วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 11


ศพของเชิงชายตั้งสวดที่วัดไม่ใหญ่นัก ที่ข้างโลงศพมีรูปของเชิงชายวางอยู่ พ่อแม่เชิงชายร้องไห้โศกเศร้ามีแขกที่มาร่วมงานบางคนเข้าไปปลอบอย่างเห็นใจ

เพื่อนๆของเชิงชาย ทั้งเอกราช ประวิทย์ ตุลเทพ ปริมลดาและหงส์หยกมาช่วยกันรับแขก ปริมลดาคุยกับตุลเทพเบาๆว่า

“ดีนะที่เมกอัพกลบปิดรอยแผลได้ ไม่อย่างนั้น ถ้านักข่าวมาเห็นรอยช้ำเป็นเรื่องใหญ่แน่” ตุลเทพถามว่า แล้วยังคบมันอีกไหมล่ะ “ไม่เด็ดขาดแล้ว อย่าเจอกันอีกเลยชาตินี้” หงส์หยกถามหยั่งเชิงว่า แล้วเตชิน ล่ะ...เธอยัง? “แน่น้อนนน...ยังไงฉันก็ต้องจับเตชินให้ได้”

เตชินกับชมพูเดินเข้ามาด้วยกัน ปริมลดาปราดไปกอดแขนเตชินอย่างสนิทสนม ฉอเลาะว่าดีใจจังที่เขามา เตชินตกใจรีบแกะแขนเธอออกถอยห่างอย่างไว้ตัวจนปริมลดาหน้าเสีย ชมพูมองเหยียดๆ แล้วชวนเตชินเข้าไปในศาลา

“คิดว่าฉันจะยอมแพ้งั้นเหรอ!” ปริมลดาแค้นแทบจะกรี๊ดแต่จำต้องเก็บอาการรักษาภาพลักษณ์นางเอกไว้

ปริมลดาแทรกเข้าไปนั่งข้างเตชินจนได้ ระหว่างฟังพระสวดแทนที่จิตจะสงบ เธอกลับนั่งอิงใช้ปลายรองเท้าส้นสูงคู่เก๋ไล้ไปตามขาเตชินอย่างยั่วยวน เตชินหันมองอย่างไม่พอใจพลางขยับหนี แทนที่จะหยุดเธอกลับจะใช้มือลูบไล้ต้นขาเขา จนเตชินสุดจะทนลุกยืนทันที

“มีอะไรเหรอคะพี่เตชิน” ชมพูที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของเขาถามงงๆ

“พี่ออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก่อนนะครับ” เตชินออกไปทันที ปริมลดาจะตาม หงส์หยกห้ามไว้บอกว่าอีกนิดเดียวพระก็สวดจบแล้ว ปริมลดาจึงจำต้องนั่งอย่างขัดใจ ชมพูหางตามองปริมลดาอย่างสมเพช

ooooooo

พระสวดจบก็ทยอยเดินออกจากห้อง ปริมลดารีบลุกจะออกไป หงส์หยกถามว่าจะรีบไปไหน

“ก็จะรีบตามเตชินออกไปน่ะสิ” แต่พอปริมลดาจะออกไป อีกาตัวหนึ่งก็บินพุ่งเข้ามาเกือบชนเธอแล้วเลยไปเกาะที่ฝาโลงร้อง กา...กา...กา...ดังลั่นศาลา หงส์หยกมองไปรอบๆรู้สึกวังเวงพิกล รีบชวนปริมลดา...

“ฉันว่าเรารีบกลับเถอะ ที่นี่มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้”

“งั้นไปลาศพก่อน” ประวิทย์เสนอ แล้วทั้งหมดก็พากันไปลาศพ แต่ไปไม่ทันถึงไฟทุกดวงก็ติดๆดับๆ

อีกาบนหลังคาศาลาที่สวดศพก็บินแตกฮืออย่างไม่มีสาเหตุ อีกาที่เกาะอยู่ที่โลงศพก็บินหนีไปด้วย หงส์หยกเริ่มขาสั่น ทุกคนเริ่มมองกันเลิ่กลั่ก มีแต่เอกราชที่บอกเพื่อนๆว่า ไม่ต้องกลัวหรอก ก็แค่ไฟตก

สิ้นเสียงเอกราชไฟในศาลาก็ดับพรึ่บ! แล้วเสียงเพลงไทยเดิมก็ดังไปทั่วศาลา พร้อมกับเสียงใครบางคนซอยเท้าดังไปรอบห้อง พวกเอกราชหันมองแต่ก็ไม่เห็นที่มาของเสียง เสียงซอยเท้าและกำไลเท้าดังใกล้เข้ามา

จนกลายเป็นดังล้อมรอบทั้งหกคน ทุกคนเริ่มกลัว เริ่มสั่น พริบตานั้นไฟสว่างพรึ่บขึ้นทุกคนหันมองข้างหลังตัวเองก็ไม่เห็นอะไร!

พลันชมพูก็เสียงสั่นมือสั่นชี้ไปที่หน้าโลงศพ “ดะ...ดะ...ดูนั่น!!” ทุกคนมองไปเห็นริลณีในชุดนางรำสวมชฎาเต็มยศกำลังซอยเท้าร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงามอยู่หน้าโลง! ตุลเทพมองอึ้ง พึมพำ “เป็นไปไม่ได้!!”

ริลณีหยุดรำจ้องมายังทั้งหกด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ทั้งหกตกใจจะวิ่งหนีแต่ประตูศาลาปิดปัง! ขณะทั้งหกตะเกียกตะกายจะออกไปนั้น ริลณีปรากฏกายตรงหน้า ดวงตากลายเป็นสีศพ ค่อยๆ ยกมือชี้ไปที่ชมพู เอกราช ปริมลดา ตุลเทพ ประวิทย์ และหงส์หยกที่ช็อกอยู่ พูดออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น

“หนี ยัง ไง ก็ ไม่ พ้น หรอก!!! กู จะ ตามเอาคืน พวก มึง ทุก คน!!!!”

“กรี๊ดดดดดด!!!” ชมพู ปริมลดาและหงส์หยกกรีดร้องพร้อมกัน เตชินที่เดินอยู่ด้านนอกได้ยินเสียง วิ่งเข้ามาในศาลาสวดศพทันที

ooooooo

เตชินวิ่งเข้ามามองหาไม่เห็นชมพูเขาตกใจถามว่าชมพูล่ะ! ทุกคนมองหาจึงเห็นชมพูเป็นลมหมดสติที่พื้น เตชินถลาไปประคองชมพูขึ้นพาดตัก เขาถามทั้งห้าที่ยืนตื่นตะลึงอยู่ว่า

“ทำไมอยู่ๆชมพูถึงได้เป็นลมแบบนี้”

ทั้งห้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ดูหลุกหลิกมีพิรุธ แล้วปริมลดาก็ตอบแทนทุกคนว่าพวกตนก็ไม่รู้เหมือนกัน เตชินยืนยันว่าเมื่อกี๊ตนได้ยินเสียงกรี๊ดจากในศาลานี้

ตุลเทพบอกว่าไม่มี พวกตนอยู่ในนี้ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย หันถามอย่างหาพวกว่า “ใช่ไหมพวกเรา?” พรรคพวกพากันพยักหน้าหงึก เตชินยิ่งสงสัย แปลกใจ ก็ถูกเอกราชตัดบทขึ้นว่า

“ตอนนี้ผมว่าอย่าเพิ่งถามอะไรเลย รีบพาชมพูออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”

ทุกคนเห็นด้วย ประวิทย์อ้างว่าอากาศในนี้อึดอัด มีกลิ่นธูป บางทีชมพูอาจจะเวียนหัวก็ได้ พอเตชินพยักหน้า พวกเอกราชก็แย่งกันออกจากศาลาแทบจะเบียดกันทะลัก เตชินรีบอุ้มชมพูออกจากศาลาไปที่รถ พอชมพูรู้สึกตัวก็กอดเตชินแน่น เขาถามว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น เธอพูดอย่างไม่หายหวาดกลัวว่าเมื่อกี๊มีผีมาหลอกพวกตนที่ศาลา น่ากลัวมาก ถามพวกปริมลดาที่ตามมาว่า ทุกคนเห็นใช่ไหม พวกนั้นพากันส่ายหน้าดิก ทำเป็นงง

“ผีอะไร?? ไม่เห็นมีเลย พวกเราฟังพระสวดเสร็จกำลังจะกลับ แต่อยู่ๆ ชมพูก็เป็นลมไป” หงส์หยกย้ำให้น่าเชื่อ ชมพูทำหน้างงถามว่าตนเนี่ยนะเป็นลม เตชินยืนยันว่าใช่ เธอเป็นลมตนถึงได้พามาที่รถนี่ไง ทำให้ชมพูเริ่มสงสัยตัวเอง

พวกปริมลดาช่วยกันยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ศาลา ในโลกนี้ไม่มีผี หาว่าชมพูคิดเรื่องเชิงชายมากไปเลยเก็บไปฝัน เอกราชแนะว่า ช่วงนี้เธอเป็นลมบ่อยลองไป

หาหมอตรวจหน่อยดีไหม เตชินจะพาไปเอกราชจะแย่งพาไป ถูกประวิทย์ขยิบตาใส่เลยนิ่ง ประวิทย์บอกให้เตชินพาชมพูไปหาหมอ แล้วชวนเพื่อนๆรีบกลับกัน

เตชินปิดประตูรถฝั่งชมพูนั่งแล้วรีบอ้อมไปขึ้นรถขับออกไปอย่างเร็ว

ทันใดนั้น...หมาในวัดก็พร้อมใจกันหอนโหยหวน บรรยากาศวังเวงครอบงำไปทั้งวัดที่อยู่ในความมืด...

ooooooo

เตชินขับรถอย่างเร็วรีบไปโรงพยาบาล เหลือบมองชมพูเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง

ชมพูสับสนตัวเอง ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเห็นริลณีเป็นผี คิดว่าสมองตนคงมีปัญหามากเลยเห็นอะไรเพี้ยนๆขนาดนั้น

ความห่วงใยของเตชินทำให้ชมพูรู้สึกผิด เธอขอโทษที่ทำให้เขาต้องมาลำบาก แทนที่จะได้รีบกลับไปหาริลณี

“ก็พี่เคยสัญญาแล้วไงครับว่าจะดูแลชมพูอย่างดีที่สุด ตราบเท่าที่ยังไม่มีใครมาทำหน้าที่นี้แทนพี่” เตชินกุมมือชมพูอย่างอบอุ่น ชมพูขอบคุณ บีบมือเขาเบาๆ ความรู้สึกดีๆกลับคืนมาจนรู้สึกหวั่นไหว แต่ก็พยายามหักห้ามใจตัวเอง ส่วนเตชินมองชมพู ลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู ทำให้ชมพูยิ่งหวั่นไหว

ส่วนพวกปริมลดาพากันขับรถลนลานออกจากวัด ตุลเทพพาพรรคพวกไปที่บ้านซึ่งมีเครื่องรางของขลังเต็มไปหมด ตุลเทพเข้าไปเป็นคนสุดท้ายเขารีบปิดประตู ทำพิธีไหว้ ท่องคาถาสั้นๆเร็วๆ แล้วคว้าเชือกลงอาคมคล้องกั้นประตูไว้

“มีเชือกอาคมกั้นไว้รอบห้อง นังผีเน่าเข้ามาในนี้ไม่ได้แน่” ตุลเทพบอกเพื่อนๆที่ยังตื่นกลัว เอกราชโวยวายว่าทำไมผีริลณีถึงได้กลับมาเล่นงานพวกเราอีก ที่จริงแล้วเราไม่ควรกลัวมันเลย เพราะมันทำอะไรเราไม่ได้ แต่ประวิทย์สังหรณ์ใจว่า ผีริลณีจะเป็นคนฆ่าเชิงชายกับหมอผีเจ๋ง ทำเอาเพื่อนๆช็อกไปอีกครั้ง หงส์หยกถามว่า หมายความว่ามันฆ่าเราได้ด้วยใช่ไหม โวยวายว่าตนยังไม่อยากตาย จนเอกราชโมโห ปรามว่า

“หยุดโวยวายเสียที ถ้าไม่อยากตายก็ต้องหาทางกำจัดนางผีร้ายก่อนที่มันจะเล่นงานพวกเรา”

“หมายถึงเราต้องฆ่านังผีนั่นอีกครั้งงั้นเหรอ”

ตุลเทพถาม พลันเสียงริลณีก็กึกก้องขึ้นว่า

“พวกแกอย่าคิดว่าจะทำอะไรฉันง่ายๆ!!”

ทุกคนหันมองที่มาของเสียง พริบตานั้นจอทีวีก็เปิดฟึ่บ หน้าจอกะพริบๆ มีเสียงซ่า...แล้วร่างริลณีก็ปรากฏบนจอ เธอจ้องทั้งห้าพูดจากจอทีวี “ฉันไม่ใช่ ริลณีคนเดิมที่พวกแกคิดจะทำอะไรก็ได้!!” พูดแล้วก็เดินมาชิดหน้าจอทำท่าจะออกจากจอ ปริมลดาถามปากคอสั่นว่าไหนว่าผีนั่นเข้ามาในห้องนี้ไม่ได้ไง!

ตุลเทพบอกว่าต้องมีอะไรผิดพลาด ไม่มีผีตัวไหนผ่านเชือกอาคมเข้ามาได้แน่ๆ เอกราชตวาดว่าผิดพลาดตรงไหนก็รีบหาเร็วๆ เดี๋ยวได้ตายกันหมดหรอก ประวิทย์กับตุลเทพรีบวิ่งไปดูที่เชือก มองไล่หาความผิดพลาด ประวิทย์พบว่าเชือกถูกดึงจนขาด ตะโกนบอกทุกคนว่า “ตรงนี้มันขาด!!”

ระหว่างนั้นริลณีที่อยู่ในจอทีวีก้าวออกจากจอ มาครึ่งตัวแล้ว ทำให้ทุกคนยิ่งตื่นตระหนก เร่งประวิทย์กับตุลเทพให้รีบต่อเชือก แต่ทั้งสองดึงอย่างไรก็ต่อกันไม่ถึง จนริลณีออกจากจอทีวีมาทั้งตัว มองปริมลดา หงส์หยกที่กอดเอกราชแน่นถามเสียงสยอง

“อยากจะฆ่าฉันอีกครั้งงั้นเหรอ...”

ริลณีจ้องทั้งสามเขม็ง ทั้งสามยกมือจับคอตัวเองเพราะหายใจไม่ออกเหมือนโดนบีบคอ

ประวิทย์เห็นเชือกถูกเก้าอี้ทับอยู่ รีบไปยกเก้าอี้ขึ้น ตุลเทพดึงเชือกสองชายผูกกันจนสำเร็จ ผีริลณีก็หายวับไปจากห้องทันที พวกเอกราชที่เหมือนถูกบีบคอจนหายใจไม่ออกต่างฮุบอากาศหายใจรอดตายหวุดหวิด ประวิทย์กับตุลเทพรีบมาดูเห็นที่คอทั้งสามมีรอยแดงๆ ตุลเทพกำชับทุกคนว่า “พวกเราทุกคนต้องอยู่ในนี้เพื่อความปลอดภัย”

“พวกแกอยากหลบในนั้นก็หลบไป...ก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกแกกับฉันใครจะมีความอดทนกว่ากัน ฮ่าๆๆ”

เสียงริลณีก้องมาจากข้างนอกอย่างน่าสยดสยอง จนพวกเอกราชมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ชมพูหยิบรูปที่ถ่ายคู่กับเตชินมาดู ดูแล้วใจก็ยิ่งหวั่นไหวถึงผู้ชายที่อบอุ่นและแสนดีคนนี้

พิสมัยเปิดประตูเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชมพูบอกว่าตนไม่เป็นอะไรมาก ถามแม่ว่า

“การที่คิดไม่ดีกับคนอื่นจะทำให้เราเก็บไปฝันร้ายหรือเห็นภาพที่น่ากลัวของเขาได้ไหมคะ” พิสมัยบอกว่าเป็นไปได้ ถามว่าที่ว่าคิดไม่ดีนั้น คิดไม่ดีแค่ไหน? ชมพูบอกว่าอิจฉาที่เขาได้สิ่งที่รักไป แต่พอพิสมัยถามว่าอิจฉาใครหรือ ชมพูก็สะดุ้งรีบกลบเกลื่อนว่า “ชมพูไม่ได้หมายถึงตัวเองนะคะ หมายถึงคนอื่น”

“นั่นสินะ จะเป็นชมพูได้ยังไง ชมพูมีคนที่รักเยอะแยะ...แม่ถามหน่อย ลูกคิดยังไงกับเอกราช”

“เขาเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงค่ะ” ชมพูตอบไม่ลังเล พิสมัยถามว่าไม่ชอบเขาเลยหรือ “ชมพูยังไม่พร้อมค่ะ”

“แล้วเมื่อไหร่ลูกจะพร้อมล่ะจ๊ะ”

“ไม่รู้สิคะ สงสัยชมพูอยากให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลแบบนี้ไปอีกนานๆมังคะ” ชมพูอ้อนเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้อีก เพราะเพิ่งรู้ใจตัวเองว่า ที่รักใครไม่ได้เพราะลืมเตชินไม่ได้นั่นเอง...

ooooooo

เช้านี้เตชินมานั่งที่โต๊ะอาหารคนเดียว หมูหวานกับสมหมายยกอาหารเข้ามา สมหมายชะงักเมื่อเห็นเงาดำทาบร่างเตชินอยู่ หมูหวานที่เดินตามมาบ่นพ่อว่าหยุดทำไมไม่เห็นหรือว่าคุณเตชินหิวนั่งรออยู่

พอสองพ่อลูกเข้ามา เตชินถามว่าริลณีหายไปไหน ตื่นมาตนยังไม่เห็นเลย ทั้งหมูหวานและสมหมายต่างก็ไม่เห็น สมหมายมองหน้าเตชินถามว่า ไม่สบายหรือเปล่าหน้าตาดูหมองๆ เตชินคาดว่าคงเพราะทำงานหนักพักผ่อนไม่พอ

ออกจากห้องอาหารแล้ว สมหมายถามหมูหวานว่าเมื่อกี๊ในห้องอาหารเห็นอะไรแปลกๆไหม หมูหวานไม่รู้เรื่อง สมหมายเหลียวมองรอบๆ ก่อนพูดอย่างระมัดระวังว่า

“ตัวคุณเตชินมีเงาดำทะมึนทาบตัวอยู่อาการแบบนี้ถ้าไม่โดนผีสะกดก็ถูกวิญญาณชั่วร้ายครอบงำ” บอกหมูหวานว่าเราต้องช่วย ไม่อย่างนั้นเตชินจะแย่ เพราะ “เขาว่าผีมันจะค่อยๆดูดกลืนพลังชีวิตจนในที่สุดก็จะตาย!”

วิธีช่วยของสมหมายคือเอาน้ำมนต์ให้เตชินดื่ม บอกหมูหวานว่าเคยเห็นคนเฒ่าคนแก่แก้กันวิธีนี้ ถ้าได้ผลจริง ก็แสดงว่าผีร้ายที่ครอบงำหรือสะกดเตชินอยู่ก็จะหายไป และจะไม่กล้าเข้าใกล้เตชินอีกตราบที่น้ำมนต์ยังวนเวียนอยู่ในตัว

สองพ่อลูกมองน้ำมนต์ในแก้วอย่างฝากความหวังไว้เต็มที่

ooooooo

พวกเอกราชถูกขังอยู่ในบ้าน ประวิทย์กับตุลเทพแหวกม่านหน้าต่างแอบดูเห็นริลณียังเฝ้าอยู่ หันบอกพรรคพวกว่า

“นังผีบ้านั่นมันเฝ้าพวกเราอยู่หน้าห้องไม่ยอมไปไหน” ปริมลดากับหงส์หยกตีโพยตีพายขึ้นมาอีกว่าอยู่ในนี้มีหวังอดตาย ตุลเทพสวนทันทีว่า “แต่ถ้าเราออกไปเราก็โดนนังผีนั่นเล่นงานเหมือนกัน”

ทุกคนเครียดไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ออกไปก็ถูกผีฆ่าตายอยู่ในนี้ก็มีหวังอดตาย

ที่บ้านเรือนไทย เตชินยังตามหาริลณีไม่เจอ จนเกิดอาการพะอืดพะอมอาเจียนออกมาเป็นน้ำสีดำ สมหมายกับหมูหวานมองหน้ากันอย่างเป็นห่วง สมหมายบอกเตชินว่าเขาไม่สบายจริงๆ เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า

“แถวบ้านผมคนที่มีอาการแบบนี้ เขาจะไปไหว้พระ ทำบุญสวดมนต์ กินน้ำมนต์ ล้างสิ่งแปลกปลอม อัปมงคลที่มีอยู่ในร่างกายให้ออกไป” เตชินตัดบทว่าไปหาหมอน่าจะง่ายกว่า สมหมายได้ทีร้องบอกให้หมูหวานเอาน้ำมาให้เตชินดื่มล้างคอ

พอหมูหวานเอาน้ำมนต์มาให้ เตชินขอเป็นน้ำอัดลมดีกว่า อยากกินอะไรซ่าๆ จะได้ล้างคอให้สดชื่น หมูหวานบอกว่าหมด ไม่ว่าเตชินจะเปลี่ยนเป็นน้ำอะไรก็หมดทุกอย่าง จนเตชินขอเป็นน้ำอุ่น ดักคอว่าอย่าบอกว่าหมดอีกนะ

สมหมายพยายามหาทางที่จะให้เตชินกินน้ำมนต์นี้ก่อน จนเตชินรับแก้วไปบอกว่าดื่มแก้วนี้ก่อนก็ได้

ทันทีที่เตชินจับแก้วน้ำมนต์ เกิดมีแสงประกายสีทองส่องผ่านแก้วออกมา ภายในแสงสีทองนั้นเห็นภาพเรือนไทยที่ถูกริลณีสะกดให้สวยงามกลายเป็นเรือนไทยน่ากลัว รกรุงรัง มีเงาทะมึนสีดำทาบที่ตัวเตชิน

ริลณีที่เฝ้าอยู่หน้าห้องตุลเทพ รับรู้เหตุการณ์ที่บ้านเรือนไทย เธอโกรธจนตาวาวโรจน์ พึมพำ...

“ไม่ได้!! เตชินจะกินน้ำมนต์นั่นไม่ได้ ถ้าเขากินเราจะไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเขาได้อีก” แล้วริลณีก็หายไปทันที
--------------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น