหมดแล้ว จุ้นด่าว่าโกหก พาไลจึงบอกให้เข้าไปดูเอาเองก็แล้วกัน

เมื่อในบ้านไม่มีใครอยู่แล้วจริงๆ คุณโปรยจึงฝากพาไลให้บอกเพื่อนเธอด้วย พาไลถามว่าเพื่อนคนไหน จุ้นสาระแนตอบแทนว่า “คนที่เป็นเมียน้อยคุณศกไงล่ะนังโง่”

“ถ้าจิตใต้สำนึกที่ดีของความเป็นมนุษย์ยังมีหลงเหลือ กรุณาเลิกยุ่งกับสามีของลูกสาวฉัน หัดกลัวบาปกรรมบ้าง”

“ค่ะ...ฉันจะเตือนเพื่อนฉันให้ ประสบการณ์การเคยเป็นเมียน้อยของฉันบอกว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีเมียน้อย เป็นเพราะขาดการเอาใจใส่ดูแลจากภรรยา เขาถึงต้องออกมาหากินนอกบ้าน”

“เธอกำลังจะโทษว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของปิ่นอย่างงั้นเหรอ”

“ฉันแค่เตือนสติค่ะ เพราะของแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่ดัง”

คุณโปรยกำลังจะโต้พาไล จุ้นก็แจ๋ขึ้นว่า

“คุณผู้หญิงคะ ดูนั่นสิคะ!” จุ้นชี้ไปที่ทีวีในบ้านที่เปิดอยู่ ทั้งคุณโปรยและพาไลหันมองทีวีที่กำลังจัดรายการ “เม้าท์แซ่บ” อยู่ มีรูปศกในกรอบเล็กอยู่ที่มุมจอ ด้านหนึ่ง พิธีกรรายการกำลังพูดอย่างมีชีวิตชีวามากว่า

“แซ่บยามดึกมีข่าวด่วนจานร้อนแจ้งเข้ามาค่ะ คุณศกเซเลบริตี้ชื่อดังที่เพิ่งจะมีงานแต่งอลังการเว่อร์ไปเมื่อปีที่แล้วถูกทำร้ายร่างกาย แต่จากใครนั้น สายข่าวบอกว่า ‘แซบเว่อร์’ ค่ะคู้ณณณณณ”

ภาพในทีวี เป็นศกเดินลงจากโรงพัก ที่มุมปากเขียวช้ำ นักข่าวกรูกันไปสัมภาษณ์ถามว่าจริงไหม ผู้ชายที่ทำร้ายเขาเป็นชู้รักของปิ่นปัก ศกตอบสั้นๆว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ” พอนักข่าวถามว่าทำไมถึงเข้าใจผิด เกิดอะไรขึ้น ศกไม่ตอบแต่ขอตัวแล้วเดินออกไปเลย

พิธีกรรายการสรุปว่า “แหม...อ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้ต้องมาคอยติดตามกันต่อไปค่ะว่างานนี้ คู่รักเซเลบชื่อดังขาเตียงจะสั่นจริงหรือเปล่า”

คุณโปรยดูทีวีแล้วหน้ามืดเป็นลมอยู่หน้าจอทีวีที่บ้านสวนนั่นเอง

ooooooo

เพรียวถูกจับฐานทำร้ายร่างกาย นครินทร์ไปประกันตัวออกมา เพรียวขอบใจ แต่นครินทร์บอกว่าตนต้องขอโทษเขาที่อุตส่าห์ช่วยตามหาปิ่นปักแล้วต้องมาเดือดร้อน

“รินทร์ ฉันสงสารปิ่นว่ะ ไอ้ศกทำเหมือนว่ามันไม่เคยรักปิ่นเลย”

“คนแบบนั้นรักใครเป็นเสียที่ไหน รักเป็นแต่ตัวเอง สำหรับคุณศก ปิ่นก็เป็นแค่เครื่องประดับราคาแพง การที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของปิ่น เป็นความภาคภูมิใจของเขา”

“ฉันอยากให้ปิ่นเลิกกับมันว่ะ”

“ฉันก็อยาก ทุกอย่างมันก็อยู่กับการตัดสินใจของปิ่น”

เพรียวนิ่งไปอย่างไม่สบายใจ....

ooooooo

ปิ่นปักมองมือถือที่มีสายของพัชรินเข้า เธอไม่มีใจจะรับสาย พอพัชรินวางหูจึงเห็นว่ามีมิสคอลถามถึง 20 ครั้ง เช่น “ปิ่น ข่าวคุณศกชกกับกิ๊กของเธอ จริงหรือเปล่า” และ “เกิดอะไรขึ้น?”

ปิ่นปักน้ำตาร่วงพรู เธออายมาก เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย คิดถึงคำพูดของเพรียวที่พูดให้กำลังใจว่า

“จำไว้ปิ่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปิ่นยังงดงามสมบูรณ์แบบสำหรับพี่เสมอ แล้วก็ไม่มีใครมีค่าพอที่จะมาทำลายน้องปิ่นของพี่ได้ เขาก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตปิ่น ทำให้ปิ่นรู้ว่า ผู้ชายเฮงซวยหน้าตาเป็นยังไง”

ศกกลับมาเห็นปิ่นปักยังไม่นอน เขาถามประชดว่ายังไม่นอน ดูข่าวอยู่หรือ? ปิ่นปักนาทีนี้ตอบสวนไปทันทีอย่างหมดความเกรงใจห่วงใยแล้วว่า “ไม่คิดว่าคุณจะแสดงละครเก่ง”

“ถ้าไม่เก่งจะได้คุณมาเป็นเมียเหรอ” ปิ่นปักปามือถือใส่อย่างโกรธจัด ศกกระชากไหล่เธอไปถาม “เป็นข่าวกับไอ้กระจอกเพรียวยังไม่เข็ดใช่ไหม อยากมีเรื่องให้เดือดร้อนอีกใช่ไหม”

“ปิ่นไม่มีอะไรจะเสียตั้งแต่มีสามีเฮงซวยอย่างคุณ!” ศกโกรธจัดยกมือจะตบ ปิ่นปักเชิดใส่ท้าให้ตบเลย ตนจะได้เอาแผลไปแจ้งความ คนจะได้สงสารตนว่าถูกสามีทำร้ายร่างกายถึงต้องซมซานไปมีชู้ ศกลดมือลง ปรามว่า

“ที่ผมไม่ทำ ไม่ใช่ผมกลัว แต่เพราะผมเห็นแก่ลูก”

“ปิ่นจะทนอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็เพราะลูกเหมือนกัน”

แม่มายแอบดูอยู่ พึมพำอย่างหนักใจ “ต่างคนต่างแรง แล้วเมื่อไหร่ปัญหาจะจบ”

ooooooo

นครินทร์กลับถึงบ้านก็ตกใจเมื่อจุ้นแจ้นมาบอกว่าให้รีบไปช่วยเร็ว คุณผู้หญิงเป็นลม เขารีบไปดูคุณโปรยที่นอนเป็นลมอยู่ที่เตียง พอคุณโปรยรู้สึกตัวนครินทร์ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ไปหาหมอไหม

“แม่ไม่เป็นไรหรอก คงจะเป็นลมไปเพราะตกใจมากไปหน่อย... เออ...รินทร์เกิดอะไรขึ้นกับน้อง น้องมีชู้จริงหรือเปล่า?” นครินทร์ติงว่าคุณแม่ถามเหมือนไม่รู้จักนิสัยปิ่น “แม่บอกตามตรง แม่ชักไม่แน่ใจแล้วว่าแม่เลี้ยงลูกมาดีพอหรือเปล่า ปิ่นถึงมีข่าวลือเรื่องผู้ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

นครินทร์ติงว่าคุณแม่อย่าพูดอย่างนี้ให้น้องได้ยินเด็ดขาด ตนสงสารน้อง เขาชี้แจงให้คุณโปรยฟังว่า เพราะสามีสร้างความทุกข์ใจให้น้อง บ้านช่องก็ไม่ค่อยจะอยู่ น้องเหงา ใครพอจะเป็นเพื่อนคุยด้วยได้น้องก็คุย

ป้าแสงเปรยว่าสงสารปิ่นปักที่เมื่อก่อนคล่องแคล่วไปไหนมาไหนได้เอง พอท้องเริ่มโตก็ต้องทนอยู่แต่ที่บ้านงานการอะไรก็ไม่ได้ทำ คุณโปรยกลับเห็นว่าไม่แปลกในเมื่อมันเป็นหน้าที่ เกิดเป็นผู้หญิงก็ต้องทำหน้าที่ท้อง คลอดลูกและเลี้ยงลูก ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก ทำตามหน้าที่ของเราไปก็หมดเรื่อง

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับแม่ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างปิ่น” นครินทร์ติงอย่างเข้าใจน้องสาวดี

ป้าแสงดูแลจนคุณโปรยหลับ ออกมาเจอนครินทร์ป้าแสงบอกเขาว่าอย่าลืมไปขอบคุณพาไลด้วยเพราะ พาไลเป็นคนพาคุณโปรยมาส่งที่บ้าน

เมื่อนครินทร์ไปขอบคุณพาไลที่บ้านสวน เธอวางตัวห่างเหินบอกว่าไม่เป็นไร นครินทร์เก้อเขินคุยไม่ออก เลยถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ขายเสื้อผ้าเป็นยังไง ขายดีไหม พาไลบอกว่ายังขายไม่ได้เพราะไปขายของเหมือนกับแผงที่ขายติดกัน ตอนนี้ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับเสื้อผ้าที่เหลือ

“ผมเชื่อว่าคุณทำได้ พยายามเข้านะ” นครินทร์ให้กำลังใจแล้วขอตัวกลับ

พาไลกลับมาดูเสื้อที่เหลืออยู่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้ขายได้ นึกถึงอดีตที่เคยไปเดินห้างกับนครินทร์ ขณะเขาขอแวะร้านหนังสือ พาไลเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งเรียนงานปักเลื่อมลงบนผ้า เธอเดินไปดู เมื่อนครินทร์ออกมาเขาถามว่าจะลองไปทำดูไหม

“อย่าเลยค่ะ งานประดิษฐ์ปักเย็บพวกนี้ต้องใช้ความอดทนสูงแล้วก็ต้องใจเย็นมากด้วย คนอย่างฉันทำไม่ได้หรอก”

“แต่ผมมั่นใจนะว่าคุณทำได้และจะทำได้ดีด้วย” พาไลถามว่าอะไรทำให้เขามั่นใจขนาดนั้น “ถ้าคุณตั้งใจที่จะทำอะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่คนอย่างคุณจะทำไม่ได้”

เวลานั้น พาไลยิ้มๆอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่วันนี้เธอมองดูเสื้อที่เหลือคิดว่าจะทำอย่างไรกับมันดี?

เมื่อคิดจะแก้ปัญหาแล้ว พาไลก็หาทางแก้จนได้ เธอลงมือปักเลื่อมบนเสื้อยืด หาลายน่ารักๆ ค่อยๆปักไปทีละตัว...ทีละตัว เมื่อไปขายที่ตลาด เธอร้องขายอย่างภูมิใจว่า

“เลือกดูเลือกชมก่อนนะคะ แม่ค้าปักลายเอง มีอย่างละหนึ่งตัวเท่านั้นค่ะ”

ปรากฏว่าขายดีมาก แม่ค้าที่ขายติดกันมองตาร้อน มิ้มพูดเยาะเย้ยให้เจ็บใจ จนพาไลต้องขอให้พอ เกรงจะมีเรื่องกันอีก

“เออนี่ไล...แกต้องขอบคุณคุณรินทร์เขาบ้างนะ ยังไงเขาก็เป็นคนจุดไอเดียให้แก แกถึงขายดิบขายดี กิจการรุ่งเรืองแบบนี้”

พาไลพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับที่มิ้มเตือน หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีแมสเซนเจอร์เอากล่องของขวัญไปส่งให้นครินทร์ที่ห้องพักอาจารย์ เขาเปิดดูเห็นเป็นเสื้อยืดสีดำมีลายปักด้วยเลื่อมสีเงินเป็นคำว่า “Thank you” และมีกระดาษโน้ตเขียนด้วยลายมือพาไลว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ...พาไล”

ดูเสื้อและอ่านข้อความแล้วนครินทร์ยิ้มกับตัวเอง มิตราถามแซวๆว่ายิ้มเสียขนาดนั้น แฟนคลับส่งมาให้หรือ

“พาไลส่งมาให้ผมครับ” พูดพลางดูลายปักบนเสื้ออย่างสุขใจ “พาไลคงจะปักลายบนเสื้อเอง งานเรียบร้อยดีจัง”

มิตรามองรอยยิ้มและอากัปกิริยาของนครินทร์อย่างครุ่นคิด...

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงภาวะจิตใจของปิ่นปัก วันนี้พอเลิกสอน นครินทร์ก็ซื้อผลไม้ไปฝากเธอที่บ้าน ถามปิ่นปักว่าเป็นอย่างไรบ้าง ปิ่นปักบอกว่าเบื่อจะแย่ อยู่แล้ว นครินทร์ให้อดทนไว้ อีกเดือนเดียวเอง

“เฮ้อ...พี่รินทร์เชื่อไหม ปิ่นไม่คิดเลยว่าเป็นแม่จะลำบากขนาดนี้”

“จะเป็นแม่ เป็นเมีย เป็นลูก เป็นอาจารย์ เป็นคนรับใช้ เป็นอะไรก็ตาม มันก็ลำบากทั้งหมดนั่นแหละปิ่น ถ้าเราจะต้องทำให้ดี”

“จริงค่ะ ถ้าไม่ต้องพยายามเป็นให้ดี มันก็ไม่ลำบาก” นครินทร์ติงว่าแต่ก็จะไม่ภูมิใจ “เราจะเอาความภูมิใจไปทำอะไรคะพี่รินทร์ ปิ่นสร้างความภูมิใจให้ตัวเองมาทั้งชีวิต แต่ดูสภาพปิ่นตอนนี้สิคะ ปิ่นไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่วินาทีเดียว”

นครินทร์มองหน้าน้องสาวอย่างสงสาร เห็นใจ แต่ไม่ทันพูดอะไรกันอีก แม่มายก็เข้ามาบอกปิ่นปักว่าคุณเดโชมาเยี่ยม ปิ่นปักหน้าตึงทันทีบอกว่าตนไม่รับแขก อยากอยู่กับพี่รินทร์เท่านั้น แม่มายมองหน้านครินทร์อย่างไม่สบายใจ

“ไปต้อนรับเขาเถอะปิ่น เขาอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมเรา จะได้ไม่มีเรื่องตำหนิเราได้ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้ว ต้องกลับไปตรวจงานนักศึกษา” ปิ่นปักบอกว่าตนไม่อยากเจอใคร เพราะสภาพตนตอนนี้ดูไม่ได้เลย นครินทร์จับมือและลูบผมน้องสาวเอ่ยอย่างอ่อนโยน อบอุ่น “ไม่จริงสักหน่อย น้องสาวพี่สวยเสมอ”

ปิ่นปักจึงออกไปต้อนรับเดโชโดยมีศกนั่งไขว่ห้างถือแก้วไวน์นั่งอยู่ด้วย เดโชซื้อของใช้ทารกมาฝาก ถามว่าเตรียมตั้งชื่อลูกไว้หรือยัง ปิ่นปักบอกว่ายัง เดโชเสนอให้เอาชื่อพ่อกับชื่อแม่มารวมกันเสนอว่า

“ศกกับปิ่นก็เป็น...‘ปก’ หรือไม่ก็ ‘สิทธิ์’ ก็ได้”

“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวจะไม่เป็นมงคลกับลูก” ปิ่นปักตอบเชิดๆ ศกชักสีหน้าไม่พอใจ

เดโชคุยกับศกว่าต่อไปก็จะเป็นพ่อลูกอ่อนแล้ว คอยดูเถอะจะหลงลูกจนหายหัวไปจากเพื่อนฝูง ศกสวนทันควันว่า

“ไม่เกี่ยวกันหรอก เที่ยวก็ส่วนเที่ยว ลูกก็ส่วนลูก”

เดโชติงว่าเกี่ยวสิเพราะเขาต้องช่วยปิ่นปักเลี้ยงลูก ถามปิ่นปักว่าใช่ไหม เธอเฉย เดโชถามย้ำ “ว่ายังไงครับคุณปิ่น” พอเธอบอกว่าไม่ว่ายังไง เดโชก็พูดยิ้มๆว่า

“ไม่ว่าได้หรือ ต้องว่าซีครับอย่ายอมเหนื่อยคนเดียว”

“ไอ้เดโช แกอย่าเที่ยวยุให้ใครมาว่าฉันหน่อยเลย ฉันไม่ชอบมีผู้บังคับบัญชา”

ปิ่นปักสะอึก บรรยากาศกร่อยไปทันที เดโชเองก็มองศกกับปิ่นปักอย่างไม่สบายใจไปด้วย

ooooooo

แล้วเรื่องก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อปิ่นปักเดินผ่านห้องทำงานของศก เธอรู้สึกเจ็บท้องจี๊ดขึ้นมาเลยหยุดพักตรงหน้าห้องทำงานศก บังเอิญได้ยินเสียงเดโชคุยกับศกแว่วออกมาว่า

“ฉันเคยพลาดด้วยเหรอ คราวที่แล้ว นายได้กำไรเป็นพันล้าน งานนี้รับรองได้เยอะกว่าหลายเท่า แต่ต้องจ่ายใต้โต๊ะเยอะหน่อย เพราะคู่แข่งมีหลายเจ้า”

“ถึงไหนถึงกัน แต่ต้องเก็บเป็นความลับให้ดีนะไอ้เดโช อย่าให้ใครรู้เรื่องเด็ดขาด”

ปิ่นปักเอะใจว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรกัน?

ดังนั้น...คืนนี้เมื่อปิ่นปักรู้จากแม่มายว่าศกเข้านอนแล้ว เธอจึงเข้าไปค้นหาเอกสารในห้องทำงานของเขาเพื่อจะรู้ว่าสองคนนี้ที่พูดเป็นนัยกันนั้น กำลังทำอะไรกันอยู่

ปิ่นปักค้นจนเจอเอกสาร ก็พอดีศกลืมโทรศัพท์เดินกลับมาเอา เขาไม่พอใจมากที่ปิ่นปักเข้ามาในห้องทำงานตน

“ใครใช้ให้คุณเข้ามายุ่งในห้องทำงานของผม”

“ถ้าไม่ยุ่งแล้วจะรู้เหรอว่า คุณฮั้วประมูล! ปิ่นเคยภูมิใจว่าคุณทำให้บริษัทของคุณเจริญก้าวหน้าได้ เป็นเพราะคุณเป็นคนเก่ง แต่ไม่ใช่เลย เป็นเพราะคุณขี้โกง!”

ศกตบหน้าปิ่นปักอย่างแรง ปิ่นปักอาละวาดใส่ว่า “คุณทำร้ายปิ่น! คุณทำร้ายปิ่นทำไม!!”

“ถ้าคุณไม่หยุดเป็นบ้า ผมจะทำมากกว่านี้” ปิ่นปักร้องไห้บอกว่าถ้ารู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ตนจะไม่มีวันรักเขา “รู้ตัวแล้วใช่ไหม ว่าคุณเป็นคนโง่ที่อวดฉลาด แต่ความจริงแล้วคุณไม่เคยรู้อะไรเลย ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่เคยรู้ว่าควรจะทำตัวยังไงถึงจะทำให้ผมอยากอยู่ใกล้คุณ” ศกเดินหุนหันออกไป

แม่มายเข้ามาเห็นปิ่นปักร้องไห้อย่างหนักถามว่าเป็นอะไร ปิ่นปักเดินโซเซออกไป แม่มายถามว่าจะไปไหน

“ปิ่นจะไปบ้านคุณแม่ ปิ่นไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ปวดท้องขึ้นมาจนร้องอย่างเจ็บปวด แม่มายตะโกนอย่างตกใจ

“คุณศกขา ช่วยคุณปิ่นด้วยค่ะ คุณปิ่นปวดท้องจะคลอดลูกแล้วค่ะ”

ooooooo

เมื่อพาปิ่นปักไปโรงพยาบาล นครินทร์รีบมาที่โรงพยาบาล เจอแม่มายเขาถามว่าปิ่นปักเป็นอย่างไรบ้าง แม่มายบอกว่าหมอยังไม่ออกมาเลย

ศกไม่พอใจถามนครินทร์ว่ารู้ได้อย่างไรว่าปิ่นอยู่ที่นี่ แม่มายบอกว่าตนเป็นคนโทร.บอกเอง ศกไม่พอใจ นครินทร์ปกป้องแม่มายบอกว่าตนเป็นคนบอกแม่มายไว้เองว่ามีอะไรให้โทร.แจ้งตน พอดีหมอออกจากห้องฉุกเฉิน นครินทร์ปราดเข้าไปถามหมอว่าน้องสาวตนเป็นอย่างไรบ้าง คลอดหรือยัง

“ยังครับ คนไข้แค่เจ็บท้องเตือนเท่านั้นเอง”

“แค่เจ็บเตือน แล้วทำไมถึงเจ็บซะอย่างกับจะตาย ตกอกตกใจหมด คุณพาปิ่นกลับบ้านไปด้วยแล้วกัน ผมจะไปนอนบ้านคุณแม่” พูดแล้วเดินไปอย่างไม่สนใจ

เมื่อนครินทร์เข้าไปหาปิ่นปักในห้องพักคนไข้ เธอร้องไห้บอกพี่ชายว่า

“พี่รินทร์...ปิ่นเลือกคนผิดไปจริงๆ”

นครินทร์กอดน้องไว้อย่างปลอบใจ

ooooooo

ศกกลับไปที่บ้านตัวเอง คุณเศียรเดาว่าคงทะเลาะกับปิ่นปักใช่ไหมถึงได้โผล่มากลางดึก

“เรื่องงี่เง่า ผมไม่อยากทนแล้ว ปิ่นหาเรื่องทะเลาะกับผมได้ทุกวัน ประสาทจะกิน” ศกระเบิดอารมณ์ คุณขจีบอกให้อดทนอีกหน่อย ปิ่นปักคลอดลูกแล้วค่อยหย่า

ขณะนั้นเองฝนเดินผ่านมาได้ยิน จึงแอบฟัง ได้ยินศกบอกคุณขจีว่า

“เห็นคุณแม่เห่อลูกของฝนนักหนา ผมคิดว่าคุณแม่จะไม่สนใจลูกปิ่นแล้วเสียอีก”

“ไม่สนใจได้ยังไง เลือดเนื้อเชื้อไขของปิ่นดีกว่าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างยัยฝน ที่แม่ยอมเลี้ยงยัยฝนไว้ก็เผื่อไว้ว่าจะไม่ได้ลูกปิ่นมาเลี้ยง” คุณเศียรแทรกขึ้นว่านึกว่าคุณขจีไม่เอาลูกฝนแล้วเสียอีก “ถ้าได้ลูกปิ่น จะเอามาเลี้ยงอีกทำไมให้เต็มบ้าน เดี๋ยวให้เงินแม่มันไปก้อนใหญ่ๆ สักก้อนนึงแล้วก็ส่งเสียค่าเลี้ยงดูก็พอ”

“อยากได้ลูกอีปิ่นกันนักใช่ไหม ฝันไปเถอะว่าจะได้เห็นหน้ามัน!”

ฝนจิกตาอาฆาต เหี้ยม!

ooooooo

วันต่อมา ฝนเอารถมาจอดซุ่มอยู่หน้าบ้านปิ่นปัก เห็นแม่มายไปตลาดก็สบโอกาส แอบเข้าไปในบ้านเอาน้ำมันพืชราดตามทางและบันได จากนั้นโทร.เข้ามือถือปิ่นปักปลุกให้ลุกจะได้ลื่นตกบันไดแท้งลูก

แต่ผิดแผน เพราะจุ้นมาอยู่ดูแลปิ่นปัก พอเห็นฝนจุ้นก็เอาเรื่องถามว่าเข้ามาในบ้านนี้ได้อย่างไร เข้าไปจับฝนจะลากออกไป ฝนดิ้นจนขวดน้ำมันกระเด็นตกจากกระเป๋า

ปิ่นปักลุกเดินออกจากห้องเห็นน้ำมันที่ราดพื้นและขั้นบันได รู้ว่าฝนจะทำให้ตนตกบันไดแท้งลูก เดินกลับเข้าห้องจะโทร.แจ้งตำรวจ จุ้นยื้อยุดฉุดลากกับฝนทำให้ขวดน้ำมันในกระเป๋าของฝนร่วงลงมาน้ำมันหกราดพื้น ทั้งฝนและจุ้นเลยลื่นล้มระเนระนาด พอลุกได้ฝนก็พุ่งเข้าหาปิ่นปัก บอกว่าตนต้องการเคลียร์

“ถอยไป!” ปิ่นปักตวาด เลยยื้อยุดกับฝนจนตกบันไดไปด้วยกัน ปิ่นปักทับอยู่บนตัวฝนทำให้ลดแรงกระแทกลง แต่ทั้งสองคนต่างมีเลือดไหลออกมาตามหว่างขา!

ไปถึงโรงพยาบาล ฝนกับปิ่นปักอยู่ห้องติดกัน ปิ่นปักคลอดก่อนกำหนด ลูกต้องอยู่ในตู้อบ ทันทีที่ปิ่นปักรู้สึกตัวเธอถามว่า “แล้วเขามาหรือยังคะ”

แม้ไม่เอ่ยชื่อแต่ทุกคนรู้ว่าเธอหมายถึงใคร นครินทร์รู้ใจน้องบอกว่า “ยังไม่มีใครมาเลย” คุณโปรยแก้ต่างให้ว่า ตนโทร.บอกแล้วแต่ศกติดประชุมสำคัญยังปลีกตัวออกมาไม่ได้

“ติดประชุม หรือมัวไปดูแลอีหน้าด้าน” ปิ่นปักโพล่งออกมาอย่างเจ็บแค้น ถูกคุณโปรยตำหนิว่าพูดจาไม่น่ารัก “คุณแม่มาว่าปิ่นทำไม คุณแม่ยังไม่รู้เหรอคะว่ามันทำอะไรปิ่น”

นครินทร์แก้สถานการณ์บอกปิ่นปักว่าจุ้นเล่าให้ฟังหมดแล้ว ปิ่นปักถามว่ารู้แล้วเฉยกันอยู่ทำไม ไปแจ้งความลากคอมันเข้าคุกไปเลย นครินทร์ขอให้ใจเย็นๆ เธอเพิ่งคลอดลูกสุขภาพยังไม่ดีอย่าเพิ่งคิดแค้นใคร

“ใช่ลูก...เราไม่ต้องทำอะไรเลย ผลกรรมก็จะตามสนองเขาแล้ว กรรมสมัยนี้เร็วติดจรวดจะตาย” คุณโปรยเอ่ย ปิ่นปักถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับมันหรือ?!

ทันใดนั้นทุกคนชะงักมองไปที่ห้องติดกันเมื่อได้ยินเสียงฝนกรีดร้อง ตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง

“ไม่จริ๊ง... ฉันไม่ได้แท้ง แกโกหกฉันใช่ไหมไล ลูกฉันยังอยู่ใช่ไหม” ฝนถามพาไลที่มาเฝ้าอยู่ พอพาไลบอกว่าลูกเธอไม่อยู่แล้วจริงๆ ฝนร้องไห้โฮ ถามพาไลที่กอดปลอบอยู่ว่า “ถ้าฉันไม่มีลูกไว้ต่อรองกับคุณศก แล้วฉันจะทำยังไง”

“ไม่เห็นยากเลย แกก็กลับมาอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง แกก็เคยอยู่มาแล้วนี่ ถึงจะลำบากหน่อย แต่ก็สบายใจดีนะ แกมาช่วยฉันทำเสื้อขายก็ได้ ตอนนี้ฉันทำแทบไม่ทัน”

ฝนนิ่งไปนิดหนึ่ง แต่พอเหลือบเห็นคุณขจีกับคุณเศียรเดินผ่านหน้าห้องก็ร้อนรน กระชากสายน้ำเกลือที่แขนออก พาไลตกใจ แต่ห้ามไม่ทัน ฝนลุกจากเตียงวิ่งไปหาขจีทันที พาไลมองอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็ลุกตามไปด้วยความเป็นห่วง

ฝนไปคร่ำครวญกับคุณขจีว่าลูกตนตายแล้ว ถูกคุณขจีหมางเมินสลัดจากฝนกลัวคนอื่นคิดว่าตนสมรู้ร่วมคิดกับเธอฆ่าลูกปิ่นปัก ฝนบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ จนพาไลต้องบอกให้ฝนปล่อยคุณขจี และคุณเศียรก็เร่งให้รีบไปอย่างรำคาญเต็มที

คุณขจีกับคุณเศียรมาถึงหน้าห้องปิ่นปัก เห็นคุณโปรย เข็นรถปิ่นปักออกมา ถามว่าจะไปไหนกัน พอรู้ว่าจะไปดูหน้าหลานชาย คุณขจีก็ขอไปด้วย นครินทร์จะเข็นปิ่นปักไป เธอบอกพี่ชายว่าตนขอคุยกับ “มัน” ก่อนแล้วพูดกับฝน

“ได้ยินว่าลูกเธอตาย เสียดายแทนลูกชายฉันจังเลย ที่จะไม่มีน้องวิ่งเล่นเป็นเพื่อน” ปิ่นปักบอกว่าตนให้อภัยเรื่องที่ฝนทำถือว่าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกเธอ ส่วนเรื่อง “ผัวของเรา เชิญเธอเอาไปครอบครองได้เลย ฉันมั่นใจว่าเธอจะดูแลเขาได้ดีกว่าฉันเพราะเธอกับมันเลวเหมือนกัน” แล้วบอกนครินทร์ให้เข็นรถไปเลย

พาไลมาขอคุยกับนครินทร์ อยากให้เขาดูแลปิ่นปักให้ดี เกรงเธอจะทำร้ายตัวเอง เล่าบทเรียนของตัวเองว่า

“ฉันเคยเสียใจเรื่องที่ฉันไม่ใช่ลูกคุณพ่อ ความทระนงตัวว่าตัวเองเหนือกว่าใคร ความดื้อรั้นเอาแต่ใจทำให้ฉันเลือกที่จะประชดชีวิตที่ไม่เป็นดังใจด้วยการพาตัวเองก้าวไปในทางที่ผิด ฉันรู้ว่าฉันเห็นสิ่งที่ฉันเคยเป็นอยู่ในตัวคุณปิ่น” ย้ำว่า “ดูแลคุณปิ่นให้ดี เพราะปัญหาที่เธอเจออยู่ตอนนี้มันหนักหนามากสำหรับเธอ มันจะทำให้เธอเก็บกด แล้วแสดงออกมาในทางที่ผิดเหมือนอย่างที่ฉันเคยเป็น”

วันต่อมาปิ่นปักเก็บของเตรียมออกจากโรงพยาบาล แม่มายถามว่าหมอให้ออกแล้วหรือ

“หมอยังไม่ให้ปิ่นออกหรอกค่ะ แต่ปิ่นจะไป” แม่มายถามว่าไปไหน? เธอตอบเด็ดเดี่ยวว่า “ไปใช้ชีวิตของปิ่น”

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น