วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 6


ในวันที่พาไลมาลาออก เมื่อเธอเดินออกจากห้องทำงานของศก เขานั่งนิ่ง มองตาม พึมพำอย่างเจ็บใจหมายมาด

“อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะยอมแพ้ง่ายๆนะพาไล”

อึดใจเดียว จำรูญก็มาเคาะประตู นำเอกสารที่เขาต้องการมาให้ ศกบอกให้วางไว้ มองจำรูญพลันแผนบางอย่างก็ผุดขึ้น ถามจำรูญว่า เขากับฝนเป็นอย่างไร จำรูญบอกว่าก็มีความสุขดี

“คุณฝนรู้เรื่องของคุณหรือเปล่า” จำรูญหน้าเสียมองไปที่ประตูอย่างระแวง บอกว่าไม่รู้ ย้อนถามว่า ถามทำไมหรือ

“ก็เผื่อว่าผมจะให้ตั๋วเครื่องบินคุณกับคุณฝนไปฮันนีมูนกันที่ญี่ปุ่น พร้อมพ็อกเก็ตมันนี่สักแสนนึง ก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะสะดวกไปหรือไม่”

จำรูญดีใจมากรีบบอกว่าสะดวกครับ สะดวก ถามอย่างรู้ทางลมว่า “ทำไมคุณศกถึงให้ผมครับ”

“ผมมีเรื่องจะให้คุณช่วย”

แล้วคืนนี้เอง จำรูญกับฝนก็นัดพาไลกับมิ้มกินข้าวกันที่ร้านอาหารแถวคอนโด จำรูญยื่นซองเงินให้พาไลบอกว่า

“เงินเดือนกับโบนัสนิดๆหน่อยๆ คุณศกฝากมาให้น้องพาไล” พาไลถามว่าไหนศกบอกว่าทำงานยังไม่ครบเดือนไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินไง “คุณศกเขาบอกว่าน้องพาไลเคยทำให้ลูกค้าพอใจ ถ้าเขาจะไม่ให้อะไรตอบแทนเลยก็ดูว่าจะเอาเปรียบน้องพาไล”

พาไลทำท่าจะไม่รับ ถูกมิ้มปรามเสียงเข้มว่า “จนแล้วอย่าหยิ่งทำงานให้เขา ไม่ได้เอาเงินเขามาฟรีๆ รับไปเถอะ” แล้วดึงซองเงินจากจำรูญยัดใส่มือให้ พาไลจำต้องรับไว้และฝากจำรูญขอบคุณศกด้วย

“ครับ” จำรูญสบตากับฝนอย่างรู้กัน ฝนเริ่มหน้าที่ของตัวเองตามแผนทันทีว่า

“แกไปขอบคุณด้วยตัวเองดีกว่า มะรืนนี้คุณศกจะจัดงานวันเกิด ฉันกับคุณจำรูญจะไปอยู่แล้ว แกก็ไปด้วยกันเลย”

พาไลฟังนิ่งๆ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ

ooooooo

ทันทีที่พาไลลาออก สมรก็รีบโทร.รายงาน ปิ่นปักทันที ปิ่นปักถามว่าทำไมอยู่ๆถึงได้ลาออกเสียล่ะ สมรมองว่าพาไลใจไม่สู้ งานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้ ปิ่นปักถามว่าแล้วศกว่าอย่างไร ไม่รั้งพาไลไว้หรือ

“ไม่นะคะ พาไลเข้าไปยื่นใบลาออกไม่ถึงสองนาทีก็ออกมาแล้ว คนสวยแต่โง่แบบพาไล คุณศกเขาไม่เอาหรอกค่ะ ถ้าเป็นคนสวยและฉลาดแบบคุณปิ่นก็ว่าไปอย่าง” สมรสอพลอ ปิ่นปักฟังแล้วยิ้มสบายใจที่พาไลไปจากศกเสียได้

วันนี้ปิ่นปักจะไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด ศกโอบเอวปิ่นปักมาที่รถ แม่มายถือกระเป๋าของปิ่นปักมาไว้ที่รถ

ปิ่นปักบ่นเซ็งๆ ว่าทำไมต้องมีสัมมนาตรงกับวันเกิดของเขาด้วยก็ไม่รู้ ศกปลอบว่ามันก็แค่วันวันหนึ่ง เธอก็รู้ว่าตนไม่ได้ให้ความสำคัญ

“แต่ปีนี้พิเศษค่ะ เพราะเป็นวันเกิดของคุณในปีแรกที่เราเป็นสามีภรรยากัน เอาอย่างนี้ดีกว่า ปิ่นไปแค่นครนายกขับรถไม่กี่ชั่วโมงเอง คืนวันเกิดคุณปิ่นเสร็จงานแล้ว ปิ่นขับรถกลับมา”

“ผมไม่อนุญาต คุณขับรถไปกลับผมเป็นห่วง” ศกเสียงจริงจังอย่างห่วงใยมาก บอกเธอว่า “คุณไปทำงานให้สบายใจ พอคุณกลับมา เราจะวางแผนไปฮันนีมูนกัน”

ความรักและห่วงใยอย่างมากมายของศกทำให้ปิ่นปักซาบซึ้งมองเขาด้วยแววตารักล้นหัวใจ บอกเขาว่า

“รู้ไหมคะศก ยิ่งคุณน่ารักกับปิ่นมากเท่าไหร่ ปิ่นก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เคยมองคุณไม่ดี” ศกถามอ้อนๆ ว่าแล้วตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม “ค่ะ รู้แล้ว รู้แล้วด้วยว่าปิ่นได้เลือกผู้ชายที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเองแล้ว”

“คุณก็เป็นผู้หญิงที่ผมเลือกแล้วเหมือนกัน”

ศกหวานจนปิ่นปักยิ้มอย่างมีความสุขมาก

ooooooo

จำรูญกับฝนมารับพาไลเพื่อไปงานวันเกิดของศกที่หน้าห้อง แต่เพราะมิ้มยังไม่กลับ พาไลจึงชวนทั้งสองเข้าไปรอในห้อง ฝนเห็นพาไลแต่งตัวในชุดกระโปรงเรียบร้อยก็ทำท่าตกใจว่าไปงานปาร์ตี้นะจ๊ะไม่ใช่ไปงานราชการ

พาไลบอกว่าตนแค่แวะไปขอบคุณศกแป๊บเดียวเองขี้เกียจแต่งตัว ฝนติงว่าเดี๋ยวคุณศกจะหาว่าไม่ให้เกียรติเขา แล้วลากพาไลไปในห้องนอน จัดแจงเลือกเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาให้บอกให้เปลี่ยนเสียแล้วเดี๋ยวมาเติมหน้าใหม่ด้วย บ่นเพื่อนว่า

“แต่งเสียจืดมันจะไปเจิดในงานได้ยังไง”

ความเจ้ากี้เจ้าการของฝนทำให้พาไลเอะใจถามว่าเธอคิดจะทำอะไรอยู่ ถึงอยากให้ตนไปงานศกและยังต้องให้แต่งตัวแบบนี้ด้วย พอพาไลไหวตัว ฝนก็ปฏิเสธเสียงสูง “เปล๊า...ไม่มีอะไร” แต่ไม่กล้าสบตา พาไลรู้ทัน บอกว่า

“ถ้าแกไม่บอก ฉันก็ไม่ไป”

“อะๆ บอกก็ได้ ฉันเห็นว่างานวันเกิดคุณศกเป็น ‘โอกาสดีๆ’ ที่แกจะได้เจอผู้ชายรวยๆเหมือนที่ฉันเจอคุณจำรูญไง”

“แต่ฉันไม่ได้อยากพึ่งใคร”

“อย่าปฏิเสธตัวเองเลยพาไล ยอมรับเถอะว่า คนอย่างเราอ่อนแอเกินว่าจะไม่พึ่งพาใคร ฉันรู้ว่าแกอยากภาคภูมิใจในตัวเอง แต่วิธีที่แกทำอยู่ อาจจะไม่เหมาะกับเรา คนอย่างเราต้องหาผู้ชายดีๆ มีครอบครัวที่อบอุ่น เราจะเลี้ยงลูกไม่ให้อ่อนแอเหมือนเรา มันก็ภูมิใจได้เหมือนกัน เถอะนะไล ออกไปเปิดโอกาสให้ตัวเอง อย่าจมปลักอยู่กับความพยายามที่มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลย”

พาไลนิ่งไปอย่างหนักใจกับการรบเร้าของฝน

ooooooo

มิ้มเพิ่งกลับมา พอลงจากรถแท็กซี่จะเข้าตึก เห็นจำรูญยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่ พอเข้าใกล้ก็ได้ยินเขาพูด...

“จุ๊บๆนะ” แล้วหัวเราะคิกคักก่อนวางสาย แต่พอหันมาเห็นมิ้มก็ตกใจถามว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ มิ้มพูดล้อๆ ว่าตั้งแต่เขาจุ๊บๆนั่นแหละ จำรูญหน้าเสียชี้แจงอึกๆอักๆ ว่าตนคุยกับคุณแม่ พูดขำๆว่า

“คนเป็นแม่ก็อย่างนี้แหละ ถึงลูกจะโตแค่ไหนก็ยังชอบให้เราทำตัวเป็นเด็กๆ”

มิ้มไม่ติดใจอะไร พอดีพาไลกับฝนลงมา มิ้มมองพาไลที่แต่งตัวเซ็กซี่แต่สีหน้าไม่ซ่าเลย

ศกจัดงานที่บ้าน มีเพื่อนไฮโซที่เป็นผู้ชายมามากมายแต่ละคนก็มีหญิงสาวลักษณะเหมือนอีหนูมากกว่าเมียมาด้วย

แม่มายทำงานอยู่คนเดียวเหนื่อยจนหน้ามัน บ่นว่าศกจะจัดงานก็ไม่บอกล่วงหน้าสักคำ เลยจะโทร.ไปบอกปิ่นปัก

เป็นเวลาที่ปิ่นปักกำลังสรุปการสัมมนา โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าพอรู้สึกว่ามีสายเข้าโชว์ว่าจาก “บ้าน” จึงกดรับแต่แม่มายหันไปเห็นศกมาพอดี ปิ่นปักถือโทรศัพท์รอฟังเสียงปลายสายแล้วบ่น “ทำไมสายตัด”

ศกถามแม่มายหน้านิ่งว่าจะโทร.ไปไหน แม่มายบอกว่าจะโทร.ไปหาปิ่นปักถามว่าเก็บที่เปิดขวดไวน์ไว้ที่ไหน

“อยู่ในตู้ ถ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องเปิด ปิ่นทำงานอย่าโทร.ไปกวนปิ่นอีก”

แม่มายใจคอไม่ดีขอตัวไปทำงาน ศกมองอย่างไม่ชอบใจแล้วหยิบหูโทรศัพท์วางไว้นอกเครื่องเสียเลย

“ทำไมสายไม่ว่าง” ปิ่นปักงง แต่ไม่ติดใจ เก็บของแล้วเดินออกจากห้องประชุมเพื่อกลับห้องพัก

ระหว่างเดินกลับห้องพัก เพรียวแอบเดินตามมา เธอควานหากุญแจห้องทำตกที่พรมไม่รู้ตัว เพรียวที่ตามมาเก็บไว้เมื่อมาถึงหน้าห้องปิ่นปักหากุญแจห้องไม่เจอ เพรียวเอากุญแจไขให้ เธอตกใจเอาแฟ้มฟาดปัง เพรียวบอกว่าเธอทำตกตนเก็บไว้ให้

ปิ่นปักถามว่าทำไมเดินตามมาเงียบๆ ดีว่าตนไม่มีไม้ในมือไม่อย่างนั้นเขาเจ็บตัวไปแล้ว พาเข้าห้องจะหายาหม่องมาทาให้ เธอวางแฟ้มไม่ดีตกลงมาเอกสารกระจาย เพรียวช่วยเก็บให้เห็นการ์ดอวยพรวันเกิดศก เธอบอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดศกเอาการ์ดมาเตรียมเขียนคืนนี้แล้วเอากลับไปให้เขา

“กว่าปิ่นจะได้ให้ก็อีกตั้งหลายวัน ทำไมไม่ให้ด้วยวิธีอื่นให้สมกับเป็นคนยุคสี่จี”

“วิธีอะไรคะ”

เพรียวไม่ตอบแต่ยิ้มสนุกกับเธอ แล้วเพรียวก็ถ่ายรูปปิ่นปักจากมือถือ ปิ่นปักยืนตรงยิ้มนิดๆ เพรียวแซวว่าทำอย่างกับจะถ่ายรูปติดบัตรแล้วแนะให้เธอทำท่าน่ารักเอาสองนิ้วจิ้มแก้มบุ๋มเอียงคอทำตาแป๋วแบ๊ว แต่ปิ่นปักเห็นว่าท่าของตนที่แค่ชูสองนิ้วก็พอ เพรียวจึงให้เธออวยพร ตัวเองเตรียมพิมพ์ให้

แรกๆ ปิ่นปักอวยพรธรรมดาๆ ให้ศกมีความสุขมากๆ ในวันเกิด เพรียวพิมพ์อย่างเร็ว แต่พอปิ่นปักเริ่มหวานว่า “ปิ่นรักคุณมาก” เพรียวก็ชะงักหน้าเศร้า ยิ่งเมื่อเธอบอกว่า “คุณคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของปิ่น เราจะสร้างครอบครัวที่มีความสุขไปด้วยกัน” เพรียวก็ยิ่งเศร้าจนพิมพ์แทบไม่ออก

ooooooo

เมื่อไปถึงบ้านศก ฝนตื่นเต้นมากเมื่อเห็นบ้านหลังใหญ่สวยงามถึงกับรำพึงว่าถ้าตนได้อยู่บ้านหลังใหญ่แบบนี้ ตายก็ไม่เสียชาติเกิด ถามจำรูญว่าบ้านเขาใหญ่เท่านี้หรือเปล่า

มิ้มแปลกใจถามว่าคบกันมาตั้งนานยังไม่เคยพาไปบ้านหรือ หยอกจำรูญว่ามีอะไรซ่อนอยู่ที่บ้านหรือเปล่า จำรูญพูดอย่างไร้พิรุธว่าบ้านตนกำลังซ่อมแซม เสร็จเมื่อไรก็จะพาฝนไป

พาไลเดินตามหลังมา พอรู้ว่าศกจัดงานที่บ้าน เธอต่อว่าฝนอย่างไม่สบายใจว่าทำไมไม่บอกว่าศกจัดงานที่บ้าน ฝนทำหน้าซื่อบอกว่า “ไม่รู้ว่าต้องบอก”

“ฝน...ฉันลาออกจากงานเพราะไม่อยากให้ตัวเองเข้าไปวุ่นวายกับครอบครัวนี้ แล้วนี่ฉันมาถึงบ้านเขา คุณปิ่นจะคิดยังไง” จำรูญบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะปิ่นปักไม่อยู่ไปสัมมนาต่างจังหวัด “จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ เพราะฉันไม่สะดวกใจ พวกแกเข้าไปเถอะฉันจะกลับ”

ทั้งมิ้มและฝนต่างช่วยกันขอร้องอ้อนวอนว่าไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว เข้าไปหน่อยเถอะสักชั่วโมงก็ยังดี

“นะ...ไล...คิดซะว่าเห็นแก่ฉัน ตอนนี้ร่างกายต้องการปาร์ตี้ขั้นรุนแรง”

“เข้าไปสนุกกันเถอะไล เราสามคนไม่ได้ปาร์ตี้ด้วยกันนานแล้ว...นะ...นะ...”

“ก็ได้ แต่อยู่ไม่นานนะ” พาไลเข้าไปด้วยความเห็นใจเพื่อน

พอสามสาวเดินเข้าไป เดโชก็สะกิดศกให้ดูว่าใครมา ศกมองไปเห็นพาไลในชุดสวยเซ็กซี่มีจำรูญเดินตามหลังมาก็ยิ้มอย่างสมใจ บอกเพื่อนๆว่าตามสบายนะ เดี๋ยวมา แล้วเดินไปหาพวกพาไล

“ใครวะ สวยชิบ...” เพื่อนคนหนึ่งถาม เดโชบอกว่าเด็กที่ศกกำลังจีบอยู่ เพื่อนคนนั้นเชื่อว่า

“กล้าพาเข้าบ้าน แสดงว่าเอาจริง”

“ไม่ใช่เอาจริง แต่จะเอาให้ได้” เดโชยิ้มในหน้า

ooooooo

ศกเดินมาทักทายพวกพาไล จำรูญอวยพรวันเกิดแล้วบอกว่าพาไลกับมิ้มมาด้วย คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม

ศกยิ้มแย้มยินดีบอกว่ามากันหลายคนสิสนุกดี พาไลเอ่ยขึ้นว่า “คุณศกคะ...เรื่องเงิน...ฉันขอบคุณมากนะคะ”

“เล็กน้อย ถ้าเปลี่ยนใจจะมาทำงานกับผมก็บอกแล้วกัน สนุกกันเต็มที่นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

มิ้มลากพาไลไปนั่งที่โซฟา จำรูญรีบกระซิบกับศก “ขอให้คืนนี้มีความสุขมากๆนะครับ” แล้วยิ้มอย่างรู้กัน

มิ้มสนุกมากออกไปเต้นรำกับแขก ส่วนฝนก็เต้นรำกับจำรูญ พาไลนั่งดูนาฬิกาอยากกลับบ้านมาก แต่พอบอกมิ้ม มิ้มขออีกสิบนาที พาไลบ่นว่าสิบนาทีมาเป็นสิบครั้งแล้ว พาไลมองมิ้มที่ออกไปเต้นรำเมามันอย่างอ่อนใจ

จำรูญจับตาดูพาไลตลอดเวลา เมื่อสบโอกาสก็ถือแก้วเครื่องดื่มสีสวยเข้ามาสองแก้ว หันดูซ้ายขวาเห็นปลอดคนก็เอาซองยาสีขาวออกมาจะเทลงในแก้ว ฝนมาเห็นถามว่าทำอะไร? ยาอะไร? จำรูญตกใจเมื่อถูกจับได้ก็กระซิบบอก ฝนโวยว่า

“คุณจะใส่ยาให้พาไล! ไหนคุณบอกว่าคุณศกแค่ให้เราพาพาไลมางานแล้วทำไมต้องใส่ยาด้วย คุณศกสั่งหรือ”

จำรูญบอกว่าศกไม่ได้สั่ง ตนทำเองจะได้ช่วยให้อะไรๆมันง่ายขึ้น

ฝนเชื่อว่าเดี๋ยวศกก็เอาชนะใจพาไลได้ ไม่ยอมให้จำรูญใช้ยากับเพื่อนตน สั่งให้เอายามาทิ้งเดี๋ยวนี้ จำรูญส่งยาให้อย่างว่าง่าย แต่พอฝนเดินไป เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์หยิบยาอีกซองจากกระเป๋ากางเกง พึมพำ “ดีนะที่มีสำรอง” แล้วรีบเทยาลงในแก้วเครื่องดื่มใช้ช้อนคนๆๆ แล้วยกไป

จำรูญยื่นให้พาไลแก้วหนึ่งและฝนแก้วหนึ่ง แล้วชวนให้ชนแก้วหน่อย ฝนไม่เฉลียวใจเพราะเอายาจากจำรูญทิ้งไปแล้ว เธอชนแก้วกับพาไล พาไลยกดื่มจนหมดแก้ว จำรูญแอบมองอย่างสมใจ

แต่แผนของศกลึกซึ้งกว่านั้น เขาจ้างชายหญิงคู่หนึ่งให้แกล้งเอาสร้อยข้อมือเพชรไปทำตกบนโซฟาที่พาไลนั่ง พาไลเห็นจึงหยิบไปให้ศกที่ยืนคุยกับชายหญิงคู่นั้นอยู่ ให้เขาช่วยตามหาเจ้าของด้วย

เป็นเรื่องทันที ชายหญิงคู่นั้นหาว่าพาไลขโมยสร้อยข้อมือเพชรของตน ศกทำเป็นปกป้องพาไลว่าถ้าพาไลขโมยจริงก็คงไม่เอามาให้ตนตามหาเจ้าของ หญิงคนนั้นหาว่าเป็นมารยาของพาไลทำเพื่อหวังเงินตอบแทน

พาไลสุดที่จะทนให้ถูกกล่าวหา เธอขอตัวเดินเลี่ยงไป หญิงคนนั้นไม่ยอมยุให้สามีเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ศกปรามว่าถ้าเอาเรื่องพาไลตนก็จะเอาเรื่องพวกเขาเหมือนกัน แล้วชกหน้าชายคนนั้นพร้อมกับไล่ทั้งสองคนออกไปจากงานเดี๋ยวนี้

พอทั้งสองออกไป เดโชก็เอาซองเงินไปให้บอกว่าศกฝากมาให้เป็นค่าทำแผล ส่วนสร้อยข้อมือเพชร ศกยกให้ ย้ำว่า “แล้วก็อย่าลืมปิดปากให้เงียบล่ะ ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด” ชายคนนั้นถามว่าทำไมศกต้องทำถึงขนาดนี้

“จะเอาใจผู้หญิงก็ต้องทำให้ผู้หญิงแพ้ใจสิจ๊ะ”

ทั้งสองฟังแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ พาไลขอบคุณศกอย่างซึ้งใจที่ปกป้องตน แล้วจะขอตัวไปหาเพื่อนๆ แต่ยาออกฤทธิ์ เธอเวียนหัวเดินเซ ศกเข้าประคองตามแผน ถามว่าเป็นอะไรเมื่อกี๊ยังดีๆ อยู่เลย ถามว่าจะให้ตนพาไปพักไหม

พาไลในสภาพปวดหัวมึนงงให้เขาพาไปพัก ศกพาเธอขึ้นไปที่ห้องนอนของตนกับปิ่นปัก แม่มายออกจากห้องหนึ่งเห็นพอดีมองตะลึง อุทาน

“คุณศก!”

ปิ่นปักโทร.เข้าบ้านโทรศัพท์สายไม่ว่างเพราะถูกศกยกหูออกนอกเครื่อง จึงโทร.หานครินทร์บอกว่าโทร.หาศกไม่ติด โทร.หาแม่มายก็ไม่มีใครรับสาย ปกติแม่มายไม่เคยเป็นอย่างนี้ ตนไม่สบายใจขอให้เขาแวะไปดูที่บ้านให้หน่อย

นครินทร์หน้านิ่ง ไม่ได้ตอบอะไร

ooooooo

มิ้มตามหาพาไล เห็นหลังจำรูญแว้บๆอยู่ในมุมมืดหลังต้นไม้ เธอวิ่งไปหาเพื่อจะถามว่าเห็นพาไลไหม พลันก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงจำรูญคุยโทรศัพท์อย่างอ่อนหวาน

“หนูไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก อีกพักใหญ่ๆพี่ถึงกลับ” มิ้มชะงักกึก “จ๋า...พี่รักหนูมากเหมือนกัน เข้านอนไปเลยนะ นอนดึกจะไม่ดีกับลูกในท้อง”

มิ้มอึ้งตะลึงงัน กลับมาบอกฝนว่าจำรูญมีเมียแล้ว ฝนไม่เชื่อ กลับหาว่ามิ้มอิจฉาตน เพราะจำรูญเคยบอกว่ามิ้มไม่ชอบเขาเพราะอิจฉาที่ตนมีเขาแล้วได้ดีมีความสุข ไม่ต้องเที่ยวตระเวนมีผัวอยู่ทุกทวีปเหมือนตัวเอง

ด้วยความรักเพื่อน มิ้มพยายามบอกว่าตนไม่ได้โกหก ฝนโต้ว่าจำรูญไม่เคยโกหกตน มิ้มเลยโพล่งถามว่า

“แล้วไอ้เรื่องรถหรูที่มันเอามาหลอกว่าเป็นของตัวเองเพื่อหวังฟาดแกล่ะ มันคืออะไร”

“เขาไม่ได้หลอกฉัน ฉันเข้าใจผิดไปเอง”

“แกไม่ได้เข้าใจผิด แต่แกไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ไอ้คุณจำรูญมันรู้จุดอ่อนของแกว่าแกมันอยากมีอยากได้ อยากสบายหน้ามืดตามัว” ฝนตวาดให้หยุดเดี๋ยวนี้ มิ้มไม่หยุดฝนสะอึกเข้าไปหา มิ้มจ้องหน้าถาม “ทำไม! จะตบฉันเหรอ เอาสิ เอาเล้ย! จะได้รู้กันไปว่าแกเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน”

ฝนตบจนมิ้มหน้าคว่ำล้มลงกองกับพื้น มิ้มเงยหน้ามองฝนน้ำตาไหลพราก ในขณะที่ฝนยังด่ามิ้มอย่างไม่พอใจว่า

“ถ้าแกเห็นฉันได้ดีกว่าแกไม่ได้ แกก็ไม่ควรเป็นเพื่อนฉัน”

“จำคำฉันไว้ คนอย่างแกไม่มีวันได้ดี แกจะโดนผู้ชายหลอกไปทั้งชีวิต!” มิ้มเดินฮึดฮัดออกไป ฝน มองตามอย่างไม่หายโกรธ

เมื่อกลับเข้าไปในงานเห็นจำรูญคุยกับแขกในงานหน้าระรื่นมิ้มก็ยิ่งแค้นที่หลอกเพื่อนตน คิดอะไรได้เดินเข้าไปหาจำรูญขอยืมโทรศัพท์โทร.เข้าเบอร์ตนเพราะตนหามือถือไม่เจอ จำรูญไม่ได้คิดอะไรหยิบมือถือส่งให้ มิ้มทำเป็นโทร.แล้วเดินมาที่โซฟาทำทีหามือถือของตัวเอง พอเห็นจำรูญคุยกับเพื่อนเพลินก็เอามือถือจำรูญใส่กระเป๋าวิ่งออกไป

นครินทร์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านศกเพราะประตูรั้วเปิดอยู่ พอลงจากรถก็ถูกมิ้มที่วิ่งออกมาชนอย่างแรง พอมิ้มเห็นว่าเป็นนครินทร์ ก็รีบบอก

“คุณรินทร์! คุณรินทร์มาก็ดีแล้วค่ะ พาไลอยู่ข้างใน ฉันฝากช่วยพาไลมันกลับคอนโดด้วยนะคะฉันมีธุระต้องไปจัดการ” พูดแล้วรีบเดินออกจากงานไป นครินทร์ไม่ทันถามอะไรได้แต่มองตามไปงงๆ

มิ้มมาถึงหน้าบ้านศก จึงกดดูเบอร์สุดท้ายที่โทร.เข้า เห็นเป็นเบอร์ของ “คุณแม่” มิ้มยิ้มร้ายพึมพำ

“นังฝน ฉันจะถ่างตาแกให้สว่างเอง!”

ooooooo

นครินทร์เดินเข้าไปในบ้านเห็นมีงาน เขาสงสัยว่าจัดงานอะไรกันทำไมปิ่นปักไม่รู้เรื่อง จนไปเจอแม่มายนั่งร้องไห้อยู่ในครัวถามว่าเป็นอะไร จึงรู้ว่าศกพาผู้หญิงขึ้นบนห้อง

พาไลนอนบนเตียง เธอลืมตาเพลียๆ ในสายตาที่พร่าเลือนเธอเห็นศกใส่แต่เสื้อเชิ้ตยืนมองอยู่ เธอถามว่าพาตนมาที่นี่ทำไม ศกอ้างว่าเธอเป็นคนขอให้พาขึ้นมาเอง แต่พอพาไลลุกจะเดินออกไป ก็ถูกศกตรงเข้าดันเธอถอยไปจนชิดผนัง ใช้สองมือตรึงมือเธอไว้ยื่นหน้าเข้าไปพูด

“เลิกเล่นบทสาวน้อยหวงเนื้อหวงตัวได้แล้วพาไล” เธอถามว่าพูดอะไรตนไม่เข้าใจ “ไม่เป็นไร ผมจะทำให้คุณเข้าใจเอง” แล้วศกก็ซุกไซ้ซอกคอเธออย่างหื่นกระหาย พาไลพยายามขัดขืนแต่อ่อนแรงมากแล้ว

หลังจากแม่มายบอกว่าศกพาผู้หญิงขึ้นบนห้องแล้ว เห็นนครินทร์ยืนอึ้ง แม่มายถามว่าไม่ขึ้นไปห้ามศกหรือ

“เรื่องส่วนตัวของเขา ถ้าผมไปห้าม จะก้าวก่ายกันเกินไป” นครินทร์ตอบกลุ้มๆ พอดีมือถือมีสายเข้า เห็นเป็นสายจากปิ่นปักเขายิ่งอึดอัดแต่ก็รับสาย

“เป็นยังไงคะพี่รินทร์ ที่บ้านมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เขาตอบไปเรียบๆ ว่าไม่มีจ้ะ “แล้วทำไมคุณศกไม่รับสายปิ่นเลย พี่รินทร์ช่วยติดต่อคุณศกให้ปิ่นอีกแรงนะคะ ปิ่นเป็นห่วงคุณศก”

“จ้ะปิ่น ถ้าพี่เจอคุณศก พี่จะบอกเขาว่าปิ่นเป็นห่วงเขา” พูดแล้ววางสายวิ่งออกไปจากครัวทันที

จำรูญกำลังเดินตามหามิ้มจะทวงมือถือคืน เจอเดโชเดินสวนมา เดโชถามว่าศกลงมาหรือยัง

“ยังครับ คาดว่าจะไม่ลงมาแล้วด้วย” นครินทร์วิ่งมาได้ยินพอดีเขาชะงัก “คือว่า...ผมจัดตัวช่วยนิดๆหน่อยๆ ใส่ให้น้องพาไลกิน คืนนี้คุณศกจะได้สุขสมทั้งคืน”

นครินทร์รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับพาไล เขาวิ่งขึ้นไปชั้นสองทันที แม่มายวิ่งจากครัวมองตามนครินทร์ขึ้นไปลุ้นๆ

ooooooo

ขณะพาไลพยายามขัดขืนศกนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น ศกหันมองทางประตูถามว่าแม่มายหรืออย่ากวนตนกำลังทำธุระอยู่ เสียงเคาะประตูยังดังอีกเขาตวาด

“โธ่โว้ย! ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง” ศกปล่อยพาไลลงบนเตียงเดินไปเปิดประตู กลายเป็นนครินทร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

“พาไลอยู่ไหน” นครินทร์ถามเสียงเข้ม ศกยิ้มกวนๆ นครินทร์ผลักอกศกเซไปแล้วพุ่งเข้าไปในห้องมองหาพาไล เห็นเธอสะลึมสะลืออยู่บนเตียง เขาโผเข้าอุ้ม พอพาไลเห็นนครินทร์เธอพึมพำ

“คุณรินทร์...ช่วย...ฉัน...ด้วย...”

“ไม่ต้องกลัว ผมจะพาคุณออกไปเอง”

ศกเยาะเย้ยว่าเพราะพาไลรู้ว่าเขาจะมาเลยปฏิเสธ ตน นครินทร์บอกว่าใจเขาคิดแต่เรื่องสกปรก ถูกศกสวนว่าคนที่สกปรกไม่ใช่ตนแต่เป็นพาไล เตือนว่าระวังจะถูกผู้หญิงคนนี้จับเป็นผัวไม่รู้ตัว

“ถึงพาไลจะเป็นยังไง คุณควรจะให้เกียรติเธอบ้าง” นครินทร์โต้ แล้วประคองพาไลออกจากห้อง ศกมองตาม อย่างเจ็บใจ

พาไลจะไปเอากระเป๋าที่โซฟา จำรูญเห็นนครินทร์ประคองพาไลมาก็งง รีบเดินตามไป

ฝนเห็นนครินทร์ประคองพาไลออกมาสงสัยว่าเขามาได้ยังไง จะไปไหนกัน แต่นครินทร์ก็พาพาไลขึ้นรถขับออกไปแล้ว จำรูญถามฝนว่าสองคนนั้นจะไปไหนกัน ฝนบอกไม่รู้แต่พาไลดูไม่ดีเลย ชวนตามไปไหม แต่ไม่ทันขยับ ก็มีหญิงท้องแก่คนหนึ่งร้องไห้น้ำตานองหน้ากำลังลงจากรถ จำรูญหันไปเห็นตกใจอุทาน

“เอ๋!” แล้วบอกฝน “เปลี่ยนใจแล้ว อย่าเพิ่งตามเขาไปเลย เข้าไปข้างในกันเถอะจ้ะ”

ฝนไม่ทันพูดอะไร จำรูญร้อนใจอุ้มฝนเดินอ้อมไปทางสวนด้านหลังวางไว้ในสวนที่มุมลับตา ฝนโวยวายว่าอะไรกัน จำรูญทำหน้าตาตื่นเต้นบอกว่าวันนี้ตนตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกับเธอ ฝนดีใจมาก แล้วก็ซีดเมื่อจำรูญบอกว่า

“แต่ว่าพี่ทำแหวนเพชรสามกะรัตตกหายอยู่แถวนี้ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ น้องฝนช่วยหาให้พี่หน่อยนะ พี่จะไปหาตรงโน้น”

หลอกฝนแล้วจำรูญแว่บไปหาผู้หญิงที่ชื่อเอ๋ เธอเห็นจำรูญก็ตะโกนเรียกด้วยความดีใจ โผเข้ากอดน้ำตาไหลพราก

“พี่รูญยังไม่ตาย พี่รูญยังไม่ตายจริงๆด้วย ฮือๆๆ มีคนโทร.ไปหาเอ๋ บอกว่าพี่รูญถูกไฟช็อตตาย ให้เอ๋รีบมารับศพฮือๆ เอ๋คิดว่าคุณจะทิ้งลูกทิ้งเมียไปเสียแล้ว” จำรูญรีบชวนเธอกลับบ้าน แต่ไม่ทันแล้ว เพราะฝนตามมาเห็นเขากอดเอ๋อยู่พอดี

“แก! แกเป็นใคร มากอดคุณจำรูญทำไม” ฝนตวาดแว้ด

“คุณจำรูญเป็นสามีฉัน” เอ๋ตอบงงๆ แล้วถามจำรูญว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร จำรูญอึกอัก เธอตวาด “เอ๋ถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!”

“พี่ไม่รู้จัก”

ฝนช็อกเหมือนโลกทั้งใบกำลังแตกสลายลงตรงหน้า เข้าไปกระชากจำรูญออกจากเอ๋แล้วตบไม่ยั้งถามว่ามาหลอกตนทำไม ส่วนเอ๋ถึงจะท้องแก่แต่ก็เข้าปกป้องจำรูญสั่งฝนให้หยุดเดี๋ยวนี้

“ไอ้...ไอ้นี่มัน...” ฝนพูดได้แค่นั้นก็ถูกจำรูญปิดปากแล้วเหวี่ยงกระเด็นไปกองกับพื้น ฝนเจ็บลุกไม่ขึ้น จำรูญชี้หน้า

“นี่! อย่ามาพูดอะไรให้เมียผมเข้าใจผิด ผมเคยบอกแล้วไงว่าผมรักเมีย คุณไม่ต้องพยายามมาให้ท่าผม ผู้หญิงอย่างคุณให้ผมนอนด้วยคืนนึงผมยังไม่เอาเลย” แล้วหันไปทางเอ๋บอกให้กลับบ้านกันเถอะ จับเอ๋ยัดใส่รถแล้ววิ่งมาฝั่งคนขับ ขับพรืดออกไป

“ไอ้จำรูญ! ไอ้ชั่ว...ฮือๆๆ” ฝนจะวิ่งตามแต่สะดุดล้มเลยนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

ooooooo

นครินทร์พาพาไลกลับไปที่คอนโด เธอยังอยู่ในสภาพสะลึมสะลือ พร่ำร้อง “อย่าทำฉัน...ปล่อยฉันไป...”

นครินทร์พยายามเรียกและบอกเธอว่าตนอยู่ตรงนี้ อยู่กับเธอ บอกให้หลับเสีย...นอนเสีย...ทำให้พาไลค่อยๆสงบลงและหลับไปในที่สุด นครินทร์จัดให้เธอนอนสบายๆห่มผ้าให้และนั่งลงข้างๆ เฝ้ามองเธออยู่อย่างห่วงใย

ฝ่ายปิ่นปักโทร.คุยกับนครินทร์ ถามว่าศกเข้านอนแล้วหรือตนไม่รบกวนดีกว่า ปล่อยให้เขาพักผ่อนเพราะทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

ระหว่างคุยโทรศัพท์กับปิ่นปัก นครินทร์ก็เอาชามใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กจะมาเช็ดตัวให้พาไล เขาถามปิ่นปักว่า

“ศกรู้ไหมว่าปิ่นรักเขามาก”

“รู้สิคะ เขาเองก็รักปิ่นมากเหมือนกัน” เธอตอบเสียงแจ่มใส ถามว่า “แล้วนี่พี่รินทร์ถึงบ้านหรือยังคะเนี่ย” เขาจำต้องปดว่าใกล้ถึงแล้ว “โอเค...ปิ่นจะได้สบายใจ ขอบคุณพี่รินทร์นะคะที่ช่วยเป็นธุระให้” ปิ่นปักวางสายอย่างสุขใจ

นครินทร์วางสายกลุ้มๆ เดินเอาชามใส่น้ำและผ้าขนหนูเข้าไปในห้องพาไล

นครินทร์เช็ดหน้าให้พาไลที่นอนหลับสนิท เขาทำอย่างเบามือทะนุถนอมและบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวี่แววของอารมณ์ชู้สาวเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตลอดเวลามาเขามีแต่ความห่วงใยและหวังดีกับพาไล

ooooooo

ดึกคืนนี้ แม่มายมาเรียกศกแล้วพาไปดูฝนที่เมาเหล้าเอาแต่ร้องไห้อยู่ที่มุมห้อง บอกว่าตนจะเรียกแท็กซี่ให้กลับบ้านก็ไม่กลับ ศกมองฝนแล้วบอกแม่มายให้ไปนอนเถอะ เดี๋ยวตนจัดการเอง

“คุณศกคะ ป้าอยากจะบอกว่า ถ้าคุณจะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงใจคุณปิ่นบ้างนะคะ”

“ถ้าแม่มายอยากทำงานที่นี่นานๆ อย่าพูดมาก ผมไม่ชอบ”

“ค่ะ” แม่มายรับคำหงอย นึกสงสารปิ่นปักจับใจ

ฝนเมาหนักเธอตัดพ้อต่อว่าศกที่ไม่บอกว่าจำรูญมีเมียแล้ว ปล่อยให้ตนเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น ทั้งต่อว่าทั้งทุบตีศก จนศกตวาดให้หยุดก่อนที่ตนจะหมดความอดทน

ในภาวะที่คนหนึ่งกำลังอารมณ์ค้าง และอีกคนกำลังเมาเสียใจผิดหวังอย่างหนัก เมื่ออยู่กันตามลำพังและถูกเนื้อต้องตัวกันอย่างใกล้ชิด ไฟราคะก็คุกรุ่นและแผดเผาทั้งคู่อย่างร้อนแรง!

ที่ห้องพักปิ่นปัก เธอดูนาฬิกา เป็นเวลา 00.00น. เธอส่งรูปที่ชูสองนิ้วและคำอวยพรหวานๆไปให้ศกแล้วจึงนอน

พาไลรู้สึกตัวขึ้นมาตอนตีห้าของวันรุ่งขึ้น มองไป เห็นนครินทร์นอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง เธอสำรวจตัวเองแล้วโล่งใจที่ทุกอย่างปกติ มองนครินทร์ด้วยความรู้สึกที่ดีมากว่า...เขาเป็นผู้ชายคนเดียวบนโลกที่ไม่ฉวยโอกาสนอนร่วมเตียงกับตน รู้ซึ้งว่าความสัมพันธ์ของชายหญิงที่ไม่จบลงบนเตียงมันงดงามเช่นนี้เอง...

พอนครินทร์ตื่น เขาถามทันทีว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง พาไลบอกว่ายังเวียนหัวอยู่นิดหน่อยแต่โอเคมากแล้ว

พาไลคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน เธอเชื่อว่า เรื่องที่มีคนหาว่าตนขโมยสร้อยเพชรน่าจะเป็นแผนของศก เขาคงหลอกให้ตนตายใจ บ่นตัวเองว่าทำไมถึงได้โง่อย่างนี้นะ นครินทร์บอกว่าไม่มีใครฉลาดไปทุกเรื่องหรอก

“ขอโทษนะคะที่เคยทำตัวไม่น่ารักกับคุณ”

“ไม่ต้องขอโทษ แค่เข้าใจก็พอว่าผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะมาแย่งคุณศกไปจากปิ่น แต่ผมเป็นห่วงที่คุณเอาตัวเองเข้าไปอยู่กับความอยากของเขา”

“ค่ะ...ฉันเข้าใจแล้ว”

“จำไว้นะพาไล ชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเองก็จริง แต่มันอาจจะเป็นหรือไม่เป็นไปตามที่หวัง ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเรารู้ว่าคนอื่นคิดจะกระทำไม่ดีกับเรา เราก็ต้องหนีเอาไว้ก่อน”

พาไลเอนหัวพิงไหล่นครินทร์อย่างรู้สึกดี แกล้งถามเขาว่า

“แล้วถ้าเรารู้ว่าคนไหนที่เขาแสนดีกับเรา เราก็ต้องอยู่ใกล้ๆเขาไว้ใช่ไหมคะ”

นครินทร์ไม่ตอบแต่รู้สึกดีกับการที่พาไลเอนหัวมาพิงไหล่ ทั้งสองมองแสงแรกของพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นอยู่ที่ขอบฟ้า

ooooooo

เพรียวมีความสุขกับการได้ดูแลปิ่นปัก เช้านี้พอเห็นปิ่นปักเข้ามาในห้องอาหารก็รีบไปตักข้าวต้มยกมาให้ ปิ่นปักบอกให้มานั่งทานด้วยกันเขายิ่งปลื้มยกชามข้าวต้มมานั่งทานข้างเธอ

ผู้หญิงสองสามคนที่มาสัมมนา มองปิ่นปักกับเพรียวแล้วซุบซิบกันว่าสองคนนี้สนิทกันมาก เมื่อคืนก็เห็นเพรียวกลับออกจากห้องปิ่นตกเกือบเที่ยงคืน แต่ปิ่นปักกับเพรียวไม่รู้ตัวว่าถูกมองและซุบซิบกัน

ศกยังนอนเพลียอยู่บนเตียงที่ห้องนอน ฝนลุกขึ้นมองตัวเองในกระจกแล้วทั้งเศร้า โกรธ และเจ็บใจ คำราม

“ไอ้จำรูญ!!”

เมื่อฝนกลับมาที่คอนโด เธอขอโทษมิ้มที่ตบไปเมื่อคืนและให้มิ้มตบคืน ยอมรับว่าตนถูกจำรูญหลอกจริงๆ ทีแรกมิ้มก็ยังตึงๆ แต่พอฝนเอามือมิ้มไปตบหน้าตนคืน ฝนก็หัวเราะบอกว่าโชคดีที่ตนเป็นคนไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเมา แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันด้วยความเข้าใจ พาไลเห็นเพื่อนดีกันก็พลอยดีใจไปด้วย

ฝนเล่าให้มิ้มกับพาไลฟังขณะกินส้มตำด้วยกันว่า จำรูญใส่ยาให้พาไลกินแต่ตนห้ามไว้และเอาทิ้งแล้ว แต่ไม่นึกว่ามันยังมีอยู่อีก บอกพาไลว่า

“แกก็น่าจะใจอ่อนกับคุณศกเขานะ คุณศกเขาดีจริงๆนะแก ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ดีไปหมดทุกเรื่อง ทั้งหล่อ ฐานะดี แล้วก็ซี้ดดด...แซ่บมาก” พอพาไลกับมิ้มมองหน้าฝนก็ทำเฉไฉว่า “ฉันหมายถึงส้มตำไม่ได้พูดว่าคุณศกแซ่บ เพราะเรื่องนั้นฉันไม่รู้ต้องถามยัยคุณปิ่น”

คุยกันแล้วมิ้มถามว่า “ฝนจะเอาอย่างไรกับจำรูญ จะปล่อยให้ลอยนวลหรือจะจัดสักดอก”

“ต้องจัดสิ จัดหลายดอกเลยล่ะ ให้สาสมกับที่มันหลอกฉัน!” ฝนจิกตาแค้น

ooooooo

ฝนวางแผน “จัดการ” จำรูญ เธอนัดพบเขาที่โรงแรมม่านรูด แม้จะเกลียดและแค้นเขาจนเข้ากระดูกดำ แต่ฝนก็ไม่แสดงออก เมื่อจำรูญเข้าโอบกอดเธอหมุนตัวออกหยิบแก้วน้ำยื่นให้เขาเนียนๆ

“ดื่มน้ำก่อนสิคะ คอจะได้ไม่แห้ง เพราะคุณต้องอธิบายให้ฝนฟังอีกเยอะ”

จำรูญรับแก้วน้ำไปดื่มรวดเดียวหมด แล้วเริ่มอธิบาย...

“พี่ยอมรับว่าพี่มีเมียแล้ว แต่พี่ไม่ได้รักเขาเลย พี่ถูกบังคับให้แต่งงาน พ่อเอ๋เขาเป็นมาเฟีย ถ้าพี่ทำให้เอ๋เสียใจ พี่อาจจะถูกยิงตาย” จับมือฝนมองอ้อน “พี่สาบานได้นะว่าพี่รักน้องฝนคนเดียว พี่ทำทุกอย่างได้เพื่อน้องฝน อย่างวันนี้พี่ก็ไปเปิดบัตรเครดิตมาใหม่ ตั้งใจว่าจะ
เอาไว้ให้น้องฝนใช้เพื่อชดเชยความผิดที่พี่โกหกน้องฝน”

“บัตรเครดิตชดเชยไม่พอหรอก”

“น้องฝนอยากได้อะไรชดเชยบอกพี่ได้เลย พี่ยินดีจะช...ด...คร่อกกกก...” จำรูญล้มสลบบนเตียงทันที

“ออกฤทธิ์เร็วดีจริง” ฝนยิ้มร้าย มองจำรูญอย่างสะใจ แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง เรียกชายฉกรรจ์มีรอยสักเต็มตัวเข้ามาสั่ง “จัดการได้เลย”

จำรูญตื่นขึ้นมากลางดึก มองรอบห้องบ่นตัวเอง “หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...โอ๊ย...ทำไมเจ็บหน้าผาก” เขาหันไปที่กระจกก็ชะงักกับข้อความที่เขียนด้วยลิปสติกว่า “ต่อไปนี้แกจะได้หลอกใครไม่ได้อีก” เขาใจไม่ดีลุกเดินไปที่กระจก เห็นภาพตัวเองแล้วร้องเฮ้ย! เพราะมีรอยสักเต็มหน้าผากว่า “มี เมีย แล้ว”

ooooooo

ที่ห้องพาไลปิดไฟมืด เจ้าตัวไปยืนที่หน้าต่าง มองไปที่ห้องนครินทร์ เห็นเขาอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอน เธอมองเขาด้วยความรู้สึกดีๆ อดยิ้มอย่างสุขใจกับสิ่งดีๆที่เขาทำให้ตนมีความสุขไม่ได้

มิ้มกลับมาเห็นพาไลปิดไฟในห้องแต่ไปยืนที่หน้าต่าง แซวเพื่อนว่า

“ต๊าย...ปิดไฟแอบมองผู้ชาย ทำตัวอย่างกับวัยรุ่น”

“ถ้าฉันย้อนกลับไปเป็นวัยรุ่นได้ก็ดีสิ ฉันจะทำตัวให้คู่ควรกับผู้ชายดีๆอย่างคุณรินทร์” มิ้มตาโตถามว่า

ยอมรับแล้วหรือว่าชอบเขา?! พาไลยอมรับเขินๆว่า “ใครไม่ชอบคุณรินทร์ก็แปลกแล้ว”

มิ้มแซวว่าเมื่อก่อนชอบผู้ชายสไตล์เถื่อนๆแบบเนตร เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“ตั้งแต่ฉันเริ่มเรียนรู้ว่า ผู้ชายอย่างคุณรินทร์ อาจจะไม่สนุกกับความรักที่เป็นแค่เกม แต่เขาเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นคู่ชีวิตอยู่กันด้วยเหตุผล ไม่หวือหวา แต่มั่นคง” มิ้มลุ้นให้จีบเลย “ไม่เอา ไม่อยากเสียเพื่อน เรื่องระหว่างฉันกับคุณรินทร์เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ชอบฉัน เขาก็แค่หวังดีกับฉันเหมือนที่หวังดีกับทุกคน”

“ไม่เห็นเขาจะหวังดีกับฉันกับนังฝนเลย ฉันคอนเฟิร์มว่าเขามีใจให้แก ถ้าไม่เชื่อแกก็ลองพิสูจน์ดูสิ”

แล้วพาไลก็ทำเซอร์ไพรส์ชวนนครินทร์ออกมากินข้าวกันตอนเที่ยงคืน เธอบอกว่าหิวเลยชวนมาเป็นเจ้ามือ นครินทร์พาไปกินข้าวต้มริมถนน เขาพูดติดตลกว่าโชคดีที่ตอนนี้ต้นเดือน ถ้าเป็นสิ้นเดือนคงได้เลี้ยงแค่บะหมี่สำเร็จรูปหนึ่งซอง พูดแล้วหัวเราะขำกันเองแล้วเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร

ooooooo

ระหว่างรออาหาร พาไลนึกถึงที่เพิ่งคุยกับมิ้มมา มิ้มบอกว่าถ้าอยากรู้ว่านครินทรคิดอย่างไรกับเธอก็ต้องพูดเรื่องที่ทำให้เขาหึง แล้วจึงพิสูจน์สามข้อคือ

ข้อแรก เมื่อเริ่มพูด ความโมโหเขากำลังปะทุก็ให้ดูที่ตาเขาเพราะดวงตาเป็นหน้าต่างหัวใจ ถ้าเขาหลบตาแสดงว่ากำลังหึง ข้อสอง เมื่อเริ่มเล่าเขาจะสั่งห้ามพูดเพราะมันบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ และข้อสาม เมื่อเล่าถึงจุดสยิวกิ้วของเธอกับศกเมื่อนั้นแหละ เอาช้างทั้งโขลงมาฉุดก็ไม่อยู่

พาไลเริ่มเล่าว่า วันที่ตนไปเป็นพิธีกรงานเลี้ยงประจำปีที่บริษัท พอเลิกงาน ศกก็...เล่าแล้วจ้องหน้าเขาจนนครินทร์ถามว่าหน้าตนมีอะไรติดหรือถึงได้มองอย่างนั้น พาไลแกล้งยอว่า หน้าเขาหล่อเลยต้องมอง แล้วเล่าต่อว่า ศกให้เงินสองแสนถ้าตนยอมนอนด้วย แล้วก็เล่าว่าจนถึงวันเกิดของศก เขาเข้ามากอดบอกว่ายินดีจะเลี้ยงดูให้ดีถ้าตนไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ระหว่างเล่าถึงตอนสยิวกิ้ว พาไลเห็นเขาหน้าเครียด พลันเขาก็ตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้!”

พาไลดีใจนึกว่าใช่แล้ว แต่ที่แท้เขาเห็นหัวขโมยกำลังขโมยกระเป๋าของลูกค้าโต๊ะข้างหลังเธอ

พาไลเหวอที่คิดผิดถนัด แต่ไม่มีเวลาผิดหวังมากเพราะนครินทร์ลุกไปจับคนร้าย ยื้อยุดกัน คนร้ายผลักนครินทร์กระเด็นแล้วจะหนี พาไลผลักเก้าอี้ใกล้ตัวใส่คนร้าย คนร้ายคว้าขวดเบียร์ฟาดใส่นครินทร์ เขาหลบทันพาไลกระโดดเตะถูกมันคว้าขาเลยล้มคว่ำ นครินทร์ปราดเข้าไปรับ เลยล้มลงด้วยกัน

แทนที่หน้ากับหน้าจะใกล้ชิดกันจนตะลึง ที่ไหนได้หน้าผากสองคนโขกกันดังโป๊กจนต่างร้องโอ๊ย! ลุกขึ้นคลำหน้าผาก คนร้ายเลยฉวยโอกาสหนีไป

ooooooo

ออกจากร้านข้าวต้มริมถนนแล้วพากันเดินไปบนถนนสวย โดยที่หน้าผากของทั้งสองมีปลาสเตอร์ ปิดไว้ พาไลเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“รู้ไหม สองสามคืนมานี้ฉันได้บทเรียนอีกอย่าง ฉันได้เรียนรู้ว่า เวลาคุณโมโห ใครก็ห้ามคุณไม่อยู่จริงๆ ฉันสัญญาค่ะ ฉันจะทำตัวน่ารัก ไม่ดื้อ โง่ให้น้อยที่สุด คุณจะได้ไม่โมโห ไม่เลิกเป็นเพื่อนกับฉัน”

“เพื่อน???” นครินทร์คิดว่าแค่นั้นหรือ พาไลเห็นเขานิ่งไป ถามว่าตกใจอะไรหรือ ดักคอว่า อย่าบอกนะว่าไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน เขารีบบอกว่าเปล่า เป็นเพื่อนกันนี่แหละดีที่สุดไม่มีอะไรมาทำลายได้

“คุณรินทร์คะ ถึงจะเป็นเพื่อน แต่ฉันก็ยังอยากได้กำลังใจนิดๆหน่อยๆจากคุณทุกวันนะคะ”

“ไม่ต้องห่วง ผมมีกำลังใจให้คุณมากกว่าคำว่านิดๆหน่อยๆเยอะเลยล่ะ แต่...คุณมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกอย่างคือ ผมเป็นคนพูดจริง ทำจริง”

นครินทร์จูงมือเธอพาข้ามถนน ต่างยิ้มให้กันอย่างสุขใจ แล้วจับมือเธอวิ่งลัดเลาะไปตามเส้นทางที่สวยงาม ราวกับจูงมือวิ่งข้ามอันตรายของชีวิตไปด้วยกัน...

ooooooo

พาไลกลับถึงคอนโด มิ้มถามอย่างตื่นเต้นทันทีว่าเป็นไงบ้าง พิสูจน์ได้ผลไหม

“ได้...ได้แผลแล้วก็ได้ผลด้วย” พาไลตอบติดตลก เล่าให้มิ้มที่จ้องหน้าคอยฟังว่า “เขาไม่ได้หึงฉันเลยสักนิดเดียว เขาไม่คิดอะไรกับฉันเลย”

“เป็นไปได้ยังไงวะ” มิ้มบ่นกับตัวเอง

“มันไม่แปลกหรอกที่ผู้ชายดีๆอย่างคุณรินทร์ จะไม่มองผู้หญิงที่เคยเหลวแหลกอย่างฉัน ฉันอาจจะโชคร้ายที่เกิดมาเป็นกำพร้า เลยไม่มีจิตใต้สำนึกรักดี แต่ฉันโชคดีเหลือเกินที่ฉันได้เจอกับคุณรินทร์ มิ้ม...ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไป แต่ฉันจะไม่จับเขาด้วยวิธีที่ฉันเคยใช้กับผู้ชายคนอื่น ฉันจะจับเขาด้วยความดี สักวันทุกคนจะต้องยอมรับว่า คนอย่างฉันดีพอที่จะคู่ควรกับเขา” พาไลพูดอย่างมุ่งมั่น

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น