วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 4


นครินทร์กลับถึงห้อง โทร.บอกเพื่อนว่าพรุ่งนี้จะแวะเอาครีมเข้าไปให้ที่แล็บให้ช่วยตรวจว่ามันมีสารปนเปื้อนหรือเปล่า

จุ้นขึ้นมาบอกว่าปิ่นปักมาถึงแล้วและรอทานข้าวอยู่ นครินทร์วางกระปุกครีมไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไป จุ้นรวบรวมขยะในถุงจะเอาไปทิ้ง เหลือบเห็นกระปุกครีมบนโต๊ะ

“คุณรินทร์ทาครีมด้วยเหรอ มิน่าหน้าขาวผ่องเป็นยองใย ถ้าอีจุ้นหน้าขาวใสเหมือนคุณรินทร์ก็คงจะดี จะได้กินมอไซค์ทั้งวิน” จุ้นหัวเราะคิกคักกับตัวเอง

นครินทร์ทานข้าวกับครอบครัวไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงจุ้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เขารีบไปดูเห็นจุ้นดิ้นพล่านๆ ที่พื้นปากก็ร้องอย่างเจ็บปวด “แสบ!!! แสบ!!!!”

ปิ่นปักเห็นกระปุกครีมที่พื้นหยิบดู พึมพำ “ครีมพาไล!” เธอชักสีหน้าไม่พอใจ

รุ่งขึ้นขณะพาไลกำลังโฆษณาขายครีมอยู่ที่บูธ ก็ถูกตำรวจเข้ามาหา เธอถามว่า “มีอะไรคะ”

เมื่อพาไลไปดูอาการของจุ้นที่โรงพยาบาล ปิ่นปักเยาะเย้ยว่า “นี่น่ะเหรอพาไล ครีมที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างดี” พาไลยืนยันว่าครีมของตนไม่มีสารพิษ ปิ่นปักท้าว่า “ถ้าเธอไม่ยอมรับก็ไปปฏิเสธกับตำรวจเอาเองแล้วกัน”

“ปิ่น...มานี่” นครินทร์เข้ามาลากปิ่นปักไปที่มุมห้อง ต่อว่าที่เธอสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องนี้บานปลายให้ชื่อเสียงของพาไลเสียหาย ปิ่นปักโต้ว่าตนไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อเหมือนจุ้น “พี่บอกแล้วไงว่าพาไลถูกใส่ร้าย”

ปิ่นปักให้บอกมาว่าเป็นใคร นครินทร์บอกว่ารอให้ตนได้หลักฐานที่แน่นอนก่อนแล้วจะบอก ปิ่นปักบอกว่าตนรอไม่ได้ ย้ำกับพี่ชายว่า

“แล้วเรื่องนี้พี่รินทร์ไม่ต้องเข้ามายุ่งนะคะ พี่รินทร์เอาตัวเข้ามาเสี่ยงมากเกินไปแล้ว ปิ่นจะจัดการทุกอย่างเอง”

พาไลจับตาดูสองพี่น้องอยู่ เมื่อปิ่นปักผละไป เธอไปหานครินทร์บอกว่า อยากรู้ว่าใครใส่ร้ายตน นครินทร์อ้ำอึ้งยังไม่อยากพูดอะไร พาไลเดินเข้าใกล้ขอร้องอย่างอัดอั้นว่า

“ฉันทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่เบียดเบียนใคร แต่กลับมีคนไม่หวังดีกับฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเขาเป็นใคร เพื่อที่ฉันจะได้ระวังตัว...บอกฉันเถอะค่ะคุณรินทร์”

นครินทร์ให้เธอสัญญาว่าถ้าบอกแล้วเธอต้องใจเย็นไม่ใช้อารมณ์ไม่ทำอะไรวู่วาม พาไลให้สัญญาหนักแน่น

ooooooo

เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือใครแล้ว พาไลกลับไปที่บ้าน ถีบบัวทองกระเด็นแล้วปราดไปกระชากขึ้นมาบีบคอตะคอกถาม

“เธอทำร้ายฉันทำไม! ทำทำไม!!”

คุณเชื่อม พิสมัย และเพ็ญวิ่งออกมาจากในบ้าน เพ็ญตวาดให้พาไลปล่อยบัวทองเดี๋ยวนี้ แต่พาไลเลือดขึ้นหน้าแล้วยังคงทำร้ายบัวทองอย่างแค้นใจ คุณเชื่อมพุงเข้ามาตะโกน

“พาไล หยุดเดี๋ยวนี้! พ่อสั่งให้หยุด!!”

พาไลยอมหยุดยืนหายใจหอบ บัวทองแกล้งทำเป็นเหมือนจะตายให้ได้ เพ็ญถลาเข้าประคองอย่างตระหนก

ooooooo

คุณเชื่อมกับพิสมัย เรียกทั้งพาไล บัวทอง และเพ็ญ มานั่งเคลียร์กันในห้องนั่งเล่น พาไลเล่าว่า

“บัวเอาน้ำยาล้างห้องน้ำใส่ลงไปในครีมของไล บัวจะดิสเครดิตครีมของไล”

บัวทองแหวว่ามีหลักฐานอะไรมากล่าวหาตน พาไลบอกว่ามีคนบอกตน เพ็ญจี้พาไลให้บอกมาเลยอย่ากล่าวหากันลอยๆ พาไลบอกว่าตนไม่อยากให้เขาเดือดร้อน

“ไม่อยากให้เดือดร้อน หรือว่าไม่มีตัวตนกันแน่ ฉันเคยคิดอยู่แล้วว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะไปทำมาหากินโดยสุจริตเหมือนคนอื่นเขาเป็นที่ไหน พี่เชื่อมต้องจัดการเรื่องนี้ให้เพ็ญนะคะ ไม่งั้นเพ็ญไม่ยอมจริงๆ ไปกันเถอะบัว”

เมื่อแม่ลูกตัวแสบออกไปแล้ว คุณเชื่อมกับพิสมัยมองพาไลอย่างสงสาร คุณเชื่อมถามว่ามีอะไรให้พ่อช่วยไหม พาไลน้ำตาคลอถามว่าพ่อเชื่อตนหรือว่าเชื่อบัวทอง คุณเชื่อมตอบทันทีว่า “พ่อเชื่อไล” พาไลร้องไห้โฮโผกอดคุณเชื่อมบอกว่า

“แค่นี้ไลก็ดีใจแล้วค่ะ” ส่วนเรื่องบัวที่คุณเชื่อมถามว่าจะเอาอย่างไร พาไลตอบว่า “บัวเป็นหลานแท้ๆ ของคุณพ่อคุณแม่ ไลจะยอมไม่เอาเรื่องบัวสักครั้ง เพราะถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมีคนผิด แต่ครีมของไลก็ขายไม่ได้แล้วอยู่ดี”

“ทำไมล่ะลูก” พิสมัยถาม

พาไลไม่ตอบ แต่ความจริงคือ เรื่องนี้กระฉ่อนในมือถือไปทั่วแล้ว จากนั้นก็มีลูกค้าโทร.มายกเลิกออเดอร์ ที่สั่งทางออนไลน์ก็ยกเลิก มิ้มกับฝนให้กำลังใจเพื่อนว่าไม่เป็นไร เธอมีหัวการค้าอยู่แล้วเรามาเริ่มต้นทำธุรกิจกันใหม่ก็ได้

“แต่ฉันหมดตัวแล้ว ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว” พาไลร้องไห้อย่างสิ้นหวัง มิ้มกับฝนกอดเพื่อนอย่างเห็นใจ

ผลจากห้องแล็บของเพื่อนนครินทร์คือ สารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในครีมเป็นสารตัวเดียวกับที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ รู้ผลจากเพื่อนแล้ว นครินทร์มองไปที่หน้าต่างห้องพาไล พึมพำ

“ผมช่วยคุณไม่ทันแล้วใช่ไหม”

ooooooo

มิ้มกับฝนชวนพาไลไปเดินห้างให้หายเครียด พาไลบอกว่าไม่มีอารมณ์เพราะไม่มีเงินแล้วแม้แต่ค่าคอนโดยังไม่มีจ่ายเลย ฝนบอกว่า

“ไม่ต้องห่วง งานนี้เพื่อนเลี้ยงเอง เพราะผัวเพื่อนรวยมากๆ ไปเถอะ” ฝนลากพาไลไปจนได้ พอไปถึงลานจอดรถ ฝนเห็นรถหรูของจำรูญก็เอะใจเพราะเขาบอกว่าวันนี้จะไปนั่งวิปัสสนาเป็นเพื่อนแม่ ฝนเขม้นมองเห็นมีผู้หญิงนั่งมาในรถด้วย ฝนของขึ้นทันที เธอปรี่ไปกระชากผู้หญิงที่กำลังลงจากรถเหวี่ยงกระเด็นไปตวาดถามว่ากล้าดียังไงถึงมายุ่งกับผัวตน

พาไลรีบมาบอกฝนให้ใจเย็นๆ มิ้มเตือนสติว่าของแบบนี้ต้องเล่นงานผู้ชายที่บังอาจมาสวมเขาเรา ฝนกำลังเลือดขึ้นหน้า หันไปหมายเล่นงานจำรูญ แต่ชายที่ก้าวลงจากรถไม่ใช่จำรูญ! ฝนถามว่าเขาเป็นใคร เอารถ จำรูญมาใช้ได้ยังไง?

“รถคันนี้เป็นรถของผม ผมบินไปเมืองนอก ก็เลยฝากรถไว้กับจำรูญ”

ทั้งฝน มิ้ม และพาไลอึ้งกันไปหมดกับเรื่องที่คาดไม่ถึงนี้

วันต่อมาฝนพบจำรูญที่บริษัทของศก ซึ่งจำรูญได้ย้ายมาทำงานที่นี่และเป็นหัวหน้าของฝน จำรูญสารภาพว่าตนไม่ได้ตั้งใจโกหกแต่เห็นฝนนั่งรถคันนั้นแล้วมีความสุข ตนทำไปเพราะอยากเห็นเธอมีความสุข ถ้าตนจะผิดก็ผิดเพราะรักเธอมากเกินไป อ้อนว่าจะด่าจะตบตีตนหรือทำอะไรก็ได้แต่อย่านิ่งเฉยกับตนแบบนี้เลย ตนใจจะขาดแล้ว

ฝนหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะสาดเขาแล้วเดินออกจากห้อง จำรูญตามไปง้ออีกว่าจะให้ตนทำอย่างไรให้บอกมาเลย ฝนบอกให้เอาบัตรเครดิตกับบัตรเอทีเอ็มมา จำรูญถามว่าเอาไปทำไมหรือ ฝนดราม่าว่าเขาทำให้ตนเสียหน้า อีกหน่อยเขาก็ทิ้งตนไปเพราะไม่สามารถเลี้ยงดูตนให้ดีเหมือนอย่างที่บอกในคืนแรกที่มีความสุขกัน จำรูญจึงเอาบัตรทั้งสองใบให้ แต่ไม่บอกรหัส

พอดีพนักงานเอารูปแบบกับงบจัดงานเลี้ยงของบริษัทมาให้จำรูญ ฝนเสนอเงื่อนไขว่าถ้าอยากให้ตนหายโกรธก็ต้องช่วยพาไล จำรูญถามงงๆว่าจะให้ช่วยอะไรหรือ ฝนยิ้มอย่างมีแผนแต่ไม่ตอบ

ooooooo

พาไลเอาเสื้อผ้าและเครื่องประดับของตัวเองมาขายในแผงเล็กๆที่ตลาดนัดในมหาวิทยาลัยเป็นสินค้ามือสอง

บัวทองมาเจอก็ปราดเข้ามาถามว่าใครบอกว่าตนเป็นคนเอาน้ำยาล้างห้องน้ำใส่ในครีมของเธอ ตนจะได้ลากคอมาแก้ข่าวก่อนที่เธอจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นครินทร์ฟังทำให้ตนดูไม่ดีในสายตาเขา

“ไม่ต้องห่วง ในสายตาของคุณรินทร์ เธอยิ่งกว่าดูไม่ดีเสียอีก ถ้าอยากดูดีในสายตาของคุณรินทร์นักละก็...วันหลังก็เลือกคนที่จะมาทำแผนชั่วๆให้ไกลตัวคุณรินทร์เขาหน่อย เขาจะได้ไม่รู้ว่าเป็นเธอ”

พาไลไล่บัวทองให้หลบไปตนจะขายของ บัวทองทำท่าจะกวาดของบนแผงทิ้ง พาไลตวาด

“อย่านะบัวทอง! ถ้าเธอแตะของฉันแม้แต่ชิ้นเดียว ฉันจะอัดคลิปไปให้คุณรินทร์ดู บีบน้ำตาออดอ้อนนิดหน่อยให้คนแถวนี้เป็นพยานว่าเธอทำร้ายฉัน คราวนี้เขาจะยิ่งกว่าเกลียดเธออีกนะบัวทอง”

เจอไม้นี้ของพาไล บัวทองก็ชะงัก ทำเสียงฮึดฮัดเดินสะบัดไปอย่างขัดใจ ในขณะที่พาไลมองตามอย่างเหนื่อยใจ

บัวทองไม่ยอมแพ้ ไปว่าจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างทำอะไรบางอย่าง แต่วินมอเตอร์ไซค์ฟังแล้วด่าว่าพวกตนทำมาหากินสุจริตไม่ทำหรอก ด่าว่า “หน้าตาก็สวยแต่ทำไมใจบาปอย่างนี้ล่ะแม่คุณ”

พาไลขายของได้สองร้อยกว่าบาท เธอร้องเชิญชวนให้ชมและซื้อสินค้าของตน มีชายวัยรุ่นคนหนึ่งทำทีมายืนดูพอพาไลเผลอก็คว่ำแผงแล้วกระชากพาไลพร้อมกับบอกคนรอบข้างว่า “เรื่องของผัวเมีย อย่ายุ่ง” ในขณะที่พาไลร้องขอความช่วยเหลือตะโกนบอกว่าตนไม่ใช่เมียมัน แต่ก็ถูกมันลากถูลู่ถูกังไป

บัวทองตามถ่ายคลิปอย่างสะใจ

ทันใดนั้น นครินทร์พุ่งเข้ามากระชากไหล่วัยรุ่นคนนั้นต่อยมันคว่ำ บัวทองที่กำลังถ่ายคลิปตกใจรีบเก็บมือถือวิ่งเข้าไปที่พาไล นครินทร์กระชากคอเสื้อวัยรุ่นคนนั้นขึ้นมาถามว่ามันเป็นใคร ต้องการอะไรจากพาไล มันไม่ตอบแต่ผลักนครินทร์ล้มไปทับเศษแก้วที่พื้น แล้วปราดเข้าไปจะชก พาไลตะโกน “คุณรินทร์ ระวัง!”

นครินทร์หลบพลิกตัวกลับมาจับมือมันไพล่หลังอย่างเท่ บัวทองตกใจวิ่งเข้ามาทำทีถามว่าเกิดอะไรขึ้น แกล้งสะดุดรองเท้าตัวเองล้มทับนครินทร์กับชายวัยรุ่น แล้วส่งสัญญาณให้มันรีบหนีไป พอมันหนีไปแล้วเธอโผถามนครินทร์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตนได้ยินเสียงพาไลร้องเลยรีบวิ่งมาดู แล้วทำเป็นขอโทษที่ทำให้คนร้ายหนีไปได้ บอกว่าตนจะไปตามลากคอมันมาเองฝากนครินทร์ดูแลพาไลด้วย แล้วฉวยโอกาสหนีไป

พาไลรู้ทัน เธอรีบมาดูนครินทร์ พอเห็นมือเขามีเลือดออก เธอจับมือเขาดูอย่างเป็นห่วง เธอพาเขาไปทำแผลที่สวนสาธารณะ ทำแผลเสร็จนครินทร์ขอบคุณ เธอบอกว่ายังไม่เสร็จ บอกเขาว่า

“ตอนเด็กๆเวลาฉันมีแผล คุณแม่จะทำแบบนี้...” เธอยกมือที่เป็นแผลของเขาขึ้นจ่อที่ปากตัวเอง พึมพำ “หมดทุกข์หมดโศกหายเจ็บหายปวดนะคะ โอมมม...เพี้ยง!” เป่าเบาๆที่มือเขาแล้วหัวเราะกันอย่างร่าเริง

แต่พอพาไลปล่อยมือนครินทร์กลับจับไว้ มองหน้าเธอ

“พาไล...ผมขอให้คุณหมดทุกข์หมดโศกเช่นกัน” แล้วเป่าเบาๆที่หน้าผากเธอ พาไลหลับตายิ้มนิดๆ อย่างดื่มด่ำกับความรู้สึกดีๆนั้น พอนครินทร์ถอยออกจากหน้าผากเธอ ต่างก็ยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน

ooooooo

ปิ่นปักทำงานอย่างมุ่งมั่น วันนี้ก็เรียกประชุมพนักงาน โดยมีเพรียวร่วมประชุมด้วย แต่เพรียวไม่ได้ใส่ใจกับการประชุมเลย เอาแต่นั่งวาดรูปปิ่นปัก จนเลิกประชุมแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

เพรียวนึกถึงความประทับใจเมื่อพบปิ่นปักครั้งแรกขณะเขาไปหานครินทร์ที่บ้าน เวลานั้นเธอยังเป็นนักเรียนถักเปียสองข้างน่ารัก เพรียวหลงรักเธอแต่นั้นมา

ประชุมเสร็จ ปิ่นปักเปิดมือถือดูจึงรู้ว่ามีมิสคอลจากศกถึง 15 สาย เธอตกใจว่าเขามีเรื่องอะไร เมื่อได้คุยกันเธออุทาน

“เย็นนี้คุณแม่จะไปทานข้าวที่บ้าน!”

เพรียวเดินตามหลังปิ่นปักมา ได้ยินเสียงเธออุทานตกใจจึงแอบฟังอย่างสนใจและห่วงใย

“ใช่...คุณแม่จะพาเพื่อนสนิทที่เพิ่งมาจากอเมริกาไปเยี่ยมเรา คุณดูแลเรื่องอาหารด้วยนะ อาหารสักสี่ห้าอย่างก็พอ แต่ขอเป็นอาหารไทยนะ”

“แต่แม่มายไม่สบาย ตอนนี้ก็จะสี่โมงเข้าไปแล้ว ขับรถไปซื้ออาหารที่ไหนรถก็ติด ขอเลื่อนคุณแม่เป็นพรุ่งนี้แทนได้ไหมคะ”

ศกบอกว่าครอบครัวตนถือเรื่องคำพูดเป็นสำคัญ ถ้านัดเขาแล้วก็ห้ามปฏิเสธ ปิ่นปักถามว่าก่อนจะนัดกัน มีใครถามตนสักคำไหม ศกเสียงแข็งทันทีว่าตนโทร.หาเธอตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว เธอสวนทันควันว่า “ปิ่นทำงานอยู่นี่คะ”

“งั้นคุณก็เลิกทำงานตามที่ผมบอกเสียสิ จะได้ไม่ต้องมีปัญหา ผมฝากด้วยแล้วกันนะปิ่น อย่าทำให้ผมกับคุณแม่ขายหน้าเด็ดขาด”

ปิ่นปักวางสายอย่างอึดอัดกลัดกลุ้ม เพรียวเข้ามาเสนอตัวว่า

“ถ้าปิ่นไม่รังเกียจ ให้พี่ช่วยไหม”

เมื่อไม่มีทางเลือกปิ่นปักลองให้เพรียวช่วยดู เขาพาเธอเข้าไปในแหล่งชุมชน บอกว่าพามาพบอดีตเชฟโรงแรมห้าดาวฝีมืออร่อยได้คุณภาพไม่ต้องรอคิวนาน

ระหว่างเดินเข้าไปเห็นชายหน้าโหดจ้องมา ปิ่นปักตกใจจับมือเพรียวไว้ ถามว่าพาตนมาที่อย่างนี้ทำไม เขาเล่นอะไรอยู่ เพรียวบอกว่าพามาหาเชฟที่ว่า เธอส่ายหน้าบอกว่าเขาไม่น่าจะมาอยู่ในที่แบบนี้ เพรียวบอกว่าชีวิตคนมีขึ้นมีลง

“ขึ้นไปสูงขนาดได้เป็นเชฟโรงแรมห้าดาวก็คงจะไม่ลงสุดมากขนาดนี้หรอกค่ะ ปิ่นไม่น่าเชื่อคนอย่างพี่เพรียวเลย”

ปิ่นปักจะกลับ ก็พอดีชายเจ้าของบ้านเปิดประตูออกมาทักเพรียวอย่างสนิทสนมว่า

“เอ็งอีกแล้ว จะกินอะไรว่ามา”

ooooooo

คืนนี้...การจัดเลี้ยงต้อนรับเพื่อนของคุณขจีที่มาจากอเมริกา อาหารไทยสี่ห้าอย่าง ถูกจัดอย่างสวยงามมาก คุณขจีคุณเศียรและเพื่อนไฮโซทานอาหารกันอย่างครื้นเครง มีศกและปิ่นปักนั่งทานอยู่ด้วย

เพื่อนชมว่าอาหารอร่อยมาก ถามว่าปิ่นปักทำทั้งหมดเลยหรือ ปิ่นปักปฏิเสธได้แค่ “เปล่า...” เท่านั้นก็ถูกคุณขจีพูดแทรกขึ้นด้วยความภูมิอกภูมิใจว่า

“ใช่ค่ะ ปิ่นทำเองหมดทุกอย่าง ปิ่นเก่งทั้งงานนอกงานใน ถึงชนะใจตาศกได้ ตาศกเขาเป็นเพอร์เฟกต์ชั่น–

นิสต์ค่ะ ทุกอย่างในชีวิตต้องดีที่สุด เดี๊ยนยังเคยหวั่นใจว่าโลกนี้จะมีผู้หญิงเพอร์เฟกต์พอจะมาเป็นเมียตาศกได้ไหม จนมาเจอหนูปิ่นนี่ล่ะค่ะ ถึงมีหวังว่าจะได้อุ้มหลาน”

คุณขจีกับเพื่อนๆ หัวเราะกันครื้นเครง ศกยิ้มรับ แต่ปิ่นปักยิ้มแห้งๆอย่างกระอักกระอ่วนใจ

เมื่อแขกกลับไปแล้ว คุณขจีถามศกว่าเมื่อไหร่ตนจะได้อุ้มหลาน ศกบอกว่าปิ่นปักยังไม่พร้อม เธอขอ ทำงานก่อน ขอเวลาอีกสักพักยังไงคุณแม่ก็ได้อุ้มหลานแน่

“แต่อย่าช้านักล่ะ แม่ขอหลานผู้ชายเท่านั้นนะ แม่ไม่ชอบเด็กผู้หญิง”

“เดี๋ยวผมจัดให้ทั้งผู้ชายผู้หญิงเลยครับ”

คุณขจีหัวเราะชอบใจ ศกหัวเราะกับแม่อย่างหมายมาด

ooooooo

เมื่องานเลี้ยงเพื่อนด้วยอาหารไทยผ่านไป ได้รับคำชมว่าอาหารอร่อยมาก คืนนี้ปิ่นปักนึกถึงเพรียว นึกถึงที่ตัวเองตำหนิเพรียวว่าตนไม่น่าเชื่อคนอย่างเขาเลย เธอรู้สึกไม่ดี จึงโทร.ไปขอโทษเขา

ขณะปิ่นปักคุยกับเพรียวนั้น ศกเข้ามานัวเนีย เธอบอกศก “อย่าค่ะศก...” แล้วบอกเพรียว “แค่นี้ก่อนนะคะ” แล้ววางสาย เพรียวได้ยินชัดๆ วางสายหน้าจ๋อย...

แต่หารู้ไม่บรรยากาศของศกกับปิ่นปักไม่ได้หวานชื่นเลย เมื่อศกจะเอาให้ได้ดั่งใจแต่ปิ่นปักขอร้องว่าวันนี้ตนเหนื่อยมาก ศกโมโหตะคอก “จะเล่นตัวอะไรนักหนา คุณแต่งงานเป็นเมียผมแล้วนะปิ่น”

“ไม่ต้องย้ำหรอกค่ะ ปิ่นไม่ลืม แต่ปิ่นเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เห็นใจปิ่นเถอะค่ะ”

ศกหยุด มองตามปิ่นปักไปอย่างหงุดหงิดมาก วันรุ่งขึ้นเมื่อไปทานข้าวกันพัชริน ปิ่นปักหงอยๆ พัชรินถามว่าทะเลาะกับศกหรือ ศกร่ำรวยขาดนั้นเธอยังไม่พอใจอีกหรือ

“เงินกับหัวใจไม่ใช่เรื่องเดียวกันสักหน่อย” ปิ่นปักติง พัชรินบอกว่าสำหรับตนถ้ามีเงินสักอย่างเรื่องอื่นก็ง่ายหมด

“ตอนยังไม่แต่งงาน ฉันก็เคยเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า เงินไม่ได้ช่วยจัดการคนอื่นให้เป็นดั่งใจเราได้ ฉันกับคุณศกมีสังคม งานที่แตกต่างกัน ฉันพยายามจัดให้ทุกอย่างเดินไปด้วยกันแล้ว แต่มันก็ยาก พอไม่ได้ดั่งใจก็ขัดข้องหมองใจกันไปทุกฝ่าย”

“เรื่องนิสัยใจคอ มันก็ยังพอทนได้ แต่เรื่องอื่นนี่สิ เธอทนไม่ได้แน่ปิ่น” ปิ่นปักถามว่าเรื่องอะไร “ผู้ชายหล่อรวยอย่างคุณศก ยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิง”

เป็นข้อคิดที่ปิ่นปักฟังแล้วไม่สบายใจ

ooooooo

เพื่อช่วยพาไลได้มีงานทำมีเงินใช้ในภาวะที่เธอหมดตัว ฝนจึงแนะนำให้พาไลไปร้องเพลงในงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทศก ฝนย้ำกับพาไลว่า

“ทำให้เต็มที่นะไล บริษัทนี้จัดงานอีเวนต์บ่อยเงินหนัก ผู้ใหญ่เห็นแววแก จะได้จ้างแกมาทำงาน”

จำรูญเห็นศกมองพาไลที่ร้องเพลงและเต้นอยู่บนเวทีอย่างสนใจ เขาเข้าไปบอกว่าพาไลเป็นเพื่อนกับฝนที่เป็นลูกน้องตน ได้ยินว่าช่วงนี้ร้อนเงินอยู่ด้วย อาสาจะเรียกมาทำความรู้จัก

จำรูญเอาแบงก์พันไปให้พาไลแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง พาไลชะงักแต่พอเพลงต่อไปเธอก็เดินลงไปยั่วยวนหยอกล้อศก พาไลไม่ได้คิดอะไรแต่ใจศกจินตนาการไปไกลแล้ว

ร้องเพลงเสร็จ จำรูญให้ค่าขนมพาไลหนึ่งหมื่นบาทและทิปพิเศษเรื่องศกอีกห้าพัน

ระหว่างพาไลเดินออกจากบริษัทศกเพื่อกลับที่พัก ศกขับรถสปอร์ตคันหรูเข้ามาเทียบแล้วเรียกหน้านิ่ง

“ขึ้นรถ ผมจะไปส่ง” พาไลปฏิเสธ บอกว่าปิ่นปักคงไม่ชอบให้ตนนั่งที่เดียวกับเธอ ศกลงจากรถไปดักหน้ายื่นเช็คให้ พาไลถามว่าแลกกับอะไร เขาบอกว่า “เรื่องที่คุณถนัดที่สุด”

พาไลบอกว่าตนไม่ได้ขายตัว ศกบอกให้ดูตัวเลขบนเช็คก่อน พาไลเห็นตัวเลขสองแสนมันต้องตาต้องใจมาก ศกบอกว่าถ้าอยากได้มากกว่านี้ตนก็ให้ได้ แค่ให้ความสุขกับตนเท่านั้น

พาไลต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างหนัก ในที่สุดเธอเอาเช็คคืนให้เขาบอกให้เอาไปทำบุญเขาจะมีความสุขกว่าไปนอนกับตน ศกมองพาไลในชุดเซ็กซี่ด้วยสายตานิ่ง ลึก นึกในใจว่า “ยากอย่างนี้สิ ถึงจะสนุก”

พอพาไลกลับไปเล่าให้มิ้มฟัง มิ้มถามว่าทำไมถึงได้โง่อย่างนี้ พาไลบอกว่าเพราะตนไม่ใช่พาไลคนเดิมแล้วน่ะสิ

มิ้มเชื่อว่าศกไม่หยุดแน่ เพราะขนาดเขาเอาชนะผู้หญิงอย่างปิ่นปักได้ เขาต้องไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแน่

พาไลนิ่งไปอย่างไม่สบายใจ

ooooooo

ศกกลับดึกโดยไม่สนใจว่าปิ่นปักรออยู่ที่บ้าน ปิ่นปักต้องทานอาหารเย็นคนเดียวเป็นประจำและรอเขาจนดึกดื่นแทบทุกคืน แต่พอเธอจะไปทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านบ้าง ศกกลับไม่พอใจหาว่าเธอทำประชด

“ปิ่นก็ไม่ได้ประชดอะไรหรอกค่ะ แต่ปิ่นก็ไม่ได้อยากรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ คุณควรจะเห็นใจปิ่นบ้าง ตั้งแต่เราแต่งงานกัน เรากินข้าวเย็นกันแทบจะนับครั้งได้”

“ถ้างั้น คุณจะไปไหนจะไปหาเพื่อนก็ตามสบายนะ” ศกเสียงกระด้างแล้วลุกจากโต๊ะอาหารไปเลย ปิ่นปักมองตามเขาไป นึกถามตัวเองอย่างเจ็บช้ำว่า...นี่หรือคือชีวิตแต่งงานที่แสนเลิศเลอ...

ooooooo

เมื่อไปถึงที่ทำงาน ศกเรียกฝนขึ้นไปพบ ซักถามประวัติของพาไล แม้ฝนจะบอกว่าพาไลไม่มีความรู้ ขายครีมก็เจ๊ง ศกก็ยังบอกฝนให้ชวนพาไลมาทำงานเป็นเลขาของตน เงินเดือนสามหมื่น

มิ้มฟันธงว่าศกชวนพาไลไปทำงานเพราะคิดจะฟาดเธอ ฝากฝนไปบอกศกว่าพาไลเซย์โน ให้เดือนละล้านถึงจะเซย์เยส

“ไม่...มิ้ม... ฉันคิดว่าฉันจะทำ” พาไลบอกมิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง เขาจะไม่ได้แตะต้องตัวฉัน และก่อนที่จะหมดความอดทนกับฉัน ฉันจะเก็บเอาเงินเดือนมาเป็นทุนทำธุรกิจ พอได้เงินสักก้อนฉันจะเป็นฝ่ายลาออกเอง”

“เงินเดือนแค่สามหมื่น แค่ค่าห้อง ค่าหนี้ ค่ากินก็หมดแล้ว”

“ใครว่าฉันจะเอาแค่สามหมื่น” พาไลย้อนถามแววตาหมายมาด

ต่อมาศกก็ได้รับกระดาษที่เขียนถึงเขาว่า “เงินเดือน 50,000 บาท พร้อมสวัสดิการ ประกันสังคม...พาไล” แม้ศกจะแสดงความไม่พอใจ แต่สั่งสมรที่เอาเอกสารมาให้เซ็นว่า

“สมร...จัดโต๊ะทำงานเพิ่มหนึ่งโต๊ะ ผมหาผู้ช่วยมาช่วยคุณทำงานได้แล้ว” ฝนถามว่าทำไมเขาถึงยอม “คนเราที่จะประสบความสำเร็จต้องมั่นใจในจุดแข็งของตัวเอง และก็กล้าที่จะใช้มันต่อรองกับคู่แข่ง พาไลกล้าเรียกค่าตอบแทนผมมากขนาดนี้ แสดงว่าเขาคิดว่า

ตัวเองมีจุดแข็ง ผมก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร”

ในขณะที่ฝนยังงงๆไม่เข้าใจคำพูดของเขา ศก เปิดลิ้นชักหยิบถุงใส่ของแบรนด์เนมมาวางบอกว่า

“ของคุณ ของตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ที่ช่วยเป็นธุระให้ผมกับพาไล”

ฝนตาลุก ศกมองกระหยิ่มกับแผนล่อให้ฝนช่วยตนเรื่องพาไลต่อไป

เมื่อศกรับพาไลเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยสมร ทำให้สมรระแวงว่าศกจะไล่ตนออก ร้องไห้จนปิ่นปักมาเจอ พอรู้เรื่องก็พาไปหาศก ศกบอกว่าตนไม่ได้พูดว่าจะไล่สมรออกเลย ปิ่นปักถามสมรว่าได้ยินแล้วใช่ไหม สบายใจแล้วใช่ไหม

พอสมรออกไป ศกจิกตามองแบบ ถ้าวุ่นวายนักจะไล่ออกจริงๆ

ปิ่นปักถามศกว่ารับใครมาทำงานหรือ ศกบอกว่าคนรู้จักกัน แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่าเธอมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า

“ปิ่นไปดูงานข้างนอกก็เลยแวะมาทานข้าวกลางวันกับคุณ”

“วันหลังโทร.นัดให้ผมออกไปหาก็ได้ ผมไม่ชอบให้คุณเข้ามาที่นี่บ่อยๆ มันดูเหมือนคุณตามคุมผม”

ปิ่นปักอึ้ง ก้มหน้านิ่ง เธอต้องพยายามอดกลั้นเต็มที่

ooooooo

เช้านี้นครินทร์ลงมือทำน้ำผลไม้ปั่นอย่างตั้งใจ จุ้นแอบดูว่าเขาจะทำให้ใคร พอนครินทร์เอาน้ำผลไม้ปั่นขึ้นรถขับออกไปจุ้นก็จับตาดูจนรถเขาขับผ่านคอนโดที่พาไลพักจึงกลับไปรายงานคุณโปรยเพื่อเอาทิป

ที่แท้นครินทร์รู้ว่าจุ้นดูอยู่เขาแกล้งขับรถเลยคอนโดพาไลไป พอจุ้นกลับเข้าบ้านเขาจึงถอยรถกลับมา พึมพำขำๆ

“จุ้นจ้านสมชื่อจริงๆ”

นครินทร์เอาน้ำผลไม้ปั่นที่เขียนข้อความว่า “น้ำผลไม้ปั่นสูตรบำรุงหัวใจ ถ้าหัวใจแข็งแรง ปัญหาทุกอย่างก็จะไม่ยากเกินรับมือ จากเพื่อนของคุณ” พาไลอ่านแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกดีๆ

สายๆ พาไลชวนมิ้มไปหานครินทร์ที่มหาวิทยาลัยบอกมิ้มว่าจะบอกเขาเรื่องตนไปทำงานกับศก ขณะกำลังมองหาก็เห็นนครินทร์เดินอยู่ไกลๆ จึงรีบเดินไปหา

นครินทร์มาเจอมิตรากำลังยองๆควานหาอะไรที่พื้น เขารีบเข้าไปถามว่าเป็นอะไร มิตราบอกว่าตนสะดุดล้มเลยทำคอนแท็กเลนส์หลุดหาย วานเขาช่วยเอาแว่นตาในกระเป๋าให้หน่อย นครินทร์หาแว่นเจอเขาเอ่ยขอโทษแล้วสวมแว่นให้

พาไลเห็นพอดีรู้สึกเจ็บแปลบ หน้าเสีย มิ้มถามว่าเป็นอะไร หึงหรือ พาไลบอกว่า

“ฉันไม่ได้หึง แต่อายตัวเอง ที่เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณรินทร์เขาจะดีน่ารักกับฉันคนเดียว แต่ฉันลืมไปว่าคุณรินทร์เขาเป็นคนดี เขาทำดีได้กับทุกคน” แล้วจะเดินกลับ มิ้มถามว่าไม่บอกเรื่องเธอไปทำงานกับศกแล้วหรือ “อย่าดีกว่า ยิ่งบอก ชีวิตฉันก็จะยิ่งขาดเขาไม่ได้”

“แต่ชีวิตแกไม่ควรขาดคนดีๆอย่างคุณรินทร์” แล้วมิ้มก็ร้องเรียก “คุณรินทร์คะ...คุณรินทร์...”

นครินทร์กับมิตราหันมาพร้อมกัน นครินทร์เดินกลับมาหาพาไลถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ แล้วแนะนำมิตรากับพาไลและมิ้มให้รู้จักกัน พาไลตัดสินใจจะไม่บอกเรื่องตนไปทำงานกับศก เธอเปลี่ยนเป็นบอกเขาว่า

“พอดีว่าฉันผ่านมาแถวนี้ก็เลยจะแวะมาขอบคุณคุณเรื่องน้ำผลไม้” มิ้มติงพาไลว่ามีเรื่องจะคุยกับเขาไม่ใช่หรือ ถูกพาไลแอบหยิกแล้วบอกนครินทร์ว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เชิญคุณสองคนตามสบายนะคะ ฉันกลับแล้ว”

นครินทร์รู้สึกไม่ปกติ เขาขอตัวกับมิตราสักครู่แล้วเดินตามพาไลไปแต่พาไลดึงมิ้มเดินหนี มิตราถามว่าพาไลหึงเขาหรือเปล่า นครินทร์บอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะตนกับพาไลเป็นเพื่อนกัน

“ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าความสัมพันธ์ของคุณสองคนเป็นยังไง ฉันแค่พูดจากสิ่งที่ฉันเห็น” มิตราพูดยิ้มๆ

“พาไลเป็นคนตรง แล้วก็ซื่อสัตย์กับตัวเองมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็น ถ้าพาไลคิดกับผมอย่างที่คุณพูด ผมก็น่าจะรู้บ้าง”

“สิ่งที่เข้าใจยากที่สุด และไม่มีมหาวิทยาลัยเปิดสอน ก็คือ อารมณ์ผู้หญิงค่ะ”

นครินทร์นิ่งไป คิดตามที่มิตราพูด กลับมาคิดแล้วก็ยังไม่เชื่อคิดค้านว่า “อย่างพาไลเนี่ยนะ จะหึงเราไม่น่าเป็นไปได้” ทันใดนั้นเอง มือถือเขาก็มีข้อความจากพาไลมาเป็นรูปหัวใจ เขาส่งข้อความกลับไปว่า “ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

ที่แท้เป็นฝีมือของมิ้ม ถูกฝนเตือนว่าเอาโทรศัพท์ของพาไลมาเล่นระวังจะโดนด่า

“โดนด่าแต่เพื่อนได้ผัว อีมิ้มยอม” มิ้มหัวเราะคิกคักแล้วกดตอบนครินทร์

คุณโปรยกับจุ้นมองนครินทร์อยู่มุมหนึ่ง จุ้นสาระแนว่า เมื่อเช้าก็ตื่นแต่ไก่โห่มาทำน้ำผลไม้ กลางคืนก็ยืนยิ้มอยู่คนเดียว อาการแบบนี้แถวบ้านตนเรียกว่า “อินเลิฟ” คุณโปรยพึมพำว่ารินทร์คบกับใคร

“ไม่รู้ค่ะ”

“ฉันไม่ได้ถาม!” คุณโปรยมองนครินทร์แล้วสั่ง “จุ้น จัดการ!”

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น