วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 5


ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากคุณโปรย จุ้นพุ่งเข้าไปรวบกอดนครินทร์จากข้างหลังไว้แน่น ฉวยโอกาสซบเคลิ้ม ร้องบอก

“คุณผู้หญิงคะ แย่งมาเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงจุ้น จุ้นโอเคมากค่ะ”

คุณโปรยเข้าไปดึงมือถือจากนครินทร์ เขาตกใจถามว่า “คุณแม่ทำอะไรครับเนี่ย”

“แม่อยากรู้ว่ารินทร์คุยกับใคร เผื่อว่าเป็นแฟนรินทร์แม่จะได้ช่วยดูว่าผ่านหรือไม่ผ่าน” แล้วยกมือถือจะเปิดดูแต่เปิดไม่เป็น นครินทร์บอกว่าตนช่วยเปิดให้ คุณโปรยเลยยื่นมือถือให้ พอได้มือถือนครินทร์ก็เดินเข้าบ้านไปเลย

“รินทร์! เอามือถือมาให้แม่เดี๋ยวนี้นะรินทร์!” ทั้งคุณโปรยและจุ้นวิ่งตามนครินทร์เข้าบ้านไป

ปิ่นปักกลับมาเห็นแม่วิ่งไล่กวดกับนครินทร์ถามว่าเล่นอะไรกัน คุณยอดติงคุณโปรยขำๆ ว่าทำอย่างกับลูกชายอายุสิบสี่สิบห้าอย่างนั้นแหละ คุณโปรยย้อนถามว่าตนไม่มีสิทธิ์จะห่วงลูกชายหรือไง คุณยอดเย้าว่าหวงได้แต่อย่าถึงกับใส่ห่วงก็แล้วกัน ทั้งนครินทร์ ป้าแสงและปิ่นปักเลยหัวเราะขำกัน

คุณโปรยถามปิ่นปักว่าศกไม่มาด้วยหรือ เธอบอกว่าเขาไม่ค่อยว่าง เวลาจะเจอกันยังไม่ค่อยจะมีเลย

“เป็นธรรมดา เขาเป็นนักธุรกิจ มีงานเยอะ เราแต่งงานกับใครเราก็ต้องทำใจให้คล้อยตามอาชีพเขา”

“ค่ะ ปิ่นเข้าใจดี” ปิ่นปักยิ้มเศร้าๆ นครินทร์ดูออก มองน้องสาวอย่างเป็นห่วง เมื่อปิ่นปักไปยืนที่ระเบียงเขาจึงไปถามว่าคิดอะไรอยู่ มีเรื่องอะไรคุยกับพี่ได้นะ “ปิ่นกำลังคิดว่า ปิ่นไม่ชอบชีวิตอย่างที่เป็นอยู่เลย มันไม่เป็นครอบครัวสักเท่าไหร่ คุณศกทำงานตามสบายมากเกินไป นึกจะกลับดึกก็กลับ ไม่เคยห่วงปิ่น ไม่เห็นจะเหมือนคุณพ่อ คุณพ่อไม่เคยห่างคุณแม่เลย ไปไหนก็เป็นห่วงตลอด”

“ก็นั่นคุณยอด สามีปิ่นคือคุณศก คุณศกเขายังหนุ่ม เดี๋ยวต่อไปมีลูกเขาก็อาจจะเปลี่ยนนิสัย พี่ว่าปิ่นน่าจะหาอะไรทำ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”

“ค่ะพี่รินทร์ ปิ่นจะพยายาม” เธอยิ้มให้พี่ชายอย่างยังไม่สบายใจนัก

ooooooo

พาไลไปทำงานเป็นผู้ช่วยสมรวันแรกก็ถูกตำหนิอย่างไม่พอใจว่าพิมพ์งานตั้งแต่เช้าเพิ่งจะได้ครึ่งหน้า เอกสารอีกกองเบ้อเร่อชาตินี้จะหมดไหม

พาไลบอกว่าตนจะพยายาม สมรบ่นว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่างไม่รู้คุณศกรับเข้ามาทำงานได้ยังไง

สมรไม่พอใจยิ่งขึ้นเมื่อศกจะออกข้างนอกปกติจะต้องให้ตนไปแต่คราวนี้ให้พาไลไปแทน พาไลถามว่าทำไมต้องพาตนไปพบลูกค้าด้วย ศกอ้างว่า

“ผมคิดว่าคุณจะเอ็นเตอร์เทนลูกค้าได้ดีกว่าคุณสมร” เห็นพาไลทำหน้าไม่เชื่อ “ไม่เชื่อผมเหรอ ผมคงแย่มากในสายตาคุณ”

“ใช่ค่ะ”

ศกหัวเราะบอกว่าตรงดี แล้วขอโทษที่ตนเสนอไปวันนั้น ยอมรับว่าตนประเมินเธอต่ำเกินไป พูดจริงจังว่า

“ผมรู้แล้วว่า สิ่งที่สำคัญกับคุณไม่ใช่เงิน แต่เป็นโอกาสที่จะได้สร้างความภาคภูมิใจให้ตัวเอง คุณโชคดีมากที่ผมเป็นคนชอบให้โอกาสคน”

“ถ้าคุณคิดเท่าที่คุณพูดจริง ฉันก็ต้องขอบคุณมากค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงฉันจะไม่มีความรู้ แต่ฉันจะพยายามทำงานตอบแทนโอกาสที่คุณมอบให้ให้คุ้มค่าที่สุด”

“ผมเชื่อว่าคุณทำได้”

ooooooo

ศกพาพาไลไปพบลูกค้าชาวต่างชาติ ถามเธอว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไหม เธอบอกว่าได้เพราะเคยมีแฟนเป็นฝรั่ง และเมื่อไปพบลูกค้า พาไลก็พูดคุยกับฝรั่งได้อย่างฉะฉานมีมารยาททางสังคมอย่างไม่มีที่ติ

ที่นี่เองพาไลเจอกับอ้อยที่เคยทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์ด้วยกัน พออ้อยรู้ว่าพาไลทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของศกก็ชมว่าเก่งจัง พาไลยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง ศกยืนดูอยู่ เขายิ้มอย่างพอใจที่อ่านพาไลไม่ผิด

เสร็จงานก็หมดเวลาทำงานพอดี พาไลจะกลับก่อนศกบอกว่าจะไปส่ง เธอติงว่าคอนโดที่ตนอยู่ตรงข้ามกับบ้าน ภรรยาเขา ถามว่า “คุณไม่กลัวใครจะเข้าใจผิดหรือคะ”

“ถ้าผมกลัว ผมไม่ชวนคุณมาทำงานหรอกพาไล” ศกตอบอย่างไม่แยแสแล้วดึงมือพาไลไปขึ้นรถ

แต่ศกไม่ได้มาส่งพาไลทันที เขาแวะไปที่คอนโดของตัวเองอ้างว่าจะมาเอาสูท พรุ่งนี้จะไปงาน แต่ให้พาไลขึ้นไปเอาให้อ้างว่าจะโทร.คุยงานกับลูกค้า แต่พอพาไลลงจากรถไป เขาก็โทร.คุยกับเดโชพลางเดินตามพาไลขึ้นไป

“ฉันยังไม่ได้จะทำอะไรพาไลมากสักหน่อย ฉันก็แค่จะใช้วิธีน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันย่อมกร่อน ถ้าหินเกิดอ่อนปวกเปียกตั้งแต่หยดแรก ก็ถือว่าเป็นโชคดีของฉัน แค่นี้ก่อนนะ”

เดินมาถึงหน้าห้องศกเปิดเข้าไป พาไลถามว่าขึ้นมาทำไม เขาอ้างว่ากลัวเธอจะหยิบสูทไม่ถูก ถามว่าเธอกลัวอะไรพลางรวบพาไลเข้าไปกอด พาไลพยายามเบี่ยงตัวหลบ ก็พอดีมีเสียงถามเข้ามาว่า “ใช่สูทตัวนี้รึเปล่าคะ” ทำให้ศกต้องรีบปล่อยพาไล หญิงคนนั้นเข้ามาเห็นศกเธอยกมือไหว้ ศกรับไหว้บอกว่า ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะขึ้นมาด้วย

“พอดีว่าฉันไม่กล้าขึ้นมาคนเดียว กลัว ‘ผีหลอก’ ก็เลยชวนคุณเดียร์ที่อยู่ที่เคาน์เตอร์มาเป็นเพื่อนด้วย” พาไลพูดอย่างผู้ชนะ รับสูทจากเดียร์ไปดู “สูทสีเทาน่ะใช่แล้ว ฉันลงไปรอข้างล่างนะคะ” แล้วเดินลงไปเลย

“อย่าคิดว่าจะชนะผมไปทุกครั้งนะพาไล” ศกเดินตามพาไลไป

แต่ขณะออกจากลิฟต์ ถูกพัชรินเพื่อนสนิทของ ปิ่นปักเดินมากับยุทธจะมาดูห้องเห็นเข้า พัชรินมองพาไลไม่ชัดแต่แน่ใจว่าเป็นกิ๊กของศก จึงยกโทรศัพท์จะถ่ายรูป ถูกยุทธกระชากมือพัชรินถามว่า “คุณจะทำอะไร?”

“อย่ายุ่ง!” พัชรินกระชากมือกลับจะถ่ายรูปอีกแต่รถศกเคลื่อนออกไปแล้ว “โธ่เอ๊ย! อดเห็นหน้ากิ๊กคุณศกจนได้ เพราะคุณคนเดียวแท้ๆเลย! แต่ก็ยังดีที่พอได้หลักฐานมาช่วยเปิดตายัยปิ่นบ้าง” พัชรินมองมือถืออย่างหมายมาด

ไวเท่าความคิด พัชรินส่งรูปที่ถ่ายไปให้ปิ่นปักดูถามว่าศกกลับหรือยัง พอรู้ว่ายังก็ฟันธงว่าศกพาผู้หญิงขึ้นคอนโดแน่ๆ ทำให้ปิ่นปักไม่สบายใจ แต่เมื่อศกกลับมาเธอก็ไม่กล้าถาม ไม่อยากให้เป็นปัญหากัน แต่ตัวเองเครียดจนน้ำตาไหล

พาไลระมัดระวังตัวมาก เธอให้ศกส่งก่อนถึงคอนโดอีกไกล บอกว่าจะเดินไปเพราะไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก แต่ระยะทางยังไกล พาไลเดินไปไม่นานรองเท้าพลิกข้อเท้าเจ็บจนซี้ดปาก เธอถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าต่อไป

พาไลเจ็บเท้าจนคิดท้อว่าทำไมชีวิตถึงต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ แต่แล้วก็ฮึดขึ้นเมื่อนึกถึงคำเตือนของพ่อที่ว่า

“อย่าเพิ่งท้อนะไล ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีไว้เพื่อให้เราเรียนรู้ว่าความสำเร็จมันหอมหวานมากแค่ไหน”

ooooooo

มีความอัดอั้น ระแวง แต่ไม่กล้าถามศก ปิ่นปักทำงานอย่างเหม่อลอย เพรียวถามก็บอกว่าไม่มีอะไร แต่เพรียวได้ยินปิ่นปักคุยโทรศัพท์กับพัชรินเรื่องศกมีผู้หญิงอื่น เขาจึงเล่าให้นครินทร์ฟัง

นครินทร์ไปหาศกที่ห้องทำงาน เจอพาไลกำลังเอางานมาส่งศกและเดินสะดุดเสียหลักไปนั่งตักศกพอดี เป็นจังหวะที่นครินทร์เปิดประตูเข้ามาเห็นเต็มตา! ทั้งนครินทร์และพาไลมองกันอึ้ง

เมื่อตั้งสติได้นครินทร์ถามพาไลว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ พอรู้ว่าเธอมาทำงานกับศก เขานิ่งอึ้ง

ศกจับตาสังเกตความสัมพันธ์ของทั้งสอง ถามว่ารู้จักกันด้วยหรือ นครินทร์บอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน ศกบอกว่าไม่เคยได้ยินพาไลพูดถึงเขา นครินทร์สวนไปว่า “พาไลก็ไม่เคยพูดว่าทำงานกับคุณให้ผมฟังเหมือนกัน” นครินทร์พูดกับศกโดยไม่มองหน้าพาไลเลย ศกยังเลียบเคียงถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้วเขาก็สรุปว่า สองคนนี้มีซัมติง!

ศกบอกให้พาไลออกไปข้างนอกได้แล้วตนจะคุยกับนครินทร์ ถามนครินทร์ว่ามีอะไรจะคุยกับตน พาไลออกไปแล้วยังยืนอยู่หน้าห้อง เพราะกระวนกระวายใจอยากจะคุยกับนครินทร์

“คุณรู้หรือเปล่าว่า ตอนนี้ปิ่นปักกำลังทุกข์ใจ” นครินทร์เปิดฉากไม่อ้อมค้อม พูดออกตัวว่า “เรื่องที่ปิ่นไม่สบายใจ ปิ่นไม่ได้บอกผมหรอกครับ แต่ผมสังเกตอาการของปิ่นเอาเอง”

“งั้นคุณก็ไม่ควรจะกล่าวหาผม ว่าผมเป็นต้นเหตุ”

“ผมไม่ได้กล่าวหาคุณ ผมแค่จะมาบอกให้คุณรู้ว่าปิ่นรู้สึกอย่างไร เพราะคุณอาจจะงานยุ่งจนลืมใส่ใจความรู้สึกของปิ่น” ศกนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วพูดอย่างมีนัยว่า เขาพูดถูก เพราะช่วงนี้ตนมีเรื่องให้ยุ่งเยอะ “ยุ่งยังไงก็อย่าลืมว่าปิ่นคือผู้หญิงที่คุณเลือกมาเป็นคู่ชีวิต”

บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด ทั้งนครินทร์และศกต่างมองหน้ากันอย่างเอาเรื่อง

ooooooo

พาไลพยายามที่จะดักพูดคุยกับนครินทร์ แต่ถูกสมรใช้ให้ไปฝ่ายการเงิน พอกลับมาเห็นนครินทร์เดินไปลานจอดรถเธอเรียกเขาแต่ไม่ทัน

ปิ่นปักเป็นลมที่บริษัท เพรียวโทร.บอกนครินทร์เขารีบไปที่บริษัททันที

จำรูญที่กระหืดกระหอบตามหาศก พอเจอก็บอกว่าพนักงานที่เขาซื้อตัวมาทำงานกับเรากำลังจะถูกบริษัทคู่แข่งแย่งซื้อตัวไป ศกสั่งให้เพิ่มค่าตัวให้เขาเป็นสามเท่า จำรูญติงว่าจะมากไปหรือเปล่าเพราะจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้เก่งอะไรนักหนา

“ต่อให้เป็นแค่ก้อนดิน แต่ถ้าผมจะเอา ผมก็ต้องได้” ศกพูดกับจำรูญแต่ตามองพาไลที่เดินมากับฝนอย่างมุ่งมั่น จำรูญมองตามสายตาเขาแล้วพยักหน้าอย่างรู้ได้ว่าเขาพูดถึงพาไล

เมื่อนครินทร์ไปดูแลปิ่นปักที่บริษัท เขาถามน้องอย่างไม่สบายใจว่าระยะนี้เธอผอมไปมาก ปิ่นปักอ้างว่างานหนัก

“แน่ใจหรือว่าใช่เรื่องงาน ปิ่นมีปัญหากับคุณศกใช่ไหม”

ปิ่นปักเรียกเตือนพี่ชาย เพรียวรู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินจึงขอตัวออกไป พอเพรียวออกไป ปิ่นปักกระซิบบอกพี่ชายว่า

“พี่รินทร์อย่าพูดเรื่องครอบครัวปิ่นที่นี่ได้ไหมคะ ปิ่นเป็นถึงรองผู้อำนวยการ เป็นเจ้าของโปรเจกต์พราวเลดี้ ถ้าใครมาได้ยินว่าชีวิตคู่ของปิ่นมีปัญหาปิ่นเป็นลมเพราะเครียดว่าสามีไปมีผู้หญิงอื่น ทั้งที่แต่งงานกันได้ไม่ถึงปี แล้วใครเขาจะเชื่อถือปิ่นล่ะคะ”

“จ้ะ...พี่เข้าใจ งั้นเรากลับไปคุยกันที่บ้าน ปิ่นต้องให้พี่ไปส่งที่บ้าน แล้วให้เพรียวขับรถของปิ่นกลับไป”

เพรียวออกจากห้องไปแล้ว แต่เขายังยืนมองปิ่นปักอยู่ที่ประตูอย่างเห็นใจ

ooooooo

เมื่อกลับถึงบ้าน ปิ่นปักจึงบอกนครินทร์ว่าศกมีผู้หญิงอื่น แต่ตนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

เพรียวขับรถของปิ่นปักมาให้ที่บ้านพร้อมผลไม้แต่พอเห็นบ้านใหญ่โตของปิ่นปักก็ไม่กล้าเอาผลไม้ธรรมดาๆที่ซื้อมาให้ นครินทร์จึงให้แม่มายเอาไปจัดการแต่บอกว่าเพรียวซื้อมาฝาก

นครินทร์ถามแม่มายจึงรู้ว่า ศกกลับบ้านทุกวันแต่กลับดึกไม่เป็นเวลา ตั้งแต่ตนมาทำงานที่นี่ศกกับปิ่นปักทานข้าวเย็นด้วยกันน้อยมาก ปิ่นปักมักทานคนเดียวเกือบทุกวัน บางวันก็ไม่ทานกลับมาก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

“ผมฝากดูแลปิ่นด้วย แล้วถ้ามีอะไรแม่มายโทร.หาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” นครินทร์เอานามบัตรของตนให้แม่มาย เพรียวแย่งนามบัตรไปเขียนเบอร์โทร.ของตนไว้หลังนามบัตรบอกแม่มายว่าถ้าโทร.ถึงนครินทร์ไม่ติดให้โทร.ถึงตนได้ตลอดเวลา

เมื่อแม่มายขอตัวไปทำงานแล้ว เพรียวมองเรือนหอของปิ่นปักเปรยๆกับนครินทร์ว่า

“สร้างเรือนหอใหญ่โต แต่ไม่มีเวลาให้กัน มันจะไปมีความสุขได้ยังไง อ้อ...ว่าไงไอ้รินทร์ เรื่องที่แกบอกว่าจะไปเคลียร์กับคุณศก ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”

ไปนั่งทานอาหารที่ร้านกัน นครินทร์จึงเล่าให้ฟังว่าพาไลไปทำงานกับศก เพรียวถามว่าเขาคิดไหมว่าสองคนนี้มีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจ เพราะถ้าพาไลบริสุทธิ์ใจจริง ก็ต้องบอกเขา นครินทร์บอกว่าตนไม่สำคัญกับพาไลถึงขนาดเธอต้องบอกทุกเรื่อง เพรียวติงว่า หรือไม่ก็เขาอาจสำคัญมากจนเธอไม่กล้าบอก แจกแจงเหตุผลให้ฟังว่า

“นายเกิดมาดีพร้อมทุกอย่าง หน้าตาหล่อ การศึกษาดี นิสัยเยี่ยม ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้นายแล้วไม่ชอบก็บ้าแล้ว ยิ่งนายไปให้ความสนิทสนมกับพาไลมากเป็นพิเศษ ทำไมพาไลจะไม่หวั่นไหว หรือนายจะปฏิเสธว่านายไม่เคยรู้สึกได้เลยว่าพาไลมีใจให้”

นครินทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง บอกเพรียวว่า ตนเคยคิดว่าพาไลชอบตน แต่ตนอาจคิดไปเอง เพรียวยืนยันว่าไม่คิดไปเองหรอก พาไลชอบเขาจริงๆ แต่พาไลก็สนใจศกด้วย นครินทร์ถามว่าเธอจับปลาสองมือหรือ ตนเชื่อว่าพาไลจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

“นายจะเชื่ออะไรก็เชื่อไป แต่นายต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่พาไลเป็น มันไม่ใช่แผลสดที่ใช้เวลารักษาไม่นานก็หาย แต่มันเป็น ‘แผลเป็น’ ที่เกิดขึ้นมาเป็นสิบปี มันรักษาให้หายขาดกันไม่ได้ง่ายๆ แม่ฉันเคยบอกว่า คนเราถ้าสบายจนเคยตัว ความอดทนต่อความลำบากมันก็ต่ำลง แล้วนี่พาไลสุขสบายจากเงินของสามีคนอื่นมาเป็นสิบปี นายคิดว่าความอดทนของเขาจะเหลือสักเท่าไหร่วะ”

นครินทร์นิ่งคิดตามที่เพรียวพูดเพราะกังวลใจที่ยังไม่ได้พูดคุยชี้แจงให้นครินทร์ฟัง คืนนี้พาไลจึงไม่ยอมขึ้นห้องพัก เดินไปเดินมารอเขาอยู่ที่หน้าบ้านมีมิ้มกับฝนอยู่เป็นเพื่อน จนมืดค่ำยุงเริ่มมา ต้องไล่ยุงตบยุงกันยุกยิก

จุ้นออกมาทิ้งขยะเห็นทั้งสามก็เข้าไปหาเรื่องว่า จะหาเหยื่อก็ไปยืนไกลๆ เดี๋ยวชาวบ้านจะเข้าใจผิดว่าบ้านนี้สนับสนุนให้ชะนีขายเนื้อสด

มีหรือที่สาวจัดจ้านเจนสังคมอย่างมิ้มกับฝนจะยอมให้ว่าเอาถึงขนาดนี้ โต้เถียงกับจุ้นไม่กี่คำก็ลุยใส่กัน จนพาไลต้องหย่าศึก พามิ้มกับฝนขึ้นไปที่ห้องแล้วตัวเองกลับลงมาปักหลักรอนครินทร์ที่เดิม

ooooooo

ศกกลับถึงบ้าน รู้จากแม่มายว่าปิ่นปักกลับมาไม่ได้ทานอะไรกลับมาแล้วก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ศกพึมพำอย่างรำคาญใจว่า พี่ชายเขาคงคาบข่าวมาบอกแล้วล่ะสิ แม่มายนึกได้บอกว่าวันนี้ปิ่นปักเป็นลมที่บริษัท

ปิ่นปักนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแต่ใจวกวนอยู่แต่กับรูปศกอยู่กับผู้หญิงที่พัชรินส่งมา พอศกเปิดประตูเข้ามาเธอทำเป็นอ่านหนังสือไม่สนใจเขา ศกพูดลอยๆว่าแม่มายบอกว่าเธอเป็นลม ถามว่าหาหมอหรือยัง เธอตอบเนือยๆว่ายังเพียงแต่อ่อนเพลียนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไร


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น