วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 10


ระหว่างที่ฝนอยู่กับศกที่คอนโดของเขานั้น ฝนฉอเลาะศกและตำหนิปิ่นปักเอาใจเขา

“คุณปิ่นนั่นแหละค่ะที่เห็นแก่ตัว คุณทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ก็ต้องมีอะไรไว้ผ่อนคลายบ้าง ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน”

“ถ้าปิ่นไม่งี่เง่าเหมือนคุณก็คงจะดี”

“เพราะคุณปิ่นไม่ได้รักคุณเท่าที่ฝนรัก คุณปิ่นรักตัวเองมากกว่า ถึงไม่ยอมให้คุณเป็นของคนอื่น แต่ฝนรักคุณมากกว่าตัวฝนเอง อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุข ฝนยอมได้ทุกอย่าง”

“เพราะคุณคิดแบบนี้ไง ผมถึงอยู่ด้วยแล้วสบายใจ”

“แต่ฝนคงจะอยู่กับคุณได้อีกไม่นาน เพราะคุณปิ่นสงสัยแล้วว่าคุณมีคนอื่น ถึงจะเข้าใจผิดว่าเป็นพาไลก็เถอะ แต่สักวันคุณปิ่นก็ต้องรู้ความจริง แล้วถ้าคุณปิ่นรู้ความจริง ฝนจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้” ฝนดราม่าเรียกร้องความสงสาร

ศกบอกว่าปิ่นปักเป็นคนรักษาหน้าตัวเองยิ่งกว่าชีวิต คงไม่กล้าทำอะไร ฝนยิ้มหวานหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แล้วกอดซบศก แววตาที่อ่อนหวานใสซื่อเปลี่ยนเป็นร้ายกาจในทันที!

เวลาเดียวกันนี้ ปิ่นปักโทร.ไปที่บ้าน ถามว่าพาไลอยู่บ้านหรือเปล่า จุ้นชะเง้อมองไปที่บ้านสวนบอกว่า

“ไม่อยู่ค่ะ บ้านปิดไฟ คุณปิ่นถามหานังพาไลทำไมเหรอคะ” จุ้นสาระแนตามเคย

ปิ่นปักโทร.หานครินทร์ เขากำลังเดินอยู่ที่ชายหาดและพาไลกำลังมาหาเขา ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์เธอหยุดฟัง

“พี่รินทร์อยู่ไหนคะ มาหาปิ่นได้ไหม” นครินทร์บอกว่าอยู่ต่างจังหวัดมาพักผ่อน ถามว่ามีอะไรไหม ปิ่นปักอึ้งไปพูดไม่ออกอยู่อึดใจจึงพูดไปร้องไห้ไป “พี่รินทร์...คุณศกเขา...” พูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้โฮ นครินทร์ต้องปลอบใจอยู่นานเธอจึงเล่าได้ว่า “คุณศกพาพาไลมานอนบนห้องของปิ่น”

แม้นครินทร์จะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่พอรู้ว่าน้องรู้และเสียใจมากก็ตกใจว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ปล่อยให้ปิ่นปักเล่าจนหมดแล้วบอกว่า

“ปิ่นใจเย็นๆก่อนนะ คุณศกพาพาไลขึ้นห้องจริง แต่เขาสองคนไม่ได้มีอะไรกัน” เห็นปลายสายเงียบ นครินทร์ชี้แจงว่า “พี่ไม่ได้หลงพาไล แต่พี่เป็นคนไปช่วยพาไลออกจากคุณศก” พอปิ่นปักซักถามเขาบอกว่าไว้กลับไปจะเล่าให้ฟัง

พาไลได้ยินถามเขาว่าปิ่นปักรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร นครินทร์เล่าว่าเธอสงสัยจากลิปสติกของฝนที่เหมือนกับอันที่ปิ่นปักเคยเจออยู่ในห้องนอน ถามพาไลว่า

“คุณรู้ไหมว่า ทำไมลิปสติกของคุณฝนถึงไปอยู่ในห้องนอนปิ่น”

“ฉันไม่รู้... ขอตัวก่อนนะคะ” พาไลไม่กล้าสบตา เดินเลี่ยงไป ทำให้นครินทร์ยิ่งสงสัย เดินตามไปถามว่าเธอปิดบังอะไรตนอยู่ “เรื่องของครอบครัวน้องสาวคุณ อย่าให้ฉันเข้าไปยุ่งเลยค่ะ”

“แต่มันเกี่ยวกับคุณ ผมไม่อยากให้ปิ่นหรือใครเข้าใจว่าคุณเป็นคนไม่ดีเพราะการกระทำของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว มันไม่ยุติธรรมกับคุณ” เขามองเธอด้วยความ ห่วงใยจริงใจจนพาไลซึ้ง เขาถามว่า “คุณฝนกับคุณศกมีอะไรกันใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ และฉันก็รู้เห็นเป็นใจด้วย ฉันหมั่นไส้คุณปิ่น คุณปิ่นชอบทำตัวยโสถือดีใส่พวกฉัน เราก็เลยยัดเยียดคำว่าเมียหลวงให้คุณปิ่นจะได้รู้ว่าต่อให้ตัวเองสูงส่งแค่ไหนก็หนีไม่พ้นเรื่องคาวโลกีย์ของมนุษย์เพศชายที่ไม่รู้จักพอ”

“แต่ถ้าคุณศกจริงใจกับน้องสาวผม ปัญหาก็จะไม่เกิด”

“คุณรู้จักผู้หญิงอย่างพวกฉันน้อยไป ต่อให้ผู้ชายไม่เล่นด้วย เราก็มีวิธีทำให้ผู้ชายหลงกลเรา ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามตัวเองดูสิคะ ว่าทำไมคุณถึงเชื่อใจฉันนักหนา” นครินทร์เริ่มหวั่นไหวกับคำพูดของเธอ “ไม่มีตำราเล่มไหน สอนวิธีรู้เท่าทันมารยาหญิง ด็อกเตอร์อย่างคุณถึงตกเป็นเหยื่อของคนไร้การศึกษาอย่างฉัน”

นครินทร์โต้ว่าตนไม่เคยตกเป็นเหยื่อเธอ ก็ถูกพาไลคว้าไปจูบดูดดื่มอย่างไม่ทันตั้งตัว พอหายตะลึงนครินทร์ก็หวั่นไหว พาไลถอนริมฝีปากออก ทำเสียงกระเส่าถามว่า “บอกฉันสิคะ ว่าคุณรู้สึกยังไง” กลับถูกนครินทร์ดึงเข้าไปจูบอย่างอ่อนโยนจนพาไลตะลึงเคลิ้มกับสัมผัสอ่อนโยนของเขา นครินทร์ถามว่า “ตอบผมสิว่าคุณรู้สึกยังไง”

พาไลตกอยู่ในภวังค์จนพูดไม่ออก ถูกเขาถามย้ำอีกว่ารู้สึกยังไง เธอตัดสินใจหันหลังวิ่งออกไป นครินทร์วิ่งตามไปอย่างไม่ยอมแพ้ แต่พอวิ่งไปถึงถนนหน้าโรงแรม พาไลไม่ทันดูทาง เธอถูกรถพุ่งเข้าจะชน นครินทร์พุ่งเข้าดึงตัวเธอออกมาทัน ทั้งสองกลิ้งลงไปตามพื้น เท้าของนครินทร์ฟาดเข้ากับขอบทางเท้าจนเขาร้องอย่างเจ็บปวด

คนขับรถรีบลงมาดูถามว่าเป็นอะไรไหม ทั้งสองตอบพร้อมกันว่าไม่เป็นไร เขาจะพาไปโรงพยาบาล นครินทร์ขอบคุณแต่ตนไม่เป็นอะไรมาก พาไลถามว่า “เขาทำคุณเจ็บแล้วทำไมต้องขอบคุณเขาด้วย”

“อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้ำใจ ไม่ทำให้ผมเจ็บแล้วทิ้งผมไป” เป็นคำตอบที่ทำให้พาไลอึ้ง เถียงไม่ออก

ooooooo

แผลที่แขนคุณโปรยยังไม่หาย คุณยอดดูแลอย่างทะนุถนอมห่วงใย พยายามที่จะทำอาหารให้ คุณโปรยทาน บ่นติดตลกว่าเพราะทุกวันนี้ คุณโปรยผอมจนตนนอนกอดไม่สนุก

ความรักทะนุถนอมห่วงใยกันของคุณยอดที่มีต่อคุณโปรยดีมากจนจุ้นเอ่ยว่า

“คุณผู้หญิงมีบุญเหลือเกินที่ได้ผู้ชายอย่างคุณผู้ชายเป็นสามี”

“ถ้าฉันมีบุญจริง ก็ขอให้บุญของฉันช่วยให้ตารินทร์ได้กับคนดีๆ”

“เป็นคนดีแต่คุณรินทร์ไม่ได้รัก คุณรินทร์ก็ไม่มีความสุขนะคะ” ป้าแสงติง

“แต่ถ้ารินทร์ไปรักคนชั่ว รินทร์ก็จะต้องทุกข์ไปจนตาย” คุณโปรยแย้ง

จากการพูดถึงนครินทร์ทำให้จุ้นนึกได้ว่าเมื่อคืนปิ่นปักโทร.มาถามหานครินทร์กับพาไลแต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร

“พอคุณปิ่นรู้ว่าเขาสองคนไม่อยู่เหมือนกัน คุณปิ่นก็วางสายไปเลย คุณปิ่นต้องรู้อะไรมาแน่ๆค่ะ” จุ้นเล่าเอาหน้า

คุณโปรยสีหน้าไม่พอใจ ต่อมาจึงโทร.ไปหาปิ่นปัก พอเธอเห็นหน้าจอโชว์ว่า “คุณแม่” จึงรีบรับสาย พอได้ยินเสียงคุณโปรยถามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าเท่านั้น เธอก็ร้องไห้โฮบอกว่าตนเพิ่งรู้ว่าศกกับพาไลมีอะไรกัน คุณโปรยถามว่ารู้ได้ไง

“คุณศกเขายอมรับกับปิ่น เขาบอกให้ปิ่นทำใจถ้าเขาจะไปมีอะไรกับคนอื่นบ้าง ปิ่นไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากผู้ชายที่ปิ่นเลือกเป็นสามี” เธอเล่าและร้องไห้อย่างหนัก

คุณโปรยติงว่าเมื่อเราทำหน้าที่เมียได้ไม่ดีก็ต้องทำใจอย่างที่ศกเขาบอก ปิ่นปักถามว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตนหรือ

“แม่ไม่ได้โทษปิ่น แต่แม่อยากให้ปิ่นมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง แม่อยู่กับคุณพ่อมาสามสิบปี แม่ดูแลคุณพ่ออย่างดีไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องเลยสักครั้ง คุณพ่อถึงไม่เคยทำตัวเกเร” ปิ่นปักบอกว่าเพราะคุณพ่อเป็นคนดี คุณโปรยย้อนถามว่า “แล้วคุณศกไม่ดีตรงไหน”

ปิ่นปักนิ่งไป คุณโปรยพูดให้คิดว่า “แม่ว่าปิ่นคงจะมัวแต่ทำงานนอกบ้านจนลืมงานในบ้าน คุณศกเขาถึงต้องไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น แต่ถ้าตราบใดที่เขายังเลี้ยงดูเราอย่างดีให้เกียรติเรา ไม่ได้ยกย่องใครมาเป็นเมีย เขาจะไปหาเศษหาเลยกินบ้างก็ปล่อยเขาเถอะลูก ปิ่นเองก็ต้องปรับปรุงตัวเอง ถ้าเราดีพร้อม ผู้หญิงคนไหนก็แย่งสามีเราไปไม่ได้หรอก”

ปิ่นปักเงียบไปอย่างหมดแรงที่จะพูดอะไรอีก เธอเพิ่งตระหนักนาทีนี้เองว่า แม่ไม่เคยเข้าใจตนเลย...

ooooooo

พาไลเป็นห่วงนครินทร์บอกให้เขาไปโรง-พยาบาลให้หมอเช็กดูหน่อยไหม นครินทร์มีข้อแลกเปลี่ยนว่าถ้าตนไปโรงพยาบาลเธอจะต้องบอกความจริงว่าเธอเป็นอะไรถึงต้องทำให้ตนเกลียดขอร้องให้เธอพูดตรงๆ

“ฉันอยากให้คุณไปจากชีวิตฉัน” นครินทร์ถามว่าตนทำอะไรผิดหรือ “คุณไม่ผิด คนที่ผิดคือฉัน ความผิดของฉันมันยากที่ใครจะให้อภัย โดยเฉพาะครอบครัวคุณ”

“แต่คุณเคยบอกว่าจะสู้ คุณจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าคุณไม่ใช่พาไลคนเดิม”

“ค่ะ...ฉันยังสู้เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เพื่อคุณ ฉันขอสู้เพื่อครอบครัวของฉันก่อน ตอนนี้ฉันมีภาระหน้าที่ต้องดูแลคุณแม่แทนคุณพ่อ และฉันจะทำได้ไม่เต็มที่ ถ้าฉันยังต้องคอยพะวงถึงคุณ”

“คิดดีแล้วใช่ไหมว่าไม่อยากให้ผมอยู่ในชีวิตคุณ” พอพาไลตอบค่ะ เขาเสนอ “งั้นผมขออย่างเดียว สัญญากับผมได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าถอยหลังกลับไปเดินทางเก่า” พาไลนิ่ง “ถ้าคุณสัญญา ผมก็จะสัญญาเหมือนกัน จะทำในสิ่งที่คุณต้องการ ผมจะไปจากชีวิตคุณ จะไม่อยู่ทำให้คุณลำบากใจอีก”

“ค่ะ ฉันสัญญา”

“งั้นผมก็ขอให้คุณโชคดีแล้วกัน ถ้ามีอะไรให้ ช่วยเหลือก็อย่าลืมเพื่อนเก่าคนนี้” นครินทร์พยายามจะลุกขึ้นเดินไป

“ที่คุณจูบผม แล้วคุณถามว่าผมรู้สึกยังไง ผมจะบอกว่า...ผมรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน ลาก่อน...พาไล”

พอนครินทร์หันหลังเดินไป พาไลก็ร้องไห้อย่างหนัก นครินทร์เองก็เศร้าไม่น้อยกว่ากัน และเมื่อนั่งรถกลับ ต่างนั่งนิ่ง ตกอยู่ในความคิดคำนึงของตัวเอง จนบรรยากาศอึดอัดไปตลอดทาง....

ooooooo

พาไลขอลงจากรถก่อน บอกว่าจะไปหามิ้ม เขาจอดให้เธอลงมองเธอจากกระจกหลังด้วยความเศร้าเสียใจที่ความสัมพันธ์ต้องจบลงอย่างไม่คาดคิด เขาตัดสินใจขับรถออกไป พาไลเองก็หันกลับมองรถที่ขับไปน้ำตาไหลพราก...

แต่ขับรถไปได้ไม่นาน นครินทร์ก็ทำใจไม่ได้ กลับรถมายังจุดที่ปล่อยพาไลลง แต่ไม่เห็นเธอแล้ว เพราะเธอโบกแท็กซี่ไปคลาดกันเพียงไม่กี่นาที...

ปิ่นปักไปหาเพรียวที่บ้าน ได้ยินเสียงเพรียวร้องห้ามแม่ดังมาจากในบ้าน ต่อมาจึงรู้ว่า พ่อที่เลิกกับแม่มาเป็นสิบปีแล้วจะมาเอาใบหย่า เพรียวบอกพ่อให้กลับไปก่อน ตนหาเจอใบหย่าเมื่อไรจะเอาไปให้

เพรียวออกมาพบปิ่นปัก ขอให้เธอเข้าบ้านก่อน ปิ่นปักถามเพรียวอย่างเป็นห่วงว่า “คุณน้าเป็นยังไงบ้างคะ”

“แม่พี่เลิกกับพ่อมาเป็นสิบปีแล้ว แต่แม่ก็ไม่ยอมปล่อยวาง จนกลายเป็นโรคเครียดเรื้อรัง”

“จะจนหรือรวย เรียนสูงหรือเรียนน้อย ยังไงก็หนีไม่พ้นปัญหาโลกแตกนี้นะคะ” ปิ่นปักนึกถึงเรื่องของตัวเอง เพรียวบอกว่าเพราะไม่มีอะไรควบคุมใจคนให้ซื่อสัตย์ได้ แต่ปิ่นปักเชื่อว่า “ความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานจิตใจที่ดีงามของมนุษย์ ไม่เห็นต้องใช้อะไรควบคุม”

“เพราะมนุษย์แต่ละคนคิดไม่เหมือนกันไงล่ะ ว่าแต่ปิ่นมาหาพี่แต่เช้า มีธุระอะไรหรือจ๊ะ”

ปิ่นปักเล่าความอัดอั้นให้ฟังว่า ตนอยากถามเรื่องที่นครินทร์ไม่ยอมเล่าให้ตนฟังต่อมาก็ติดต่อไม่ได้ ตนร้อนใจและเชื่อว่านครินทร์คงจะเล่าอะไรให้เขาฟังบ้าง ถามว่า

“พี่รินทร์บอกว่าเคยไปช่วยพาไลจากคุณศก ปิ่นอยากรู้ว่าความจริงคืออะไร” เมื่อเพรียวเล่าให้ฟัง เธอถามอย่างรับไม่ได้ว่า “คุณศกเคยจะทำมิดีมิร้ายพาไล! เมื่อไหร่คะ?” เมื่อเพรียวเล่าให้ฟังเธอพึมพำอย่างคิดไม่ตก “สามีของปิ่นทำพฤติกรรมต่ำช้าขนาดนั้น ทำไมถึงไม่เคยมีใครคิดจะเล่าให้ปิ่นฟัง ทำไมทุกคนถึงปล่อยให้ปิ่นโง่”

“ถ้าเล่าแล้วปิ่นจะเชื่อไหม”

“นั่นสิคะ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ปิ่นคงไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เชื่อแล้วว่าปิ่นมองคนผิด” เพรียวถามว่าเกิดอะไร ขึ้นหรือ “ปัญหาโลกแตกน่ะค่ะ แต่อย่าให้ปิ่นพูดอะไรเลยนะคะ ปิ่นสมเพชตัวเอง”

เมื่อปิ่นปักไม่พูด เพรียวก็ได้แต่มองเธอด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

ฝนจับตาดูคุณขจี พอรู้ว่าจะไปเยี่ยมปิ่นปักก็ขอไปด้วยอ้างว่าคราวก่อนปิ่นปักมีน้ำใจให้คำแนะนำตนเรื่องงาน ตนยังไม่ได้ตอบแทนเลย

พัชรินมาถึงก่อนแล้ว พอรู้จากแม่มายว่าปิ่นปักไม่อยู่บ้านก็บ่นเซ็งๆ อย่างจงใจกระแนะกระแหนว่า นึก ว่าจะไม่มีกะจิตกะใจออกไปไหน ถึงไม่ได้โทร.มาถามก่อน แล้วถามแม่มายว่า

“แล้วเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง ปิ่นได้ถามคุณศกเรื่องพาชะนีขึ้นห้องหรือยัง คุณศกเขาว่ายังไง” แม่มายบอกว่าไม่รู้ให้ถามปิ่นปักเองดีกว่าแล้วขอตัวไปทำงาน พอดีคุณขจีกับฝนมาถึง พัชรินดี๊ด๊าไปรับทันที พอเห็นฝนมาด้วยก็จิกตามองแต่ปรับสีหน้ายิ้มทักทายแต่หลอกด่า เรียกฝนว่าแมวแล้วอธิบายขำๆว่าฝนเป็นแมวขโมย แล้วบอกคุณขจีว่า

“ปิ่นไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอก คุณแม่มีอะไรฝากพัชไว้ก็ได้ค่ะ พัชจะอยู่รอจนเจอปิ่น”

“แม่เอาวิตามินมาให้ปิ่น แม่ฝากให้เขาด้วยแล้วกัน” คุณขจีฝากไว้แล้วจะกลับ พัชรินดูของฝากแล้วพึมพำว่าของดีๆทั้งนั้น ขอแบ่งไปบ้างดีกว่า

ฝนเจ็บใจที่ถูกพัชรินหลอกด่า วางแผนแก้เผ็ด บอกคุณขจีว่าขอเข้าห้องน้ำสักครู่ คุณขจีจึงไปนั่งรอในรถ

ฝนรู้ว่าพัชรินจับตาดูอยู่ เดินเลี่ยงไปแล้วโทรศัพท์ “มิ้ม...แกนับหนึ่งถึงสิบ แล้วโทร.กลับมาหาฉัน”

จากนั้นเดินไปถามพัชรินว่าห้องน้ำอยู่ไหน พอพัชรินบอก ก็พอดีมีสายเข้า ฝนทำท่าทางมีพิรุธทำเสียงหวานทักปลายสาย พัชรินจิกตาคิด “มันคุยกับใคร ทำไมต้องทำลับๆล่อๆ” แล้วเดินตามแอบฟัง แต่ฝนรู้ทุกฝีก้าว แกล้งกระซิบว่า

“คืนนี้จะให้ฝนไปหาเหรอคะ ได้สิคะ ฝนอยากเจอคุณใจจะขาด สองทุ่มเจอกันที่คอนโดนะคะคุณศก”

“คุณศก” พัชรินตะลึง รอจนปิ่นปักกลับก็รี่เข้าไปบอกอย่างตื่นเต้นว่า “ปิ่นๆๆ ฉันมีเรื่องจะบอก!”

ooooooo

ศกมาที่คอนโดตามนัดพร้อมของรางวัลให้ฝนที่ช่วยพาพาไลไปทำงานกินข้าวเมื่อวันก่อน

ฝนอ้อนอย่างมีแผนว่าสิ่งที่ตนอยากได้คือได้อยู่กับเขาทั้งคืน

“ผมจะอยู่กับคุณทั้งคืนแน่ เพราะยังไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าปิ่น เดี๋ยวได้หงุดหงิดอีก ผมไปอาบน้ำล่ะ”

ฝนดูนาฬิกาเป็นเวลาสองทุ่มพอดี เธอรีบอ้อนถ่วง เวลาไม่ให้เขาไปอาบน้ำบอกว่าเขาทำงานเหนื่อยมาทั้งวันตนจะนวดฝ่าเท้าให้คลายเครียด แต่ไม่ทันนวด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฝนนึกในใจว่ามาตรงเวลาดี บอกศกว่าตนลุกไปเปิดประตูเอง

แต่พอเปิดประตูกลายเป็นพนักงานเอาไวน์ที่ศกสั่งไว้มาให้ ฝนผิดหวังนึกเจ็บใจว่าทำไมปิ่นปักยังไม่มา

พอศกรู้ว่าพนักงานเอาไวน์มาส่งก็ถามว่าได้ให้ทิปไปหรือเปล่า ฝนบอกว่าไม่ได้ให้ เขาบอกให้เอาไปให้เพราะตนเคยให้ ฝนจึงออกจากห้องตามไปให้ทิปพนักงานบอกว่าคุณศกฝากมาให้

ขณะฝนจะหันหลังกลับห้องนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงประตูลิฟต์อีกตัวเปิด ตามด้วยเสียงพัชรินดังออกมา

ฝนรีบหลบฟัง

“มาเถอะปิ่น” ปิ่นปักถามว่าจะดีหรือพัช “ดีสิ เราต้องมาดูให้เห็นกับตา อย่าปล่อยให้ชะนีหน้าไหนมายัดเยียดคำว่าเมียหลวงให้เรา เราต้องสู้นะปิ่น” แล้วพัชรินก็จูงมือปิ่นปักตรงไปที่ห้องศก

ooooooo

ฝนรีบกลับมาที่ห้องอย่างรีบร้อน จงใจแง้มประตูไว้ รีบไปหาศกถอดเสื้อให้เขายั่วยวนจนศกเคลิ้ม แต่พอเธอดันเขาไปที่โซฟา ศกกลับบอกว่าตนเหนียวตัว ขออาบน้ำก่อน

ฝนกลัวไม่ทันกาล คอยเหลือบมองไปทางประตูอย่างร้อนใจ

พัชรินและปิ่นปักเดินมาถึงหน้าห้อง เห็นประตูแง้มอยู่ ปิ่นปักไม่กล้าพอขอให้พัชรินเปิดเข้าไป

ฝนรีบไปที่ห้องน้ำขออาบน้ำกับศก แล้วเร่งนัวเนียกันอย่างร้อนแรง พัชรินเปิดประตูมองเห็นพอดี อุทานลั่น

“ว้าย! บัดสีบัดเถลิง น่ารังเกียจ!”

ศกตกใจ ส่วนฝนแกล้งทำเป็นตกใจ ศกเดินออกไปหาปิ่นปักต่อว่าอย่างไม่รู้สึกผิดเลยว่า

“ปิ่นมาที่นี่ทำไม เราเคยตกลงกันแล้วไงว่าคอนโดจะเป็นที่ส่วนตัวของผม” ปิ่นปักตบหน้าเขาอย่างแรงแล้วหันวิ่งออกไป พัชรินวิ่งตามไป แต่ยังหันด่าศกกับฝนว่า ชายโฉดหญิงชั่ว ศกจะตามไป ฝนขอไปเองอ้างอย่างมีแผนว่า

“คุณอย่าเพิ่งไปเลยค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้าคุณจะกลายเป็นข่าว ฝนไปเองดีกว่า” แล้วรีบวิ่งตามปิ่นปักไปที่ลานจอดรถถูกพัชรินด่าว่าตามมาทำไมนังหน้าด้าน พอฝนด่าสวนไปว่าอย่าสาระแน พัชรินทำท่าจะตบแต่พอฝนเชิดหน้าใส่ก็ฝ่อ ฝนหันไปแอ๊บแบ๊วกับปิ่นปักว่า

“คุณปิ่นคะ ฝนต้องขอโทษด้วย ฝนไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่โชคร้ายที่คืนงานวันเกิดคุณศก ฝนกับคุณศกเผลอขึ้นไปมีอะไรกันบนห้องนอนของคุณ เราก็เกิดติดใจกัน ช่วงหลังมานี้ คุณศกไม่ค่อยกลับบ้านใช่ไหมคะ เขาไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ เขามาอยู่กับฝนที่นี่”

“พอได้แล้ว! ฉันไม่อยากฟัง!!” ปิ่นปักตวาดมือกำแน่นจนเส้นเลือดปูด จะเดินไป ถูกฝนเดินไปดักหน้าอีก

“ฝนไม่พูดแล้ว แต่ฝนขอถามคำเดียว คุณจะเลิกกับคุณศกเมื่อไหร่” พัชรินยุปิ่นปักว่าอย่าไปยอม ฝนไม่สนใจยั่วเรื่อยๆ หน้าด้านๆ ว่า “คุณจะไม่เลิกก็ไม่เป็นไร ฝนยินดีแล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่จะได้ใช้ของร่วมกับด็อกเตอร์ปิ่นปัก ช่วงนี้คุณตั้งท้อง ฝนก็ได้ใช้มากกว่าด้วย แค่คิดก็มีความสุขแล้วค่ะ”

ปิ่นปักกรี๊ดตะโกนให้หยุดพูด ทันใดนั้นเอง พัชรินเห็นเลือกไหลซึมมาที่หว่างขาปิ่นปัก พอปิ่นปักเห็นเธอช็อก! พัชรินตกใจบอกฝนให้รีบขึ้นไปบอกศกว่าปิ่นปักแท้งลูก!

ฝนตกใจ แต่เมื่อขึ้นไปที่ห้อง ศกถามว่ามีอะไรไหม ฝนพูดหน้านิ่งๆว่า ไม่มี ตนลงไปไม่ทัน ปิ่นปักกลับไปก่อนแล้ว

ศกนั่งดื่มไวน์ต่ออย่างไม่สนใจ

ที่บ้านสวน ขณะพาไลยืนตากผ้าอยู่ที่ราว เธอตกใจเมื่อได้ยินเสียงจุ้นโวยวายบอกป้าแสงว่า

“ป้าแสง...ๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!! พวกคุณท่านไปที่โรงพยาบาลกันหมด เพราะว่าคุณปิ่นแท้ง!”

ooooooo

คุณยอดกับคุณโปรยไปถึงโรงพยาบาลถามพัชรินว่าเกิดอะไรขึ้น ปิ่นปักอยู่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง

พัชรินบอกว่าปิ่นปักอยู่ในห้องหมอยังไม่ออกมา แล้วเล่าฉอดๆว่า

“ปิ่นจับได้ว่าคุณศกมีเมียน้อย” คุณโปรยโพล่งทันทีว่า พาไล! “ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมันชื่อฝนค่ะ จับได้คาหลังคาเขาเลยด้วยค่ะ อย่าให้พัชพูดเลยค่ะว่าเป็นยังไง ภาพอุจาดวิตถารยังติดตาอยู่เลย” นครินทร์ถามว่าศกรู้หรือยัง

“พัชบอกให้นังเมียน้อยขึ้นไปบอกคุณศกแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นจะโผล่หัวมา ท่าทางจะหลงเมียน้อยจนไม่สนใจยัยปิ่นกับลูกแล้ว”

คุณโปรยสะเทือนใจจนเป็นลม นครินทร์บอกให้พัชรินกับคุณพ่อพาคุณแม่ไปพักก่อนตนจะอยู่ตรงนี้เอง

พาไลเดินกระวนกระวายใจด้วยความเป็นห่วงปิ่นปัก หยิบมือถือจะโทร.ถามนครินทร์แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่โทร.โชคดีเมื่อหมอออกมาแจ้งว่า ทั้งปิ่นปักและลูกปลอดภัย เธอไม่ได้แท้งแต่อยู่ในภาวะแท้งคุกคาม หมออธิบายว่า

“แท้งคุกคามเป็นภาวะหนึ่งที่พบได้บ่อยกับคนท้อง ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะตัวอ่อนไม่เจริญเติบโต แต่กรณีของคุณปิ่นปัก หมอตรวจดูแล้ว ตัวอ่อนยังอยู่” ส่วนความปลอดภัยที่นครินทร์ถาม หมอบอกว่า “ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคุณแม่ครับ และที่สำคัญมากเลยก็คือห้ามคุณแม่เครียด”

นครินทร์ฟังแล้วหนักใจ เพราะช่วงเวลานี้ปิ่นปักต้องเครียดแน่ คิดหาทางที่จะทำให้น้องไม่เครียด เมื่อเข้าไปคุยในห้องพักโรงพยาบาล เขาบอกปิ่นปักให้นอนนิ่งๆ อย่าเครียด ปิ่นปักถามว่า

“ปิ่นจะทนนอนนิ่งๆอยู่ได้ยังไง ในเมื่อใจปิ่นมันร้อนเหลือเกิน ทำไมเขาใจร้ายกับปิ่น ไหนเขาเคยบอกว่าเขารักปิ่น จะดูแลปิ่นอย่างดี ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป”

นครินทร์ลูบผมน้องสาวอย่างอ่อนโยน เปลี่ยนเรื่องเป็นเล่าให้ฟังอย่างมีความสุขว่า

“พี่มีความลับจะบอก ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นเรื่องของพี่ ตั้งแต่วันที่พี่รู้ว่าปิ่นท้อง พี่แอบสั่งซื้อของเล่นจากเมืองนอกไว้ให้หลานเพียบเลย ไอ้เพรียวมันก็ด่าว่าพี่บ้าเห่อ แต่พี่ไม่สนใจ พี่รักหลาน อยากให้หลานได้เล่นของเล่น ชดเชยที่ตอนเด็กๆเราสองคนถูกคุณพ่อคุณแม่ห้ามเล่นของเล่น ปิ่นจำได้ใช่ไหม”

ปิ่นปักพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น นครินทร์เล่าความใฝ่ฝันของตนว่า จะเก็บเงินพาหลานไปเที่ยวรอบโลกด้วย หลานจะได้รู้จักโลกกว้าง

“ลูกปิ่นจะต้องมีความสุข ถ้าเขาได้อยู่กับพี่รินทร์”

“งั้นปิ่นก็ต้องทำเพื่อพี่ ทำเพื่อลูก ปิ่นต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาลูกเอาไว้ สัญญากับพี่ได้ไหมปิ่น”

“ค่ะพี่รินทร์ ปิ่นสัญญา ปิ่นจะไม่ยอมให้คนสันดานต่ำมาฆ่าลูกปิ่นได้เด็ดขาด”

ปิ่นปักสีหน้าเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งขึ้นมาจนนครินทร์ยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจขึ้น

ooooooo

พาไลเป็นห่วงปิ่นปักยังถือโทรศัพท์ลังเลที่จะโทร.ถามนครินทร์ จนมิ้มออกมาเจอ จึงเอามือถือของตนแกล้งโทร.ผิดไปหานครินทร์ ถามว่าเขาอยู่ไหน

พอนครินทร์บอกว่าอยู่โรงพยาบาลเลยได้จังหวะถามว่าไปทำอะไรที่นั่น

พอรู้ว่าปิ่นปักปลอดภัยแล้ว มิ้มถามว่าแล้วเขาไม่อยากฝากความห่วงใยถึงใครบ้างหรือ พอวางสายจากนครินทร์ พาไลบ่นเพื่อนว่าจะถามไปทำไมเพราะตนกับเขาจบกันไปแล้ว

“ตอกย้ำความโง่ของแกไง ผู้ชายดีๆหายากยิ่งกว่าหาเพชรหาพลอย ยังจะไปผลักไสไล่ส่งเขา”

“ฉันไม่ได้อยากทำ แต่ในเมื่อทางนี้มันดีสำหรับทุกคน ฉันก็ต้องยอม ว่าแต่คุณรินทร์ได้บอกหรือเปล่าว่าทำไมคุณปิ่นถึงต้องเข้าโรงพยาบาล”

มิ้มส่ายหน้า...

คุณยอดกับคุณโปรยเข้าไปในห้องพักของปิ่นปัก เธอนอนหันหลังให้ประตู ได้ยินคุณยอดบอกคุณโปรยให้เข้มแข็งลูกต้องการกำลังใจจากเรา แต่คุณโปรยก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ถามว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับลูกเรา

“ทุกครอบครัวต้องมีปัญหา แต่ถ้าเขายังรักกัน เขาก็จะต้องช่วยกันประคับประคองให้มันผ่านไป”

“ฉันก็ขอให้เขาผ่านได้จริงๆ ฉันอายคนอื่นเขา จัดงานแต่งงานซะใหญ่โต แต่อยู่กันหม้อข้าวไม่ทันดำก็ต้องเลิกกัน”

ปิ่นปักที่นอนหันหลังให้เหมือนหลับ น้ำตาไหล ผิดหวังกับตัวเอง...

ooooooo

ที่บ้านสวน ฝนโวยวายกับพาไลและมิ้มว่าอย่ามาโทษตน เรื่องปิ่นปักเกือบแท้งนั้นตนไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าแท้งจริงก็ดีอะไรๆมันก็คงจะง่ายขึ้น

พาไลเตือนสติฝนว่าน่าจะเห็นใจปิ่นปักบ้างเพราะผู้หญิงเราไม่มีเรื่องไหนจะทุกข์ได้เท่ากับการสูญเสียลูก ฝนย้อนถามว่า ถ้าปิ่นปักไม่ใช่น้องนครินทร์เธอจะเห็นใจเขาไหม พาไลบอกว่าไม่เกี่ยว เป็นใครตนก็เห็นใจเพราะตนเข้าใจความรู้สึกของคนที่สูญเสียลูกดี

“แต่แกไม่เข้าใจความรู้สึกฉัน เพราะแกไม่เคยขาดเหมือนฉัน ที่ผ่านมาฉันต้องทนเห็นเพื่อนมีผู้ชายหล่อๆ รวยๆ มาคอยปรนเปรอความสุขให้ ขณะที่ฉันได้แต่รอรับของเหลือใช้จากพวกแก”

“แต่แกก็เห็นว่า ตอนนี้ฉันเป็นยังไง...ฉันอยากจะรักผู้ชายดีๆสักคน ฉันยังทำไม่ได้เลย” พาไลน้ำตาซึม ฝนสวนว่าเพราะเธอโง่! มิ้มโมโหผลักอกฝนปรามว่าพาไลเตือนดีๆ ทำไมต้องด่ากันด้วย

แทนที่ฝนจะได้สติกลับโทษว่าตนมีเพื่อน เพื่อนก็ไม่เคยเข้าข้างกัน แต่ศกอยู่ข้างตน ตนพูดอะไรเขาก็เชื่อหมด

“เพราะเขารู้ไม่ทันมารยาของแกต่างหาก” มิ้มโต้

“แสดงว่าฉันฉลาดกว่าเขา ที่ทำให้เขามาเป็นพวกฉันได้ น่าภูมิใจดีออก”

“ฝน! แกมันบ้าไปแล้ว” พาไลทนไม่ได้

“ฉันก็บ้าเหมือนแกนั่นแหละ แกเคยอยากได้คุณรินทร์ แกก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา ฉันอยากได้คุณศก ฉันก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาเหมือนกัน” พาไลบอกว่าตนกับคุณรินทร์จบไปแล้ว “แต่ฉันกับคุณศกเพิ่งจะเริ่ม และฉันจะไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ พวกแกคอยดูแล้วกัน คุณศกต้องเป็นของฉัน!” ฝนท้าทายอย่างลำพองใจ พาไลกับมิ้มได้แต่มองหน้ากันอย่างหนักใจ

มิ้มบอกให้พาไลทำใจเสีย เพราะชีวิตใครชีวิตมัน หาทางจัดการกันเอาเอง พาไลบอกว่าตนทนไม่ได้เพราะตนก็มีส่วนผิดที่ทำให้ฝนกับศกคบกัน มิ้มถามว่าที่เธออยากช่วยพวกเขาเพราะนครินทร์ใช่ไหม พาไลพยักหน้ายอมรับว่า

“คุณปิ่นเป็นความหวังของครอบครัว ถ้าเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่เขาต้องทุกข์เพราะผิดหวัง และคนที่ทุกข์ยิ่งกว่าก็คือคุณรินทร์” มิ้มฟังแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจเหตุผลของเพื่อนรัก

ooooooo

นครินทร์ตัดสินใจไปหาศกที่ห้องทำงาน ถามเขาว่าจะจัดการปัญหากับปิ่นปักอย่างไร ศกตอบอย่างไม่แยแสว่า ตนจะไปนอนกับใครมันไม่ใช่ปัญหาเพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายเขาทำกัน

นครินทร์กระชากคอเสื้อศกตะคอกถามว่ามันทำให้ลูกเขาเกือบตายยังจะบอกว่าไม่ใช่ปัญหาอีกหรือ!

พอดีคุณขจีกับคุณเศียรเข้ามาเห็น คุณขจีตกใจถามว่าทำไมต้องทะเลาะกันด้วย นครินทร์จึงปล่อยคอเสื้อศก

ฝนมาที่ห้องทำงานศก คุณขจีกับคุณเศียรยังอยู่ ฝนบีบน้ำตาขอโทษ บอกว่าตนไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ตนรักศก ทำมารยากราบขอความเห็นใจด้วย คุณขจีตวาดว่าหยุดคร่ำครวญเสียทีตนรำคาญ

“ฝนไม่อยากให้คุณมองฝนเป็นผู้หญิงไม่ดี”

“นอนกับผัวชาวบ้าน เอาตรงไหนมามองให้ดียะ! ตาศกก็เหลือเกิน จะไปเสาะแสวงหาของกินตามประสาผู้ชาย แม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ต้องไม่ลืมว่าตอนนี้เมียเราตั้งท้อง เดี๋ยวเขาจะเครียดจนแท้งลูก” คุณเศียรถามว่าตกลงห่วงปิ่นปักหรือห่วงเด็กกันแน่ “เป็นห่วงหลานฉันสิคะ หนูปิ่นฉันจะเป็นห่วงทำไม โตๆกันแล้ว ถ้าไม่หัดรู้จักเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างก็ต้องช้ำไปจนวันตาย จริงไหมคะคุณ”

คุณเศียรสะดุ้งที่มาลงที่ตนจนได้ ตัดบทว่าไม่คุยแล้ว ถามศกว่าตกลงจะจัดการอย่างไร

“ไม่เห็นต้องจัดการอะไร ผมอยู่กับใครแล้วมีความสุข ผมก็อยู่กับคนนั้น ตอนนี้ผมอยู่กับฝนแล้วมีความสุขกว่าอยู่กับปิ่น” พูดแล้วดึงฝนไปนั่งตัก

“จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าลืมว่าตอนนี้เมียเราเจ็บอยู่ หัดไปเยี่ยมเสียบ้าง เดี๋ยวบ้านโน้นเขาจะว่าได้ว่าเราใจดำ” ศกนิ่งเหมือนทองไม่รู้ร้อน

ooooooo

เพรียวเอาพวงมาลัยไปเยี่ยมปิ่นปักด้วยหัวใจที่มั่นคงหนักแน่นตลอดมา ถามว่าต้องการอะไรเพื่อแก้เหงาบ้างไหม ปิ่นปักปฏิเสธ บอกว่าอยากอยู่คนเดียว

นครินทร์เข้ามา เพรียวถามว่าเจอศกและเคลียร์กับศกได้เรื่องอย่างไรบ้าง นครินทร์บอกว่าตนทำได้แค่พูดเตือนสติ แต่เขาจะมีสติกลับคืนมาหรือไม่ก็ต้องอยู่ที่ตัวเขาเอง

“แกว่าปิ่นกับไอ้คุณศกจะเลิกกันไหม” นครินทร์ย้อนถามว่า จะถามทำไม เพรียวบอกว่าไม่นานตนก็จะเรียนจบปริญญาโทและสอบเลื่อนขั้น หน้าที่การงานและการเงินก็จะดีขึ้น เอามาเลี้ยงดูปิ่นปักได้ แต่ก็พูดออกตัวว่า “ถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่ได้อยากให้ปิ่นเลิกกับผู้ชายที่ปิ่นเลือกหรอกนะ ฉันไม่อยากเห็นปิ่นเจ็บ”

“แต่เชื่อฉันเถอะว่าปิ่นต้องเจ็บเพราะคุณศกอีกมาก เพราะตอนปิ่นเลือก ปิ่นเลือกคนที่เหมาะสมไม่ใช่คนที่รักปิ่น”

ooooooo

ศกไปเยี่ยมปิ่นปักที่โรงพยาบาล เขาปาดอกไม้ทิ้งเมื่อรู้ว่าเธอออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อครู่นี้เอง เขาจึงไปที่หาที่บ้าน

ศกสั่งปิ่นปักให้กลับบ้าน เธอยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ นครินทร์เสนอว่าให้เธออยู่ที่นี่สักพักเพราะตอนนี้เธอยังต้องการคนดูแลอย่างดี ศกจะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล เมื่อปิ่นปักยืนยันขออยู่บ้านนี้ก็ถูกด่าว่า “อย่างี่เง่าน่ะปิ่น” เลยโต้เถียงกันเล็กน้อย คุณโปรยไม่อยากให้มีปัญหาบอกให้ปิ่นปักกลับไป โดยตนจะไปอยู่เป็นเพื่อน ปิ่นปักจึงจำต้องยอม

ไม่ทันออกจากบ้านคุณโปรย ศกก็ได้รับโทรศัพท์จากพาไลนัดไปพบกันที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พาไลแอบอัดเสียงขณะสนทนากัน

“คุณเคยบอกฉันว่าคุณไม่ได้คิดจริงใจกับฝน” ศกรับว่าใช่ ถามว่าทำไมหรือ พาไลขอให้เขาเลิกกับฝนเพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ ศกมีข้อแม้ว่าได้ แต่เธอต้องนอนกับตนสักคืน เมื่อถูกพาไลด่าว่าทุเรศ เตือนสติเขาให้คิดถึงปิ่นปัก หวังว่าจิตใต้สำนึกของความเป็นสามี เป็นพ่อ เขาควรจะทำอะไร

“ถ้าคุณเป็นห่วงปิ่นนักละก็ ผมก็จะบอกให้ว่าถึงยังไงผมก็ไม่มีวันทิ้งปิ่น เพราะปิ่นเป็นผู้หญิงที่ผมเลือกให้มาเป็นแม่ของลูกแล้ว พอใจหรือยัง”

พาไลอัดเสียงศกไว้ พึมพำเมื่อนึกถึงฝนว่า “ตาสว่างสักทีนะฝน” เมื่อฝนได้ฟังเสียงของศกจากโทรศัพท์มือถือที่เขายืนยันว่าจะไม่มีวันทิ้งปิ่นปักเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เขาเลือกให้มาเป็นแม่ของลูกแล้ว ฝนคำรามอย่างหมายมาดว่า

“คุณไม่คิดจะทิ้งนังปิ่น งั้นก็ให้มันเป็นฝ่ายทิ้งคุณไปแล้วกัน”

ฝนโทร.ถึงปิ่นปักเปิดมือถือไว้บนเตียงที่ตัวเองกำลังยั่วยวนศก อ้อนศกให้บอกว่าเขาต้องการตน ศกซุกไซ้อย่างเมามันบอกว่า “ผมต้องการคุณ” ปิ่นปักได้ยินเสียงชัดเจน เธอกรีดร้องปามือถือทิ้ง คุณโปรยตกใจเข้ามาดู เธอบอกคุณแม่ว่าอยากได้โทรศัพท์ คุณโปรยเอาโทรศัพท์ของตนให้ปิ่นปักโทร.ถึงศก เขาผละจากฝนเอะใจเมื่อเห็นเป็นเบอร์จาก “คุณแม่” เขากดรับสายท่ามกลางความตกตะลึงของฝน

“จะทำอะไรก็เชิญทำกันไปสองคน ไม่ต้องเผื่อแผ่ถึงฉัน เพราะฉันไม่ใช่โรคจิตที่ชอบฟังเสียงสัตว์เดือนสิบสองสมสู่กัน” พูดแล้วตัดสายทันที คุณโปรยตกใจถามว่าทำไมพูดจาอย่างนี้ใครได้ยินจะตำหนิว่าปิ่นไม่มีการศึกษา

ศกโมโหมาก คว้ามือถือของฝนไปเปิดดู พบว่าเบอร์สุดท้ายที่โทร.ออกคือ “คุณปิ่น” เขาผลักฝนตกเตียงชี้หน้าด่า

“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับปิ่น”

ฝนร้องไห้บอกว่าเขาเข้าใจผิด ตนไม่ได้ตั้งใจโทร.ไปให้ปิ่นปักได้ยิน ตนแค่โทร.ไปปรับความเข้าใจแต่ปิ่นปักไม่รับสาย ตนวางสายโดยไม่รู้มันโทร.ออกไปเอง

“ไม่ต้องโกหก! ผมไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อน จำเอาไว้ ถ้าผมรู้ว่าคุณไปสร้างปัญหาให้ปิ่นอีก ผมจะเลิกกับคุณ!”

ศกด่าแล้วเดินออกไปอย่างโกรธมาก ฝนมองตาม พึมพำอย่างเจ็บใจ

“คำก็เลิก สองคำก็เลิก ฝันไปเถอะว่ากูจะยอม!”

ooooooo

วันนี้เพรียวนัดนครินทร์ไปพบกันที่ร้านอาหารกึ่งผับ เขามีหนังสือภาษาอังกฤษและอาหารบำรุงคนท้องฝากไปให้ปิ่นปัก นครินทร์ถามว่าทำไมไม่เอาไปให้เอง เพรียวบอกว่ากลัวเจอศกแล้วทนไม่ไหวจะชกหน้าเอา

เมื่อรู้จากนครินทร์ว่าปิ่นปักแข็งแรงดีแต่จิตใจยังแย่อยู่ เพรียวบ่นว่าสงสาร เธอไม่น่าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย

ที่แท้เพรียวนัดนครินทร์มาที่ร้านนี้เพราะต้องการจะให้เขาเห็นว่าพาไลกลับมาทำงานกลางคืนที่นี่ แต่นครินทร์ไม่รู้ เขาจึงชวนมิตรามาด้วยเพราะบ้านเธออยู่แถวนี้

พิธีกรประกาศว่า “ต่อไปถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย ขอเชิญพบกับน้องเซอร์ไพรส์”

นครินทร์อึ้ง เมื่อเห็นพาไลก้าวออกมาในชุดเซ็กซี่!

มิ้มยืนอยู่ข้างเวที เธอย้ำกับพิธีกรว่า “ตามที่ตกลงกันนะคะพี่ ได้ทิปมาเท่าไหร่ต้องเป็นของพาไลหมดทุกบาท ช่วงนี้เพื่อนมิ้มต้องหาเงินไปใช้หนี้ให้แม่” พิธีกรตอบอย่างรำคาญว่ารู้แล้วไม่ต้องแต่งเรื่องน้ำเน่ามาหลอกตน มิ้มพูดกระแทกกลับก่อนเงียบไปว่า “ชีวิตจริงน้ำเน่ายิ่งกว่าละครค่ะ”

นครินทร์มองพาไลร้องเพลงและเต้นยั่วบรรดาผู้ชายกลัดมันที่จ้องมองเธอตาเป็นมัน บ้างโบกแบงก์พันยั่ว พาไลทำทีก้มให้เสียบแบงก์พันที่หน้าอกให้น้ำลายหกแล้วถอยออก เรียกเสียงเฮฮากันครื้นเครง

จังหวะที่พาไลหมุนตัว เธอตะลึงเมื่อเห็นนครินทร์นั่งดูอยู่อย่างผิดหวังที่เขาเคยขอร้องเธอไว้แล้วว่าอย่าถอยหลังกลับไปเดินทางเก่า เขาทนนั่งดูต่อไปไม่ได้ชวนกลับกัน เรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วพากันลุกไป

มิตราลุกชนเข้ากับพนักงานจนเซ นครินทร์ประคองเธอไว้ และจูงมือพาเดินออกไปเพราะทางค่อนข้างมืด พาไลเจ็บปวดจนน้ำตาคลอ เต้นหันหลังให้แขกซ่อนน้ำตา แต่พริบตาเดียวเมื่อหมุนตัวกลับมาอีกที เธอก็ยิ้มแย้มยั่วยวนเหมือนเดิม

นี่คือโลกมายาโดยแท้!

ออกไปแล้วนครินทร์ยังอดที่จะหันมองเข้าไปไม่ได้ เพรียวตบบ่าบอกว่า “ถ้าห่วงใยเขา เข้าไปบอกเขาเถอะ”

“ไม่มีประโยชน์ พาไลไม่ต้องการความห่วงใยจากฉันอีกแล้ว”

“งั้นแกก็เก็บเอาความห่วงใยไปให้คนที่อยากได้ แกจะได้ลืมพาไลสักทีอย่างเช่น...คุณมิน” เพรียวมองไปทางมิตราที่ไปยืนรอห่างออกไป “แกกับคุณมินเหมาะสมกันทุกอย่าง ถ้าลงเอยกันได้ บ้านแกก็แฮปปี้ และที่สำคัญ คุณมินก็มีใจให้แก”

“ฉันก็ไม่ได้รังเกียจคุณมิน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะรักใคร ขอเวลาฉันสักนิด ถ้าฉันพร้อม ฉันจะเป็นคนไปคบกับคุณมินเอง”

“อย่าช้าก็แล้วกัน เดี๋ยวสุนัขจะคาบไปรับประทาน” เพรียวย้ำเตือน นครินทร์พยักหน้าหันไปมองพาไลเศร้าๆ

ooooooo

3 เดือนผ่านไป ปิ่นปักไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล คุณโปรยถามหมออยากรู้เพศของหลาน ปิ่นปักตัดบทว่าจะเพศอะไรก็ช่างเถอะตนอยากกลับบ้านแล้ว

“เดี๋ยวสิ แม่อยากรู้ เพราะถ้าปิ่นมีลูกชายให้เขา สมใจคุณขจีกับคุณเศียร เขาจะได้รักแล้วก็เอ็นดูปิ่นมากๆ”

“งั้นปิ่นอยากให้เป็นผู้หญิง เขาจะได้เลิกยุ่งกับปิ่น”

คุณโปรยปรามว่ารู้ตัวไหมว่าตัวเองกลายเป็นคนขวางโลกไปแล้ว ถามหมอว่าตกลงเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย พอหมอบอกว่าผู้ชาย คุณโปรยก็ยิ้มเต็มหน้าดีใจสุดๆ รีบส่งข่าวคุณขจี พอคุณขจีรู้ก็บอกศกด้วยความดีใจ เห็นศกก้มหน้าเซ็นเอกสารไม่สนใจ ก็ถามว่า “ไม่ดีใจหรือไง”

“ดีใจทำไมครับ ผมแน่ใจอยู่แล้วว่าลูกผมต้องผู้ชายเท่านั้น”

“แต่แหม...ครั้งนี้คุณหมอยืนยันมาให้เลยว่าผู้ชายแน่” คุณขจีทำเสียงบ่นๆ แล้วหันไปพูดกับคุณเศียร “คุณคะ...เรามีหลานสืบสกุลแล้ว เราคงต้องหาซื้อที่ดินผืนสวยๆไว้ต้อนรับหลานแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ปิ่นท้องห้าเดือน อีกสี่เดือนคลอดจะได้ทันเวลา”

ขณะนั้นเองฝนถือถาดเครื่องดื่มจะมาเสิร์ฟแอบได้ยิน ฝนถอยกลับ พึมพำอย่างเจ็บใจ

“นังปิ่นได้ลูกชาย ทำไมมันถึงโชคดีนักนะ!”

ooooooo

คุณโปรยมาอยู่เป็นเพื่อนปิ่นปักได้ไม่กี่วันก็ตัดสินใจจะกลับ เมื่อได้ยินศกพูดกับปิ่นปักอย่างไม่พอใจในห้องนอนว่า

“เมื่อไหร่คุณแม่คุณจะกลับไปอยู่บ้าน บอกตามตรง ว่ารำคาญลูกตา” ปิ่นปักไม่พอใจที่เขาพูดถึงแม่ไม่ดี ก็ถูกเขาเย้ยว่า “ไม่ต้องมาทำเจ้ายศเจ้าอย่าง ผมถามคุณดีๆ”

“ถ้าคุณรำคาญคุณแม่นัก คุณก็ออกไปอยู่ที่อื่นสิคะ นังคนนั้นคงจะมีอะไรให้คุณสบายตากว่าอยู่ที่นี่”

“ท้าผมใช่ไหม งั้นเชิญคุณอยู่กันเองเลยแล้วกัน แม่คุณกลับไปเมื่อไหร่ผมค่อยกลับมา!” ศกหุนหันออกไปเลย

คุณโปรยตัดสินใจเข้าไปบอกปิ่นปักว่า “ปิ่นเองก็แข็งแรงดีแล้ว แม่ว่าแม่คงต้องกลับไปอยู่บ้านดีกว่าปัญหาจะได้ไม่เกิด” ปิ่นปักไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้อย่างหนัก

ฝนกลับไปที่คอนโดของศก มองถุงยางอนามัยบนโต๊ะ พึมพำ

“นังปิ่น ฉันจะไม่ยอมให้แกโชคดีอยู่คนเดียว!”

เมื่อศกมาที่คอนโด ฝนฉอเลาะเอาใจ ถามว่าปิ่นปักทำอะไรให้เขาหงุดหงิดหรือคืนนี้เขาถึงได้เปลี่ยนใจมานอนกับตน

“งี่เง่า เอาแต่ใจตามเคย”

“คุณก็ต้องเห็นใจคุณปิ่น เธอกำลังท้อง ไม่เอาค่ะ ไม่หงุดหงิด ฝนทำให้คุณสบายใจดีกว่า” ฝนเข้ากอดซุกไซ้จนศกเคลิ้ม ฝนแอบมองถุงยางอนามัยบนโต๊ะ ยิ้มร้ายอย่างมีแผน

ooooooo

นับวันปิ่นปักก็เครียดหนักเรื่องศก จะปรึกษากับคุณโปรยและคุณยอดก็เกรงคุณพ่อคุณแม่จะทุกข์ใจเพราะท่านไม่เห็นด้วยที่จะหย่ากันให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน คิดถึงพี่ชายอยากปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี

คุณโปรยโทรศัพท์มาปลอบ บอกให้เอาไว้คลอดก่อนดีไหม เราอย่าเพิ่งพูดอะไรกันตอนนี้เลย ปิ่นปักบอกว่าตนทนจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

“ปิ่น ลูกต้องเอาธรรมะเข้าข่มบ้าง นึกถึงความไม่ แน่นอนของชีวิต นึกถึงความบกพร่องของเราบ้าง อย่านึกถึงแต่ความผิดของเขาฝ่ายเดียว และที่สำคัญ ปิ่นต้องนึกถึงลูกให้มากๆ”

“ค่ะ...ปิ่นรู้ ปิ่นอยากให้ลูกออกไปจากตัวปิ่นเร็วๆ ปิ่นจะได้ไม่ต้องทนให้เขาเอาเปรียบ เพราะต้องเห็นแก่ลูก ...เห็นแก่ลูก...ปิ่นเบื่อ!”

ฝนวางแผนที่จะเอาชนะปิ่นปัก เธอปล่อยให้ท้องจนได้ เมื่อแน่ใจแล้ว เธอไปที่บ้านปิ่นปักกับศก แม่มายเข้ามาบอกขณะปิ่นปักนั่งท้องแก่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ว่า “คุณปิ่นคะ มันมาค่ะ”

ปิ่นปักเปิดห้องนอนเข้าไป เห็นฝนนอนอยู่บนเตียงของตน เธอโกรธมากตวาดให้ลงจากเตียงของตนเดี๋ยวนี้!

ฝนหัวเราะยั่วว่าตนเคยนอนที่เตียงนี้รู้สึกชอบจึงมาดูเพื่อจะไปซื้อไว้นอนบ้าง ปิ่นปักฉุนขาดบอกแม่มายให้ถอดผ้าปูที่นอนไปบริจาคจะได้อุทิศส่วนกุศลให้ผีไม่มีศาล ฝนรีบบอกว่า “ไม่ต้องทิ้งค่ะ ให้ฝน ฝนชอบใช้ของต่อจากคุณปิ่น” พอปิ่นปักหันหลังจะไป ฝนเรียกไว้ บอกด้วยสีหน้าแช่มชื่นว่า

“เดี๋ยวค่ะคุณปิ่น ฝนยังไม่ได้บอกข่าวดีเลย ต่อไป ลูกชายของคุณปิ่นจะไม่เหงาแล้วนะคะ เพราะเขากำลังจะมีน้องเป็นเพื่อนเล่น”

“หมายความว่าไง” ปิ่นปักชะงัก

“ฝนท้องแล้วค่ะ”

ปิ่นปักช็อกกับที่!

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น