วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 3


เม่ยนั่นเอง! เธอไม่ได้ประสงค์ร้ายกับโชว แค่อยากให้เขากลับบ้าน แต่ถ้าพูดกันดีๆเขาไม่มีทางยอมแน่ ก็เลยต้องใช้วิธีนี้

เม่ยถือเชือกเดินเข้ามาหมายมัดมือโชวแต่ไม่สำเร็จ แถมเธอยังเป็นฝ่ายโดนเขาจับมัดดิ้นรนอยู่พักหนึ่งกว่าเขาจะเปลี่ยนใจยอมแก้มัดให้ พอเม่ยขอโทษเรื่องภาคี ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าทำธุรกิจผิดกฎหมาย โชวบ่นอย่างน้อยใจว่าขนาดเธอยังรู้ คงมีแต่ตนที่โง่อยู่คนเดียว

“คุณชายไม่ได้โง่หรอกค่ะ แต่ความไว้ใจทำให้คุณชายคาดไม่ถึงต่างหาก”

“นั่นสิ คนเรามักตกม้าตายเพราะเชื่อคำพูดของคนใกล้ตัว”

“คุณชายเสียใจที่ทุกคนปกปิดเหรอคะ”

“ยังไม่เท่าที่รู้ว่าทุกคนในภาคีกำลังทำอะไรอยู่” โชวทิ้งท้ายหน้าเศร้า เม่ยมองเขาด้วยความเห็นใจ...

ในวันเดียวกันที่หน่วยอินทรีพิฆาต ชินกับริวสืบทราบว่าโชวหายออกจากบ้านตระกูลจางจริง อนาวิลเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะใช้ช่วงเวลาวุ่นวายไม่ทันระวังตัวหาหลักฐานจัดการพวกจตุรภาคี จึงยินดีเมื่อชินกับริวอาสาเร่งสายให้สืบข่าวหนักขึ้นและเขาสองคนจะลงพื้นที่เองด้วย

อนาวิลพอใจ วางแผนเล่นงานโชวให้อยู่หมัด แต่นัทซึ่งรับฟังอยู่ตลอดอดเตือนอนาวิลไม่ได้ว่าที่เขาอยากเอาชนะ แน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว

“พี่หมายความว่าไง” อนาวิลย้อนถาม

“ฉันอยากให้แกทำทุกอย่างตามหน้าที่ ไม่ใช่ใช้หน้าที่ทำทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว”

“ผมคิดมาตลอดว่าพี่เข้าใจผมดีที่สุด เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าจริงๆแล้วพี่ไม่รู้จักผมเลย” อนาวิลเดินออกไปด้วยท่าทางโกรธมาก สวนทางกับจ่าเดชโดยไม่ทักทายสักคำ จ่าเดชเดินเลยเข้ามาถามนัทว่ามีอะไรกันหรือเปล่า นัทส่ายหน้าก่อนบอกว่าไม่มีอะไรแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย แล้วเดินเลี่ยงไป ทิ้งความสงสัยไว้ให้จ่าเดชที่ยังค้างคาใจ...

ภูผาทำให้ข่าวโชวหายตัวไปรู้ถึงหูผู้หลักผู้ใหญ่ในจตุรภาคี ซึ่งแน่นอนว่าสองผู้เฒ่าต้องอยากรู้ว่าจริงเท็จ แค่ไหนจึงเดินทางมาที่บ้านตระกูลจางเพื่อให้เห็นกับตาว่าประมุขของภาคียังอยู่ดีหรือเป็นจริงอย่างข่าวลือที่ว่าเขาหนีออกจากบ้านเพราะไม่ต้องการทำหน้าที่ของภาคี

เหว่ยชิงไหวตัวทัน ให้มิ่งปลอมตัวเป็นโชวขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านท่ามกลางสายตาของสองผู้เฒ่าที่มองตามหลังไป พวกเขาจึงเชื่อว่าโชวยังอยู่ที่นี่ แล้วส่งข่าว ยืนยันไปทางภูผา สร้างความประหลาดใจแก่ชายหนุ่ม ยิ่งนัก แต่ก็ตามน้ำไปว่าตนคงเข้าใจผิดเอง ขอโทษสองผู้เฒ่าด้วย

หลังจากนั้น ภูผาบอกคนสนิทของตนว่าโชวยังไม่กลับบ้านแน่นอน ครั้งนี้นายหญิงแก้เกมได้ทัน ยังไง เราต้องปล่อยข่าวออกไปอีก ถ้าโชวไม่รีบกลับมายืนยันกับตำแหน่งประมุขเราก็มีโอกาสชนะ ตำแหน่งประมุขแห่งภาคีต้องอยู่กับคนที่คู่ควรเท่านั้น!

เหว่ยชิงตกอยู่ในภาวะเคร่งเครียดที่โชวหนีหายไป หลี่เฟยเห็นนายของตนกลุ้มใจก็เป็นห่วง ปลอบใจเธอว่าคุณชายต้องกลับมา

“เรารอไม่ได้แล้ว ตำแหน่งประมุขจตุรภาคีมีอำนาจกุมธุรกิจใต้ดินกว่าครึ่งค่อนประเทศ ยังไม่รวมธุรกิจบังหน้าต่างๆอีก คิดว่ามันไม่ยั่วยวนใจใครบ้างเหรอ ถ้าข่าวโชวหนีไป แพร่มากกว่านี้ ไม่เป็นผลดีกับเราแน่”

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ผมคงไม่ยอมให้คุณชายไป ผมขอโทษครับนายหญิง”

“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว พูดขึ้นมาก็ไร้ประโยชน์ ยังไงซะก็ต้องตามโชวกลับมาให้ได้ ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องเอาตัวเขากลับมา”

“ครับนายหญิง” หลี่เฟยรับคำแล้วผละไป เหว่ยชิง หันมองรูปจางฉงบนโต๊ะ พึมพำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ฉันไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ ตราบใดที่เขาทำในสิ่งที่ต้องการไม่สำเร็จ!”

ooooooo

มิ่งแอบโทรศัพท์หาโชวหลังนายมีผู้เป็นพ่อส่งข้อความถามตนว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชาย มิ่งเลยเดาออกว่าโชวต้องอยู่ที่เกาะตระกูลจางแน่ๆ

โชวกำชับมิ่งห้ามปากโป้งบอกใครเด็ดขาดว่าตนอยู่ที่ไหน มิ่งรับปากดิบดีแต่พอวางสายเดินบ่นคนเดียวมาเจอเฉินยืนจังก้า ได้ยินชัดว่ามิ่งพูดถึงคุณชาย เฉิน เลยคาดคั้นเป็นการใหญ่ แต่ไม่ว่าจะยังไงมิ่งก็ไม่ปริปาก แม้ถูกซ้อมสะบักสะบอมเขาก็ยอมเจ็บแต่ไม่ยอมพูด

ขณะเดียวกันที่เกาะส่วนตัว เม่ยพยายามค้นหาโทรศัพท์ของตนที่โชวเอาไปซ่อน หาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเจออยู่ในตะกร้าผ้า เธอรีบติดต่อหลี่เฟยแต่ไม่ทันได้คุยอะไร โชวเข้ามาแย่งโทรศัพท์แล้วต่อว่าเธอด้วยความน้อยใจก่อนจะส่งมันคืนให้พร้อมกับบอกว่า

“ฉันแค่อยากมีเวลาที่สุขใจบ้าง เธอจะให้ฉันได้ไหม”

เม่ยฟังแล้วอึ้งไปอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขา...

ฝ่ายมิ่งที่ถูกเฉินซ้อมจนเจ็บหนัก บัดนี้เขาถูกหลี่เฟยแย่งโทรศัพท์มาเช็กการติดต่อ ปรากฏว่าเจอมิ่งโทร.หานายมีพ่อที่เป็นใบ้ และมีข้อความจากนายมีส่งมาหามิ่งว่าคุณชายมาที่เกาะ ไม่สบายใจ เกิดอะไรขึ้น

เมื่อแน่ใจแล้วว่าโชวอยู่ที่เกาะส่วนตัวตระกูลจาง เหว่ยชิงสั่งสองพ่อลูกหลี่เฟยกับเฉินไปตามตัวเขากลับมาโดยเร็ว

ooooooo

วีนัสหาโอกาสเจออนาวิลเพื่อจะชวนเที่ยวเตร่ประสาคู่รัก ปรากฏว่านายตำรวจหนุ่มยังคงยุ่งอยู่กับงาน จึงผัดผ่อนไปก่อน แต่สัญญาว่าวันนี้ขอพาเธอไปกินข้าว ที่ห้างแล้วจะแนะนำใครบางคนให้รู้จัก

อนาวิลหมายถึงดุจดาวน้องสาวของตนนั่นเอง แต่สองฝ่ายไม่ทันได้เจอกันอนาวิลก็มีอันต้องรีบผละไปเพราะมีงานด่วน...เขาคล้อยหลังไปไม่นาน วีนัสกับดุจดาว เจอกันเอง แต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกัน แล้วก็เป็นการเจอ ที่แย่สุดๆ เพราะวีนัสมัวแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือกับเพื่อนจนเดินชนดุจดาว แต่หล่อนกลับเป็นฝ่ายจะเอาเรื่อง ไม่ยอมรับผิด ดุจดาวเลยจับใส่กุญแจมือติดกับระเบียงก่อนโทร.ตามลูกน้องมาจัดการต่อ

วีนัสทั้งโกรธและอาย กรีดร้องโวยวายจนตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา กว่าตำรวจลูกน้องของดุจดาว จะมาปลดกุญแจมือให้โดยไม่เอาผิดก็ผ่านไปพักใหญ่...

ที่เกาะส่วนตัว เม่ยปล่อยให้โชวไปเดินเล่นชายทะเล ตามสบาย ส่วนตัวเธอมุ่งหน้ามาหลังกระท่อมของลุงมี ที่ปลูกสมุนไพรไว้จำนวนมาก ซึ่งเม่ยรู้จักดีว่ามันเป็นสมุนไพรพิษและแก้พิษ เหมือนกับที่เหว่ยชิงปลูกไว้ที่บ้าน ลุงมีได้ยินเม่ยพูดอย่างนั้นก็หน้าซีด หยิบกระดาษมาเขียนข้อความว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ไม่ยอมบอกเหตุผล

“ถึงจะถามอะไรต่อลุงมีคงไม่ตอบเม่ยอีกแน่ๆใช่ไหมคะ”

ลุงมีพยักหน้าแล้วเขียนคำว่าขอโทษ แต่เพื่อความปลอดภัยของคุณหนูเอง...ข้อความนั้นทำให้เม่ยยิ่งอยากรู้มากขึ้น แต่ลุงมีเอาแต่โบกมือ เธอจึงตัดบทว่าเอาเถอะ เธอจะรอจนกว่าลุงมีอยากบอก เม่ยเดินดูสวนสมุนไพรต่อไป เจอแปลงหนึ่ง

ล้วนเป็นสมุนไพรพิษ ซึ่งลุงมีก็พยักหน้ายอมรับและยกนิ้วโป้งชมเธอเก่ง

“เม่ยอยู่ที่บ้านกับนายหญิงมาตั้งแต่เล็กๆ นายหญิง ชอบศึกษาเรื่องสมุนไพรมาก เม่ยเลยมีโอกาสแอบศึกษาไปด้วยในตัวน่ะค่ะ”

ลุงมีได้ยินชื่อนายหญิงก็มีสีหน้าวิตกกังวล แต่พอเม่ยหันมาแกก็ปั้นยิ้มเป็นปกติ

“ว่าแต่สมุนไพรพวกโน้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งนั้น เท่าที่เม่ยรู้มีแต่ที่บ้านตระกูลจางเท่านั้น ทำไมลุงมีถึงมีมาปลูกได้ล่ะคะ”

ลุงมีอึ้งไม่รู้จะตอบยังไงแล้วปลีกตัวไปรดน้ำพรวนดินสมุนไพร เม่ยไม่ตอแยแต่มองตามแกด้วยความสงสัย

ooooooo

ดุจดาวกลับเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดีหลังจากลูกน้องรายงานการปล่อยตัวสาวสวยนิสัยแย่เรียบร้อยแล้ว...แต่จู่ๆสาวใช้ก็วิ่งมาบอกดุจดาวว่าแย่แล้ว คุณนัทกับคุณท่าน...

หญิงสาวไม่ได้ฟังจนจบ รีบวิ่งไปมุมหนึ่งในบ้านซึ่งอนันต์กำลังเสียงดังใส่นัทราวกับมีเรื่องทะเลาะกัน

ปรากฏว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างแรงของดุจดาว นัทมาทำเรื่องดีๆด้วยการสู่ขอเธอจากพ่อ แล้วที่อนันต์เสียงดังก็เพราะความดีใจ โดยมีนวลจันทร์ยืนยิ้มปลื้มอยู่ด้วย

นัทกำพร้าไม่มีพ่อแม่จึงมาสู่ขอด้วยตัวเอง อนันต์กับนวลจันทร์ให้สิทธิ์ลูกสาวตัดสินใจเอง เมื่อดุจดาวตกลง อนันต์จึงพูดติดตลกว่าตนก็ตกลง กล้าขอก็จะยกให้แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่รับคืน

ทุกคนยิ้มขำ นัทขอบคุณพ่อแม่ของแฟนสาวแล้วพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน พูดคุยกันอย่างมีความสุข โดยมีสายตาของอนันต์กับนวลจันทร์เฝ้ามองด้วยความสบายใจ เชื่อว่านัทดูแลดุจดาวได้ แต่พอนึกถึงลูกชายคนโต นวลจันทร์ก็เปรยขึ้นมาว่า

“น้องสาวกำลังจะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว อีตาพี่ชายมัวแต่บ้างานที่ไหนก็ไม่รู้”

ขณะนั้นอนาวิลตามไปสมทบกับริวและชินที่โกดังเก็บสินค้าของพวกจตุรภาคี ซึ่งที่นี่วายุเป็นผู้ดูแล พวกอนาวิลเห็นลังไม้แต่ไม่แน่ใจว่าข้างในมีของผิดกฎหมายอยู่หรือไม่ ครั้นจะบุ่มบ่ามเข้าค้นก็เสี่ยงเกินไป และถ้าของในลังไม่ใช่ของผิดกฎหมายก็ยิ่งแย่ จึงตัดสินใจถอยออกมาในที่สุด

ที่โรงพยาบาล ดุจดาวตั้งใจมาบอกข่าวดีของตนกับนัทให้เม่ยเพื่อนรักรับรู้ แต่พอมาถึงกลับไม่พบเม่ย ทราบจากเพื่อนพยาบาลว่าเธอไม่มาทำงานเพราะต้องดูแลเจ้านาย ดุจดาวอยากรู้เรื่องราวของเจ้านายเม่ย แต่เพื่อนของเธอบอกปัดว่าเรื่องส่วนตัวพูดไม่ได้ ถ้าอยากรู้ต้องถามเม่ยเอง

ดุจดาวเซ็ง บ่นว่าเปิดปากเม่ยง่ายเหมือนคนร้ายเสียที่ไหน นัทปลอบใจแฟนสาวว่าอย่าอารมณ์เสีย เม่ยไม่อยู่ไว้เราค่อยมาบอกข่าวดีวันหลังก็ได้

“ดาวไม่ได้อารมณ์เสียเพราะเรื่องนี้หรอกค่ะ แค่น้อยใจ ตั้งแต่รู้จักกันมาเรายังสนิทกันไม่พอเหรอ เม่ยถึงไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย”

“ที่ดาวคบกับเม่ยเพราะชาติตระกูลของเม่ยรึเปล่า” ถามแล้วนัทเห็นดุจดาวส่ายหน้าจึงถามต่อไปว่า “ถ้างั้นก็เพราะฐานะหน้าที่การงานของเม่ย”

“ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละค่ะ ที่ดาวคบกับเม่ยเพราะเม่ยเป็นเพื่อนที่ดีที่ดาวรักมากที่สุด”

“งั้นเรื่องส่วนตัวก็ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเม่ยเถอะครับ เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็คบกันได้ บางทีอาจจะดีกว่ารู้เรื่องของกันและกันมากเกินไปซะอีก”

“ดาวเข้าใจแล้วค่ะ ดาวจะไม่ถาม จนกว่าเม่ยอยากจะเล่าให้ฟังเอง”

นัทลูบหัวดุจดาวอย่างเอ็นดู ชมว่าที่เจ้าสาวของตนเข้าใจง่าย เธอทำตาดุใส่บอกว่าตนไม่ใช่หมา นัทยิ้มขำและไม่วายแหย่เธออีกว่าปีนี้ฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าหรือยัง

“พี่นัท!” เธอขึ้นเสียงหน้างอง้ำ นัทหัวเราะ แต่แล้วชะงักกับเสียงสัญญาณข้อความที่ส่งเข้ามา เขากดอ่านก่อนบอกแฟนสาวว่าพี่มีงานด่วน ดุจดาวเข้าใจบอกให้เขาไปเถอะ ตนกลับเองได้

นัทรีบไปที่หน่วยอินทรีพิฆาต ตำหนิพวกอนาวิลที่บุกรังของจตุรภาคีเป็นการเสี่ยงเกินไป อนาวิลไม่พอใจอ้างตนเองเป็นหัวหน้าหน่วยฯ ตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะบุกจับพวกจตุรภาคีให้ได้!

ooooooo

ที่ชายทะเล โชวบังคับเม่ยไปเล่นเรือใบ หารู้ไม่ว่าหลี่เฟยกับเฉินมาถึงบ้านพักแล้ว และกำลังคาดคั้นลุงมีว่าคุณชายอยู่ไหน...

จังหวะที่โชวพาเม่ยกลับเข้าฝั่ง ดุจดาวโทร.มาหาเม่ยบอกข่าวดีว่าตนจะแต่งงาน อยากให้เธอช่วยเตรียมงานและเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาว เม่ยรับคำด้วยความยินดีและจะรีบกลับไปทันทีที่เสร็จธุระ

โชวเห็นเม่ยพูดโทรศัพท์แต่ไม่รู้ว่าคุยกับใคร พอเห็นหลี่เฟยกับเฉินเดินตรงดิ่งมาก็เข้าใจผิดว่าเม่ยส่งข่าวพวกเขาถึงตามมาถูก ชายหนุ่มตัดพ้อเธอว่า

“ฉันคงทำดีกับเธอเกินไป เธอถึงได้ตอบแทนความไว้ใจของฉันแบบนี้”

เม่ยหน้าเสีย อยากอธิบายแต่หลี่เฟยเข้ามาขัดก่อนจะยื่นคำขาดกับโชวว่านายหญิงสั่งให้เขากลับเดี๋ยวนี้ ขณะที่เม่ยก็ช่วยกระตุ้นด้วยการท้าทายว่ามีแต่เด็กเท่านั้นที่คิดหนีปัญหา ถ้าเขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่เด็กก็ทำให้เห็นว่าเขาโตพอจะเผชิญทุกอย่างด้วยความกล้าหาญ

โชวโกรธเดินฮึดฮัดจากไป แต่อีกครู่ต่อมาได้ยินหลี่เฟยกับเฉินคุยกันว่าพวกอินทรีพิฆาตจะบุกจับกลุ่มลมบูรพาของวายุที่จะส่งของคืนนี้ ซึ่งเป็นคำสั่งของเหว่ยชิง เท่ากับเธอส่งให้วายุไปตาย...โชวเป็นห่วงเพื่อนรัก จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านและพยายามโทร.หาวายุแต่ไม่สามารถติดต่อได้

ตกกลางคืน ภูผาทราบเรื่องนี้ก็ยิ้มย่องเยาะหยันวายุว่าเจอตอเสียแล้ว จู่ๆอันดาพรวดพราดเข้ามาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ ชวนภูผาไปช่วยวายุที่กำลังเดือดร้อน

ภูผาไม่มีท่าทีกระตือรือร้นแถมยังถามอันดาว่าคิดดีแล้วหรือ อันดาฟังแล้วชะงักอย่างไม่เข้าใจ

“แกหมายความว่าไง”

“แกลืมไปแล้วเหรอว่าธุรกิจน้ำมันกลุ่มอันดามันของแกกับกลุ่มลมบูรพาของไอ้วายุผลประโยชน์มันทับซ้อนกันอยู่ ลองคิดดูดีๆสิ ถ้าวายุมันเจอตอแบบนี้ ฉันว่ามันจะเป็นผลดีกับแกมากกว่ารึเปล่าวะอันดา”

“แต่วายุมันเพื่อนเรานะเว้ย”

“อันดา...แกอย่าทำเป็นตัวเป็นเด็กสิวะ โลกธุรกิจไม่มีคำว่ามิตรแท้และศัตรูถาวร มันมีแต่คำว่าผลประโยชน์ต่างหาก”

“แต่...” อันดาอึกอักลังเล ภูผาเลยบอกว่าตามใจ ลมบูรพาจะเป็นยังไงไม่มีผลกับกลุ่มฟ้าเหนือของตนอยู่แล้ว แต่ตนเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนรัก ถ้าให้เลือกตนเลือกเข้าข้างเขา

อันดาครุ่นคิดสักครู่ก่อนตัดสินใจไม่ไปช่วยวายุอย่างที่ภูผาแนะนำ ภูผาเห็นอันดามีสีหน้ารู้สึกผิดก็ทำเป็นปลอบใจ

“เอาน่า ฉันเองก็ไม่สบายใจเหมือนกันที่ต้องทำแบบนี้ แต่ถ้าเราอยากยิ่งใหญ่ มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำลายคนอื่นไปด้วย”

“ฉันจะเชื่อแก” คำตอบของอันดาทำให้ภูผาลอบยิ้มสมใจ

ooooooo

อนาวิล นัท ริว ชิน และจ่าเดชบุกโกดังเก็บสินค้าของวายุโดยมีหมายค้นถูกต้อง สมุนของวายุไม่สนใจกระชากหมายค้นมาฉีกทิ้งหน้าตาเฉย อนาวิลเดือดจัดเล่นงานมันหมอบกระแตและทำท่าจะตรวจค้นลังสินค้าแต่โชวปรากฏตัวขัดขวางเสียก่อน

วายุดีใจที่โชวกลับมาและยอมให้ตำรวจจากหน่วยอินทรีพิฆาตค้นลังสินค้าได้ตามสบาย ปรากฏว่าในลังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย อนาวิลพูดไม่ออกทั้งที่จำได้ว่าลังพวกนี้ไม่ใช่ที่ตนเห็นก่อนหน้านี้ นัทเชื่อว่าพวกมันรู้ตัวก่อนเลยย้ายของไปแล้ว

อนาวิลกับโชวเกือบวางมวยเพราะโชวหาว่าตำรวจจะมายัดของกลาง นัทต้องเข้าห้ามและเตือนอนาวิลว่างานนี้เราเสียเปรียบ แล้วทั้งหมดก็พากันกลับไปอย่างเจ็บใจ จากนั้นโชวคาดคั้นวายุให้เล่ามาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นยังไง

หลังฟังความจริงจากปากวายุแล้วโชวรีบกลับบ้านด้วยความโมโหที่เสียรู้เหว่ยชิง...เธอรู้ว่าพวกอินทรีพิฆาตจะบุกโกดังของวายุจึงใช้โอกาสนี้วางแผนเพื่อให้โชวกลับมา แต่วายุก็บอกโชวว่านายหญิงทำไปเพราะเป็นห่วงเขา โชวไม่เชื่อ ย้อนวายุว่านายแม่เป็นห่วงตำแหน่งประมุขภาคีมากกว่า

ถึงบ้าน โชวตั้งใจจะตัดพ้อต่อว่าเหว่ยชิงแต่ดันมาเจอเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมีคนร้ายบุกห้องนอน เหว่ยชิงหมายทำร้ายด้วยมีดแหลมคม โชวเข้าสกัดต่อสู้กันครู่หนึ่งก่อนที่คนร้ายจะหนีไปโดยทิ้งของบางอย่างเอาไว้

ที่แท้มันคือแผนอันแยบยลของเหว่ยชิง! เธอให้สมุนพรางหน้าทำทีเข้ามาทำร้ายแล้วทิ้งเครื่องหมายประจำตัวกองปราบเอาไว้ ทำให้โชวเชื่อว่าคนร้ายคือคนที่อนันต์ส่งมา...ความแค้นที่โชวมีต่ออนันต์เลยยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณ!

เช้าขึ้นโชวสั่งทำโทษเวรยามที่บกพร่องหน้าที่ปล่อยคนร้ายเข้าไปถึงห้องนอนเหว่ยชิงด้วยการให้เขาแช่น้ำแข็งที่เย็นจัดหนาวยะเยือก เม่ยเห็นแล้วอดต่อว่าโชวไม่ได้ว่าป่าเถื่อน แต่พอรู้ว่าเมื่อคืนมีคนร้ายบุกเข้าห้องเหว่ยชิง เม่ยตกใจซักโชวเป็นการใหญ่ว่านายแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า

เหว่ยชิงแค่ตกใจไม่ได้อะไรมาก โชวเข้ามาบอกเธอว่าตนเพิ่มเวรยามให้แล้ว เหว่ยชิงแสดงท่าทีกังวลบ่นว่าจะวางใจได้ยังไง ในเมื่ออนันต์ยังจ้องเล่นงานตนอยู่

“เรื่องนั้นนายแม่ไม่ต้องห่วง ผมเอาคืนมันแน่”

เหว่ยชิงลอบยิ้มก่อนจะให้ข้อมูลว่าตนได้ข่าวเมียของอนันต์ชอบออกงานสังคม...โชวไม่รอช้าที่จะแก้แค้นอนันต์ด้วยการมุ่งหน้าไปยังงานการกุศลที่นวลจันทร์เป็นแม่งาน

นวลจันทร์เต็มใจและเต็มที่กับงานสังคมที่ได้ช่วยเหลือคนด้อยกว่าไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ โชวเข้ามาปะปนอยู่ในงานจับจ้องเธออยู่นานพอควรก่อนจะส่งรูปถ่ายนวลจันทร์พร้อมข้อความใต้ภาพว่า “อย่านึกว่าคุณจะลอบกัดเป็นฝ่ายเดียว” ไปที่โทรศัพท์มือถือของอนันต์

อนันต์ตกใจมากรีบโทร.เช็กนวลจันทร์ว่าอยู่ที่ไหนให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ จังหวะนั้นโชวยังมองนวลจันทร์ไม่วางตา พอเฉินเดินเข้ามาก็สั่งให้เขาเตรียมตัวตามแผนทั้งที่ลึกๆรู้สึกผูกพันกับผู้หญิงคนนี้อย่างประหลาด

เฉินพร้อมแล้วในชุดมิดชิดปกปิดใบหน้าด้วยหมวกกันน็อก เขาขี่มอเมอร์โซค์ด้วยความเร็วพุ่งเข้าหานวลจันทร์ที่ยังถือโทรศัพท์ค้างหลังจากคุยกับสามี แต่พอรถจะถึงตัวเธอ โชวกลับวิ่งไปกระชากเธอหลบทันอย่างฉิวเฉียด ท่ามกลางเสียงร้องของผู้คนที่ตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น