วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 2


พักตราไปที่หามุกรินที่บริษัท ถามว่างานยุ่งไหม มุกรินบอกว่าไม่ยุ่ง งานอีเวนต์ตัวใหม่ยังเพิ่งเริ่มคุยข้อมูลกับลูกค้า

พักตราทักว่าหน้าตาเธอซีดเซียวมาก นอนน้อยใช่ไหม มุกรินพยักหน้าทำเสียงอืม...ในลำคอ ในใจคิดอยู่ไม่รู้ว่าพักตรามีเจตนาอย่างไร พักตราถามว่ายังประกันตัวไม่ได้ใช่ไหม มุกรินทำเสียงอืม...

“น่าเห็นใจจัง ความสัมพันธ์ของเธอกับคิมก็พลอยกระท่อนกระแท่นไปด้วยเลยสินะ”

ไม่ทันที่มุกรินจะพูดอะไร ปรารภก็เดินเข้ามาหยุดมองมุกรินอย่างเป็นห่วง ในขณะที่พักตรายังพล่ามต่อไปว่า

“แต่เธอต้องเข้าใจคิมนะ พี่สาวของเขาตายทั้งคน จะให้มาระรื่นสวีตเหมือนเดิมกับน้องสาวฆาตกร ก็คงจะยาก”

“ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าพี่ธาดาเป็นฆาตกรนะ”

“โอ้ย...ไม่ต้องรอศาลหรอก ใครๆก็รู้ว่าพี่เธอน่ะใจร้ายขนาดไหน แต่ฉันเห็นใจเธอนะ คนเป็นน้องสาวฆาตกร ก็ต้องกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยแบบนี้แหละ”
ปรารภเดินเข้ามาที่โต๊ะมุกริน เอ่ยขอโทษพักตราถามว่ามีธุระสำคัญอะไรกับมุกรินหรือเปล่า ถูกเธอถามเสียงขุ่นว่า

“ทำไมคะคุณปรารภ ลูกสาวประธานบริษัทจะขอคุยเรื่อยเปื่อยกับพนักงานบ้างไม่ได้เหรอคะ”

“พอดีผมมีงานสำคัญต้องปรึกษาพนักงานของผมน่ะครับ หวังว่าลูกสาวประธานจะไม่ขัดขวางกิจการในบริษัทของคุณพ่อนะครับ”

พักตราโกรธแต่พูดไม่ออก ปรารภจึงบอกมุกรินว่า เดี๋ยวเชิญที่ห้องประชุมด้วยแล้วเดินออกไป พักตรายังพล่ามกับมุกรินว่า

“ฉันไปก็ได้ ที่มานี่แค่จะมาบอกว่า เธออย่าไปงานศพเจ๊มลเลย จะทำให้คิมเขาเครียดเปล่าๆ ช่วงนี้ฉันรับหน้าที่ดูแลเทกแคร์คิมเอง ยังไงๆ เขากับฉันก็เป็นแฟนเก่ากัน ยังพอรู้มือ รู้ใจกันอยู่ บ๊ายบาย...”

พักตราทิ้งทุ่นแล้วนวยนาดออกไป ปล่อยให้ มุกรินมองตามอย่างไม่สบายใจนัก

ooooooo

มุกรินไปที่ห้องประชุมบริษัท ปรารภแนะนำให้รู้จักกับคุณบรรเจิดทนายความของธาดา เขาจะขอคุยกับเธอสักครู่แล้วปรารภจะออกไป

“พี่รภคะ มุกขอบคุณค่ะ”

ปรารภหันยิ้มให้แล้วออกจากห้องไป บรรเจิดจึงเริ่มการพูดคุยกับมุกริน แนะนำตัวเองและหน้าที่ของตนว่า

“หน้าที่ของผมคือทำให้พี่ชายคุณพ้นจากข้อกล่าวหา อันนี้เป็นความปรารถนาของคุณด้วย ถูกต้องไหมครับ ผมถามตรงๆเลยนะ คุณเชื่อไหมว่าพี่ชายคุณไม่ได้ฆ่าภรรยาตัวเอง” มุกรินนิ่งอึ้ง บรรเจิดยิ้มถามต่อว่า “ไม่ต้องตอบผมครับ และถ้าใครถามคำถามนี้กับคุณ คุณก็ต้องไม่ตอบนะครับ...แล้วผมจะมาหาคุณอีกที เฉพาะเวลาที่จำเป็น”

ก่อนทนายบรรเจิดจะออกไป เขาบอกอีก “อ้อ...ถ้าคุณอยากจะเยี่ยมพี่ชายคุณ นอกเหนือจากเวลาเยี่ยมปกติ บอกผม ผมใช้สิทธิ์ทนายได้ นี่นามบัตรผมครับ”
ทนายบรรเจิดไปแล้ว มุกรินจึงหยิบนามบัตรขึ้นดู...

ooooooo

ที่สำนักกฎหมายบูรพา...ชุมสายหอบเอกสารปึกใหญ่ก้าวเข้ามา แนะนำแก่คิมหันต์ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วว่า

“นายบรรเจิด เลิศธนทรัพย์ ทนายความชื่อดังผู้คร่ำหวอดในการสู้คดีให้จำเลย ทุกคดีที่หมอนี่ว่าความให้...จำเลยหลุดหมด ศาลยกฟ้องทุกคดี...ไม่น่าเชื่อ” คิมหันต์แทรกขึ้นว่า แต่ไม่ใช่คดีนี้! “แต่มันก็มีสัญญาณเตือนเราว่า ต้องเตรียมรับมือให้ดี” คิมหันต์ยังเชื่อมั่นว่าไม่มีใครบิดเบือนความจริงไปได้

ชุมสายบอกว่าหลายๆเรื่องก็ต้องใช้เวลานานกว่าความจริงจะปรากฏ คิมหันต์มองหน้าเพื่อนย้ำว่า

“นั่นมันหน้าที่ของแก ฉันถึงตั้งให้แกเป็นทนายร่วมไง”

ขณะนั้นเอง มีชายสูงวัยก้าวเข้ามา ชุมสายแนะนำว่า

“นี่ท่านอาจารย์ประสงค์ อัยการคดีของเรา...คุณคิมหันต์ น้องชายผู้ตายครับ”

หลังจากสวัสดีทักทายกันแล้ว อัยการนั่งลง สีหน้าแววตามีอาการวิตกเล็กน้อย เอ่ยแก่ทุกคนในที่นั้นว่า

“เจ้าหน้าที่เพิ่งแจ้งผมมาว่า ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของคุณวิมลรัตน์แล้ว มีสายโทร.เข้าออกระหว่างเครื่องของคุณวิมลรัตน์กับเครื่องของนายธาดาจริง โทร.ครั้งสุดท้ายเวลาตีสี่กว่าๆ มันตรงกับที่จำเลยอ้างพยานยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ”

ชุมสายถามว่าพยานคือใคร พอประสงค์บอกว่ามุกริน ชุมสายติงทันทีว่า “น้องสาวจำเลยนะครับ”

“ใช่...ซึ่งศาลก็คงไม่ฟังเพราะเป็นญาติกัน แต่มันทำให้เราต้องหาหลักฐานมัดตัวจำเลยให้รัดกุมยิ่งขึ้น นอกจากมุกรินจะปฏิเสธการเป็นพยาน”

เวลาเดียวกัน มุกรินไปเยี่ยมธาดาที่เรือนจำกลาง ทั้งสองคุยกันทางโทรศัพท์โดยมีลูกกรงและกระจกกั้น มุกรินเล่าว่า เมื่อวานนี้ทนายบรรเจิดไปหาตน เขาถามว่าตนเชื่อพี่ใหญ่ไหม แต่ถามแล้วก็บอกว่าไม่ต้องพูดก็ได้ มุกรินบอกพี่ชายว่า

“มุกอยากฟังจากปากพี่ใหญ่อีกครั้ง”

ooooooo

ขณะที่มุกรินฟังเหตุการณ์จากปากธาดาอีกครั้งนั้น ฝ่ายคิมหันต์และชุมสายก็วิเคราะห์เหตุการณ์จากการคาดคะเนอยู่เช่นกัน

ชุมสายวิเคราะห์ว่า คืนนั้นมีพายุเข้า ฝนตกหนัก กล้องวงจรปิดทุกตัวไม่สามารถบันทึกภาพได้ เราจึงไม่มีทางรู้เวลาเข้าออกที่แน่นอนของธาดา แต่จากสภาพสถานที่เกิดเหตุ คะเนได้ว่า

“เมื่อทั้งคู่เดินเข้าบ้านแล้วก็นั่งดื่มเหล้ากันตรงนี้... ซึ่งน่าจะดื่มกันไม่น้อยเสียด้วย”

เหตุการณ์ในคืนนั้นคือ ทั้งสองนั่งดื่มเหล้ากันแก้วใหญ่ แล้วเริ่มมีปากเสียงกันเรื่องหนี้สินและเงินทอง วิมลรัตน์ตำหนิธาดาอย่างรุนแรงเรื่องชอบเล่นการพนัน เล่นทีไรก็มีแต่เสีย และตนก็ต้องจ่ายให้ทุกครั้ง บ่นแล้วตัดเชือกว่า

“ห้ามแล้วไม่เชื่อ ก็ไปหาเงินใช้หนี้เอาเองเถอะ”

“ผมจะไปหาที่ไหนล่ะ วันๆก็ติดแหง็กอยู่กับคุณอย่างนี้ คุณไม่ยอมให้ผมกระดิกตัวไปไหนเลย”

“กระดิกตัวไม่ได้แล้วทำไมแอบไปเข้าบ่อนได้”

ธาดาเล่าเชิงบ่นกับมุกรินว่า “เขาเมา มุกรู้ใช่ไหมว่าพี่มลเขากินเหล้าดุขนาดไหน...เคยเห็นใช่ไหม พอเขาเมาก็พาลหาเรื่องพี่ เขาด่าพี่ที่ทำอะไรก็เจ๊งแล้วก็ต้องมาขอเงินเขา”

ฝ่ายคิมหันต์วิเคราะห์ว่า “ครั้งนี้ พี่มลคงไม่ให้ พี่มลเคยประกาศว่าจะไม่ให้มันผลาญเงินเล่นอีกแล้ว”

“นายธาดาก็เลยโกรธ อาละวาด ขว้างปาข้าวของ” ชุมสายคาดเดาต่อ และก็ตรงกับความจริง

ธาดาบอกมุกรินว่าวิมลรัตน์คิดจะทิ้งตน เขาคง เบื่อที่ตนขอเงินบ่อย แต่ตนเชื่อว่าเขาเองก็หลงผู้ชายอื่นมากกว่า พอตนพูดดักคอ เขาก็โกรธและเอาปืนขู่จะยิง

แต่ฝ่ายชุมสายคาดว่า “นายธาดาอาจมีกิ๊ก พี่มลคงจับได้ก็เลยโกรธ ใช้ปืนขู่ จากนั้นก็แย่งปืนกันจนปืนลั่น”

ระหว่างที่ทั้งสองแย่งปืนกันนั้น ปืนลั่นขึ้นห้านัดโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง ชุมสายจำลองเหตุการณ์ว่า

“นายธาดาบีบคอพี่มล แล้วก็ดันพี่มลจนมาล้มกระแทกขอบอ่างอาบน้ำตรงนี้” ชุมสายไปชี้จุดที่ห้องน้ำ

ธาดาเล่าให้มุกรินฟังว่า ตนรีบหนีออกจากบ้านแล้วก็มาหาเธอ แต่เธอยังไม่กลับจึงนั่งรออยู่ในรถ เล่าอย่างอ่อนล้าว่า

“พี่ใช้โทรศัพท์คุยกับเขา เผื่อว่าเขาจะอารมณ์เย็นลง...แต่ก็ไม่เลย...มีตรงไหนที่พี่เล่าไม่เหมือนเดิมไหม” มุกรินบอกว่าไม่มี ธาดาย้ำอย่างมั่นใจว่า “ความจริง... จะพูดกี่ครั้งมันก็เหมือนเดิมทุกครั้งแหละมุก”

ทนายบรรเจิดเดินเข้ามายืนข้างหลังมุกริน ขอโทรศัพท์ที่เธอกำลังคุยกับธาดาไปพูดเอง

“โชคดีเป็นของคุณนะ คุณธาดา” แล้วบอกว่า “ไม่เกินทุ่มนึงคืนนี้ คุณน่าจะออกมาได้” มุกรินดีใจถามว่าจริงหรือ “ศาลน่าจะยอมให้ประกันตัว ผมดำเนินเรื่องเรียบร้อยแล้ว คืนนี้อยากจะไปผ่อนคลายที่ไหนก็นึกไว้เลยนะ”

“วัด...ผมอยากไปไหว้ศพเมียผม”

ooooooo

ชุมสายนำข่าวธาดาได้ประกันตัวไปบอกคิมหันต์ที่วัด คิมหันต์ไม่พอใจมาก ถามว่าปล่อยมันออกมาได้ยังไงไอ้คนเลวๆแบบนี้ ชุมสายคาดว่า

ศาลคงเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าหลบหนีและหลักทรัพย์ในการประกันก็สูงด้วย

คิมหันต์ถามว่ารู้ได้ไงว่ามันจะไม่หนี ชุมสายบอกว่าเพราะที่แห่งแรกที่ธาดาจะมาก็คือที่นี่ เขาตั้งใจจะมากราบศพพี่มลให้ได้ เตือนคิมหันต์ว่า

“แกต้องเก็บอารมณ์ให้ดีนะเว้ย อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม มันไม่เป็นผลดีทั้งนั้น”

“ฉันไม่บุ่มบ่ามหรอก ไม่ใช้อารมณ์ด้วย ง่ายๆสบายๆ ตรงไปตรงมา มันเหยียบศาลาเมื่อไหร่ มันตายเมื่อนั้น เท่านั้นแหละ” คิมหันต์แววตาแข็งกร้าวดุดันมาก
มุกรินขับรถพาธาดาบ่ายหน้าไปที่วัดคืนนี้เลย ระหว่างนั้นเสียงมือถือมุกรินดังขึ้น เธอรับสายเปิดเสียงผ่านลำโพงวิทยุในรถ เป็นสายจากชุมสาย ถามเธอว่าธาดากำลังมาที่วัดหรือเปล่า พอมุกรินอกว่าใช่ เขาขอร้องเธอว่า

“ผมขอพูดตรงๆอีกทีนะครับ ถ้าคุณธาดามาที่วัดจริง มันอาจเกิดเรื่องขึ้นได้...” มุกรินตกใจถามว่าเรื่องอะไรหรือ “คุณก็รู้ว่าช่วงนี้นายคิมหันต์มีท่าทียังไง ...ผมว่าทางที่ดี คุณน่าจะ...”

“ทำไมวะ!” เสียงธาดาตัดบทอย่างฉุนเฉียว “ฉันจะไปไหว้เมียฉันไม่ได้เลยเหรอ มันเกินไปแล้ว บอกนายคิมหันต์เพื่อนนายด้วยว่า เป็นไงเป็นกัน...เมียฉันตายไปคนนึงแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว จะเอากันให้ถึงตายเลยก็ได้ มาลองดูกันไหม” พูดจบธาดากดปุ่มเลิกการสนทนาทันที

มุกรินติงว่าชุมสายอาจจะหวังดีกับเราจริงๆก็ได้ ธาดาไม่เชื่อ เพราะเขาเพื่อนกันก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ มุกรินขับรถไปเงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ธาดาหันมองมุกริน เอ่ยขอโทษที่ลืมไปว่าคิมหันต์เป็นคู่หมั้นน้อง บ่นตัวเองว่า

“พี่ไม่น่ายกมุกให้มันเลย...แม่งเอ๊ย!”

ฝ่ายชุมสายคุยกับมุกรินและธาดาแล้ว ถามคิมหันต์ที่ยังหน้าถมึงทึงว่าจะใช้ความรุนแรงแน่หรือ เตือนสติว่า เขากำลังจะแต่งงานกับมุกริน ทำแบบนี้ต่อไปจะมองหน้ากันติดได้ยังไง คิมหันต์สวนทันควันว่า

“แล้วที่มันทำกับพี่มล แกคิดว่าเรายังมองหน้ากันติดงั้นเหรอ?”

เมื่อห้ามไม่สำเร็จ ชุมสายยุให้เอาให้เต็มที่ไปเลย แต่ตนต้องแจ้งท้องที่ล่วงหน้า อย่ามาต่อว่ากันนะ แล้วเดินแยกไป

ooooooo

พอมุกรินขับรถมาถึงวัด ธาดาลงจากรถ เจอ คิมหันต์ยืนจังก้าอยู่หน้าศาลาแล้ว ธาดาก้าวเข้าไปบอก คิมหันต์ว่า

“ฉันจะไหว้ศพเมียฉัน นายไม่มีสิทธิ์ห้าม” คิมหันต์พูดนิ่งๆว่า ก็ลองดู แล้วหันไปคว้าท่อนเหล็กคล้ายชะแลงมาถือแน่น แต่ก็หยุดธาดาไม่ได้ เขาก้าวเข้าไปหา มุกริน ร้องเรียกพี่ชายและขอร้องคิมหันต์อย่าทำอะไรพี่ชายตน

คิมหันต์ใช้ท่อนเหล็กทุบกระจกรถธาดาจนแตกทุกบาน ตะโกนอย่างโกรธแค้นเมื่อธาดาร้องห้าม

“มึงเสียดายเหรอ นี่แค่รถมึงยังเสียดาย แล้วนั่น พี่กูที่นอนอยู่ในโลงนั่นพี่สาวกู มึงคิดว่ากูจะอยู่เฉยๆเหรอ”

เมื่อไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่พุ่งเข้าชกต่อยกันลงไปคลุกฝุ่น แม้ชุมสายกับมุกรินจะร้องห้ามก็หยุดไม่ได้ จนตำรวจมาถึงจึงลากทั้งคู่แยกจากกันได้สำเร็จ

ตำรวจพาคู่กรณีไปที่โรงพัก ขณะตำรวจกำลังหว่านล้อมทั้งคู่ให้คิดถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอดีตนั้น บรรเจิดก็เข้าไปแจ้งตำรวจว่าลูกความตนไม่ขอเอาความเรื่องทำร้ายร่างกายกัน ส่วนเรื่องรถที่เสียหาย...ชุมสายพูดแทรกขึ้นว่าคิมหันต์ยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เมื่อคู่กรณีไม่เอาความต่อกัน ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันเปรียบเทียบปรับแล้วจะปล่อยตัวไปทีละคนเพื่อความปลอดภัย บรรเจิดแจ้งแก่ตำรวจว่า

“คุณธาดาลูกความของผม ผมขอฝากไว้ที่นี่สักคืน ก่อนได้ไหมครับ เพื่อความปลอดภัยเหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้ผมทำเรื่องขอถอนประกัน เพราะให้แกอยู่ในเรือนจำปลอดภัยกว่าออกมาข้างนอกครับ รอออกมาทีเดียวตอนชนะคดีเลยดีกว่า” แล้วบอกมุกรินว่า “คุณมุกรินกลับบ้านได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปทำความเข้าใจกับพี่ชายคุณเอง ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลนะครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องทำให้คุณธาดาสะดวกสบายและปลอดภัยที่สุด เสธ.ท่านกำชับมา”

“เสธ.” มุกรินงงๆ

“ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพน่ะครับ...ท่านเอ็นดูพี่ชายคุณ”

คิมหันต์เดินมาบอกมุกรินว่าจะไปส่งเธอที่บ้านแล้วเดินนำไป มุกรินนิ่งไปอึดใจแล้วจึงเดินตามไปที่รถ

ooooooo

ตลอดเวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน ทั้งมุกรินและคิมหันต์ต่างนั่งเงียบ จนมาถึงบ้าน มุกรินเรียกเขาให้เข้าบ้านก่อนไหม คิมหันต์ไม่ตอบแต่เอื้อมไปกุมมือเธอไว้เบาๆ ทำเอามุกรินน้ำตาแทบไหล

ระหว่างเดินเข้าบ้าน มุกรินถามอย่างสะเทือนใจว่าเราจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหม เขาตอบอย่างเลื่อนลอยว่าไม่รู้เหมือนกัน

เมื่อเข้าไปในบ้าน คิมหันต์เดินไปดูรูปถ่ายคู่ของตนกับมุกรินที่วางอยู่หลังตู้ ต่างสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนความสัมพันธ์เปลี่ยนไป คิมหันต์บอกว่าตนไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย มุกรินบอกว่าตนรู้ คิมหันต์ติงว่าเธอรู้ไม่เท่าที่ตนรู้สึก และเธอเข้าใจก็ไม่เหมือนที่ตนรู้สึกเองหรอก เพราะเราอยู่กันคนละฝั่ง ความสูญเสียไม่เท่ากัน

แต่ทั้งคู่ต่างยืนยันว่าเรายังมีความรู้สึกต่อกันอย่างที่เคยเป็น ถ้าความจริงพิสูจน์ออกมาอย่างไร เราต่างก็ต้องยอมรับให้ได้ แต่คิมหันต์รับไม่ได้ ยืนยันมั่นใจว่า “มุกก็รู้ว่าเป็นเขา...มันต้องเป็นเขา!”

มุกรินยังเล่าให้เขาฟังว่า เช้ามืดคืนเกิดเหตุตนได้คุยโทรศัพท์กับวิมลรัตน์ด้วย คิมหันต์ถามว่าแล้วพี่มล ว่าอย่างไร

“เงียบค่ะ พี่มลไม่ได้พูดอะไร เขาคงกำลังโกรธพี่ใหญ่อยู่”

“หรือไม่ก็ตายไปก่อนหน้านั้นแล้ว” คิมหันต์แทรกเสียงเข้ม พูดแล้วต่างก็เงียบกันไป จนมุกรินถามขึ้นว่าเราลองไม่พูดเรื่องนี้กันไหม เผื่อความสัมพันธ์ของเราจะกลับมาเหมือนเดิม

คิมหันต์บอกมุกรินว่า เราคงต้องเลื่อนงานแต่งออก ไปก่อน เราห่างกันสักพัก ตนตัดสินใจจะไปอยู่ซานฟราน จนกว่า อีกสองเดือนศาลนัดจึงจะกลับมา สัญญาว่ากลับมาก็จะยังรักเธอเหมือนเดิม

เมื่อคิมหันต์ไปแล้ว ชุมสายแชตคุยกับคิมหันต์เล่าผลการสืบสวนฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างๆ บอกว่าล้วนแต่เป็นผลดีต่อฝ่ายเราทั้งสิ้น จนสุดท้ายชุมสายพูดถึงมุกรินว่า

“คุณมุกเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร พี่ชายเธอจะทำความผิดยังไงก็ตาม แต่เธอก็ทำหน้าที่น้องสาวอย่างดีเยี่ยม เธอแบ่งเวลาไปเยี่ยมพี่ชายแทบจะทุกวัน ส่วนงานที่บริษัทก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ใครจะซุบซิบนินทาเรื่องพี่ชายเธออย่างไร เธอก็ไม่หวั่นไหว ดูเหมือนว่าผู้จัดการบริษัทจะเอ็นดูเธอเป็นพิเศษด้วย”

“ฉันไม่ไว้ใจไอ้พ่อหม้ายคนนั้น ฝากแกดูให้หน่อย” ชุมสายเร่งเขาให้รีบกลับมาดูเอง “เราตกลงกันไว้ว่าจะเจอกันตอนขึ้นศาลเลย”

ชุมสายถามว่าอยู่ทางโน้นไม่มีปัญหาใช่ไหม

“ไม่มี นอกจากพักตรา เธอตามหาฉันจนเจอ แกคงไม่ได้ให้ที่อยู่ฉันไปใช่ไหม” ชุมสายบอกว่าไม่ได้ให้ เตือนเพื่อนรักว่า จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีแล้วกัน คิมหันต์บอกว่าตนกำลังหาทางหนีเธออยู่

ครู่เดียว พักตราก็ถือถ้วยกาแฟเข้ามาให้ “พักตร์กลับห้องก่อน...พรุ่งนี้เราไปเดินเล่นแถวโกลเดนเกตกัน อย่านอนดึกนักนะคิม” พอพักตราเดินออกไป คิมหันต์ก็หันมองไปนอกหน้าต่างห้องพัก...

ooooooo

เช้าตรู่วันนี้ ขณะที่มุกรินยังนอนอยู่ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากพักตราที่เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ถามว่าวันนี้ไม่ไปศาลหรือ เธอบอกว่าไปสิ

“งั้นวันนี้เธอก็จะได้พบกับคู่หมั้นเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนใช่ไหม” มุกรินยังงงๆ พักตราพูดต่อ “สงสัยใช่ไหมว่าทำไมฉันรู้...ฉันใส่ใจเรื่องของเพื่อนเสมอจ้ะ ยิ่งไปกว่านั้น บังเอิญฉันไปเที่ยวซานฟรานมา และก็บังเอิญเจอคู่หมั้นของเธอกำลังเหงา ฉันก็เลยช่วยดูแลสภาพจิตใจของเขาให้ดีขึ้นจ้ะ”

“เหรอ...”

“แล้วก็บังเอิญฉันกลับมาเมืองไทยวันนี้วันเดียวกับเขาไฟลท์เดียวกับเขาอีกต่างหาก ฉันก็เลยรีบโทร. มาบอกเธอ เผื่อว่าเธอไปได้ยินจากปากคนอื่นเดี๋ยวจะเข้าใจผิด...ไปล่ะแล้วเจอกันนะ...อ้อ...ขอให้ทุกอย่างที่ศาลวันนี้ ราบรื่นนะ มุกริน”

วางสายจากพักตราแล้ว มุกรินเริ่มหวั่นไหวกับท่าทีของเธอ

ฝ่ายคิมหันต์กลับมาถึงก็ไปที่ห้องนอนของวิมลรัตน์ เขาพูดกับรูปถ่ายของพี่สาวที่ถือในมือว่า

“วันนี้ศาลนัดสืบพยานเป็นนัดแรกนะพี่มล...คาดว่าคงไม่นานนัก คดีก็จะจบ... และอีกไม่นาน ไอ้ฆาตกรก็จะต้องได้รับโทษของมันอย่างสาสม!”

เมื่อไปถึงศาลพร้อมชุมสาย อัยการประสงค์ คิมหันต์ยังบอกกล่าวพี่สาวตนว่า

“พวกเราทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อเรียกร้อง ความยุติธรรมให้กับพี่มล...”

จนมาถึงทางเดินในศาล มุกรินที่มาถึงก่อนแล้ว เธอนั่งอยู่ริมระเบียง พอเห็นคิมหันต์มา เธอยิ้มทัก

“คิม...สบายดีไหม”

“พักตราตามไปหาผมถึงซานฟราน...ผมบอกคุณ ให้รู้ไว้ เผื่อคุณได้ยินจากคนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิดผม” เขาจับมือมุกรินบอกว่า “เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะมุก” แล้วก็เดินเข้าไปในห้องพิจารณาคดี

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น