วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 16 (ตอนอวสาน)


สายวันรุ่งขึ้น ขณะพักตร์พริ้งกำลังคุยให้คณิตฟังว่าเครื่องเพชรของเธอไม่เคยฝากไว้กับธนาคารเนื่องจากต้องหยิบใช้เป็นประจำ เกษมโทร.มาแจ้งข่าวร้ายเรื่องโฉม

“คุณพระช่วย เป็นไปได้อย่างไร” พักตร์พริ้งตกใจมากถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น คณิตต้องช่วยประคองไปนั่ง ขณะที่จันทร์วิ่งไปหยิบยาดมมาให้...

แฟรงค์ พรเทพกับอัปสรมาร่วมงานสวดพระ-อภิธรรมศพโฉมในตอนเย็นวันเดียวกัน เขมิกาปรี่เข้าไปต่อว่าอัปสรว่ายังกล้ามางานศพคุณย่าอีกหรือ เธอไม่เข้าใจทำไมจะมาไม่ได้ในเมื่อโฉมเป็นอาแท้ๆของเธอ เขมิกาไม่คิดจะนับญาติด้วย ไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นหน้า อัปสรจะขอกราบศพท่านเป็นครั้งสุดท้าย เขมิกาตวาดลั่นว่าไม่ได้ พักตร์พริ้งรีบเสนอหน้าเข้ามาช่วยด่าว่าอีกแรงหนึ่ง

“เจ้าภาพเขาไล่แล้วยังจะหน้าด้านอยู่อีกหรือคะ รู้ไว้ด้วยคนที่ฆ่าคุณแม่โฉมน่ะลูกสาวแก”

พวงครามเดินนำมนต์ทิพย์กับบุญสลักเข้ามาทันได้ยินพอดี ตำหนิพักตร์พริ้งพูดแบบนี้คนอื่นจะเข้าใจผิดได้ เธอเถียงฉอดๆๆ จะเข้าใจผิดได้อย่างไรในเมื่อเขมิกายืนยันว่านังปอบมนต์ทิพย์ฆ่าโฉมตายเมื่อคืน แขกเหรื่อที่มาในงานต่างนินทากันอย่างสนุกปาก มนต์ทิพย์ ไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านรีบเดินหนี บุญสลักขยับจะตาม แต่เขมิการั้งไว้

“นี่คุณไม่เชื่อหรือว่าเมียคุณน่ะเป็นผีปอบ”

“เหลวไหลน่าเขม” ต่อว่าเสร็จ บุญสลักรีบเดินตามมนต์ทิพย์ โดยมีพวงครามตามไปอีกทอดหนึ่ง ส่วนพรเทพกับแฟรงค์ช่วยกันประคองอัปสรออกจากศาลาสวดศพ แฟรงค์บ่นอุบไม่น่าไว้ใจปล่อยให้บุญสลักดูแลมนต์ทิพย์ เกิดเรื่องขึ้นจนได้ พรเทพอดถามไม่ได้ เขาแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือมนต์ทิพย์

“ทั้งเขมิกากับคุณเกษมอยู่ในเหตุการณ์ครับ”

“ความแค้นในใจของทิพย์จะยิ่งทำให้อำนาจผีแข็งแกร่งมากขึ้น หนูนึกไม่ออกจริงๆค่ะคุณอาว่าเราจะช่วยทิพย์ได้อย่างไร บุญสลักคงตกอยู่ในอำนาจของทิพย์ คุณพวงครามน่าจะปลอดภัย แต่สำหรับคุณพักตร์กับเขมิกา ทิพย์ไม่ปล่อยแน่” อัปสรอดหวั่นใจแทนทั้งคู่ไม่ได้...

อำนาจของผีเจ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนแม่ชีรุ้งแก้วเริ่มเป็นกังวลว่าจะช่วยมนต์ทิพย์ให้พ้นจากอำนาจของนางไม่ได้ รีบนั่งสมาธิถอดจิตไปหาเจ้าฟ้าที่หอคำเมืองนายในโลกของวิญญาณอีกครั้งหนึ่ง ขอร้องให้ช่วยเหลนของพระองค์ด้วย เธอต้องกลับไปอย่างผิดหวังเพราะพระองค์ไม่ยอมช่วย...

เกษมกลัวลูกจะได้รับอันตรายจากปอบ หยิบสร้อยพระองค์ใหม่มาคล้องคอให้ สั่งห้ามถอดเด็ดขาดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขมิกามองขันน้ำมนต์ที่วางอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ถามว่าท่านได้น้ำมนต์นี่มาจากไหน

“น้ำมนต์เจ็ดวัดลูก พระเกจิทั้งนั้น”

ooooooo

ที่ห้องทำงานของบุญสลัก ในขณะที่เจ้าของห้องกำลังขะมักเขม้นกับงานตรงหน้า เขมิกาทำทีเข้ามาทักทาย เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ก้มหน้าทำงานต่อไปไม่สนใจ เธอชวนคุยโน่นคุยนี่ พอเขาเผลอ ก็แอบพรมน้ำมนต์จากขวดใบเล็กๆที่เอามาจากห้องพระทั่วสูทของเขา แล้วรีบตัดบทก่อนที่เขาจะสงสัย

“แล้วเขมจะมาหาใหม่นะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขมก็รักคุณค่ะ” เขมิกาผลุนผลันออกจากห้อง บุญสลักมองตาม ไม่เข้าใจว่าเธอมาที่นี่ทำไม...

บุญสลักกลับจากทำงานเหนื่อยๆจะเข้าไปกอดเมียรักให้ชื่นใจ ยังไม่ทันจะถึงตัว มนต์ทิพย์รู้สึกร้อนวูบเพราะพลังจากน้ำมนต์ที่เขมิกาพรมใส่เสื้อเขาเปล่งรัศมีใส่จนเธอผงะ รีบไล่เขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้ลงไปกินข้าวด้วยกัน บุญสลักอิดออด ยังไม่ทันจะได้กอดเธอให้หายคิดถึง แล้วเดินเข้าหา

“ไม่เอาค่ะ เหม็นเหงื่อไปทั้งตัว” เธอชิ่งหนีเนียนๆ ชายหนุ่มจำต้องทำตามที่เธอต้องการ...

ด้วยอำนาจผีปอบที่มีพลังมากขึ้นทำให้มนต์ทิพย์รู้ว่าน้ำมนต์ที่ตัวสามีเป็นฝีมือของเขมิกา ตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น เตรียมจะไปจัดการศัตรูคู่อริให้สิ้นซาก แต่ต้องเปลี่ยนใจกะทันหัน เนื่องจากรับรู้ได้ว่าคณิตพาพวกมาปล้นบ้านพักตร์พริ้งซึ่งอยู่ติดกัน

“มึงโชคดีอีเขม วันนี้ยังไม่ใช่วันตายของมึง”...

พักตร์พริ้งพยายามอ้อนวอนขอร้องคณิตว่าอย่าทำแบบนี้ เธอยินดียกทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่อยู่ในตู้เซฟให้ ไม่ต้องปล้นให้เสียเวลา ขอแค่เขารักเธอและมาอยู่กับเธอ พลันมีเสียงหัวเราะของมนต์ทิพย์ดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะก้าวเข้ามาในบ้าน คณิตเห็นเธอน่าตาสะสวยสั่งให้สมุนทั้งสามคนเข้าไปจับตัวเอาไว้ พวกนั้นกรูเข้าหา ยังไม่ทันจะถึงตัว มนต์ทิพย์ตวัดมือครั้งเดียวพากันกระเด็นไปคนละทิศละทาง สมุนตั้งหลักได้เผ่นแน่บ

มนต์ทิพย์ไม่รอช้าหันไปจัดการคณิต ใช้เล็บปอบแทงท้องแล้วควักไส้ออกมากองกับพื้นโดยไม่กินเหมือนเหยื่อคนอื่น พักตร์พริ้งเห็นชายที่ตัวเองหลงรักตายต่อหน้า กรีดร้องสุดเสียง พวงครามซึ่งอยู่บ้านติดกันได้ยินเสียงร้องก็ตกใจจะออกไปดู แม่นมผ่องห้ามไว้ อาสาจะจัดการให้เอง พวงครามร้อนใจ รอแม่นมผ่องกลับมารายงานไม่ไหว เคาะประตูเรียกบุญสลักซึ่งงัวเงียออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“อาพักตร์ลูก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...หนูทิพย์ล่ะ”

“ทิพย์หลับอยู่ครับ”

พวงครามไม่อยากรบกวนมนต์ทิพย์ ชวนลูกชายไปที่บ้านพักตร์พริ้ง โดยไม่รู้ว่ามนต์ทิพย์ไม่ได้หลับอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่เป็นหมอนข้างที่เธอวางหลอกไว้ ครู่ต่อมา พวงครามกับบุญสลักมาถึงบ้านพักตร์พริ้ง เห็นแม่นมผ่องยืนตัวสั่นโดยมีพักตร์พริ้งนั่งสติแตกอยู่ข้างศพคณิต พยายามยัดตับไตไส้พุงกลับเข้าท้องของเขา

“คุณคณิต ผีปอบมันฆ่าคุณคณิตของพักตร์ คุณต้องไม่ตายนะคะ ลุกมาคุยกับพักตร์ก่อน คุณไม่ได้หักหลังพักตร์ใช่ไหมคะ” พักตร์พริ้งคร่ำครวญ สองแม่ลูกทนดูไม่ได้ต้องเบือนหน้าหนี มนต์ทิพย์ทำทีเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวงครามกับแม่นมผ่องกันเธอออกห่างไม่อยากให้เห็นภาพสยดสยอง

พักตร์พริ้งเห็นเธอมาก็ชี้หน้า “อีผีปอบ อีปอบนี่มันฆ่าคุณคณิต”

บุญสลักมองเมียรักสีหน้าสงสัย แต่ไม่ปักใจเชื่อคำกล่าวหาของพักตร์พริ้งเพราะเมื่อครู่ยังกอดเธออยู่ จันทร์ได้ยินเสียงเอะอะเข้ามาดู เห็นคณิตนอนตายอย่างน่าสังเวชถึงกับปล่อยโฮ เข้าไปกอดเขาไว้

“อีบ้า แกมายุ่งอะไรด้วย นี่คุณคณิตผัวฉัน ออกไปอีขี้ข้า” พักตร์พริ้งผลักไสจันทร์

“เขาเป็นผัวฉัน คุณคณิตเป็นผัวฉัน เขาไม่ได้รักแก อีแก่ เขาทำดีกับแกก็เพื่อเงิน รู้ไว้ซะจะได้หายโง่”

“ตายแล้ว นี่หล่อนเป็นนางนกต่อหรือ...บุญสลักแจ้งตำรวจจับมันเลยลูก เร็วๆสิ”

จันทร์กลัวถูกจับ เผ่นหนีไปทันที แม่นมผ่องอาสาจะไปโทร.แจ้งตำรวจให้เอง พวงครามเครียดจัดที่เกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน โงนเงนจะเป็นลม มนต์ทิพย์ต้องช่วยประคองเอาไว้

ooooooo

พักตร์พริ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้นบนเตียงผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เห็นมนต์ทิพย์ยิ้มเหี้ยมอยู่ข้างเตียง ถึงกับสติแตกร้องเอะอะว่าอย่าทำอะไรตนเองเลย แล้วตะโกนเรียกให้คนมาช่วย พร้อมกับถอยหนี ทำให้สายน้ำเกลือที่ระโยงระยางอยู่ที่แขนถูกกระชากตามไปด้วย แม่นม-ผ่องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“นม ดูคุณพักตร์ด้วย ทิพย์ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วค่ะ” มนต์ทิพย์โกหกเนียนๆ

“ตามหมอเถอะค่ะคุณทิพย์ ทางนี้นมดูเอง...

คุณพักตร์อยู่นิ่งๆนะคะ เดี๋ยวจะกระเทือนถึงเด็กในท้อง”

“เด็กในท้อง?...แกพูดอะไรของแกหานังผ่อง” พักตร์พริ้งหน้าตาตื่น...

บุญสลัก แฟรงค์และพวงครามเคลียร์กับตำรวจเสร็จก็ตามมาที่โรงพยาบาล มนต์ทิพย์ซึ่งนั่งอยู่หน้าห้องพักฟื้นของพักตร์พริ้งรายงานว่าคนป่วยอาละวาดเพิ่งสงบไปหลังจากที่รู้ว่าตัวเองท้อง ทุกคนตกใจโดยเฉพาะพวงคราม บ่นอุบว่าแก่ป่านนี้ท้องได้อย่างไร นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะถูกตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนตายหรือเปล่า

“อาพักตร์ให้การว่าเป็นฝีมือปอบ” แฟรงค์ติง

“แต่แม่ไม่เชื่อ ถ้าเป็นปอบมันต้องกินไส้จนหมด นี่มันเล่นเอามากองไว้ข้างตัว ตำรวจเขาก็ไม่เชื่อเรื่องผีเรื่องสางอะไรทั้งนั้น เวรกรรมของคุณพักตร์แท้ๆเลย” พวงครามถอนใจหนักใจ จากนั้นทุกคนชวนกันเข้าไปเยี่ยมพักตร์พริ้ง ทันทีที่เห็นหน้ามนต์ทิพย์ พักตร์พริ้งสติแตกอีกรอบโวยวายลั่น มนต์ทิพย์ไม่อยากยั่วประสาทเธออีก จึงขอตัวกลับก่อน แล้วเดินออกจากห้อง บุญสลักจะตามแต่แฟรงค์ดึงเขามาคุยกันตามลำพัง

“นายไม่สงสัยทิพย์บ้างเลยหรือ”

“ทิพย์ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครพูดกัน คืนเกิดเหตุ ทิพย์นอนอยู่กับฉัน แล้วแกก็เห็นนี่แฟรงค์ ทิพย์ใส่สร้อยตลอดเวลา พระที่ห้อยคออยู่คงไม่ทำให้ทิพย์เป็นปอบได้หรอก ถ้านายยังเห็นฉันกับทิพย์เป็นเพื่อน อย่าพูดอย่างนี้อีกจำไว้”....

ระหว่างที่มนต์ทิพย์อยู่ในบ้านพวงครามตามลำพัง ผีละอองคำปรากฏตัวขึ้น ขอร้องให้ละทิ้งผีเจ้า แล้วไปหาแม่ชีรุ้งแก้วซึ่งจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากอำนาจของผีร้าย เธอไม่อยากได้ความช่วยเหลือ ใครที่มันทำให้เธอเจ็บ มันจะต้องตาย ผีละอองคำพยายามกล่อมให้เธอคล้อยตามแต่ไม่สำเร็จ พลันผีเจ้าสิงร่างมนต์ทิพย์ กระชากผมละอองคำหน้าหงาย ขู่ไม่ให้มายุ่ง หากคิดคดทรยศ ตนจะยืมมือมนต์ทิพย์จัดการให้สิ้นซาก แล้วไล่ตะเพิดไปให้พ้น ผีละอองคำกลัวลนลาน หายวับไป...

มนต์ทิพย์ยังไม่อยากฆ่าพักตร์พริ้ง แต่ต้องการทรมานให้สาสมกับความผิดที่กระทำ รอจนบุญสลักหลับ แอบไปป่วนเธอถึงโรงพยาบาล สะกดให้แม่นมผ่องซึ่งนอนเฝ้าไข้หลับไม่รู้เรื่อง แล้วกลายร่างเป็นเงาพุ่งใส่พักตร์พริ้ง บิดไส้จนร้องลั่น ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงผู้ป่วย แล้วหายตัววับไป มนต์สะกดพลอยมลายลงด้วย แม่นมผ่องรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นพักตร์พริ้งนอนหอบเหนื่อยเหงื่อแตกพลั่กถามว่าเป็นอะไรไป

“อีปอบมนต์ทิพย์มันจะฆ่าฉัน ฉันเรียกแกลั่นห้องแกก็ไม่ตื่น แกอยากเห็นฉันตายใช่ไหมนังนมผ่อง”

ooooooo

อัปสรกลุ้มใจมากตั้งแต่เกิดเรื่องที่บ้านพักตร์-พริ้งก็ไม่เจอมนต์ทิพย์อีกเลย แฟรงค์เองพยายามติดต่อกับเธอแต่ไม่สามารถทำได้ บุญสลักอ้างว่าเธอไม่ค่อยสบาย กลางวันเอาแต่นอน แม่ชีรุ้งแก้วอธิบายว่าปอบจะไม่มีพลังเวลากลางวัน อัปสรไม่เข้าใจทำไมสร้อยพระเส้นนั้นถึงช่วยอะไรไม่ได้ ปอบยังแฝงร่างมนต์ทิพย์ได้

พรเทพเห็นปีบสีหน้าไม่สู้ดีนัก ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เธอสารภาพว่าสร้อยที่มนต์ทิพย์สวมไม่ใช่สร้อยพระ พวงครามถอดสร้อยนั่นออกตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล เธอห้ามแล้วแต่ท่านไม่ฟัง ทุกคนถึงบางอ้อทันที ทำไมปอบถึงยังมีฤทธิ์อยู่...

แม้เขมิกาจะไม่ไยดีกับแฟรงค์เท่าใดนัก แต่เขาก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอไม่ได้ เตือนให้ระวังตัว มนต์ทิพย์อาฆาตแค้นเธอมาก เขมิกาไม่กลัวและจะไม่มีวันแพ้นังปอบนั่นเด็ดขาด เธอเองก็แค้นมันเช่นกัน

“ถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ ผมเตือนคุณแล้วนะเขม”...

นอกจากจะไม่สนใจคำเตือนของแฟรงค์ เขมิกายังคิดจะจัดการมนต์ทิพย์ให้สิ้นซากแวะไปปรึกษากับพักตร์พริ้งที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เธอยังเข็ดขยาดที่โดนปอบเล่นงานไม่หาย ไม่อยากยุ่งด้วย

“คุณอาจะปล่อยให้คุณคณิตตายฟรีๆหรือไง นี่ค่ะพระเครื่องของคุณพ่อ ท่านฝากมาให้คุณอา วันที่นังทิพย์ไปที่บ้านเขม มันฆ่าคุณย่าตาย แต่มันทำอะไรคุณพ่อไม่ได้ ก็เพราะพระเครื่องพวงนี้แหละค่ะ สวมสร้อยพระนี้ไว้นะคะ รับรองว่านังมนต์ทิพย์มันทำอะไรอาพักตร์ไม่ได้แน่”

พักตร์พริ้งเห็นว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแล้วจึง ยอมร่วมมือกับเขมิกา จากนั้นทั้งคู่ไปหาบุญสลักที่ทำงาน พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเชื่อว่าเมียของเขาเป็นปอบฆ่าคณิตตาย แต่เขาไม่เชื่อ มนต์ทิพย์สวมสร้อยพระอยู่ตลอด ผีร้ายไม่มีทางครอบงำเธอได้ และอีกอย่างหนึ่งตอนที่เกิดเรื่องเธอนอนอยู่กับเขา

“สร้อยเส้นนั้นเป็นของปลอมค่ะ แม่คุณหลงกลทิพย์ เลยช่วยถอดสร้อยพระออกจากคอของทิพย์เอง ถ้าไม่เชื่อคุณก็ถามแม่คุณดูสิคะ”

“เป็นสร้อยปลอมที่สวมไว้เพื่อตบตาหลาน เพราะถ้าเป็นสร้อยพระจริง ก็ต้องมีอำนาจยับยั้งปอบได้ ถ้าหลานอยากให้หนูทิพย์พ้นจากอำนาจของปอบ เราต้องช่วยกัน”

“พระองค์นี้เขมขอคุณพ่อมา ถ้าคล้องให้ทิพย์สำเร็จ ผีปอบก็ไม่สามารถใช้ร่างของทิพย์ไปฆ่าใครได้อีก”

บุญสลักมองสร้อยพระที่เขมิกายื่นให้ สีหน้าครุ่นคิดคล้อยตาม

เขมิกาและพักตร์พริ้งออกจากออฟฟิศของบุญสลักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่แผนการดูท่าจะสำเร็จด้วยดี บุญสลักถูกจี้จุดแบบนี้ มีหรือจะไม่ยอมช่วยเมียรักของตัวเอง เขมิกาเห็นพักนี้พักตร์พริ้งมีแต่เรื่องเครียดๆ เสนอให้ไปทำสปาคลายเครียด ค่ำๆค่อยกลับบ้าน พักตร์พริ้งย่ามใจว่ามีสร้อยพระคุ้มครองถึงได้ยอมไป

ooooooo

พวงคราม แม่นมผ่อง แฟรงค์กับอัปสรและแม่ชีรุ้งแก้วกำลังถกกันถึงเรื่องที่พวงครามถอดสร้อยพระออกจากคอมนต์ทิพย์ บุญสลักเพิ่งกลับจากทำงานเห็นทุกคนนั่งหน้าเครียดเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“แม่รู้เรื่องหมดแล้วนะลูก แม่เสียใจที่หลงกลถอดสร้อยให้ทิพย์...ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะคุณอัปสร”

“ดิฉันดีใจค่ะ ที่คุณพวงครามไม่รังเกียจยัยทิพย์”

พวงครามไม่เคยรังเกียจแม้แต่น้อย มนต์ทิพย์เป็นเด็กน่ารัก ที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นคงเป็นเพราะกรรมเก่า ดังนั้นเราควรหาทางช่วยเหลือเธอ แฟรงค์เห็นด้วย แต่จะสำเร็จหรือไม่คงต้องให้บุญสลักช่วยเหลือ แล้วขอร้องเขาอย่ากันมนต์ทิพย์ออกจากพวกเรา เพราะยิ่งกีดกัน เธอก็ยิ่งถูกอำนาจปอบครอบงำ

“ถึงเวลาแล้วเพื่อน ที่เราต้องช่วยทิพย์ให้ได้”

บุญสลักแตะสร้อยพระที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสีหน้าครุ่นคิดหนัก สุดท้ายเขาก็ยอมร่วมมือด้วย จากนั้น บุญสลัก แฟรงค์ แม่นมผ่องและอัปสรขึ้นไปหามนต์ทิพย์ที่ห้องนอน แต่ยังไม่ทันจะสวมสร้อยพระให้ ผีเจ้าไหวตัวเสียก่อน เข้าสิงร่างเธอแล้ววิ่งฝ่าวงล้อมของทุกคนหนีไปเสียก่อน...

มนต์ทิพย์รู้ว่าเขมิกาเป็นคนให้สร้อยพระเส้นที่บุญสลักจะเอาคล้องคอตัวเองก็แค้นใจมาก ใช้อำนาจปอบทำให้ร่างกายใหญ่โต แล้วมายืนกลางถนนขวางรถของเขมิกาที่กำลังขับไปส่งพักตร์พริ้ง เธอตกใจมาก หักหลบ รถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าอย่างจัง ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นแทนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ กลับรื้อค้นเอาของมีค่าไปหมดโดยไม่สนใจคนเจ็บ แถมยังขโมยสร้อยพระไปจากคอทั้งคู่ด้วย

“อย่านะ อย่าเอาสร้อยฉันไปนะ เอามานี่ไอ้ขโมย เอามา” พักตร์พริ้งร้องห้ามลั่น ชาวบ้านได้ของสมใจก็พากันวิ่งหนีไป มนต์ทิพย์เดินยิ้มแสยะตรงมาที่รถของเขมิกา “ในที่สุด มึงก็หนีกูไม่พ้น”

ผีละอองคำปรากฏตัวขึ้น ขอร้องมนต์ทิพย์อย่าฆ่าใครอีกเลย ท่านทำบาปคนเดียวก็แย่พอแล้ว หญิงสาวถึงกับหยุดกึก มองยายสลับกับผีเจ้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี...

ทุกคนเป็นห่วงมนต์ทิพย์มาก แต่ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน อัปสรนึกถึงเรือนปั้นหยาขึ้นมาได้ มั่นใจว่าลูกต้องไปที่นั่น เป็นอย่างที่อัปสรคาดไว้ไม่มีผิด เพียงแต่มนต์ทิพย์ไม่ได้อยู่ที่เรือนปั้นหยาเพียงลำพัง เธอเอาตัวเขมิกากับพักตร์พริ้งมาด้วย พอรู้ตัวว่าจะถูกควักไส้กิน ทั้งคู่โยนความผิดให้อีกฝ่ายว่าเป็นต้นคิดแผนชั่วที่จะจัดการกับมนต์ทิพย์ ให้จับอีกฝ่ายหนึ่งกินก่อน ด่ากันไปด่ากันมายังไม่หนำใจ ตรงเข้าตบตีกันอุตลุด

มนต์ทิพย์ปล่อยให้ทั้งคู่ตีกันจนหอบลิ้นห้อยก็สั่งให้หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ตนจะจับทั้งคู่กินให้เกลี้ยง ไม่ให้เลือดตกถึงพื้นให้เป็นเสนียดแก่แผ่นดิน

“กินมันก่อนเลยหลานมนต์ทิพย์ กินอีนังเขมิกาก่อนเลยจ้ะ”

“หุบปาก ข้าจะกินเจ้านี่แหละ” มนต์ทิพย์ว่าแล้วยื่นเล็บปอบไปคว้าคอพักตร์พริ้ง

ผีละอองคำปรากฏร่างเป็นเงาจางๆ ขอร้องให้หลานเลิกทำบาปไม่เช่นจะต้องทรมานเหมือนอย่างตน อย่าหลงผิดให้ผีเจ้าหลอกใช้ ผีร้ายโผล่พรวดขึ้นมาตรงหน้าหญิงสาว

“เจ้ากำลังใจอ่อนกับศัตรู มนต์ทิพย์”

เขมิกากับพักตร์พริ้งเห็นผีเจ้าไม่ได้สนใจ พากันวิ่งหนี ยังไม่ทันจะก้าวออกจากบ้าน ประตูปิดปังใส่หน้า ทั้งสองคนพยายามจะเปิดประตู แต่ทำไม่ได้ ช่วยกันทุบประตูร้องเรียกให้คนมาช่วย...

ทางด้านผีละอองคำ พยายามเกลี้ยกล่อมให้มนต์ทิพย์เลิกก่อกรรมทำบาป โดยมีผีเจ้าคอยเสี้ยมไม่ให้เธอเชื่อฟัง คุยอวดว่าบันดาลทุกอย่างให้เธอได้ ขอเพียงเลี้ยงดูตนอย่าให้อดอยาก แล้วไล่ให้เธอไปจัดการสองคนนั่น มนต์ทิพย์หลงเชื่อ รีบไปทำตามอย่างว่าง่าย ผีละอองคำถึงกับปล่อยโฮ ก่อนจะเลือนหายไป...

มนต์ทิพย์ย่างสามขุมเข้าหาเขมิกากับพักตร์พริ้งที่ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกควักไส้ บุญสลัก อัปสร พวงครามและแฟรงค์เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน บุญสลักถอดสร้อยพระส่งให้แฟรงค์ แล้วเข้าไปเผชิญหน้ากับมนต์ทิพย์ขอร้องให้ปล่อยเขมิกากับพักตร์พริ้งไป หากเธอหิว ก็ให้กินเขาแทนที่ แล้วพรรณนาว่ารักเธอมากมายแค่ไหน ยินดีทำทุกอย่างเพื่อเธอ ดวงตาแดงก่ำของมนต์ทิพย์เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน มองเขาด้วยความรักเต็มเปี่ยม

“ผมไม่อยากให้ทิพย์ทำบาปอีกแล้ว ฆ่าผมสิทิพย์ ชีวิตของผม ผมยอมเพื่อคุณ”

มนต์ทิพย์เริ่มลังเล ผีเจ้าที่สิงร่างเธอสั่งไม่ให้เธอใจอ่อนเด็ดขาด พวกนั้นกำลังหลอกเธออยู่ บุญสลักสบช่องโผกอดเธอไว้แน่น แฟรงค์แอบส่งสร้อยพระให้เขาคล้องคอมนต์ทิพย์ทันที เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลงไปนอนดิ้นพราดๆ อัปสรน้ำตาไหลพรากสงสารลูกจับใจ ถลาเข้าไปประคอง บอกให้ลูกอดทนไว้

ผีเจ้าหวีดร้องโหยหวนแข่งกับเสียงเจ้าของร่าง แล้วผลักอัปสรกระเด็น พักตร์พริ้งวิ่งมากอดพวงครามร้องไห้หวาดกลัวสุดๆ ขณะที่เขมิกาวิ่งหน้าตื่นออกมาที่ถนน เป็นจังหวะเดียวกับเกษมขับรถพาพรเทพกับ แม่ชีรุ้งแก้วและปีบมาสมทบ เขมิการ้องบอกพ่อว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยให้กลับบ้านไป แล้วนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“คุณพ่อมีพระ มีน้ำมนต์มาหรือเปล่าคะ” เขมิกาเห็นพ่อพยักหน้ารับดีใจมาก

ooooooo

แทนที่เขมิกาจะหนีไปจากเรือนปั้นหยา กลับนำน้ำมนต์ที่ได้จากเกษมมาสาดใส่มนต์ทิพย์ซึ่งนอนร้องครวญครางอยู่ในอ้อมกอดของบุญสลัก

“ช่วยด้วย ทิพย์ร้อน...ร้อนเหลือเกิน” มนต์ทิพย์สะบัดหนีไปกลางบ้าน แสงสีแดงดุจเปลวเพลิงล้อมเธอไว้ราวกับจะเผาให้เป็นจุณ บุญสลักทนเห็นหญิงคนรักเจ็บปวดต่อไปไม่ไหว เข้าไปกระชากสร้อยพระออกจากคอ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ผีเจ้ากับมนต์ทิพย์กลับมีฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง

“อีเขม ตายซะเถอะมึง”

สิ้นเสียงผีเจ้า ผีบริวารในสภาพเงาดำนับสิบตนพุ่งออกจากผนังบ้านตรงเข้าหาเขมิกาอย่างรวดเร็ว หอบร่างของเธอลอยออกนอกบ้าน ทุกคนตามมาเห็นมนต์ทิพย์กะซวกท้องควักไส้เขมิกากระจายเกลื่อนพื้น ผีบริวารรุมกินไส้เขมิกาหมดในพริบตา เกษมถลาเข้าไปหาลูก ประกายจากสร้อยพระทำให้ผีบริวารหนีไปอย่างรวดเร็ว พักตร์พริ้งเห็นสภาพของเขมิกาก็สติแตก วิ่งหนี แฟรงค์กับบุญสลักตามไปคว้าตัวไว้

“กลัว...กลัวแล้ว ไม่ๆๆนะ กลัว โอ๊ย ผีปอบกลัวแล้ว” พักตร์พริ้งโวยวายลั่นพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมาเล็บสีดำค่อยๆงอกยาวขึ้น แล้วจ้วงแทงท้องตัวเองตายอนาถ มนต์ทิพย์กับผีเจ้าหายวับเข้าไปในบ้าน ประตูหน้าต่างของเรือนปั้นหยากระแทกปิดปึงปัง ทันทีที่บุญสลักวิ่งตามเมียรักเข้าไป ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ...

ครู่ต่อมา ตำรวจกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ นำตัวคนตายออกจากพื้นที่ และกั้นเขตโดยรอบไว้ไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาวุ่นวาย พรเทพแนะให้กลับไปปรึกษากันที่บ้านของอัปสร เพื่อหาทางช่วยบุญสลักกับมนต์ทิพย์ แม่ชีรุ้งแก้วเห็นด้วย แล้วมองไปทางตัวบ้านพึมพำเบาๆ

“ถ้าเจ้าพ่อไม่ช่วย คราวนี้ลูกหลานเชื้อเครือเมืองนายก็คงสิ้นสูญทั้งหมดแล้วเจ้าข้า”...

ณ ป่าช้าอันเวิ้งว้าง ผีละอองคำนั่งร้องไห้คร่ำครวญที่ไม่สามารถช่วยเหลือหลานได้ ขอโทษลูกกับหลานและเจ้าพ่อในความผิดที่ตนเองได้กระทำไว้ วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองไม่วายตามมาเย้ยหยันว่าเจ้าพ่อไม่มีทางให้อภัยคนอกตัญญูอย่างเธอ ระหว่างนั้นผีเจ้าปรากฏตัวขึ้น ใช้ฤทธิ์ปอบทำให้เกิดพายุโหมกระหน่ำ ฟ้าผ่าใส่ร่างของทั้งสองตนซึ่งพากันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ก่อนที่ทั้งคู่จะเสียทีให้ผีเจ้ามากไปกว่านี้ กายทิพย์ของแม่ชีน้อมมาช่วยเอาไว้ สั่งให้ทั้งสองคนไปจากที่นี่ มีผู้รอคอยทั้งคู่อยู่ แล้วใช้พลังจิตส่งร่างทั้งสองออกไปทันที ผีเจ้าโกรธที่ท่านเข้ามาวุ่นวาย พุ่งเข้าหาหมายจะเล่นงาน แต่ถูกพลังแห่งธรรมกระแทกร่างกระเด็น ก่อนจะหายวับไป...

อึดใจถัดมา ผีละอองคำและวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้าฟ้าแห่งเมืองนาย ผีละอองคำขอร้องให้พระองค์ไปช่วยเหลนด้วย เธอสำนึกผิดแล้ว รู้ว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปกับผีปู่ย่าเป็นความผิดมหันต์ เจ้าฟ้าไม่ต้องการให้เชื้อเครือเมืองนายต้องสูญสิ้น ตัดสินใจคว้าดาบสะหรีกัญไชยไปจัดการกับผีเจ้า โดยมีวิญญาณของเจ้าไทตามไปช่วยอีกหลายองค์

ระหว่างที่เจ้าฟ้าเมืองนายกับเจ้าไทไปปรากฏตัวที่เรือนปั้นหยา แม่ชีน้อมบอกให้แฟรงค์ พวงคราม อัปสรและแม่ชีรุ้งแก้ว นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเพื่อจะส่งพลังบุญของทุกคนไปช่วยมนต์ทิพย์กับบุญสลัก...

ณ เรือนปั้นหยา ขณะที่เจ้าไทช่วยกันจัดการ ผีบริวารของผีเจ้า เจ้าฟ้าก็ใช้ดาบสะหรีกัญไชยฟาดใส่ผีเจ้า พร้อมกับประกาศก้อง

“พญามัจจุราช จงรับดวงวิญญาณแห่งมารร้ายของอีผีต่างวงศ์ไปลงทัณฑ์ในนรกภูมิเถิด”

มนต์ทิพย์เป็นอิสระจากผีเจ้าโผกอดบุญสลักน้ำตาไหลพรากด้วยความปีติที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ผีละอองคำกับวิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองเลิกอาฆาตแค้นต่อกันและรอไปผุดไปเกิด...

หลังจากนั้นไม่นาน บุญสลัก มนต์ทิพย์รวมทั้งแม่ชีรุ้งแก้วและอัปสรร่วมกันสร้างกู่เจ้าหลวงขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ทำพิธีขอขมาลาโทษผีปู่ย่าและจัดให้มีนางรำมาร่วมพิธีสมโภชกู่

ooooooo

–อวสาน–

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น