วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงหร์รถบรรทุก ตอนที่ 15 (ตอนอวสาน)


เช้าตรู่สายสุนีย์ขับรถยนต์ของตนไปตามถนนเล็กๆ มุกดานั่งเบาะข้างและอาจารย์เป๋อนั่งหลับตาเข้าสมาธิอยู่เบาะหลัง

สายสุนีย์สงสัยว่ามุกดาจะให้ตนขับรถไปที่ไหน คำตอบคือโรงงานร้างข้างสนามบินเก่า ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น ทั้งสีหราช แก้ว เสี่ยเกษมและคนขับรถบรรทุกของเกษมขนส่งทั้งหมด

“เตี่ยกับคนงานด้วยเหรอ”

“ใช่ เมื่อคืนฉันแอบได้ยินเตี่ยเธอพูดโทรศัพท์กับคนงานเรื่องล้างแค้น...ฉันตกใจมากก็เลยรีบขับรถมาที่เซฟเฮาส์เพื่อจะบอกคุณสีหราชกับคุณแก้ว แต่พอมาถึงก็ไม่เจอใคร นอกจากอาจารย์เป๋อนั่งสมาธิอยู่หน้าหิ้งพระ พอรู้เรื่องราวจากอาจารย์ว่าความตายกำลังมาเยือน จึงรีบไปหาเธอ

“นี่มันอะไรกันมุกดา ฉันงงไปหมดแล้ว”

“ฉันเองก็งง ถามอาจารย์...แกก็พูดถึงแต่ความตาย”

“นั่นสิ ฟังแล้วใจเสียชะมัด”

“อยากรู้จริงๆว่าแกเห็นภาพอะไรบ้าง...” พูดไม่ทันขาดคำ มุกดาหันมาเห็นอาจารย์เป๋อลืมตา “อุ๊ย อาจารย์ออกจากสมาธิแล้ว”

อาจารย์เป๋อถอนใจ บอกว่าอย่าไปอยากรู้อยากเห็นอะไรเลย มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก

“แต่อาจารย์บอกพวกเรามาสักหน่อยก็ยังดีนะคะ อย่างน้อยก็จะได้ตั้งมือรับกับสถานการณ์ได้ถูก”

“ถ้าบอกไป เหตุการณ์มันอาจจะเลวร้ายกว่าที่ควรจะเป็นนะสายสุนีย์ อย่าเสี่ยงกับเรื่องของฟ้าดินเลย ทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า”

สายสุนีย์สูดลมหายใจ ทวนคำของอาจารย์เป๋อว่าพวกเราจะทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุด

ooooooo

ปลัดฉกาจทราบเรื่องที่พวกสีหราชและกำลังตำรวจจะบุกทลายโรงงานอาวุธเคมี จึงรีบแจ้งมาที่พรหมบุญซึ่งกำลังจะเดินทางไปที่นั่น

พรหมบุญไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการที่นัดกับตันเคียนสิวและลูกค้าคนสำคัญเอาไว้ เขาใช้วิธีเดิมคือติดต่อเข้าหาผู้ใหญ่มีเส้นมีสายเพื่อให้ระงับการปฏิบัติการของตำรวจในครั้งนี้ แล้วก็สำเร็จเหมือนเดิมเสียด้วย

เมื่อพวกสีหราชได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาให้ยกเลิกภารกิจนี้ พวกเขามึนงงสงสัยแต่ไม่อาจขัดคำสั่ง พอสอบถามไปก็โดนตัดบทว่าเป็นคำสั่ง พวกเขาไม่จำเป็นต้องทราบเหตุผล

สีหราชกับแก้วรับไม่ได้ เพราะพวกเขาทุ่มเทให้กับการกวาดล้างอิทธิพลของพรหมบุญถึงขนาดปลอมตัวเข้ามาในอำเภอชุมสิงห์ โดยเฉพาะแก้วที่เสี่ยงตายเข้าไปคลุกวงในอยู่กับกลุ่มพรหมบุญ ไหนจะหวานสวาทอีกคนที่ต้องการแก้แค้นให้ตัวเองและพ่อแม่

เมื่อสีหราชบอกกล่าวเรื่องคำสั่งของผู้บังคับบัญชาให้ตำรวจอื่นๆในทีมฟัง ทุกคนรู้สึกเดียวกันคือสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง จึงสลายตัวกันไปทั้งที่ยังไม่ถึงโรงงานอาวุธเคมี แต่สีหราชกับแก้วจะเดินหน้าขุดรากถอนโคนคนชั่วให้หมดไปจากชุมสิงห์ โดยขอถอดเครื่องแบบตำรวจเป็นแค่พลเมืองดีออกไปต่อสู้ด้วยตัวเอง แม้ว่าต่อไปจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีใดๆ ก็ยินยอม

ooooooo

ปลัดฉกาจยังอยู่ที่โรงงานอาวุธเคมี โดยมีสมุนของพรหมบุญและคนงานอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งพายัพน้องชายนอกไส้ของพรหมบุญที่กำลังได้ดิบได้ดีในธุรกิจผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกันนั้นเสี่ยเกษมก็พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งบุกมาพร้อมอาวุธปืนและระเบิดเพื่อจัดการกับคนชั่วและสิ่งผิดกฎหมาย แต่แล้วพวกเสี่ยเกษมพลาดถูกปลัดฉกาจควบคุมตัวไปขังรวมกับชาญและลูกน้องของเสี่ยเกษมสองสามคนที่ถูกจับก่อนหน้านี้

ด้านแก้วที่ตัดสินใจร่วมชะตากรรมกับสีหราชแล้ว เขาไม่ลืมส่งข้อความไปบอกหวานสวาทที่ยังอยู่ในบ้านพรหมบุญว่าสถานการณ์อันตรายให้เธอรีบหนีออกมาด่วน แต่กลายเป็นหวานสวาทยืนหยัดเจตนารมณ์เดิมของตนว่าถ้าพรหมบุญยังไม่ตายตนจะไม่หนีอย่างเด็ดขาด

ส่วนสายสุนีย์กับมุกดาและอาจารย์เป๋อที่พยายามคลำทางไปโรงงานอาวุธเคมี เวลานี้น่าจะหลงทางแต่สาย– สุนีย์ก็ไม่ย่อท้อ ตั้งใจว่ายังไงก็ต้องไปเจอเตี่ยของตนให้ได้

ฝ่ายพรหมบุญที่จะเดินทางไปพบตันเคียนสิวและลูกค้าคนสำคัญในสายวันนี้ แน่นอนว่าเขาต้องขนสมุนไปด้วย แม้แต่อาเหมยก็ต้องไป เพราะเขาตั้งใจให้เธอคอยควบคุมหวานสวาทผู้หญิงที่เขาทั้งรักและทั้งแค้น

ที่โรงงานอาวุธเคมี ปลัดฉกาจเริ่มแปลกใจกับคำพูดของพายัพที่เหมือนมีแผนการบางอย่างกับพรหมบุญ จนเมื่อคณะของพรหมบุญมาถึงแล้ว พายัพกล่าวยินดีต้อนรับท่านประธานคนใหม่ ทำให้ปลัดฉกาจยิ่งสงสัย แต่ในขณะเดียวกันพรหมบุญกลับปรามพายัพว่าอย่าพูดแบบนั้นเพราะยังไม่ถึงเวลา

คำพูดของสองพี่น้องชวนให้ระแวง ปลัดฉกาจระวังตัวแจและพยายามจับสีหน้าท่าทีของพวกเขาขณะรอพบประธานตันเคียนสิวและนายพลหยางลูกค้าคนสำคัญ

พรหมบุญเดินนำปลัดฉกาจและพายัพเข้ามาในห้องมิดชิด ปลัดฉกาจมองปืนในมือลูกน้องพรหมบุญ รับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเขาต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้

“เอาละ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะเปิดอกคุยกับปลัดแล้วนะ” พรหมบุญเปิดฉาก

“ครับๆ คุณพรหมบุญมีอะไรให้ผมรับใช้ว่ามาเลยครับ”

“ไม่มีอะไรมาก ผมก็แค่อยากจะถามความเห็น”

“เรื่องอะไรครับ”

“โธ่พี่พรหมบุญ อ้อมค้อมกันอยู่ได้ มาๆ เดี๋ยวผมพูดให้ปลัดฟังเอง”

“ก็ดี เพราะจริงๆแล้วเรื่องนี้ไอเดียต้นคิดมันมาจากแกนะพายัพ”

“ว่ามาเลยครับ คุณพายัพมีไอเดียเรื่องอะไร”

“เรื่องมันก็มาจากการที่ตันเคียนสิวเสนอให้ผมไปทำโรงงานที่ต่างประเทศ แล้วพอผมทำไปได้สักพัก ผมก็ตาสว่างขึ้นมาทันที เพราะดันไปพบว่าแท้จริงแล้วตันเคียนสิวมันก็แค่พวกชุบมือเปิบหลอกใช้พวกเราผลิตของส่งของให้ โดยที่ตัวมันฟันกำไรก้อนใหญ่ไปคนเดียว ส่วนพวกเราน่ะได้แค่เศษเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”

พายัพกล่าวแล้วเว้นวรรค พรหมบุญจึงเสริมต่อในทิศทางเดียวกันว่า

“พวกเราเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ผลิตของ แล้วก็แบกความเสี่ยงในการหาตลาดให้ แต่ตัวท่านประธานไม่เห็นต้องลงทุนอะไรเลย อย่างโรงงานของพายัพ หรือแม้แต่โรงงานที่เมืองไทย ผมก็ต้องลงทุนไปก่อนทุกบาททุกสตางค์ ลูกค้าผมก็ต้องหาเอง จ่ายส่วยให้คนใหญ่คนโต ผมก็ต้องควักจ่ายเอง แต่พอได้เงินตันเคียนสิวกลับคว้าเอาเค้กก้อนใหญ่ไปกิน แบบนี้ผมว่ามันไม่แฟร์”

“ครับ...ก็จริง แต่เรื่องสูตรยาต่างๆมันมาจากท่านประธานเป็นคนคิดค้นแล้วส่งให้พวกเราไม่ใช่เหรอครับ”

“ก็แค่สูตรยา ปลัดคิดว่าเราจะจ้างคนมาคิดสูตร ใหม่ๆให้บ้างไม่ได้เลยเหรอ”

ได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้น พายัพคุยโวทันที “ขอโทษนะปลัด อย่างสูตรอาวุธเคมีที่มาทำโรงงานนี้นะ ผมเป็นคนจ้างเด็กมันมาคิดสูตรเองนะครับ ท่านประธานไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยด้วยซ้ำ”

“แล้วลูกค้าล่ะครับ”

“ลูกค้าผมก็หาเอง ไอ้พวกชนกลุ่มน้อยที่มันจะรบกับรัฐบาลน่ะติดต่อไม่เห็นจะยาก แค่มีเงินหว่านไปนิดหน่อยก็ได้คุยกับหัวหน้าพวกมันแล้ว อย่างนายพลหยาง ลูกค้าที่จะมากับตันเคียนสิววันนี้น่ะ ผมติดต่อเป็นคนแรกด้วยซ้ำ”

“พายัพเค้าแค้นใจตรงนี้แหละปลัด นายพลหยางเป็นลูกค้าของพายัพ แต่ท่านประธานกลับชุบมือเปิบขอเจรจาเอง ตัดกำไรส่วนใหญ่เอาไปกินเอง เป็นผม... ผมก็โกรธ”

“ผมเข้าใจแล้วครับ ที่แท้คุณพรหมบุญกับคุณพายัพ กำลังคิดจะตัดท่านประธานออกไป”

“ใช่ แล้วปลัดคิดว่าไง” พรหมบุญถามความเห็นพร้อมกับหยิบปืนมาขึ้นลูกแล้ววางลงตรงหน้าเหมือนเป็นเรื่องปกติ ขณะเดียวกันพวกลูกน้องทุกคนก็ขยับปืนเตรียมพร้อมหากปลัดฉกาจปฏิเสธ

ปลัดฉกาจมองปืนของพรหมบุญแล้วมองไปรอบๆ แล้วยิ้มสู้กับสถานการณ์

“ผมกับคุณพรหมบุญคบหากันมานาน ถึงผมจะรู้จักกับท่านประธานมาก่อน แต่ในเรื่องความสนิทสนม ผมกับคุณพรหมบุญสนิทใจกันมากกว่า ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้ผมจะช่วยคุณพรหมบุญอย่างเต็มที่ ไม่ว่าคุณพรหมบุญจะว่าไง ผมก็จะสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว”

“รับปากแล้วจะเบี้ยวไม่ได้นะปลัด ไม่งั้น...ตาย!” พายัพขู่

“ใครจะกล้าล่ะครับ ไว้ใจผมเถอะ”

“เอาล่ะ ในเมื่อเราสามคนตกลงที่จะทำงานนี้ด้วยกัน งั้นลองมาฟังแผนการที่ผมวางเอาไว้ก่อนดีกว่า”

พรหมบุญเริ่มเล่าถึงแผนการที่วางเอาไว้ให้ทุกคนฟัง พร้อมทั้งเปิดโน้ตบุ๊กโชว์ภาพนายพลหยางและอาฉีเลขาของเขา

“นี่คือภาพของนายพลหยางซึ่งกำลังจะเดินทางมากับตันเคียนสิว เพื่อทำสัญญาซื้ออาวุธกับพวกเรา ส่วนข้างๆนั่นก็คืออาฉี เลขาของท่านนายพล แผนของเราคือเมื่อนายพลหยางเดินทางมา ผมจะหาทางแยกนายพลหยางให้ปลีกตัวมาอยู่ตามลำพังกับพายัพ เพื่อให้พายัพเกลี้ยกล่อมเขาให้ทำสัญญากับเราโดยไม่ต้องมีตันเคียนสิว”

“ตัวนายพลหยางน่ะกล่อมไม่ยากหรอก รับรองว่าถ้าให้คุยกับผมไม่กี่นาทีก็อยู่หมัด” พายัพยังคุยโวเหมือนเดิม

“แล้วถ้าพายัพส่งสัญญาณมาว่านายพลหยางโอเค ผมก็จะจัดการกับตันเคียนสิวกับลูกน้องของมันให้หมด พวกมันเดินทางข้ามประเทศมาอย่างนี้คงเอาลูกน้องมาคุ้มกันไม่กี่คนหรอก”

“แล้วถ้าไม่เป็นไปตามนี้ คุณพรหมบุญมีแผนสำรองอะไรไว้หรือเปล่า”

“ขอบใจปลัดที่เตือน เรื่องแผนสำรองผมก็พอมี แต่เอาไว้ผมรู้คนเดียวดีกว่า”

พรหมบุญยิ้มน้อยๆ อุบข้อมูลบางอย่างเอาไว้ ขณะที่ปลัดนั่งรับฟังด้วยความตั้งใจ มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าใบย่อมที่หิ้วติดตัวตลอดเวลาโดยไม่มีใครทันสังเกต

ooooooo

ตันเคียนสิวเดินทางด้วยเครื่องบินเล็กแต่ไม่มีนายพลหยางมาด้วยอย่างที่พรหมบุญกับพายัพคาดไว้ ตันเคียนสิวบอกว่านายพลติดธุระด่วนมาไม่ได้เลยให้อาฉีมาแทน ซึ่งอาฉีมีอำนาจทำการแทนนายพลได้ทุกอย่าง การทำสัญญาซื้อขายอาวุธเคมีมีขึ้นแน่นอน

พรหมบุญไม่ค่อยสบอารมณ์นัก หาโอกาสคุยกับพายัพเป็นการส่วนตัวทันทีที่คนอื่นๆชักแถวออกจากห้อง

“ไม่ต้องห่วงพี่พรหมบุญ ตามแผนเดิมไปก่อน เดี๋ยวผมจะหาจังหวะโทร.เจรจากับนายพลหยางเอง”

“หวังว่าคงสำเร็จนะพายัพ” กล่าวจบพรหมบุญเดินตามคนอื่นๆออกไป พายัพตามหลัง เพื่อไปยังห้องปฏิบัติการสูตรอาวุธต่างๆด้วยสารเคมี เจ้าหน้าที่ในชุดขาวกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างขะมักเขม้น

สูตรอาวุธที่ได้มาจะถูกย่อส่วนแล้วนำมาทดสอบในห้องนี้ก่อน จากนั้นค่อยนำไปผลิตเป็นของจริง ซึ่งก่อนเซ็นสัญญาซื้อขายกันวันนี้พวกพรหมบุญมีเหยื่อที่จะเอามาทดสอบให้เห็นถึงแสนยานุภาพของอาวุธเคมีด้วย

เหยื่อที่ว่าก็คือชาญ หวานสวาท และพวกเสี่ยเกษม แน่นอนว่าทุกคนโดนอาวุธเหล่านี้เข้าไปต้องตายทุกราย แต่อาฉีเลือกชาญเป็นคนแรก ต่อด้วยหวานสวาท และบรรจบชายสูงวัยลูกน้องของเสี่ยเกษม แต่เพราะบรรจบโวยวายด่าทอพวกวายร้ายก็เลยจะโดนทดลองเป็นรายแรก

ขณะที่เหยื่อถูกพาไปห้องทดสอบอาวุธ พายัพแอบตีซี้อาฉีด้วยการพาสาวๆมาบีบนวดแล้วจะขอโทร.คุยกับนายพลหยาง อาฉีพอใจในการบริการนั้นจึงยินดีต่อสายให้ทันที...หารู้ไม่ว่ามันคือแผนซ้อนแผนที่อาฉีรู้ทันเกมของพายัพแล้วต่างหาก

อาวุธเคมีมีหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนมีอันตรายร้ายแรง ทำให้คนตายได้ทีละมากๆ และสภาพศพน่าสยดสยองขนลุกขนพอง ซึ่งการทดสอบนี้บรรจบคือรายแรก แค่นาทีเดียวที่เขาเข้าไปอยู่ในห้องนั้นก็เลือดทะลักออกปาก จมูก ตา และขาดใจตาย ต่อหน้าต่อตาทุกคนที่อยู่นอกห้องซึ่งมองผ่านกระจกเห็นชัดเจน

รายที่สองคือหวานสวาท เธอตายอย่างทรมาน แต่ก่อนตายได้ประกาศว่าเธอจะตามจองเวรพรหมบุญทุกชาติ...ชาญกับเสี่ยเกษมอเนจอนาถใจต่อการจากไปของบุคคลทั้งสอง ขณะที่อาฉีเห็นถึงความร้ายแรงของอาวุธเคมีก็พอใจมาก บอกพรหมบุญว่าไม่ต้องทดสอบอาวุธตัวไหนอีกแล้วมาเซ็นสัญญากันได้เลย

โขนกับหนุมานพาชาญ เสี่ยเกษมและลูกน้องออกมาหน้าโรงงาน ทันใดมีรถตู้สามคันเล่นมาจอด เสือเล็กกับสว่างรีบลงมา ที่เหลืออีกนับสิบคือลูกน้อง

ตันเคียนสิวทั้งหมด แล้วสองฝ่ายก็เปิดฉากสาดกระสุนใส่กัน ชาญใช้ช่วงนี้ชิงปืนเก็บเสียงมาไว้เป็นอาวุธแล้วหาที่ซ่อนตัวมองความเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ

เสี่ยเกษมกับลูกน้องถูกจับยัดห้องขังไว้เหมือนเดิม เสือเล็กที่เวลานี้ร่วมมือกับตันเคียนสิวถล่มพวกพรหมบุญกำลังบ้าระห่ำเต็มที่ สั่งพวกของตนถ้าเจอสมุนพรหมบุญที่ไหนจัดการเก็บมันให้หมด

ขณะนั้นพรหมบุญและคณะอยู่กับตันเคียนสิวและอาฉีภายในห้องรับรอง สองฝ่ายกำลังจะเซ็นสัญญาซื้อขายอาวุธเคมี แต่แล้วตันเคียนสิวตุกติกเพราะรู้ทันเกมพรหมบุญที่กำลังคิดจะโค่นตนเองจากปลัดฉกาจที่แอบส่งข่าว เขาลุกขึ้นกล่าวอย่างสมเพชอีกฝ่ายว่า

“พอทีเถอะพรหมบุญ คนอย่างแกน่ะใฝ่ฝันอยากจะเป็นนายเหนือหัวคนอื่น แต่น่าเสียดายที่ดวงบริวารของแกมันเป็นอัปมงคลจริงๆ ลองสังเกตดูสิ แกมีแต่ลูกน้องที่ไม่ได้ความ หักหลังทรยศมาตลอด และคนล่าสุดก็คือปลัดฉกาจ”

สิ้นเสียงของตันเคียนสิว...ปลัดฉกาจลุกขึ้นชักปืนเล็งใส่พรหมบุญและพายัพโดยเร็ว

“เฮ้ย! นี่มันหมายความว่าไง” พายัพตะโกนลั่น

“ก็หมายความว่าผมเลือกที่จะยืนเคียงข้างกับท่านประธานน่ะสิครับ...คุณพรหมบุญครับ คุณน่ะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเขาชุมสิงห์ แถมยังรวยล้นฟ้าขนาดนี้ ทำไมไม่รู้จักใช้ชีวิตให้เป็น จะอยากใหญ่อยากรวยขึ้นไปอีกทำไม ไม่รู้หรือครับว่าการคิดจะล้มท่านประธานน่ะมันก็เหมือนกับการเอาไข่ไปกระแทกกำแพงหิน มีแต่เจ็บกับจบ”

“คนมันไม่รู้จักพอน่ะปลัด ชอบกินลัดกินรวบ ไม่ยอมแบ่งปันคนอื่น ผลที่ได้รับมันก็ต้องเป็นแบบนี้ ความจริงเรื่องนี้ต้องขอบใจปลัดฉกาจที่รีบส่งข่าวบอกฉันก่อนเดินทาง ไม่งั้นฉันก็คงเสร็จมันแน่”

พรหมบุญโกรธปลัดฉกาจแทบกระอักแต่ทำอะไรไม่ได้ ตันเคียนสิวสั่งสมุนเอาพายัพกับลูกน้องไปยิงทิ้ง ส่วนพรหมบุญให้เสือเล็กที่มีความแค้นกันส่วนตัวเอาขึ้นเครื่องไปอีกฝั่ง จับใส่โซ่ตรวนล่ามไว้กับเสา บังคับให้ทำงานเหมือนทาสรับใช้ แล้วปล่อยให้ทุกข์ทรมานกับอาการโรคจิตของมัน ส่วนปลัดฉกาจได้ความดีความชอบให้ดูแลเขาชุมสิงห์ ขึ้นมายิ่งใหญ่แทนพรหมบุญ

ooooooo

พรหมบุญถูกมัดมือไพล่หลังขึ้นรถเพื่อไปยังสนามบิน ส่วนพายัพที่จะโดนสว่างยิงทิ้งได้ชาญมาช่วยชีวิต ชาญทำเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พ่อเคยสั่งไว้

แต่เมื่อพายัพเฉลยว่าพรหมบุญยังไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ เขามีแผนสำรองเอาไว้คือติดระเบิดไว้ที่รถบรรทุกอาวุธทั้งสองคัน ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังจะขนเชลยคือพวก

เสี่ยเกษมออกไปพร้อมอาวุธ แค่กดโทรศัพท์ รีโมตก็ทำงาน รถสองคันนั้นระเบิดเป็นจุณแน่

ชาญฟังแล้วโกรธมาก เตะโทรศัพท์ในมือพายัพกระเด็นไป พายัพไม่พอใจชกต่อยชาญเป็นการใหญ่แล้วจะลั่นไกเอาถึงตาย แต่มุกดาที่เพิ่งมาถึงพร้อมสายสุนีย์และอาจารย์เป๋อวิ่งเข้ามาขวางทางปืน เธอโดนยิงร่างทรุดลง ชาญแทบช็อกเข้ามากอดเธอ พร่ำถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้

สายสุนีย์จัดการพายัพแต่ยากอยู่ อาจารย์เป๋อตัดสินใจเข้าช่วยล็อกคอแล้วกอดปล้ำกันครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้นท่ามกลางความตกใจของสายสุนีย์และชาญ หรือแม้แต่อาจารย์เป๋อเอง พอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกยิงแต่เป็นพายัพที่ล้มลงขาดใจตาย อาจารย์เป๋อถึงกับตกใจหน้าซีดเผือด พูดจาแทบไม่เป็นภาษา

ชาญกอดร่างมุกดาร่ำไห้และสารภาพรักเธอ ขณะที่เธอก็บอกรักเขา ทั้งยืนยันว่าเธอกับสีหราชไม่มีอะไรกัน มุกดาคิดว่าตัวเองตายแน่ แต่แล้วสายสุนีย์เข้ามาดูบาดแผลถึงรู้ว่ากระสุนปืนโดนพระเครื่องที่ห้อยคอ มุกดาเชื่อว่าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จึงมอบพระองค์นั้นให้ชาญห้อยคอไว้

ทางฝ่ายสีหราชและแก้วที่เดินทางด้วยรถบรรทุกของเกษมขนส่ง เวลานี้เขาใกล้ถึงสนามบินเต็มทีแล้ว สีหราชส่องกล้องทางไกลเห็นพวกตันเคียนสิวแน่ใจว่ากำลังจะหนีออกนอกประเทศ จึงบอกแก้วให้เตรียมลุย

ปรากฏว่าอีกไม่กี่นาทีถัดมา สารวัตรยุทธนาพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาสมทบ ทุกคนอยู่ในชุดนอกเครื่องแบบ พร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่พลเมืองดีร่วมมือกับสีหราชยืนหยัดในความถูกต้องโดยไม่แคร์กับอนาคตหน้าที่ราชการ

ทั้งหมดช่วยกันล้อมจับพวกตันเคียนสิวที่สนามบิน พวกยุทธนารวบตัวปลัดฉกาจไว้ได้ ส่วนตันเคียนสิวและพรหมบุญหนีขึ้นเครื่องบิน สีหราชเสี่ยงตายกระโดดตามเข้าไปจัดการทั้งคู่จนเครื่องบินตกระเบิดตูมไฟลุกท่วม โดยที่สีหราชโดดหนีออกมาลงในรถบรรทุกทันเวลา

เสือเล็กเห็นเข้าก็ตามขึ้นไปหมายจะฆ่าสีหราช ทั้งคู่เปิดฉากต่อสู้หวาดเสียวกันบนรถบรรทุก ขณะเดียวกันชาญเข้าช่วยพวกเสี่ยเกษมมาได้อย่างปลอดภัย แล้วรีบมาช่วยสีหราชห้ำหั่นกับเสือเล็ก ช่วงหนึ่งที่สีหราชจะโดนเสือเล็กยิง ชาญวิ่งเข้ามารับกระสุนแทน...ตอบแทนที่เพื่อนรักเคยรับคมมีดแทนเขาเมื่อในอดีต

ในขณะที่ชาญถูกยิงหล่นลงจากรถ สีหราชก็ถูกเสือเล็กล็อกคอจะให้ตายด้วยกันเพราะระเบิดใต้รถคันนี้ใกล้ถึงเวลาทำงานเต็มทีแล้ว แก้วที่อยู่ไม่ไกลตัดสินใจในนาทีนั้นโดดขึ้นรถรวบตัวเสือเล็กและพยายามแกะมือเขาออกจากสีหราช

แก้วทำสำเร็จและให้สีหราชรีบหนีไปให้ไกล พร้อมๆกับพวกสายสุนีย์และมุกดา ทุกคนรอดปลอดภัยเพราะแก้วยอมสละชีวิตไปพร้อมเสือเล็กเมื่อรถบรรทุกระเบิดสนั่นหวั่นไหวไฟลุกท่วม!

ooooooo

ทุกคนเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของแก้วและหวานสวาท ส่วนชาญรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ไม่ต่างจากมุกดา

“ฉันว่าบารมีของพระที่อาจารย์เป๋อมอบให้ฉัน แล้วฉันก็มอบให้ชาญ ท่านก็ช่วยคุ้มครองพวกเรา”

“น่าแปลก...ที่เราสองคนโดนยิงแต่กระสุนไปโดนที่พระเหมือนกันทั้งคู่เลย เอ๊ะ หรือจะเป็นเพราะเราคือเนื้อคู่ก็เลยตายไม่ได้จนกว่า...”

ชาญอึกๆอักๆ มุกดาเร่งเร้าว่าจนกว่าอะไร แต่ถูกขัดจังหวะด้วยอาจารย์เป๋อที่โผล่มากระเซ้าเย้าแหย่ สองคนขวยเขินพากันเดินไปหามุมสงบสารภาพรัก สาย–สุนีย์ที่ยืนอยู่กับสีหราชได้จังหวะถามอาจารย์เป๋อว่า

“ตาทิพย์ของอาจารย์พอจะเห็นบ้างไหมคะว่าอนาคตทางราชการของคุณสีหราชจะเป็นยังไง”

“ฟ้ามีตา คนดีน่ะตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอก เชื่ออาจารย์สิ”

“หมายความว่าไงครับ”

“ก็ไม่รู้สินะ ข้าก็ว่าของข้าไปเรื่อยแหละ” ว่าแล้วอาจารย์เป๋อก็เดินหัวเราะอารมณ์ดีออกไป

สีหราชยิ้มหวานให้สายสุนีย์และดึงเธอมากอดพร้อมกล่าวหนักแน่นว่า...ไม่ว่าต่อไปอนาคตตนจะเป็นยังไง แต่ตนขอเป็นคนดีและเป็นสิงห์รถบรรทุกในใจของเธอตลอดไป

ooooooo

–อวสาน—
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น