วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 3


พาไลโทร.หาพิสมัยไม่มีคนรับสาย จนกระทั่งถึงคิวจึงต้องเข้าห้องทำแท้ง เธอหวาดกลัวจนจิกผ้าห่ม ข่มความรู้สึก

เพ็ญโทร.บอกบัวทองขณะเธอเดินคุยอยู่กับนครินทร์ที่ทางเดินในมหาวิทยาลัย เธอตกใจมากบอกเพ็ญว่าจะไปเดี๋ยวนี้ นครินทร์ถามว่ามีอะไรหรือ

“คุณลุงโรคหัวใจกำเริบค่ะ อาการหนักมาก”

นครินทร์อึ้งไปครู่หนึ่งจึงโทร.เข้ามือถือพาไลเพื่อแจ้งข่าว แต่โทรศัพท์อยู่ที่มิ้มเพราะพาไลเข้าห้องทำแท้งแล้ว มิ้มไม่รับทำให้นครินทร์ร้อนใจมาก

พาไลนอนรอเวลา ระหว่างนั้นเธอคิดถึงคำพูดของเนตร ของปิ่นปักที่ดูถูกเธออย่างรุนแรง พอหมอบอกว่าพร้อมแล้ว พาไลคิดถึงคำพูดของนครินทร์ที่ว่า

“ถึงเวลาที่คุณจะต้องสร้างความภูมิใจให้ตัวเองแล้ว แต่ถ้าคุณไม่เริ่มต้นตอนนี้ มันก็จะยิ่งไกลออกไปทุกทีนะพาไล”

พาไลได้สติลุกพรวดออกจากห้องไปทันที พยาบาลตกใจร้องถาม “คุณจะไปไหน! คุณ!!”

พาไลออกมาบอกมิ้มว่าตนทำใจไม่ได้ ตนฆ่าลูกไม่ได้ ขอกลับไปทำใจก่อน มิ้มบอกว่ามาถึงขั้นนี้แล้วก็ทำให้มันจบๆไปเสีย พาไลยังคิดไม่ตก พอดีมือถือในกระเป๋าสั่นเธอจะกดรับมิ้มบอกให้เสร็จธุระก่อนค่อยโทร.หานครินทร์ก็ได้

“คุณรินทร์ ทำไมถึงรู้ว่าเป็นคุณรินทร์โทร.มา ถ้าเขาโทร.มาขนาดนี้แสดงว่าต้องมีธุระด่วนกับฉัน” พาไลกดรับสายทันที แล้วเธอก็ตกใจเมื่อฟังปลายสายพูด พอเก็บโทรศัพท์พาไลเดินอ้าวออกไปเรียกแท็กซี่จนมิ้มตามไม่ทัน

“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ” พาไลมาถึงโรงพยาบาลเดินอ้าวไปถามนครินทร์ทันที พอเขาบอกว่ายังอยู่ในห้องไอซียู เธอก็วิ่งไปในห้องนั้น นครินทร์จึงวิ่งตามไป

ooooooo

พาไลวิ่งเข้าไปในห้อง พิสมัยถามว่าทำไมถึงมาที่นี่ได้ใครบอก พาไลบอกว่านครินทร์บอก นครินทร์จึงยกมือไหว้พิสมัยกับเพ็ญ ทั้งสองรับไหว้งงๆ บัวทองจึงแนะนำว่า

“คุณรินทร์เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยใกล้ออฟฟิศบัวค่ะเราเคยเจอกันที่ตลาดนัด แต่ไม่ยักรู้ว่าคุณรินทร์รู้จักกับพาไลด้วย” นครินทร์บอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่พาไลไม่สนใจถามพิสมัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณพ่อถึงเป็นโรคหัวใจ

“ยังมีหน้ามาถามอีกนะว่าเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะพฤติกรรมเน่าๆของเธอนั่นแหละแล้วก็จำเอาไว้เลยว่า ถ้าวันนี้พี่เชื่อมเป็นอะไรไป เธอคือคนที่ฆ่าคุณพี่!” เพ็ญใส่พาไลไม่สนใจว่านครินทร์อยู่ตรงนั้นด้วย พาไลได้แต่ร้องไห้เสียใจ

เมื่อพยาบาลออกมา พาไลปราดไปถามว่า

“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ” พอพยาบาลบอกว่ากำลังช่วยให้ หัวใจของคนไข้กลับมาทำงานอีกครั้ง พิสมัยก็เป็นลมจะทรุดลง ทุกคนช่วยกันประคองไว้ เพ็ญตวาดพาไลไม่ให้ มายุ่งกับพี่สาวตนแต่เรียกบัวให้มาช่วยดูแล

พาไลออกไปเกาะประตูดูคุณเชื่อมที่หมอและพยาบาลกำลังช่วยกันอย่างเต็มที่ พาไลน้ำตาไหลพราก เมื่อคิดถึงอดีตของตนกับพ่อ...

เวลานั้น พาไลในวัย 7 ขวบ คุณเชื่อมเหลาดินสอรอคำตอบจากพาไลว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร เหลาดินสอจนเกือบหมดกล่องก็ยังไม่ได้คำตอบ คุณเชื่อมถามอย่างเอ็นดูว่ายังคิดไม่ออกหรือว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร

พาไลบอกว่าอยากเป็นครู ดารา แอร์โฮสเตส เอ...หรือว่าเป็นหมอดี? จะได้รักษาคุณพ่อ ถามว่าคุณพ่ออยากให้เป็นอะไร

“เป็นอะไรก็ได้ลูก แล้วแต่ไลอยากเป็น พ่อขอให้ไลเป็นคนดีก็พอ” คุณเชื่อมลูบหัวพาไลด้วยความรัก

คิดถึงในวัยเด็กที่พ่อลูกมีความรักต่อกันอย่างมากมายแล้ว พาไลน้ำตาไหลพราก บอกพ่อว่า

“คุณพ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ อยู่รอดูไลเป็นคนดีก่อน”

นครินทร์ยืนมองอยู่อย่างเห็นใจ เขาเอื้อมไปจับมือเธอไว้อย่างให้กำลังใจ พาไลรับรู้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไรกันเลย

ทุกคนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องไอซียู จนหมอออกมาบอกว่าคุณเชื่อมปลอดภัย พาไลดีใจหันไปกุมมือนครินทร์พร่ำบอก

“คุณพ่อปลอดภัยแล้ว...คุณพ่อปลอดภัยแล้วค่ะ...”

ooooooo

วันนี้ที่ออฟฟิศของปิ่นปัก พนักงานต่างมาแสดงความยินดีกับว่าที่เจ้าสาวแสนสวย ปิ่นปักขอบคุณทุกคน แต่ไม่เห็นเพรียว ถามจึงรู้ว่าวันนี้เขาลาป่วย

ปิ่นปักไปหาเพรียวที่บ้านทั้งไปเยี่ยมและขอโทษเขาแทนศกด้วย เพรียวจึงรู้ว่านครินทร์เล่าเรื่องศกให้เธอฟัง

“พี่รินทร์ไม่พอใจคุณศกเอามากๆ ปิ่นไม่อยากให้พี่เพรียวมองคุณศกในแง่ร้าย คุณศกเขาเป็นคนแบบนั้นเอง เอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนดี”

“ทำไมปิ่นต้องสนใจว่าพี่จะรู้สึกยังไงกับคุณศก”

“พี่เพรียวเป็นเพื่อนสนิทพี่รินทร์ พี่เพรียวย่อมมีอิทธิพลต่อความคิดของพี่รินทร์ ปิ่นไม่อยากให้คนใกล้ชิดของปิ่นรู้สึกไม่ดีกับผู้ชายที่กำลังจะเป็นสามีของปิ่น พี่เพรียวเข้าใจคุณศกนะคะ”

เพรียวพยักหน้า ปิ่นปักยิ้มให้อย่างสบายใจ

เมื่อคุณเชื่อมปลอดภัยแล้ว พาไลให้นครินทร์ไปส่งเธอที่หน้าผับแล้วแยกกัน เธอไปหาเนตรเพื่อขอค่าเลี้ยงดูระหว่างท้องเพราะตนตกงาน แต่คลอดแล้วเธอเลี้ยงลูกและตัวเองได้ เนตรไม่เพียงไม่ให้เงิน หากยังด่าและทำร้ายจนเธอตกบันไดหนีไฟแท้งลูก โชคดีที่นครินทร์เป็นห่วงเธอจึงยังไม่ได้ไปไหนและได้ช่วยพาเธอไปส่งโรงพยาบาล

เมื่อพาไลรู้ว่าตนเสียลูกไปแล้ว เธอเสียใจมาก ในยามนี้ก็มีแต่นครินทร์เท่านั้นที่คอยปลอบให้กำลังใจเธอ

ส่งพาไลเข้าโรงพยาบาลจนเพื่อนมาดูแลแล้วนครินทร์กลับถึงบ้าน พบคุณยอดยังไม่นอนและปรับทุกข์เรื่องวันนี้ถูกคุณขจีมาทวงหนี้ที่ตนไปยืมมาจ่ายหนี้แบงก์ที่ค้างอยู่ เวลานั้นทางเขาบอกว่าไม่เป็นไรมีเมื่อไรค่อยใช้คืน พ่อกับแม่เลยชะล่าใจ แต่วันนี้คุณขจีมาทวงหนี้ที่ยืมสามล้านกลายเป็นห้าล้านไปแล้ว

นครินทร์ถามว่าปิ่นปักรู้เรื่องนี้ไหม คุณยอดบอกว่าแม่เขาไม่ให้บอก นครินทร์บ่นว่า

“แม่ปกป้องปิ่นมากเกินไป ปิ่นไม่เคยรู้จักธาตุแท้ของคนบ้านนั้น แล้วปิ่นจะไปใช้ชีวิตกับพวกเขาได้ยังไง” นครินทร์เป็นห่วงปิ่นปักมาก

หลังงานหมั้น ศกก็เริ่มแสดงความเอาแต่ใจตัวเอง ไปลองชุดแต่งงานก็ให้ปิ่นปักเอาชุดที่ตนชอบ ระหว่างนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกันก็ทั้งขโมยหอมแก้ม ถูกเนื้อต้องตัวอ้างว่าอีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว จนปิ่นปักพูดว่าตนไม่อยากรู้อะไรก่อนถึงวันนั้น ทำให้ศกขัดใจมากที่ทำให้ตนอารมณ์ค้างนึกในใจว่า “เล่นตัวเข้าไปเถอะปิ่นปัก!”

ooooooo

นครินทร์รับรู้เรื่องราวของพาไลมาเป็นลำดับ ยิ่งทำให้เขาอยากศึกษาชีวิตของเธอมากขึ้น วันนี้เขาถามว่าจะบอกได้หรือยังว่าใครทำร้ายเธอ

พาไลไม่บอก แต่สารภาพกับเขาว่า เคยคิดจะจับเขามาเป็นพ่อของลูก แต่ที่ไม่ทำและทำไม่ลงเพราะเขาเป็นคนดี นครินทร์บอกว่าไม่ใช่ตน เธอต่างหากที่เป็นคนดี นครินทร์มองลึกไปในดวงตาเธอ ตั้งใจพูดให้เธอได้สติว่า

“คุณเป็นคนจิตใจดีมากนะพาไล คุณยังรู้จักผิดชอบชั่วดี สิ่งที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ ถึงทำให้คุณไม่มีความสุข อย่าให้หัวใจของคุณเชื่อมที่กลับมาใช้งานได้อีกครั้งกับชีวิตของลูกคุณที่ต้องเสียไปสูญเปล่า เริ่มต้นชีวิตใหม่นะพาไล คุณไม่จำเป็นต้องดีวิเศษเหมือนใคร แค่คุณทำในสิ่งที่คุณภูมิใจแล้วคุณจะมีความสุข ผมจะเป็นกำลังใจให้คุณเอง”

“คุณอยู่ใกล้ฉัน ไม่กลัวฉันจะจับคุณอีกหรือคะ”

“ผมไม่ใช่สเปกคุณ คุณคงไม่คิดจับผมบ่อยๆหรอก เริ่มต้นชีวิตใหม่นะ”

“ค่ะ...ฉันจะเป็นพาไลคนใหม่ จะเป็นพาไลที่ใช้ทุกลมหายใจด้วยความภาคภูมิใจ”

หลังจากนั้นพาไลกลับไปขอโทษคุณเชื่อม สองพ่อลูกกอดกันด้วยความรัก พิสมัยปลื้มจนน้ำตาคลอ

พาไลเอารถไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย ใช้ชีวิตอย่างประหยัดพอเพียง มิ้มถามว่าแล้วจะปล่อยให้เนตรลอยนวลไปหรือ ยุให้จ้างนักเลงไปจัดการเลย พาไลบอกว่าไม่ต้องเสียเงินจ้างหรอก ตนมีวิธีที่ไม่ต้องเสียเงิน

ในคืนต่อมา เนตรก็ถูกชายฉกรรจ์สองคนกับเพื่อนเขาคนหนึ่ง รุมอัดบนดาดฟ้าของผับ เพราะเพื่อนเชื่อว่าเนตรเป็นคนบอกตำรวจให้มาจับการนัดหมายมอบรถเถื่อนกัน งานนี้เนตรถูกอัดเสียกระอักเลือดปางตาย

พาไลได้เงินจากการขายรถมาเป็นทุนในการทำธุรกิจขายตรงครีมทาหน้าเด้ง ขาว พาไลดีใจมากเมื่อมีออเดอร์สั่งเข้ามามากมาย

ooooooo

6 เดือนต่อมา....

งานแต่งงานของปิ่นปักกับศกจัดที่โรงแรมหรู เป็นงานที่สังคมกล่าวขวัญกันว่าเป็นงานช้างแห่งปี

พัชรินเพื่อนสนิทของปิ่นปักมากับยุทธ สามีที่เธอไม่ได้ดั่งใจเพราะไม่สามารถทำให้เธอเชิดหน้าชูตาได้ทัดเทียมปิ่นปัก

วันนี้เป็นวันที่ปิ่นปักมีความภูมิใจมากที่สุดในชีวิต เธอกราบขอบคุณคุณโปรยกับคุณยอดที่มาชื่นชมลูกสาวในห้องแต่งตัวเจ้าสาว

“ปิ่นกราบขอบพระคุณคุณแม่ที่อบรมสั่งสอนปิ่น ให้ปิ่นรักตัวเอง วันนี้ปิ่นใส่ชุดแต่งงานได้อย่างภาคภูมิใจมากจริงๆ”

ชุดเจ้าสาวสีขาวและงานที่จัดอย่างยิ่งใหญ่วันนี้ ทำให้ปิ่นปักภูมิใจมากเมื่อนึกถึงอดีตที่เธอถนอมตัวปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามมาอย่างเคร่งครัด เธอเคยบอกศกเมื่อเขาจะเข้ามากอดด้วยความคิดถึงว่า

“เข้าใจปิ่นนะคะ ปิ่นอยากให้วันแต่งงานของเราเป็นวันที่ปิ่นภาคภูมิใจที่สุด ปิ่นจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้เพื่อใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว”

ปิ่นปักร้องไห้ด้วยความปลื้มตื้นตันใจ นครินทร์เข้ามาจับมือน้องสาวเอ่ยแสดงความยินดี

“พี่ดีใจด้วยนะที่ปิ่นมีความสุข พี่อยากให้ปิ่นจำความสุขในวันนี้ไว้ให้ดี ในวันที่มีเรื่องทุกข์ผ่านเข้ามาในชีวิต ปิ่นจะได้ใช้ความสุขในวันนี้ก้าวผ่านความทุกข์ไปให้ได้” คุณโปรยติงว่าวันมงคลของน้องมาพูดความทุกข์อะไรก็ไม่รู้ “ผมพูดเรื่องจริงครับคุณแม่ คุณแม่ก็รู้ดีว่าชีวิตคู่ไม่ได้มีแต่ความสุข”

“แต่แม่มั่นใจว่าคุณศกจะทำให้ปิ่นมีแต่ความสุข ไม่ต้องกังวลนะปิ่น รีบมีหลานมาให้แม่อุ้มเร็วๆ”

เห็นทั้งคุณแม่และน้องมองโลกสวยเช่นนั้น ทั้งนครินทร์และคุณยอดก็สบตากันอย่างอดกังวลไม่ได้

ที่หน้าห้องจัดงานนั้น มีกล่องรูปหัวใจสำหรับใส่ซองของแขกวางอยู่ เมื่อแขกเซ็นอวยพรเสร็จจะหย่อนซองลงในกล่อง คุณขจีก็เข้ามาขอบคุณแขกและรีบบอกแขกที่กำลังจะหย่อนซองพร้อมกับหญิงสาวญาติฝ่ายเจ้าบ่าวนำกล่องอีกใบแต่คนละสีมาวาง คุณขจีพูดกับแขกผู้นั้นอย่างอ่อนหวานว่า

“รบกวนใส่กล่องนี้ดีกว่าค่ะ กล่องแขกเจ้าบ่าวกล่องนี้ อีกกล่องเป็นแขกฝ่ายเจ้าสาวค่ะ” เห็นแขกงง คุณขจีแก้เกี้ยวว่า “มีแขกมาร่วมงานเยอะ กล่องเดียวเกรงว่าจะไม่พอใส่น่ะค่ะ”

แต่เมื่อคุณเศียรคุณพ่อของศกถามภรรยาว่าทำไมต้องแยกกล่องด้วย คุณขจีมองไปในงานบอกสามีว่า

“คุณก็ดูสิคะ แขกส่วนใหญ่เป็นแขกทางฝ่ายเราทั้งนั้น แต่ละคนใส่ไปไม่ต่ำกว่าสามพันแน่ๆ เรื่องอะไรเราจะต้องปล่อยให้คุณยอดคุณโปรยเป็นหมูนอนกินฝ่ายเดียว ฉันจะเอาเงินค่าซองของเราเป็นค่าดอกเบี้ยเงินที่พวกเขายืมเราไป”

นี่คือแผนขั้นที่สอง หลังจากที่คุณขจีมาบอกคุณโปรยหลังพิธีหมั้นว่า

“ดิฉันอยากจะขอหักหนี้เก่าของเราไปจากค่าสินสอดค่ะ”

พัชรินที่เป็นเพื่อนรักปิ่นปักและริษยาปิ่นปักที่เหนือกว่าตนตลอดมา เธอบอกยุทธขณะอยู่ในงานว่า

“ปิ่นเกิดมาโชคดี ตั้งแต่เล็กจนโต ปิ่นได้ทุกอย่างสมใจ ไม่เหมือนฉัน ฉันมันผิดหวังตลอด ถ้ายัยปิ่นได้รู้จักกับความผิดหวังบ้างสักครั้ง ฉันคงนอนตายตาหลับ”

ooooooo

ฝนที่เป็นพนักงานในบริษัทของศก ตกใจกรี๊ดลั่น บอกพาไลกับมิ้มว่าสงสัยตนจะไปไม่ทันงานคุณศกแล้ว พาไลบอกว่าไปไม่ทันก็ไม่ต้องไป เพราะคุณศกคงเชิญพนักงานในบริษัทตามมารยาทเท่านั้นเอง

“ไม่ได้หรอก งานแต่งเศรษฐีมีแต่เศรษฐีไปงาน ฉันต้องออกไปล่าหาเหยื่อ มิ้มขับรถไปส่งฉันหน่อยสิ เวลานี้แท็กซี่หายาก”

มิ้มที่ยังไม่หายเศร้าเพราะเป็นห่วงพ่อที่ป่วยแต่ไม่กล้าไปเยี่ยม บอกมิ้มว่าดูสภาพตนที่มอมแมมอย่างนี้จะไปได้ยังไง ฝนบอกว่าก็นั่งอยู่ในรถใครจะเห็น มิ้มกับพาไลที่ใส่เสื้อยืดและนุ่งกางเกงขาสั้นจู๋จึงไปส่งมิ้มที่ลานจอดรถโรงแรม

“ขอบใจนะเพื่อนรักที่อุตส่าห์มาส่ง พวกแกอวยพรให้ฉันด้วยนะ ขอให้คืนนี้มีเศรษฐีเหงาหัวใจเปลี่ยวมาหลงเสน่ห์ฉันสักคน ฉันจะได้สบายเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ไปนะ” ฝนเดินเฉิดฉายเข้าไปในงาน

พาไลบ่นกับมิ้มจากประสบการณ์ของตัวเองว่า หวังสบายจากคนอื่นระวังจะลำบากเหมือนตน มิ้มบอกว่าของแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเตือนไปก็หาว่าเราไปขวางทางเจริญ

ทันใดนั้น มิ้มเห็นพ่อกับแม่กำลังจะเดินเข้าไปในงาน พาไลบอกว่าไหนๆเจอกันแล้วก็เข้าไปทักเลย มิ้มอิดออดว่าพวกเขาไม่อยากคุยกับตน

“แค่ไปถามไถ่อาการป่วยของคุณพ่อ ไม่ต้องคุยมากก็ได้ ไปเถอะ” พาไลลุ้นแล้วฉุดมิ้มออกไป เดินเร่งฝีเท้าจนทันพ่อแม่มิ้มแล้ว พาไลเข้าไปทักและยกมือไหว้ คุณพ่อมิ้มรับไหว้แต่คุณแม่มองเมิน มิ้มยืนจ๋อยๆอยู่ข้างพาไล จนคุณพ่อทักว่ามาทำอะไรที่นี่ มิ้มบอกว่ามาส่งเพื่อน

“มิ้มเขารู้ว่าคุณพ่อไม่สบาย เขาเป็นห่วงคุณพ่อมากค่ะ” พาไลเอ่ยให้บรรยากาศและความรู้สึกดีต่อกัน คุณพ่อบอกว่าตนดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจที่เป็นห่วง แต่คุณแม่ของมิ้มเร่งอย่างไม่พอใจว่า เลิกคุยกันได้แล้วมีอะไรอยากจะคุยกลับไปคุยกันที่บ้าน หางตามองมิ้มตำหนิว่า

“แล้วดูแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าสิ ที่นี่โรงแรมห้าดาวไม่ใช่ตลาดสด ทำตัวเหมือนคนไม่มีสกุลรุนชาติ เข้างานกันได้แล้ว”

คุณแม่มิ้มเดินนำไปทันที คุณพ่อยังหันบอกมิ้มว่าวันหลังไปเยี่ยมพ่อที่บ้านบ้าง เลยถูกคุณแม่เรียกปรามเสียงแข็งจนคุณพ่อเงียบและเดินตามไป มิ้มเศร้า ถามพาไลว่าเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมตนถึงไม่อยากกลับบ้าน พาไลพยักหน้าอย่างเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน

ขณะนั้นเอง พัชรินกับยุทธกำลังจะเดินเข้าไปในงาน พัชรินเห็นพาไลกับมิ้ม เธอชะงัก

“นั่นมัน...” พลันก็คิดถึงคำพูดของปิ่นปักที่พูดกับพาไลว่า ถ้าเธอไม่ดูถูกตัวเองแล้วใครจะดูถูกเธอได้ อย่าโทษคนอื่นเลย โทษตัวเองเถอะ พัชรินก็จิกตายิ้มร้ายพึมพำ “ปิ่นปัก...ฉันจะทำให้เธอรู้จักกับความผิดหวังเป็นของขวัญในวันแต่งงาน”

ooooooo

เพรียวเดินเศร้าๆอยู่ในงานชนฝนที่เดินอ้าวเข้ามา เขาขอโทษ ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ฝนหันมองถึงกับตะลึงในความหล่อ ความคิดบางอย่างวาบขึ้นมาทันที

ฝนถามเพรียวว่าเป็นแขกฝ่ายไหน พอรู้ว่าเป็นเพื่อนพี่ชายเจ้าสาว เรียนมาด้วยกัน ฝนคิดอย่างเร็วว่าเป็นเพื่อนด็อกเตอร์นครินทร์ก็คงเป็นด็อกเตอร์เหมือนกัน เธอทำทีควานหาอะไรในกระเป๋า แล้วขอยืมโทรศัพท์เพรียวบอกว่าไม่แน่ใจว่าของตนลืมไว้ที่รถหรือเปล่า

พอเพรียวเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ฝนชะงักเพราะเป็นโทรศัพท์รุ่นเก่า เธอพูดอย่างไม่ไว้หน้าว่าราคาแค่ไม่กี่ร้อยสมถะดีนะ เพรียวตอบอย่างไม่รู้สึกเป็นเรื่องน่าอายว่า

“อย่าเรียกว่าสมถะเลยครับ เรียกว่าไม่มีปัญญาซื้อแพงๆดีกว่า เงินเดือนข้าราชการอย่างผมมันน้อยเหลือเกิน”

เมื่อคะเนฐานะของเพรียวจากโทรศัพท์มือถือได้แล้ว ฝนคืนให้บอกว่าตนเจอของตัวเองแล้ว พูดแล้วหันหลังให้เบ้ปากว่า “กระจอก” แล้วเดินไปเลย เพรียวมองตามงงๆ หยิบเครื่องดื่มสองแก้วแล้วเดินตามไป

ooooooo

พัชรินคิดจะทำให้ปิ่นปักรู้จักกับความผิดหวังและเสียหน้า เธอเรียก รปภ.มาสองคนบอกให้ลากพาไลกับมิ้มออกไป พลางบอกสองสาวว่าปิ่นปักสั่งให้ไล่เธอสองคนออกไป เพราะผู้หญิงอย่างพวกเธอไม่สมควรเข้ามาเหยียบในงานแต่งงานนี้

มิ้มฉุนขาดตวาดว่ามันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว พาไลเตือนเพื่อนว่ามีอะไรเราค่อยเคลียร์กับปิ่นปักเองก็แล้วกัน มิ้มสะบัดเดินอ้าวเข้าไปในงาน พาไลรีบตามไป พัชรินมองตามยิ้มเยาะอย่างสะใจ แล้วผละไปที่กลุ่มนักข่าวบอกอย่างตื่นเต้นว่า

“ขอโทษนะคะ รีบมาทางนี้เถอะค่ะ”

มิ้มเดินฉับๆไปที่หน้าซุ้มถ่ายรูปที่ปิ่นปักกับศกยืนถ่ายรูปกับแขกผู้ใหญ่อยู่ มิ้มถลกแขนเสื้อท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ พาไลตามมิ้มมา และพัชรินก็พานักข่าวตามมาติดๆ

พาไลเห็นเหตุการณ์ฉุกคิดได้รีบบอกมิ้มให้ใจเย็นๆ เพราะเราถูกเพื่อนของปิ่นปักเสี้ยม พาไลกับมิ้มหันมองพัชรินขวับ พัชรินชะงักหน้าเสีย

นครินทร์จะเดินมาหาพาไล ถูกคุณโปรยดึงแขนไว้บอกให้รักษาหน้าแม่บ้าง แล้วเดินไปหาพาไลเองถามว่ามาทำอะไรที่นี่ พาไลบอกว่ามาแสดงความยินดี ถูกคุณโปรยมองแต่หัวจดเท้า พาไลรู้ตัวชี้แจงว่า

“ต้องขอโทษด้วยค่ะที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย พอดีแวะมากะทันหัน” แล้วพูดกับปิ่นปัก “ยินดีด้วยนะคะ”

ศกสบตาพาไลนิ่งๆ แต่มีความสนใจในแววตา พาไลดูออกรีบหลบตา พัชรินเจ็บใจที่แผนฉีกหน้าปิ่นปักไม่สำเร็จสะบัดหน้าพรืดเดินอ้าวออกไป นักข่าวถามกันงงๆว่า “ตกลงให้มาดูอะไรวะ”

พาไลจูงมือมิ้มออกไป ปิ่นปักขอตัวกับศกแล้วเดินตามพาไลไป

ooooooo

พาไลกับมิ้มตามไปโผล่ดักหน้าพัชรินถามว่าเมื่อกี๊คิดจะทำอะไร พลางมิ้มถูมือไปมา พัชรินตกใจขอร้องอย่าทำอะไรตน ตนไม่ได้โกหก ปิ่นปักให้ตนไล่พวกเธอจริงๆ

พัชรินจะเดินหนีถูกพาไลดึงไว้ ไม่ยอมให้ไป พอดีปิ่นปักเดินมาถึงถามว่าพวกเธอทำอะไร! พาไลบอกให้ถามเพื่อนเธอเอาเองดีกว่า ปิ่นปักมองพัชรินอย่างเดาเรื่องได้ พัชรินแก้ตัวว่าตนไม่อยากให้สองคนนี้เข้าไปในงานเลยไล่แทน อ้างว่าเพราะตนไม่ใช่เจ้าของงานจึงต้องอ้างชื่อปิ่นปักพวกเธอจะได้เชื่อ ถูกมิ้มด่าตอแหลทันที

“นี่ อย่ามาพูดจาหยาบคายกับเพื่อนฉันแบบนี้นะ พัชพูดถูกฉันไม่ต้องการให้พวกเธอเข้าไปในงานของฉัน ไม่ต้องถามนะว่าทำไม พวกเธอน่าจะรู้ตัวดี” ปิ่นปักปกป้องเพื่อน แล้วถามว่า “พวกเธอมาที่นี่ต้องการอะไร”

พาไลบอกว่าตนไม่เคยต้องการอะไร ปิ่นปักตัดบทว่า “ถ้าเธอยืนยันอย่างที่พูด ถ้าอย่างนั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่ อย่ามายุ่งกับฉัน กับคนในครอบครัวของฉัน โดยเฉพาะพี่รินทร์ ฉันพูดภาษามนุษย์อย่างชัดเจนดีแล้ว หวังว่าเธอจะเข้าใจ ไปกันเถอะพัช”

มิ้มแค้นมากเต้นเร่าๆจะตามไปตบให้หน้าเยินเข้าหอไม่ได้เลย พาไลรั้งไว้ขอร้องว่า

“มิ้มพอแล้ว! ฉันเห็นแก่คุณรินทร์ ปล่อยเขาไปเถอะ ถือเสียว่าให้อภัยเป็นของขวัญแต่งงานแล้วกัน”

เมื่อพากันออกมาถึงหน้างานผ่านโต๊ะเขียนอวยพร พาไลฉุกคิดอะไรได้ เดินกลับไปเขียนในสมุดอวยพรแล้วจึงพากันออกไป นครินทร์ตามมาเปิดสมุดอวยพรดู “อย่าหูเบาค่ะคุณปิ่น พาไล” นครินทร์อ่านแล้วสงสัยว่าทำไมพาไลเขียนแบบนี้ แล้วจะเดินตามพาไลไป แต่เห็นเพรียวที่ถือแก้วเครื่องดื่มเซๆมาชนกับแขก

“ไอ้เพรียว!” นครินทร์ตกใจ เดินไปจับมือเพรียวที่กำลังจะหยิบแก้วเครื่องดื่มใหม่อีก “พอได้แล้วไอ้เพรียว”

เพรียวที่เริ่มเมาแล้ว ต่อว่านครินทร์ว่าไม่เคยคิดจะชงตนให้น้องปิ่นเลย นครินทร์แย้งว่าเขาก็ไม่เคยบอกว่าชอบปิ่นปัก เพรียวเกเรว่าเขาเป็นเพื่อนต้องรู้ใจตนเลยถูกนครินทร์โต้ว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ในเมื่อตัวแกยังไม่รู้ ตัวเองเลย”

“ก็จริง... ฉันเพิ่งจะรู้ตัววันนี้ วินาทีนี้เองว่าฉันไม่ใช่แค่ชอบน้องปิ่น แต่ฉันรัก...รักมากด้วย” เพรียวแย่งแก้วเครื่องดื่มจากนครินทร์อย่างแรงทำให้เหล้าหกรดเสื้อนครินทร์ เพรียวกุลีกุจอ “โทษที...โทษที...ฉันเช็ดให้นะ”

“ไม่ต้อง เช็ดไปก็เท่านั้น ฉันไปเปลี่ยนเสื้อใหม่เลยดีกว่า ในรถมีเสื้ออีกตัว” นครินทร์ผละไป

ooooooo

ที่ห้องน้ำ ศกกับเดโชยืนล้างมืออยู่ด้วยกัน เดชาถามศกว่าไม่ขอเบอร์น้องเซอร์ไพรส์ไว้ล่ะเผื่อเมียเผลอแล้วเจอกันไง

“ฉันจะไปเผลอกับใคร ฉันเลือกนะไอ้โช ไม่ใช่แค่คลำไม่มีหางแล้วจะเอาหมด”

นครินทร์เปลี่ยนเสื้อเสร็จจะออกมาเขาหยุดชะงักฟังการสนทนาของศกกับเดโชอย่างไม่พอใจ

ศกบอกว่าตนไม่ง้อผู้หญิง ยิ่งผู้หญิงง่ายๆพรรค์นั้นด้วยแล้วตนไม่ตามง้อขอเบอร์ให้เสื่อมหรอก เดโชเออออว่าจริง เขาคงง้อปิ่นคนเดียว ยังไงคืนนี้ก็อย่าลืมจัดให้คุ้มค่ากับที่เสียแรงง้อล่ะ

“แน่นอน ฉันจะทำให้ปิ่นลืมไม่ลงไปจนถึงวันตาย” ศกตอบแล้วก็หัวเราะอย่างรู้กันประสาผู้ชาย แต่พอออกจากห้องน้ำ ศกนึกได้ว่าลืมมือถือจึงย้อนกลับมาเอา เจอนครินทร์ยืนอยู่ ศกรู้ว่านครินทร์ต้องได้ยินที่ตนคุยกับเดโชแต่เขาไม่แคร์ ทักว่า “ไม่ยักรู้ว่าคุณอยู่ในห้องน้ำด้วย”

นครินทร์พูดขรึมๆว่า “ผู้หญิงเป็นเพศที่ต้องให้เกียรติ ไม่ใช่เอามาพูดดูถูกสนุกปาก” ศกโต้อย่างไม่แยแสว่าถ้าตนไม่ให้เกียรติปิ่นปักก็คงไม่ลงทุนจัดงานตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างนี้หรอก “ท่าทางคุณจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าให้เกียรติ”

“ไม่ต้องมาสั่งสอนผม! ผมไม่ชอบ!!” ศกกระชากคอเสื้อนครินทร์ เขาไม่ตอบโต้ แต่มองลึกเข้าไปในดวงตาศกเอ่ยอย่างสุขุม

“ถ้าให้ผมเดา ตอนคุณเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ของคุณคงจะมัวแต่ทำงาน ไม่เคยมีใครมาสนใจ ตอนนี้ คุณเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยที่คุณไม่ได้อาศัยชื่อเสียงของครอบครัวคุณเลย คุณถึงเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง สูงเสียจนทนฟังคำพูดเตือนสติจากใครไม่ได้”

“แน่นอน ผมมีปัญญารู้ได้ด้วยตัวเองว่าอะไรทำแล้วเจริญ หรือทำแล้วจะหาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัว”

“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ภาวนาขอให้ปัญญาของคุณ ‘ควรรู้’ เอาไว้ด้วยว่า ครอบครัวเราเลี้ยงดูปิ่นมาอย่างดี คุณเองก็ควรจะดูแลปิ่นอย่างดีเช่นกัน ให้สมกับที่ปิ่นเลือกคุณ”

นครินทร์กับศกต่างจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง

ooooooo

ฝนที่มางานแต่งงานเพราะหวังจะจับผู้ชายรวยๆไว้สักคน แล้วก็เหมือนโชคเข้าข้างเธอ เมื่อเธอรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวได้ รับช่อดอกไม้แล้วเธอถอยหลังไปชนเข้ากับจำรูญ เธอแกล้งทำเป็นยิ้มเขินอาย และเมื่อจำรูญกลับไปที่ลานจอดรถ ฝนแอบตามไปดู พอเห็นเขาตรงไปที่รถคันหนึ่งที่ทั้งเก่าและทรุดโทรม ฝนเบ้หน้าพึมพำ

“ขับรถเก่า ทำไมซวยอย่างนี้วะเนี่ย เจอแต่ผู้ชายจนๆ” แต่พอจะหันเดินกลับได้ยินเสียงกดรีโมต ฝนหันดู ปรากฏว่าจำรูญเดินไปที่รถใหม่ป้ายแดงคันถัดไปเขาขึ้นสตาร์ตรถ ฝนตาลุกพึมพำกับตัวเอง “โชคเข้าข้างอีฝนแล้ว!”

พอเห็นว่าจำรูญรวยขับรถป้ายแดง ฝนมารยาทำเป็นจะล้มร้องเสียงดังให้จำรูญได้ยิน เขารีบลงมาประคองถาม

“คุณ! คุณเป็นอะไรไหมครับ”

ฝนสบตาจำรูญแอ๊บแบ๊วสุดฤทธิ์ จำรูญยิ้มกริ่มอย่างรู้เชิงและพอใจในที

ooooooo

เมื่อพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไปส่งตัวเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวเข้าเรือนหอที่สร้างในบริเวณเดียวกันกับบ้านของปิ่นปัก ให้พรกันแล้ว คุณขจีมารดาของศกบอกปิ่นปักว่า

“หนูปิ่นจ๊ะ ตาศกเป็นคนเอาแต่ใจ หนูต้องทนนิดนะลูกนะ ถ้าเขาทำอะไรขวางๆ เราก็ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ซะ”

“ค่ะคุณแม่” ปิ่นปักยิ้มอย่างไม่คิดอะไร พอปิดประตูห้อง เห็นศกถอดเสื้อสูทออก บอกเธอให้ไปอาบน้ำก่อนปิ่นปักรับคำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย

นครินทร์มองไปที่ห้องของพาไลเห็นไฟยังเปิดอยู่ เขาโทร.หาเธอ พาไลมองมือถือเห็นชื่อนครินทร์เธอคิดถึงคำพูดของปิ่นปักที่ไม่ให้ยุ่งกับพี่ชายตนขึ้นมา เลยตัดสินใจไม่รับสาย

นครินทร์รอจนแน่ใจว่าพาไลไม่รับสายแน่แล้ว เขาวางสายเหงาๆ

ปิ่นปักอาบน้ำเสร็จออกมาเห็นศกพับแขนเสื้อเชิ้ตลวกๆ กำลังยืนกดเลือกเพลงดนตรีฝรั่งโรแมนติกอยู่ที่เครื่องเล่น เธอถามว่ายังไม่อาบน้ำหรือ ศกหันมอง แล้วเดินมายืนตรงหน้า เพลงโรแมนติกจากเครื่องเล่นดังคลออย่างอ่อนหวาน ศกมองปิ่นปักด้วยแววตาสนุก พอเธอมีทีท่าขืนๆ เขาสั่ง

“ยืนนิ่งๆ!” เมื่อเห็นว่าปิ่นปักใส่ชุดนอนกระโปรงยาว ใต้เสื้อคลุม เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นชัดเจนว่า

“คุณเคยรู้ไหมว่าคนที่เคยได้อะไรมาตลอดเวลาแล้วเกิดไม่ได้ขึ้นมาสักอย่างจะรู้สึกยังไง” ปิ่นปักถามว่าโกรธหรือ? “เซ็งต่างหาก ผมรักคุณจนเซ็งแล้วรู้ไหมปิ่นปัก”

ศกจะจู่โจม ปิ่นปักขืนตัวออก “อย่าเพิ่งค่ะ ไปอาบน้ำก่อนสิคะ ศกคะ...ปิ่นบอกให้ไปอาบน้ำก่อนไงคะ”

“ปิ่น! คุณไม่ต้องมาสั่งผม ถ้าผมจะอาบ ผมอาบเอง ไม่ต้องเซ้าซี้!”

ศกผละจากปิ่นปักไปยืนที่หน้าต่าง เธองงๆ กับอารมณ์แปรปรวนของเขา เดินไปยืนข้างหลังถามอย่างห่วงใยว่าดูเขาอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่อยู่ในงานแล้ว ถามว่าเป็นอะไรหรือ ใครทำให้เขาไม่พอใจ

“พี่ชายคุณ!” ศกโพล่งออกไป ปิ่นปักถามว่านครินทร์ทำอะไรหรือ “เขามาสั่งสอนผม เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาสั่งสอนผม พ่อแม่ผมยังไม่กล้าสอนผม” ปิ่นปักถามว่าพี่ชายตนสั่งสอนอะไรหรือ ศกตัดบทว่า “ช่างเถอะ ผมไม่อยากพูดถึง”

“ใจเย็นเถอะค่ะ ปิ่นว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดมากกว่า เพราะปกติพี่รินทร์ไม่ใช่คนที่จะชอบไปเที่ยวสั่งสอนใคร ลงไปหาอะไรเย็นๆดื่มกันไหมคะ จะได้อารมณ์ดีขึ้น”

“คุณลงไปหาให้ผมดื่มแล้วกัน ผมจะอาบน้ำ” ศกเริ่มยิ้มออก แต่ปิ่นปักหายไปนานจนศกลงไปดู ถามว่าทำไมนานนัก เธอบอกว่าลืมถามไปว่าเขาจะดื่มอะไร โดนสวนเสียงกระด้างว่าแล้วทำไมไม่ขึ้นไปถาม

“ปิ่นไม่อยากกวนค่ะ คุณจะดื่มอะไรดีคะ ปิ่นสำรวจดูแล้วคุณแม่คุณเอาเครื่องดื่มมาใส่ไว้ให้ตั้งหลายอย่าง”

ศกขอน้ำแร่และขอน้ำแข็งด้วย ปิ่นปักเอาน้ำแข็งก้อนในตู้เย็นออกมา เขาบอกขอน้ำแข็งป่น

ปิ่นปักถามว่าจะเอาน้ำแข็งป่นที่ไหน เขาเสียงแข็งว่า ก็เอาน้ำแข็งก้อนมาทุบ!

“ทุบ?...ดูยุ่งยาก อย่าใส่เลยค่ะ” ปิ่นปักตัดบท ถูกศกเสียงแข็งว่า “ต้องใส่!” ปิ่นปักจึงเอาไม้นวดแป้งมาทุบที่ถาดน้ำแข็งก้อนน้ำแข็งกระเด็นถูกศก เธอตกใจ และตกใจยิ่งขึ้นเมื่อศกตวาดว่า

“คุณทำบ้าอะไรของคุณ!” เธอบอกว่าตนทำไม่เป็นเขาก็รู้ “คุณทำอะไรเป็นบ้าง เสียอารมณ์ ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว!” ว่าแล้วเดินขึ้นห้องไปเลย ปิ่นปักมองตามเศร้าๆกับคืนแรกของการแต่งงาน...

เมื่อเข้าห้องนอน ปิ่นปักเห็นศกนอนหันหลังให้ เธอทิฐิขึ้นมาไม่ยอมง้อ เดินไปนอนหันหลังให้เช่นกัน ต่างนอนหันหลังให้กันอยู่นาน จนปิ่นปักคิดถึงที่ตนพูดอย่างมีความสุขในงานว่า

“ปิ่นมีความสุขนี่คะ มีความสุขมากจริงๆ ปิ่นจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยค่ะ”

คิดแล้วทิฐิลดลง หันไปง้อศก ถามว่าหลับแล้วหรือ เขานิ่งเงียบ เธอจึงขยับเข้าไปวางมือพาดกับตัวเขาเอ่ยเบาๆ

“ศกคะ คุณอย่างอนสิคะ เราอย่าให้เรื่องไร้สาระทำลายความสุขในวันที่พิเศษที่สุดของเราเลยนะคะ”

ปิ่นปักง้อจนศกอารมณ์ดีขึ้น หันมากอด เธอบอกเขาว่า

“ปิ่นรักคุณนะคะศก รักมากที่สุด”

“ผมก็รักคุณปิ่นปัก”

ศกโน้มหน้ามาจูบ บรรยากาศคืนแรกของการแต่งงานจึงกลับมาหอมหวานอย่างมีความสุข

ooooooo

พาไลทำธุรกิจขายครีมบำรุงผิว ธุรกิจเธอไปได้ดีมาก วันนี้เธอสั่งครีมลอตใหม่มา จึงเอามาให้คุณเชื่อมกับพิสมัยเจิมเป็นสิริมงคล

“ลอตนี้ไลสั่งลอตใหญ่ ถ้าขายหมด ไลจะกู้แบงก์มาต่อยอดทำครีมตัวใหม่” คุณเชื่อมถามว่าไปกู้ทำไมให้ยุ่งยากยืมจากพ่อก่อนก็ได้ “ไม่เป็นไรค่ะ ไลสัญญากับตัวเองแล้วว่า ไลจะอยู่ด้วยตัวเอง ไลจะไม่รบกวนเงินใครแม้แต่บาทเดียว ไลจะรบกวนคุณพ่อคุณแม่แค่กำลังใจและคำอวยพรเท่านั้น”

“ถึงพ่อกับแม่จะอวยพรยังไง แต่ถ้าไลไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้าเอาของไม่ดีให้ลูกค้าใช้ หวังแต่กำไรมากเกินไป ไลก็จะอยู่ได้ไม่นาน” คุณเชื่อมเตือน พาไลบอกว่าไม่ต้องห่วงตนถือคติกินน้อยๆ แต่กินนานๆ “ดีมาก งั้นวันนี้พ่ออวยพรให้ชุดใหญ่เลย” แล้วคุณเชื่อมก็เรียกพิสมัยมาอวยพรลูกด้วยกัน ทั้งสองเอามือไปจับกล่องครีม คุณเชื่อมอวยพรอย่างตั้งใจ

“ขอให้ครีมยี่ห้อเซอร์ไพรส์บิวตี้ของพาไลขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ใครใช้ใครก็ชอบใครก็หลงต้องกลับมาซื้ออีก และขอให้ครีมโกอินเตอร์มีคนเอาไปขายเมืองนอก พาไลกลายเป็นเศรษฐีในสามวันเจ็ดวัน เพี้ยง!”

คุณเชื่อมเป่าลมลงบนกล่อง พาไลยิ้มปลื้ม แล้วสามพ่อแม่ลูกก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข

ooooooo

บัวทองได้ยินพาไลพูดว่าตนจะอยู่ด้วยตัวเองจะไม่รบกวนเงินใครแม้แต่บาทเดียว ก็หมั่นไส้พูดประชดว่าอยากรู้จังถ้านครินทร์รู้กำพืดเธอเขาจะยังอยากรู้จักเธอหรือเปล่า พาไลถามว่าเธอชอบนครินทร์หรือ

บัวทองไม่ตอบ พาไลเตือนว่าใจง่ายอีกแล้ว เห็นผู้ชายหน้าตาดีเป็นไม่ได้ แต่ทำไมถึงไม่มีใครมีใจให้เธอเลยสักคน เตือนสติว่านครินทร์ไม่มาเกลือกกลั้วกับผู้หญิงที่สมองไม่มีรอยหยักอย่างเธอหรอก!

พาไลกับมิ้มไปออกบูธขายเครื่องสำอางของตน สองสาวทั้งเต้นทั้งร้องกันสุดฤทธิ์ นครินทร์ไปยืนดู เขาพยายามส่งยิ้มให้แต่พาไลที่ถูกปิ่นปักพูดปรามไว้เมื่อคืนเธอแค่ยิ้มเจื่อนๆให้ ทำให้นครินทร์แปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ

เพื่อช่วยพาไลนครินทร์สั่งครีมจากพาไลจำนวนมากบอกว่าเพื่อนๆสั่งซื้อ เธอลดให้สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวเขาจะพาไปเลี้ยงข้าวตอบแทน รับครีมแล้วนครินทร์ ย้ำกับเธอว่า

“ผมอยากขอให้คุณเข้มแข็ง อย่าให้คำพูดของใครมาทำลายมิตรภาพของเราสองคน”

ที่ตลาดนัดมหาวิทยาลัยนี่เอง ฝนควงจำรูญไปโชว์ มิ้มถามว่าวันนี้ไม่ทำงานหรือ ฝนบอกว่าพักเที่ยงเลยแวะมาอุดหนุน แนะนำจำรูญแก่มิ้มว่าเป็นคนมีน้ำใจพาตนไปส่งที่บ้าน แล้วทำท่าให้รู้ว่าเมื่อคืนไปกินกันมาแล้ว มิ้มทำท่าสนใจครีมของพาไล จำรูญสั่งห้ากระปุกบอกว่าตนซื้อให้ แต่พอฟังราคาว่า สามพันห้า จำรูญถึงกับซีด แต่ยังทำปากดีว่า

“ครับๆ สามพันห้าเอง”

แต่พอเอากระเป๋าสตางค์ออกมานับใบละพันได้สามใบส่วนอีกห้าร้อยต้องเอาทั้งใบละร้อย ยี่สิบ กระทั่งเศษเหรียญมานับก็ยังไม่พอ เลยแก้เกี้ยวว่าเดี๋ยวไปกดเงินก่อน มิ้มถามฝนว่าเศรษฐีอะไรพกแบงก์พกเหรียญ เขามีแต่พกบัตรเครดิต

“ถ้าไม่เศรษฐีจริงจะขับรถราคาหลายล้านเหรอ” ฝนแย้ง มิ้มพยักหน้าไปอย่างนั้นทั้งที่ยังติดใจสงสัย

พาไลกลับมาเจอฝน ฝนถามว่าแล้วนครินทร์ล่ะ พาไลบอกว่าไปสอนแล้ว วันนี้เขาได้ออเดอร์มาอีกเพียบเลย ฝนสงสัยว่านครินทร์ไปขายเครื่องสำอางยังไงถึงได้ขายดิบขายดี มิ้มคาดว่าคงอาศัยหน้าตากับรอยยิ้มเป็นเครื่องมือ เตือนพาไลว่า
“ระวังเถอะไอ้ไล มีของดีอยู่ใกล้แล้วไม่รีบตะครุบ ระวังจะโดนชะนีคาบไปรับประทานแล้วจะมานั่งน้ำตาตกใน”

แต่หารู้ว่า นครินทร์ซื้อครีมไปแจกเป็นครีมตัวอย่างแก่บรรดาอาจารย์และคนรอบตัว ทุกคนรับไปด้วยความยินดี มีแต่อาจารย์มิตราที่สนิทสนมกับนครินทร์และครอบครัวเขาไม่เชื่อ เพราะครีมตัวอย่างจะไม่กระปุกใหญ่อย่างนี้ เธอคาดว่านครินทร์ช่วยพาไลเพราะความสวยของเธอ วิเคราะห์แล้วถามว่าตนพูดถูกไหม

“เกือบถูกครับ ผิดข้อสุดท้าย ผมช่วยอุดหนุนพาไลขายครีมตัวนี้ไม่ใช่เพราะความสวย แต่เพราะความดีของเธอ”

“งั้นก็ยินดีรับไว้ค่ะ เพราะฉันสนับสนุนคนดีมากกว่าคนสวย” มิตรารับครีมไว้ยิ้มกับนครินทร์อย่างร่าเริง

บัวทองมาเจอพาไลขายครีมกับมิ้มก็เบ้หน้าว่ากระจอก เจออาจารย์สาวเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันมาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ บัวทองถามว่ารู้จักนครินทร์ไหม

พอสาวบอกว่ารู้จักก็ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน

พอรู้ว่ากลับไปแล้ว บัวทองถามว่ามีเบอร์โทร.ไหม มีไอดีไลน์ไหม เฟซบุ๊กมีไหม หรืออะไรก็ได้ที่จะติดต่อเขาได้ สาวถามว่าติดต่อทำไม จะซื้อครีมหรือ บัวทองจึงรู้ว่านครินทร์ช่วยพาไลขายครีม จึงออกอุบายชวนสาวไปทานข้าวกัน แล้วแอบขโมยเอาครีมที่ถุงของสาวไปห้องน้ำ มองน้ำยาล้างห้องน้ำคำรามแค้น

“นังพาไล ชีวิตแกเคยพังเพราะฉัน แล้วทำไมฉันจะทำแกพังอีกไม่ได้!”

ooooooo

ปิ่นปักมีความสุขมากในคืนวิวาห์ เธอตื่นตอนสายเห็นศกยังนอนอยู่ เธอมองเขาด้วยความรักหมดหัวใจลุกขึ้นไปทำอาหารเช้าไว้รอเขา จะทอดไข่ดาวก็ทำไม่เป็นต้องโทร.ไปถามป้าแสง

ศกยังนอนอยู่ ได้รับโทรศัพท์จากเดโชโทร.มาถามว่าเมื่อคืนเป็นอย่างไร จัดหนักเลยใช่ไหม ศกตอบเนือยๆว่าดีแต่ไม่ติดใจ และเมื่อได้เห็นหมดเปลือกแล้วก็ไม่มีอะไรให้ค้นหาอีก

ปิ่นปักมาบอกว่าตนตั้งโต๊ะอาหารไว้แล้วอวดอย่างภูมิใจว่าตนทำเอง แต่พอศกเห็นอาหารบนโต๊ะ เขาบอกว่าตนไม่ทานอาหารพวกนี้ ปิ่นปักหน้าเสียบอกว่าตนไม่รู้ว่าเขาชอบทานอะไร เขาบอกว่าวันนี้กินที่เธอทำก่อนก็ได้ แล้วนั่งกินอาหารไม่มีวี่แววของความพิศวาสต่อเธอเลยแม้แต่น้อยความต่างเริ่มเผยออกมาชัดขึ้น เมื่อปิ่นปักชวนไปเที่ยวทะเลหาความสุขกัน เขาบอกว่าคนเราถ้าจะสุขอยู่ที่ไหนก็สุขได้ ปิ่นปักเปลี่ยนเป็นว่า งั้นเราอยู่บ้านช่วยกันจัดการกล่องของขวัญ เขาบอกว่าเธอก็รู้ว่าตนไม่ชอบอยู่บ้าน

“งั้นศกตัดสินใจแล้วกันค่ะ ว่าจะทำอะไร”

“เอาอย่างนี้ ถ้าปิ่นอยากจะอยู่จัดการของขวัญก็ตามใจปิ่นนะ ส่วนผมจะออกไปหาเพื่อน” ตัดบทแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ ไม่สนใจเลยว่าปิ่นปักนั่งหน้าจ๋อยอยู่ตรงหน้า ปิ่นปักจัดของขวัญเธอแยกเอาพวกเครื่องครัวจะเอาไปฝากไว้ที่บ้านคุณแม่ แล้วพลิกดูสมุดอวยพร เจอที่พาไลเขียนไว้ว่า “อย่าหูเบาค่ะคุณปิ่น...พาไล” อ่านแล้วสงสัยว่าหมายความว่าอย่างไร?

เมื่อเจอพาไล ปิ่นปักถามว่าเธอเขียนอวยพรอย่างนั้นหมายความว่าอย่างไร พาไลไม่อธิบายให้เข้าใจตามที่ตนเขียนอย่างไรก็อย่างนั้น ปิ่นปักถามว่าทำไมต้องเขียนอย่างนั้น

“หวังดี สังคมของคุณมันน่ากลัว ไว้ใจใครไม่ได้ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทก็อย่าคิดว่าจะไว้ใจได้ เธอต้องหนักแน่น อย่าให้คำพูดของใครมาทำร้ายชีวิตเหมือนอย่างที่ฉันเคยเป็น” พูดแล้วผละไป

ปิ่นปักนิ่งคิดแล้วตามพาไลไปดักหน้าพูดเย้ย

“ขอบใจสำหรับความหวังดี แต่อย่าเอาฉันกับเธอมาเปรียบเทียบกัน เพราะเราต่างกัน ฉันจะไม่มีวันเหมือนเธอ”

“อย่าเพิ่งมั่นใจไปเลยค่ะ ชีวิตยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ ถ้าคุณไม่ตายเสียก่อน”

นอกจากนี้ ปิ่นปักยังหาว่าพาไลขายของเถื่อนเพราะเธอไม่มีความรู้เกี่ยวกับครีมที่ขายเลย ปรามว่าอย่าทำให้นครินทร์เสียหายไปด้วย หากนครินทร์เสียหายตนจะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด

ooooooo

บัวทองไปติดตามผลงานของตัวเองที่มหาวิทยาลัย ขณะคุยกับนครินทร์อยู่นั้น ได้ยินเสียงอาจารย์คนหนึ่งร้องให้ไปช่วยอาจารย์สาวด้วย นครินทร์รีบวิ่งไปประคองอาจารย์สาวที่ล้มอยู่กับพื้น

บัวทองวิ่งตามไปพร้อมกับยกมือถือถ่ายรูปไปด้วย พอไปถึงอาจารย์สาวบัวทองก็จ่อมือถือเข้าไปที่หน้า แต่แล้วก็แปลกใจที่หน้าอาจารย์สาวไม่เป็นอะไรเลย

แล้วความลับก็ถูกแฉ เมื่อมิตราบอกนครินทร์ว่า ตนเห็นบัวทองขโมยครีมจากกระเป๋าของอาจารย์สาวอย่างมีจุดประสงค์ไม่ดี ตนเดินชนกับบัวทองที่ห้องน้ำ ที่ตัวเธอมีครีมบิวตี้เซอร์ไพรส์กับขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ!

“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก แต่พอฉันเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเอากระปุกครีมใส่เข้าไปในกระเป๋าของอาจารย์สาว...ฉันแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นต้องมีเจตนาที่ไม่ดีกับอาจารย์สาว”

มิตราเล่าว่า ตนจึงเอาครีมกระปุกใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดขอแลกกับอาจารย์สาวแล้วเก็บกระปุกนั้นไว้ นครินทร์ดีใจที่สังคมยังมีคนที่ไม่เพิกเฉยเมื่อเห็นใครทำผิด

“ฉันทำเพื่อความสบายใจของตัวเองเท่านั้นค่ะ ถ้าสิ่งที่ฉันเห็นเป็นเรื่องเข้าใจผิด อย่างน้อยก็แค่ได้เปลี่ยนกระปุกครีมกับอาจารย์เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ยิ่งเมื่อเช้านี้ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นทำท่าจะถ่ายคลิปคุณกับอาจารย์สาว ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีจุดประสงค์ไม่ดีกับอาจารย์สาวหรือไม่ก็กับคุณ”

“ถ้าคุณบัวจะมีเจตนาไม่ดี ไม่ใช่มีกับผมหรืออาจารย์สาวหรอกครับ”

“งั้นกับใครคะ”

“กับพาไล เจ้าของครีม” นครินทร์มองกระปุกครีมในมืออย่างไม่สบายใจ

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น