วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 1


ที่ร้านขายหนังสือในห้างสรรพสินค้า...

นครินทร์ ด็อกเตอร์หนุ่มหล่อเพิ่งกลับจากอังกฤษ แต่งตัวสบายๆ แต่สะอาดดูดี เดินคุยโทรศัพท์กับคุณโปรยผู้เป็นแม่อย่างอารมณ์ดี

“ผมถึงเมืองไทยแล้วนะครับแม่ แต่ห้ามถามเด็ดขาดว่าผมอยู่ไหน เพราะผมไม่อยากโกหก ผมขอเที่ยวพักผ่อนสักพักแล้วจะรีบกลับไปบ้านนะครับ” คุยเสร็จเขาเลี้ยวเข้าไปในร้านหนังสือโซนหนังสือต่างประเทศ

ที่ใกล้ๆนั้น เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเอื้อมหยิบหนังสืออยู่บนชั้นสูง ในมือเธอยังอุ้มหนังสือไว้หลายเล่ม นครินทร์จึงเข้าไปช่วยหยิบให้

เธอหันมารับหนังสือ เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยได้รูป ทั้งที่ไร้การตบแต่งใดๆ เธอใส่แว่นดำ ถักเปียสองข้าง ดูสบายๆ ที่แท้เธอคือ “พาไล” สาวสวย เปรี้ยว เฉี่ยว แซ่บเว่อร์ที่รู้จักกันดีในสังคมนั่นเอง!

นครินทร์ตะลึงในความสวยของพาไล ส่วนพาไลก็จำได้ว่าเขาคือ ด็อกเตอร์นครินทร์ เธอทักทายอย่างปลื้มในผลงานเขา “คุณ...ด็อกเตอร์นครินทร์! ฉันเคยอ่านหนังสือของคุณ แต่อ่านไม่จบหรอกนะคะ หลับซะก่อน ตัวหนังสือมันเยอะเกินแต่ฉันก็ชื่นชมความตั้งใจของคุณนะคะ ไม่เหมือนฉัน ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง”

มือถือเธอดังขึ้น เธอรับสายฟังแล้วตกใจ “เลื่อนเวลาเร็วขึ้น! โอเค จะรีบกลับไป...ขอตัวนะคะ” เธอเอ่ยกับนครินทร์เก็บมือถือแล้วจะวิ่งออกไป นึกขึ้นได้ว่ามีหนังสืออยู่ในมือ เลยหันกลับมา “ฝากเก็บนะคะ ขอบคุณค่ะ” วางหนังสือในมือชายหนุ่มแล้ววิ่งออกจากร้านไปทันที

นครินทร์ดูหนังสือในมือ “20 วิธีเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น” และ “อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง” เห็นหนังสือแล้ว นครินทร์นึกสงสัยว่า “ชีวิตแย่นักหรือไง ถึงต้องอยากเปลี่ยนแปลง”

ooooooo

ในห้างสรรพสินค้านั่นเอง บริเวณกลางห้างที่มีการจัดแสดงสินค้าอ่างอาบน้ำยี่ห้อ “White Romantic” พิธีกรกำลังทำหน้าที่เชิญชวนอยู่บนเวที

“ช่วงเวลาต่อจากนี้ ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติพบกับโชว์พิเศษจากเน็ตไอดอลที่ยอดที่สุดในตอนนี้...น้องพาไล!”

ท่ามกลางไฟกะพริบและเสียงดนตรีเร้าใจนั้น พาไล ในชุดคลุมอาบน้ำยืนหันหลังให้อยู่บนเวที พอเธอหันหน้ามา นครินทร์มองตะลึง เพราะเธอคือหญิงสาวที่ตนหยิบหนังสือให้เมื่อครู่นั่นเอง!

ขณะนครินทร์กำลังอึ้งๆอยู่นั่นเอง เพรียวเพื่อนสนิทที่เดินหานครินทร์อยู่ พอเจอก็เดินไปโอบคอ

“ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เพื่อนฉัน ตบะแตก”

“เพรียว นายว่าผู้หญิงคนนั้นมีความสุขไหม” เพรียวตอบทันทีว่ามีอยู่แล้ว “ถ้ามี...แล้วทำไมเธอถึงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง แกดูให้ดีๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรน่าสนใจกว่าที่แกเห็น” นครินทร์มองด้วยสายตาของนักจิตวิทยา

“โทษทีนะ พอดีฉันไม่ได้เรียนจบจิตวิทยา เป็นพวกชอบศึกษา ‘ข้างใน’ จิตใจผู้คนอย่างนาย ฉันก็เลยเห็นแต่ ‘ข้างนอก’ ที่มันขาวๆ อึ๋มๆ ไปเถอะ แม่ฉันทำกับข้าวเตรียมรับขวัญนายไว้เพียบ”

เพรียวลากนครินทร์ออกไป ชายหนุ่มยังหันมองพาไลบนเวทีจนลับตา

ooooooo

พาไลโชว์อาบน้ำให้บรรดาผู้ชายทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มถ่ายรูปกันอย่างเมามัน

ที่ข้างเวที มิ้มเพื่อนสนิทของพาไลยืนดูเพื่อนอยู่อย่างชื่นชม เจ้าของงานเอ่ยอย่างพอใจว่า “เพื่อนคุณน้องเลิศมากค่ะ”

“มิ้มบอกแล้วว่าพาไลแซ่บ นางเก๋ นางเลิศ นางทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นทำบุญ” พูดแล้วมิ้มแบมือ

“ขอค่าตัวของพาไลด้วยค่ะ”

เจ้าของงานเปิดกระเป๋าหยิบซองเงินให้มิ้มบ่นงึมงำ “เค็มเหมือนเดิมนะคะคุณน้อง”

ทันใดนั้น ฝนเพื่อนสนิทอีกคนของพาไลและมิ้ม วิ่งหน้าตื่นมาร้องบอกเสียงดังอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นว่า

“มิ้มๆ ผัวพาไลมา!”

เจ้าของงานได้ยิน กระชากซองเงินกลับไปทันที

“ผัวพาไล” ที่ฝนบอกคือ เนตร หนุ่มหล่อบาดใจสาวที่พาไลคิดจะสร้างครอบครัวด้วยนั่นเอง พอเนตรมาเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังใช้มือถือจ่อซูมข้าไปที่หน้าอกพาไลที่กำลังลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูซับน้ำตามตัวด้วยลีลาเซ็กซี่ เนตรตรงเข้าคว้ามือถือปาทิ้ง กระชากไหล่หันมาฟาดปากตะคอกถาม

“มึงกล้าถ่ายนมเมียกูเรอะ”

ชายคนนั้นถูกต่อยเต็มหน้าล้มไปกระแทกคนอื่นเลยล้มกันระเนระนาด เนตรยังเหวี่ยงชายคนนั้นขึ้นไปบนเวทีแล้วกระหน่ำหมัดใส่ไม่ยั้ง

พาไลไม่พอใจมาก เมื่อกลับถึงคอนโดเธอบอกว่าถ้าเขายังไม่หายบ้าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องบอกให้เขากลับไปก่อนแล้วกัน เนตรกระชากไหล่พาไลหันเผชิญหน้าตวาด

“คุณทำให้ผมอายเพื่อนแทบตาย คุณยังจะกล้าไล่ผมอีกเรอะ” พาไลสะบัดหลุด พุ่งไปเปิดตู้คว้าเสื้อผ้าของเนตรปาใส่เขา ไล่ให้ออกจากห้องตนไปเดี๋ยวนี้ “ไม่! ผมไม่ไปไหน ผมผิดด้วยเหรอที่ผมหวงคุณ ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองคุณ” พาไลตวาดคืนว่าไม่ต้องมาหวานใส่ตน ตนไม่ใช่ผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์ที่แพ้คำหวานชวนฝันของผู้ชาย “แล้วอะไรที่ทำให้คุณแพ้ผม”

พาไลแบมือขอค่าชดเชยที่ตนอดได้ค่าตัว เนตรล้วงกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตให้บอกไปรูดเอาเองแล้วกัน แต่ก่อนอื่นต้องให้ตนทำโทษก่อน พาไลโอบคอยั่วเขาอย่างเชิญชวน โดยไม่แคร์ว่าหน้าต่างห้องเปิดอยู่

ooooooo

ที่บ้านคุณโปรย คุณแม่ของนครินทร์และปิ่นปัก คุณโปรยมีสาวใช้ชื่อจุ้น จุ้นมองจากหน้าต่างบ้านคุณโปรยไปยังหน้าต่างห้องพาไล จ้องภาพพาไลกับเนตรเล่นบทรักกันทั้งสยองและสยิว

“จุ้น...ปิดผ้าม่านเดี๋ยวนี้ แกจะดูให้เป็นเสนียดลูกตาทำไม” เสียงคุณโปรยที่กำลังนั่งเช็ดเครื่องเพชรอยู่กับป้าแสงหัวหน้าแม่บ้านคฤหาสน์ของคุณโปรย จุ้นบอกว่าอยากดูหน้าผู้ชายคนใหม่ของพาไลเห็นแม่บ้านที่คอนโดบอกว่าหล่อระเบิด

“ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนผู้ชายอีกแล้วเหรอ” คุณโปรยถามอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติของพาไล

จุ้นสาระแนว่าพวกอีตัวก็แบบนี้แหละใช้ผู้ชายเปลือง ป้าแสงปรามว่าเขาไม่ได้ขายตัว ไปเรียกเขาอีตัวระวังบาปกรรมจะกินหัว

“ไม่ได้ขายตัวก็เหมือนขายตัวนั่นแหละป้าแสง คนเขารู้กันทั้งซอยว่าพาไลกับพวกเพื่อนๆ เป็นประเภทงานการไม่ทำ ดีแต่แต่งตัวสวย เกาะผู้ชายกินไปวันๆ”

คุณโปรยถอนใจยาว พูดเชิงอบรมว่า

“นี่แหละ เขาว่าผู้หญิงเราถ้าใช้ความสวยไม่เป็น ก็หลงผิดได้ง่ายนิดเดียว ยัยปิ่นถึงต้องเรียนเยอะๆ จะได้มีความรู้ไว้ป้องกันตัวเองไม่ให้ทำตัวเสื่อมทรามเหมือนผู้หญิงพวกนั้น”

“แต่เรื่องบางเรื่อง วิชาความรู้ก็คงช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นโบราณคงไม่มีสำนวนที่ว่า มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด” ป้าแสงติง แต่คุณโปรยก็แย้งว่า

“สำนวนนี้ใช้ไม่ได้กับลูกสาวของฉันแน่นอน ฉันมั่นใจ”

ooooooo

ด็อกเตอร์ปิ่นปักเดินทางกลับจากอังกฤษ เธอจบด้านสังคมวิทยาด้วยทุนรัฐบาล ศกชายหนุ่มไฮโซเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบผลสำเร็จที่เป็นคู่หมั้น เอาช่อดอกไม้ไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ศกมอบช่อดอกไม้แล้วโน้มหน้าจะหอมแก้ม ปิ่นปักเบี่ยงตัวหลบ

“อย่าค่ะศก ใครเห็นเข้าจะไม่ดี” ศกอ้างว่าใครๆ ก็รู้ว่าเราคบกัน ไม่มีใครถือสาหรอก “ใครไม่ถือ แต่ปิ่นถือ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ยังไม่มีนิตินัยใดๆร่วมกัน เราก็ไม่ควรมีพฤตินัยร่วมกันให้คนอื่นนินทาได้” ศกบ่นเซ็งๆ ว่าปิ่นคิดมากไม่เลิก “ปิ่นเป็นผู้หญิง คิดน้อยไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น คนที่เสียหายคือปิ่นไม่ใช่คุณ”

ปิ่นปักเห็นศกทำหน้าเซ็ง เธอจับมือเขาพูดด้วยท่าทีที่อ่อนลง “แต่ให้รู้ไว้เถอะค่ะ ว่าปิ่นคิดถึงคุณมากที่สุด” แล้วชวนกลับบ้านกันเพราะป่านนี้คุณพ่อคุณแม่คอยแย่แล้ว

“ไม่ได้มีแค่คุณน้าหรอกครับที่คอยเราอยู่ แต่มีคนอื่นด้วย”

“ใครคะ” ปิ่นปักมองหน้าศกอย่างสงสัย

ที่ห้องรับแขกบ้านคุณโปรยกับคุณยอด ทั้งสองกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวสองสามคน คุณโปรยพูดถึงปิ่นปักลูกสาวที่กำลังเดินทางกลับจากไปเรียนที่เมืองนอกอย่างภูมิใจว่า

ปิ่นปักสอบได้ที่หนึ่งของชั้นตลอดโดยที่คุณพ่อ คุณแม่ไม่ต้องเสียเงินให้สถาบันกวดวิชาเลย คุณยอดเสริมว่าเพราะช่วงนั้นธุรกิจของครอบครัวแย่ เราไม่มีเงินให้ลูกเรียน คุณโปรยติงทันทีว่า

“ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นเพราะน้องปิ่นเป็นเด็กมีความรับผิดชอบ รักดีใฝ่เรียนมาตั้งแต่เด็ก ที่จบปริญญาโทกับด็อกเตอร์มาจากอังกฤษก็ไม่ได้ใช้เงินส่วนตัว ปิ่นสอบชิงทุนของรัฐบาลได้” พูดแล้วคุณโปรยทำตาดุกระซิบคุณยอดว่า “พูดอะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยสิคะคุณ”

“ความจริงไม่สร้างสรรค์ตรงไหน” คุณยอดย้อนถามเบาๆ

“แล้วทำไมคุณโปรยถึงใจอ่อนยอมยกคุณปิ่นให้คุณศก” นักข่าวถาม จุ้นสาระแนสอดแทรกทันทีว่า “รวยค่ะ” พอถูกคุณโปรยมองปรามก็รีบเพิ่มเติมว่า “เอ่อ...รวยและแสนดี เพอร์เฟกต์เว่อร์ๆค่ะ”

“ใช่ค่ะ คุณศกเขาทำให้แม่เชื่อว่าเขารักปิ่น ดูแลปิ่นได้” คุณโปรยตอบยิ้มแย้ม

พลันทุกคนก็ชะงักเมื่อเสียงผู้หญิงตะโกนด่าที่หน้าบ้านลั่นเข้ามา

“อีพาไล! อีนังเดือนสิบสอง! แกเอาผัวฉันไปกกไว้ที่ไหน”

“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ เรามาคุยเรื่องน้องปิ่นกันต่อ” คุณโปรยเอ่ย แต่ทั้งนักข่าวและจุ้นไม่สนใจ เพราะเสียงข้างนอกแซ่บกว่า จึงพากันลุกไปดู

ooooooo

ที่หน้าบ้านคุณโปรย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคอนโดที่พาไลอยู่ ผู้หญิงร่างท้วมวัยกลางคนกำลังยืนด่าปาวๆ ว่าพาไลเป็นชู้กับสามีตน ขู่ถ้าไม่ออกมาพูดกันก็จะได้เห็นดีกัน

หญิงคนนั้นเอาปลาร้ามาถุงหนึ่ง เมื่อพาไลไม่ลงมาพูดด้วยก็เอาปลาร้าเทใส่หน้ารถของเธอ พาไลวิ่งลงมากับมิ้มและฝนพอดี ปราดเข้าทะเลาะกับหญิงคนนั้น บอกว่าตนเลิกกับเสี่ยสามีของเธอนานแล้ว

เสียงทะเลาะกันลั่นจนคุณโปรยทนไม่ได้ออกมาดู แต่ทนกลิ่นปลาร้าไม่ไหวทำท่าจะเป็นลม ป้าแสงกับจุ้นรีบรับไว้

ศกกับปิ่นปักนั่งรถหรูเข้ามาในซอยเห็นผู้คนมุงกันอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายปิ่นปักถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ทั้งสองลงจากรถได้กลิ่นปลาร้าก็ถึงกับผงะ ปิ่นปักถลาไปหาคุณโปรยถามว่าเกิดอะไรขึ้น นังจุ้นสาระแนตอบแทนว่า “เกิดศึกปลาร้าตามหาผัวค่ะ” ปิ่นปักงงๆ ศกชวนให้เข้าบ้านดีกว่าอย่าไปยุ่งเลย

ฝนที่ลงมาช่วยพาไลทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นเห็นศกก็ตกใจบอกพาไลว่าเจ้านายตน แล้วทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้น

ปิ่นปักเข้าไปหากลุ่มที่กำลังตบตีและทะเลาะกันลั่น บอกว่าถ้าจะทะเลาะกันเชิญที่อื่นไม่อย่างนั้นจะเรียกตำรวจ หญิงคนนั้นยุให้เรียกตำรวจเลยจะได้มาจับผู้หญิงพวกนี้ให้หมด ฟ้องว่าตั้งแต่สามีตนมาคบกับพาไลก็ไม่กลับบ้านกลับช่อง ลูกถามหาพ่อตนจะบอกว่าพ่อไปติดผู้หญิงก็ไม่ได้กลัวลูกจะเกลียดพ่อ พูดแล้วร้องไห้โฮๆอย่างคับแค้นใจ

“คุณป้าต้องเข้มแข็งนะคะ คุณป้าคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับลูกๆ” หญิงคนนั้นถามอย่างเจ็บปวดว่าทำไมตนต้องรักเขาด้วย “ก่อนจะรักคนอื่น คุณป้าต้องรักตัวเองก่อนนะคะ ถ้าสามีคุณป้าอยากได้ก้อนกรวดมากกว่าเพชร ก็ปล่อยเขาไป อย่าให้ผู้หญิงพรรค์นั้นมาทำลายคุณค่าของตัวเรา”

“ผู้หญิงพรรค์นั้นแปลว่ายังไงมิทราบ” มิ้มสะอึกออกมาถาม

“แปลว่าผู้หญิงที่ไม่เคยเชื่อเรื่องบาปกรรมถึงได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ทำตัวเป็นต้นเหตุของปัญหาสังคม”

มิ้มทำท่าจะเข้าไปตบ ฝนรีบห้าม กระซิบบอกว่า “ฉันยังไม่อยากตกงาน” มิ้มจำต้องหยุด ปิ่นปักยังคงพูดต่อไปว่า

“ใช้ชีวิตหัดมองไปถึงวันข้างหน้าบ้าง วันนี้พวกเธอยังใช้ความสาวความสวยเรียกร้องความต้องการจากผู้ชายได้ แต่ในวันข้างหน้าที่สังขารโรยรา ความสาวความสวยหมดไป พวกเธอจะใช้ชีวิตอยู่กันยังไง ในเมื่อตัวเธอไม่เหลือคุณค่าอะไรไว้เรียกร้องความเห็นใจจากใครเลย”

แม้ปิ่นปักจะพูดลอยๆ แต่พาไลที่ฟังอยู่มองปิ่นปักอย่างรู้สึกผิด

เมื่อพาไลกับมิ้มและฝนกลับขึ้นห้อง พาไลก็ยังคิดถึงคำพูดของปิ่นปัก มิ้มกลับบอกว่าจะคิดทำไม เรา อยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องแคร์ใคร ใช้ชีวิตให้สมกับที่เกิดมาชาติหนึ่ง มีความสุขจะตาย

“ความสุข...ความสุขจอมปลอมน่ะสิ แกคิดว่าเราจะกิน เที่ยว เปลี่ยนผู้ชายแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน” พาไลถาม

“จนตายนั่นแหละ” มิ้มสวนทันควัน “แกเชื่อฉันเถอะไล ชีวิตที่เราเป็นอยู่มันดีที่สุดสำหรับคนอย่างเราแล้วไม่อย่างนั้นแกคงจะไม่หนีออกจากคฤหาสน์ไฮโซมาใช้ชีวิตเน่าๆแบบนี้อยู่นานหลายปีหรอก จริงไหมล่ะ”

มิ้มพูดความจริงจนพาไลเถียงไม่ออก

พาไลเดินมาที่ระเบียง มองไปที่สนามบ้านคุณโปรย เห็นปิ่นปักกับศกกำลังให้นักข่าวและช่างภาพถ่ายรูป ปิ่นปักดูสวยสง่า ทุกคนยิ้มแย้มหัวเราะกันอย่างมีความสุข

พาไลยืนมองภาพเหล่านั้นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นึกถึงอดีตของตัวเอง...

เวลานั้น พาไลในวัย 17 ปี อยู่บ้านคุณเชื่อมอดีตนายธนาคารที่รับพาไลมาเลี้ยง คุณเชื่อมกับพิสมัยภรรยา รักพาไลมากรักเหมือนลูกแท้ๆของตน คุณเชื่อม ให้รถเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 17 ปีของพาไล พูดอย่างภูมิใจว่า

“พ่อให้เป็นรางวัลตอบแทนที่ลูกเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน สอบได้ที่หนึ่งมาตลอด” คุณพิสมัยจับแก้มพาไลพูดอย่างเอ็นดู “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะพาไล”

“ไลรักคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ไลจะไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ผิดหวังเลยค่ะ” พาไลโผกอดพ่อกับแม่ ญาติๆ ต่างพากันปลื้ม

วันนี้พาไลเห็นบรรยากาศมีความสุขของบ้านคุณโปรย นึกถึงความสุขในอดีตของตนที่อยู่กับคุณเชื่อมและพิสมัยแล้ว พาไลรำพึงอย่างรู้สึกผิดว่า

“คุณพ่อคุณแม่ขา...ไลขอโทษ...”

ooooooo

นครินทร์นั่งดูคลิป โดยเฉพาะคลิปที่มีพาไลอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเพรียวมาตามไปกินข้าว ถามอย่างทึ่งว่า

“เฮ้ย...ไอ้รินทร์ ยังไม่เลิกดูพาไลอีก”

“ฉันยิ่งดู ฉันยิ่งอยากรู้จักพาไล พาไลดูเหมือนจะเป็นคนรักสนุกไปวันๆ ชีวิตมีแต่ดื่ม เที่ยว ปาร์ตี้ แฟน แต่ฉันเห็นพาไลชอบอ่านหนังสือฮาวทูประเภทเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉันมั่นใจว่า พาไลไม่ได้พอใจชีวิตที่เป็นอยู่”

“นายก็เลยจะช่วยเขาเปลี่ยนว่างั้น?”

“เปล่า แต่ฉันจะเอาชีวิตพาไลมาเป็นกรณีศึกษาทำวิจัย เรื่องสิ่งแวดล้อมกับพฤติกรรมของคน”

“ถ้าอยากรู้จักนัก ก็ไปผับหน้าปากซอยบ้านฉัน แก๊งนี้มาเที่ยวกันประจำ” เพรียวยุ นครินทร์พยักหน้าอย่างสนใจ

แล้วคืนนี้นครินทร์ก็ไปจริงๆ ไปเจอพาไลถูกคนร้ายกระชากระเป๋าที่หน้าผับพอดี นครินทร์วิ่งไล่ตามไปกระชากกระเป๋าคืนมาได้ พอเอามาคืนจึงรู้ว่าเป็นพาไล ต่างมองกันอย่างคาดไม่ถึงว่าจะเจอกันอีก

“โลกกลมดีจังเลยนะคะ คุณมาเที่ยวร้านไหนคะ”

“ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมมาหาคุณ”

“มาหาฉัน?! มาหาทำไมคะ จะจีบฉันเรอะ เสียใจด้วยนะคะฉันมีแฟนแล้ว”

“คุณกำลังตามหาคำตอบอยู่ใช่ไหม ว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร ผมกำลังทำงานวิจัยพฤติกรรมกับสิ่งแวดล้อม ผมอยากให้คุณเป็นกรณีศึกษา” พาไลยังปักใจเชื่อว่าเขามาตามจีบตน นครินทร์บอกและถามซ้ำว่า “เชื่อผมเถอะ ผมไม่จีบคุณหรอก คุณกำลังตามหาคำตอบอยู่ใช่ไหมว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร”

พาไลถามว่าเขารู้ได้อย่างไร นครินทร์ไม่ตอบแต่เอานามบัตรให้บอกว่าถ้าเธอเปลี่ยนใจอยากจะช่วยเหลือผู้ชายอย่างตนกรุณาโทร.หาตน หรือจะให้แฟนของเธอโทร.มาเคลียร์กับตนก่อนก็ได้ ตนไม่ขัดข้อง แล้วนครินทร์ก็เดินจากไป พาไลมองตามอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาต้องการอะไรกันแน่

เนตรที่แยกไปคุยโทรศัพท์ตอนมาถึงหน้าผับเดินกลับมาถามพาไลว่าเธอคุยกับใคร พาไลบอกว่าเปล่าแล้วชวนเข้าข้างในกัน เพื่อนๆรออยู่
ooooooo

ปิ่นปักกลับมาไม่นานก็ได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่ที่เคารพให้มารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการบริษัท

ที่นี่เธอได้พบกับเพรียวรุ่นพี่ที่สนิทสนมและเขาแอบชอบตน พอรู้ว่าเพรียวยังทำงานเป็นพนักงานอยู่ในตำแหน่งเดิม เธอไม่อยากเชื่อถามว่าล้อเล่นหรือเปล่า

“ทำไมต้องล้อเล่นล่ะครับ พี่มันเป็นพวกอยู่แบบพอเพียงและเพียงพอ พี่ขี้เกียจไปสอบแข่งเลื่อนตำแหน่งอะไรกับคนอื่น เอาเวลาไปหาประสบการณ์ชีวิตข้างนอกดีกว่า”

ปิ่นปักมองหน้าเพรียวอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย

การมาเป็นรองผู้อำนวยการคนใหม่ที่ยังสาวจนดูเด็กอยู่ของปิ่น ทำให้พวกพนักงานมองกันว่าเธอใช้เส้น บางคนก็บอกว่าสงสัยใช้เต้าไต่ เพรียวได้ยิน เขาถอยไปตั้งหลักครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้น พูดกับพวกเธอเหล่านั้นว่า

“ผมรู้ว่าคุณปิ่นใช้อะไรไต่” คนหนึ่งถามอย่างตื่นเต้นว่าอะไรคะ “ความขยันครับ ปิ่นพัฒนาความรู้

ตัวเองอยู่เสมอ ถึงจบด็อกเตอร์ตั้งแต่ยังเด็ก และที่สำคัญ ปิ่นไม่เคยเอาเวลาทำงานไปนินทาคนอื่น เพราะว่ามันเสียเวลาและบาปหนาด้วย”

พนักงานหญิงพวกนั้นพากันหน้าเสีย แล้วแยกย้ายกันกลับไปที่โต๊ะใครโต๊ะมัน

เพรียวกลับไปที่โต๊ะตัวเอง เขากดเปิดไฟล์รูปบนคอมพิวเตอร์ดู เป็นรูปปิ่นปักในชุดนักศึกษาบ้าง ชุดไพรเวทบ้าง เธอกำลังหัวเราะร่าเริงแจ่มใสบ้าง ผ่านไปหลายปี เธอก็ยังน่ารักเหมือนเดิม

ooooooo

ที่บริษัทของศก ผลประกอบการโครงการหมู่บ้าน จัดสรรของเขาประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม จนเศียรผู้เป็นพ่อชมว่าเก่งมากแต่เมื่อลักกี้อินเกมแล้วก็ขอให้ลักกี้อินเลิฟด้วย บอกให้แต่งงานกับปิ่นปักเสียตนอยากอุ้มหลานแล้ว

“ไม่ใช่แต่พ่อ ผมเองก็อยากแต่งงานกับปิ่นใจจะขาดอยู่แล้วครับ”

“งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะลูก ขอหนูปิ่นเลยดีไหม”

ศกพยักหน้าเห็นด้วย ไวเท่าความคิด ศกประคองช่อดอกไม้ไปบริษัทที่ปิ่นปักทำงานทันที

เพรียวที่สนิทสนมกับปิ่นปักมาแต่เด็ก เขาก็ยังปฏิบัติต่อเธอเหมือนเดิมเหมือนน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่ง เมื่อคุยกันถูกใจก็เอามือขยี้หัว แต่ศกมาเห็นพอดีเลยเป็นเรื่อง

เมื่อปิ่นปักเดินออกมาหาศกที่รออยู่หน้าตึก เธอถามว่ารอนานไหม เขาส่ายหน้าด้วยสีหน้าตึงๆ ปิ่นปักถามว่า

“ไหนล่ะคะ ช่อดอกไม้ที่คุณอวดไว้กับปิ่นว่าสั่งมาจากเมืองนอกเพื่อยินดีกับการทำงานวันแรกของปิ่น”

“อยู่โน่น” ศกมองไปอีกทาง ปิ่นปักมองตามจึงเห็นว่าช่อดอกไม้ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ เธอมองอึ้งถามว่าคุณทำอะไร

“ผมไม่อยากให้คุณแล้ว ผมก็จะไม่ให้” ปิ่นปักถามว่าตนทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือ “คุณถามแบบนี้ แสดงว่าที่คุณไปหยอกล้อเล่นกับผู้ชายอื่น ต่อมกระดากอายของคุณมันไม่ทำงานเลยใช่ไหม”

“คุณกำลังเข้าใจผิด พี่เพรียวเป็นเพื่อนของพี่รินทร์ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก”

“จะรู้จักกันตั้งแต่ชาติก่อน คุณก็ไม่มีสิทธิ์ให้ใครมาแตะต้องตัวคุณ ใครๆก็รู้ว่าคุณเป็นคู่หมั้นผม ถ้าเขาเห็นคุณกับไอ้คนนั้นหยอกล้อเล่นกัน เขาจะคิดว่าผมโดนคุณกับมันสวมเขา รักษาหน้ากันบ้างสิปิ่น”

“ถ้าคุณไม่มีเหตุผลแบบนี้ เราก็อย่าเพิ่งคุยกันเลยค่ะ” ปิ่นปักจะเดินไป ศกถามเสียงกระด้างว่าจะไปไหน ปิ่นปักหันตอบด้วยอารมณ์เดียวกันว่า “คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินปิ่นเหมือนกัน!”

ปิ่นปักสะบัดตัวผละไป ศกมองตามอย่างหงุดหงิด คืนนี้เขาเพียรโทร.หาปิ่นปักแต่โทร.ไม่ติด เขาจึงโทร.เข้าบ้าน คุณโปรยจึงรู้เรื่อง ถามปิ่นปักว่าทะเลาะกับศกหรือ ปิ่นปักบอกว่าเขาชอบทำตัวไม่มีเหตุผล

“ก็เพราะว่าเขารักปิ่นมากน่ะสิลูก ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบให้คนรักตัวเองไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นหรอกนะ” ปิ่นปักบอกว่าตนไม่ได้ยุ่งกับใคร “จ้ะ แม่เชื่อใจปิ่น แม่ก็เชื่อว่าจริงๆแล้ว คุณศกเขาก็เชื่อใจปิ่น แต่เขากำลังโมโหทำให้เขาขาดสติไปชั่วครู่ชั่วคราว แต่เห็นไหม พอเขาใจเย็นลงเขาก็โทร.มาง้อปิ่นเลย”

ปิ่นปักฟังคุณโปรยแล้วท่าทีอ่อนลง คุณโปรยหว่านล้อมว่า

“มีเรื่องอะไรก็ปรับความเข้าใจกัน ยกโทษให้เขา ผู้ชายดีๆอย่างคุณศกหาไม่ได้อีกแล้ว ถ้าปิ่นได้เขามาเป็นคู่ชีวิต ปิ่นจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด เชื่อแม่นะลูก”

“ค่ะ...ปิ่นเชื่อคุณแม่”

คุณโปรยยิ้มอย่างมีความสุขที่ปิ่นปักเชื่อฟัง

ooooooo

พาไลยังคิดเรื่องราวที่ปิ่นปักพูด คืนนี้เธอไปสถานบันเทิงกับเนตร เธอนั่งซึมอย่างไร้ชีวิตจิตใจ เนตรบอกว่าเพื่อนชวนไปต่ออีกร้านหนึ่งไปด้วยกันไหม

“ไม่ค่ะ ฉันอยากกลับห้อง” พาไลตอบเนือยๆ เนตรถามว่าเป็นอะไรทำไมดูเธอไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนเลย “ฉันเคยสนุกมาจนชินแล้วมังคะ ตอนนี้ฉันถึงไม่รู้ว่าที่นี่เคยทำให้ฉันสนุกได้ยังไง”

“ถ้าไลเบื่อ ผมมีตัวช่วยทำให้ไลสนุกได้ อยากลองไหม” เนตรชวน พาไลตกใจถามว่าเล่นยาหรือ! เนตรบอกว่าตนไม่ได้เล่นบ่อย วันไหนนึกสนุกก็เอามาใช้บ้าง ชวนลองดูไหม

“ไม่ค่ะ ชีวิตของฉันต่ำทรามมามากพอแล้ว ฉันยื่นคำขาดนะคะเนตร เลิกยุ่งกับมันซะ ไม่อย่างนั้น เราจบกัน”

เมื่อพาไลยื่นคำขาดเช่นนี้ เนตรประชดว่าอย่าทำเป็นโลกสวยไปหน่อยเลย พอดีเพื่อนโทร.มา เนตรบอกเพื่อนว่าจะไปเดี๋ยวนี้แต่พอฟังปลายสายต่อก็ตกใจ “แถวนั้นตำรวจชุม! แย่แล้ว...เสียดาย ไม่อยากทิ้ง

เลยว่ะ ของยิ่งหายากๆอยู่” เนตรชำเลืองมองพาไล แล้วบอกปลายสายทันที “ฉันรู้แล้วว่าจะฝากไว้ที่ใคร”

เนตรทำเป็นขอโทษพาไล อ้อนอย่าโกรธตนเลย สัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่ยุ่งกับมันอีก พาไลถามว่าจะทำได้หรือ

“เพื่อคุณ ผมทำได้อยู่แล้ว ให้โอกาสผมนะที่รัก” เนตรกอดพาไลนัวเนียอ้อนเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วแอบหย่อนยาใส่กระเป๋าถือเธอ พาไลไม่รู้ตัวมัวเพลินกับการออดอ้อนของเนตรอย่างมีความสุข

เอายาใส่กระเป๋าพาไลแล้วเนตรแยกไป พอดีฝนกับมิ้มเข้ามา พาไลถามว่าทำไมกลับมาช้ากันจัง

มิ้มบอกว่าฝนไปสอยผู้ชายมาได้คนหนึ่ง ถามพาไลว่าแล้วเนตรล่ะ พาไลตอบเศร้าๆว่าไปต่อแล้ว มิ้มถามว่าทำไมทำหน้าแบบนั้น มีปัญหาอะไรกับเนตรหรือ

“เอาไว้ฉันเล่าให้ฟังที่ห้อง เรากลับกันเถอะ” พาไลหยิบกระเป๋าเดินนำฝนกับมิ้มจะออกไป แต่ต้องชะงักเมื่อตำรวจกรูเข้ามาประกาศขึงขัง

“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และขอความร่วมมือทุกคนให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นด้วย”

เนตรออกไปกำลังจะล้วงเอากุญแจรถ เห็นการเคลื่อนไหวที่หน้าผับ เขาอึ้งตะลึงงันครางออกมา...

“ตำรวจ!!”

ขณะที่พวกพาไลยืนรอตำรวจตรวจค้นอยู่นั้น เนตรโทร.หาพาไลบอกเธอให้รีบออกจากผับโดยเร็วที่สุด แต่เพราะเสียงอึกทึกทำให้พาไลฟังไม่ถนัด พอฟังได้ความพาไลบอกว่าตนออกไปไม่ได้เพราะตำรวจมาตรวจ ถามว่าเขามีอะไรด่วนหรือเปล่า

“คุณต้องหาทางออกมาให้ได้ หรือไม่ก็โยนทิ้งพื้น มันอยู่ในกระเป๋าคุณ”

พาไลฟังไม่รู้เรื่อง ก็พอดีตำรวจตรวจค้นกระเป๋าพาไลเจอยาในกระเป๋า เท่านั้นเองบรรดานักข่าวก็กรูกันมาถ่ายรูป พาไลปฏิเสธอย่างตระหนกว่ามันไม่ใช่ของตน แต่เธอก็ถูกนำตัวไปโรงพัก ถูกตำรวจตรวจสอบอีกครั้ง แม้เธอจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตน ท้าตำรวจว่านำตนไปตรวจฉี่ได้เลย

“ถึงปัสสาวะคุณจะสะอาด แต่คุณก็ยังโดนข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง มันอยู่ในกระเป๋าสะพายของคุณ ถ้าไม่ใช่ของคุณแล้วของใคร”

พาไลนิ่งอึ้ง นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เนตรพยายามโทร.บอกให้เธอออกไปให้ได้ พอเดาเรื่องออก พาไลคำราม

“เนตร!”

แต่เมื่อตำรวจถามเธอกลับบอกว่าไม่มีอะไร ถามตำรวจว่า “แต่ฉันไม่อยากนอนในคุก ฉันต้องทำยังไงคะ”

พาไลเอานามบัตรของนครินทร์ให้มิ้ม บอกให้โทร.หาเขา ปรากฏว่าเขาอยู่แถวนั้นพอดี มิ้มเร่งให้รีบมาที่โรงพักเลย

ฝนเองก็โทร.บอกคุณเชื่อมกับพิสมัยให้รีบมาที่โรงพัก เชื่อว่าฐานะและชาติตระกูลของเขาจะทำให้ตำรวจยอมให้ประกันพาไลออกไป มิ้มบอกว่าจะพากันซวยมากกว่า

คุณเชื่อมกับพิสมัยมาถึงพอดี คุณเชื่อมใบหน้าบึ้งตึงไม่มองมิ้มกับฝนเลย พิสมัยถามว่าพาไลอยู่ไหน ฝนบอกว่าอยู่ในห้องพลางชี้ไป คุณเชื่อมกับพิสมัยบ่ายหน้าไปทางนั้นทันที

ooooooo

ระหว่างทาง นักข่าวที่ตามคุณเชื่อมกับพิสมัยไปพูดขึ้นว่า

“ไม่น่าเชื่อว่าอย่างคุณเชื่อมกับคุณพิสมัย

วิบุลยา จะมีลูกทำตัวแบบนี้”

“ทำตัวแบบนี้ ทำตัวแบบไหนมิทราบคะ” มิ้มแว้ดใส่ทันที ฝนรีบเอาตัวไปขวางไม่อยากให้เพื่อนมีเรื่อง ขอให้มิ้มใจเย็นๆ แต่นักข่าวก็ยังไม่หยุดบอกมิ้มว่า

“พี่แค่แปลกใจว่า ทำไมคุณเชื่อมถึงยอมปล่อยให้ลูกสาวมาโชว์เนื้อหนังมังสาเร่ขายหอยขายปู”

มิ้มนิ่งไปแต่ฝนกลับทนไม่ได้พุ่งเข้าตบนักข่าวคนนั้น จนมิ้มต้องเป็นฝ่ายห้ามอุตลุดคุณเชื่อมกับพิสมัยไปเจอพาไลนั่งซึมอยู่ เธอมองอุทานอึ้ง

“คุณพ่อ! คุณแม่! มาได้ยังไงคะ” พิสมัยบอกว่าเพื่อนเธอโทร.ไปบอก ถามอย่างเป็นห่วงว่า

“ไล...ไลเป็นยังไงบ้างลูก” พลางจะโผเข้าหา ถูกคุณเชื่อมรั้งไว้พูดเสียงเฉียบขาด

“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกเรา!”

“พ่อคะ...พ่อต้องฟังไลนะคะ ถึงไลจะเลวยังไง แต่ไลไม่เคยใช้ยา ไลสาบานได้นะคะพ่อ”

คุณเชื่อมตบหน้าพาไลเต็มแรง จนพาไลหน้าหัน พิสมัยตกใจ สะบัดมือจากคุณเชื่อมเข้าไปหาพาไล

พาไลกับคุณเชื่อมมองตากัน ทิฐิและความดื้อรั้นที่ต่างมี แฝงอยู่ในแววตาทั้งคู่ คุณเชื่อมพูดอย่างเจ็บปวดว่า

“ถ้าแกทำผิดแล้วรู้จักขอโทษ ฉันจะเสียใจน้อยกว่านี้” พาไลตัดพ้อว่าคุณพ่อไม่เคยเชื่อตน คุณเชื่อมโกรธมากคว้าไหล่พาไลไปเขย่าอย่างแรง “ดูแกทำตัวสิพาไล! แล้วแกจะให้ฉันเชื่ออะไรคนอย่างแกฮะ พาไล!!”

“คุณคะ...ฉันขอเถอะค่ะ” พิสมัยร้องไห้ขอร้องสามี

“ไลเชื่อว่าสิ่งดีๆที่คุณพ่อคุณแม่พร่ำสอนไลมาตั้งแต่เด็กจะอยู่ในใจของไล เชื่อว่าไลยังมีจิตสำนึกของความเป็นคน เชื่อว่าไลรู้สึกผิดต่อคุณพ่อคุณแม่เสมอ และเชื่อ...เชื่อ...” พาไลร้องไห้น้ำตาอาบหน้าจนพูดไม่ออก เธอกลั้นสะอื้นพูดต่อด้วยเสียงสะท้าน “เชื่อว่าไลรักคุณพ่อคุณแม่”

“แกไม่ต้องรักฉันหรอก หัดรู้จักรักตัวเองให้เป็นก่อนเถอะ” แม้คุณเชื่อมจะรู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังทิฐิผลักพาไลล้มลงบนเก้าอี้ พิสมัยถลาเข้าไปประคองถามว่าเจ็บมากไหมลูก พาไลส่ายหน้าน้ำตายังไหลพราก คุณเชื่อมพูดต่ออย่างมีอารมณ์ว่า

“ที่ฉันยอมบากหน้ามาประกันตัวแก เพราะว่าฉันต้องการให้เรื่องที่แกก่อไว้จบให้เร็วที่สุด วิบุลยา เสื่อมเสียเพราะแกมามากพอแล้ว”

“คุณพ่อไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ไลจะรีบไปเปลี่ยนนามสกุลใหม่ทันที” พาไลผลักประตูออกไปคุณเชื่อมมองตามอย่างไม่หายโกรธ แล้วเดินตามออกไป

ooooooo

ฝนกับมิ้มที่มีเรื่องถึงตบตีกับนักข่าว ต่างไม่ยอมให้กัน เป็นจังหวะที่นครินทร์เข้ามา เขามองการโต้เถียงกันงงๆ จังหวะนั้นเอง พาไลเดินน้ำตาอาบหน้าออกมา นครินทร์ดีใจมากจะเข้าไปหาพาไล ก็พอดีคุณเชื่อมตามมาสั่ง

“พาไล! หยุดเดี๋ยวนี้!” แต่พาไลไม่หยุด คุณเชื่อมจึงเดินมาดักหน้า “ขอให้แกทำอย่างที่พูด ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดว่าเป็นคนพาก้อนเลือดชั่วๆเข้ามาอยู่ในครอบครัวของฉัน”

“คุณพ่อคะ ไลจะทำอย่างที่คุณพ่อต้องการ” พาไลปาดน้ำตา เชิดหน้าคอแข็งอย่างไม่ยี่หระทั้งที่เจ็บปวดสาหัส

เมื่อนครินทร์ตามไปคุยกับพาไลที่สวนริมแม่น้ำเจ้าพระยา เธอขอโทษที่ต้องโทร.ตามเขามาให้เสียเวลาเปล่าๆ

“ใครว่าผมเสียเวลาเปล่าๆ แล้วตกลงว่ายาเข้ามาอยู่ในกระเป๋าของคุณได้ยังไง เพราะถ้าเป็นยาของคุณ มันก็มีเวลามากพอที่คุณจะทิ้งก่อนที่ตำรวจจะค้นเจอ”

“ยาเม็ดนั้นเป็นของแฟนฉัน ไม่รู้เอามาใส่กระเป๋าของฉันตั้งแต่ตอนไหน มันน่าให้ตำรวจลากคอไปเข้าคุก” นครินทร์พูดแทรกทันทีว่าแต่เธอก็ไม่ทำ “ถ้าฉันพูดความจริง ใครจะเชื่อฉัน ขนาดคนที่เลี้ยงฉันมา เขายังไม่เคยเชื่อฉันเลย”

นครินทร์บอกว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง พาไลแย้งว่าแต่เขาก็ไม่เคยฟังเหตุผลของตน

เหตุการณ์นี้ทำให้พาไลอดคิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้...

เวลานั้น พาไลยังอยู่กับคุณเชื่อมและพิสมัย มีบัวทองญาติสาวตัวแสบอยู่ด้วย ทั้งคู่เรียนหนังสือด้วยกัน พาไลอ่านหนังสือเตรียมสอบ จิ้มลงที่หนังสือบอกมิ้มกับเพื่อนๆว่า “ข้อสอบออกตรงนี้แน่ คอนเฟิร์ม”

พวกมิ้มที่ทำท่าเหมือนตั้งใจดูหนังสือแต่ที่แท้เขียนข้อความลงบนมือบ้าง แขนบ้าง บนขาอ่อนบ้าง แต่พาไลก็ยังมีสมาธิในการดูหนังสือ จู่ๆก็ถูกบัวทองมากระชากหนังสือจากมือ พูดใส่หน้าว่า

“ฉันจะฟ้องคุณลุงคุณป้าว่าเธอขี้โกงข้อสอบ”

พาไลโต้ว่าอย่ามากล่าวหากัน บัวทองมองไปที่มือ แขน ของพวกมิ้ม หาว่าพาไลก็ต้องทำแบบนั้น แต่พอถลกแขนเสื้อพาไลดูก็ไม่มีอะไร บัวทองไม่ยอมแพ้ ถลกกระโปรงพาไลดูก็ไม่พบอะไร กระนั้นก็ยังพูดอย่างเกเรว่า

“มันต้องมีสิ”

พาไลบอกบัวทองให้หยุดได้แล้วอย่าหาเรื่องกันหน่อยเลย มิ้มพูดเหมือนแช่งว่าระวังหาเรื่องคนอื่นเรื่องจะเข้าตัว บัวทองมองพวกพาไลอย่างเจ็บใจ พูดอย่างไว้เชิงก่อนผละไปว่า

“ฝากไว้ก่อนเถอะ”

พอบัวทองเดินออกไป พาไลก็ดึงกระดาษที่พับจนเหลือเล็กนิดเดียวที่เสียบอยู่ใต้นาฬิกาออกมาให้เพื่อนๆดู แล้วพากันหัวเราะ

“นังบัวนี่น่าสงสารนะ ไม่สวยแล้วยังโง่อีก สู้แกไม่ได้สักอย่าง” มิ้มเยาะเย้ย เพื่อนอีกคนถามว่าพาไลกับบัวทองเป็นญาติกันทำไมถึงได้ชอบหาเรื่องกันจัง มิ้มโพล่งขึ้นว่า “ฉันรู้เหตุผล มาโน่นแล้วไง ตัวต้นเหตุ”

ทุกคนมองตาม เห็นโอฬารรุ่นพี่ ม.6 หน้าตาหล่อเท่ เดินมาแล้วยื่นตุ๊กตาตัวเล็กๆน่ารักให้พาไล

“พี่มาส่งกำลังใจให้น้องไลทำข้อสอบครับ”

พาไลยิ้มอึดอัด มองไปทางที่บัวทองเดินไป เห็นบัวทองไปยืนจ้องจิกมาที่ตนกับโอฬารอย่างเกลียดชัง

พอกลับบ้าน บัวทองก็หาเรื่องพาไล กระแนะกระแหน ว่าปากบอกว่าไม่ชอบแต่ก็ยังรับของจากเขา ทุเรศ! พาไลย้อนเอาว่า ใครกันแน่ที่ทุเรศ เขาไม่สนใจแล้วยังวิ่งตามตื๊อเขาอยู่ได้ บัวทองผลักพาไลตะโกนว่าตนไม่เคยตื๊อโอฬาร พาไลผลักอกบัวทอง พูดใส่หน้าบ้างว่า

“เหรอ...แต่ทำไมคนทั้งโรงเรียนถึงเม้าท์ว่าเธอทำตัว ‘ทอง’ สมชื่อ”

“มันจะมากไปแล้วนะ”

“ถ้าแค่นี้มาก แล้วที่เธอคอยหาเรื่องฉันล่ะ มันไม่มากกว่าหรือไง ช่วยปรับปรุงตัวให้ดีหน่อยนะบัวทอง ถึงเราจะใช้คนละนามสกุล แต่ใครๆก็รู้ว่าเธอเป็นญาติฉัน ฉันจะถูกเหมารวมไปด้วยว่าชอบทำตัว ‘ทอง’ เหมือนเธอ ฉันอาย!”

พูดแล้วพาไลผละไปบัวทองจิกตามองตาม พูดอย่างอาฆาตตามหลัง...

“ถ้าอายนักก็รู้ไปเลยแล้วกันว่าเธอไม่ใช่ญาติของฉัน!” พาไลหันขวับถามว่าพูดอะไร “เธอไม่ใช่ลูกของคุณลุงคุณป้า เธอไม่ได้มีเชื้อสายของวิบุลยาเลยแม้แต่นิดเดียว!”

พาไลถามกวนๆว่า เหรอ??? บัวทองพูดต่ออย่างได้ใจว่า

“ฉันพูดเรื่องจริง คุณแม่บอกฉัน คุณแม่บอกด้วยว่าห้ามพูดเรื่องนี้กับเธอ เพราะไม่อย่างนั้นคุณลุงคุณป้าจะโกรธเอาได้ แต่ฉันสงสารเธอ ไม่อยากให้เธอเข้าใจอะไรผิดๆ รู้ไว้ซะเลยนะ ว่าคุณลุงเป็นหมัน!”

“ไม่ต้องมาปั้นเรื่องโกหกฉัน ฉันไม่เชื่อ” พาไลเสียงแข็งทั้งที่เริ่มใจไม่ดี

“เธอไม่สงสัยบ้างเลยเหรอว่าทำไมหน้าตาของเธอถึงไม่เหมือนคุณลุงคุณป้าเลยแม้แต่นิดเดียว” พาไลตะโกนว่าไม่เชื่อ “เธอเป็นแค่ลูกของพ่อแม่ใจแตก ท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ทิ้งเธอไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอมันเป็นเด็กไม่มีใครเอา!”

“ฉันไม่เชื่อ” พาไลตะโกนสุดเสียงตรงเข้าผลักบัวทองอย่างแรง จนกระเด็นกระแทกโต๊ะล้มข้าวของแตกกระจาย บัวทองร้องลั่น ทำให้คุณเชื่อมกับคุณพิสมัยและเพ็ญได้ยินวิ่งออกมาเห็นเหตุการณ์พอดี เพ็ญถลาไปประคองบัวทอง

“ว้าย! ยัยบัว... นี่! ทำไมถึงต้องทำกันถึงขนาดนี้ เจ็บไหมลูก”

คุณเชื่อมถามพาไลว่าเกิดอะไรขึ้น พาไลเล่าว่าบัวทองบอกว่าตนไม่ใช่ลูกของคุณพ่อคุณแม่ ตนเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง พวกผู้ใหญ่พากันอึ้ง คุณเชื่อมกับพิสมัยมองบัวทองดุๆ บัวทองรีบแก้ตัวว่าคุณแม่เล่าให้ตนฟัง เพ็ญโดนเข้าเต็มๆ เลยแอบหยิกบัวทอง อาการของพวกผู้ใหญ่ทำให้พาไลยิ่งใจไม่ดี ปราดไปเกาะแขนพิสมัยถามเสียงเครือ

“ไม่จริงใช่ไหมคะ บัวโกหก ไลเป็นลูกของคุณพ่อ คุณแม่ใช่ไหมคะ คุณพ่อคุณแม่บอกไลสิคะว่าไลเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ไลไม่ได้ถูกเก็บมาจากบ้านเด็กกำพร้า คุณพ่อคุณแม่บอกไลสิคะ”

“ถ้าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ไลต้องรู้ความจริง” คุณเชื่อมหน้าขรึม พาไลตะลึงงัน เหมือนโลกทั้งโลกแตกสลาย ยิ่งเห็นสายตาสะใจของบัวทอง พาไลก็ยิ่งเจ็บใจ อาละวาดกรีดร้องตะโกน

“ไลไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ไลเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่!”

“ไล...ฟังแม่นะลูก ถึงไลจะไม่ใช่ลูกของพ่อแม่ แต่พ่อแม่ก็รักลูก” พิสมัยเข้าไปหาพาไล พาไลสะบัดวิ่งเตลิดไป “ไล! ไลจะไปไหน ไล...” คุณเชื่อมกับพิสมัยวิ่งตามพาไลไป

ooooooo

ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง พาไลยืนรวบผมอยู่หน้ากระจกเตรียมจะอาบน้ำ มิ้มเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไปคุยไป

“ไล...ฉันได้ยินมาว่า พ่อแม่แกตามหาตัวแกกันแทบพลิกแผ่นดิน แกรีบกลับบ้านเสียเถอะ ก่อนที่เขาจะโกรธแกไปมากกว่านี้”

“เขาไม่กล้าหรอก ดีไม่ดี กลับไปฉันอาจจะได้รถใหม่เป็นการปลอบขวัญก็ได้”

“ย่ะ...เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วรถไฟไปเชียงใหม่ก่อนแล้วกัน” พาไลถามว่าแน่ใจหรือว่าจะไม่กลับบ้าน “แน่ใจ ฉันไม่อยากกลับบ้านไปเป็นคุณหนูตู้เพชรเคลื่อนที่ ออกไปเป็นคุณหนูพเนจร ค่ำไหนนอนนั่นดีกว่า สนุกดี”

“คุณพ่อคุณแม่แกไม่ว่าเหรอ”

“เขาไม่สนใจฉันหรอก สนใจแต่เครื่องเพชรในตู้ ไปนะ...เดี๋ยวมา”

พอมิ้มออกไป พาไลรวบผมเสร็จเตรียมจะไปอาบน้ำ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอเดินไปที่ประตูอย่างสงสัย

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น