ความแค้นของสองสายเลือดที่มิอาจหายใจร่วมโลกเดียวกันได้เริ่มต้นเมื่อจางฉง หัวหน้ากลุ่มมังกรมหานคร ผู้เป็นประมุขแห่งจตุรภาคีถูก ร.ต.ท.อนันต์ ตำรวจมือปราบฝีมือดีวิสามัญ!
การตายของจางฉงนอกจากจะทำให้เสถียรภาพของจตุรภาคีสั่นคลอน ยังสร้างความเจ็บแค้นให้แก่เหว่ยชิงภรรยาท้องแก่ใกล้คลอดของจางฉงเป็นอันมาก หลังจตุรภาคีแตกกระจายไปคนละทิศละทาง เธอต้องหอบลูกในท้องระหกระเหินเพียงลำพัง
ในคืนที่ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตานั้น เหว่ยชิงที่อยู่ในระหว่างการหลบหนีเกิดปวดท้องคลอดลูกขึ้นมากะทันหัน เธอตะเกียกตะกายออกไปขอความช่วยเหลือท่ามกลางสายฝนในความมืดมิดและโดดเดี่ยวเธอทรุดตัวลงหมดแรง แล้วทุกสิ่งก็ดำมืด...
เสียงกรีดร้องของนวลจันทร์ดังเข้ามาในโสตประสาทปลุกให้เหว่ยชิงที่สลบไสลฟื้นลืมตาและพบว่าตัวเองอยู่ในห้องคลอดของโรงพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่ง กำลังจะคลอดลูกพร้อมกับภรรยาของ ร.ต.ท.อนันต์ หลังได้ยินชื่อนั้นความแค้นทำให้เธอปวดท้องอย่างหนัก ราวกับว่าลูกน้อยในท้องเธอต้องการออกมาชำระหนี้แค้นแทนพ่อที่จากไป
และแล้วในช่วงเวลาแห่ง “ฤกษ์ดาวโจร” นั้นเอง เสียงเด็กร้องไห้จ้าดังขึ้นพร้อมกันทีเดียวสองเสียง พยาบาลวิ่งออกมาบอกอนันต์ว่าเด็กคลอดแล้วพร้อมกับเตียงข้างๆ เป็นผู้ชายทั้งคู่ เวลานั้นอนันต์ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าดีใจที่ทั้งแม่และลูกปลอดภัย
นั่นคงเป็นชะตาฟ้ากำหนดให้สองสายเลือดคู่แค้น มาพบกันในสภาพนี้ คืนเดียวกันนั้นเองเหว่ยชิงพาร่างอันอ่อนเพลียหลังการคลอดลูกมายืนมองทารกชายทั้งคู่ คนหนึ่งคือเลือดในอกที่เธอรักยิ่งกว่าชีวิต อีกหนึ่งคือสายเลือดศัตรูที่เธอสาบานจะต้องแก้แค้นให้ได้ในชาตินี้ และนี่คือโอกาสเดียวที่เธอจะทำได้
เหว่ยชิงอุ้มลูกน้อยของตนขึ้นมากอดด้วยความรักแล้วนำไปวางสลับที่กับทารกชายอีกคนผู้เป็นสายเลือดของ ร.ต.ท.อนันต์ โดยไม่มีใครล่วงรู้ ก่อนจากมาเธอได้วางแผนแก้แค้นที่แสนเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของอนันต์ไว้แล้ว นั่นก็คือการทำให้สายเลือดต้องเป็นศัตรู และอนันต์ต้องตายด้วยน้ำมือลูกตัวเอง
ooooooo
25 ปีผ่านไป...โชวหรือเตโช เติบโตขึ้นพร้อมกับ ความแค้นของเหว่ยชิงที่เฝ้ารอวันชำระหนี้แค้นอย่างเงียบๆ
สิ่งที่โชวได้รับจากผู้เป็นแม่คือความเย็นชา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพร่ำถามตัวเองว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมแม่จึงไม่เคยมอบความรักให้เขาเลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่จะทำให้แม่พอใจได้คือคำสัญญาที่เขาจะแก้แค้นให้พ่อและฆ่าอนันต์ด้วยมือของเขาเอง
แตกต่างจากอนาวิลที่ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากนายพลอนันต์และคุณหญิงนวลจันทร์เป็นอย่างดี ทั้งยังมีน้องสาวที่รักพี่ชายมากอย่างดุจดาว อนาวิล มีความสุขได้รับความรักจากครอบครัว เขากลายเป็นคนอบอุ่น เป็นชายในฝันของสาวๆ
ในชีวิตของโชวคงมีเพียงหลี่เฟยผู้เป็นอาจารย์ที่รักเขาดั่งลูกของตัวเองและยังทำหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดของบ้านตระกูลจาง นอกจากนั้นหลี่เฟยยังฝึกฝนเฉินลูกชายคนโตให้เป็นบอดี้การ์ดปกป้องโชว และให้เม่ย ลูกสาวคนเล็กเรียนพยาบาลเพื่อมาดูแลโชวเพียงคนเดียว
ความสุขเล็กๆในชีวิตของโชวคือการได้อยู่ใกล้ๆเม่ย และแกล้งรังแกเธอ นั่นเป็นวิธีแสดงความรักในแบบของโชว เพราะโชวคิดว่าเม่ยเป็นสมบัติของเขาและไม่มีใครมีสิทธิ์ยุ่งกับเม่ย ยิ่งทำให้ทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่แอบหลงรักกันอยู่อย่างเงียบๆภายในใจมานาน
ทางด้านอนาวิล...หลังกลับมาจากเรียนต่อตำรวจที่ต่างประเทศ เขาแอบสมัครเข้าทำงานในหน่วยอินทรี-พิฆาตโดยไม่ได้บอกให้ทางบ้านรู้...นัท รุ่นพี่หัวหน้าหน่วยและยังเป็นคนรักของดุจดาวจึงเตือนอนาวิลให้บอกเรื่องนี้กับอนันต์ แต่อนันต์ก็ทราบก่อน อนาวิลอธิบายให้พ่อเข้าใจว่าการอยู่หน่วยอินทรีพิฆาตคือความใฝ่ฝันของตน แม้จะรู้ว่าหน่วยงานนี้อยู่นอกเหนือจากราชการจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้และต้องเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหนก็ตาม
ooooooo
นอกจากโชวคุณชายแห่งตระกูลจางแล้ว แต่ละกลุ่มในจตุรภาคียังมีทายาทที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันคือ...
อันดา ทายาทของกลุ่มอันดามัน ผู้ดูแลธุรกิจมืดแห่งภาคใต้...วายุ ทายาทแห่งกลุ่มลมบูรพา ยึดครองอำนาจอยู่ภาคตะวันออก และภูผา ทายาทกลุ่มฟ้าเหนือ แผ่อำนาจครอบคลุมทั่วดินแดนภาคเหนือ
ในขณะที่โชวถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้ากลุ่มมังกรมหานครและประมุขจตุรภาคี ศูนย์กลางแห่งอำนาจทั้งปวง ทั้งสี่จึงกลายเป็นแก๊งเพื่อนรัก มาเฟียหนุ่มฮอตที่สาวๆเป็นปลื้มและหมายปองในนามของจตุรเทพแห่งจตุรภาคี
แต่ในความจริงที่ใครไม่รู้...ภูผาอยากเด่น ดัง และเก่งกว่าทุกคนในแก๊ง โดยเฉพาะโชวที่ถูกวางตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มมังกรมหานครและประมุขจตุรภาคี
สืบทอดจากจางฉง นอกจากนี้ภูผายังแอบทำผิดกฎที่จางฉง ตั้งไว้ไม่ให้ทุกคนในจตุรภาคีค้ายาเสพติด แต่ภูผาก็เห็นแก่ความร่ำรวยและความยิ่งใหญ่ และเมื่อใดที่คนของตนถูกจับได้ ภูผาก็จะชิงฆ่าตัดตอนเสียก่อนทุกทีไป
โชวกับเม่ยมีเรื่องทะเลาะกันแทบไม่เว้นแต่ละวัน แต่แจ่มกับมิ่งสองคนรับใช้มองออกว่าทั้งคู่รักกัน โดยเฉพาะโชวที่แคร์เม่ยมาก ถึงขนาดวันหนึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดจึงให้มิ่งช่วยปลูกกุหลาบที่เขาทำพังเสียหายขึ้นมาใหม่ทั้งแปลงอย่างสวยงาม
แต่ผ่านไปแค่วันเดียว โชวก็แผลงฤทธิ์อีกจนได้ อยู่ดีๆเขาไม่พอใจกาแฟที่แจ่มชงทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มเลยสักนิด สั่งแจ่มไปชงมาใหม่ แจ่มเหนื่อยใจวิ่งหายเข้าไปในครัวฟ้องเม่ยว่าเป็นแบบนี้ตนคงต้องชงแล้วทิ้งไม่รู้กี่แก้ว
โชวนั่งเต๊ะท่าอ่านหนังสือพิมพ์รอ ผ่านไปครู่เดียวเขาแผดเสียงถามว่ากาแฟได้หรือยัง หิวจะตายอยู่แล้ว...ขาดคำได้ยินเสียงฝีเท้า เขาคิดว่าเป็นแจ่มก็เลยไม่ได้เงยหน้ามอง กระทั่งแก้วกาแฟถูกวางบนโต๊ะด้วยมือเรียวงาม เขาลอบยิ้มพอใจแต่แกล้งถามว่าแจ่มไปไหน
“พี่แจ่มถูกเด็กโข่งนิสัยไม่ดีแกล้งจนเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว”
“เหรอ ความจริงน่าจะส่งแจ่มไปทำงานโรงพยาบาลแทนเธอซะเลยดีกว่า เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เธอจะลืมหน้าที่ตัวเองบ่อยๆ”
“ฉันไม่ลืมหรอกค่ะว่าหน้าที่ของฉันคือพยาบาลคุณชาย แต่นี่คุณชายก็ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนี่คะ นอกจากอาการทางจิตเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเรื่องนี้ฉันคงช่วยคุณชายไม่ได้ เพราะฉันเป็นพยาบาลไม่ใช่จิตแพทย์”
“นี่เธอ!” โชวเสียงดังอย่างฉุนๆ แต่อีกฝ่ายหาได้ตกใจกลัว กลับเชิญชวนให้เขากินกาแฟซะ ไหนว่าหิวจะตายอยู่แล้วไง?
ชายหนุ่มมันเขี้ยวอยากจะบีบคอเม่ยแต่ไม่กล้า ได้แต่จำใจยกแก้วกาแฟขึ้นมาจะดื่ม แต่ต้องชะงักเพราะได้กลิ่นแปลกๆ
“ไม่กินกาแฟล่ะ วันนี้เอาชาร้อนดีกว่า...ไอ้มิ่งๆ”
มิ่งแอบมองอยู่กับแจ่มในมุมหนึ่งถึงกับสะดุ้ง รีบขานรับแล้ววิ่งออกมาจากที่ซ่อนส่งเสียงยินดีรับใช้ โชวยื่นแก้วกาแฟมาให้กิน มิ่งดีใจจะได้กินกาแฟนอกราคาแพง เม่ยตกใจพยายามจะส่งสัญญาณไม่ให้มิ่งกิน
แต่ไม่ทันเสียแล้ว...มิ่งซดกาแฟเข้าไปอึกใหญ่ก็แทบสำลักออกมา โชวหัวเราะก๊าก ขณะที่เม่ยจ๋อย ถามมิ่งเสียงอ่อยว่าเป็นยังไงบ้าง
“กาแฟอะไรครับเนี่ยคุณเม่ย”
“ก็กาแฟรสยาธาตุยังไงล่ะ” พูดแล้วโชวหัวเราะขำ เม่ยไม่พอใจต่อว่าเขารู้แล้วยังจะไปแกล้งมิ่งทำไม โชวยอกย้อนสีหน้าเยาะหยันว่า “ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ให้เธอเป็นคนกิน ถ้าคิดจะแกล้งฉัน เธอต้องไปฝึกให้ขั้นเทพกว่านี้...อ่อน!”
โชวยื่นหน้ามาใกล้สาวน้อยแล้วจะหันหลังเดินจากไป แต่นึกขึ้นได้จึงหันกลับมาสั่งสาวเม่ยเสียงแข็ง
“ต่อไปนี้หน้าที่ของเธออีกอย่างคือชงกาแฟให้ฉันทุกเช้า กาแฟ!! ไม่ใช่ยาธาตุ!! จำเอาไว้ด้วย”
“แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ” เม่ยสวนทันควันด้วยความโมโห
“ถ้าเธอไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ไอ้มิ่งกับแจ่มเจอดีแน่ คิดเอาเองนะยัยยาธาตุ”
จบคำ โชวก็เดินอารมณ์ดีออกจากบ้านไป ทิ้งความกลัวไว้ให้มิ่งกับแจ่ม ต่างรีบเข้าไปขอร้องเม่ยด้วยท่าทีน่าสงสาร
“คุณเม่ยช่วยแจ่มด้วยเถอะนะคะ”
“นะครับคุณเม่ย ไอ้มิ่งไม่อยากตาย ไอ้มิ่งยังไม่มีเมียเลย”
เม่ยพูดไม่ออก ได้แต่มองตามโชวไปอย่างเจ็บใจ
ooooooo
โชวชอบมาหมกตัวอยู่ที่ร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของตั้มซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียน...แท้จริงร้านนี้โชวเป็นคนลงทุนทั้งหมด หรือจะเรียกว่าเป็นเจ้าของตัวจริงแต่มีตั้งคอยออกหน้า โชวทำกิจการนี้เป็นงานอดิเรกเล่นๆสนุกๆ ไม่ได้คิดหวังทำกำไร เป็นที่สุมหัวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้น
แต่สายวันนี้ขณะโชวทำรถคันเก่งของตนมาตกแต่งเพิ่มเติม อนาวิลก็ขับมอเตอร์ไซค์คันหรูเข้ามาขอดูล้อแม็กซ์รุ่นใหม่ ตั้มกำลังยุ่งอยู่อีกทาง อนาวิลจึงเดินมาถามโชวและเข้าใจว่าเขาคือเจ้าของร้าน
การพูดคุยของสองหนุ่มถูกคอกันดี ไม่มีเค้าลางของความบาดหมางใดๆแม้แต่น้อย ใช้เวลาไม่นานอนาวิลก็บอกลาขับรถออกไป สวนกับสามหนุ่มเพื่อนในแก๊งของโชว พอสามหนุ่มรู้จากตั้มว่าอนาวิลเป็นลูกชาย
นายตำรวจใหญ่ก็ไม่ค่อยพอใจ เตือนไม่ให้รับลูกค้าเป็นตำรวจเพราะมีเหตุผลบางประการที่ไม่ต้องการเปิดเผย
โชวไม่ได้สนใจใคร นอกจากจะเอารถมอเตอร์ไซค์ออกไปลอง แต่ไม่คิดว่าขณะไปลองรถนั้น โชวได้เจออนาวิลอีกครั้งขณะเขาเข้าช่วยหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังจะโดนพวกเด็กแว้นลวนลาม
อนาวิลเข้าช่วยเหลือหญิงสาวและอาจพลาดพลั้งบาดเจ็บถ้าโชวไม่เข้ามาช่วยไว้ อนาวิลจึงรู้สึกถูกชะตากับโชวเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่ได้สนทนาอะไรกันนอกจากขอบคุณ เพราะโชวชิงขอตัวออกไปก่อน
นอกจากอนาวิลจะเจอโชวแล้ว วันเดียวกันนี้เขาได้เจอเม่ยหญิงสาวอีกคนที่คุ้นเคยกับโชว เม่ยทำงานประจำเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอไม่ได้รู้จักพิเศษอะไรกับอนาวิลเมื่อแรกเห็น แต่เพื่อนสาวพยาบาลของเธอกลับกรี๊ดกร๊าดพึงพอใจรูปร่างหน้าตาคมเข้มของเขา
เย็นนั้นเมื่อโชวกลับเข้าบ้านแล้วไม่พบเม่ยก็เป็นเรื่อง!
โชวคาดคั้นมิ่งกับแจ่มเป็นการใหญ่ พอรู้ว่าเธออยู่เวรแทนคนอื่นจึงให้ทั้งคู่รีบโทร.ตามกลับบ้าน แต่เม่ยปิดเครื่อง โชวเลยปามือถือของมิ่งลงพื้นกระจายด้วยความโมโห แจ่มถึงกับผวาเฮือก แอบบ่นกับมิ่งลับหลังโชวว่า
“นี่แค่คุณเม่ยกลับบ้านผิดเวลาคุณชายยังอาละวาดขนาดนี้ ถ้าคุณเม่ยมีผู้ชายมาจีบมีหวังบ้านนี้บึ้มแน่ๆ”
ooooooo
เหว่ยชิงเรียกหลี่เฟยมาสั่งเตรียมงานให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะมอบตำแหน่งประมุขจตุรภาคีให้โชว กำชับว่าอย่าลืมเชิญแขกคนสำคัญของเรมตามแผนการด้วย
ถึงเวลา เหว่ยชิงปรากฏตัวหน้าบริษัทขนส่งตระกูลจางของสามี ซึ่งบัดนี้เธอดำรงตำแหน่งดูแลทุกอย่าง นับเป็นหญิงแกร่งที่ฉลาดเฉลียวหาตัวจับยาก
วายุ ภูผา และอันดาก็มาร่วมงานนี้ด้วย เหว่ยชิงทักทายสามทายาทแห่งจตุรภาคีด้วยความเอ็นดู และขณะที่เหว่ยชิงกำลังสนทนากับผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน โชวกลับแสดงความโมโหฉุนเฉียวอยู่อีกทางเมื่อไม่เห็นเม่ยมาร่วมงาน
ส่วนที่บ้านตระกูลจาง แจ่มกำลังคะยั้นคะยอเม่ยอยู่พอดี แต่เม่ยบอกไม่ใช่เรื่องของเธอ ทำไมต้องไปงานนั้นด้วย แจ่มฟังแล้วร้อนใจ บ่นเบาพึมพำว่างานวันนี้พังแหงๆ
เหว่ยชิงแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมไม่เริ่มงานเสียที หลี่เฟยสีหน้าไม่สู้ดีรายงานว่าคุณชายจะไม่รับตำแหน่ง เหว่ยชิงตกใจแผดเสียงถามว่าทำไม?
“ถ้าเม่ยไม่มาร่วมงานด้วย คุณชายบอกว่าจะไม่ยอมรับตำแหน่งอะไรทั้งสิ้นครับ”
“เหลวไหล!” เหว่ยชิงตบโต๊ะด้วยความโมโห
ขณะเดียวกันนั้น แจ่มยังพยายามเกลี้ยกล่อมเม่ยให้ไปร่วมงาน ไปแสดงความยินดี เป็นตัวแทนของตนก็ได้ แต่เม่ยย้อนว่าไม่เห็นจะน่ายินดีตรงไหนเลย ไม่มีตนแค่คนเดียวไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับงานใหญ่โตนั่น
แจ่มอ่อนใจทำท่าจะเป็นลม “โอย...แค่คนเดียวนี่ล่ะค่ะ แค่คนนี้คนเดียวนี่ล่ะสำคัญที่สุดแล้ว”
“เม่ยไม่ไปค่ะ ยังไงเม่ยก็ไม่ไป”
“เธอต้องไป!” เสียงเข้มของโชวดังขึ้นทางด้านหลัง
เม่ยกับแจ่มสะดุ้งหันไปเห็นโชวยืนจังก้า หน้าตาดุดัน แจ่มถึงกับเรอเอิ๊กลมตีขึ้น คาดว่าเป็นเรื่องแล้วแน่ๆ
แน่นอนว่าคุณชายโชวหงุดหงิดหัวเสียเพราะเม่ยต่อต้านคำสั่ง ทั้งที่เขาสั่งไว้แล้วให้เธอไปร่วมงานสำคัญของ เขา แต่เธอไม่ยอม ขนาดเขามาตามด้วยตัวเองเธอก็ขัดขืนอีก จึงถูกเขารวบตัวขึ้นมอเตอร์ไซค์พาไปอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางความตกอกตกใจของแจ่มที่ลุ้นระทึก
โชวขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาโดยมีเม่ยหลับตาปี๋อยู่ในอ้อมอกเขา ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวแล้วยิ้มชอบใจ ก่อนที่เขาจะขับมาจอดหน้าบริษัทที่ทุกคนรออยู่
เม่ยรู้สึกตัวว่ามาถึงแล้วก็ลืมตาขึ้น เห็นคนอื่นๆมองเธอขำๆ รู้สึกอายไม่อยากสบตาใคร พอโชวลงจากรถ เฉินเม่ยรีบเข้าไปช่วยประคองน้องสาว
เม่ยมองโชวหน้าหงิก ทั้งอายทั้งโกรธ แต่โชวยิ้มสะใจ กระเซ้าเธอหน้าตายว่า
“หน้าตาดีใจมากเลย ไม่ต้องดีใจกับฉันมากขนาดนั้นก็ได้”
“นี่คุณ...”
โชวกลัวซะที่ไหน เลิกคิ้วใส่เม่ยแล้วเหล่ตาไปมองหลี่เฟยที่กำลังเดินตรงมา เม่ยเห็นพ่อก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับคุณชายโชว เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้เพราะกลัวพ่อดุ
“จำเอาไว้ เธอไม่มีทางขัดคำสั่งฉันได้” โชวเน้นย้ำแล้วหันหลังเดินนำเข้างานไป
ooooooo
วันเวลาเดียวกันที่หน้าตึกกองปราบ มีงานมอบตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบคนใหม่ ซึ่งอนันต์ได้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจ แต่กระนั้นก็ยังไม่วายมีเสียงนินทาลับหลัง แล้วเผอิญอนาวิลได้ยินเต็มสองหู
“ถ้าไม่ใช่เพราะกำจัดมาเฟียอย่างจางฉงได้ ท่านอนันต์คงไม่เจริญในหน้าที่การงานรวดเร็วขนาดนี้หรอก”
“งั้นที่เล่ากันว่าเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วมีใบสั่งจากผู้ใหญ่ที่ให้ท่านอนันต์ฆ่าจางฉงก็เรื่องจริงน่ะสิ”
“ท่านคงหวังขึ้นมาเป็น ผบ. เห็นไหมล่ะ พอฆ่าจางฉงตาย ท่านก็ได้เป็นนายพล”
“โหดจริงๆเลยว่ะ ฆ่าคนแลกตำแหน่ง”
เม้าท์จบพวกเขาหันไปเห็นอนาวิลจ้องมา ต่างพากันเดินหนีหายไปจากตรงนั้น อนาวิลสีหน้าไม่สบายใจที่มีคนพูดถึงพ่อไม่ดี พอเหลือบเห็นจ่าเดชซึ่งเดาว่าได้ยินเหมือนกันจึงขยับมาถามว่า
“จริงรึเปล่าจ่า”
“เอ่อ...ผมว่าเรื่องนี้ถามท่านอนันต์เองดีกว่านะครับ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่ากับท่านอนันต์หรอก”
จ่าเดชโบ้ยด้วยสีหน้าเจื่อนๆ อนาวิลถอนใจแล้วมองไปทางอนันต์ เห็นลูกน้องคนหนึ่งเข้ามากระซิบ แล้วอนันต์ก็หน้าเครียดราวกับได้ยินข่าวไม่ดี
“ข่าวชัวร์เหรอ” อนันต์ถามลูกน้อง
“ครับท่าน สายข่าวคนนี้ไม่เคยพลาดมาก่อน”
อนาวิลอดรนทนไม่ไหวเดินเข้าไปถามอนันต์ว่ามีอะไร พอได้ยินคำตอบก็หน้าเครียดไปอีกคน
ooooooo
พิธีรับมอบตำแหน่งประมุขจตุรภาคีใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว...โชวหรือเตโชยกตราชูประจำตำแหน่งขึ้นแล้วกล่าวเสียงดังกับเหล่าสมาชิกจำนวนมาก
“ในฐานะประมุขจตุรภาคีคนใหม่ ฉันสัญญาว่าจะกอบกู้อำนาจและความยิ่งใหญ่ของจตุรภาคีกลับคืนมาให้ได้”
ทุกคนโห่ร้องอย่างฮึกเหิม...เหว่ยชิงหันไปยิ้มให้รูปจางฉงสามีผู้ล่วงลับ รำลึกนึกคิดอย่างสะใจว่า
“ถึงเวลาที่พ่อลูกที่แท้จริงจะได้พบหน้ากัน ในฐานะศัตรูคู่อาฆาตซะทีนะคะจางฉง”
ทันใดนั้นกลุ่มตำรวจบุกเข้ามาในงาน ปิดประตูล้อมทุกคนไว้...ผู้คนแตกตื่น แต่เหว่ยชิงมองนิ่งไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย
“ทุกคนอยู่ในความสงบ” เสียงตำรวจนายหนึ่งดังขึ้น
โชวและทุกคนหันไปที่ประตูเห็นอนาวิลเดินเข้ามาก่อน เหว่ยชิงแปลกใจ เช่นเดียวกับโชวและอนาวิลพอเห็นหน้ากันก็ชะงักอย่างไม่คาดคิด
แต่แล้วโชวมองเลยไปเห็นชายอีกคนที่กำลังเดินเข้ามา เขาอึ้งงัน ใจเต้นรัว จำได้แม่นว่าชายคนนี้คืออนันต์ที่ฆ่าพ่อของตน
ในอดีต...เหว่ยชิงให้โชวดูรูปอนันต์และพูดกรอกหูอยู่เสมอว่าเขาเป็นตำรวจใหญ่ เขาฆ่าพ่อของแก...โชวจำจนขึ้นใจว่าอนันต์คือคนที่ทำลายความสุขในชีวิตตัวเอง โดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วอนันต์คือพ่อผู้ให้กำเนิด!
วันนี้เผชิญหน้ากันจังๆ โชวจ้องมองอนันต์ด้วยความแค้น...ช่างสมใจเหว่ยชิงยิ่งนัก!
เมื่ออนันต์ก้าวมายืนตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลัง จ้องตนเขม็งและถามชื่อของเขา เหว่ยชิงรีบตอบเสียเองว่า
“เตโช...ประมุขคนใหม่ของจตุรภาคี ลูกชายคนเดียวของจางฉง”
อนันต์จำเหว่ยชิงได้ ขณะที่สาวใหญ่ก็จำเขาได้ไม่มีวันลืม ทักทายว่ายินดีที่ได้เจอท่านอีกครั้ง ท่านอนันต์ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
“ต้องขอโทษด้วยที่ผมเสียมารยาทมาร่วมงานเลี้ยงโดยที่ไม่ได้บอกพวกคุณล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติเสียอีกที่ท่านมา”
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ อย่าเสียเวลาอ้อมค้อม” โชวโพล่งขึ้นเสียงเรียบ...อนันต์บอกเหว่ยชิงว่าลูกชายของเธอเป็นคนตรงดี ตนชอบ เหว่ยชิงได้โอกาสแขวะอนันต์ว่าบางทีเขาก็ตรงจนเกือบโง่เหมือนพ่อของเขา
“มีคนแจ้งว่าที่นี่จะมีการทำผิดกฎหมาย ผมต้องขอตรวจค้นตามหน้าที่”
ขาดคำของอนันต์ วายุสวนทันควันว่าไม่ได้ ภูผาถามว่ามีหมายค้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีพวกตนไม่ให้ค้น
“ใช่ ผมไม่มีหมายค้น แต่ถ้าพวกคุณทำธุรกิจบริสุทธิ์จริงๆก็ไม่เห็นต้องกลัวถ้าผมจะขอตรวจค้น ใช่ไหมครับ คุณเหว่ยชิง”
“เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ คงต้องให้ประมุขภาคีเขาเป็นคนตัดสินใจ...ว่าไง ท่านประมุข”
เหว่ยชิงโบ้ยไปที่โชว คนอื่นๆพากันลุ้นโชวจะว่ายังไง อันดาส่งเสียงกระตุ้นโชวว่าอย่ายอม แต่แล้วโชว
กลับตัดสินใจเชิญค้นตามสบาย อนันต์จึงสั่งลูกน้องค้นให้ทั่ว ถ้าพบสิ่งผิดกฎหมายรายงานตนด่วน
อันดาร้อนใจกระซิบถามโชวทำไมต้องยอมพวกมัน โชวซึ่งไม่เคยรู้ตื้นลึกหนาบางบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องกลัว
อันดา ภูผา และวายุมองหน้ากันไม่สบายใจ พวก เขารู้อยู่เต็มอกว่าจตุรภาคีทำธุรกิจมืดอะไรบ้าง มีเพียงโชวเท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เนื่องจากเหว่ยชิงสั่งปิดไว้เพราะรู้ว่าถ้าเขารู้ต้องไม่ยอมขึ้นเป็นประมุขแน่ และอีกเหตุผลคือโชวไม่ใช่ลูกที่แท้จริง ดังนั้นเหว่ยชิงจึงไม่จำเป็นต้องให้โชวรู้ทุกอย่าง แม้โชวจะเป็นประมุขแต่เหว่ยชิงก็ยังชักใยจตุรภาคีอยู่เบื้องหลัง
เมื่อโชวถามอนันต์ว่าถ้าพบแล้วไม่เจออะไรจะว่ายังไง อนันต์นิ่งขรึมแต่อนาวิลไม่พอใจกับท่าทียียวนกวนประสาทของโชว จนเมื่อค้นแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ เลย แล้วโชวแสดงอาการหมิ่นอนันต์ อนาวิลจึงไม่อยู่เฉย
“ขอโทษ ผมผิดเอง ผมเป็นคนเอาเรื่องนี้มาแจ้งท่านอนันต์เอง”
เหว่ยชิงหันขวับไปมองอนาวิลอย่างผิดหวัง ยิ่งได้ยินเขาพูดกับอนันต์ว่าตนเป็นลูกต้องรับผิดแทนพ่อ เหว่ยชิงแอบสะท้อนใจ
โชวกับอนาวิลเขม่นกันจนได้ สองหนุ่มเกือบ วางมวย ถ้าเหว่ยชิงซึ่งประเมินแล้วว่าพวกตนเสียเปรียบจึงปรามโชวไว้ ส่วนอนันต์เอ่ยปากขอโทษเธอที่ทำความวุ่นวายให้ ก่อนพาพวกของตนกลับไปพร้อมอนาวิลซึ่งแสดงความไม่พอใจโชวอย่างเห็นได้ชัด
ooooooo
ตกกลางคืน อนันต์ฝันถึงเหตุการณ์เมื่อ 25 ปีก่อนที่เขาวิสามัญจางฉงตายแล้วเหว่ยชิงอาฆาตแค้นว่าเขาต้องชดใช้...อนันต์สะดุ้งตื่นกลางดึกจนนวลจันทร์ที่นอนอยู่ข้างกันตกใจถามว่าเป็นอะไร
เมื่อสามีเล่าความฝันให้ฟังด้วยสีหน้าท่าทีกังวล นวลจันทร์จึงปลอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่อนันต์จะล้มตัวลงนอนตามเดิม แต่ยังข่มตาหลับไม่ลง...
คืนเดียวกัน โชวกลับมาเอาเรื่องเม่ยที่ไม่ยอมอยู่ร่วมงานจนจบ เธอมีเหตุผลส่วนตัวที่อยากบอกเขาเหลือเกินว่าเธอไม่ปลื้มกับตำแหน่งประมุขจตุรภาคี เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ากลุ่มนี้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย แต่โชวกลับไม่รู้ทั้งที่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุด
เม่ยเกือบจะเผลอปากเรื่องนี้ออกไปอยู่แล้วถ้าหลี่เฟยไม่ปรากฏตัวเข้ามาแทรกเสียก่อน...คำพูดกำกวมของเม่ยทำให้โชวสงสัยอยากจะถามเหว่ยชิง แต่พอเธอสวมกอดเขาก็ลืมเรื่องอื่นหมด เนื่องจากไม่เคยได้รับไออุ่นจากแม่เลยสักครั้ง
เหว่ยชิงฉลาดมากที่จะยืมมือโชวฆ่าพ่อแท้ๆ เธอจึงต้องทำดีกับเขาและคอยเป่าหูเขาเรื่องอนันต์ฆ่าจางฉง และทุกครั้งเมื่อถูกพูด โชวมักแสดงความเคียดแค้นอนันต์อย่างหนัก ซึ่งมันคือสิ่งที่เหว่ยชิงต้องการ!
ooooooo
อนันต์ถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิเรื่องเมื่อวานที่ไปบุกพวกตระกูลจางโดยไม่มีหมายค้น แล้วทำมาทำไปคดีนี้ก็ถูกโอนไปให้หน่วยอินทรีพิฆาต อนันต์หมดบทบาทลงทันที พออนาวิลทราบเรื่องนี้จากนัทก็ไม่สบายใจเป็นห่วงพ่อ
เวลาเดียวกัน นวลจันทร์อยู่บ้านและพลั้งมือไปโดนรูปอนาวิลกับอนันต์หล่นแตกกระจาย เธอตกใจและกังวลกลัวจะเป็นลางร้าย แต่ดุจดาวลูกสาวเข้ามาปลอบแม่อย่าคิดมาก อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“โบราณว่ามันเป็นลางร้าย”
“โธ่...แม่ขา โบราณก็ส่วนโบราณสิคะ”
“ดาว...อย่าล้อเล่นนะลูก แม่รู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”
“ไม่เอาๆ ไม่คิดมากแล้วนะคะแม่” ดุจดาวกอดปลอบใจแม่ แต่นวลจันทร์ก็ยังสีหน้าเป็นกังวลอยู่ดี...
อนาวิลออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้ ไม่ทันพ้นปากซอยเขาโดนวีนัสเซอร์ไพรส์ด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ วีนัสเป็นคุณหนูลูกเมียน้อยของหัวหน้ากลุ่มอันดามันคนก่อน เธอจึงมีศักดิ์เป็นน้องสาวของอันดา วีนัสไปเรียนต่อเมืองนอกเสียนาน อนาวิลเองก็เคยเรียนเมืองนอก ครั้งนี้เธอกลับมาทำให้อนาวิลประหลาดใจ
วีนัสหอมแก้มอนาวิลฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง อนาวิลเองก็คิดถึงเธอ บีบจมูกเธออย่างมันเขี้ยว
“นี่คุณมาถึงเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกก่อน ผมจะได้ไปรับ”
“เมื่อเช้าค่ะ วีนัสกลับบ้านเก็บของก็ขับรถออกมาหาคุณเลย คิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว วันนี้วินต้องอยู่กับวีนัสทั้งวันนะคะ”
“ผมต้องไปทำงาน ขอโทษด้วยนะครับ เอาไว้ตอนเย็นผมไปรับคุณมาทานข้าวนะ”
หญิงสาวหน้างองอนทันที อนาวิลเลยหยอกล้อเธอว่า
“อย่างอนสิครับ เดี๋ยวไม่สวยนะ...สัญญา หลังเลิกงานผมจะไปหาคุณทันที...โอเค้”
วีนัสยิ้มออก ยอมปล่อยเขาไปทำงานแล้วตั้งหน้าตั้งตารอเวลาจะได้เจอกัน
ooooooo
อันดา วายุ และภูผา สามทายาทแห่งจตุรภาคีเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับอนันต์ พวกเขาจับมาเป็นประเด็นการสนทนาด้วยความสะใจ เพราะเนื้อข่าวออกแนวตำหนิอนันต์ที่บุกไปค้นบริษัทขนส่งชื่อดังว่าทำผิดกฎหมายแต่ไม่เป็นความจริง
ภูผา อันดา และวายุสรุปว่าอนันต์กร่างอยากโชว์ผลงานในตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบคนใหม่ แต่กลายเป็นจับแพะชนแกะจนน่าขัน
“เจ๋งเป้งไปเลยว่ะ”
“ไม่นึกว่าแกจะมามุกนี้”
อันดากับภูผาเอ่ยชมโชวแล้วพากันหัวเราะชอบใจ
ที่แท้ข่าวนี้เป็นฝีมือของโชวนั่นเอง เขาบอกสามสหายอย่างเลือดเย็นว่า
“การฆ่าคนมันง่ายเกิน ถ้าจะให้สะใจ เราต้องค่อยๆทำลายมัน เริ่มจากชื่อเสียงเกียรติยศของมันก่อน ไปจนถึงสิ่งที่มันรักสุดหัวใจ พอมันหมดสิ้นทุกสิ่ง เราถึงค่อยฆ่ามัน”
“สุดยอดไปเลยว่ะ” วายุชื่นชม
“นี่แค่เริ่มต้น ระหว่างฉันกับไอ้อนันต์ยังต้องเจอกันอีกเยอะ พวกแกคอยดูแล้วกัน มันจะต้องย่อยยับยิ่งกว่าเรา”
มิ่งเสนอหน้าเข้ามาพร้อมน้ำหวานหลายแก้ว แจกจ่ายคุณชายทั้งสี่ “งั้นแบบนี้ก็ต้องฉลองชัยชนะล่วงหน้ากันหน่อยนะครับคุณชาย”
คุณชายทั้งสี่รับแก้วน้ำหวานมาถือ มิ่งเป็นต้นเสียงร้องไชโยก่อนทุกคนจะชนแก้วด้วยรอยยิ้มสะใจ โดยเฉพาะโชวท่าทางมุ่งมั่นว่าตนต้องชนะ ขณะที่ภูผาลอบมองโชวแปลกๆ แววตาแฝงไปด้วยความเหยียดหยัน...
เช้าวันต่อมา โชวไปวิ่งออกกำลังกายในสวน สาธารณะแล้วเจอชายสูงวัยคนหนึ่งท่าทางเหมือนจะเป็นลม เขาอยู่ในชุดออกกำลังกาย ยืนเหนื่อยหอบอยู่สักพักก่อนทรุดลงเกือบล้ม โชคดีโชววิ่งเข้ามาประคองทันเวลา
“คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่า”
โชวเปล่งเสียงพร้อมกับก้มมองใบหน้าซีดเผือดของชายสูงวัยแล้วอุทานด้วยความตกใจ
“ท่านอนันต์!!”
“ช่วยด้วย...”
เสียงอนันต์แผ่วเบาแล้วหมดสติไป โชวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆหยิบมีดออกมากำแน่น มองอนันต์เขม็งด้วยความแค้น แววตาประสงค์ร้ายฉายชัดจนน่ากลัว!
ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น