วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 6


พอโฉมได้ยินฉัตรบอกแม่ว่ากำลังจะไปเยี่ยมหลวงพ่อที่วัดก็แขวะทันที

“หลวงพ่อหรือใครกันแน่ กลัวจะเลยวัดไปถึงเรือนปั้นหยาซะมากกว่า”

ซ่อนกลิ่นอดเป็นห่วงไม่ได้ ซักลูกชายจะไปหาใครหรือ เขายังไม่ทันจะตอบคำถาม โฉมชิงพูดตัดหน้าว่าเป็นบ้านของสองพี่น้องที่ผู้คนลือกันทั้งพระนครว่าเป็นปอบฆ่าคนตายมานักต่อนักแล้ว จำแลงกับอำนวยที่หายตัวไปก็น่าจะเป็นฝีมือของผู้หญิงในบ้านหลังนั้น ฉัตรตำหนิน้องสาวที่พูดจาเหลวไหล ขอร้องแม่อย่าไปฟัง แล้วขอตัวไปหาหลวงพ่อก่อน นัดกันไว้ไม่อยากให้ท่านรอ ซ่อนกลิ่นมองตามลูกชายที่เดินจากไปด้วยสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะหันมาถามโฉมว่าเรื่องที่พูดมาเป็นความจริงหรือ

“จริงสิคะ อุ๊ย โฉมไปกับพี่ฉัตรดีกว่า จะไปให้แม่ชีช่วยดูดวงให้ด้วย โฉมไปก่อนนะคะแม่” โฉมรีบร้อนออกจากบ้านโดยไม่ฟังเสียงเรียกให้กลับมาก่อนของแม่ ซ่อนกลิ่นใจคอไม่ดี ภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าปกปักรักษาลูกของตนด้วย จากนั้นไม่นานนัก ฉัตรมาถึงหน้าวัด โดยมีโฉมไล่ตามมาติดๆ เขาหันมาเห็นก็ชักสีหน้าไม่พอใจ ถามเสียงเขียวว่าตามมาทำไม เธอแค่อยากจะพิสูจน์เท่านั้นว่าเขาจะไปบ้านนังปอบสองพี่น้องนั่นหรือเปล่า ฉัตรมองน้องสาวด้วยสายตาตำหนิ ก่อนเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร

“ระวังจะตายไม่รู้ตัว” โฉมตะโกนไล่หลัง...

ฉัตรมากราบเรียนหลวงพ่อว่าถูกหลวงดุนออกจากราชการแล้ว แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเขาจะไปทำงานกับพวกพ่อค้า หลวงพ่อปลอบใจ ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน

“มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เราต้องพร้อมยอมรับความเป็นอนิจจังให้ได้...ถ้าว่างก็มาปฏิบัติธรรมบ้างนะฉัตร บางทีสิ่งที่ร้ายอาจกลายเป็นดีขึ้นมาบ้าง”

ฉัตรอดถามไม่ได้ว่าตนเองกำลังจะมีเคราะห์หรือท่านถึงได้พูดแบบนี้ หลวงพ่อไม่ตอบ ได้แต่เตือนว่าหนีอะไรก็หนีได้แต่หนีกรรมของตัวเองไม่พ้น...

ทางด้านโฉมเห็นรุ้งแก้วกวาดลานวัดไปพลาง ปาดน้ำตาไปด้วยก็ยิ้มสะใจ จะเข้าไปหาเรื่อง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นธวัชเดินมาจากอีกด้านหนึ่งพร้อมด้วยปิ่นโตเสียก่อน

“รุ้งแก้ว เมื่อเช้าพี่ไปบิณฑบาตกับหลวงพ่อมา ท่านฉันมื้อเดียวก็เลยให้พี่เอามาฝากน้องรุ้งแก้ว” ธวัชเห็นคราบน้ำตาเปื้อนใบหน้าของเธอทักว่าร้องไห้มาทั้งคืนเลยใช่ไหม หญิงสาวพยักหน้ารับคำ

โฉมมองหมั่นไส้ “ตกอับขนาดต้องมาขอข้าววัดกิน นี่คงสิ้นคิดเอาเด็กวัดทำผัว อยากรู้จังว่านังพี่สาวมันเป็นยังไง” เธอพึมพำเสร็จ เดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ครู่ต่อมา โฉมเดินมาถึงหน้าโบสถ์เจอแม่ชีน้อมกำลังทำความสะอาดบริเวณนั้นอยู่กับยายจิต เธอขอให้ท่านช่วยดูดวงให้ ท่านปฏิเสธว่าไม่ใช่หมอดู แต่เป็นผู้ปฏิบัติธรรม แล้วถอดแหวนพระเก่าๆออกจากนิ้วตัวเองยื่นให้ โฉมมองไม่สนใจ ท่านจึงคะยั้นคะยอ

“ใส่ไว้เถอะค่ะ ถึงบ้านแล้วค่อยถอดก็ได้ มันไม่มีราคาหรอกนะคะแต่มีค่ามากมายสำหรับคุณ”

ooooooo

โฉมวอนหาเรื่องใส่ตัว บุกมาหาละอองคำถึงบ้าน เธอเห็นเหยื่อมาให้เชือดถึงที่ รีบเชิญเข้าไปในห้องรับแขก ผีเจ้าแสดงอิทธิฤทธิ์ ทำให้หน้าต่างเปิดปิดเองได้ โฉมตกใจถอยกรูด ผีเจ้าสิงร่างละอองคำ แล้วคว้าคอเธอบีบ โฉมปัดมือออกด้วยสัญชาตญาณ แหวนที่แม่ชีน้อมให้ส่องประกายสว่างจ้า

ละอองคำถึงกับผงะหงายหลัง ผีเจ้าหลุดออกจากร่างของเธอก่อนจะเลือนหายไป โฉมกลัวจัดวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต อารามรีบร้อนชนกับฉัตรที่เดินสวนมาอย่างจัง เขาคว้าตัวเธอไว้ทันก่อนที่จะล้มแล้วถามเสียงเครียดว่ามาที่นี่ทำไม เธออ้อนวอนให้เขากลับบ้านพร้อมกัน ขืนอยู่ที่นี่ได้ถูกนังปอบละอองคำฆ่าแน่ๆ

“พี่มีธุระกับคุณละอองคำ โฉมกลับไปก่อนเถอะ”

“โฉมเตือนพี่แล้วนะ ไม่เชื่อก็ตามใจ ระวังจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ”

ละอองคำได้ยินทุกคำพูดที่สองพี่น้องคุยกัน ต้องการเอาชนะโฉม รีบออกมาเชิญฉัตรให้เข้าไปในบ้าน โฉมเห็นป่วยการจะขัดขวาง จำต้องปล่อยให้พี่ชายไปผจญกรรมตามลำพัง

นอกจากฉัตรจะไม่สนใจคำเตือนของน้องสาว ยังคอยดูแลเอาใจใส่ต้มยาจีนให้ละอองคำดื่มบำรุงร่างกาย เธอแอบตามเขาไปที่ครัว เห็นความตั้งใจจริงของเขาแล้ว อดซาบซึ้งใจไม่ได้ ค่อยๆย่องกลับไปที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้น ย้ำเตือนละอองคำว่าเคยเจ็บปวดเพราะความรักมาแล้วทำไมไม่รู้จักจำ ละอองคำตกใจที่ผีเจ้าอ่านใจตนเองออก ได้แต่อ้ำอึ้ง ผีเจ้ายิ้มเจ้าเล่ห์เข้ามากระซิบข้างหู

“ข้าอยากกินมัน”

ละอองคำตาโตตกใจ ยังไม่ทันจะว่าอะไร ฉัตรถือถาดใส่ถ้วยยาที่เพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆสองใบเข้ามาวางตรงหน้า เธอรีบบอกให้เขากลับไปได้แล้ว เธอดื่มเองได้ เดี๋ยวน้องสาวของเขาจะมาว่าเธอทำร้ายเขา

“ผมไม่เคยกลัวคุณ เราเป็นเพื่อนกันแล้ว คุณกล้าไล่เพื่อนที่รู้สึกดีกับคุณได้ลงคอเลยหรือครับ

คุณละอองคำ...ดื่มซะ ดื่มตอนร้อนๆดีที่สุดครับ ความร้อนจะทำให้ยาได้ผลดี ผมจะดื่มเป็นเพื่อน เชิญครับ”

“ทำไมเซ้าซี้จัง ฉันบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวฉันดื่มเอง”

ฉัตรไม่ยอมกลับจนกว่าเธอจะดื่มยากับเขาก่อน เธอถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าไม่กลัวเธอหรือ เขาส่ายหน้า ถ้าต้องตายที่นี่แล้วได้อยู่กับเธอ เขายอมตาย คำตอบของเขาทำเอาละอองคำสะท้านด้วยความอาย คว้าถ้วยยาขึ้นดื่มแก้เขิน แล้วขอให้เขากลับไปได้แล้ว เธอดื่มยาตามที่ตกลงกันแล้ว เขาอิดออดอ้างยังไม่ได้คุยกันเลย ละอองคำกลัวเขาจะกลายเห็นเหยื่อของผีเจ้า พยายามขอร้องให้เขากลับ

“ก็ได้ครับ เอ้อ แล้วผมจะมาใหม่ อย่าลืมพักผ่อนเยอะๆนะครับ จะได้แข็งแรง” ฉัตรว่าแล้วฉวยมือละอองคำมากุมไว้ “สัญญานะว่าจะให้ผมมาต้มยาให้คุณดื่มอีก”

ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นด้านหลังฉัตร ละอองคำกลัวเขาจะถูกทำร้ายรีบรับปาก ฉัตรยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินออกไป ผีเจ้าหายตัวไปเช่นกัน ละอองคำเหลียวมองไปรอบๆใจคอไม่ดี

“ผีเจ้าอย่าทำอะไรเขานะ ผีเจ้ารับปากข้าก่อนสิ อย่าทำอะไรเขา”

ooooooo

ละอองคำเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงในห้องตัวเอง สีหน้ายังหวั่นๆกลัวผีเจ้าจะตามไปเล่นงานฉัตร พลันผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ต่อว่าว่ารักฉัตรมากหรือถึงใจอ่อนไม่ยอมให้เขาเป็นอาหารของตน เธอก็รู้ว่าตนหิว ทำไมถึงกล้าขัดคำสั่ง ละอองคำกระเถิบหนี ยกมือไหว้น้ำตาไหลพราก

“ข้าอยากมีเพื่อน ผีเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนข้า ผีเจ้าไม่เข้าใจดอก อย่าทำอะไรเขาเลย”

“มนุษย์! เจ้าไม่รู้ตัวเองรึละอองคำ ตัวเจ้าแสนงามเป็นมนุษย์ แต่ใจเจ้าน่าเกลียดน่ากลัวไม่ต่างจากผีเยี่ยงข้าดอก แล้วเจ้าจะเสียใจ เจ้าจะเสียใจ...” ร่างของผีเจ้ากลายเป็นกรวยดอกไม้ลอยกลับไปยังหิ้งผีที่ผนัง ละอองคำคร่ำครวญทั้งน้ำตาขอให้ผีเจ้าสงสารเธอด้วย เธออยากมีเพื่อน...

วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองเห็นวิญญาณเจ้าราบฟ้าเศร้าใจกับเรื่องของละอองคำ ปลอบใจไม่ให้คิดมาก ละอองคำก็ไม่ผิดจากแม่ของเธอเท่าใดนัก มากชู้หลายผัว ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อเขา เขาควรจะลืมผู้หญิงใจโลเลพรรค์นั้นได้แล้ว เจ้าราบฟ้าไม่อยากได้ยินคำว่าร้าย หันหลังจะหนี เจ้านางปิ่นเมืองหายตัววูบไปกอดเอวเขาไว้

“ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าพี่รักข้า แต่เจ้าพี่ก็ไม่เคยสนใจข้าเลย”เจ้านางปิ่นเมืองตัดพ้อทั้งน้ำตา...

ทางฝ่ายโฉมไม่พอใจมากที่เตือนพี่ชายแล้ว แต่เขาไม่สนใจฟัง ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ก่อนที่ฉัตรจะตัดรำคาญเดินหนีขึ้นห้อง ซ่อนกลิ่นได้ยินเสียงเอะอะเข้ามาต่อว่าว่าพี่น้องคู่นี้เป็นอะไรไป เจอกันไม่ได้เป็นต้องทะเลาะกันทุกที โฉมโต้ว่าจะไม่ให้ทะเลาะกันได้อย่างไรในเมื่อพี่ฉัตรไม่เชื่อว่าละอองคำไม่ใช่คน ซ่อนกลิ่นทักท้วงว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอว่าก็ได้ โฉมยืนยันว่านังนั่นไม่ใช่คน เพราะตนไปหามันมาแล้ว

“โฉม อะไรนะ! ลูกว่าเขาไม่ใช่คนแล้วไปหาเขาทำไม”

“ก็อยากพิสูจน์ไงคะว่ามันเป็นอย่างที่เขาลือกันหรือเปล่า”

ซ่อนกลิ่นสรุป ในเมื่อกลับมาปลอดภัยทั้งพี่ทั้งน้อง ละอองคำอาจไม่ได้เป็นอย่างที่โฉมว่าก็ได้ ครู่ต่อมาโฉมถอดแหวนที่แม่ชีน้อมมอบให้วางไว้บนโต๊ะในห้องนอนตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิดสงสัย

“หรือว่าแหวนยัยแม่ชีช่วยเราไว้”

ooooooo

รุ้งแก้วเป็นห่วงละอองคำมาก ปรึกษากับแม่ชีน้อมจะช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง ท่านเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะทำอะไรได้ ละอองคำก่อกรรมสร้างบาปไว้มากเหลือเกิน

“อีกนานแค่ไหนคะแม่ชี”

แม่ชีน้อมไม่พูดอะไร รุ้งแก้วถึงกับน้ำตาคลอ ธวัชสงสารเธอมาก ประคองเธอออกมาพลางปลอบว่าอย่าคิดมาก เขาไม่อยากเห็นเธอเศร้าใจแบบนี้ ในเมื่อแม่ชีน้อมบอกให้อดทน เธอก็ต้องทำตาม เธอพยักหน้ารับรู้...

ละอองคำเริ่มขัดขืนพลังอำนาจของผีเจ้าเพราะไม่อยากฆ่าใครให้เป็นบาปติดตัวอีก แล้วขยับจะเดินหนี ผีเจ้าสั่งให้เธอไปตามตัวรุ้งแก้วกลับมา เธอไม่ยอมทำตาม หากผีเจ้าหิว เธอจะไปหาคนอื่นให้กิน ผีเจ้าไม่ได้ต้องการอาหาร แต่ต้องการคนเป็นทายาทมาสืบต่อจากละอองคำ

“มีข้าคนเดียวก็พอแล้ว จะต้องยุ่งกับรุ้งแก้วทำไม”

ผีเจ้าไม่พอใจที่ละอองคำขัดขืน กลายร่างเป็นเงาดำพุ่งใส่ท้องเธอจนบวมปูดอย่างน่ากลัว เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ผีเจ้าขู่จะทรมานจนกว่าเธอจะยอมไปตามรุ้งแก้วกลับมา

“ไม่...ข้าจะไม่ตกเป็นทาสของผีเจ้าอีกแล้ว ไม่”...

เสียงร้องโหยหวนของละอองคำทำให้รุ้งแก้วที่นั่งสมาธิอยู่ถึงกับสมาธิหลุดร้องว่า “ไม่” ดังลั่น ทั้งแม่ชีน้อม ยายจิตและธวัชต่างตกใจรีบเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอละล่ำละลักว่าเจ้าพี่โดนปอบกิน ทรมานมาก เธอจะช่วยเจ้าพี่ได้อย่างไร แม่ชีน้อมสอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ไม่ว่าเราจะทุกข์ร้อนแค่ไหนก็ห้ามกงล้อแห่งกรรมให้หยุดหมุนไม่ได้ รุ้งแก้วถึงกับปล่อยโฮ อ้อนวอนแม่ชีน้อมให้ช่วยเจ้าพี่ของเธอด้วย

“บางทีจิตที่ว้าวุ่น ก็ทำให้เกิดภาพหลอนภาพลวงตา ทำใจให้สงบนะรุ้งแก้ว” แม่ชีน้อมปลอบ...

ธวัชชวนรุ้งแก้วออกมาสูดอากาศยามค่ำที่ลานวัด เผื่อจะช่วยให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง พลางปลอบว่าการนั่งสมาธิใหม่ๆ บางคนจะเห็นภาพหลอน เห็นผีมาขอส่วนบุญต่างๆนานา แม้จะได้รับคำปลอบโยนจากชายคนรักแต่ก็ไม่ได้ทำให้รุ้งแก้วคลายความเป็นห่วงละอองคำ ธวัชแนะให้ไปเยี่ยมเธอพรุ่งนี้ ไปตอนกลางวันคงไม่เป็นอะไร รีบไปรีบกลับ ได้พบเธอแล้วจะได้สบายใจขึ้น รุ้งแก้วเห็นดีด้วย...

ในขณะเดียวกัน ละอองคำนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ในห้องเนื่องจากถูกผีเจ้าเล่นงาน วิญญาณเจ้านางปิ่นเมืองเสนอตัวจะช่วยเหลือ ละอองคำปัดมือเธอออก ไล่ตะเพิดไปไกลๆ เธอหัวเราะลั่น

“สาแก่ใจข้านักอีละอองคำเหย รับผีต่างวงศ์มาเลี้ยงดู แล้วเป็นอย่างใดเล่า มันรักเจ้าเยี่ยงผีปู่ย่าและผีหลวงเมืองนายเมตตาเจ้าหรือไม่ อีละอองคำ”

“ออกไปให้พ้นหน้าข้า”

เจ้านางปิ่นเมืองไม่ยอมไปไหนจะขอดูละอองคำถูกทรมานจนตายต่อหน้า ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นสั่งให้เธออยู่ห่างๆทาสของตนแล้วพุ่งเข้าใส่ แต่เจ้าราบฟ้าขวางไว้ห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด ผีเจ้าไม่พอใจ ถ้าเขาไม่ไปจากที่นี่ ตนจะควักไส้ละอองคำมากินต่อหน้า แล้วเอามือลูบไล้ไปที่ท้องซึ่งพองนูนของเธอ คำขู่ได้ผล เจ้าราบฟ้ากับเจ้านางปิ่นเมืองพากันหายตัววับไป

ooooooo

โฉมเห็นแม่ลุกขึ้นทำกับข้าวใส่ปิ่นโตให้ฉัตรเอาไปฝากละอองคำแล้วเส้นริษยาแตกซ่าน ว่าประชดแม่ตัวเอง ถ้าอยากได้สะใภ้เมืองเหนือก็น่าจะบอก ตนจะได้หาคนที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่ครึ่งคนครึ่งปอบแบบนี้ ซ่อนกลิ่นตีแขนลูกสาวให้หยุดพูด แล้วชี้นิ้วเป็นทำนองให้ออกไป

“ไม่อยากฟังโฉมก็จะไป แต่เชื่อเถอะว่าไม่ผิดจากปากโฉมหรอก” โฉมสะบัดหน้าเดินจากไป

ซ่อนกลิ่นปลอบฉัตร อย่าไปถือสาน้องเลย ผีเจาะปากให้พูดก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ถ้าเขาชอบละอองคำจริงๆ ท่านก็ยินดีจะไปสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณี แล้วถามว่าทางโน้นมีท่าทีอย่างไรบ้าง

“คุณละอองคำเธอยังเฉยๆครับคุณแม่ อาจเพราะสุขภาพเธอไม่สู้จะแข็งแรง”

“ลูกก็ต้องเสมอต้นเสมอปลาย ผู้หญิงเราน่ะจะแสดงออกมากไม่ได้ มันไม่งาม คุณละอองคำเธอคงถือเรื่องนี้ ไปเถอะลูกเอาชนะใจคุณละอองคำให้ได้นะ แม่เอาใจช่วย”...

ธวัชทำตามสัญญาที่ให้ไว้ พารุ้งแก้วมาหาละอองคำที่บ้าน เธอเห็นน้องกลับมาก็ตกใจ สั่งให้รีบไปจากที่นี่ แล้วอย่ากลับมาอีก รุ้งแก้วเห็นสภาพอิดโรยของพี่สาวก็ยิ่งเป็นห่วง ละอองคำเรียกธวัชให้เข้ามาหา แต่พอเขาขยับเข้าใกล้ พลังจากตะกรุดเงินทำเอาละอองคำ

ถึงกับผงะ เขารู้ตัวรีบถอยห่าง เธอฝากเขาดูแลรุ้งแก้วด้วยแล้วสั่งให้ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ผีเจ้าเริ่มเล่นงานละอองคำอีก เธอเจ็บปวดสาหัสแต่พยายามข่มเอาไว้ไม่อยากให้น้องเห็น แล้วไล่ตะเพิดทั้งคู่เสียงลั่น ธวัชรู้งานรีบพารุ้งแก้วออกไป

ผีเจ้าบิดไส้ละอองคำหนักมือขึ้น พร้อมกับหัวเราะสะใจ รุ้งแก้วได้ยินเสียงหัวเราะน่าสยดสยอง ย้อนกลับมาดู ผีเจ้าพุ่งเข้าหาทันที ธวัชเอาตัวขวางไว้ทัน พลังของตะกรุดเงินส่องสว่างปะทะร่างผีเจ้ากระเด็นลงไปนอนร้องครวญครางกับพื้น

“ธวัช...พา...รุ้งแก้ว...ออกไป...เร็ว...สิ” สิ้นเสียงละอองคำ ธวัชดึงรุ้งแก้วออกไปทันที

คล้อยหลังไม่นานนัก ฉัตรมาถึงบ้านละอองคำพร้อมปิ่นโตใส่อาหารคาวหวาน ต้องตกใจเมื่อเห็นเจ้าของบ้านนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้องรับแขก เขารีบอุ้มไปวางบนตั่ง แล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้จนเธอรู้สึกตัวปรือตาขึ้นมอง เขาดีใจมากที่เห็นเธอไม่เป็นอะไร...

ในเวลาต่อมา ฉัตรตั้งสำรับบนโต๊ะอาหารเสร็จ เดินมาตามละอองคำที่นั่งพักผ่อนอยู่บนตั่งให้ไปกินข้าว ทีแรกเธอปฏิเสธว่าไม่หิว เขาต้องคะยั้นคะยอให้ลองชิมฝีมือแม่ของเขาที่ตั้งใจทำมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ละอองคำใจอ่อนยอมกินอาหาร แต่ก็กินได้ไม่มาก จากนั้นไม่นาน ฉัตรนำยาที่เพิ่งต้มเสร็จมาให้เธอดื่ม

“อีกไม่นานคุณละอองคำก็จะแข็งแรงออกนอกบ้านกับผมได้...ผมไม่ได้ทำงานที่กระทรวงธรรมการแล้วนะครับ หลวงท่านดุนคนออก ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนี้ผมได้งานที่บริษัทเฮียซ้ง แม้จะไม่มีเกียรติเท่ารับราชการ แต่ก็พอมีเงินเลี้ยงตัวและครอบครัวเล็กๆได้ไม่ลำบาก”

ละอองคำมองฉัตร รู้ว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร ขยับปากจะพูดบางอย่างแต่แล้วเปลี่ยนใจนิ่งเงียบ ก่อนจะเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มมองอย่างน้อยใจ แล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร...

แม้ละอองคำจะทำตัวเย็นชาอย่างไร แต่ฉัตรก็ไม่ย่อท้อ ตามมาดูแลจัดข้าวปลาอาหารพร้อมทั้งต้มยาบำรุงให้เธอไม่มีเว้นวัน บ้านช่องก็ช่วยดูแลซ่อมแซมทำความสะอาดจนเธอเริ่มใจอ่อน

ooooooo

รุ้งแก้วทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชาในโบสถ์เสร็จ พอดีตอนที่ธวัชเข้ามาบอกแผนการกำจัดผีชั่วร้าย

ที่เล่นงานละอองคำว่า ผีเจ้าอยู่ในกรวยดอกไม้ หากเรากำจัดกรวยดอกไม้ได้ ละอองคำก็จะปลอดภัย รุ้งแก้วยังนึกไม่ออกว่าจะทำได้อย่างไร เขาเสนอว่าต้องแยกละอองคำออกจากกรวยดอกไม้ให้ได้เสียก่อน

“แต่เจ้าพี่แทบไม่แยกจากกรวยดอกไม้นั่นเลย กรวยดอกไม้อยู่ในห้องนอนเจ้าพี่ด้วย ที่สำคัญผีเจ้ามีฤทธิ์มากเหลือเกิน”

“มันต้องมีวิธีสิ เพียงแต่เรายังคิดหาหนทางไม่ออก เอางี้...” ธวัชว่าแล้วดึงมือรุ้งแก้วไปปรึกษาเรื่องนี้กับแม่ชีน้อมอีกครั้ง ท่านเสนอแนะ หากจะกำจัดผี

ซึ่งเป็นมารก็ต้องอาศัยอำนาจแห่งพุทธคุณ รุ้งแก้วจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร คราวก่อนที่เอาพระพุทธรูปไปไว้ที่บ้าน ละอองคำก็เอาไปทิ้ง

“ถ้าเช่นนั้นเราก็เชิญผีเจ้ามาอยู่เสียที่วัดสิ จะได้อยู่กันอย่างสงบร่มเย็นทุกผู้ทุกฝ่าย ถึงเวลาแล้วแม่ชีจะบอก ทำใจให้สบายนะรุ้งแก้ว” คำพูดของแม่ชีน้อมทำให้รุ้งแก้วมีความหวังที่จะได้ช่วยพี่สาวของตัวเอง...

ฝ่ายฉัตรดูแลเอาใจใส่ละอองคำอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เย็นนี้ก็เช่นกัน หลังจากหาข้าวปลาอาหารให้กินเรียบร้อย เขาก็เอายาจีนต้มร้อนๆใส่ถ้วยมาให้เธอดื่ม เธอเริ่มเบื่อ โวยวายว่าตนไม่ใช่เด็กๆที่เขาจะคอยบังคับให้ทำโน่นทำนี่ เขาออกตัวว่าไม่ได้บังคับ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะเป็นห่วง

“ผมอยากให้คุณละอองคำออกไปสมาคมข้างนอกบ้างจะได้ไม่เหงา เราไปกินอะไรนอกบ้านกันไหมครับ ผมรู้จักที่หนึ่ง บรรยากาศดีมาก คุณละอองคำจะได้ผ่อนคลาย”

ละอองคำไม่อยากสมาคมกับใครเบื่อพวกจอมปลอม ชีวิตของเธอเจอคนแบบนี้มามาก ฉัตรพยักหน้าเข้าใจความรู้สึกของเธอ จึงไม่บังคับอะไรอีก เธออยากไป

เมื่อไหร่ก็ขอให้บอก เขายินดีทำตามด้วยความเต็มใจ เธอดื่มยาหมดถ้วยแล้วลุกไปที่หน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า รีบบอกให้เขากลับบ้านได้แล้ว เขาขออยู่ต่ออีกสักพัก แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยินดีให้ทำอย่างนั้น เขาจึงไม่เซ้าซี้อะไรอีก

หลังจากส่งฉัตรที่หน้าประตูรั้วเสร็จ ละอองคำรีบวิ่งกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง เป็นจังหวะที่ผีเจ้าออกจากกรวยดอกไม้พอดี เธอขอร้องอย่าทำอะไรฉัตร หากผีเจ้าหิว เธอจะหาคนอื่นให้กิน

“ไม่ ข้าหิว ข้าจะกินมันเดี๋ยวนี้”

“บอกแล้วไงว่าข้าขอ ข้าอยากมีเพื่อน ถ้าผีเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะฆ่าตัวตายแล้วผีเจ้าก็จะหิวโซอยู่ในกรวยดอกไม้นี่ตลอดไป”...

ฉัตรเล่าความคืบหน้าเรื่องความสัมพันธ์ของตนเองกับละอองคำให้แม่ฟังว่าตอนนี้ท่าทีของเธออ่อนลงมากแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีเพราะเธอค่อนข้างจะอารมณ์แปรปรวน บางครั้งเหมือนจะเปิดใจรับเขา แต่บางทีก็ดูแข็งกร้าวใส่ แต่เขาไม่มีวันยอมแพ้ จะทำดีกับเธอจนกว่าเธอจะเห็นใจและรับรักเขา

“แม่เป็นกำลังใจให้ฉัตรเสมอนะลูก” ซ่อนกลิ่นพูดจบดึงลูกชายมากอด

ooooooo

โฉมพยายามกล่อมพี่ชายให้เลิกยุ่งกับละอองคำแต่ไม่สำเร็จ จึงตามมาหาเรื่องเธอถึงบ้าน หาว่าหว่านเสน่ห์มนต์ดำใส่ฉัตรจนหลงเธอหัวปักหัวปำ ละอองคำยืนยัน คนอย่างเธอไม่มีวันทำเรื่องสกปรกแบบนั้น

“เหรอ...กลัวว่าหล่อนจะเป็นพวกปากว่าตาขยิบ ปากสะอาดแต่ใจสกปรก” โฉมลอยหน้าลอยตาด่า

“คนอย่างฉันจะรักจะเกลียดก็ทำให้รู้กันซึ่งหน้า ไอ้ประเภทต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ฉันทำไม่เป็น เรื่องตีสองหน้า ฉันคงต้องเรียนรู้อีกมากถึงจะตามหล่อนทัน”

“นัง...นังละอองคำ” โฉมชี้หน้าละอองคำอย่างเอาเรื่อง ประกายจากแหวนที่แม่ชีน้อมให้สว่างวาบขึ้น ทำให้ละอองคำชะงัก พอตั้งสติได้ ไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นจากที่นี่ แล้วเดินเลี่ยงไปยังท่าน้ำ โฉมเห็นสีหน้า หวาดๆของฝ่ายตรงข้าม ก็ย่ามใจเดินตามไปติดๆ...

ขณะที่โฉมไม่รู้ตัวว่ากำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยน รุ้งแก้วรอให้ถึงเวลาตามที่แม่ชีน้อมแนะนำไม่ไหวตัดสินใจชวนธวัชมาช่วยละอองคำ โดยนำพระพุทธรูปองค์โตติดมือมาด้วย ทั้งคู่ตรงขึ้นไปบนบ้านเพราะคิดว่าละอองคำอยู่ที่นั่น แต่ไม่เจอ เข้าไปดูในห้องนอนก็ไม่พบ

“เจ้าพี่คงอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ รีบไปกันเถอะค่ะ” รุ้งแก้วรีบร้อนออกไป ธวัชวางพระพุทธรูปไว้แล้วเดินตาม ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าแค้นเคืองจะตามไปเอาเรื่อง ทันใดนั้นรัศมีแห่งธรรมแผ่ออกมาจากองค์พระ ทำให้ผีเจ้ากลัวมากร้องเรียกละอองคำลั่น

คนที่ผีเจ้าเรียกหา โดนประกายจากแหวนที่นิ้วมือของโฉมสาดใส่ จำต้องถอยร่นออกห่างช้าๆเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต โฉมยังด่าว่าเธอไม่หยุด แถมยืนกรานจะไม่มีวันยอมให้พี่ชายตนเองมาอยู่กับเธอเด็ดขาด พลันมีเสียงผีเจ้าร้องเรียกละอองคำดังขึ้น เธอหันขวับไปที่ตัวบ้าน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปยังต้นเสียง สวนกับรุ้งแก้วและธวัชที่วิ่งตามหาเธออยู่ ละอองคำไม่สนใจน้องสาว วิ่งหน้าตั้งเข้าไปในตัวบ้าน โฉมไม่ยอมให้อริหนีไปง่ายๆ ไล่ตามมาติดๆ ธวัชกับรุ้งแก้วช่วยกันขวางทางไว้ ก่อนจะไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นจากที่นี่

“พวกหล่อนนี่มีลับลมคมในกันเหลือเกิน ไอ้บ้านหลังนี้มันมีอะไรนักหนา หรือว่ามีผีปอบอยู่”

“ผมบอกให้ออกไป ไปสิ ก่อนที่ผมจะใช้กำลังกับคุณ”

รุ้งแก้วเห็นโฉมเดินหน้าหงิกไปทางประตูรั้ว คิดว่าเธอกลัวคำขู่ รีบชวนธวัชไปดูละอองคำ...

ผีเจ้าสิงละอองคำเรียบร้อยตอนที่รุ้งแก้วกับธวัชเข้ามาในห้องนอน เธอขู่จะฆ่าทั้งคู่ทิ้งแล้วปรี่เข้าหา รุ้งแก้ว ธวัชขวางไว้ทัน พยายามอธิบายให้เธอเข้าใจว่าทำไมถึงนำพระพุทธรูปเข้ามาในบ้าน แต่เธอไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเพราะถูกผีร้ายครอบงำ จังหวะนั้นโฉมโผล่พรวดพราดเข้ามา ผีเจ้าในร่างละอองคำหันไปเล่นงานเธอแทนที่ แต่ถูกรัศมีจากองค์พระสาดใส่ ร่างละอองคำกระเด็นกระแทกผนังห้อง รุ้งแก้วจะเข้าไปช่วยแต่ธวัชรั้งตัวไว้ โฉมมองสะใจ พลางหัวเราะหยัน

“อย่างนี้แล้ว พวกแกจะปฏิเสธอีกหรือว่าไม่ได้เป็นผีปอบอย่างที่เขาลือกัน อวดอ้างว่าเป็นเจ้านางต่างเมืองสูงศักดิ์ พลัดบ้านผ่านเมืองมาถึงพระนคร จำใส่หัวไว้ ต่อให้หล่อนสูงส่งแค่ไหนก็อย่าคิดมาร่วมวงศ์วานกับฉัน เลือดพวกหล่อนกับเลือดฉันมันคนละสีกัน” หยามเสร็จ โฉมเดินจากไป ละอองคำชี้หน้ารุ้งแก้ว

“อีตัวดี เอาพระองค์นี้ออกไป...ออกไปให้พ้น ถ้าไม่เอาออกไปข้าจะกินไส้พุงของพี่เจ้าให้หมด เอาพระออกไป” ผีเจ้าในร่างละอองคำตวาดลั่น รุ้งแก้วกับธวัชมองหน้ากันไม่รู้จะทำอย่างไร ผีเจ้าเห็นทั้งคู่รีๆรอๆ บิดไส้ละอองคำจนร้องลั่น รุ้งแก้วทนเห็น

พี่สาวทรมานไม่ไหว รีบอุ้มพระพุทธรูปออกไป โดยมีธวัชคอยระวังหลังให้ ขณะที่ละอองคำลงไปนอนดิ้นกับพื้นเจ็บปวดแสนสาหัส

ooooooo

ละอองคำโดนผีเจ้าเล่นงานคราวนี้สะบักสะบอมแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรงนอนน้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียง พลันมีเสียงของเจ้าราบฟ้าร้องเรียกเธอดังขึ้น เธอพยายามกวาดตามองหาไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

“เจ้าพี่อยู่ไหนเจ้าข้า ออกมาเถอะเจ้าข้า น้องคิดถึงเจ้าพี่เหลือเกิน”

วิญญาณเจ้าราบฟ้าปรากฏตัวขึ้น ละอองคำปรี่เข้าไปใช้ผมเช็ดเท้าให้ เขารีบประคองเธอลุกขึ้น เธอขอร้องเขาอย่าทิ้งเธอไปไหน เจ้าราบฟ้าดึงเธอมากอดรับปากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ละอองคำน้ำตาคลอเบ้าด้วยความปีติ แต่แล้วเสียงนุ่มนวลของเจ้าราบฟ้าเปลี่ยนเป็นเสียงของผีร้าย

“เราจะอยู่ด้วยกัน...ตลอดไป” ผีเจ้าหัวเราะเสียงลั่นพร้อมกับวิญญาณของเจ้าราบฟ้าเลือนหายไป ละอองคำถึงกับเข่าอ่อนร้องไห้โฮ ร้องเรียกเขาให้กลับมาหา ผีเจ้ามองสะใจ ก่อนจะตอกย้ำว่าเจ้าราบฟ้าจะกลับมาหาเธอทำไมในเมื่อเขากำลังมีความสุขอยู่กับเจ้านางปิ่นเมืองบนสวรรค์โน่นแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ ผีเจ้าหลอกข้า ผีเจ้าแกล้งข้า”

“เจ้าอยากเห็นกับตาใช่ไหม ฮึ...ข้าจะให้เจ้าเห็นว่าราบฟ้ารักปิ่นเมืองปานใด” ผีเจ้าหัวเราะลั่นแล้วนิมิตให้ละอองคำเห็นภาพความหวานชื่นระหว่างเจ้าราบฟ้าและเจ้านางปิ่นเมือง เธอเสียใจมาก และโกรธแค้นที่ผีเจ้ากลั่นแกล้ง ประกาศลั่นจะไม่ยอมตกเป็นทาสของนางอีกต่อไป

“ไม่มีใครแยกเจ้าจากข้าได้ดอก อีละอองคำเหย” ผีเจ้าว่าแล้วหัวเราะชอบใจ...

เจ้าราบฟ้าทราบเรื่องละอองคำถูกผีเจ้ากลั่นแกล้งก็ไม่สบายใจ เจ้านางปิ่นเมืองกลับสมน้ำหน้าคู่อริที่อุตริเอาผีต่างวงศ์มาเลี้ยง ถึงต้องรับกรรมเยี่ยงนี้ เขาต่อว่าว่าใจของเธอทำด้วยอะไรทำไมถึงดำนัก

“ข้าไม่รู้ดอก รู้แต่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ วิญญาณข้าก็จะตามอาฆาตมันไม่มีวันสิ้นสุด”...

ด้านโฉมรวมหัวกับสมานคัดค้านที่ซ่อนกลิ่นอยากได้ผู้หญิงแบบละอองคำมาเป็นสะใภ้ทั้งๆที่รู้ว่าใครอยู่ใกล้เป็นต้องตายกันหมด เธอขอร้องเขาอย่าไปฟังที่โฉมใส่ร้ายละอองคำ และที่สำคัญนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัตร สมานหาว่าซ่อนกลิ่นอยากให้ลูกชายสบายถึงไม่คัดค้าน ได้ข่าวว่าทางฝ่ายหญิงร่ำรวยมากไม่ใช่หรือ

“ดิฉันขอนะคะ อย่าพูดแบบนี้อีก คุณเองก็เป็นผู้ชายน่าจะเข้าใจความรู้สึกตาฉัตร” พูดจบซ่อนกลิ่นเดินหนีเข้าครัว โฉมไม่ยอมแพ้ยุให้พ่อไปพูดกับแม่เรื่องพี่ฉัตรให้เด็ดขาด แต่ซ่อนกลิ่นยืนกราน ให้เป็นสิทธิของฉัตรตัดสินใจเอาเอง

“ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ หากคุณไม่ดื้อดึงเราก็คงไม่มียัยโฉม แม่หม้ายลูกติดอย่างดิฉัน ใครๆก็รังเกียจ รวมถึงคุณแม่ของคุณด้วย ดิฉันถึงบอกว่าดิฉันเข้าใจลูกกับคุณละอองคำ...เข้าใจดิฉันนะคะคุณสมาน” เจอไม้นี้เข้าไป สมานถึงกับจนแต้มพูดอะไรไม่ออก

ooooooo

แม่ชีน้อมเห็นรุ้งแก้วสีหน้าหม่นหมองด้วยความเป็นห่วงพี่สาวเข้ามาปลอบว่าสักวันหนึ่งเธอจะช่วยพี่สาวได้ รุ้งแก้วดีใจมากขอร้องให้ท่านบอกวิธีที่จะช่วยเหลือ ธวัชช่วยขอร้องท่านอีกแรงหนึ่ง

“เมื่อถึงเวลา สิ่งที่เคยครอบงำผู้อื่นก็จะต้องถูกเอาชนะ รุ้งแก้วไม่มีอะไรดีกว่าการฝึกจิตให้เป็นสมาธิหรอกนะ เมื่อจิตเป็นสมาธิ ชีวิตก็จะพบกับแสงสว่าง” แม่ชีน้อมแนะนำเสร็จก็ผละจากไป ธวัชสงสารรุ้งแก้วจับมือเธอไว้ ปลอบว่าเมื่อถึงเวลา ท่านจะช่วยเราปราบผีร้ายเอง ขอให้เธออดทนเอาไว้...

ด้านละอองคำแค้นใจผีเจ้ามากที่กลั่นแกล้งเรื่องเจ้าราบฟ้า ตัดสินใจรับรักฉัตรและตกลงจะแต่งงานด้วย โฉมรู้เรื่องนี้เข้าโวยวายลั่นให้ซ่อนกลิ่นห้ามปรามฉัตร เรื่องอะไรถึงเอาผู้หญิงที่ผู้คนลือกันว่าเป็นปอบมาทำเมีย ซ่อนกลิ่นยืนยันคำเดิมว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัตร เราไม่ควรเข้าไปยุ่ง

“เรื่องส่วนตัวหรือคะ โฉมไม่อยากนับญาติกับพวกผีปอบ หรือคุณแม่อยากมีสะใภ้เป็นปอบล่ะคะ”

สมานเห็นด้วยกับลูกสาว ซ่อนกลิ่นขอร้องให้ทั้งคู่เคารพการตัดสินใจครั้งนี้ของฉัตรด้วย สมานไม่พอใจ พูดแบบนี้ก็เท่ากับเธอและฉัตรตกลงกันลับหลัง โดยไม่ปรึกษาเขาสักคำ ถ้าคนทั้งพระนครลือกันแบบที่โฉมว่า ต่อไปคงไม่มีใครคบหากับเราแน่ ให้เธอลองตรองดูให้ดี

“ใช่ค่ะ ต่อไปใครจะคบกับโฉมล่ะคะ เขาคงกลัวว่าโฉมจะเป็นพวกผีปอบไปด้วยอีกคน” โฉมเห็นฉัตรเดินเข้ามา “พี่ฉัตรคงได้ยินแล้วใช่ไหมว่าพวกเราไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของพี่”

“ถ้าไม่สะดวกไปร่วมงานแต่งของพี่ ก็ไม่เป็นไรครับ” ฉัตรว่าแล้วเดินเลี่ยงออกไป สมานมองตามไม่พอใจที่เขาไม่สนใจว่าพ่อแม่และน้องสาวจะรู้สึกอย่างไร ซ่อนกลิ่นรีบเดินตามลูกชายไปที่ห้องนอนเพื่อจะปลอบใจ แต่เขาไม่เปิดประตูรับ อ้างไม่อยากคุยกับใครทั้งสิ้น เธอแค่จะมาบอกเขาว่าเธอรักและเข้าใจเขาเสมอ จากนั้นซ่อนกลิ่นกลับมาที่ห้องรับแขก สมานกับโฉมซักเป็นการใหญ่ว่าฉัตรยอมเปลี่ยนใจหรือเปล่า

“เปล่า ฉันไม่บังคับใจเขาหรอกค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่เห็นว่าคุณละอองคำไม่ดีตรงไหน”

“ต้องให้พี่ฉัตรถูกมันกินก่อนหรือคะ คุณแม่ถึงเชื่อ คนเขาพูดกันทั้งพระนครยังไม่เชื่ออีกเหรอคะ”

“ผมไม่ไปงานแต่งของมันหรอกนะ กลัวชาวบ้านเขาจะว่าเอาได้ เพราะแค่มีคนถามผมว่าลูกสะใภ้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ผมยังตอบไม่ได้เลย แม่ซ่อนกลิ่นคิดว่ามันน่าภาคภูมิใจนักหรือไง”...

ตกค่ำ ซ่อนกลิ่นถึงมีโอกาสเข้าไปคุยกับฉัตรที่ห้องของเขา เธอปลอบว่าใครไม่อยากไปงานแต่งงานของเขาก็ช่างแต่เธอจะไป เพราะเธอเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขา ฉัตรขอบคุณท่านมาก เขากับละอองคำคงไม่ได้บอกแขกที่ไหน อาจมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้น ซ่อนกลิ่นบอกเขาว่าไม่ต้องไปสนใจ ตราบใดที่เขายังรักและต้องการละอองคำมาร่วมชีวิต แล้วอวยพรให้ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุข

“ขอบคุณครับ ชีวิตผมก็มีแม่เพียงคนเดียวที่เข้าใจผม”...

ฝ่ายโฉมยืนยันกับพ่อว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการแต่งงานของพี่ชาย สมานเตือนอย่าทำอะไรวู่วาม ถ้าละอองคำเป็นอย่างที่เธอว่าก็น่ากลัวไม่ใช่น้อย เธอไม่กลัวนังนั่น และถือว่ามันเป็นศัตรูเพราะมันฆ่าคนรักของเธอ ทำลายความสุข ความหวังของเธอไปจนหมดสิ้น นี่ยังคิดจะแย่งพี่ฉัตรไปจากครอบครัวเราอีก พ่อไม่ต้องเป็นห่วง เธอเอาตัวรอดได้ แม้ลูกสาวจะยืนยันหนักแน่น แต่สมานก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี...

ผีเจ้ารับรู้ถึงเรื่องที่โฉมจ้องจะทำลายละอองคำได้ ก็คิดจะจัดการเธอให้สิ้นซากเสียก่อนจะก่อความวุ่นวาย ละอองคำขอร้องผีเจ้าอย่าสิงร่างตนไปทำร้ายโฉมเพราะที่นั่นเป็นบ้านของคนที่ตนรัก

“ความรักทำให้เจ้าพินาศ อดีตที่เมืองนาย เจ้าลืมแล้วรึ” ผีเจ้าเห็นละอองคำจะทักท้วง ชิงพูดขึ้นก่อน

“ไม่มีแต่ละอองคำ คืนนี้ข้าหิว...ข้าหิวได้ยินไหม กำจัดมันเท่ากับว่าข้าอิ่ม เจ้าก็กำจัดศัตรูเจ้าให้พ้นทาง”

“ไม่...เห็นใจข้าเถอะผีเจ้า ข้าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขอข้าเถอะ”

ผีเจ้าไม่พอใจวูบหายตัวไปทันที ละอองคำพยายามขอร้องให้นางกลับมาแต่ไร้ผล ผีเจ้าแปลงร่างเป็นละอองคำ บุกเข้าไปบีบคอโฉมที่กำลังหลับสบายอยู่ในห้อง เธอพยายามดึงมือผู้บุกรุกยามวิกาลออกพร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือ แหวนที่แม่ชีน้อมให้ใส่ติดตัวไว้ ช่วยเธอรอดพ้นเงื้อมมือผีร้ายไปได้อีกครั้ง เสียงกรีดร้องของโฉมทำให้สมานกับซ่อนกลิ่นรีบวิ่งมาดู เห็นสภาพตื่นกลัวของลูกสาว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ผีอีละอองคำมันมาหลอกโฉม มันจะฆ่าโฉม” โฉมร้องไห้สะอึกสะอื้น สมานโกรธหันไปเล่นงานฉัตรที่เพิ่งเข้ามา นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกัน ผีปอบละอองคำก็จะฆ่าน้องแล้ว ถ้าตนมาไม่ทันน้องคงตายไปแล้ว

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมไม่เชื่อ”

“ต้องให้โฉมตายก่อนใช่ไหม พี่ฉัตรถึงเชื่อ”

ooooooo

โฉมต้องการจะขัดขวางการแต่งงานของพี่ชาย นำเรื่องนี้ไปฟ้องหลวงพ่อหวังจะให้ช่วยห้ามปราม ท่านกลับบอกว่าเรื่องของทางโลก ท่านไม่ยุ่งด้วย กรรมใครกรรมมัน

“แต่พี่ฉัตรเป็นลูกชายของหลวงพ่อนะเจ้าคะ หลวงพ่อจะยอมให้นังปอบละอองคำกินพี่ฉัตรหรือ”

“การที่คนสองคนมาพบกันและตัดสินใจอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกโยม เป็นเพราะกรรมที่เคยสร้างร่วมกันมาแต่อดีตชาติ อาตมาไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกรรมของใครหรอก โยมกลับไปเสียเถิด”

เธอต่อว่าหลวงพ่อที่ดูดายทั้งที่พี่ฉัตรเป็นลูกแท้ๆ ของท่านเอง ก่อนจะผละจากไป ยายจิตแอบฟังโดยตลอด อดหนักใจแทนหลวงพ่อไม่ได้...

อีกมุมหนึ่งของวัด ขณะรุ้งแก้วนั่งคุยกับธวัช โฉมผ่านมาเห็นเข้า ไม่วายเหน็บแนม

“พี่สาวจับผู้ชายจะแต่งงาน น้องสาวนั่งคุยกับผู้ชายในวัด งามหน้าทั้งพี่ทั้งน้อง จำไว้นะนังรุ้งแก้ว ครอบครัวฉันเป็นผู้ดีไม่ใช่เศรษฐีใหม่มียศมีศักดิ์ พี่สาวหล่อนคิดจับพี่ชายฉันไปแต่งงานด้วย อย่าหวังว่าฉันจะยอม ผีกับคนแต่งงานกันไม่ได้หรอก จำไว้ ฝากไปบอกพี่สาวหล่อนด้วย”

รุ้งแก้วงงไม่รู้ว่าโฉมพูดเรื่องอะไร เธอไล่ให้ไปถามละอองคำเอาเอง...

ขณะยายจิตกำลังรายงานแม่ชีน้อมเรื่องโฉมต่อว่าหลวงพ่อที่ไม่ห้ามปรามฉัตรแต่งงานกับละอองคำ โฉมตรงรี่เข้ามาไหว้แม่ชีน้อม แล้วเล่าถึงเหตุการณ์ที่แหวนของท่านช่วยชีวิตเธอเอาไว้เมื่อคืนนี้

“ดิฉันขอบคุณแม่ชีมาก อย่างนี้ก็หมายความว่าอีนังปอบละอองคำทำอะไรดิฉันไม่ได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ”

“หากใช้ป้องกันตัว แหวนวงนี้มีอานุภาพมาก แต่ถ้าเมื่อใดเธอเอาไปใช้ทำร้ายเขา หรือใช้ด้วยจิตอาฆาต แหวนวงนี้ก็ไม่คุ้มครองเธอ”

โฉมบ่นอุบ ขืนเป็นแบบนี้ก็เท่ากับเธอต้องนอนรอให้ละอองคำมาฆ่า เธออยากได้ของขลังที่มีอานุภาพแรงๆจะได้จัดการนังปอบนั่นได้ จะเสียเงินเท่าไหร่เธอยินดีจ่าย แม่ชีน้อมเตือนว่าพุทธคุณไม่ใช่การค้า และที่สำคัญท่านไม่มีของเหล่านั้นให้ แล้วหลับตานั่งสมาธิต่อไป ยายจิตขอให้โฉมกลับไปได้แล้ว ท่านนั่งสมาธิแบบนี้ ขืนรออาจถึงสองคืนท่านถึงจะลืมตาอีกครั้งเธอจำต้องกลับไปอย่างหงุดหงิด...

ที่เรือนปั้นหยาบ้านของละอองคำ รุ้งแก้วดีใจกับพี่สาวด้วยที่ตกลงปลงใจจะแต่งงานกับฉัตร จากนี้ไปเธอจะได้มีความสุขเหมือนคนอื่นเขาสักที ละอองคำยังไม่แน่ใจ จะประคองความรักครั้งนี้ไปได้หรือเปล่า เพราะยังเจ็บปวดกับรักครั้งก่อนอยู่เลย รุ้งแก้วจับมือเธอมากุมไว้อย่างให้กำลังใจ

“ลืมเจ้าพี่ราบฟ้าเถิดเจ้าข้า ต่อไปนี้เจ้าพี่มีแต่คุณฉัตรนะเจ้าข้า”...

ละอองคำพยายามทำตามคำแนะนำของน้องสาว แต่ยิ่งพยายามลบเจ้าราบฟ้าออกจากใจ กลับยิ่งคิดถึงเขา จนเก็บเอาไปฝันร้ายว่าถูกเขากับเจ้านางปิ่นเมืองรุมต่อว่าต่างๆนานา ถึงกับสะดุ้งตื่นทั้งน้ำตา

ooooooo

รุ้งแก้วฟังละอองคำเล่าถึงฝันร้ายเมื่อคืนแล้วปลอบว่ามันเป็นแค่ความฝัน อย่าไปคิดอะไรมาก ตนอยากเห็นเธอมีชีวิตใหม่ ลืมเจ้าราบฟ้า ลืมเจ้านางปิ่นเมืองรวมทั้งเมืองนายให้ได้เพื่อความสุขของเธอเอง ละอองคำก็อยากให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน

“บ่ายแล้ว เจ้าพี่ไปแต่งตัวเถิดเจ้าข้า เดี๋ยวพี่ฉัตรจะมารับแล้วใช่ไหมเจ้าข้า”

ละอองคำไม่อยากออกงานสังคม แต่ทนเสียงคะยั้นคะยอของน้องสาวไม่ได้ รุ้งแก้วบอกให้เธอไปเที่ยวให้สนุกไม่ต้องห่วงทางนี้ เธอจะเฝ้าบ้านให้เอง...

เมื่อมาถึงหน้าสถานที่จัดงานราตรีสโมสร ละอองคำลังเลที่จะเข้าไปข้างใน อ้างไม่อยากทำให้ฉัตรขายหน้า เขาปลอบว่าอย่ากังวลไปเลย ถ้าใครเห็นความสวยของเธอก็พร้อมจะเข้ามาพูดคุยด้วยแน่นอน

“เราจะได้เชิญพวกเขาไปงานแต่งงานของเราด้วยไงล่ะครับ”

“ถ้าคุณฉัตรมั่นใจว่าดิฉันไม่ทำให้คุณขายหน้า ดิฉันก็ไม่กังวลแล้วค่ะ” ละอองคำว่าแล้วควงแขนฉัตรจะเข้าข้างใน แต่โฉมเดินออกมากับเพทายซึ่งเป็นแฟนเก่าของฉัตรเสียก่อน เขาแนะนำให้เธอรู้จักกับละอองคำคนรักของเขาและบอกว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน เพทายตกใจระคนแปลกใจ ทำไมถึงไม่มีใครในพระนครโจษจันกันถึงเรื่องนี้ เธอออกงานสังคมทุกคืนก็ไม่เห็นมีใครพูดถึง

“ไม่มีใครอยากพูดถึงหรอกค่ะพี่เพทาย มีแต่คนเขากลัวและรังเกียจกันทั้งนั้น”

ฉัตรเกรงจะมีเรื่องกัน รีบตัดบทชวนละอองคำเข้าไปในงาน โฉมนินทาตามหลังให้เพทายฟังว่าคนในพระนครลือกันว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผีปอบผีกละ ย้ายมาจากหัวเมือง ร่ำรวยแต่ก็ลึกลับ

“พี่เพทายอย่ายอมมันนะคะ ทำให้พี่ฉัตรกลับมารักพี่เพทายอีกครั้งหนึ่งให้ได้นะคะ”...

ขณะที่ละอองคำได้เพทายเป็นศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งคน รุ้งแก้วกับธวัชวางแผนจะเข้าไปเอากรวยดอกไม้ออกจากเรือนปั้นหยา ผีเจ้ารู้ทันปรากฏตัวจะเล่นงาน ตะกรุดที่ธวัชพกติดตัวส่องประกายจ้า ผีเจ้าถึงกับผงะ

“คิดว่าจะทำอะไรข้าได้รึ ข้าจะดึงไส้เจ้าสองคนออกมากินให้อิ่มเลยคืนนี้”...

ในระหว่างที่รุ้งแก้วกับธวัชตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ที่งานราตรีสโมสร ฉัตรแนะนำให้ผู้มาร่วมงานรู้จักกับละอองคำในฐานะผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย โฉมเดินเข้ามากับเพทาย เตือนทุกคนให้ระวังตัว ถ้า ใครคิดจะไปร่วมงานแต่งงานของคู่นี้อาจจะไม่ได้กลับบ้าน ฉัตรปรามน้องสาวอย่าพูดจาเหลวไหล

“ไม่เหลวไหลหรอกค่ะ โฉมพูดความจริง นังนี่มันเป็นปอบค่ะ ที่คุณอำนวยตายก็เป็นเพราะฝีมือมัน”

ละอองคำทนฟังไม่ได้ เดินหนีออกจากงาน ฉัตรจะตามแต่โฉมกอดเอวไว้ ขอร้องให้เขายกเลิกงานแต่งงาน จะได้ไม่ต้องตายเพราะมัน เขายืนกรานจะแต่งงานกับละอองคำ ไม่มีผู้หญิงคนไหนแทนที่เธอได้ แล้วปรายตามองเพทายที่สะบัดหน้าเดินหนีด้วยความไม่พอใจ โฉมยังคงกอดพี่ชายไว้ไม่ยอมปล่อย

“ถ้าใครไปงานแต่งงานพี่ฉันกับนังผีปอบนั่น ตายก็อย่ามาโทษ โฉมเตือนแล้วนะคะ”...

ขณะที่ละอองคำเดินมาตามถนนไม่ห่างจากสถานที่จัดงานนัก เพทายขับรถตามมาหาเรื่องแถมชักมีดขู่จะกรีดหน้าหากเธอไม่เลิกยุ่งกับฉัตร ละอองคำถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว พลางร้องเรียกผีเจ้าในใจ

“ผีเจ้า หิวไม่ใช่เหรอ ข้าขอสังเวยผีเจ้าด้วยชีวิตของผู้หญิงคนนี้”

คำร้องขอของละอองคำดังไปถึงหูผีเจ้าที่กำลังจะเล่นงานธวัชกับรุ้งแก้ว ถึงกับหันขวับมองไปยังทิศทางที่ละอองคำอยู่ ก่อนจะหายตัววับไป ธวัชกับรุ้งแก้วพากันถอนใจโล่งอก...

ผีเจ้าปรากฏตัวที่ด้านหลังละอองคำแล้ววูบเข้าสิง ใบหน้าสวยของเธอเปลี่ยนเป็นใบหน้าของผีร้าย เล็บยาวดำน่าเกลียดแทงท้องเพทายทรุดฮวบ จัดการกับเหยื่อเสร็จ ละอองคำมานั่งที่โต๊ะสนามหน้าสถานที่จัดงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเห็นฉัตรเดินเข้ามา บีบน้ำตาร้องไห้ ขอให้เขาพากลับบ้าน ไม่อยากอยู่ให้ใครดูถูกอีก เขาขอโทษแทนน้องสาวด้วย เธอขอให้เขาตัดใจจากเธอเพื่อตัดปัญหาทั้งหมด

“ต่อให้ผมต้องตายเพราะแต่งงานกับคุณผมก็ยอม” ฉัตรยืนยันหนักแน่น

ooooooo

โฉมวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกพ่อกับแม่ว่าเพทายเพื่อนของตนตายแล้ว ต้องเป็นฝีมือของนังผีละออง-คำแน่ๆ

มันหึงที่รู้ว่าเพทายเคยเป็นแฟนพี่ฉัตรมาก่อน นี่ถ้าเขาแต่งงานกับมันพวกเราคงจะตายกันหมด ฉัตรมองน้องสาวไม่ค่อยจะพอใจนัก สมานต่อว่าลูกเลี้ยงที่มองข้ามความหวังดีของน้อง

“ขอบคุณครับ แต่ไม่มีอะไรห้ามผมกับละอองคำแต่งงานกัน”

“ก็ดี...เกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาร้องขอความช่วยเหลือล่ะ”

ฉัตรไม่โต้ตอบพ่อเลี้ยง ได้แต่เดินก้มหน้าออกไป ครู่ต่อมา เขามาหาละอองคำที่บ้าน ถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเพทายอย่างที่โฉมกล่าวหาหรือเปล่า เธอน้อยใจมาก หากเขาเชื่อคำนินทาว่าร้ายของคนอื่นมากกว่าเธอก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก ลืมให้หมดที่เราเคยรู้สึกดีๆต่อกัน

“ไม่ครับ ผมขอโทษ ผมยอมทุกอย่าง ผมจะไม่มีวันเชื่อพวกเขาอีกแล้ว ผมรักคุณ รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อนเลยในชีวิต” ฉัตรพยายามง้อละอองคำสุดชีวิต ในที่สุดเธอก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้...

ละอองคำยังคงฝันร้ายเห็นเจ้าราบฟ้าต่อว่าเธอที่เอาผีปู่ย่าทิ้งน้ำ โดยมีเจ้านางปิ่นเมืองคอยเสี้ยมให้เขาสั่งประหารชีวิตเธอ ละอองคำผวาตื่นเหงื่อท่วมตัว แค้นใจที่เจ้านางปิ่นเมืองยังตามมาหลอกหลอนแม้ในฝัน

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น