วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลือดตัดเลือด ตอนที่ 6


หน่วยอินทรีพิฆาตมีงานใหญ่ให้ทำอีกแล้ว...

ผู้บังคับบัญชาทราบข้อมูลว่าวิคเตอร์ เหลียง อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐมินจาผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าอาวุธสงครามเถื่อนรายใหญ่ที่ทางรัฐมินจากำลังตามตัวอยู่ได้หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย แน่นอนว่าต้องมีคนช่วยเหลือไม่งั้นคงไม่รอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งท่านสงสัยว่าคนช่วยจะเป็นคู่ปรับของหน่วยอินทรีพิฆาต และเป็นหน้าที่ของหน่วยฯที่ต้องสืบให้แน่ชัด

จริงดังคาด! โชวกำลังวางแผนให้การช่วยเหลือวิคเตอร์ เหลียง ที่ทำธุรกิจกับภาคีมานาน ถึงคราวเขาเดือดร้อนมาพวกเราต้องช่วย หลี่เฟยรับคำสั่งของประมุขเพื่อช่วยวิคเตอร์ เหลียง ที่ต้องการหนีข้ามไปประเทศที่สาม วายุหนักใจเพราะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โชวมีแผนการอยู่ในใจแล้ว

ภูผาไม่เห็นด้วยกับโชวที่จะช่วยเหลือวิคเตอร์ เหลียง จึงคิดจะปล่อยข่าวให้พวกอินทรีพิฆาตรู้ อันดาคล้อยตามเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์เรื่องธุรกิจผิดกฎหมายที่ทำอยู่

อนาวิลสืบจนแน่ใจว่าพวกจตุรภาคีวางแผนช่วยเหลือวิคเตอร์ เหลียง ออกนอกประเทศไปทางตะวันออก แต่อนาวิลก็ยังบอกทุกคนในหน่วยฯว่าอย่าประมาทโชวจนเกินไป เขาใช้ช่วงเวลาปลอดลูกน้องพูดคุยกับนัทตามลำพังว่าไม่เชื่อคนอย่างโชวจะมีแผนตื้นๆ

นัทท้วงอนาวิลว่าประเมินโชวสูงเกินไปหรือเปล่า มันอาจจะไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนก็ได้ อนาวิลยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ยังไงเราต้องรอบคอบให้มากๆ

แจ็คที่ติดยาเสพติดอาการดีขึ้นหลังจากพวกอนาวิลช่วยกันเยียวยา แจ็คยังถูกขังอยู่ในหน่วยฯเดินมาได้ยินการสนทนาของทั้งคู่โดยบังเอิญ อนาวิลจับได้และกำชับแจ็คห้ามบอกใครในหน่วยฯว่าตนกับนัทดีกันแล้ว ขอให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไป

“ได้ฮะ...เมื่อกี้ผมได้ยินพวกพี่พูดถึงพวกจตุรภาคี ผมคิดมานานแล้ว อยากแก้แค้นให้พ่อกับแม่ ขอผมไปจัดการพวกมันด้วยนะพี่”

“เฮ้ย!! ไม่ได้” นัทกับอนาวิลประสานเสียง

“ทำไมล่ะฮะ ตอนนี้ผมหายแล้ว พวกพี่ก็เห็น”

“แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของนาย”

“ถ้างั้นพวกพี่ฝึกผมสิฮะ แล้วให้ผมทำหน้าที่อะไรก็ได้ ผมไม่กลัว ได้แก้แค้นให้พ่อแม่ก็พอ นะฮะพี่ ผมขอร้อง”

อนาวิลไม่ตกลง ขอปรึกษาผู้ใหญ่อีกที ส่วนนัทกำชับแจ็คอีกครั้งให้รักษาสัญญา ก่อนจะขอตัวเพราะเขามีนัดกับดุจดาว อนาวิลนึกได้รีบถามนัทว่าบอกเรื่องที่เราเคลียร์กันแล้วให้ดุจดาวรู้หรือยัง

“ยัง...กะว่าจะบอกวันนี้แหละ ดาวจะได้สบายใจซะที”

“อย่าเพิ่ง ผมยังไม่อยากให้ยัยดาวรู้ตอนนี้ เพื่อความแนบเนียนนะพี่”

“เฮ้อ...ดาวรู้ทีหลังฉันยับแน่”

“พี่น่าจะชินแล้วนะ” อนาวิลพูดขำๆ แต่นัทไม่ขำด้วย ย้อนว่า “ลองให้แฟนแกงอนแกบ้างสิ ดูซิแกจะชินไหม”

ได้ยินคำว่าแฟน...อนาวิลสะอึก นึกถึงวีนัสขึ้นมาทันที

ooooooo

เวลานั้นวีนัสอยู่ในกลุ่มสี่หนุ่มจตุรภาคี เธอเดินหน้าตีสนิทโชวตามพวกเขามาถึงสนามสควอช แต่โชวบังคับเม่ยมาด้วย วีนัสเลยไม่สบอารมณ์ หาทางตอกย้ำความต่ำต้อยของเม่ยด้วยการท้าตีสควอช เพราะเข้าใจว่าคนอย่างเม่ยคงเล่นกีฬาประเภทนี้ไม่เป็น

ปรากฏว่าเธอเข้าใจผิดอย่างแรง เม่ยเล่นเก่งมาก ฝีมือดีกว่าวีนัสหลายขุม ทำเอาหนุ่มๆพากันแปลกใจและชื่นชม ยกเว้นโชวที่รู้อยู่ก่อนแล้ว

วีนัสแพ้เกมกีฬาแต่เธอกระซิบเม่ยว่าเรื่องอื่น

เธอไม่ยอมแพ้ แล้วเธอก็แกล้งล้มทั้งที่โดนเม่ยชนแค่เบาๆ เธอมารยาบ่นเจ็บข้อเท้าให้โชวสงสารและอุ้มออกจากสนาม โชวทำด้วยความไม่เต็มใจแล้วโยนหน้าที่ปฐมพยาบาลให้เม่ยหน้าตาเฉย

เม่ยจำใจทำเพราะหน้าที่พยาบาลค้ำคอ ระหว่างนั้นวีนัสเหลือบเห็นอนาวิลถือช่อดอกไม้อยู่ไกลๆ ชายหนุ่มตั้งใจตามมาง้อแฟนสาว แต่วีนัสไม่อยากเจอเขา ลุ้นระทึกว่าเขาจะเดินมาทางนี้หรือเปล่า

เม่ยเห็นใจอนาวิลถ้าต้องมาเห็นภาพบาดตาวีนัสอยู่ใกล้ชิดกับโชวซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้น จึงรีบปลีกตัวไปดักหน้าเขาแล้วพาหลบไปคนละทาง แต่วีนัสตาไวชี้ให้โชวดูและทำเหมือนไม่รู้จักอนาวิล ถามว่าผู้ชายคนนั้นใช่แฟนเม่ยหรือเปล่า

โชวทั้งหึงทั้งน้อยใจเม่ย ขอตัวเดินแยกไป วีนัสยิ้มสะใจแล้วแอบตามอนาวิลกับเม่ยไป โดยเดินเหินปกติไม่ได้ขาแพลงเหมือนที่บอกเมื่อสักครู่ เม่ยเห็นแล้วเอือมระอากับมารยาของเธอ

วีนัสเข้ามาทักอนาวิลก่อนจะหันไปแอบกระซิบเม่ยว่าอย่านึกว่าตนจะซึ้งใจที่เธอช่วย เม่ยตอบกลับเบาๆว่าตนไม่ได้ช่วยแต่เป็นห่วงความรู้สึกพี่วินต่างหาก

“สตรอเบอร์รี่ ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจจะอ่อยวิน”

เม่ยเอือมหนัก หันมาบอกอนาวิลว่าตนขอตัวก่อน ชายหนุ่มขอบคุณเธอ แต่วีนัสมองตามเม่ยไปด้วยความหมั่นไส้แล้วหันกลับมาหงุดหงิดใส่อนาวิล

“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ที่นี่”

“ผมเห็นคุณเช็กอินในไอจีว่าอยู่ที่นี่ก็เลยตามมา”

วีนัสเซ็งและเจ็บใจตัวเองไม่น่าเช็กอินเลย “คราวหลังถ้าวินจะมาหาวีนัสบอกก่อนล่วงหน้าได้ไหมคะ”

“ดูเหมือนคุณไม่ค่อยอยากให้ผมมาเลยนะครับ”

วีนัสนึกได้ รีบแก้ตัวทันที “เปล่าค่ะ เพียงแต่พี่ชายวีนัสมาที่นี่ด้วย”

“งั้นก็ดีสิครับ ผมจะได้ทำความรู้จักพี่ชายของคุณสักที”

“ไม่ได้นะคะ” วีนัสเผลอห้ามเสียงแหลม อนาวิลสีหน้าแปลกใจ เธอชะงักรีบหาข้ออ้างเร็วไว “คือพี่ชายของวีนัสเขาหวงวีนัสมาก วีนัสไม่เคยบอกเรื่องคุณให้เขาฟังเลย ถ้าเจอคุณมาที่นี่ วีนัสต้องแย่แน่ๆ”

“แต่ผมควรจะไปแสดงความจริงใจกับพี่ชายคุณ เขาควรรู้ว่าเราคบกันอยู่”

“เอาไว้ก่อนเถอะค่ะ ว่าแต่วินมาที่นี่มีอะไรรึเปล่า”

“ผมอยากจะมาขอโทษ เรื่องที่ทิ้งคุณไว้ที่ห้างเมื่อวันก่อน”

“อ้อ...เรื่องนั้นนั่นเอง วีนัสไม่ได้ถือสาอะไรแล้วล่ะค่ะ ลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ”

“แต่ผมก็ต้องขอโทษคุณ ยกโทษให้ผมนะครับวีนัส” อนาวิลยื่นช่อดอกไม้ให้ เธอรับมาพร้อมเปรยเบาๆว่าเขาน่ารักจัง แต่เสียดาย...อนาวิลได้ยินไม่ถนัดถามเธอว่าพูดอะไร

“เสียดายที่วันนี้วีนัสมีธุระต่อน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” พูดแล้วเธอเดินหนีไปหน้าตาเฉยไปหยุดยืนตรงถังขยะมองดอกไม้อย่างเสียดาย พึมพำว่า “เสียดายที่ฉันเปลี่ยนไปแล้วค่ะอนาวิล”

เธอโยนดอกไม้ทิ้งถังขยะอย่างไม่ไยดี เหมือนความรักของอนาวิลที่เธอเตรียมจะสลัดเขาทิ้งเพื่อเป้าหมายใหม่ที่ดีกว่าอย่างโชวประมุขจตุรภาคี

ooooooo

ด้านเม่ยพอกลับถึงบ้านก็โดนโชวกระแนะกระแหนเรื่องควงอนาวิล เม่ยอธิบายเพราะเขากำลังเข้าใจผิด แต่โชวหึงจนลมออกหูไม่เชื่อ สองคนเลยประชดกันไปมา

“พี่วินเขาไม่ได้มาหาฉัน”

“คงเชื่อหรอกนะ หอบดอกไม้เดินอี๋อ๋อไปด้วยกันแบบนั้น แล้วดอกไม้ไปไหนล่ะ ทำไมไม่เก็บกลับมานอนฝันหวานด้วยเลยล่ะ”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ดอกไม้ไม่กี่วันก็เหี่ยว แต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันมันเก็บไว้ได้นานกว่า”

“คงจะประทับใจน่าดูสินะ”

“มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณชายนี่คะ” เม่ยกำลังจะเดินหนี โชวกระชากมือเธอพร้อมเสียงแข็งใส่ว่าใครบอกไม่เกี่ยว

เม่ยมองหน้าเขาถามว่า “ยังไงล่ะคะ”

โชวอยากบอกความในใจแต่พูดไม่ออก ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด “เธอเป็นพยาบาลส่วนตัวของฉัน เป็นคนของตระกูลจาง”

ทั้งคู่มองหน้ากัน ผิดหวังและเสียใจกันทั้งคู่...เม่ยสะบัดมือโชวออกแล้วเดินหนีไปเจอมิ่งกับแจ่มที่เพิ่งกลับจากตลาด แจ่มถามเม่ยเป็นอะไร ขณะที่มิ่งเข้าไปถามคุณชายว่ามีอะไรกันเหรอ

ไม่มีคำตอบจากสองคน ต่างคนต่างเดินไปคนละทาง ทิ้งมิ่งกับแจ่มยืนเกาหัวงุนงงสงสัย...

แจ่มอดรนทนไม่ไหวเดินตามไปเห็นเม่ยน้ำตาซึม ถามอย่างห่วงใยว่ามีเรื่องกันอีกแล้วใช่ไหม

“สำหรับคุณชาย แค่เม่ยหายใจก็ผิดแล้วล่ะค่ะพี่แจ่ม”

“โธ่...ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะคุณเม่ย”

“เม่ยรู้ว่าพี่แจ่มรักคุณชายมาก แต่อย่าแก้ตัวแทนกันเลย เม่ยรู้จักคุณชายดี ได้เวลาน้ำชานายหญิงแล้ว เม่ยไปเตรียมก่อนนะคะ” เม่ยเดินหน้าเศร้าออกไป แจ่มบ่นหนักใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สองคนจะรู้ใจกันสักที

“โธ่คุณเม่ย...ไอ้ที่เขาจ้องหาเรื่องก็เพราะแคร์มาก รักมากนั่นแหละ เฮ้อ!”

ครู่ต่อมา เหว่ยชิงให้มิ่งไปตามโชวมาพบเพื่อกำชับเรื่องงานสำคัญวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นงานแรกที่เขาจะพิสูจน์ความสามารถในฐานะประมุข โชวรับปากจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง...แล้วเดินกลับออกไปโดยไม่มองหน้าเม่ยแม้แต่น้อย เม่ยแอบเศร้าน้อยใจ และคิดสงสัยว่างานสำคัญคืออะไร

เย็นวันเดียวกัน นัทมาช่วยนวลจันทร์ทำอาหาร ท่าทางเขาคล่องแคล่วไม่เก้งก้างเงอะงะเหมือนดุจดาวที่ทำอาหารไม่เป็นเอาเสียเลย

นวลจันทร์ชื่นชมว่าที่ลูกเขย ดุจดาวเลยจะยกให้นัทเป็นพ่อศรีเรือน นัทยินดีรับตำแหน่งนี้ และพูดอย่างเข้าใจว่าสมัยนี้ผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้าน เพราะฉะนั้นงานในบ้านก็ควรจะช่วยๆกันถึงจะถูก

“เห็นไหมคะแม่ ผู้ชายคนนี้น่ารักที่สุด” ดุจดาวหยิกแก้มนัทหยอกเย้าอย่างมีความสุข นวลจันทร์ยิ้มขำกับความน่ารักของทั้งคู่

ขณะร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน อนันต์ถามเรื่องแต่งงานที่ใกล้เข้ามาทุกที แนะนำนัทควรจะลางานมาเตรียมตัวบ้าง

“นั่นสิจ๊ะ ยิ่งใกล้วันสำคัญ โบราณเขาถือไม่ให้ทำอะไรเสี่ยงๆ”

“ผมก็คิดไว้เหมือนกันครับ ถ้าเสร็จงานสำคัญนี้แล้วคงจะขอลาพักยาว”

“ระวังตัวให้ดีด้วยล่ะ อย่างที่รู้ๆพวกมันไม่ธรรมดา”

“ครับท่าน”

“พูดถึงใครกันอยู่เหรอคะ” ดุจดาวแทรกขึ้นมา นัทกับอนันต์นิ่งเงียบไม่ตอบ...

หลังอาหารมื้อนั้น ดุจดาวยังข้องใจจะเอาคำตอบจากนัทให้ได้ว่างานสำคัญคืออะไร

“โธ่ดาว...งานนี้เป็นงานลับ พี่บอกดาวไม่ได้หรอก ดาวก็รู้”

“แต่เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วนะ”

“ไม่มีข้อยกเว้นจ้ะ ดาวลืมไปแล้วเหรอ เจ้าหน้าที่อย่างเราหน้าที่มาก่อนทุกสิ่ง”

ดุจดาวเสียงอ่อยเถียงไม่ออก “บอกนิดนึงก็ไม่ได้ ดาวเป็นห่วงพี่นัทนะ”

“หวังว่างานลับที่ว่าคงไม่ใช่งานของจตุรภาคีนะพี่นัท” เสียงอนาวิลดังเข้ามา สีหน้าและน้ำเสียงเขาหาเรื่องนัท อย่างเห็นได้ชัด

“ใช่หรือไม่ใช่ มันเกี่ยวอะไรกับแกด้วย” นัทโต้

“เกี่ยวสิ เพราะผมก็คงไม่ปล่อยพี่ไปง่ายๆแน่”

อนาวิลมองเขม่นนัท ดุจดาวชักสีหน้าไม่พอใจพี่ชาย ชวนแฟนหนุ่มไปที่อื่น อย่าอยู่กับคนพาล เดี๋ยวเราจะพลอยติดเชื้อไปด้วย

ดุจดาวเดินปึงปังออกไปก่อน จึงไม่เห็นอนาวิลหลุดขำที่หลอกน้องสาวได้ว่าเขากับนัทยังมีเรื่องบาดหมางกัน

“แกนะแก แกล้งน้อง” นัทชี้หน้าอนาวิลแล้วเดินตามไปปลอบดุจดาวว่าอย่าอารมณเสียไปเลย

“ดาวไม่เข้าใจเลย เมื่อก่อนเฮียไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”

“วินอาจจะมีเหตุผลของมันก็ได้”

“พี่นัทเข้าข้างเฮียอีกแล้วนะ เห็นไหมว่าเฮียจ้องจับผิดพี่จะตาย”

“บางครั้งเราก็เชื่อทุกอย่างที่ตาเห็นไม่ได้หรอกนะดาว ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า”

“ได้! แต่ดาวจะว่ากันไปตามความถูกต้อง ใครผิดก็ต้องรับผิด ไม่ว่าจะเป็นพี่นัทหรือเฮียก็ตาม โอนะ”

นัทจับหัวดุจดาวโยกอย่างเอ็นดู “โอจ้า...ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและกำจัดเหล่ามารร้าย เซร่ามูน”

“พี่นัท ล้อดาวอีกแล้วนะ”

นัทหัวเราะ จูงมือแฟนสาวเดินไปหน้าบ้าน เขาอยากให้เธออวยพร ดุจดาวขอให้โชคดี...พอนัทจะกลับ เธอรู้สึกแปลกๆพิกล โผกอดเขาแน่นเหมือนไม่อยากให้ไป

“อ้าว...งอแงอะไรอีกเรา”

“ดูแลตัวเองดีๆ แล้วรีบกลับมาเป็นเจ้าบ่าวของดาวนะ”

“พี่สัญญา พี่จะกลับมาเป็นเจ้าบ่าวของดาว”

ดุจดาวยิ้มพอใจปล่อยนัทเดินออกไป...ดุจดาวโบกมือลา โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย!

ooooooo

อนาวิลเรียกลูกทีมประชุมกลางดึกเพื่อวางแผนจับตัววิคเตอร์ เหลียง ซึ่งทุกคนต้องไปสมทบกับคนของหน่วยเหนือให้ทันตอนเช้ามืด

หลังจากอธิบายแผนการเรียบร้อยแล้ว อนาวิลขอเก็บอุปกรณ์สื่อสารของทุกคนไว้ทั้งหมดจนกว่าจะเสร็จงาน จ่าเดชสงสัยทำไมต้องเก็บด้วย นัทเลยถามจ่าว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า

“เปล่าๆ ไม่มีครับ คือผมเห็นงานอื่นไม่ต้องทำแบบนี้ ก็เลยสงสัย”

“จ่าเดชไม่มีปัญหา แล้วคนอื่นล่ะ มีไหม” อนาวิลแกล้งมองหน้านัทเหมือนจับผิด นัทเอามือถือออกมาวางคนแรก ทุกคนรีบวางตาม “เพื่อความปลอดภัยงานนี้ผมจะให้ทุกคนใช้อุปกรณ์สื่อสารพิเศษของทางหน่วย”

อนาวิลหยิบนาฬิกาออกมาวางบนโต๊ะ อธิบายว่า “นี่เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ทางหน่วยเหนือส่งมา สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมและช่วยในการค้นหาต่างๆได้เป็นอย่างดี”

ริวชมว่าเจ๋งไปเลย อนาวิลย้ำให้ทุกคนใส่ไว้คนละเรือนแล้วติดต่อกันผ่านนาฬิกานี้แทน

“ถ้าพร้อมแล้วออกเดินทางได้ เราต้องไปสมทบกับคนของหน่วยเหนือให้ทันเช้ามืด”

ขาดคำของอนาวิล ริวกับชินประสานเสียงอย่างฮึกเหิม “ลุย!” แล้วทุกคนก็ชักแถวออกไป จ่าเดชเดินรั้งท้ายสีหน้าไม่สบายใจ

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ทีมของภูผา วายุ อันดา พาวิคเตอร์ เหลียง ตัวปลอมเดินเท้าเข้าไปในป่าเพื่อหนีออกไปประเทศที่สาม โชวอยู่อีกทีมตามมาสมทบ ก่อนที่เขาจะแยกตัวออกไปคนเดียวตามแผน

ความจริงโชวแบ่งคนเป็นสามทีม แต่ใครๆเข้าใจว่ามีแค่สองทีม แม้แต่สามหนุ่มทายาทจตุรภาคีก็ไม่มีใครรู้สักคน ทีมแรกคือพวกภูผา โชวคือทีมที่สอง ซึ่งทั้งสองทีมมีวิคเตอร์ เหลียง ตัวปลอมเพื่อตบตาพวกหน่วยอินทรีพิฆาต...และทีมที่สามนำโดยหลี่เฟยที่มี วิคเตอร์ เหลียง ตัวจริง

ทีมของหน่วยเหนือสมทบกับหน่วยอินทรีพิฆาตของอนาวิล ทุกคนเข้าใจว่าพวกโชวมีแค่สองทีม เมื่อเกิดปะทะกันแล้วโชวแยกตัวออกจากกลุ่ม พวกภูผาบ้าระห่ำจะเข่นฆ่าอีกฝ่ายทั้งที่โชวกำชับไว้แล้วว่าห้ามให้มีคนตาย

ภูผายิงตำรวจตายก่อน ส่วนวายุไม่ได้ตั้งใจยิงนัท แต่เพราะจะช่วยภูผาจึงยิงไหล่นัทเพื่อสกัด แต่แล้วภูผากลับซัดนัทไม่เลี้ยงถึงกับนอนจมกองเลือดหายใจรวยริน!

วายุเสียใจที่มีคนตาย โชวย้อนกลับมาก็ตำหนิทุกคนยกใหญ่ก่อนจะพากันหลบหนีไป ส่วนอนาวิลกับทีมที่แยกตัวไปคนละทางกับนัทรีบย้อนกลับมาเมื่อจ่าเดชส่งข่าว

อนาวิลและลูกทีมช่วยกันพานัทส่งโรงพยาบาล ดุจดาวกับเม่ยอยู่ที่ร้านชุดแต่งงาน พออนาวิลโทร.ตามก็รีบมา ทั้งสองมาทันดูใจนัทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

ดุจดาจร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขณะที่อนาวิลก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง และโทษเป็นความผิดของตัวเอง

เม่ยได้ยินพวกอนาวิลคุยกันว่าจะไปฆ่าโชว เธอเข้าใจทันทีว่าเขาคือตัวการ รู้สึกผิดหวังในตัวเขามาก ผลุนผลันกลับมาที่บ้านทุบตีต่อว่าเขาด้วยความแค้นใจ

“สะใจแล้วใช่ไหมที่มีคนตาย มีความสุขมากใช่ไหมที่เห็นคนอื่นเขาเสียใจ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณชายจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้...ฆาตกร”

โชวนิ่งไม่โต้ตอบ ปล่อยเม่ยทุบตีจนเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง...ถามเธอว่าพอใจแล้วใช่ไหม...พูดแล้วผละไปโดยที่เขาเองก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างกัน

“คุณชายไม่ใช่คุณชายคนเดิมอีกแล้ว” เม่ยคร่ำครวญแล้วฟุบลงร่ำไห้...เวลานี้โชวได้ไกลห่างเธอไปทุกที

โชวไปเอาเรื่องภูผา อันดา และวายุ ตะคอกถามทุกคนว่าทำอะไรลงไป...วายุรู้สึกผิดและเป็นคนดีเกินกว่าจะปกปิดได้จึงยอมรับว่าตนผิดเอง

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้มีคนตาย”

“แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆนี่หว่า” ภูผาเถียง

“ยิงระยะเผาขนแบบนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยตรงไหนวะ” ทั้งสามเถียงไม่ออก โชวมองภูผาด้วยสายตารู้ทัน “แกคิดว่าฉันโง่...ฉันสั่งแล้วต้องทำ”

ภูผากำมือแน่นโกรธและไม่พอใจการอยู่ใต้อำนาจโชวเป็นที่สุด วายุออกตัวขอโทษแทนเพื่อนๆเพื่อให้เรื่องจบ

“พวกฉันขอโทษ ต่อไปจะระวังมากกว่านี้”

โชวใจเย็นลง ให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้พวกนั้นกลับมาเล่นงานเราได้ เราฆ่าคนของมันขนาดนั้นมันต้องแค้นแน่ แต่โชวยืนยันเขาก็ไม่ปล่อยให้ใครมาฆ่าเพื่อนของตนเหมือนกัน

วายุซึ้งใจเพื่อนเข้าไปจับมือโชวขอบใจ อันดาด้วยอีกคน ส่วนภูผาจำใจเดินไปจับตามคนอื่นพอเป็นพิธี

ครั้นกลับบ้านตัวเอง ภูผาระบายอารมณ์โกรธแค้นกดดันทำลายข้าวของแตกกระจายต่อหน้าลูกน้องคนสนิท ...เพราะโชวเปลี่ยนแผน ทุกอย่างที่เขาวางไว้เลยไม่สำเร็จ แถมโชวยังได้เป็นฮีโร่ในสายตาคนอื่นไปอีก

ภูผาหวังสูงอยากเป็นประมุขแทนโชว จึงคิดกำจัดเขาทุกทางถ้ามีโอกาส!

ooooooo

ที่งานศพนัท บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ดุจดาวทำใจไม่ได้ร่ำไห้ตลอดเวลา เธอคาดคั้นอนาวิลว่านัทตายเพราะอะไรแต่ไม่ได้คำตอบ

อนันต์เห็นด้วยที่อนาวิลเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ดุจดาวก็ยังร่ำร้องว่าเธอต้องรู้ให้ได้ว่าใครฆ่านัท อนาวิลเศร้าสะเทือนใจเดินหลบไปมุมหนึ่ง อนันต์ตามมาชื่นชมเขาว่าทำถูกแล้ว

“ยัยดาวไม่ควรรู้เรื่องนี้”

“ผมไม่อยากให้น้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกจตุรภาคี มันอันตรายเกินไปสำหรับยัยดาว”

“ขอบใจมากนะวินที่ปกป้องน้อง”

“เรื่องพี่นัท...คือผมที่ต้องรับผิดชอบครับพ่อ”

อนาวิลเอ่ยอย่างรู้สึกผิดจริงๆ

ริวกับชินปลอบใจอนาวิลไม่ให้คิดมาก แต่อนาวิลโทษตัวเองเปลี่ยนแผนนัทถึงต้องตาย ดุจดาวกับเม่ยเดินมาได้ยินเต็มสองหู

เสียงเอะอะโวยวายของดุจดาวดังลั่นงานจนผู้คนตกใจ ไม่เว้นแม้แต่อนันต์กับนวลจันทร์...

ดุจดาวยืนเผชิญหน้าอนาวิล แววตาเธอผิดหวัง ตะเบ็งเสียงถามพี่ชายว่า “เพราะแบบนี้ใช่ไหม เฮียถึงบอกฉันไม่ได้”

“ดาวฟังพี่ก่อน”

ดุจดาวไม่ฟัง พุ่งเข้าตบหน้าพี่ชายสุดแรงแล้วทุบตีซ้ำทั้งน้ำตานองหน้า ทั้งโกรธ เสียใจและเจ็บปวด

“ฉันนึกอยู่แล้วเชียว พี่นัทต้องตายเพราะเฮีย เพราะเฮียจริงๆ เฮียทำให้พี่นัทตาย”

“ดาวพอเถอะ” เม่ยเข้ามาห้าม

“ไม่!” ดุจดาวแผดเสียงแล้วทุบตีอนาวิลไม่ยั้ง “ฉันเกลียดเฮียๆๆ”

อนาวิลยืนนิ่งยอมให้น้องทุบ แต่ตัวเองก็เจ็บปวดเสียใจไม่แพ้กัน นวลจันทร์กับอนันต์เข้ามาเห็นตกใจ ทุกคนพยายามดึงแยกดุจดาวออกมา

“หยุดนะยัยดาว”

“ไม่! ดาวไม่หยุด เฮียฆ่าพี่นัท ฉันเกลียดเฮีย”

อนันต์โกรธจัดกระชากดุจดาวออกมาอย่างแรงจนล้มลงกับพื้น ดุจดาวน้ำตาไหลพรากมองพ่อด้วยความเสียใจ พ่อไม่เคยทำรุนแรง...เธอลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป อนันต์จะตามแต่รู้สึกเจ็บหน้าอกจนแทบยืนไม่อยู่ อนาวิลรีบประคอง แต่อนันต์ให้เขารีบตามดุจดาวไป

นวลจันทร์ประคองสามีพลางมองตามอนาวิลและคนอื่นที่วิ่งกรูไปด้วยความเป็นห่วงดุจดาว

อนาวิล เม่ย ริว ชิน จ่าเดช และเจ็ควิ่งตามกันไป ส่วนดุจดาวก็เร่งฝีเท้าหนีโดยเร็วท่ามกลางความมืด เม่ยเห็นท่าไม่ดีตามไปแบบนี้ไม่ทันแน่ จึงให้แยกย้ายกันดีกว่า

อนาวิลเห็นด้วย คนอื่นแยกกันไป เม่ยวิ่งไปทางหนึ่งซึ่งเป็นทางเดียวกับดุจดาว

ดุจดาววิ่งร้องไห้ไปจนถึงบนสะพานข้ามแม่น้ำกว้างใหญ่ เธอมองสายน้ำที่ไหลไปไม่มีวันหวนคืนเหมือนเรื่องราวของนัทที่จากไปไม่มีวันคืนกลับมาอีกแล้ว...

ดุจดาวน้ำตาไหลนองหน้า คิดถึงนัท...วันเวลาที่ผ่านมาเธอและเขามีความสุขมาก ไม่คิดว่านัทจะมาตายจากกะทันหันทั้งที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว

ภาพแห่งความสุขผุดพรายขึ้นหลายเหตุการณ์ ยิ่งคิดดุจดาวก็ยิ่งทำใจไม่ได้...เหมือนเป็นแรงผลักดันให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่

เธอตัดสินใจขึ้นไปยืนบนขอบสะพาน มองไปเบื้องล่างที่สายน้ำไหลเชี่ยว คร่ำครวญเคล้าเสียงสะอื้นอย่างใจสลาย

“ดาวจะไปหาพี่นัท...ดาวอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่นัท”

ooooooo




ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น