วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 4


นวลจันทร์ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อกสั่นขวัญหายอยู่ในอ้อมกอดของโชว เธอรู้สึกผูกพันกับหนุ่มคนนี้อย่างประหลาด เหมือนเคยรู้จักมาก่อน ขณะที่โชวก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

สายใยของแม่ลูกนั่นเอง เธอและเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น...

นวลจันทร์ขอบใจโชวที่ช่วยเหลือ สองคนพูดคุยกันไม่นานโชวก็ขอตัวออกไปโดยมอบบัตรเชิญใบหนึ่งให้เธอไว้ ฝ่ายเฉินพอเจอโชวที่ลานจอดรถก็ถามกึ่งตำหนิว่าทำไมคุณชายไม่บอกตนว่าจะเปลี่ยนแผน

“ขอโทษด้วย แต่ฉันไม่ได้เปลี่ยนแผน”

“หมายความว่าคุณชายตั้งใจทำแบบนี้แต่แรก ทำไมคุณชายถึง...”

“เพราะฉันอยากให้มันแนบเนียนจริงๆ และมันก็เป็นอย่างที่ฉันต้องการ” โชวพูดจบก็ขึ้นรถขับออกไปเฉินกำมือแน่นไม่พอใจมากกว่าเดิมที่โชวทำเหมือนไม่เห็นหัวตน...

เวลาเดียวกัน อนาวิลถูกหัวหน้าตักเตือนเรื่องบุกค้นพวกจตุรภาคีแล้วผิดพลาดไม่พบของผิดกฎหมาย ซึ่งหัวหน้าไม่ต้องการให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก

“ผมคิดว่าในหน่วยของคุณต้องมีหมาที่ไอ้พวกจตุรภาคีมันเลี้ยงไว้คอยเป็นสายส่งข่าวอยู่”

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับท่าน ผมรู้จักพวกเขาดี”

“แล้วพวกจตุรภาคีรู้เรื่องการบุกตรวจค้นครั้งนี้ได้ยังไงล่ะ”

อนาวิลเถียงไม่ออก จริงอย่างที่หัวหน้าว่า ถ้าไม่ใช่คนในบอกพวกมันคงรู้ไม่ได้

“คนที่ต้องระวังที่สุดก็คือคนที่อยู่ใต้จมูกของเรานี่แหละอนาวิล”

อนาวิลสะอึก พอออกไปเจอจ่าเดชที่ชงกาแฟมาให้ก็เลยหยั่งเชิงเพื่อจับพิรุธเป็นคนแรกด้วยการถามเขาว่าเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว

“น่าจะตั้งแต่คุณเด็กๆกระมัง ตอนนั้นผมเป็นผู้ติดตามท่านอนันต์อยู่”

“เกือบยี่สิบปีสินะที่จ่าอยู่กับครอบครัวเรา ติดตามคุณพ่อจนกระทั่งมา...ผม”

จ่าเดชยิ้มรับ อนาวิลมองลึกลงไปในดวงตาแสนซื่อบริสุทธิ์ของจ่าแล้วจู่โจมไม่ให้ตั้งตัว

“แล้วจ่าหักหลังผมได้ยังไง”

จ่าเดชสะดุ้งโหยง ถามว่าตนหักหลังอะไร ตนไม่รู้เรื่องจริงๆ อนาวิลหาว่าเขาปากแข็งไม่ยอมสารภาพ จ่าเดชท่าทีกลัวๆ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ รำพันว่าตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไรแล้วจะให้สารภาพได้ยังไง

“กาแฟแก้วนี้...ผมเห็นจ่าแอบกินแล้วนะ” อนาวิลพูดยิ้มๆ จ่าเดชเลยโล่งไป เข้าใจว่าเป็นมุก ทั้งที่ความจริงมันคือแผนของอนาวิลที่จะข่มขู่เพื่อเปิดปากหมารับใช้ตามที่หัวหน้าสงสัย แม้แต่นัทหรือใครๆ เขาก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้น

ด้านเหว่ยชิงเมื่อรู้ว่าโชวไม่ทำร้ายนวลจันทร์ภรรยาของอนันต์ก็ไม่พอใจ ทันทีที่เจอหน้ากันเธอจึงคาดคั้นโชวว่ามีแผนอะไรให้บอกมา...ในเวลานั้น นวลจันทร์กำลังนั่งพิจารณาบัตรเชิญเป็นประธานการเปิดมูลนิธิเด็กไร้บ้านที่ได้จากโชวมา เธอยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ จะรอถามสามีก่อน ปรากฏว่าอนันต์ไม่ยอมเพราะเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่เธอเกือบถูกรถชนทำให้เขาเป็นห่วงมาก ไม่อยากให้ออกไปไหนนอกบ้าน ถ้าจะไปต้องมีคนไปด้วย

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ดุจดาวกับนัทพากันไปลองชุดแต่งงานโดยมีเม่ยมาช่วยเลือกและออกความเห็น ส่วนที่ร้านใกล้กันวีนัสกำลังเฉิดฉายอยู่ในชุดแฟชั่นสวยเซ็กซี่ อนาวิลยืนมองปลื้มปริ่มในความสวยของแฟนสาว

หลังถ่ายแฟชั่นชุดนี้เสร็จ อนาวิลกับวีนัสจะไปหากาแฟดื่มแล้วเผอิญเจอเม่ยที่แยกตัวจากนัทและดุจดาวออกมาจากร้านชุดวิวาห์ สองฝ่ายทักทายกันประสาคนรู้จัก แต่วีนัสมีท่าทีเขม่นเม่ยที่ดูอนาวิลจะเอ็นดูเป็นพิเศษ

เมื่อแยกจากเม่ยมาแล้ววีนัสแกล้งหลอกถามอนาวิลเพื่อจับพิรุธว่ารู้สึกยังไงกับเม่ย อนาวิลเพียงแค่เอ็นดูประสาเพื่อนสนิทน้องสาว และย้ำว่าตอนนี้หัวใจตนไม่ว่างจะรักใครแล้ว แค่นั้นเองวีนัสก็ยิ้มหน้าบานชวนเขาไปกินข้าว แต่ทันใดได้ยินเสียงเอะอะดังมาแต่ไกลว่าโจรกระชากกระเป๋า เจ้าของกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

อนาวิลมองไปเห็นแจ็คโจรกระชากกระเป๋าวิ่งหนีต่อหน้าต่อตา ตำรวจอย่างเขามีหรือจะปล่อยผ่าน รีบขอโทษวีนัสที่ไม่ยอมให้ไป แล้ววิ่งพรวดตามแจ็คไปอย่างกระชั้นชิด แต่กว่าจะจับได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ส่วนแจ็คก็เนื้อตัวถลอกปอกเปิก ถูกอนาวิลพาไปยังหน่วยอินทรีพิฆาต จับยัดห้องขังไว้เพื่อสืบสาวเรื่องยาเสพติด

อีกด้านหนึ่ง ดุจดาวลองชุดเสร็จก็แยกจากนัทและเม่ยไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอโจทก์เก่าอย่างวีนัส สองคนมีปากเสียงกันอีกหลังจากวีนัสเคยโดนดุจดาวจับใส่กุญแจมือมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะความปากร้ายชอบหาเรื่อง

ครั้งนี้วีนัสตั้งใจเอาคืนถึงขั้นจะตบดุจดาวแต่กลับเป็นฝ่ายโดนฉีดน้ำใส่เสื้อผ้าเปียกโชกหลับหูหลับตากรีดร้องด้วยความโมโห พอลืมตาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายเสียแล้ว

ดุจดาววิ่งกลับมาหานัทกับเม่ย แต่ไม่นานวีนัสก็เดินจ้ำตามหาหน้าตาเอาเรื่อง ดุจดาวรีบพาทั้งคู่หลบและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนบ่นว่าทำไมดวงสมพงศ์กันขนาดนี้ เม่ยจำวีนัสได้เพราะเพิ่งเจอกัน ก็เลยบอกเพื่อนรักว่าไม่ใช่แค่ดวงสมพงศ์กันเฉยๆ แต่สมพงศ์กันสุดๆไปเลย เพราะเธอคนนั้นเป็นแฟนของอนาวิล

ooooooo

ตกกลางคืน สี่หนุ่มแก๊งจตุรภาคีไปเที่ยวผับประสาหนุ่มโสดหล่อรวย แน่นอนว่าต้องมีสาวๆที่หลงใหลได้ปลื้มตามมาเฝ้าและพร้อมจะตีสนิทเมื่อมีโอกาส แต่ดูเหมือนโชวจะเป็นคนเดียวที่ไม่สนใจสาว เลยโดนเพื่อนแซวไปตามระเบียบว่าเป็นเกย์หรือเปล่า

ครู่ต่อมา ภูผากับอันดาแยกตัวไปคุยกันมุมหนึ่งโดยไม่รู้ว่าวีนัสนั่งปล่อยอารมณ์อยู่ใกล้ๆ เธอได้ยินการสนทนาของสองหนุ่มชัดเจน รู้ว่าทั้งคู่ไม่หวังดีกับโชวและตั้งป้อมจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของเขา โดยเฉพาะภูผาที่อยากยิ่งใหญ่มากกว่าใคร ถึงกับบ่นลับหลังอันดาที่ลุกไปว่า

“ใครจะยอมก็ยอมไป แต่ฉันไม่มีทางยอมเป็นเบี้ยล่างไอ้โชวแน่”

วีนัสเข้าใจทุกอย่าง ลุกเดินเข้าไปข้างในมองหาผู้ชายที่น่าจะชื่อโชว และแล้วก็เตะตากับสองหนุ่มหล่อที่อันดาเดินเข้าไปทักคือโชวกับวายุนั่นเอง หญิงสาวเลือกมองไปที่โชวอย่างสนใจ ค่อยๆเดินเข้าไปทักทายเพื่อความมั่นใจ

“โชว...ไม่น่าเชื่อเลยว่าโตมาจะเท่ขนาดนี้”

ไม่ทันที่โชวจะหันมา วีนัสก็โดนสกัดด้วยสองสาวที่แอบปลื้มโชวอยู่...แน่นอนว่าคนเอาเรื่องอย่างวีนัสไม่มีทางยอมสองสาวนั้นง่ายๆ พวกเธอมีปากเสียงกันและอาจถึงขั้นตบตีถ้าวีนัสไม่แสดงตัวว่าเป็นทายาทกลุ่มจตุรภาคี

“นี่เธอ...เธอคือวีนัส น้องสาวของคุณชายอันดา”

วีนัสเบ้ปากสะใจมากที่ทำให้สองสาวหน้าหงาย แล้วเธอก็เดินเฉิดฉายไปทางโต๊ะโชวอย่างมีจุดประสงค์ ชูป้ายสัญลักษณ์คนของจตุรภาคีให้บอดี้การ์ดดูพร้อมบอกว่าตนเป็นน้องสาวของคุณชายอันดา

กลุ่มบอดี้การ์ดก้มหัวทำความเคารพแล้วปล่อยเธอเดินไป อันดากำลังดื่มสนุกกับเพื่อนเห็นวีนัสก็ชะงัก คนอื่นๆ ในโต๊ะพากันมองตาม ภูผาสะดุดตาสาวสวย วายุออกอาการพึงใจกว่าใคร แต่โชวกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ

“เซ็กซี่บาดใจว่ะ ใครวะอันดา” วายุถามยิ้มๆ อันดา ตอบหน้าตึงว่าลูกเมียน้อยของพ่อตนเอง “แหม...พูดซะเข้าใจยาก ก็แค่บอกว่าน้องสาวแก เฮ้ย! น้องสาวแก ยัยวีนัสที่ตอนเด็กๆอ้วนเป็นกระปุกตั้งฉ่ายเนี่ยนะ”

อันดาไม่ตอบ วีนัสเดินมาถึงพอดีถามว่าเม้าท์อะไรตนอยู่หรือเปล่า

“แกมาทำไม” อันดาถามเสียงแข็ง

“โห...ถามซะน้องน้อยใจเลยนะคะพี่อันดา น้องมาเที่ยวได้ยินว่าพี่มาที่นี่เหมือนกันเลยแวะมาทักทาย”

“แกตกบันไดหัวกระแทกพื้นมารึไง ถึงพูดดีกับฉัน”

“พี่อันดาก็...ชอบแซวน้องเล่นอยู่เรื่อยเลย...ทุกคนยังจำวีนัสได้ไหมเอ่ย”

วีนัสส่งยิ้มให้ทุกคน แต่ยิ้มและมองโชวเป็นพิเศษ อันดาเดาวัตถุประสงค์ของเธอออก ยิ่งมีสีหน้าไม่พอใจ ครั้นคืนนั้นกลับถึงบ้านพร้อมกัน อันดาจึงกระชากวีนัสเข้าข้างในอย่างไม่ปรานีปราศัยแล้วผลักเธอล้มลงไปกับพื้น

หญิงสาวโมโห ลุกขึ้นตั้งหลักได้ก็หันไปแผดเสียงใส่

“ทำอะไรของแก!”

“เฮ้ย! เมื่อกี้ยังเรียกฉันว่าพี่อย่างโน้นพี่อย่างนี้อยู่เลยนี่หว่า”

วีนัสเชิดหน้าไม่แคร์ อันดาโกรธเข้าไปบีบปากเธอพร้อมข่มขู่อย่างรู้ทัน

“อย่านึกว่าฉันตามแกไม่ทันนะ อย่าหวังสูง ผู้หญิงอย่างแกไอ้โชวไม่แลตาดูหรอก”

อันดายิ้มหยัน ปล่อยมือแล้วเดินออกไปไม่แยแส วีนัสกำมือแน่นมองตามเขาอย่างแค้นเคือง

“คอยดูแล้วกัน ผู้หญิงอย่างฉันนี่แหละจะต้องอยู่เหนือผู้ชายอย่างแก ไอ้อันดา!”

วีนัสแววตาวาวโรจน์ มุ่งมั่นจะเอาชนะคำสบประมาทของอันดา เธอเริ่มเห็นหนทางยิ่งใหญ่และมีทุกสิ่งอย่างที่ต้องการ

ooooooo

โชวเพิ่งรู้ความจริงว่าเม่ยไม่ได้ปากโป้งเรื่องที่เขาหนีไปอยู่เกาะส่วนตัวตระกูลจาง แต่สาเหตุมาจากมิ่งโดนหลี่เฟยกับเฉินคาดคั้นและทำร้าย โชวจึงหาทางขอโทษเธอในคืนนี้ขณะอยู่ด้วยกันตามลำพัง

เขาอ้อนกึ่งบังคับเธอทำบะหมี่ให้กินแล้วยังให้มานั่งดูหนังเป็นเพื่อนก่อนจะเลิกวางฟอร์มกล่าวขอโทษที่เข้าใจผิด แต่เม่ยแกล้งหลับทั้งที่ได้ยินเต็มสองหู แอบยิ้มมีความสุขกับมุมดีๆของผู้ชายคนนี้

รุ่งขึ้นโชวตื่นแต่เช้ามุ่งหน้าไปงานเปิดมูลนิธิเด็กไร้บ้านซึ่งวายุมารออยู่ก่อนแล้ว ในงานมีบรรดาผู้ใจบุญมาร่วมงานไม่น้อย แต่คนที่โชวรอคอยคือคุณหญิงนวลจันทร์

ขณะที่โชวและวายุเริ่มไม่มั่นใจว่านวลจันทร์จะมา ได้ยินเสียงนักข่าวฮือฮาเมื่อมีรถยนต์หรูแล่นมาจอดด้านหน้า พวกเขารีบเข้าไปถ่ายรูปนวลจันทร์ที่ก้าวลงจากรถด้วยรอยยิ้ม

โชวพอใจแต่แฝงไปด้วยความสงสารขณะมองนวลจันทร์ทักทายผู้คนอย่างมีไมตรี แต่แล้วทุกคนในงานยกเว้นโชวกับวายุก็ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจดังเข้ามา

เสียงหญิงคนหนึ่งถามนวลจันทร์ว่าท่านอนันต์ส่งตำรวจมาร่วมงานนี้ด้วยหรือ นวลจันทร์ปฏิเสธเพราะเธอเองก็ออกมาโดยไม่ได้บอกกล่าวเขา จนเมื่อตำรวจเดินเข้ามาและบอกว่า

“ขออนุญาตครับ เราได้รับแจ้งว่าที่มูลนิธินี้เป็นแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงครามเถื่อน จึงจะมาขอเข้าตรวจค้น”

ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก มองการทำงานของทีมตำรวจด้วยความตกใจ

การตรวจค้นใช้เวลาไม่นานก็เจอหลักฐานคืออาวุธสงครามจริงๆ นวลจันทร์หน้าซีดเจื่อน ในฐานะประธานเปิดงานเธอถูกเชิญไปให้ปากคำ เมื่ออนาวิลทราบข่าวก็รีบเดินทางไปสถานีตำรวจพร้อมพ่อและน้องสาว รวมทั้งนัทแฟนหนุ่มของดุจดาวด้วย

เมื่ออนาวิลซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น นวลจันทร์เล่าเท่าที่รู้ว่าตนถูกเชิญไปเป็นประธานมูลนิธิ พอไปถึงก็เกิดเรื่อง เธอยืนยันว่ารู้แค่นั้น เรื่องอื่นไม่รู้จริงๆ

“ผมรู้...ผมให้คนตรวจสอบแล้วมีการสวมชื่อคุณเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิจริงๆ”

“อะไรนะคะคุณ นี่มันอะไรกัน”

“ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ดาวจะไปคุยกับพวกท้องที่ให้รู้เรื่อง”

“ใจเย็นๆก่อนยัยดาว ตอนนี้เรากำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย ทำอะไรต้องคิดดีๆ”

“โธ่พี่วิน แล้วจะปล่อยให้คุณแม่ถูกปรักปรำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”

“พี่เขาพูดถูก เรื่องนี้พ่อจะจัดการเอง”

อนันต์จับมือนวลจันทร์ปลอบใจและมองทุกคนให้เชื่อใจเขา...ครู่ต่อมา ทุกคนพากันออกไปหน้าสถานีตำรวจเพื่อกลับบ้าน อนาวิลเห็นนักข่าวกลุ่มหนึ่งจึงให้ดุจดาวกับนัทไปเอารถมารับ เพราะไม่ต้องการเผชิญหน้านักข่าวและไม่อยากตอบคำถาม

แต่กระนั้นนักข่าวก็ตาไวกรูเข้าใส่นวลจันทร์ ยิงคำถามว่าคุณหญิงอยู่เบื้องหลังขบวนการค้าอาวุธสงครามเถื่อนจริงหรือ แล้วท่านอนันต์รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า

นวลจันทร์หน้าซีดไม่รู้จะตอบยังไง อนาวิล ไม่พอใจตัดบทว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น นักข่าวจึงหันไปถามอนันต์ว่าท่านจะใช้อำนาจปกปิดความผิดหรือเปล่า

“ผมรับรองได้ว่าจะไม่มีอำนาจอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าอำนาจของกฎหมาย และผมจะใช้กระบวนการยุติธรรมยืนยันความบริสุทธิ์ของภรรยา ขอตัวก่อนนะครับ”

นัทและดุจดาวขับรถมาจอด อนันต์พานวลจันทร์เดินไป อนาวิลช่วยกันนักข่าวที่พยายามจะถามต่อ

“พอเถอะครับ ผมขอร้อง”

อนันต์พานวลจันทร์ขึ้นรถ อนาวิลก้าวตาม...เพียงไม่นาน เหตุการณ์วันนี้ก็ถูกเผยแพร่เป็นข่าวในจอทีวี เหว่ยชิงนั่งดูอยู่ที่บ้านด้วยความสะใจ พอใจในผลงานของโชวจนต้องเอ่ยชม

“แกทำได้ดีมาก”

โชวนิ่งไม่แสดงท่าทีดีใจ เอ่ยปากขอตัว แต่เหว่ยชิงเรียกไว้เสียงเข้ม

“เดี๋ยว! เรื่องที่แกหนีไปเกาะครั้งที่แล้วมีข่าวไม่ดีออกมา ฉันจะใช้โอกาสวันสถาปนาภาคี ให้แกพูดชี้แจงสร้างความเชื่อมั่นกับทุกคน เตรียมตัวเอาไว้ด้วย”

โชวไม่ตอบ เดินเซ็งออกไป และรู้สึกผิดเมื่อนึกถึงนวลจันทร์ แต่พยายามสลัดความรู้สึกนั้นแล้วบอกตัวเองว่า “ถ้าจะโทษ คุณต้องโทษสามีคุณ ไอ้อนันต์มันเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด มันทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”

ooooooo

เหตุการณ์วันนี้ส่งผลให้อนันต์ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งพักงาน อนาวิลแค้นโชวเป็นที่สุดเมื่อแอบได้ยินนวลจันทร์เล่าให้อนันต์ฟังว่าเจ้าของบัตรเชิญคือโชวลูกชายของจางฉง อนาวิลโทร.สั่งชินให้สืบโดยด่วนว่าตอนนี้โชว

อยู่ที่ไหน นัทยืนมองมาเห็นสีหน้าอนาวิลก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีอะไรสักอย่าง จึงแอบตามเขาไปห่างๆ โชวเตรียมตัวไปงานเลี้ยงตามที่เหว่ยชิงบัญชา แต่เขาต้องการให้เม่ยไปด้วยจึงลากตัวเธอจากโรงพยาบาลมาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ก่อนไปงาน วีนัสเห็นโชวควงเม่ยมาก็อิจฉาตาร้อน หาโอกาสแอบเดินตามเธอไปห้องน้ำแล้วพูดจาหาเรื่อง

“ที่แท้เธอไม่สนใจวิน เพราะมีเป้าหมายใหญ่อยู่แล้วนี่เอง”

“คุณหมายความว่าไง”

“ร้ายเหมือนกันนี่ยะ คงหวังจะเป็นนายหญิงของจตุรภาคีสินะ แต่คุณน้าเหว่ยชิงทั้งเก่งทั้งฉลาดคงไม่ปล่อยให้ตำแหน่งสำคัญอย่างนายหญิงของภาคีตกเป็นของเด็กในบ้านอย่างเธอหรอก”

“ฉันทราบดีค่ะ ว่าตำแหน่งนั้นไม่เหมาะกับฉันเลยสักนิด”

“ก็ดี เป็นแค่ผีเสื้อก็หัดบินต่ำๆเอาไว้ อย่าคิดอยากบินตีเสมอกับพญามังกร เพราะถึงยังไงผีเสื้อก็เป็นได้แค่ของกินเล่นเท่านั้นแหละ”

“แล้วอีกาที่บินหนีตอนเจ้าของเผลอล่ะคะ ทำไมมันถึงกล้าบินไปตีเสมอพญามังกรล่ะ”

วีนัสถลึงตาใส่เม่ย แต่เม่ยจ้องกลับไม่กลัว...ที่สุดวีนัสก็เดินฉุนเฉียวจากมาพร้อมเสียงบ่นอย่างเจ็บใจ

“นังบ้า! กล้าเปรียบเทียบว่าฉันเป็นอีกา สักวันเถอะ ฉันจะจิกแกไม่ให้เหลือซาก”

พลันสายตาเธอไปสะดุดกับอนาวิลที่กำลังตรงดิ่งเข้างานมา วีนัสเลิ่กลั่กไม่อยากเผชิญหน้าแฟนหนุ่ม รีบหาที่ซ่อนตัวอย่างว่องไว

เข้ามาถึงในงาน อนาวิลถามหาโชวเสียงดังจนผู้คนแตกตื่น โชวเดินมาพร้อมทายาทจตุรภาคีอีก

สามหนุ่ม โดยมีเหว่ยชิงจับจ้องมองมาที่อนาวิลด้วยความรัก และอยากจะเข้าไปห้ามเมื่อเห็นเขาพุ่งเข้ากระชากคอเสื้อโชว

คนอื่นๆที่รายล้อมโชวทำท่าจะเข้าทำร้ายอนาวิลแต่โชวยกมือห้าม เหว่ยชิงค่อยโล่งใจ

“แกต้องการอะไร ทำไมจ้องเล่นงานคนในครอบครัวฉันไม่เลิก แม่ฉันทำอะไรให้แก”

โชวยิ้มกวน กระชากมืออนาวิลออก “ไม่ใช่แค่แม่แก แต่ครอบครัวแกต้องพังพินาศ สุดท้ายไอ้อนันต์ต้องตาย”

“แก!!” อนาวิลสุดทนจะซัดหน้าโชวแต่นัทโผล่เข้ามาห้ามและเตือนให้มีสติมากกว่านี้ โชวได้ทีย้ำว่า

“ผมว่าคุณควรจะฟังเพื่อนคุณไว้บ้างก็ดี ถ้าอยากช่วยแม่จริงๆ อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า”

“ไม่ว่าแกจะทำอะไร ฉันจะปกป้องครอบครัว ปกป้องพ่อแม่ของฉัน ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ แกไม่มีวันได้แตะต้องพวกเขาแน่” อนาวิลประกาศเสียงเข้ม

เหว่ยชิงกำมือแน่นด้วยความเจ็บปวด น้ำตาคลอหันไปมองรูปจางฉง รำพึงอยู่ในใจว่า...ยกโทษให้เขาด้วยนะคะ ยกโทษให้ลูกของเราด้วย...

นัทดึงอนาวิลออกจากงาน เม่ยได้ยินหมดทุกอย่าง รู้ความจริงว่าโชวทำอะไรบ้างก็เสียใจและผิดหวังในตัวเขา

ooooooo

นัทพาอนาวิลกลับไปที่หน่วยอินทรีพิฆาต ย้ำเตือนเขาว่าทำไมทำอะไรไม่คิด ทั้งที่ตอนนี้เรากำลังเสียเปรียบพวกมันอยู่

“ใช่ ผมเสียเปรียบพวกมันแน่ เพราะข้างตัวผมมีหมาของพวกมันอยู่” อนาวิลมองนัทด้วยแววตาเสียใจ ผิดหวัง และไม่ไว้ใจ นัทถามว่ามองตนแบบนี้หมายความว่ายังไง เขาย้อนทันควันว่าพี่น่าจะรู้ตัวดี

“นี่แกคิดว่าเป็นฉัน...”

“แล้วพี่ตามไปที่นั่นได้ยังไง พี่รู้ได้ยังไงว่าผมไปที่นั่น”

“มีคนส่งข้อความมาบอกฉัน” นัทพูดจริงแต่โชวไม่เชื่อ เค้นถามว่าใครส่งข้อความ นัทไม่รู้จะอธิบายยังไง ได้แต่บอกว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นใคร

“แล้วพี่ก็เลยไปที่นั่นงั้นสิ”

“ไอ้วิน! มันคือเรื่องจริง”

“ใช่...นี่แหละเรื่องจริง ที่พี่ไปห้ามผมไม่ใช่เพื่อปกป้องผม แต่พี่กำลังปกป้องโชวประมุขของพี่มากกว่า”

“ไอ้วิน” นัทโกรธต่อยปากอนาวิลเปรี้ยง ชิน ริว และจ่าเดชเข้ามาเห็นพอดี รีบช่วยกันห้ามก่อนที่อนาวิลจะเอาคืนนัทด้วยหมัดเช่นกัน

“ถ้านายมีหลักฐานก็งัดออกมา แต่ถ้าไม่มี อย่าพูดออกมาพล่อยๆ” นัทกล่าวทิ้งท้ายอย่างหัวเสียแล้วผลุนผลันออกไป อนาวิลมองตามมั่นใจมากว่า

หมารับใช้พวกจตุรภาคีก็คือนัท!

เวลาเดียวกันที่บ้านตระกูลจาง เม่ยตบหน้าโชวและต่อว่าเรื่องที่เขาวางแผนให้ร้ายนวลจันทร์ ถามว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการแก้แค้นท่านอนันต์ใช่ไหม

“ใช่ แล้วเธอจะทำไม”

“เมื่อไหร่คุณชายจะเลิกเจ้าคิดเจ้าแค้น เลิกจองล้างจองผลาญคนอื่นสักที”

“จนกว่าไอ้อนันต์มันจะตาย”

“ท่านอนันต์ทำไปเพราะหน้าที่”

“แต่มันไม่มีสิทธิ์พิพากษาชีวิตพ่อฉัน”

“แล้วคุณหญิงนวลจันทร์เกี่ยวอะไรด้วย ทำไมต้องเล่นงานทั้งครอบครัว”

“โชคร้ายเอง ช่วยไม่ได้”

“เลว! ไม่นึกเลยว่าคุณชายจะเลวได้ขนาดนี้”

“เลวเหรอ แล้วฉันล่ะเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมฉันต้องกำพร้าพ่อ ทำไมแม่ฉันต้องสูญเสียสามี คิดบ้างไหมว่าครอบครัวฉันเกี่ยวอะไรด้วย”

“คุณชายคิดว่าตัวเองสูญเสียอยู่คนเดียวรึไง

ฉันเองก็เสียแม่ไปเพราะงานของภาคีเหมือนกัน”

โชวเห็นน้ำตาเม่ยก็สงสารและเห็นใจ ตัดบทว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอ อย่ามายุ่ง

“ได้...งั้นต่อไปคุณชายกับฉันก็ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก” เม่ยร้องไห้วิ่งออกไป โชวมองตามท่าทางเสียใจ พอรุ่งขึ้นรู้จากแจ่มว่าเม่ยออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดก็ยิ่งหนักใจ

เม่ยนัดเจอดุจดาวที่สวนสาธารณะ ถามเพื่อนรักอย่างอาทรว่าพ่อแม่เธอเป็นยังไงบ้าง

“แม่ก็เสียใจคิดว่าตัวเองทำให้พ่อเดือดร้อน ส่วนพ่อก็เสียใจคิดว่าตัวเองทำให้แม่ลำบาก สรุปต่างคนต่างเสียใจ แล้วก็โทษตัวเอง ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนที่ทำเรื่องนี้มันต้องการอะไรกันแน่”

“ฉันเองก็ไม่อยากเข้าใจเขาเหมือนกัน”

“เธอพูดเหมือนกับเธอรู้จักเขางั้นแหละ”

เม่ยชะงัก พูดอ้อมแอ้มว่าตนแค่คิดว่าเขาใจร้ายมาก

“ใช่ เขาใจร้ายมาก อยากรู้จริงๆว่าเขาเป็นใคร”

เม่ยรู้สึกผิดเผลอขอโทษออกมา ทำให้ดุจดาวสงสัย แต่แล้วเม่ยก็กลบเกลื่อนจนเพื่อนไม่ได้ติดใจ

ooooooo

ในยามที่อนาวิลมีเรื่องทุกข์ใจเขาอยากมีคนอยู่ใกล้ๆ จึงโทร.หาแฟนสาวแต่วีนัสกลับไม่รับสาย เพราะกำลังมุ่งมั่นตั้งใจกับการสืบประวัติของโชวซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่

ขณะเดียวกัน นัทก็ไม่สบายใจเหมือนกัน สีหน้าท่าทางของเขาทำให้ดุจดาวสงสัย แต่พอซักถามเขากลับบอกไม่มีอะไร เธอไม่เชื่อจึงไปดักถามพวกริวจนได้ความว่านัทกับอนาวิลชกต่อยกันแต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน

แยกจากดุจดาวแล้ว เม่ยไปที่บ้านเด็กกำพร้าแต่ไม่คิดว่าจะเจออนาวิลที่นี่ด้วย อนาวิลมาร้องเพลงให้เด็กๆฟังแทบทุกครั้งที่ไม่สบายใจ เด็กๆทำให้เขาลืมความทุกข์ได้ชั่วขณะ พอเม่ยพูดเรื่องเมื่อวานที่เห็นเขาในงานเลี้ยงของพวกจตุรภาคี อนาวิลถือโอกาสถามเธอว่าอยู่ที่บ้านตระกูลจางนานหรือยัง

“ตั้งแต่เกิดค่ะ พ่อของเม่ยเป็นคนสนิทของนายใหญ่จางฉง ความจริงเรื่องนี้เม่ยไม่เคยบอกใคร แม้แต่ยัยดาว” พูดแล้วเม่ยนึกถึงสมัยเรียนที่พ่อเคยห้ามคบ ดุจดาวเพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวนายตำรวจใหญ่ อนาวิลเห็นเม่ยเงียบไป ถามว่าคิดอะไรอยู่

“คือ...เม่ยกลัวค่ะ ลูกสาวโจรกับตำรวจจะเป็นเพื่อนกันคงลำบาก แต่ไม่ว่าอะไรเม่ยกับดาวก็เป็นเพื่อนรักกันแล้ว เม่ยอยากข้ามจุดที่ว่าเราเป็นลูกใครไปน่ะค่ะ พี่วินเข้าใจเม่ยใช่ไหมคะ”

“โอเค พี่จะไม่บอกดาวจนกว่าเม่ยจะพร้อม”

แล้วทั้งคู่ก็พักเรื่องหนักๆ หันมาสนใจเด็กๆ สร้างความสุขด้วยเสียงเพลงให้พวกเขา...ด้านโชวที่รู้สึกผิดต่อนวลจันทร์ เขาแอบติดตามไปเจอเธอที่ตลาด ได้ยินแม่ค้าแขวะเธอเป็นมาเฟียค้าอาวุธสงครามเถื่อนก็ออกโรงปกป้องก่อนจะพาเธอมานั่งในร้านกาแฟแล้วกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่าต่อไปเขาจะไม่ดึงเธอมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก

นวลจันทร์ไม่ต้องการให้โชวเจ้าคิดเจ้าแค้น เธอยืนยืนยันว่าอนันต์ไม่ผิด เขาไม่ได้ทำให้จางฉงตาย

“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วใคร คุณกำลังจะบอกว่าพ่อผมฆ่าตัวตายเองงั้นเหรอ คุณอย่ายุ่งกับเรื่องนี้ดีกว่านะครับ ผมไม่อยากทำร้ายคุณอีก”

“ฉันขอร้อง ฉันมั่นใจคุณอนันต์ไม่ผิด เลิกจองเวรจองกรรมกันซะที”

“ใครทำกรรมไว้ก็ต้องชดใช้ มันเป็นกฎของธรรมชาติ” โชวเสียงแข็ง ดึงมือนวลจันทร์ออกแล้วเดินหนีไปทันที

ooooooo





ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น