วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เจ้านาง ตอนที่ 4


เมืองสยาม สมัยรัชกาลที่ 7...

เรือสินค้าจอดเทียบท่าน้ำใกล้วัดพระแก้ว เจ้านางรุ้งแก้วมองไปรอบๆสีหน้าตื่นเต้น

“สยามงามเหลือเกินเจ้าพี่ ไม่ผิดที่เจ้าพี่ราบฟ้าเคยเอ่ยถึง”

“พอเถอะรุ้งแก้ว ต่อจากนี้จะไม่มีราบฟ้า ไม่มีเมืองนายอย่าเพ้อพกให้พี่ได้ยินอีก เราจะมีชีวิตใหม่” เจ้านางละอองคำตั้งใจมั่นจะทิ้งอดีตให้หมด จึงตัดคำว่าเจ้านางทิ้ง ให้เหลือแค่ “ละอองคำ” เช่นเดียวกับเจ้านางรุ้งแก้วก็จะเหลือเพียง “รุ้งแก้ว” ไม่ใช่เจ้านางแห่งเมืองนายอีกต่อไป...

ละอองคำถูกใจเรือนทรงปั้นหยาสองชั้นหลังหนึ่งจึงชวนน้องสาวมาดู รุ้งแก้วเห็นบ้านหลังนี้แล้ว อดบ่นคิดถึงคุ้มของเราที่เมืองนายไม่ได้ เธอเสียงเขียวใส่ทันที

“พี่บอกแล้วไงว่าไม่มีคุ้มไม่มีเมืองนายมีแต่ละอองคำกับรุ้งแก้ว สองพี่น้องผู้ย้ายถิ่นฐานจากเมืองเหนือ”

ละอองคำว่าแล้วตวัดสายตาดุๆมองนายหน้าขายบ้าน “ราคานี้ไม่แพงไปหรือ”

เขาโบกมือปฏิเสธว่าไม่แพง ราคานี้เป็นธรรมที่สุดแล้ว ละอองคำตกลงใจซื้อบ้านหลังนี้ แล้วบอกให้คนขนข้าวของของตัวเองเข้าบ้าน หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย ละอองคำยกกรวยดอกไม้ที่ตอนนี้เหี่ยวแห้ง จรดเหนือหัวแล้ววางลงบนหิ้ง

“ไอ้นายหน้านั่นมันขูดรีดข้าข้ายกมันให้ผีเจ้า จงนำเงินทองของข้ากลับมา”

พลันผีหญิงชราหน้าตาน่าเกลียดปรากฏร่างรางๆขึ้นที่กรวยดอกไม้ ก่อนจะหายวับไป จากนั้นไม่นาน นายหน้าขายบ้านก็ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ

ooooooo

ละอองคำอยากยกระดับน้องสาวให้เหมือนผู้ลากมากดีเมืองสยามจึงจ้างครูมาสอนดนตรีไทยให้ รุ้งแก้วหัวไวเรียนไม่กี่ครั้งก็สามารถเล่นเป็นเพลงได้ แต่มักจะเล่นผิดๆถูกๆทุกครั้งที่เห็นธวัชหลานชายของครูทับส่งตาหวานมาให้ ละอองคำเห็นสายตาของเขาที่มองรุ้งแก้วก็ไม่พอใจ

“วันนี้พอก่อน รุ้งคงเหนื่อยแล้ว ครูทับกับคุณธวัชกลับไปก่อนเถอะค่ะ”

สองลุงหลานพากันกลับออกไป ละอองคำตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม บอกกับรุ้งแก้วว่าเล่นดนตรีได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องจ้างครูทับ ธวัชก็จะได้ไม่ต้องมาที่นี่อีก เธองงทำไมถึงไม่อยากให้เขามา

“เอาเป็นว่าพี่ไม่ถูกชะตา ระวังหูระวังตาของเราไว้บ้างนะรุ้งแก้ว”

หญิงสาวถึงบางอ้อทันที ที่แท้ละอองคำก็ไม่ชอบใจที่ธวัชสนใจเธอ...

ค่ำวันเดียวกัน ละอองคำกับรุ้งแก้วในชุดแต่งกายสวยงาม เดินเฉิดฉายมาที่โรงละคร ผู้คนที่กำลังรอชมละคร ต่างเหลียวมองทั้งคู่เป็นตาเดียวกัน พลางซุบซิบถามไถ่ว่าทั้งคู่เป็นใครมาจากไหน โดยเฉพาะชายหนุ่มทั้งหลาย ต่างจ้องมองตาเป็นมัน จำแลงชายหนุ่มท่าทางดูดีมีสกุล เข้ามาทักทายสองสาว

“สวัสดีครับ ผมชื่อจำแลง เป็นทายาทคนเดียวของโรงละครนี้ ยินดีต้อนรับคุณผู้หญิงทั้งสอง”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันละอองคำ ส่วนน้องสาวของดิฉันชื่อรุ้งแก้ว”

“เป็นเกียรติเหลือเกินครับที่ได้รับเกียรติจากทั้งสองท่าน มาชมละครที่โรงละครของผม เชิญคุณพี่ละอองคำกับคุณน้องรุ้งแก้วที่ด้านนี้ดีกว่าครับ” จำแลงพูดจบ พาสองพี่น้องไปยังที่นั่งพิเศษ...

จำแลงสนใจในความสวยใสของรุ้งแก้วถึงขนาดละครแสดงจบ อาสาขับรถมาส่งถึงบ้าน เห็นบ้านช่องใหญ่โตโอ่อ่าแต่ไม่มีคนรับใช้มารอต้อนรับ อาสาจะส่งคนที่ไว้ใจได้ของตัวเองมาคอยรับใช้ ละอองคำไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวายในบ้าน จึงปฏิเสธความหวังดีของเขาแล้วขยับจะเข้าบ้าน

“อย่าลืมนัดของเรานะครับ พรุ่งนี้ค่ำๆผมจะมารับ” จำแลงมองรุ้งแก้วที่เอาแต่ก้มหน้า “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ น้องรุ้งแก้ว” เขาค้อมหัวให้เล็กน้อย แล้วขึ้นรถขับออกไป ละอองคำเดินเข้าบ้านโดยมีรุ้งแก้วเดินตามสีหน้าไม่มีความสุข เธอต่อว่าน้องสาวว่าทำไมทำหน้าแบบนั้นมันเสียมารยาท คุณจำแลงอุตส่าห์ขับรถมาส่ง เธอไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร และที่สำคัญท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจ

“คืนพรุ่งนี้เราจะไปงานเต้นรำตามคำเชิญของ คุณจำแลง แต่งตัวให้สวยแล้วก็ทำหน้าตาให้มีความสุข หน่อยนะจ๊ะ” สั่งเสร็จ ละอองคำเดินขึ้นบ้าน ทิ้งให้รุ้งแก้วยืนหนักใจเพียงลำพัง...

ละอองคำเข้าห้องยังไม่ทันจะปิดประตู มีเสียงผีบ่นดังมาจากหิ้งวางกรวยดอกไม้ว่าหิวมาก

“ข้ากำลังหาเหยื่อมาสังเวย ทนหน่อยเถอะผีเจ้า”

ooooooo

ค่ำวันถัดมา จำแลงมารับสองพี่น้องที่บ้านเพื่อไปงานเต้นรำ เห็นรุ้งแก้วกับละอองคำอยู่ในชุดสวยงามอดตะลึงไม่ได้ ออกปากชื่นชมไม่หยุด โดยเฉพาะรุ้งแก้วถูกชมจนต้องก้มหน้าหลบสายตา

“รุ้งแก้วอายแย่ คุณจำแลงเล่นชมกันแบบนี้” ละอองคำรีบออกตัวแทนน้องสาว

“ผมพูดความจริงครับ เรารีบไปกันดีกว่า ผมอยากเต้นรำเต็มทีแล้ว เชิญครับ” จำแลงเปิดประตูให้ รุ้งแก้วนั่งเบาะหลัง ส่วนละอองคำนั่งหน้าคู่กับเขา รถแล่นยังไม่ถึงปากซอยบ้าน ธวัชเดินสวนเข้ามาพอดี เห็นละอองคำนั่งเชิดหน้าอยู่เบาะรถด้านหน้า ส่วนรุ้งแก้วนั่งเบาะหลัง เขาได้แต่มองตามตาละห้อย...

ไม่นานนัก จำแลงพาสองพี่น้องมาถึงสโมสรสถานที่จัดงานเต้นรำ เขาไม่รอช้าขออนุญาตละอองคำเต้นรำกับรุ้งแก้วซึ่งรีบปฏิเสธทันทีว่าเต้นรำไม่เป็น จำแลงถึงกับถอนใจเซ็ง ก่อนจะขอตัวสักครู่ ละอองคำเห็นน้องสาวทำหน้าบอกบุญไม่รับ สั่งให้หยุดทำหน้าแบบนั้นเดี๋ยวนี้

ด้านจำแลงหนีไปยืนดื่มเหล้าดับอารมณ์ที่รุ้งแก้วดูจะไม่สนใจไยดีตนเอง เพื่อนหญิงสองคนของเขาเข้ามากระเซ้าว่าอุตส่าห์ควงสาวสวยมางานเต้นรำทำไมมายืนดื่มอยู่คนเดียว แล้วทั้งคู่หันไปมองรุ้งแก้วที่ยืนเซ็งอยู่ข้างๆละอองคำที่กำลังพูดคุยอยู่กับแขกแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก

“หน้าตาสวยนะ แต่ดูจะติดดินโคลนมาจากท้องนา ไม่ยักรู้ว่าคุณจำแลงชอบผู้หญิงหน้าซื่อๆ เราสองคนจะได้หัดทำบ้าง” พูดจบหญิงสาวหันไปหัวเราะกับเพื่อน ยิ่งทำให้จำแลงหงุดหงิด...

เมื่อขับรถมาส่งสองพี่น้องที่บ้าน จำแลงตัดพ้อกลายๆ ว่าท่าทางรุ้งแก้วจะไม่ค่อยสนุก ละอองคำไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึก จึงบอกว่าน้องสาวของเธอเป็นคนติดบ้าน ไปงานไหนก็ไม่สนุก

“ถ้าว่างคุณจำแลงมาเที่ยวช่วงกลางวันสิคะ รุ้งแก้วจะได้ไม่เหงา”

“ยินดีเลยครับ” จำแลงหันไปยิ้มให้รุ้งแก้วที่ดูเหมือนจะไม่ยินดียินร้ายด้วย ทั้งสามคนมัวแต่คุยกันไม่ทันเห็นผีเจ้ายืนมองลงมาจากหน้าต่างชั้นบน

ooooooo

ครูทับมาสอนดนตรีไทยให้รุ้งแก้วเป็นวันสุดท้าย เนื่องจากละอองคำไม่ชอบใจที่รุ้งแก้วกับธวัชหลานชายของเขามีใจให้กัน ระหว่างพักเรียน ทั้งคู่ไปเดินเล่นในสวนคุยกันกะหนุงกะหนิง ละอองคำเห็นเข้าก็ยิ่งโมโห หันไปมองหิ้งวางกรวยดอกไม้เหมือนจะขอความช่วยเหลือบางอย่าง

ทันใดนั้นมีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของครูทับดังขึ้น รุ้งแก้วกับธวัชตกใจรีบวิ่งมาดู เห็นเขานอนบิดตัวเร่าๆอยู่กับพื้นเอามือกุมท้อง เธอบอกให้ธวัชรีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาล

“อดทนหน่อยนะครับลุง ผมจะพาลุงไปหาหมอ” พูดไม่ทันขาดคำ ครูทับกระอักเลือดออกมา รุ้งแก้วรู้ว่าเป็นฝีมือของพี่สาวตัวเอง เข้ามาโวยวายถึงห้องนอน ไปทำร้ายครูทับที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทำไม

“ไม่รู้เรื่องรึ รุ้งแก้ว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ไม่เห็นว่าพวกเจ้าทำอะไรกัน สิ่งใดที่พี่ห้ามก็อย่าทำ พี่พูดกับเจ้าแล้ว จะไม่พูดซ้ำซากอีก เลิกรักนายธวัชซะแล้วทุกอย่างจะดีเอง”

“เจ้าพี่ใจร้ายที่สุด” รุ้งแก้วต่อว่าเสร็จวิ่งมาที่ห้องตัวเองทั้งน้ำตานองหน้า เสียใจที่พี่สาวเปลี่ยนไป แล้วเดินหน้าเศร้าไปที่หน้าต่างเห็นหลังคาโบสถ์อยู่ไม่ไกล อยากจะไปทำบุญไหว้พระเผื่อจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นมาบ้าง คิดได้ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้าออกมาชวนพี่สาวไปไหว้พระด้วยกัน จะได้ถือโอกาสทำบุญให้เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าพี่ราบฟ้าและทุกคนที่เมืองนาย ละอองคำชักสีหน้าใส่

“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วรุ้งแก้วว่าอย่าพูดถึงเมืองนายอีก”

“เจ้าพี่...ถ้าข้าจะเช่าพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งมาบูชา...”

ละอองคำของขึ้นทันที ห้ามเธอทำอย่างนั้นเด็ดขาด หากไม่เชื่อจะได้เห็นดีกัน

ooooooo

จำแลงหลงใหลได้ปลื้มรุ้งแก้วมาก ทำทุกวิถีทางที่จะได้เธอมาครอบครอง วันนี้เขาลงทุนซื้อสร้อยข้อมือเพชรมาให้เธอโดยมีสร้อยมุกติดมือมาเป็นของกำนัลให้ละอองคำด้วย รุ้งแก้วไม่ได้มีใจให้เขา บ่ายเบี่ยงไม่ยอม รับของฝาก ละอองคำเอ็ดเสียงเข้ม

“เสียมารยาท ผู้ใหญ่ให้ของ เป็นเด็กเป็นเล็กก็ต้องรับไว้ ขอบคุณคุณจำแลงเสียสิ”

รุ้งแก้วจำต้องไหว้ขอบคุณเขา เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของจำแลง ละอองคำสั่งให้น้องอยู่ต้อนรับเขาอย่าให้ขาดตกบกพร่อง ส่วนเธอจะขอตัวไปพักผ่อน แล้วมองน้องสาวด้วยสายตาแกมบังคับ รุ้งแก้วจำใจพาจำแลงไปเดินเล่นในสวน เขาถือโอกาสรวบตัวเธอมากอด เธอพยายามดันเขาออกห่างแต่ไม่สำเร็จ

“จำที่คุณพี่บอกไม่ได้เหรอน้องรุ้งแก้ว ต้อนรับผมอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แล้วจะขัดขืนทำไม”

จังหวะนั้นธวัชเปิดประตูรั้วเข้ามาเห็นภาพบาดตาก็ร้องเอะอะ จำแลงชะงักทำให้รุ้งแก้วดิ้นหลุดจากอ้อมกอด ธวัชแค่จะมาบอกให้เธอรู้ว่าครูทับตายแล้วแล้วเดินจากไปอย่างขมขื่นใจ รุ้งแก้วพยายามเรียกให้กลับมาก่อน เขาไม่แม้แต่จะหันมอง จำแลงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร

“เพื่อนดิฉัน คุณจำแลงไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอกค่ะ” รุ้งแก้วเสียงกร้าว ละอองคำโผล่มาจากหลังพุ่มไม้

“ไม่สบายก็ไปนอนพักซะรุ้งแก้ว อย่าทำกระฟัดกระเฟียดกับคุณจำแลง มันไม่งาม ไปสิ” ละอองคำรอจนน้องสาวไปพ้นสายตา จึงหันไปทางจำแลง “รุ้งแก้วยังเป็นเด็ก แยกไม่ได้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร หวังว่าคุณจำแลงจะให้อภัยน้องดิฉันนะคะ” ถึงละอองคำจะไม่ขอร้อง จำแลงก็ยินดีให้อภัยรุ้งแก้วเสมอ...

ละอองคำเห็นน้องสาวยังอาลัยอาวรณ์ธวัช สั่งให้ลืมเขาเพื่อประโยชน์ของเธอเอง รุ้งแก้วโพล่งขึ้นอย่างเหลืออดว่าครูทับตายแล้ว ละอองคำยักไหล่ไม่ยี่หระ การตายของเขาไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเรา

“เจ้าพี่ใจร้าย” รุ้งแก้วต่อว่าทั้งน้ำตา

“ถ้าพี่ไม่ใจร้าย เจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดมาถึงวันนี้ไหม” ละอองคำจ้องหน้ารุ้งแก้วที่เอาแต่ร้องไห้...

ฉัตรแวะมากินมื้อเย็นกับซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ สมานพ่อเลี้ยงของเขากับโฉมน้องสาวต่างพ่อดูจะไม่ชอบใจเท่าใดนัก โดยเฉพาะสมานคอยพูดเหน็บแนมจนฉัตรกลืนข้าวแทบไม่ลง ต้องรวบช้อนส้อมลุกหนี โฉมนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้สมชายคนรักของเธอจะจัดปาร์ตี้ที่บ้าน ชวนพ่อให้ไปด้วยกันจะได้ทำความคุ้นเคยกับเขาเอาไว้ สมานยังไม่อยากจะสมาคมกับพวกพ่อค้าซึ่งเป็นผู้ดีใหม่ ถ้าเธออยากมีเพื่อนก็ให้ไปชวนฉัตร

ooooooo

ละอองคำเห็นรุ้งแก้วยังอยู่ในชุดอยู่บ้านก็ต่อว่าว่าทำไมไม่แต่งตัว ปล่อยให้จำแลงรออยู่นานสองนาน เธอไม่อยากไปงาน ละอองคำก็รู้ว่าเธอไม่ชอบสมาคมกับใคร และที่สำคัญเธอไม่รู้จักคุณสมชายเจ้าของงาน

“บ้านเมืองมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จะหมกตัวอยู่ในบ้านคงไม่ได้”

“ถ้างั้นเจ้าพี่ไปกับน้องด้วยสิเจ้าข้า”

“คุณจำแลงชวนเจ้าไม่ได้ชวนพี่ อย่าโยกโย้ รีบแต่งตัวได้แล้ว” ละอองคำสั่งเสียงเฉียบ...

แม้จะรอนาน แต่รุ้งแก้วสวยสมใจจนจำแลงตะลึง ละอองคำเห็นแก่ได้ ทวงถามเขาไหนมีของขวัญพิเศษจะให้รุ้งแก้ว จำแลงพยักหน้ารับคำ หยิบกล่องเครื่องเพชรขึ้นมาจะสวมให้รุ้งแก้วแต่เธออิดออดจะขอสวมเอง แต่พอเห็นสายตาดุของพี่สาวก็เลยต้องยอมให้เขาสวมเครื่องเพชรให้

ครู่ต่อมา จำแลงพารุ้งแก้วมาถึงบ้านสมชายซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เธอกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในงานเนื่องจากความงดงามของเธอ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของงานก็ออกปากชื่นชมไม่หยุด สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้โฉมคู่รักของเขาเป็นอย่างมาก...

ในขณะเดียวกัน ธวัชแวะมาหารุ้งแก้วที่บ้าน เกาะรั้วมองเข้าไปด้านใน เห็นบ้านปิดเงียบเชียบ ละอองคำกำลังหวีผมอยู่ในห้องนอน มีเสียงผีร้องเตือนมาจากหิ้งวางกรวยดอกไม้

“มันมาแล้ว”

ละอองคำหันขวับไปมองหน้าบ้านด้วยดวงตา สีแดงฉานของผี ก่อนจะลุกออกไป ธวัชกำลังจะกลับตอนที่ละอองคำเชิญให้เข้าข้างในก่อน เขาเดินนำหน้าละอองคำเข้าไปในบ้านจึงไม่เห็นว่าประตูรั้วปิดเองได้ เธอเดินตามพลางเลียริมฝีปากหมายจะกินไส้เขาให้หายอยาก

เงาผีออกจากร่างละอองคำพุ่งใส่ธวัช เกิดแสงสีทองสว่างจ้ากระแทกผีเด้งกลับเข้าร่างละอองคำ แล้วลงดิ้นทุรนทุรายเหมือนถูกไฟเผา ธวัชหันมาเห็นละอองคำนอนดิ้นอยู่กับพื้น จะเข้าไปช่วยประคอง ตะกรุดเงินที่เขาสวมติดตัวสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ละอองคำกลัวมากถอยหนี

“ไปนะ...ไป ออกไป อย่ามาบ้านฉันอีก ไปสิไป”

ธวัชกลับออกไปอย่างงงๆ ขณะที่ละอองคำนั่ง ลูบผิวตัวเองที่ร้อนผ่าวราวกับถูกเพลิงเผา...

เจ้าของงานปาร์ตี้ถูกใจความงดงามของรุ้งแก้ว จนต้องมาขอร่วมโต๊ะด้วย จำแลงเห็นสายตาที่เขามองเธอ เดาได้ไม่ยากว่าคิดอะไรอยู่ รีบกันท่าคว้ามือเธอมาจับไว้บอกว่าเราสองคนจะแต่งงานกันไม่ช้านี้ สมชายไม่สนใจ ยังหน้าด้านเสนอตัวจะขอเป็นเพื่อนกับเธอ จำแลงไม่พอใจมากหาทางแก้เผ็ด พอโฉมมาตามสมชายที่โต๊ะ จำแลงสบช่อง 
แนะนำรุ้งแก้วให้รู้จักเธอในฐานะคู่รักของสมชาย โฉมมองรุ้งแก้วอย่างไม่เป็นมิตร

“ดิฉันไม่เคยเห็นคุณรุ้งแก้วออกงานสโมสรหรือสมาคมใดๆเลย แม้กระทั่งร้านไอศกรีมแถวพัฒนาการก็ไม่เคยเห็น ประทานโทษ เพิ่งกลับจากยุโรปหรือปีนังคะ”

“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ค่อยได้ออกงานบ่อยนัก”

โฉมหัวเราะหยัน ฉัตรเห็นไม่เข้าที รีบดึงน้องสาวต่างบิดาออกไปอีกทางหนึ่ง...

ด้านรุ้งแก้วกลับจากงานเลี้ยง เห็นบ้านปิดไฟมืด ร้องเรียกพี่สาวอยู่นานสองนานไม่มีเสียงขานตอบ

เปิดไฟดูถึงได้เห็นละอองคำนอนนิ่งอยู่บนโซฟาท่าทางหมดเรี่ยวแรง ปราดเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงนอนซมอย่างนี้ ละอองคำไล่ให้เธอไปพักผ่อน ตนไม่ได้เป็นอะไร รุ้งแก้วจำต้องถอยออกมา แต่พอหันหลังให้เท่านั้น มีเสียงชวนขนหัวลุกดังขึ้น “ข้าหิว” เธอหันขวับถามว่าเมื่อครู่นี้พี่พูดอะไร

“เปล่า ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไปได้แล้ว”

ผีเจ้ารอจนรุ้งแก้วพ้นสายตาจึงปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ละอองคำบ่นหิวเหลือเกิน เลี้ยงตนแบบอดๆอยากๆให้ระวังเอาไว้ ขู่เสร็จหายตัวไป...

รุ้งแก้วรู้สึกได้ถึงอาการแปลกๆของพี่สาว ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ได้แต่พนมมืออธิษฐานด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “เจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าข้า เจ้าพี่ละอองคำยิ่งแปลกขึ้นทุกวัน ลูกจะช่วยเจ้าพี่ละอองคำได้อย่างไรเจ้าคะ ลูกคิดถึงเมืองนายเหลือเกิน”

ooooooo

เนื่องจากไม่มีเหยื่อตกถึงท้อง กอปรกับโดนของขลังในตัวธวัชเล่นงานทำให้ใบหน้าละอองคำหมองคล้ำ รุ้งแก้วเข้ามาบอกว่าจะไปวัดทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าพ่อเจ้าแม่และเจ้าราบฟ้า เธอไม่พอใจมากห้ามน้องเอ่ยชื่อคนเหล่านี้ให้ได้ยินอีก ที่พวกเราต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะคนที่น้องเอ่ยถึงหรือ

“แต่คนอกตัญญูบรรพบุรุษย่อมไม่เจริญ ให้น้องไปเถอะเจ้าค่ะ”

ละอองคำยืนกรานไม่ให้น้องไปวัดเด็ดขาด รุ้งแก้วไม่สนใจ เดินออกไปหน้าตาเฉย เธอได้แต่มองตามไม่พอใจ ในเมื่อน้องกล้าท้าทาย เราก็จะได้เห็นดีกัน...

รุ้งแก้วจ้ำพรวดๆผ่านประตูวัดเข้ามาได้ ถึงกล้า

หันกลับไปมอง โล่งใจที่ด้านหลังมีเพียงความว่างเปล่า เปลี่ยนจังหวะการเดินให้ช้าลงและสำรวมกิริยา หลังตักบาตรเสร็จ รุ้งแก้วเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ เจอหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดอยู่ที่นั่นด้วย ถือโอกาสกราบขอพรจากท่านด้วย ท่านทักว่าไม่ใช่คนย่านนี้ใช่ไหม ท่านเกิดที่นี่รู้จักคนย่านนี้ดี รุ้งแก้วรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มปากนัก

“เจ้าค่ะ ดิฉันมาทำบุญและกราบพระเจ้าค่ะ”

“เจริญพร พระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์นัก หากอธิษฐานดีๆโยมจะสมความปรารถนา”

หญิงสาวมองพระประธานด้านหลังหลวงพ่อสีหน้าปีติ จังหวะนั้นฉัตรคลานเข้ามากราบหลวงพ่อ เธอจำเขาได้จากงานเลี้ยงบ้านสมชาย ต่างยิ้มให้กัน...

ที่กุฏิแม่ชีน้อมไม่ห่างกันนัก ธวัชเข้ามากราบแม่ชีน้อมผู้เคร่งในการปฏิบัติธรรมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ท่านปลอบว่าครูทับไปสู่สุคติแล้ว อย่าทำให้เขาต้องเป็นกังวลอีกเลย อยู่ๆจิตก็ร้องเอะอะชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางโบสถ์ นั่นใครกันน้าตาสะสวยเสียด้วย ทั้งสองคนหันมองตามสายตาเธอ ธวัชถึงกับหน้าเจื่อนที่เห็นรุ้งแก้วเดินคุยกับฉัตรท่าทางสนิทสนม

การสนทนากันครั้งนี้ทำให้ฉัตรได้รู้คร่าวๆว่ารุ้งแก้วอยู่บ้านตามลำพังกับพี่สาวซึ่งอยู่ไม่ห่างวัดนัก สายตาพึงพอใจที่ฉัตรมองคู่สนทนา ทำให้ธวัชซึ่งแอบมองอยู่ทนดูต่อไปไม่ไหว เดินหนี รุ้งแก้วหันมาเห็นพอดี รีบขอตัวจากคู่สนทนา เร่งฝีเท้าตามธวัชพร้อมกับร้องเรียกให้รอด้วย ฉัตรได้แต่มองตามตาละห้อย...

ทั้งรุ้งแก้วและธวัชเดินคุยกันมาตามทางในวัดอย่างมีความสุข เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานแวะไปหาเธอที่บ้าน รุ้งแก้วตกใจถามเสียงสั่นว่าเจออะไรไหม เขามองงงๆ

“ไม่นี่ครับ ก็พบคุณพี่ละอองคำ ผมรู้สึกว่าคุณพี่มีอาการแปลกๆ เธอไม่สบายหรือเปล่าครับ”

“ไม่นี่คะ...เอ่อ คุณพี่ละอองคำสบายดี” รุ้งแก้วก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย กลัวเขาถามความจริง...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทันทีที่จำแลงเดินมาถึงประตูรั้ว ผีเจ้าร้องบอกละอองคำว่าเหยื่อของตนมาแล้ว อึดใจเดียว เธอมายืนอยู่หน้าประตูรั้ว บอกเขาว่ารุ้งแก้วไม่อยู่ไปบ้านญาติ แล้วชวนเขาเข้ามาข้างใน ละอองคำแอบเลียปากด้วยความหิวโหยตามหลังจำแลงซึ่งตรงไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกอย่างคุ้นเคย แล้วหยิบกล่องใส่แหวนออกมาฝากให้รุ้งแก้วด้วย เป็นแหวนเพชรน้ำงามจากเมืองเพชรบุรี

“เป็นบุญของรุ้งแก้วนะคะที่คุณจำแลงเมตตา”

“ไว้วันหลังผมจะแวะมาใหม่ก็แล้วกันครับ” จำแลงว่าแล้วลุกออกไป เสียงผีเจ้าบ่นไล่หลังทำไมปล่อยมันไป เขาหันขวับมาถามละอองคำว่าพูดอะไร เธอปฏิเสธว่าเปล่า เขาเดินต่อไปไม่ติดใจสงสัยอะไร

ooooooo

ส่งจำแลงเสร็จ ละอองคำกลับมาที่ห้องตัวเองต้องชะงักเมื่อกรวยดอกไม้มาลอยวนอยู่ตรงหน้า ผีเจ้าต่อว่าว่าทำไมไม่จัดการจำแลง ไม่รู้หรือว่าตนหิว เธอขอร้องให้ไว้ชีวิตเขาสักคน เขาเป็นบ่อเงินบ่อทองของเธอ กรวยดอกไม้กลายร่างเป็นผีหน้าตาน่าเกลียด บ่นเสียงโหยหวนว่าหิวจะทนไม่ไหวแล้ว

“ทนหน่อยเถอะผีเจ้า”

“เหยื่อของข้ามาอีกแล้ว อย่าปล่อยให้หลุดมือไปล่ะ” ผีหายวับเข้าร่างละอองคำ

สมชายแกว่งเท้าหาเสี้ยนตามมาจีบรุ้งแก้วถึงบ้าน ทำให้ต้องกลายเป็นเหยื่อผีเจ้า ถูกควักตับไตไส้พุงกินไม่เหลือ เสียงหัวเราะชอบใจของผีดังไปถึงหูแม่ชีน้อมที่นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนกุฏิ

“เราจะช่วยเจ้าได้อย่างไร” แม่ชีน้อมว่าแล้วก้มกราบพระพุทธรูปที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าวิตกกังวล...

กว่ารุ้งแก้วจะกลับจากวัดก็ค่ำมืดแล้ว ละอองคำไม่พอใจมาก ต่อว่าว่าหายไปไหนมาทั้งวันเพิ่งมากลับเอาป่านนี้ หรือแอบไปเจอกับธวัช เธอแก้ตัวว่าไปปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิกับแม่ชีที่วัดมา พูดจบขยับจะกลับห้องกลัวพี่จะจับโกหกได้ว่าไปเจอธวัชมาจริงๆ แต่ละอองคำร้องเรียกไว้

“เดี๋ยวรุ้งแก้ว หน้าตาเจ้าเปล่งปลั่งสดใสผิดปกตินี่” ละอองคำมองหน้าน้องอย่างรู้ทัน เธอโต้ไม่ยอมแพ้

“เจ้าพี่ก็เหมือนกัน ก่อนน้องไปวัดยังดูซึมๆ แต่ตอนนี้สดใสขึ้นมาก เจ้าพี่ไปทำอะไรมาเจ้าคะ”...

ละอองคำฝันร้าย เห็นเจ้าราบฟ้าตามมาต่อว่าเรื่องที่เธอคิดจะเอาน้องสาวไปเร่ขายให้ผู้ชายเยี่ยงผักปลา โดยมีเจ้านางปิ่นเมืองคอยพูดใส่ไฟ เธอพยายามอธิบายแต่เจ้าพี่ไม่ฟัง เธอตกใจตื่นเหงื่อท่วมตัว ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นบอกให้เธอลืมเรื่องในอดีตให้หมด เธอไม่ใช่เจ้านางละอองคำอีกแล้ว แต่เป็นทาสของตน

ooooooo

โฉมถึงกับปล่อยโฮวิ่งไปกอดซ่อนกลิ่นเมื่อรู้ข่าวการตายของสมชาย แทนที่สมานจะสงสารลูกที่คนรักต้องมาตายกะทันหันกลับตำหนิว่าจะร้องไห้ไปทำไม คนตายไปแล้วร้องไห้ไปก็ไม่มีวันฟื้น

“แปลกมากเลยครับคุณแม่ บ่าวที่มาแจ้งข่าวบอกว่าหมอชันสูตรพบว่าคุณสมชายแกตกใจสุดขีด แต่ตับไตไส้พุงไม่มีเหลือเลยครับ” ฉัตรเล่าเสริม ซ่อนกลิ่นตั้งข้อสังเกตว่าลักษณะการตายเหมือนถูกปอบกิน

“เหลวไหลน่า นี่มันยุคประชาธิปไตยแล้วนะ แม่ซ่อนกลิ่น” สมานส่ายหน้าเซ็ง...

ทันทีที่รุ้งแก้วรู้ข่าวของสมชาย ก็เข้าไปต่อว่าละอองคำเพราะมั่นใจว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้เธอจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นก็ตาม ในเมื่อไม่สามารถห้ามปรามอะไรพี่สาวได้ รุ้งแก้วตัดสินใจจะเข้าวัดปฏิบัติธรรม เผื่อบารมีแห่งความดีจะช่วยให้พี่สาวหลุดจากอำนาจของผีร้าย ละอองคำทำไก๋ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร

“เจ้าพี่หลอกน้องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” รุ้งแก้วว่า

แล้วเดินออกไป ละอองคำห้ามปรามเธอก็ไม่ฟัง ตัดสินใจวิ่งตามน้องจนทันกันตรงประตูเข้าวัด เกือบจะคว้าตัวไว้ได้ แต่เธอวิ่งเข้าไปข้างในเสียก่อน ละอองคำจะตามแต่

ถูกแสงสว่างสีทองกันไว้ จำต้องกลับไปอย่างเคียดแค้น แม่ชีน้อมยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างเวทนา

ละอองคำเดินสวนกับยายเขียวยายหยวกและยายฟักที่เพิ่งกลับจากตลาด ได้ยินพวกนั้นคุยกันเรื่องคนถูกฆ่าตายลักษณะเหมือนถูกปอบกิน ยายหยวกแนะให้หาของดีไว้ป้องกันตัว ยายเขียวไม่รู้จะไปหาที่ไหน

“อ้าวก็แม่ชีที่วัดไง เห็นแม่จิตว่ามีของดีป้องกันภูตผีร้ายได้”

“ดีๆ ถึงบ้านข้าแล้ว พวกแกก็อย่ามัวโอ้เอ้นะ เดี๋ยวมืดค่ำ...มันน่ากลัว” ยายฟักว่าแล้วเดินเข้าบ้านปิดประตูลงกลอน ละอองคำมองตามยิ้มอย่างมีเลศนัย...

แม่ชีน้อมนั่งสมาธิ ถอดดวงจิตไปหาละอองคำที่บ้าน ปรากฏเป็นกายทิพย์นั่งขัดสมาธิลอยอยู่ที่หน้าต่าง เธอโวยวายว่าเป็นใครมายุ่งกับตนทำไม แม่ชีน้อมยิ้มให้อย่างปรานี “ฉันสงสารเธอ”

“อย่าแส่เรื่องของข้า ใครขวางข้า ข้าจะจับกินซะ ให้หมด” ละอองคำวิ่งมาที่หน้าต่างสีหน้าเอาเรื่อง แต่ กายทิพย์ของแม่ชีน้อมลอยห่างออกไปเสียก่อน พลันหน้าต่างปิดปัง เธอถึงกับผงะ...

ดวงจิตของแม่ชีน้อมกลับเข้าร่าง พอลืมตาขึ้น เห็นรุ้งแก้ว ธวัชและยายจิตต่างจ้องมองมาเป็นตาเดียวกัน ทุกสายตาเต็มไปด้วยคำถาม โดยเฉพาะรุ้งแก้วที่อยากรู้เรื่องของพี่สาวที่ถูกผีร้ายครอบงำ

“รุ้งแก้ว วิบากกรรมที่เราทำร่วมกับเขามานั้น จะหนีได้ก็ด้วยการเร่งปฏิบัติบารมีให้กล้าแกร่ง บารมีของมันมากเหลือเกิน บางที...เธออาจต้องช่วยมวลมนุษย์ในวันข้างหน้า” ทั้งสีหน้าท่าทางและคำพูดของแม่ชีน้อม ยิ่งทำให้รุ้งแก้ววิตกกังวลมากขึ้น ขณะที่ธวัชกับยายจิตได้แต่มองหน้ากันงงๆ...

เมื่อได้อยู่เพียงลำพังกับรุ้งแก้ว ธวัชอดถามไม่ได้ว่า ที่แม่ชีน้อมพูดกับเธอมันเรื่องอะไรกันแน่ เธอไม่กล้าบอกความจริงเรื่องพี่สาว จำต้องโกหกว่าตนเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจที่ท่านพูดเหมือนกัน

“พี่เป็นห่วงน้องรุ้งนะ น้องต้องระวังตัวให้มาก แม่ชีเตือนให้พี่ระวังตัวด้วยเหมือนกัน”...

ละอองคำโกรธมากที่แม่ชีน้อมมาแสดงฤทธิ์เดชให้เห็นถึงบ้าน รอจนรุ้งแก้วกลับจากวัด ปรี่เข้าหาอย่างเอาเรื่อง ขู่จะฆ่าแม่ชีน้อมและจะเล่นงานเธอ ถ้ารู้ว่าเธอไปที่วัดนั้นอีก รุ้งแก้วได้แต่ยืนตัวสั่นหวาดกลัวสุดๆ...

โฉมบุกมาหาจำแลงที่บ้านเพื่อถามว่ารุ้งแก้วเป็นใครกันแน่ ผู้ชายทั้งพระนครถึงอยากยลโฉมเธอทั้งนั้น รวมทั้งสมชายของตนด้วย วันที่เขาตายเขาไปหาแม่นั่นถึงบ้าน พอรู้ว่ารุ้งแก้วอพยพมาจากเมืองเหนือ ไม่ใช่ลูกเจ้าลูกพระยาที่ไหน โฉมถึงกับหัวเราะด้วยความสมเพช ที่ผู้ชายยุคนี้ลุ่มหลงสาวที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า...

ค่ำแล้วรุ้งแก้วยังไม่กลับบ้าน ละอองคำหงุดหงิดที่น้องชอบขัดคำสั่ง กรวยดอกไม้ลอยมาตรงหน้าเธอ พร้อม กับคร่ำครวญว่าหิวมาก ถ้าเลี้ยงตนไม่ดี ตนจะกินรุ้งแก้ว ละอองคำตวาดลั่นว่าห้ามแตะต้องน้องสาวของเธอเด็ดขาด พอรู้สึกตัวรีบเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ้อนวอนขอร้องแทนที่

“ไม่ให้ข้ากินนังรุ้งแก้ว แล้วจะให้ข้ากินใคร ข้าหิวเจ้าได้ยินไหม”

ละอองคำนึกถึงยายฟักที่อยู่บ้านคนเดียวขึ้นมาได้ เธอจึงกลายเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่ถูกกินเครื่องใน

ooooooo

โฉมวอนหาเรื่องใส่ตัว บุกมาที่บ้านละอองคำแต่เช้า มองลอดประตูรั้วเข้าไปข้างใน เห็นบ้านปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอาศัย แถมบรรยากาศวังเวงชอบกล

“เงียบยังกับบ้านผีสิง” โฉมบ่นพึมพำกับตัวเอง

อีกมุมหนึ่งในบ้าน ละอองคำกำลังจะลงมาจัดการกับเหยื่อรายใหม่ แต่รุ้งแก้วเปิดประตูห้องออกมาเห็นเสียก่อน ถามว่าจะไปไหน เธอเห็นมีใครไม่รู้ยืนอยู่ที่ประตูรั้ว รุ้งแก้วอาสาจะไปต้อนรับให้เอง เพราะกำลังจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดพอดี ละอองคำเสียงเขียวทันที

“ในวัดมันมีอะไรดี ข้าก็สั่งห้ามเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เคยเชื่อข้า หรือว่านัดเจอกับไอ้ธวัช”

รุ้งแก้วไม่ตอบคำถาม เดินเลี่ยงออกมาหน้าบ้าน เห็นโฉมยืนด้อมๆมองๆอยู่ที่หน้าประตูรั้ว พอแขกไม่ได้รับเชิญเห็นเธอเท่านั้น แดกดันว่าบ้านนี้มีอาถรรพณ์อะไรทำไมใครๆต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่

“คุณสมชายต้องตายก็เพราะมาหลงเสน่ห์แก แกทำอะไรเขา”

“ถ้าบ้านนี้มีอาถรรพณ์ มันก็อาจทำให้คุณไม่ปลอดภัย ฉันขอเตือนให้คุณกลับไปซะ” พูดจบรุ้งแก้วผละออกมา แต่ยังหันมองโฉมเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วง เธอทำท่าจะเปิดประตูรั้วเข้าไป แต่เหลือบเห็นหน้าต่างห้องชั้นบนอยู่ๆก็เปิดผลัวะแล้วปิดเองดังปัง โฉมถึงกับสะดุ้งโหยง ถอยออกมาแทบไม่ทัน...

ธวัชกับรุ้งแก้วฝึกทำสมาธิเสร็จพอดีตอนที่ยายหยวกกับยายเขียวแวะมากราบแม่ชีน้อมและจะขอเครื่องรางของขลังเอาไว้ป้องกันผี เมื่อคืนก่อนยายฟักก็เพิ่งถูกปอบกินตับไตไส้พุงไม่มีเหลือ แม่ชีน้อมหยิบสายสิญจน์ออกจากย่ามมอบให้ทั้งคู่ไว้ป้องกันผีร้าย

“แต่อย่าไปท้าทายเขานะ ต่างคนต่างอยู่ ภพภูมิของใครก็ของมัน”

ยายเขียวเล่าอีกว่าพวกชาวบ้านสงสัยสองพี่น้องที่เพิ่งอพยพมาจากเมืองเหนือจะเป็นปอบ แม่ชีน้อมหันบอกรุ้งแก้วว่าพวกนี้กล่าวหาว่าเธอเป็นปอบ หากเธอเป็นจริงอย่างที่ถูกกล่าวหา ทำไมเข้ามาอยู่ในวัดได้ ยายจิตหัวเราะขำ ขณะที่ยายหยวกกับยายเขียวหน้าม้าน รีบขอโทษรุ้งแก้วเป็นการใหญ่ที่พูดไม่รู้จักคิด...

ทางฝ่ายซ่อนกลิ่นเป็นห่วงหน้าที่การงานของฉัตร กลัวหลวงจะให้ออกจากงาน ขอร้องให้สมานช่วยดูให้ นอกจากจะไม่ช่วยแล้วเขายังตำหนิต่างๆนานา เธอตัดพ้อด้วยความน้อยใจที่เขาไม่ช่วยเพราะฉัตรไม่ใช่ลูกของเขาใช่ไหม สมานไม่พอใจตะเพิดเธอไปให้พ้นหน้า แล้วเปิดแผ่นเสียงฟังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โฉมเดินเข้ามากับฉัตร พลางเล่าถึงเหตุการณ์ แปลกๆในบ้านของรุ้งแก้วให้ฟัง และสรุปว่าบ้านนั้นต้องเป็นบ้านผีสิงแน่ๆ ฉัตรว่าเธอเหลวไหล ผีไม่มีในโลก สมานที่ฟังอยู่ด้วยก็ไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้เช่นกัน...

เลยเวลานอนไปแล้ว แต่ละอองคำยังนอนไม่หลับ รู้สึกร้อนรุ่มไปหมด สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะรุ้งแก้วนำพระพุทธรูปมาไว้ในห้องนอนของเธอ ละอองคำสั่ง

ให้เอาออกไป เธอยืนกรานไม่ยอมเอาออกไปเด็ดขาด จะเอาไว้ป้องกันผีร้าย ละอองคำไม่พอใจ จะเอาพระพุทธรูปออกจากบ้านด้วยตัวเอง แต่รัศมีที่เปล่งออกจากองค์พระ ทำให้เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดราวกับถูกไฟเผา รุ้งแก้วเข้าไปช่วย แต่เธอปัดมือออก

“ปล่อยข้า ปล่อย ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าจะต้องเสียใจรุ้งแก้ว” พูดจบละอองคำเดินกระแทกเท้าออกจากห้อง

ooooooo

ผีเจ้าหิวจัดอยากจะจับรุ้งแก้วกิน ถึงขนาดปรากฏตัวให้เห็น เธอตกใจผงะถอยหลัง ก่อนจะวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ละอองคำต้องขอร้องให้ผีเจ้าละเว้นรุ้งแก้วไว้สักคน

“ข้าสัญญาจะหาคนมาสังเวยผีเจ้า แต่ข้าขอนะ อย่าทำอะไรรุ้งแก้ว”

“ก็อย่าปล่อยให้ข้าหิวสิ”...

บ่ายวันเดียวกัน จำแลงแวะมาหารุ้งแก้วแต่เธอไม่อยู่ไปวัด ละอองคำนึกขึ้นได้ว่าจะต้องกำจัดพระพุทธรูปออกไปจากบ้าน จึงวานให้เขาช่วยเป็นธุระให้โดยอ้างว่าพระองค์นี้มีตำหนิ หมอดูทักว่าดวงของเธอไม่ถูกกับพระมีตำหนิก็เลยจะขอแรงเขาช่วยเอาไปไว้วัดหรือที่ไหนก็ได้แล้วแต่เขา จำแลงยินดีทำให้ แล้วเข้าไปอุ้มพระพุทธรูปออกมา ผ่านหน้าผีเจ้าที่เขามองไม่เห็น ผีถึงกับสะดุ้ง หายวับไปด้วยความหวาดกลัว...

รุ้งแก้วกลับถึงบ้านในตอนค่ำซื้อพวงมาลัยดอกมะลิติดมือมาด้วย เพื่อถวายพระพุทธรูปแล้วสวดมนต์แผ่บุญกุศลให้วิญญาณชั่วร้ายตามที่แม่ชีน้อมบอก แต่กลับพบว่าพระพุทธรูปหายไป โวยวายต่อว่าพี่สาวว่าเอาพระของตนไปไว้ไหน ละอองคำไม่ตอบ เดินยิ้มสะใจออกจาก ห้อง รุ้งแก้วตะโกนไล่หลัง

“ถ้าทำอย่างนี้ น้องจะไม่อยู่กับเจ้าพี่แล้ว เจ้าพี่ใจร้าย” ตัดพ้อจบ รุ้งแก้วเดินน้ำตาร่วงออกมา ละอองคำวิ่งไปขวางไว้ สองพี่น้องมีปากเสียงกัน ผู้เป็นพี่โกรธมากตบน้องหน้าหัน

“เจ้าพี่ไม่รักน้องเหมือนก่อน เจ้าพี่ใจร้าย” รุ้งแก้วต่อว่าเสร็จวิ่งหนี ละอองคำจะตามแต่ถูกวิญญาณของเจ้าราบฟ้ากับเจ้านางปิ่นเมืองปรากฏตัวขวางไว้ พลางต่อว่าเธอที่อกตัญญูทิ้งผีปู่ย่าไปสวามิภักดิ์ผีต่างวงศ์ ละอองคำน้อยใจที่เจ้าราบฟ้าย้ายข้างเป็นพวกเดียวกับคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องเป็นครึ่งคนครึ่งผีแบบนี้

“ข้าจะไม่เสียเวลากับเจ้าพี่และอีหญิงชั่วอีกต่อไป ข้าจะไปตามรุ้งแก้ว” ละอองคำรีบวิ่งตามน้องจนเกือบจะคว้าคอไว้ได้ แต่รุ้งแก้ววิ่งเข้าไปในบริเวณวัดเสียก่อน ละอองคำจะตามเข้าไปถูกรัศมีแห่งธรรมกระแทกร่างกระเด็นหงายหลังร้องโอดโอย

“รุ้งแก้ว เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ข้ารักเจ้า รุ้งแก้ว โอ๊ย ข้าเจ็บเหลือเกิน”

รุ้งแก้วเป็นห่วงพี่สาวมากวิ่งออกจากเขตวัดไปหา ละอองคำกอดน้องเอาไว้ แล้วกางเล็บดำยาวน่าเกลียดจะจิกที่คอน้องสาว พลันกายทิพย์ของแม่ชีน้อมปรากฏขึ้น ยื่นมือไปที่รุ้งแก้ว สร้อยประคำลอยมาคล้องคอเธอเอาไว้ รังสีแห่งธรรมสว่างจ้า

ละอองคำถึงกับลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด รุ้งแก้วจะช่วยประคอง เธอกลัวพลังความดีจะแผ่มาโดน รีบถดหนี พร้อมกับไล่น้องไปห่างๆ รุ้งแก้วไม่ฟังจะเข้าไปช่วยพยุงให้ได้ เกิดประกายแสงแห่งความดีและความชั่วปะทะกัน พลังชั่วพ่ายแพ้ ทำให้ใบหน้าของละอองคำค่อยๆเปลี่ยนเป็นหน้าผี รุ้งแก้วตกใจมากล้มลงหมดสติ โชคดีที่ธวัชเข้ามาช่วยรับตัวไว้ทัน

ละอองคำหนีกระเซอะกระเซิงมาตามถนน อึดใจเดียวก็ล้มฟุบ รถเจ๊กที่ฉัตรนั่งผ่านมาเห็นเข้า สั่งคนลากรถให้หยุด จากนั้นก็ลงไปช่วยประคองเธอไว้ หญิงสาวค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้ รีบถดหนี ฉัตรถามว่าไม่สบายหรือเปล่า ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ แล้วอาสาจะพาไปส่งบ้าน...

ฝ่ายรุ้งแก้วฟื้นขึ้นมาในกุฏิของแม่ชีน้อมด้วยอาการหวาดผวาที่เห็นพี่สาวตัวเองกลายเป็นผีร้าย แม่ชีน้อมปลอบให้คลายความกังวล ก่อนจะบอกให้รีบกลับบ้าน มีคนรอความช่วยเหลือจากเธออยู่

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น