วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 8


สุนทรีเชื่อมั่นว่ายังไงบุรีก็ต้องยอมทำตามความต้องการของเธอ วันนี้เธอจึงจับนงรามแต่งตัวสวยเพื่อไปหาบรรจบ แต่นงรามกลับบอกว่าตนมีนัดกับวิศิษฏ์ คุณแม่จอมเจ้ากี้เจ้าการเลยแหวใส่อย่างอารมณ์เสีย

“ไปคุยกับมันทำไมอีก แม่ทำทุกวิธีที่จะให้คุณบุรีเขามาเจรจาสู่ขอนงไปเป็นสะใภ้ แล้วเราจะริกๆไปหาผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงดีๆเขาไม่ทำกันหรอก”

“นงจะให้ศิษฏ์มาสู่ขอนงค่ะ”

“งั้นฉันจะอนุญาตแกเป็นครั้งสุดท้ายนะนงราม...แกจงไปหามันแล้วก็บอกว่าอย่าติดต่อกันอีก เพราะแกกำลังจะแต่งงานกับคุณบรรจบ”

“คุณแม่...นงบอกหลายหนแล้วนะคะว่านงไม่ได้รักพี่บรรจบ”

“ฉันก็บอกแกหลายครั้งแล้วเหมือนกันว่าถ้าแกขัดคำสั่งฉัน ฉันก็จะฆ่าตัวตายประชดลูกอกตัญญู ไปให้พ้นหน้าฉัน!”

นงรามเสียใจเดินร้องไห้หนีไป องุ่นสงสารเธอจับใจก้าวตามไปติดๆ สุนทรีเอาแต่โมโหร้องด่าไล่หลังว่านังลูกไม่รักดี!

ooooooo

วันเดียวกันนี้ วิภาดาเริงร่ามาบอกข่าวดีมารดาว่ามีเศรษฐีขอซื้อที่ดินตรงบ้านร้าง ถ้าเราตกลงเขาจะเอาพระมาปัดรังควานแล้วจัดการรื้อถอน เขาจะสร้างคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่

“อูย...ดีใจที่สุด แล้วแกเรียกไปกี่ร้อยล้าน ผืนนั้นงามมากนะ ถ้าขายแล้วไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีให้คนลือเช้าลือเย็นก็อย่าขาย เอาไว้เก็งกำไรก่อนดีกว่า”

ชื่นจิตจะเอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟได้ยินคำพูดของคุณนายก็ส่ายหน้า พึมพำว่างกจริงๆ แต่แล้วปั้นยิ้มเข้ามาส่งเสียงหวาน

“กาแฟค่ะคุณนาย คุณวิจะรับด้วยไหมคะ”

“ดีๆ เอาขมๆเลยนะ ขมเท่าไหร่ยิ่งดี”

“ทำไมล่ะคะ”

“นั่นสิ ทุกทีแกกินกาแฟหวานเหมือนกินขนม”

“วิจะได้รู้ว่าวิไม่ได้ฝันไปไงคะคุณแม่”

สองแม่ลูกยิ้มย่อง ส่วนชื่นจิตกลับไปชงกาแฟมาอีกแก้ว จัดหนักจนขมปี๋คิดว่าได้ใจวิภาดาแน่ ที่ไหนได้ เธอสำลักพ่นกาแฟออกมาพร้อมเสียงด่า

“นังชื่น บรรพบุรุษหล่อนเป็นเจ้าของไร่กาแฟเหรอ โอย...ขมไม่เอาประเทศเลย”

“ขมก็ดีสิคะ แสดงว่าคุณวิไม่ได้ฝันไป”

ฟังสาวใช้แล้ววิภาดาคล้อยตาม ยิ้มแป้นพูดกับเฟื่องขจรว่าจริงด้วย!

ooooooo

วิศิษฏ์กำลังเตรียมงานใหญ่คือการจัดแสดงแสงสีเสียงที่โบราณสถาน เขากลุ้มใจที่หาคนออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับไม่ได้ พิศแนะให้ว่าจ้างแพรวพรรณ ขณะที่ภาณุกับแสวงก็เสนอแพรวพรรณเช่นกัน เพราะเธอถนัดทางด้านนี้

เมื่อภาณุติดต่อผ่านไปยังเรืองรุ้ง พอแพรวพรรณทราบจากเพื่อนก็ดีใจมากและเดินทางมาที่สำนักงานของวิศิษฏ์พร้อมกับเรืองรุ้ง ภาณุต้อนรับสองสาวด้วยความยินดี โดยเฉพาะเรืองรุ้งที่เขารักชอบเธอเข้าให้แล้ว แสวงมองออกก็เลยช้ำ เพราะแอบพึงใจเรืองรุ้งอยู่เหมือนกัน

การมาของสองสาวเกิดเรื่องราวอย่างไม่คาดคิด นงรามมารอวิศิษฏ์อยู่ก่อนเพื่อจะชวนเขาไปกินข้าว แต่เขาบ่ายเบี่ยงว่าติดประชุม พอเห็นแพรวพรรณมากลับมีเวลาจะคุยด้วย นงรามไม่พอใจอย่างมากพาลหาเรื่องแพรวพรรณต่อหน้าผู้คนจำนวนไม่น้อย
“อ๋อ รู้แล้วที่ไม่อยากคุยกับนงก็เพราะนัดนังนี่มาที่นี่ใช่มั้ย”

“นง...ผมไม่ได้นัดใครทั้งนั้น คุณก็รู้ว่าทำงานแทบไม่ได้เงยหน้า”

“ถ้าคุณนงรามหมายถึงแพรวล่ะก็...เข้าใจผิดค่ะ ฉันนัดกับคุณณุ แพรวมีน้ำใจขับรถมาให้ฉัน ไม่มีใครนัดใครทั้งนั้นค่ะ” เรืองรุ้งออกโรงแทนเพื่อนรัก

“แล้วทำไมต้องมาเวลานี้ เวลาที่ฉันอยู่กับศิษฏ์...ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นอะไรกับเขา”

“ถ้าคุณนงรามไม่สบายใจ ฉันก็จะกลับ เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกพาดพิงว่าวุ่นวายกับผู้ชายของคนอื่น ว่าแต่ผู้ชายที่คุณนงรามอ้างนี่มีกี่คนกันแน่คะ เห็นครั้งก่อนก็อ้างพี่บรรจบเป็นแฟน...ขอโทษนะรุ้ง ฉันกลับก่อน รบกวนคุณณุไปส่งรุ้งที่คอนโดด้วยนะคะ”

แพรวพรรณเดินออกไป นงรามชักสีหน้าไม่พอใจที่ถูกพาดพิงถึงบรรจบ แล้วรีบไปดึงวิศิษฏ์ที่จะเดินตามแพรวพรรณ

“เขาอยากกลับก็ให้กลับไปเถอะค่ะ ฮึ! แทงใจดำล่ะสิ”

“ถ้านงมาที่นี่เพื่อจะมาหาเรื่องล่ะก็...อย่ามา” วิศิษฏ์ตวาดจนนงรามหน้าเสีย ขณะที่ระรินกับเขียว

อ้าปากเหวออย่างไม่คาดคิด ส่วนแสวงสะใจถึงกับพูดโพล่งว่า

“เด็ดขาดโว้ยวันนี้”

“เคลียร์กันเองนะโว้ย...คุณรุ้งเชิญทางนี้ครับ” ภาณุเดินนำเรืองรุ้งไป นงรามมองตามแล้วหันมาแหวใส่วิศิษฏ์

“คอยดูนะ ศิษฏ์ไล่นง นงจะมาที่นี่ทุกวัน” ว่าแล้วสะบัดพรืดจากไปอย่างเคืองๆ

ooooooo

แพรวพรรณขับรถออกไปทั้งน้ำตา บอกตัวเองให้ตัดใจเพราะเขาไม่ใช่ของเรา...พิศปรากฏร่างที่เบาะหลังมองดูน้องสาวด้วยความสงสาร

ด้านภาณุกับเรืองรุ้งกำลังพูดคุยกันตามลำพัง เขาบ่นให้เธอฟังว่าสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ท่านผู้อำนวยการให้ทำงานแสงสีเสียงมีเวลาแค่สองเดือนจะทำทันได้ยังไง วิศิษฏ์กลุ้มใจมาก ส่วนนงรามก็ดันมานั่งเกาะโต๊ะจนไม่เป็นอันทำอะไร ตนเลยต้องออกอุบาย

“อ้อ...เลยกลายเป็นว่าเพื่อนรุ้งต้องมาปะทะกับยัยนงรามเนี่ยนะ คิดดีเหลือเกินนะคะคุณณุ”

“ก็บอกมาสิว่างานนี้จะสำเร็จหรือเปล่า ถ้าไม่...

ผมจะได้ทำให้เจ้าศิษฏ์ทำบันทึกเรียนท่าน ผอ.ไปว่าทำไม่ทัน”

“สำเร็จสิคะ คนที่มีความสามารถจะอาสาทำงานนี้ วางใจได้ค่ะคุณณุ”

ภาณุยิ้มกว้าง มองหน้าหญิงสาวอย่างแสนรัก...

ฝ่ายนงรามที่อารมณ์เสียกลับไปบ้าน พอจอดรถเธอเห็นใครคนหนึ่งนั่งเบาะหลัง แววตาแข็งกร้าวน่ากลัว

“นังแพรว!” นงรามอุทาน แต่เพ่งมองอีกกลับไม่มี เธอร้องลั่นขอความช่วยเหลือคิดว่าตัวเองโดนผีหลอกแน่ องุ่นวิ่งออกมาพร้อมสุนทรี พอได้ยินนงรามบอกว่าผีหลอก ผีอยู่ในรถ สองคนก็เขม้นมองเข้าไปแต่ไม่เห็นอะไร นอกจากความว่างเปล่า

“อย่าสร้างเรื่องให้ตกใจ ผีบ้าอะไรจะหลอกกลางวันแสกๆ กลัวฉันด่าเรื่องที่แกแล่นไปหาผู้ชายใช่มั้ย”

“คุณแม่...นงไม่ได้โกหก นงเห็นจริงๆ” นงรามกระแทกเสียงแล้วเดินฉับๆเข้าบ้าน

องุ่นมองในรถอีกทีแล้วเปรยขึ้นว่าอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ สุนทรีถึงกับเสียววาบ เพราะตัวเองเคยประสบกับเหตุการณ์แปลกๆที่มองไม่เห็นมาแล้ว

ooooooo

วิศิษฏ์อ่อนใจที่ห้ามมารดาไม่สำเร็จ เฟื่องขจรดึงดันจะไปดูบ้านร้างกับวิภาดาอีกครั้งหลังทราบว่ามีเศรษฐีมาขอซื้อ พิศล่วงรู้จึงปรากฏตัวต่อหน้าวิศิษฏ์ในห้องนอน

“ฉันบอกคุณเด๋อแล้วนี่คะว่ากระบวนคนงกและไม่ฟังใครไม่มีใครเกินแม่คุณเด๋อ”

“ผมทราบครับคุณพิศ แต่ทำยังไงจะห้ามท่านได้ล่ะครับ”

“ฉันเคยบอกคุณเด๋อแล้วนี่คะว่าท่านมีไอ้ผีหกตัวนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวร มันรอคอยแก้แค้นอยู่ ไม่ยอมไปผุดไปเกิด”

“แหวนนาคราชของคุณพิศช่วยแม่ผมได้ไหม”

“แหวนนาคราชเป็นของคุณเด๋อคนเดียวเท่านั้น ช่วยคุณเด๋อได้ทุกครั้ง แต่คนอื่นไม่แน่ใจ”

ในเมื่อพิศไม่รับปาก วิศิษฏ์ยิ่งเป็นห่วงแม่...

วันรุ่งขึ้น เฟื่องขจรกับวิภาดาไปบ้านร้างเจอเศรษฐีวัยกลางคนที่จะซื้อที่ดินมาพร้อมกับซินแส ซินแสสำรวจตรวจดูแล้วบอกว่าที่ตรงนี้ทำเลดีมาก หารู้ไม่ว่าในบ้านมีผีสองผัวเมียและบริวารอีกสี่ตนมองเขม่นมาอย่างเอาเรื่อง

ชุบกับอวบผีเจ้ากรรมนายเวรของเฟื่องขจรปรากฏร่างให้สองแม่ลูกหวาดกลัวจนต้องเผ่นหนีกลับออกมา แต่ไม่ยอมบอกผู้มาซื้อให้รู้ตัว

สองแม่ลูกกลับมาคุยกันที่บ้านต่อหน้าวิศิษฏ์ วิภาดาแน่ใจว่าพวกผียังอยู่ในบ้านร้างหลังนั้น และมันคงไม่ยอมให้เราขายบ้านอย่างแน่นอน

“ผมว่าอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมันเลย”

“ไม่ได้หรอก เงินหลายสิบล้านหายวับไปกับตาเลย ยังไงก็ต้องทำให้ไอ้เสี่ยนั่นจ่ายมาก่อน ได้เงินเข้ากระเป๋าแล้ว พวกมันจะโดนผีหลอกก็ช่างหัวมัน” เฟื่องขจรเสียงแข็ง

“ระวังเขาจะมาด่าเราลับหลังนะครับ” วิศิษฏ์เตือนดีๆ แต่วิภาดากลับคิดไปอีกอย่าง

“โอ๊ย! ดูแกจะห่วงผีมากกว่าห่วงฉันกับแม่อีกนะ ใช่สิ แกมันพวกคนเลี้ยงผีนี่ สักวันแกคงเอาผีมาหลอกพวกฉัน”

ชื่นจิตสีหน้าหวาดกลัว รีบคลานเข้ามาหาเฟื่องขจร บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงตนขอลาออก!

ooooooo

หลังจากรับงานออกแบบเสื้อผ้าและเครื่อง

ประดับให้กับองค์กรของวิศิษฏ์ แพรวพรรณพยายามใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก พิศจึงทวนอดีตให้เธอเห็นอดีตชาติของตนเอง

แพรวพรรณเหมือนหลับแล้วฝันไป เห็นแพรวภรรยาของคุณพระที่หน้าเหมือนวิศิษฏ์ราวคนเดียวกัน แพรวชอบเครื่องประดับและเสื้อผ้าแพรพรรณ แล้วเธอก็เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด อยากได้อยากมีทุกสิ่งที่เหนือกว่าพิศ

ลิ้นจี่ท้วงพิศอย่างไม่เห็นด้วยที่เธอทำให้แพรวพรรณเห็นภาพอย่างนั้น แต่พิศตอบอย่างปลงๆว่า

“อดีตกรรมเคยเกิดขึ้นยังไง อดีตก็จะทวนให้เห็นเช่นนั้น”

“คุณพิศ...เขาเกิดมาในชาติภพใหม่แล้ว มีหรือที่จะเชื่อว่าตนเองในชาติก่อนโน้นเคยทำอะไรไว้บ้าง”

“สุดแท้แต่เวรกรรมเถอะลิ้นจี่ เพราะถึงยังไงคนเราก็หนีกรรมไม่พ้นดอก”

พิศมองไปที่ห้องวิศิษฏ์ เวลานั้นเขาหลับสนิท ครู่เดียวเธอมานั่งอยู่ข้างเตียง นึกถึงอดีตที่เคยรักกัน แต่ปัจจุบันคงเป็นไปไม่ได้...

แพรวพรรณประหลาดใจมากกับสิ่งที่เห็นเมื่อคืน เช้าขึ้นเธอโทร.หาเรืองรุ้งเป็นคนแรก

“แพรวมั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป แต่ภาพพวกนั้นมันผุดเข้ามาในความคิด ชัดเจนมาก เหมือนกำลังนั่งดูหนังเรื่องนึงเลย”

“แล้วเชื่อหรือเปล่าล่ะ”

“แพรวคงเครียดน่ะรุ้ง...ก็เลยเกิดอาการแปลกๆ ในนิมิตแพรวเห็นตัวเองแต่งชุดไทย แต่แพรวได้ยินคนเอ่ยถึงแม่พิศ ไม่รู้แม่พิศเป็นใคร แพรวไม่รู้จัก”

“แม่พิศ” เรืองรุ้งครางออกมา จำได้ว่าพิศเคยนิมิตให้ตนเห็นอดีต

“แต่พระเอกของเรื่องน่ะเป็นใครรู้มั้ย”

“ทำไมจะเดาไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คุณวิศิษฏ์”

แพรวพรรณหัวเราะอารมณ์ดี “ก็เลยไม่อยากลืมนิมิตนี้เลยล่ะรุ้ง”

“จ้า...สรุปว่าตอนนี้คิดออกแล้วใช่ไหมว่าเสื้อผ้าเครื่องประดับต้องออกแบบยังไง”

“มันผุดขึ้นมาเองทั้งหมดเลย แปลกจัง”

“ถ้างั้นฉันนัดคุณศิษฏ์ให้เลยนะ แพรวจะได้มานำเสนอด้วยตัวเอง”

“จ้า...” แพรวพรรณตอบเสียงใสแล้ววางสายด้วยรอยยิ้ม

ooooooo

บุรีหว่านล้อมและขอร้องลูกชายให้แต่งงานกับนงรามจนน้ำลายแห้งคอก็ไม่สำเร็จ บรรจบปฏิเสธเสียงแข็งโดยไม่รู้ว่าสัตตะแอบฟังอยู่

“ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับนงรามเด็ดขาด ยัยสุนทรีจะฆ่าตัวตายเป็นข่าวดังแค่ไหน เราก็ไม่ต้องสนใจ มีแต่เขาจะว่านงรามเป็นผู้หญิงใจง่ายมากกว่า...

เรื่องแบบนี้สำหรับผู้ชายมันเป็นกำไรชีวิตครับ”

“พ่อไม่คิดเลยว่าแกจะมีนิสัยอย่างนี้”

“นี่คุณพ่อกลายเป็นคนดีมีศีลธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเห็นก่อนหน้านี้คุณพ่อสนับสนุนให้ผมจีบคนนั้นคนนี้ หรือว่าหลงคารมยัยสุนทรีเข้าให้แล้ว”

บุรีโกรธจัดตบลูกชายจนหน้าหัน “แกอย่าก้าวร้าวพ่อ จำไว้นะ ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีในสายตาแก แต่ฉันก็ซื่อสัตย์กับแม่แก ตั้งแต่แม่แกตายไป ฉันไม่เคยคิดจริงจังกับใคร จำไว้นะบรรจบ สิ่งที่หายากที่สุดในโลกนี้คือความรัก โดยเฉพาะหาคนที่รักเราอย่างจริงใจ”

“คุณพ่อรู้ไว้ด้วย...นงรามไม่ได้รักผม แต่ยอมนอนกับผมก็เพราะฤทธิ์ของน้ำมันพรายที่ไอ้สัตตะมันให้ผมต่างหาก เมื่อไม่ใช่ความรัก ผมก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน อย่าบังคับผมอีกต่อไป”

บรรจบผลุนผลันออกไปอย่างหัวเสีย เจอสัตตะก็ทำหน้าบึ้งใส่ จ้องเขาอย่างไม่กลัวเกรง

“นายอาจจะครอบงำพ่อฉันได้ แต่กับฉันไม่มีทาง ฉันไม่มีวันนับถือนายหรอก”

สัตตะยิ้มมุมปาก มองบรรจบด้วยสายตาของคนที่ผ่านโลกมามากกว่า “ขอบใจที่บอกให้ผมรู้ว่าคุณคิดยังไงกับผม”

“อยากรู้เหมือนกันว่าคาถาอาคมของนายกับลูกปืนของฉัน อะไรมันจะแน่กว่ากัน”

บรรจบทิ้งท้ายอย่างท้าทายแล้วเดินไปขึ้นรถ

สัตตะโกรธสุดๆ ด่าลับหลังว่า

“ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

แล้วสัตตะก็ทำให้บรรจบเห็นผีกลางวันแสกๆ จนรถประสบอุบัติเหตุ ก่อนจะมาบอกบุรีให้ไปรับลูกชายกลับบ้าน

“นี่แค่บทเรียน บอกลูกชายคุณด้วย ไม่นับถือผมก็อย่าก้าวร้าวผม”

บุรีหน้าเสีย ขอร้องสัตตะยกโทษให้บรรจบด้วย อ้างว่าลูกชายตนยังเด็ก

“ถ้ามันยอมกราบผม ผมจะช่วยมันทุกอย่าง” สัตตะเสียงกร้าว หน้าตาดุดันเอาจริง!

บุรีหนักใจเป็นที่สุด เขารีบเดินทางไปรับบรรจบที่ประสบอุบัติเหตุกลับบ้าน ปรากฏว่าบรรจบไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะสัตตะแค่ข่มขู่ให้เขากลัวเกรง

เมื่อพาลูกชายกลับมาถึงบ้าน บุรีย้ำเตือนอีกครั้งว่า

“เขาไม่ธรรมดาหรอก พ่อเคยบอกแกแล้วไงว่าถ้าไม่ได้เขาธุรกิจของเราก็คงไม่รุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้”

“ผมจบด็อกเตอร์บริหารธุรกิจ แต่คุณพ่อกลับใช้วิชาหมอผีบริหารงาน” พูดแล้วบรรจบหัวเราะหึๆในลำคอ

“วันนี้แกพักในห้องนี้ ไม่ต้องไปไหน แล้วลองคิดทบทวนดู ถ้าอยากให้อาจารย์สัตตะช่วย แกก็ไปขอขมาเขาซะ”

“ฝันไปเหอะ”

บุรีถอนใจในความดื้อรั้นของลูกชาย ฝ่ายสัตตะที่อยู่อีกห้อง หยั่งรู้ด้วยความโกรธแค้น สบถออกมาหน้าตาเหี้ยมเกรียม

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ฉันจะทำให้แกต้องกราบตีนฉันให้ได้!!”

ooooooo

นงรามไม่เลิกตื๊อวิศิษฏ์ สายวันนี้เธอมาดักหน้าดักหลังเขาถึงสำนักงานทั้งที่เขาบอกว่าอีกสักครู่ต้องเข้าประชุม พอระรินกับเขียวช่วยกางกั้นก็มีปากเสียงกันจนวิศิษฏ์หนักใจ ที่สุดเขาต้องยอมคุยกับเธอตรงหน้าห้องประชุมนั่นเอง

เมื่อนงรามพูดเรื่องเดิมคือต้องการให้วิศิษฏ์ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอ ชายหนุ่มตอบกลับอย่างนิ่มๆว่า

“คุณกลับไปทบทวนดูเองดีกว่า ผมมันแค่ผู้ชายจนๆคนหนึ่ง ไม่มีเงินมากพอที่จะทำให้นงรักผมได้หรอก หมดธุระแล้วใช่ไหม ผมต้องขอตัวก่อน”

“ศิษฏ์พูดเหมือนไม่มีเยื่อใยกับนง ศิษฏ์มีแฟนใหม่แล้วใช่ไหม”

“ยังไม่มีใครเป็นแฟนผม”

“แสดงว่านงยังเป็นแฟนศิษฏ์อยู่...ศิษฏ์ยังรักนงอยู่ใช่ไหม”

“เสียใจด้วย...นงรามคนเก่าตายไปจากผมแล้ว”

นงรามหน้าเสีย โผเข้ากอดเขาทั้งน้ำตาคลอๆ “ขอโทษ...ยกโทษให้นงด้วย นงคบกับบรรจบก็เพราะขัดคุณแม่ไม่ได้ ท่านบังคับให้นงแต่งงานกับเขา นงต้องตายแน่ นงไม่ได้รักเขา นงรักศิษฏ์”

วิศิษฏ์เบี่ยงตัวแกะมือนงรามออก อ้างว่าตนต้องรีบเข้าประชุม นงรามพูดไม่ออก ได้แต่มองเขาเดินหายเข้าไปในห้องประชุมด้วยความเสียใจ ส่วนพวกระรินที่แอบมองอยู่ ต่างพากันซุบซิบสมน้ำหน้านงราม

พิศปรากฏตัวในห้องประชุม แซววิศิษฏ์ที่นั่งซึมว่าจะดื่มน้ำใบบัวบกสักแก้วหนึ่งไหม ชายหนุ่มตอบกลับหน้านิ่งว่าไม่ชอบกินเพราะมันขม

“ขมๆหวานๆ เหมือนความรักที่ไม่สมหวัง”

“อย่ามาทำพูดดีไปนะ ยั่วโมโหผม ระวังไว้เถอะ”

“งั้นฉันไม่กวนคุณเด๋อแล้ว โชคดีค่ะ” พิศลุกขึ้น วิศิษฏ์คิดได้รีบกางแขนกั้นไว้ บอกว่าอยากรู้เรื่องของตนกับนงราม แต่พิศปฏิเสธทันทีว่า “ความลับสวรรค์เจ้าค่ะ ผ่านมันให้ได้นะเจ้าคะ เข้มแข็งเข้าไว้ ฉันบอกคุณเด๋อได้แค่ว่าคุณกับคุณนงรามเคยผูกกรรมมาด้วยกัน ชาตินี้ก็เลยต้องมาพัวพันกันอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ”

พิศยิ้มยั่ว สีหน้าร่าเริง ส่งยิ้มแล้วเลือนหายไป

“ถ้าอยู่ใกล้จะจับจูบซะให้เข็ด เห็นคนกำลังเศร้า แทนที่จะปลอบใจ ดันมายั่วโมโห...ฮึ่ม!”

ด้านนงรามที่ผิดหวังเสียใจกลับไปบ้านก็โดนสุนทรีตำหนิซ้ำอย่างหัวเสียหลังรู้ว่าลูกสาวไปหาวิศิษฏ์มา

“จะแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งแต่วิ่งแล่นไปหาผู้ชายอีกคนหนึ่ง เจริญละลูกสาวฉัน รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น”

“แน่ใจเหรอคะว่าพี่บรรจบเขาอยากแต่งงานกับนง”

“ไม่แต่งกับคุณบรรจบแล้วแกจะแต่งงานกับใคร ผู้ชายดีๆมีมรดกมหาศาล แถมยังหล่อล่ำ แกไม่แต่งแกก็บ้าแล้ว”

“นงจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น” นงรามสะบัดเสียงแล้วเดินหนี สุนทรีโกรธแทบเต้น ตะเบ็งเสียงไล่หลังลูกสาวไป

“แต่ฉันนี่แหละจะทำให้แกแต่งกับคุณบรรจบให้ได้ เป็นไงเป็นกัน นังลูกไม่รักดี”

ooooooo

คืนนี้วิภาดาคาบข่าวมาบอกแม่และน้องชายว่าสุนทรีคุยฟุ้งไปทั่วว่าลูกสาวจะแต่งงานกับลูกชายมหา-เศรษฐี พอเธอถามวิศิษฏ์ว่ารู้เรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ท่าทางเขาไม่สบอารมณ์นัก ย้อนพี่สาวว่าทำไมตนต้องรู้

“อ้าว...ก็เคยเป็นแฟนกัน แกน่าจะสนใจบ้าง”

“ผมไม่สนใจ”

“นังแม่คงเห็นลูกสาวเป็นสมบัติล้ำค่าถึงได้เร่ขายลูกสาวกินแบบนั้น อุ๊ย แค่ฟังก็ขนลุก น่ารังเกียจ”

“ครั้งหนึ่งคุณแม่ก็หลงว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้นี่คะ”

“ยัยวิ...นั่นมันเรื่องในอดีต อย่าเอามาพูดให้ทุกคนไม่สบายใจ เข้าใจมั้ยว่ามันเสียบรรยากาศ”

“ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าทุกคนจะตัดใจได้เร็วอย่างนี้ ว่าแต่นายเลิกกับยัยนงรามแล้วไม่มีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิตนายบ้างเลยเหรอศิษฏ์”

“เออๆ พูดเรื่องอนาคตบ้าง ค่อยน่าสนใจ”

“ไม่มีครับ...ชาตินี้ผมคงไม่ลงเอยกับใครหรอก”

“พูดเหมือนน้อยใจอะไรอย่างนั้นแหละ แม่ไม่เคยห้ามนะ จะคบกับใครก็ได้ ขอแค่คุณสมบัติสองสามข้อเท่านั้น”

“อะไรบ้างคะคุณแม่”

“สวยดีมีฐานะ สติปัญญาล้ำเลิศ รักธรรมชาติ สะอาดทั้งกายและใจ ที่สำคัญต้องให้เกียรติแม่ผัวอย่างฉัน”

“หลายข้อแล้วค่ะคุณแม่”

เฟื่องขจรค้อนลูกสาว โต้งกับติ๋วทำการบ้านอยู่แถวนั้นแอบชำเลืองมองกันอย่างขำๆคุณย่า...สมควรแก่เวลาวิภาดาลากลับ เฟื่องขจรชวนให้นอนค้างที่นี่ก็ไม่ยอม บอกว่ากลัวเมียผีของวิศิษฏ์มาหลอก

“พี่วิพูดอะไร ไม่เข้าท่าเลย” วิศิษฏ์ท้วงอย่างไม่ชอบใจแล้วเดินหนีไป ขณะที่เฟื่องขจรก็ตำหนิวิภาดานับวันชักพูดจาเหลวไหลขึ้นทุกที

“คุณแม่ไม่เคยได้ยินเรื่องเมียผีเหรอคะ เลี้ยงผีไว้ ตกกลางคืนมันก็ออกมาแต่งตัวสวยให้ผู้ชายหลงเสน่ห์หลับนอนกับมัน แล้วมันก็ค่อยๆกินตับไตไส้พุง ผู้ชายก็ผอมแห้งแรงน้อยลงเรื่อยๆ แล้วก็ตายในที่สุด”

“ถ้ามันจะแยกแยะไม่ได้ว่าระหว่างผีกับคนควรเลือกข้างไหนทำเมียก็ปล่อยมันไปเถอะ”

“นึกว่าคุณแม่จะห้ามซะอีก”

“ตอนหล่อนหนีออกจากบ้านไปมีผัวแก่ ฉันยังไม่ว่าหล่อนสักคำ”

โดนแม่รื้อฟื้นอดีตขึ้นมาวิภาดาถึงกับหน้าม้าน เอ่ยอย่างงอนๆว่าสักวันตนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าวิศิษฏ์มีเมียเป็นผีจริงหรือเปล่า?

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น