วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 11


มนต์ทิพย์ร้อนใจที่ยังไม่เจอแม่สักที ตัดสินใจจะออกไปตามหาด้วยตัวเอง ปีบพยายามขอร้องให้รอคุณบุญสลักกลับมาก่อน เธอก็ไม่ยอม ในเมื่อปัญหาของเรา เราก็ต้องแก้ไขเอง เธอไม่อยากยืมจมูกใครหายใจ

“เดี๋ยวเย็นๆ ทิพย์ก็กลับมา พี่ปีบไม่ต้องเป็นห่วง” มนต์ทิพย์พูดจบ เดินลิ่วออกจากบ้าน ปีบอดเป็นห่วงไม่ได้ รีบไปบอกให้พวงครามทราบ เธอไม่ได้เป็นห่วงมนต์ทิพย์แต่กลัวลูกชายจะคลั่งเสียก่อนหากมนต์ทิพย์หายไปอีกคนหนึ่ง สั่งการให้แม่นมผ่อง โทร.บอกบุญสลัก พักตร์พริ้งที่เพิ่งมาถึงร้องห้ามไว้

“ไม่ต้อง บอกตาบุญสลักก็คงตามกันไปตามกันมาแบบนี้แหละ มันอยากไปเองก็ช่างมันสิคะคุณพี่...”

“แต่คุณทิพย์เพิ่งมาจากอังกฤษ ไม่รู้จักถนนหนทางในกรุงเทพฯนะคะ” ปีบทักท้วง

พักตร์พริ้งไม่สนใจ ในเมื่อหาเรื่องออกไปเอง ถ้ากลับมาไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับ ปีบไม่อยากคุยกับคนชอบหาเรื่องคนอื่น เดินจากมาอย่างหงุดหงิด เธอตะโกนด่าไล่หลังว่าจองหองทั้งนายทั้งบ่าว

จังหวะนั้น โฉมโทร.มาบอกพักตร์พริ้งว่าเจอตัวอัปสรแล้ว ให้เธอกับพวงครามไปพบท่านที่บ้านตอนนี้เลย พวงครามไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าถือเดินนำพักตร์พริ้งออกไป

ครู่ต่อมา ทั้งคู่มานั่งอยู่ตรงหน้าโฉม พวงครามเกรงใจมากที่ต้องมารบกวน แต่เธอเป็นห่วงลูกไม่อยากให้ต้องคิดมาก โฉมไม่วายแดกดัน รักลูกมากก็เลยตามใจ ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงที่ลูกจะแต่งงานด้วยไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี เธอยอมรับว่าเป็นอย่างที่ท่านว่า แต่ลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เธอเองก็ไม่ได้อยากจะได้มนต์ทิพย์มาเป็นสะใภ้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

“คุณแม่ท่านผ่านโลกมามาก ท่านต้องทราบดีว่ารับคนชั่วเข้ามาอยู่ในบ้านอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งนังมนต์ทิพย์มีข่าวเรื่องแม่เป็นปอบด้วยแล้ว พักตร์ยิ่งรังเกียจค่ะ”

โฉมยินดีจะช่วยเหลือทั้งคู่ จากนั้นทั้งสามคนพากันไปที่วัดซึ่งอัปสรไปปฏิบัติธรรม พักตร์พริ้งกับพวงครามไม่เข้าใจว่าให้พวกเรามาทำไม ถ้าจะมาเพื่อรับอัปสรกลับ พวกตนคงไม่เห็นด้วย โฉมไม่ได้จะให้มารับมันกลับ แค่ให้ไปพูดดีๆ ให้มันไปจากชีวิตของพวกเรา พอถึงพรุ่งนี้มนต์ทิพย์มารับตัวจะได้ไม่เจอ

“เธอสองคนเข้าไปเจรจากับมันก่อน ถ้าไม่ได้ผล แม่จะพูดกับมันเอง” โฉมมองตามทั้งคู่เดินเข้าไปในวัดจนลับสายตา ก่อนจะพึมพำสีหน้าร้ายกาจ “กรรมตกอยู่กับลูกสาวแกแล้วนังละอองคำ”

ooooooo

แผนพูดจาดีๆของโฉมที่ว่าก็คือจะใช้เงินฟาดหัวเพื่อให้มนต์ทิพย์เลิกยุ่งกับบุญสลัก อัปสรเคืองจัด

“ที่นี่ไม่ใช่ตลาด ไม่มีอะไรจะขายทั้งนั้น เอาเงินของคุณกลับไปซะ ฉันไม่เคยคิดขายลูกสาวกิน ฉันยอมให้พวกคุณย่ำยีมามากพอแล้ว กลับไปซะ”

พวงครามพยายามยัดเยียดเงินให้ แต่อัปสรไม่ยอมรับ ไล่ทั้งคู่กลับไปได้แล้ว โฉมที่แอบมองอยู่รู้ว่าใช้เงินซื้ออัปสรไม่ได้ จึงอาสาเป็นคนเจรจาเรื่องนี้เอง บอกให้พวงครามกับพักตร์พริ้งไปรอที่รถ อัปสรจำอาโฉมได้ไหว้ทักทายว่าสบายดีไหม

“นับแต่นังละอองคำควักไส้พี่ฉัตรกับคุณแม่ซ่อนกลิ่นจนตาย ข่าวก็ดังไปทั่วทั้งเมือง ฉันกับคุณพ่อก็พลอยถูกหางเลขไปด้วย อับอายจนไม่กล้าออกจากบ้าน ได้ข่าวว่าพี่พรเทพพาหล่อนไปอยู่เมืองนอกเมืองนา คิดว่าจะไม่กลับมาอีก”

อัปสรตั้งใจจะตายที่โน่น แต่พอดีสามีของเธออยากกลับมาอยู่เมืองไทย โฉมได้ข่าวว่าสามีของอัปสรเอาชีวิตมาสังเวยให้ละอองคำอีกคนหนึ่งไม่ใช่หรือ อัปสรตกใจไม่คิดว่าท่านจะพูดออกมาแบบนั้น

“ฉันก็นึกว่านังละอองคำมันตกนรกหมกไหม้ไปเสียแล้ว ที่ไหนได้ มันยังวนเวียนรอหล่อนกับลูกให้สืบทอดทายาทปอบอยู่ล่ะสินะ” โฉมเห็นอัปสรเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ได้ทีซ้ำเติม “แบบนี้แล้วหล่อนยังจะใจร้ายให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายดีๆอย่างบุญสลักอีกหรือ หล่อนอยากให้ตาบุญสลักต้องตายโหงเหมือนกับพี่ฉัตร มีจุดจบเหมือนย่าซ่อนกลิ่นของหล่อนหรืออย่างไร”

คำพูดของโฉมทำให้อัปสรถึงกับน้ำตาร่วง ภาพตอนละอองคำควักไส้ฉัตรกับซ่อนกลิ่นตามมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง จนซวนเซแทบยืนไม่อยู่...

มนต์ทิพย์โกรธมากเมื่อรู้ว่าพวงครามกับพักตร์–พริ้งได้ที่อยู่ของแม่จากนักสืบแล้ว แต่ไม่ยอมแจ้งให้เธอรู้ ตามมาขอร้องให้ทั้งคู่ช่วยบอกทีว่าแม่ของเธออยู่ไหน พวงครามยังไม่ทันจะอ้าปากพูด บุญสลักที่เพิ่งมาถึงชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่าเขารู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน พรุ่งนี้เราจะไปรับท่านด้วยกัน แล้วหันไปทางพวงคราม

“พบคุณแม่ของทิพย์แล้ว คุณแม่ช่วยจัดการเจรจาสู่ขอทิพย์ให้ผมทีนะครับ” พูดจบบุญสลักจูงมือมนต์ทิพย์ออกไป ทิ้งให้พักตร์พริ้งกับพวงครามเข่นเขี้ยวด้วยความแค้นใจอยู่ตรงนั้น...

เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง มนต์ทิพย์ถามบุญสลักแน่ใจแล้วหรือเรื่องการแต่งงาน เพราะดูท่าแล้วแม่กับอาของเขาจะไม่ค่อยปลื้มเธอสักเท่าไหร่ เขาตอบหนักแน่นว่าแน่ใจ เว้นแต่เธอจะหมดรักเขาแล้วเท่านั้น...

พักตร์พริ้งโทร.ฟ้องโฉมเรื่องที่บุญสลักรู้ว่าอัปสรอยู่ที่ไหน อีกทั้งนัดแนะกับมนต์ทิพย์จะไปรับกลับมาวันพรุ่งนี้ และเขายังให้พวงครามเตรียมจัดงานแต่งงานไว้ได้เลย เธอกับพวงครามไม่รู้จะทำอย่างไรดี โฉมปลอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ตนจัดการเอง พักตร์พริ้งเกรงจะไม่ทันกาล นี่ก็ค่ำมืดแล้ว

“หลานสาวฉันรักบุญสลักมาก ฉันไม่ยอมให้ยัยเขมผิดหวังหรอก แม่พักตร์ไม่ต้องกังวล” โฉมวางสาย แล้วเดินไปหยิบสร้อยห้อยพระเครื่องมาสวมคอ กันเหนียวไว้แม้จะมีแหวนที่แม่ชีน้อมให้ใส่ติดตัวแล้วก็ตาม จากนั้นไม่นาน โฉมมาหาอัปสรที่วัด พยายามหว่านล้อมให้เธอไปจากที่นี่ อ้างว่าแม่ของบุญสลักรับไม่ได้ที่เธอเป็นลูกสาวปอบ ก็เท่ากับมนต์ทิพย์ก็เป็นหลานปอบด้วย อัปสรขอร้องอย่าเอามนต์ทิพย์มาเกี่ยวด้วย

“แต่มันปิดไม่ได้แล้ว อาถึงมาหาเธอไงล่ะอัปสร ถ้ารักลูกก็จงไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ มนต์–ทิพย์ติดต่อหล่อนไม่ได้ บ้านผู้ชายเขาจะได้แน่ใจว่าลูกชายของเขาไม่ได้เป็นเหยื่อปอบ อาพูดอย่างนี้หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ ไปคืนนี้เลยนะ ถ้าเธอยังอยู่ เธอก็คือแม่ที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก”

ooooooo

บุญสลักกับมนต์ทิพย์ชวนเขมิกากับแฟรงค์มารับอัปสรด้วยกัน กลับพบแต่ห้องว่างเปล่า แฟรงค์ตั้งข้อสังเกตท่านอาจไปสวดมนต์ที่โบสถ์ก็ได้ เขมิกาท้วงถ้ายังอยู่ต้องมีข้าวของอะไรบ้างแต่นี่โล่งไปหมด มนต์ทิพย์น้ำตาคลอเบ้า บุญสลักขอร้องอย่าเพิ่งด่วนสรุปแล้วชวนเธอไปดูด้านหลังวัด แฟรงค์หันมาต่อว่าเขมิกา

“เขม...ท่าทางเหมือนไม่อยากให้ไอ้ทิพย์มันเจอแม่ คิดอะไรอยู่หรือเปล่า”

เขมิกาปฏิเสธว่าไม่ได้คิดอะไร แค่พูดอย่างที่เห็น แฟรงค์ดักคอ อย่าคิดอะไรในทางชั่วร้ายก็แล้วกัน จากนั้นทั้งสี่คนช่วยกันสอบถามทั้งเด็กวัดและพระลูกวัดว่ามีผู้หญิงชื่ออัปสรมาปฏิบัติธรรมที่นี่หรือเปล่า ได้ความว่าเพิ่งออกไปเมื่อเช้านี้เอง ไม่ได้บอกไว้ว่าจะไปไหน มนต์ทิพย์ใจคอไม่ดีกลัวจะไม่เจอแม่อีก บุญสลักเชื่อมั่นว่าจะต้องเจอท่านแน่ๆ เขมิกาอดถามไม่ได้ว่าถ้าพบอัปสรแล้วมนต์ทิพย์จะรับกลับบ้านเลยหรือ

บุญสลักชิงตอบคำถามแทน “เปล่าครับ ทันทีที่พบคุณน้าอัปสร ผมจะแต่งงานกับทิพย์”

เขมิกาถึงกับอึ้ง ขณะที่แฟรงค์ลอบมองเธอด้วยความเคลือบแคลงสงสัย...

มนต์ทิพย์กับบุญสลัก รวมทั้งแฟรงค์และเขมิกาออกตามหาอัปสรมาที่วัดอีกแห่งหนึ่ง บุญสลักกับมนต์ทิพย์แยกไปค้นหาในโบสถ์ ส่วนแฟรงค์คว้ามือเขมิกาจะพาไปดูด้านหลังวัด เธอรีบชักมือกลับ เขาตัดพ้อที่เธอทำแบบนั้น เขมิกาอ้างว่าที่นี่เป็นวัด ไม่ควรจะมาจับมือถือแขนกัน

“ถ้าเหตุผลนี้ก็พอรับได้ กลัวจะเป็นเหตุผลอื่น”

“วันนี้ดูแฟรงค์อารมณ์ไม่ดีเลย”

เขาแนะหากอยากให้เขาอารมณ์ดีเธอก็ควรแต่งงานกับเขา จัดงานพร้อมกับคู่ของบุญสลักและมนต์ทิพย์ เขมิกาหน้าหงิกทันที ตำหนิบุญสลักว่าคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร พ่อแม่ฝ่ายหญิงเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่อายแขกที่มางานบ้างหรือ แฟรงค์นิ่งอึ้ง รู้สึกได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ...

ผีละอองคำต้องการบีบให้มนต์ทิพย์รับเป็นทายาทปอบ จึงมาปรากฏตัวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แม้จะกลัวมากแค่ไหน แต่เธอไม่ปริปากบอกบุญสลักถึงเรื่องนี้ กลัวจะเข้าใจผิด ค่ำนี้ก็เช่นกัน ขณะเธอกำลังจะลงจากรถของบุญสลักหลังกลับจากตามหาแม่ ผีละอองคำปรากฏตัวที่เบาะหลังรถ มนต์ทิพย์ถึงกับหน้าซีด ตัวแข็งขยับขาไม่ออก อึดใจผีละอองคำก็หายวับไป

จากนั้นผีละอองคำไปปรากฏตัวให้พักตร์พริ้งที่กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเห็น เธอตกใจร้องกรี๊ดๆ วิ่งหนี ผีละอองคำยิ้มสะใจแล้วขยับจะไป แต่ต้องชะงักเมื่อผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ต่อว่าเธอที่มัวมาเสียเวลากับพักตร์พริ้งทั้งที่ควรจะไปจัดการเรื่องทายาทปอบของตน เธออ้างว่านังนี่ชอบกลั่นแกล้งมนต์ทิพย์

“เจ้าห่วงหลานเจ้ามากกว่าห่วงข้า ให้ข้าทนทุกข์หิวโหยไม่มีทายาทสืบต่อเลี้ยงดูข้าใช่ไหมอีละอองคำ อีทรยศ มานี่” ผีเจ้าว่าแล้วกระชากคอเธอหายวับไปด้วยกัน...

ด้านพักตร์พริ้งวิ่งหน้าตื่นมาที่บ้านพวงครามซึ่งอยู่ในรั้วเดียวกัน พร้อมกับร้องลั่นว่าถูกผีในชุดเครื่องแต่งกายโบราณหลอก โทษว่าเป็นเพราะบุญสลักเอาปอบเข้ามาในบ้าน ผีตนอื่นๆก็เลยตามเข้ามาด้วย มนต์ทิพย์ได้ยินเสียงเอะอะก็ลงมาดู พอพักตร์พริ้งเห็นหน้าเธอเท่านั้นก็โวยวายใส่

“หล่อนเลี้ยงผีใช่ไหม หรือไม่หล่อนก็ต้องเป็นผี ฉันถูกผีหลอก หล่อนต้องรับผิดชอบ”

“มีหลักฐานไหมล่ะคะว่าเป็นผีของฉัน ถ้ามี ฉันจะรับผิดชอบเอง”

“ไม่ต้องท้าทาย ฉันหาหลักฐานได้แน่...คุณพี่คะ พักตร์ขอนอนกับคุณพี่นะคะคืนนี้”

พวงครามไม่ขัดข้อง สั่งให้ป้าแหวนกับแช่มปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย แล้วเดินนำพักตร์พริ้งขึ้นข้างบน บุญสลักปลอบมนต์ทิพย์ว่าอย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นอุปสรรคการแต่งงานของเรา เธอขอไม่พูดถึงเรื่องนี้จนกว่าจะพบแม่

ooooooo

บุญสลักแวะไปหาแฟรงค์ที่ทำงานแต่เช้าเพื่อปรึกษาเรื่องจะจัดงานแต่งงานกับมนต์ทิพย์ในเร็ววันนี้ เขมิกามาทันได้ยิน รีบหลบมุมแอบฟัง แฟรงค์ท้วงจะแต่งได้อย่างไรในเมื่อแม่กับอาของเขาไม่เห็นด้วย

“น้าอัปสรยอมรับแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร”

“แล้ววางอนาคตไว้ยังไงต่อวะ”

“หาที่ริมน้ำสักแห่ง ปลูกบ้านสวยๆ ทิพย์เขาฝันไว้อย่างนั้น แต่ถ้าเจอคุณน้าอัปสร ฉันอาจจะไปอยู่อังกฤษกับทิพย์และคุณน้า”

เขมิกาถึงกับหน้าเครียด รีบคว้ามือถือโทร.หาพักตร์พริ้ง นัดให้ไปเจอกันที่บ้านของโฉม...

เมื่อได้ฟังเขมิกาเล่าเรื่องที่บุญสลักเตรียมจัดงานแต่งงานกับมนต์ทิพย์ ทั้งพักตร์พริ้งและพวงครามต่างตกใจทำไมพวกตนถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ยืนยันงานแต่งจะมีขึ้นไม่ได้ถ้าเราสองคนไม่เห็นชอบ เขมิกาแอบได้ยินบุญสลักบอกว่าถ้าอัปสรยอมรับแล้วก็ถือว่าถูกต้อง แต่งงานกันได้

“อายอมไม่ได้หรอก คิดทำอะไรข้ามหัวคนเป็นแม่เป็นอาไปได้อย่างไร”

พักตร์พริ้งเห็นด้วยกับพวงคราม ระหว่างนั้นโฉมซึ่งแอบฟังทั้งสามคนคุยกันมาตั้งแต่ต้นเข้ามาเตือนพวงครามกับพักตร์พริ้งห้ามใจอ่อนเด็ดขาด พักตร์พริ้งยืนยันไม่มีวันใจอ่อน ยิ่งเมื่อคืนได้เห็นอะไรแปลกๆ ยิ่งไม่มีทางยอมแน่นอน โฉมอยากรู้ว่าเธอเห็นอะไร

“ผู้หญิงแต่งชุดเหมือนเจ้านางทางเหนือมาให้เห็น จะจะคาตาเลยค่ะ ถามนังมนต์ทิพย์มันก็ไม่ยอมรับว่าเป็นผีของมัน” คำพูดของพักตร์พริ้งทำเอาโฉมหน้าเสีย มองไปทางหลานรักของตัวเองด้วยความเป็นห่วง...

หลังจากส่งพวงครามกับพักตร์พริ้งกลับไปแล้ว โฉมถามเขมิกาอย่างไม่อ้อมค้อมว่ารักบุญสลักมากใช่ไหม เธอยอมรับว่ารักเขาตั้งแต่แรกเห็น โฉมเตือนให้เธอระวังตัวไว้บ้าง มนต์ทิพย์เป็นหลานของปอบ ถ้าไปแย่ง

คนรักของมันอาจทำให้มันโกรธเอาได้ เขมิกากลับเห็นเป็นเรื่องตลก หัวเราะลั่น

“อย่าประมาทนะเขม เขาลือกันทั่วบ้านทั่วเมือง”

เขมิกาไม่สนใจคำเตือนของคุณย่าเห็นว่านี่เป็นแค่เรื่องเหลวไหลไร้สาระ ไม่ควรเก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ...

ทางด้านพักตร์พริ้งกับพวงครามเห็นมนต์ทิพย์นั่งอยู่ที่สวนข้างบ้านคนเดียว เข้าไปรุมต่อว่าที่คิดจะจัดงานแต่งงานโดยไม่มีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวเห็นชอบ ให้เธอจำใส่หัวไว้ด้วยพวกเราไม่ยอมรับเธอเป็นสะใภ้ และถ้าพวกเราไม่ยินยอม เธอกับบุญสลักก็จัดงานแต่งงานไม่ได้ มนต์ทิพย์สวนทันที

“บุญสลักโตแล้วนะคะ เรื่องแต่งงานเขาต้องตัดสินใจเอง เลิกเห็นเขาเป็นลูกแหง่สักทีเถอะค่ะ”

พวงครามไม่พอใจที่ถูกเด็กคราวลูกสั่งสอน ช่วยกันกับพักตร์พริ้งด่าว่าเธอยกใหญ่ มนต์ทิพย์ไม่ยอมให้ถูกด่าฝ่ายเดียวด่าคืนไปบ้าง พักตร์พริ้งสติแตกถึงกับขึ้นไอ้ขึ้นอี เธอต้องเตือนให้ระงับอารมณ์ ขืนโกรธปรี๊ดแตกแบบนี้ระวังเส้นเลือดในสมองแตกจะเป็นอัมพาต คราวนี้พักตร์พริ้งเต้นเป็นเจ้าเข้า หาว่าเธอแช่ง

“ไม่ได้แช่งค่ะ แต่ความเครียดจะทำให้คุณอาเป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน อาจเลยเถิดไปถึงโรค ประสาท...บ้าได้นะคะ” มนต์ทิพย์ยิ้มขำก่อนจะผละ

จากไป ทิ้งให้พักตร์พริ้งร้องกรี๊ดๆอยู่กับพวงคราม...

อัปสรหนีไปปฏิบัติธรรมอยู่ในโบสถ์ของวัดป่าแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งสมาธิ จิตใจที่ไม่สงบของเธอทำให้ผีละอองคำตามมาเป็นมารผจญ ต่อว่าเธอว่าเป็นลูกอกตัญญู ปล่อยให้แม่ตัวเองลำบาก

“เจ้าจะต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด นังเนรคุณ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีความสุขหรอก” ผีละอองคำยื่นใบหน้าน่าเกลียดเข้ามาใกล้ อัปสรต้องเบือนหน้าหนีด้วยความกลัว ก่อนจะลืมตาขึ้น

“แม่...อย่าทำอะไรหนูเลย สงสารหนูกับลูกเถอะ” อัปสรว่าแล้วลุกออกจากโบสถ์ เจอพระสงฆ์รูปหนึ่งเดินจงกลมอยู่ด้านนอก ขยับจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง ท่านร้องขึ้นเสียก่อนว่าทำสมาธิแล้วจิตไม่สงบหรือ

“เจ้าค่ะ นั่งสมาธิแล้วมีนิมิตน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี”

พระสงฆ์แนะให้เธอแผ่เมตตาให้มารที่มาผจญ อัปสรกราบขอบพระคุณท่าน แล้วรีบกลับไปยังกุฏิที่พัก พนมมือสวดมนต์แผ่เมตตาตามที่พระรูปนั้นแนะนำ ผีละอองคำซึ่งอยู่ที่เรือนปั้นหยาได้รับอานิสงส์ทำให้เนื้อหนังที่เน่าเฟะกลับมาเหมือนคนปกติ ใบหน้าเหี่ยวย่นกลับมาสวยดังเดิม รวมทั้งความรู้สึกหิวโหยมลายไปสิ้น

เธอลูบเนื้อลูบตัวอย่างมีความสุข ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้น ด่าเธอว่าโง่เง่าหลงไปกับเศษบุญเศษทานที่มีคนทำมาให้ หาได้มีอิทธิฤทธิ์มีอำนาจเป็นของตัวเอง ผีละอองคำไม่สนเรื่องฤทธิ์เดช ขอแค่ไม่หิวโหยอีกก็พอแล้ว

“ลืมแล้วรึ พวกมันทำอะไรไว้กับเจ้าบ้าง มันทิ้งให้เจ้าต้องหิวโหย คอยเป็นทาสของข้าอยู่นี่ไง”

ผีละอองคำขอร้องให้ผีเจ้าปล่อยตนไป แต่นางไม่ยอมทำตาม คนอกตัญญูต่อบรรพบุรุษเยี่ยงเธอ ไม่มีวันหลุดพ้นอำนาจของตนไปได้

“หาทายาทมาสืบทอดเลี้ยงผีของข้าสิ แล้วเจ้าจะได้เป็นอิสระสมใจ” ผีเจ้าหัวร่อร่าก่อนจะหายวับไป

ooooooo

บุญสลักชวนมนต์ทิพย์ทำบุญตักบาตรเอาฤกษ์เอาชัยเพราะวันนี้เริ่มทำงานวันแรกของเขา ทุกอย่างดูราบรื่นจนกระทั่งพักตร์พริ้งเข้ามากระแนะกระแหนมนต์ทิพย์

“เอาข้าวของคนอื่นใส่บาตร เกิดชาติหน้าก็จะต้องเป็นกาฝากไปอาศัยคนอื่นไม่รู้จักจบจักสิ้น จริงไหมคะคุณพี่” ไม่พูดเปล่าพักตร์พริ้งหันไปทางพวงครามเพื่อหาพวก บุญสลักขอร้องท่านไม่ควรพูดแบบนี้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะบุญสลัก ถ้าอาของคุณใช้วาจาเชือดเฉือนทิพย์แล้วมีความสุข ทิพย์ก็จะถือซะว่าทำทานกับผู้หญิงจิตใจบกพร่องคนหนึ่ง ได้บุญออกค่ะ” แดกดันเสร็จ มนต์ทิพย์เดินเข้าบ้าน

พักตร์พริ้งโกรธมาก ตะโกนเรียกให้กลับมาก่อนแต่อีกฝ่ายไม่สนใจ เธอก็เลยหันไปฟ้องบุญสลักให้จัดการนังนั่นให้เธอด้วย นอกจากจะไม่เข้าข้างอาตัวเองแล้ว เขายังต่อว่าเธอว่าเป็นคนไปหาเรื่องมนต์ทิพย์ก่อน เธอทั้งหัวเสียทั้งเจ็บใจที่หลานชายเห็นคนอื่นดีกว่า...

มนต์ทิพย์ไม่อยากลอยไปลอยมาให้ใครนินทาว่าร้ายได้อีก ตัดสินใจไปขอให้แฟรงค์ช่วยหางานทำให้ เขายินดีรับเธอเข้าทำงานที่บริษัทของเขา แต่เธอต้องขออนุญาตบุญสลักก่อนหรือเปล่า เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ แฟรงค์เห็นเพื่อนรักหน้าเศร้าๆรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“เที่ยงกว่าแล้ว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิทิพย์ ยุ่งแต่เช้ากาแฟสักแก้วก็ยังไม่ตกถึงท้อง”...

ให้บังเอิญเหลือเกินที่แฟรงค์พามนต์ทิพย์ไปร้านอาหารแห่งเดียวกับที่บุญสลักพาเขมิกาไปเลี้ยงขอบคุณที่เธอช่วยให้เขาได้ทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทพ่อของเธอ มนต์ทิพย์เห็นเขมิกากำลังส่งตาหวานเชื่อมให้บุญสลัก รีบคว้าแขนแฟรงค์ชวนไปกินร้านอื่น แล้วดันหลังเขาออกไป

“ทิพย์ไม่ชอบร้านนี้ เราไปกินที่อื่นกันเถอะนะ เดี๋ยวทิพย์เลี้ยงเอง”

“เออมาแปลก ปกติแกไม่ใช่คนกินยากนี่หว่า ในร้านมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” แฟรงค์ว่าแล้วจะหันไปดู เธอรีบดึงเอาไว้ เร่งให้รีบไป ขืนชักช้าเธอเปลี่ยนใจไม่เป็นเจ้ามือก็อย่ามาว่ากัน

ไม่นานนัก แฟรงค์กับมนต์ทิพย์มากินข้าวที่ร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง เขาตั้งหน้าตั้งตากินอย่างหิวโหย ผิดกับเธอที่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานเล่น แฟรงค์อดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าบุญสลักไม่มาด้วยก็เลยกินข้าวไม่ลง นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าแต่งไปแล้วเธอจะยิ่งผูกพันกับเขามากขึ้นอีก

“แล้วนายล่ะ ผูกพันกับคุณเขมมากแค่ไหน”

“ฉันตอบแกได้แค่ว่าตอนนี้ฉันรักเขามาก แต่ต่อไปไม่แน่ มันไม่มีอะไรแน่นอนนี่หว่า รีบกินเถอะ ต้องรีบกลับไปทำงานอีก...เออ เดี๋ยวแกไปไหนวะ กลับบ้านเลยหรือเปล่า”

มนต์ทิพย์จะออกตามหาแม่อีกครั้ง เจอเมื่อไหร่จะกลับอังกฤษทันที แฟรงค์งง ถ้ากลับไปที่โน่นแล้วเรื่องแต่งงานจะว่าอย่างไร เธอยอกย้อน เขาเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าไม่มีอะไรแน่นอน

ooooooo

เขมิกาเห็นบุญสลักขะมักเขม้นกับงานที่ได้รับมอบหมายก็อดกระเซ้าไม่ได้ว่าเพิ่งมาทำงานวันแรก ไม่ต้องขยันนักก็ได้

“ผมอยากทำให้เสร็จ” บุญสลักก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เขมิกานั่งเท้าคางมองเขารู้สึกเพลินตาเพลินใจ อย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มหันมาเจอสายตาของ เธอจับจ้องอยู่ก็ยิ้มเขินๆแล้วทำงานต่อไป มีเสียงมือถือของเขมิกาดังขึ้น เธอเห็นเบอร์โชว์หน้าจอเป็นของพักตร์พริ้ง รีบเดินออกมารับสายนอกห้อง

“หนูเขม อาอยากจะตอบแทนน้ำใจที่หนูเขมรับตาบุญสลักไปทำงานที่บริษัทของพ่อหนู เย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ อาอยากเชิญมากินข้าวที่บ้าน มาพร้อมกับบุญสลักเลยนะ ไม่ต้องขับรถมาหรอก สองคันสามคนมันไม่สะดวก อิ่มแล้วก็ให้บุญสลักไปส่ง”

“จะดีหรือคะคุณอา เดี๋ยวทิพย์ได้ฆ่าเขมตาย เธอเป็นคนรักของบุญสลักนะคะ”

พักตร์พริ้งกับแม่ของบุญสลักไม่เคยอยากได้ มนต์ทิพย์มาเป็นสะใภ้ ผู้หญิงอย่างนั้นเป็นได้แค่ดอกไม้ริมทางให้บุญสลักเหยียบเล่น เขมิกาต่างหากที่คู่ควรกับเขา เธอฟังพักตร์พริ้งป้อยอแล้วอดเคลิ้บไม่ได้...

ขณะที่พักตร์พริ้งวางแผนจะให้เขมิกามาเป็นหลานสะใภ้ของตัวเอง อัปสรไหว้พระเสร็จเดินออกมาจากโบสถ์ ตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นมนต์ทิพย์กำลังยืนคุยอยู่กับแม่ชี เธอรีบหลบออกไปได้ทันก่อนที่ลูกจะเห็น...

มนต์ทิพย์กลับถึงบ้านทันมื้อค่ำพอดี แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเขมิกานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร บุญสลักเรียกเธอมากินข้าวด้วยกัน เธอไม่อยากร่วมโต๊ะกับผู้หญิงหลายใจ โกหกว่าไม่ค่อยสบายขอตัวไปพักผ่อนก่อน แล้วเดินลิ่วออกไป บุญสลักรีบตามไปติดๆ ไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาของพวงคราม เขมิกาไม่พอใจ รวบช้อนส้อมขอตัวกลับบ้าน พักตร์พริ้งขอร้องให้อยู่ก่อน เดี๋ยวจะให้บุญสลักไปส่ง เธอไม่อยากรบกวนเขา

“ไม่รบกวนหรอกหนูเขม”

“ใช่ เราต้องทำให้มันเห็นว่าเราเหนือกว่ามันสิ หนูไม่ต้องคิดมาก ตราบใดที่สองคนนั่นยังไม่แต่งงานกันก็เท่ากับว่าทุกอย่างยังเปลี่ยนแปลงได้เสมอ จริงไหมคะคุณพี่ เรื่องนี้ปล่อยให้อาจัดการเอง” พูดจบพักตร์พริ้ง ขึ้นไปตามบุญสลักที่ห้องพักรับรองแขก แต่ปีบยืนขวางหน้าประตูไว้ไม่ยอมให้เข้า ปีบเกือบจะโดนเธอเล่นงาน แต่บุญสลักเปิดประตูห้องออกมาเสียก่อน

“อาอยากให้บุญสลักไปส่งหนูเขมที่บ้านน่ะจ้ะ มืดค่ำแล้วจะให้นั่งแท็กซี่ อาก็ไม่ไว้ใจ”

บุญสลักมองมนต์ทิพย์ที่นั่งปั้นปึ่งอยู่ในห้อง เธอเชิญเขาตามสบายไม่ต้องเป็นห่วง เธออยู่คนเดียวได้...

ระหว่างขับรถไปส่งเขมิกา บุญสลักบอกเธอว่าทันทีที่เจออัปสร เขาจะขอมนต์ทิพย์จากท่าน แล้วเราสองคนจะแต่งงานกัน เขมิกาทักท้วงจะแต่งได้อย่างไรในเมื่อแม่กับอาของเขาไม่เห็นด้วย

“ท่านต้องเห็นใจความรักของผมกับทิพย์ครับ ผมมั่นใจว่าถึงที่สุดแล้วท่านต้องเห็นใจเรา”...

โฉมเห็นหลานรักกลับถึงบ้านด้วยท่าทางหงุดหงิด เข้ามาถามว่าใครทำอะไรให้ไม่พอใจหรือ เธอเล่าถึงเรื่องที่บุญสลักยืนยันจะแต่งงานกับมนต์ทิพย์ แล้วขอร้องให้คุณย่าช่วยเธอด้วย โฉมรับปากจะจัดการเรื่องนี้ให้ จะไม่ยอมให้หลานรักของตนเองต้องผิดหวังแน่นอน

ooooooo

กลับจากส่งเขมิกา บุญสลักรีบไปหามนต์ทิพย์ที่ห้องพัก ชวนเธอลงมาหาอะไรกิน เห็นปีบบอกว่าเธอไม่กินอะไรเลย เดี๋ยวจะไม่สบาย เธอยังงอนเขาไม่หาย ปฏิเสธคำชวนแล้วจะปิดประตูห้อง เขาเอามือดันประตูไว้ ขอร้องว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน อย่าผิดใจกันด้วยเรื่องเล็กน้อยเลยได้ไหม

“ทิพย์ว่าคุณไปถามแม่คุณก่อนดีไหมค่ะ ขอโทษค่ะ ทิพย์จะนอนแล้ว” มนต์ทิพย์ปิดประตูห้องทันที...

บุญสลักทำตามที่มนต์ทิพย์แนะนำ เข้าไปคุยกับแม่ถึงเรื่องงานแต่งงานของเขากับเธอ พวงครามค้านหัวชนฝา หากเขาอยากเห็นตนขาดใจตายต่อหน้าก็เชิญแต่งกับผู้หญิงหน้าด้านพรรค์นั้นได้เลย

“แต่ผมรักทิพย์ ยังไงผมก็ต้องแต่งงานกับทิพย์ให้ได้” ว่าแล้วบุญสลักเดินจากมาอย่างหงุดหงิด...

ผีเจ้าต้องการบีบให้มนต์ทิพย์รับเป็นทายาทปอบ จึงไปปรากฏตัวที่ห้องนอนของพวงครามในคราบละอองคำหน้าตาสะสวยอยู่ในชุดเจ้านาง เพื่อให้เธอเข้าใจผิดว่าเป็นมนต์ทิพย์เพราะทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ แล้วเดินเข้าหาพร้อมด้วยดวงตาแดงก่ำ พวงครามกลัวจัดถึงกับร้องลั่น

“แกจะทำอะไรฉัน นังมนต์ทิพย์”

ผีเจ้าไม่ตอบ แสยะยิ้มแล้วค่อยๆเลือนหายไป พวงครามหวาดกลัวสุดๆ กรีดร้องลั่นว่าผีหลอก เสียงร้องของพวงครามปลุกทุกคนในบ้านให้ตื่นขึ้นกลางดึก บุญสลักพรวดพราดเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านละล่ำละลักว่าโดนผีหลอก เขาปลอบว่าบ้านนี้ไม่มีผี พักตร์พริ้งได้ทีโยนบาปให้มนต์ทิพย์ทันที

“แต่ก่อนน่ะไม่มี แต่ตั้งแต่นังหลานปอบเข้ามาในบ้าน ก็มีผีอย่างที่แม่ของหลานพูด”

จังหวะนั้น มนต์ทิพย์ซึ่งได้ยินเสียงร้องเช่นกันตามมาสมทบ พวงครามเห็นเข้าก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ชี้ไปที่เธอพร้อมกับร้องเอะอะว่านังมนต์ทิพย์เป็นผี

คนถูกกล่าวหาถึงกับหน้าเสีย รีบกลับห้องพักของตัวเอง บุญสลักตามมาปลอบว่าคุณแม่คงจะฝันร้ายไปเท่านั้น ขอร้องเธออย่าคิดมาก เธอจะไม่คิดมากได้อย่างไรในเมื่อท่านประกาศต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น

“คุณแม่ลงทุนทำขนาดนี้ ก็แสดงว่าไม่ต้องการทิพย์จริงๆ ทิพย์จะตามหาแม่ให้พบแล้วก็จะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ทิพย์ทนให้แม่คุณ อาคุณดูถูกเหยียบย่ำต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ปล่อยให้ทิพย์ไปตามทางของทิพย์เถอะนะคะ” มนต์ทิพย์น้ำตาคลอเบ้า

“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ผมประชุมเสร็จ ผมจะไปช่วย ทิพย์ตามหาคุณน้า เมื่อพบท่านผมจะจัดการแต่งงานทันที” บุญสลักว่าแล้วดึงมนต์ทิพย์มากอด ทั้งคู่ไม่ทันเห็นผีเจ้ามองอยู่ที่นอกหน้าต่างห้อง...

ขณะที่มนต์ทิพย์หลับสนิทด้วยความอ่อนเพลียจากการออกตามหาแม่ ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่ปลายเตียง

“เจ้านี่แหละเหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดการเลี้ยงผีของข้า” ว่าแล้วผีเจ้าสำแดงฤทธิ์ให้มนต์ทิพย์ฝันว่าเจออัปสรที่เรือนปั้นหยา เธอพยายามจะคว้าตัวแม่ แต่ยิ่งไล่ตามเหมือนท่านจะยิ่งห่างออกไปทุกที มนต์ทิพย์ร้องสุดเสียงเรียกแม่ให้มาหา ก่อนจะสะดุ้งตื่น หายใจหอบถี่

“หรือว่าแม่จะอยู่ที่บ้านหลังนั้น” มนต์ทิพย์พึมพำ ผีเจ้ายิ้มพอใจที่แผนล่อเธอไปเรือนปั้นหยาได้ผล

ooooooo

เขมิกาสังเกตเห็นบุญสลักคอยมองนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาเหมือนมีนัดกับใครไว้ แกล้งถ่วงเวลาให้นานที่สุด ทันทีที่คุยธุระกับลูกค้าเสร็จ บุญสลักขออนุญาตเกษมพ่อของเขมิกากลับก่อน

“ทำไมรีบกลับล่ะคะ เขมว่าจะชวนบุญสลักไปกินข้าวที่บ้านสักหน่อย จะได้เจอคุณย่าของเขมด้วย”

“เอ่อ...ผม...ต้องรีบกลับบ้านน่ะครับ คุณแม่...ท่านไม่สบาย”

เขมิการู้เท่าทันว่าเขาโกหก แกล้งตกอกตกใจ ขออนุญาตพ่อไปเยี่ยมคุณอาพวงครามแล้วดึงบุญสลักออกไป เขาหนีไม่ออกจำต้องปล่อยเลยตามเลย...

ฝ่ายมนต์ทิพย์เห็นเลยเวลานัดมามากแล้ว ตัดสินใจจะไปเรือนปั้นหยาริมน้ำหลังที่บุญสลักเคยพาไปด้วยตัวเอง ปีบขอให้รอบุญสลักกลับมาก่อน เธอรอไม่ไหว ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ฝากปีบบอกเขาให้ด้วย...

ทันทีที่กลับถึงบ้าน บุญสลักไม่สนใจเขมิกาที่ร้องตามมาด้วยแม้แต่น้อย ตรงไปหาปีบที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่กับป้าแหวนและแช่มในห้องครัว ถามว่ามนต์ทิพย์ไปไหน พอเขารู้ว่าเธอไปเรือนปั้นหยาริมน้ำที่เขาเคยพาไป ผลุนผลันออกไป เขมิกาไม่พอใจที่ถูกบุญสลักทิ้ง โทร.ตามคนรถมารับกลับบ้าน พักตร์พริ้งเสนอให้พวงครามตัดไฟแต่ต้นลม มนต์ทิพย์กลับมาเมื่อไหร่ ต้องไล่ตะเพิดไปให้พ้น

“พี่ใจดีกับมันมากเกินไปแล้ว” พวงครามกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ แม่นมผ่องเตือนทั้งคู่ จะทำอะไรอย่าลืมนึกถึงจิตใจคุณหนูด้วย พวงครามกับพักตร์พริ้งหันมองเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน มนต์ทิพย์บุกเข้าไปตามหาแม่ในเรือนปั้นหยา ถูกผีละอองคำใช้มนต์สะกดให้ตามขึ้นไปที่ห้องนอน ประคองให้นั่งบนเตียง แล้วลูบหน้าลูบตาหลานสาวที่ละม้ายคล้ายตัวเองราวกับแกะ

“ยายรักเจ้า ยายอยากมอบอำนาจให้แก่เจ้า อำนาจที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้” ละอองคำพูดจบจะหยิบกรวยดอกไม้มามอบให้มนต์ทิพย์ แต่กรวยดอกไม้กลับลอยหนี เธอโวยวายจะหนีทำไม ในเมื่อมนต์ทิพย์พร้อมจะรับเลี้ยงผีต่อจากตนแล้ว ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้น

“ใครจะนับถือข้า ต้องนับถือด้วยใจไม่ใช่เพราะถูกมนต์สะกด”

ผีละอองคำขอร้องให้ผีเจ้ายอมให้มนต์ทิพย์รับกรวยดอกไม้ทั้งที่อยู่ในมนต์สะกดเพื่อที่ตนเองจะได้ไปชดใช้กรรมเพื่อจะได้ไปผุดไปเกิด แต่นางไม่ยอม ผีละอองคำจึงต้องคลายมนต์สะกดมนต์ทิพย์เพื่อให้ยอมรับเลี้ยงผีเจ้าด้วยความเต็มใจ ทันทีที่หญิงสาวได้สติ เห็นผีละอองคำน่าเกลียดน่ากลัว ก็ลุกหนี

“จะหนียายไปไหนมนต์ทิพย์”

“ไม่ แกไม่ใช่ยายฉัน ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย” มนต์ทิพย์วิ่งหนีลงไปข้างล่าง ผีละอองคำหายตัวไปดักหน้าเธอไว้ สั่งให้รับเลี้ยงผีของตนแล้วจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ เธอส่ายหน้าไม่ยอมรับ พลางถอยหนี ผีเจ้ารำคาญ ในเมื่อเธอไม่ยอมนับถือ ตนก็จะกินไส้กินพุงให้หมด แล้วกลายร่างเป็นกรวยดอกไม้พุ่งเข้าหา ผีละอองคำโดดขวาง ถูกกรวยดอกไม้ชนล้มกลิ้ง

“อย่านะผีเจ้า นังมนต์ทิพย์มันเป็นหลานข้ามันจะต้องสืบทอดการเลี้ยงผีของข้า”

ผีเจ้าไม่สนใจ จะจับมนต์ทิพย์กินให้สาสมกับความอวดดี แล้วสั่งให้ผีละอองคำถอยไป มนต์ทิพย์สบโอกาสเหมาะวิ่งหนีไปที่ประตู กลับถูกพลังของผีเจ้ากระชากตัวกลับจนหงายหลัง ผีเจ้าพุ่งเข้าหาเธออีกครั้ง

มนต์ทิพย์ตกใจสุดขีด เป็นลมล้มพับ ก่อนเธอจะเสียทีให้ผีเจ้า กายทิพย์ของแม่ชีรุ้งแก้วมาขวางไว้ พลังแห่งธรรมกระแทกร่างผีเจ้ากระเด็น เป็นจังหวะเดียวกับบุญสลักผลักประตูบ้านเข้ามาเห็นหญิงคนรักสลบไสลอยู่เพียงลำพัง รีบอุ้มออกไป แม่ชีรุ้งแก้วขอให้ผีละอองคำเลิกทำบาป แนะว่าพลังพุทธคุณเท่านั้นที่จะทำให้เธอพ้นจากอำนาจผีร้ายได้ แล้วหายตัววับไป ผีละอองคำได้แต่ยืนอึ้งไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

ooooooo

แม่นมผ่องเห็นสายตาที่พวงครามกับพักตร์พริ้งจ้องจะกินเลือดกินเนื้อมนต์ทิพย์ที่เพิ่งกลับมาพร้อมกับบุญสลักแล้วรีบร้องทักเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้นว่ากินอะไรมาหรือยัง แล้วไล่ปีบไปเตรียมอาหารให้

“ไม่ต้องหรอกมั้ง อ้อนผู้ชายจนอิ่มแล้วล่ะป่านนี้” พักตร์พริ้งไม่วายจิกกัด พวงครามเสียงเขียวว่าหายไปไหนกันมา มนต์ทิพย์ไม่อยากให้ใครรู้ว่าไปไหนมาชิงตัดบทว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ไม่เกี่ยวกับบุญสลัก ท่านไม่จำเป็นต้องทราบ แล้วขอตัวไปพักผ่อน พวงครามโกรธมาก

“มันจองหองแค่ไหน เห็นหรือยังบุญสลัก ทำไมถึงหน้ามืดตามัวรักผู้หญิงพรรค์นี้อยู่ได้”

พักตร์พริ้งได้ทีกล่าวหามนต์ทิพย์ซ้ำ สักวันเธอคงบีบคอพวกเราสองคนตายคามือแน่ ยิ่งเป็นลูกหลานปอบอย่างนี้ด้วย บุญสลักเบื่อเรื่องไร้สาระ ขอร้องคุณอาอย่าพูดแบบนี้อีก ถ้ามนต์ทิพย์อยู่บ้านนี้ไม่ได้เขาก็ไม่อยู่เหมือนกัน แล้วเดินตามหญิงคนรักขึ้นบนบ้าน ทั้งพวงครามและพักตร์พริ้งถึงกับหน้าเครียด...

มนต์ทิพย์ยังถูกภาพน่ากลัวของผีละอองคำตามมาหลอกหลอน สะอื้นไห้ตัวสั่นหวาดผวา บุญสลักตาม มาเห็นเข้าก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่เล่าให้ฟังว่าไปเจออะไรมา เธอไม่อยากให้เขารู้เรื่องนี้ รีบตัดบท

“คุณอย่ายุ่งเรื่องของทิพย์ ทิพย์ขอร้อง ทิพย์อยากอยู่คนเดียว ไปสิ”

“ถ้าทิพย์ต้องการอย่างนั้น ผมก็จะไม่รบกวนทิพย์ แต่จำไว้นะทิพย์ ผมไม่เคยรักใครเท่าคุณ ผมตายแทนคุณได้นะ” บุญสลักเห็นเธอนั่งนิ่งไม่หันมอง จำต้องถอยออกมา

“แม่อยู่ที่ไหน ทิพย์รู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงกลัวยาย” มนต์ทิพย์พึมพำทั้งน้ำตา...

ปีบกับแม่นมผ่องเห็นบุญสลักลงมาจากห้องพักของมนต์ทิพย์ปรี่เข้าไปถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างได้ความว่ายังช็อกอยู่ แต่ไม่ยอมบอกว่าไปเจออะไรมา แม่นมผ่องตั้งข้อสังเกตคงจะเจอกับอะไรที่น่ากลัวมากแน่ๆ ขอให้เขาดูแลเธอให้ดีๆ พักตร์พริ้งกับพวงครามมาทันได้ยินพอดี

“อย่าให้มาเป็นอีบ้าอีบอในบ้านนี้ล่ะ ขายหน้าเขาแย่ อาว่าทางที่ดี บุญสลักรีบแต่งงานกับหนูเขมเถอะ จะได้สลัดแม่นี่ทิ้งไปสักที แต่ถ้าแต่งงานไปแล้วยังสลัดไม่ออกก็บอกได้คำเดียวว่าหน้าด้าน”

บุญสลักส่ายหน้าระอาใจกับอาตัวเอง แล้วหันไปสั่งให้ปีบทำซุปร้อนๆไปให้มนต์ทิพย์ด้วย...

ป้าแหวนกับแช่มเป็นพวกนายว่าขี้ข้าพลอย เห็นปีบทำซุปให้มนต์ทิพย์ กระแนะกระแหนว่าปอบกินซุปเป็นด้วยหรือนึกว่าชอบแต่ของสดๆ ปีบไม่พอใจคว้าของใกล้ตัวจะขว้าง ทั้งคู่รีบหนีออกจากครัวแทบไม่ทัน...

ขณะที่พักตร์พริ้งคอยหาเรื่องด่าว่ามนต์ทิพย์ไม่หยุดไม่หย่อน แม่ชีรุ้งแก้วดลใจให้อัปสรเดินทางมาถึงวัดป่าที่ท่านอยู่ ทันทีที่เธอรู้ว่าท่านคือน้ารุ้งแก้วของตัวเองก็ดีใจมาก โผกอดร้องไห้โฮ เล่าเรื่องที่แม่พยายามบีบให้เธอรับเป็นทายาทปอบ เธอจึงต้องหนีมาปฏิบัติธรรม แต่อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงลูกไม่ได้

“อัปสรถ้าเป็นห่วงลูกก็กลับไปอยู่กับลูกสิ ไม่มีใครมีอิทธิพลเหนือความรักของแม่ที่มีต่อลูกหรอก”

“ใช่ หนูไม่น่ากลัวมากเกินไปและไม่ควรเอาคำพูดของคนอื่นมาขวางความรักความห่วงใยที่หนูมีให้ลูกได้ พรุ่งนี้หนูจะกลับไปหาลูกค่ะคุณน้า”...

ผีเจ้าต้องการทำให้มนต์ทิพย์เป็นที่เกลียดชังของคนในบ้านบุญสลักเพื่อให้ง่ายต่อการกล่อมให้รับเป็นทายาทปอบ จึงเข้าสิงแช่ม ขโมยไก่สดจากในตู้เย็นมากินทำเหมือนมีปอบอยู่ในบ้านหลังนี้

ooooooo

เช้ามืดวันถัดมา ปีบเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหาร แต่ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อเจอแช่มนอนแน่นิ่งอยู่หน้าตู้เย็นที่เปิดอ้าทิ้งไว้ เธอตะโกนโหวกเหวกว่าแช่มตายแล้วซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ป้าแหวนกับแม่นมผ่องได้ยินเสียงเอะอะรีบเข้ามาดู ป้าแหวนใจเสียคิดว่าแช่มตายแล้วจับร่างเขย่าทั้งน้ำตา

“นังแช่มโธ่เอ๊ย เห็นกันอยู่หลัดๆ ไม่น่าอายุสั้นเลย”

แช่มรู้สึกตัวลืมตามอง ป้าแหวนตกใจถึงกับผงะปล่อยมือแช่มร่วงกระแทกพื้นร้องโอดโอยลั่น แล้วต่อว่าเธอว่ามาแช่งกันทำไม ตนยังไม่ตายสักหน่อย ป้าแหวนหันไปค้นดูในตู้เย็น ก่อนจะร้องโวยวาย

“ตายๆๆๆๆ หมูเห็ดเป็ดไก่สดๆ หายเกลี้ยงนังแช่ม นี่แกเป็นปอบรึ คุณนมขา ปอบสิงนังแช่มค่ะ”

“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว ปอบอะไรที่ไหนไม่มีทั้งนั้น แยกย้ายกันไปทำงานของตัวได้แล้ว เดี๋ยวคุณๆตื่นมา อาหารเช้ายังไม่เรียบร้อยจะถูกเอ็ดเอาได้”...

ทันทีที่รู้เรื่องหมูเห็ดเป็ดไก่สดๆในตู้เย็นอันตรธานไปหมด พักตร์พริ้งแดกดันปีบที่กำลังจะเอาซุปขึ้นไปให้มนต์ทิพย์ให้ระวังตัวไว้ ของสดหมดตู้เย็นแล้ว ปอบนายของเธอจะหันมาควักไส้เธอกินแทน ปีบเถียง หากมนต์-ทิพย์เป็นปอบจริงอย่างที่พักตร์พริ้งกล่าวหา เรื่องอะไรจะต้องสิงแช่มให้เสียเวลา ครัวอยู่แค่นี้เดินไปกินเองไม่สบายใจกว่าหรือ แล้วเตือนอีกฝ่ายให้ระวังแช่มให้ดี จะถูกมันควักไส้กินเข้าสักวัน

บุญสลักมาทันได้ยินพอดี รีบแก้ต่างให้มนต์ทิพย์ “ทิพย์ไม่ได้เป็นปอบหรอกครับคุณอา เมื่อคืนผมเฝ้าทิพย์ทั้งคืนไม่เห็นทิพย์จะลุกออกไปไหน ผมจะเอาซุปไปให้ทิพย์เองครับพี่ปีบ” แล้วรับถาดไปจากมือปีบ

จังหวะนั้นมีเสียงกริ่งประตูรั้วดังขึ้น ปีบอาสาไปดูให้เอง ปรากฏว่าไม่ใช่แขกที่ไหน อัปสรแวะมารับลูกกลับบ้าน ทันทีที่มนต์ทิพย์เห็นหน้าแม่ก็โผกอดด้วยความดีใจ

“คุณน้ากลับมาก็ดีแล้วล่ะครับ ผมกับทิพย์ตกลงกันว่าเมื่อคุณน้ากลับมาเราจะแต่งงานกันทันทีครับ”

พวงครามกับพักตร์พริ้งที่ยืนฟังอยู่ต่างตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี

ooooooo

ขณะมนต์ทิพย์กับอัปสรกำลังช่วยกันทำความสะอาดบ้านของตัวเอง อัปสรเสนอว่าหลังจากลูกแต่งงานกับบุญสลักแล้ว เราควรจะย้ายกลับไปอยู่อังกฤษ ที่นี่อันตรายเกินไป มนต์ทิพย์อยากรู้ที่แม่ว่าอันตรายหมายถึงคุณยายหรือเปล่า อัปสรตกใจ ทำไมลูกถึงถามแบบนี้ เธอเล่าให้ฟังว่าได้เจอยายแล้ว

“ยาย! ยายทำอะไรทิพย์หรือเปล่า บอกแม่สิ หนูสัญญาอะไรกับยายหรือเปล่าลูก” อัปสรน้ำเสียงร้อนรน มนต์ทิพย์ยังไม่ทันจะตอบคำถาม บุญสลักเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน เขาจะมารับว่าที่เจ้าสาวของตัวเองไปเลือกชุดแต่งงาน มนต์ทิพย์รีบคว้ากระเป๋าถือแล้วควงแขนบุญสลักออกไปทันที...

บุญสลักโทร.ตามเขมิกากับแฟรงค์ให้มาช่วยมนต์ทิพย์เลือกชุดแต่งงานอีกแรงหนึ่ง เขมิกาเลือกได้ชุดสวยมากหนึ่งชุดให้มนต์ทิพย์ลองสวม แม้จะใส่ได้เหมาะเจาะงดงาม แต่เธอก็ไม่ถูกใจ ทำให้เขมิกาหมั่นไส้หาว่าเรื่องมาก ระหว่างออกจากห้องลองเสื้อ มนต์ทิพย์เหลือบเห็นผ้าซิ่นเก่าลายสวยวางโชว์อยู่ในตู้ เจ้าของร้าน เวดดิ้งเห็นเธอสนใจก็เลยหยิบให้ดู บอกว่าเป็นผ้าซิ่นไหมคำ ใช้เส้นทองทอเข้าไปในเนื้อผ้า

“ตอนเมืองนายแตก ข้าวของถูกลักลอบเอามาขายทอดตลาดกันเยอะมาก ผ้าผืนนี้เป็นของเจ้านางองค์หนึ่งค่ะ เอ...ชื่ออะไรนะ...อ๋อ เจ้านางละอองคำ”

มือของมนต์ทิพย์ที่กำลังไล้ไปตามผืนผ้าถึงกับหยุดกึก แต่ยังไม่ทันจะซักถามอะไรอีก บุญสลัก แฟรงค์และเขมิกาตามมาสมทบเสียก่อน แฟรงค์เห็นท่าทางของเพื่อนรักก็พอเดาออกว่าถูกใจซิ่นเก่าชิ้นนี้ บุญสลักต้องการเอาใจคนรัก ถ้าเธอชอบมัน เขายินดีซื้อให้ แต่พอฟังราคาจากเจ้าของร้านเท่านั้น มนต์ทิพย์วางผ้าทันที บุญสลักรีบออกตัว หากไม่ติดว่าเราจะต้องใช้เงินเพื่อสร้างอนาคตด้วยกัน เขาจะซื้อให้...

ระหว่างแฟรงค์ขับรถพาเขมิกากลับบ้าน ทั้งคู่มีปากเสียงกันจนเขาต้องจอดรถข้างทางเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง แฟรงค์รู้เท่าทันว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร เขมิกาทำเป็นไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไร

“ถ้าคิดจะแย่งคนรักของคนอื่นเขาน่ะ คิดดูให้ดีนะเขม มันบาป”

“แฟรงค์นี่หึงไม่เข้าเรื่อง เขมไม่คุยกับแฟรงค์แล้วล่ะ” พูดจบเขมิกาสะบัดหน้าลงจากรถไปเรียกแท็กซี่ แฟรงค์โมโหเธอไม่แพ้กัน เร่งเครื่องรถจากไปอย่างรวดเร็ว...

ในเวลาต่อมา ขณะที่กำลังกินมื้อค่ำด้วยกัน เขมิกาเล่าถึงเรื่องที่มนต์ทิพย์เกิดไปถูกใจผ้าซิ่นผืนเก่ามากกว่าชุดแต่งงานแบบทันสมัย เจ้าของร้านเวดดิ้งคุยอวดว่าซิ่นผืนนี้เป็นซิ่นเก่าของเจ้านางละอองคำแห่งเมืองนาย โฉมถึงกับทำช้อนหล่นจากมือ พอเห็นสองพ่อลูกมองด้วยความสงสัย เธอโกหกว่าปวดหัวนิดหน่อย ขอตัวไปพักผ่อนก่อน แล้วลุกออกไปเลย เกษมกับเขมิกาได้แต่มองหน้ากันงงๆ...

ฝ่ายโฉมเดินหน้าเครียดเข้าห้องนอน มองรูปถ่ายของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะพึมพำถึงฉัตรว่าอย่าให้เมียของเขามาวุ่นวายกับหลานของตน พลันรูปภาพนั้นร่วงตกพื้น เธอก้มเก็บมาวางไว้ที่เดิม แต่ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นผีละอองคำยืนมองอยู่ก่อนจะหายวับไป โฉมใจคอไม่ดีคว้าพระเครื่องที่ห้อยคอมากุมไว้...

เขมิกา โทร.ฟ้องพวงครามกับพักตร์พริ้งเรื่องที่มนต์ทิพย์ถูกใจผ้าซิ่นเก่าแต่ราคาแพงระยับ ทั้งคู่ไม่พอใจหาว่าเธอคิดจะผลาญเงินบุญสลักตั้งแต่ยังไม่ทันจะแต่งงานกัน ต่างตั้งใจมั่นว่าจะจัดการเธอให้ได้...

ทางด้านมนต์ทิพย์เล่าให้แม่ฟังอย่างตื่นเต้นถึงผ้าซิ่นไหมคำที่สวยถูกใจเธอมากอยากจะได้มาใส่วันแต่งงาน แต่ติดที่แพงเกินไป เธอกับบุญสลักก็เลยต้องตัดใจ อัปสรโล่งอก

“ดีแล้วล่ะทิพย์ ไม่มีใครใช้เสื้อผ้าเก่าๆ มาใส่ในวันแต่งงานหรอกจ้ะ ไว้พรุ่งนี้แม่จะพาหนูไปกราบคุณตาพรเทพ ท่านกว้างขวางมาก บางทีท่านจะแนะนำช่างทอผ้าพื้นเมืองฝีมือดีให้ทิพย์ใช้วันแต่งงานได้”

“แปลกจังค่ะ ผ้าซิ่นไหมคำติดตาทิพย์อยู่ถึงตอนนี้เลย ทำไมทิพย์อยากได้ก็ไม่รู้”

อัปสรสังหรณ์ใจว่าแม่ตัวเองต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พึมพำในใจ ขอร้องให้ท่านปล่อยหลานไป...

ผีละอองคำต้องการจะได้ผ้าซิ่นไหมคำผืนนั้นคืน จึงมาปรากฏตัวที่ร้านเวดดิ้งซึ่งปิดให้บริการแล้ว เจ้าของร้านคิดว่าเป็นขโมย ชักปืนยิง แต่กระสุนกลับผ่านร่างเธอไปไม่ระคายเคือง เจ้าของร้านถึงกับตาเหลือก หวาดกลัวสุดๆ แต่ยังไม่ทันจะร้องขอความช่วยเหลือ ถูกผีละอองคำควักไส้กินตายอนาถ

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น