วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 9


ครู่ต่อมา เถาว์เครือเข้ามาในห้องงานปั้น ชิดชบาละสายตาจากงานที่ทำ มองไม่ค่อยพอใจที่เธอมาก้าวก่ายห้องส่วนตัวของตนเอง เชิญให้ออกไปอย่างสุภาพ

“อย่าเพิ่งไล่ฉันอย่างมั่นใจ บ้านหลังนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นของใคร ลูกฉันแต่งงานกับปฐวี จะมีการจดทะเบียนสมรสหลังจากวันงานหนึ่งวัน ทันทีที่จดทะเบียนเสร็จ โสมสุภางค์ก็มีสิทธิ์ในสมบัติทุกชิ้นของปฐวี”

“ไว้ให้ถึงวันนั้นก่อนไม่ดีหรือคะคุณนาย ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรแน่นอน”

เถาว์เครือทำเป็นอุทานเสียงดัง งานแต่งงานจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว จะมีอะไรไม่แน่นอนอีก ตนหวังว่าเธอคงจะไม่ไปงานนี้ เพราะถ้าไป จะสู้สายตาของคนทั้งงานได้อย่างไร

“อย่าไปเลย ถ้ามีอาหารเหลือจากเลี้ยงแขก ฉันจะให้โรงแรมเขาเก็บมาให้ นี่เตือนเพราะความหวังดีนะ บอกตรงๆฉันอายแทน” เถาว์เครือหัวเราะเยาะ ก่อนจะออกจากห้อง ชิดชบากำมือแน่นด้วยความแค้น...

ไม่ได้มีแต่เถาว์เครือที่เย้ยหยันชิดชบาต่างๆนานา ปฐวีเองก็พูดตอกย้ำว่าเธอเป็นแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งของเขาเท่านั้น และต้องอยู่ในที่ที่เขาต้องการให้อยู่ ชิดชบาแค้นใจมาก คิดหาทางเอาคืนให้สาสม

ooooooo

ชัยยงค์วางแผนรวบหัวรวบหางเถาว์เครือ พาไปคอนโดฯชายทะเลของตัวเอง อ้างว่าเห็นเธอเตรียมงานแต่งงานให้ลูกจนเครียด ก็เลยจะพามาผ่อนคลาย เธอไม่แน่ใจทำแบบนี้จะดีหรือไม่

“คนวัยเราผ่านดีผ่านเลวมาเยอะ จนมันไม่มีอะไรแปลกอีกต่อไปแล้ว นอกเสียจากว่าคุณเถาว์เครือรังเกียจผม” เจอไม้นี้เข้าไป เถาว์เครือจึงยอมตามเขาไปที่ห้องพัก...

ในเวลาเดียวกันที่ห้องโถงบ้านปฐวี ยุวดีกับระรินกำลังรื้อดูเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานแต่งงานปฐวี ตอนที่โสมสุภางค์เดินหน้าเครียดเข้ามาถามจำเรียงที่กำลังจัดดอกไม้ว่าแม่ของตนไปไหน ได้ความว่าไม่อยู่ออกไปกับชัยยงค์ตั้งแต่เช้า ยุวดีลืมตัวหัวเราะเสียงดังลั่น

“แหม ทำหน้าแปลกใจอย่างนั้นถูกแล้วล่ะค่ะ คนปูนนี้อะไรๆก็แขวนไปหมดแล้ว แต่ยังมีผู้ชายมารับออกไปกิน เอ๊ย รับประทานอาหาร ต้องขอบใจชายคนนั้นนะ”

“นี่ คุณแม่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อนอย่างพวกแกนะ” โสมสุภางค์โวย

“ของอย่างนี้มันไม่แน่หรอกคุณ ความสำส่อนจะมาถึงผู้หญิงตอนขาดสติ ตอนที่ยังมีสติก็วางท่าว่าตัวเองวิเศษวิโสกว่าคนอื่น แต่ตอน...มึน อะไรก็เอาไม่อยู่หรอกค่ะ”

โสมสุภางค์ฟิวส์ขาด ปรี่เข้าไปจะตบสั่งสอนคนปากเสีย จำเรียงรีบขวางไว้ เตือนว่ากำลังจะแต่งงาน เดี๋ยวจะเสียฤกษ์ เธอถึงสงบลงได้ มองค้อนระรินกับยุวดีหนึ่งวง ก่อนจะสะบัดหน้าเดินขึ้นบันได เจอชิดชบายืนอยู่กับตลับนาค เดินผ่านหน้าเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุกลับห้องตัวเอง

“จริงหรือที่จำเรียงบอกว่าคุณนายเถาว์เครือกับ...” ตลับนาคมองชิดชบาสีหน้าหวั่นๆ...

ณ ห้องพักหรูบนคอนโดฯริมทะเล ชัยยงค์ยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับแก้วไวน์ของเถาว์เครือ เพื่อฉลองกับการ เริ่มต้นของเราสองคน เถาว์เครือทำเป็นงง ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไร

“คุณรู้ว่าผมหมายถึงอะไร หลังงานแต่งงานของปฐวี คุณยังต้องใช้พลังอีกเยอะเพื่อชิงบ้านหลังนั้น มีผม คุณจะมีกำลังมากมายมหาศาล คุณจะไม่แพ้ชิดชบา อะไรที่คุณคิดไว้ อะไรที่คุณต้องการ มันจะเป็นของคุณ” คำพูดฟังรื่นหูของเขาทำให้เถาว์เครือหลงเชื่อ หลังจากดื่มไวน์ย้อมใจได้สักพัก ทั้งคู่ก็ไปจบกันที่เตียงนอน...

ชิดชบาจะไปเยี่ยมบุญถิ่นที่โรงพยาบาล จำเรียงกับตลับนาคเดินมาส่งที่รถ ทันทีที่เธอขับรถออกไป จำเรียงหันมาบ่นกับตลับนาคว่าเถาว์เครือไม่เหลียวแลคนของตัวเองเลย ปล่อยให้เป็นภาระของชิดชบา ทั้งๆที่ทำไปก็แค่นั้น บุญถิ่นไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรด้วย
“ช่างเถอะ เจ็บป่วยต้องรักษา อย่าไปคิดเยอะ คิดเสียว่าชีวิตของคนทุกคนมีค่าเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นนายจ้างหรือคนรับใช้” ขาดคำ รถของปฐวีเลี้ยวเข้ามา ตลับนาคไม่อยากจะเสวนาด้วย ขอตัวไปทำงานข้างบนต่อ แล้วจ้ำพรวดๆขึ้นตึก

ทางฝ่ายโสมสุภางค์ได้ยินเสียงรถของปฐวี กระวีกระวาดลงมาหา พร้อมกับถามว่าเมื่อคืนหายไปไหน เขาทำงานดึก ก็เลยกลับไปนอนที่คอนโดฯ

“ร้านส่งเสื้อผ้ามาให้คุณแล้ว คุณยังไม่ได้ลองเลยนะคะ มีอะไรจะได้แก้ไขทัน หรือจะเปลี่ยน”

“ช่างเถอะ” ปฐวีชะเง้อคอยาวมองหาชิดชบา โสมสุภางค์รู้ทัน รีบบอกว่าไม่มีใครอยู่ ไม่เห็นชิดชบาตั้งแต่บ่ายแล้ว ส่วนระรินกับยุวดีคงจะออกไปซื้อเสื้อผ้า เธอพยายามเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องชิดชบา แต่ไม่เป็นผล เขาอยากรู้ว่านางบำเรอของเขาไปไหน โสมสุภางค์เสียงเขียวทันที ไม่ได้มีหน้าที่เฝ้าก็เลยไม่ทราบ

“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูเสื้อผ้าที่จะใช้วันงาน ไป...ขึ้นไปช่วยดูให้ผมหน่อย” ท่าทีของปฐวีที่อ่อนลงทำให้โสมสุภางค์ยิ้มออก โอบเอวเขาพากันขึ้นข้างบน

ooooooo

บุญถิ่นนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงคนไข้อย่างไม่มีความสุข พอได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เธอรีบนอนหันหลังให้ ชิดชบาเปิดประตูเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตนไปคุยกับหมอมาแล้ว บุญถิ่นคงต้องพักที่โรงพยาบาลต่ออีกสองสามวัน คนถูกถามกลับนอนนิ่งไม่หือไม่อือ

“แม่บุญถิ่น ฉันถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ยังงั้นๆ”

“ถ้าอย่างนั้นพักอีกสองสามวันนะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวค่ำๆฉันจะให้จำเรียงมาเฝ้า กลางวันมีอะไรก็กดกริ่งเรียกพยาบาลได้ นายสมควรกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะให้นายสมควรมารับแม่บุญถิ่นกลับนะ”

ชิดชบาเห็นเธอนอนนิ่งไม่ตอบ ยื่นมือมาแตะแขนเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะออกจากห้อง บุญถิ่นมองแขนตัวเองที่ชิดชบาสัมผัสเมื่อครู่รู้สึกได้ถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ ทำให้ความชิงชังที่มีต่อเธอลดน้อยลง...


โสมสุภางค์เป็นเอามาก พร่ำเพ้อถึงความหล่อของปฐวีในชุดเจ้าบ่าวไม่หยุดปาก ทำเอาช่างเสื้อที่มาดูแลความเรียบร้อยของชุดแต่งงาน พากันเลี่ยนแทบอ้วก...

ธวัชพงษ์ไม่ได้รับเชิญให้ไปงานแต่งงานของปฐวี แต่อยากไปมาก พยายามตื๊อแพรวาสุดฤทธิ์ให้พาไปด้วย เธอคิดไม่ออกจะพาเขาไปในฐานะอะไร แล้วเดินหนีเข้าโรงพยาบาล เขาตะโกนไล่หลัง

“แฟนไงครับ เหมือนตอนที่ผมตามคุณไปปารีส คุณหมอเป็นแฟนผม แล้วผมก็เป็นแฟนของคุณหมอ”

แพรวาหันมาตะโกนตอบ “ฝันไปเถอะ ไอ้หนู”...

อรุณณรงค์ถึงกับชะงักเมื่อลงมาเห็นหม่อมแม่กับอุราศรีกำลังดื่มน้ำชากันอยู่ ขยับจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่หม่อมจรัสเรืองเห็นเสียก่อน ร้องเรียกให้มาร่วมวงด้วย เขาทักทายอุราศรีตามมารยาทว่ามานานแล้วหรือ เธอเพิ่งไปรับเสื้อมาให้หม่อมป้าและเลือกเนกไทสำหรับใส่ไปงานแต่งงานปฐวีมาเผื่อเขาด้วย

“เอ่อ ขอบคุณมากนะครับ ผมมัวแต่ยุ่งๆก็เลย...”

“แม่ไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอก ยังไงคุณปฐวีเขาเป็นเจ้าบ่าว ใครต่อใครก็ต้องเทคะแนนไปที่เขาอยู่แล้ว ไว้งานของตัวเอง แม่กับคุณหญิงอุราศรีจะไม่ยอมให้ใครเทคะแนนไปให้คนอื่น นอกจากชายเอี่ยว คุณปฐวีกับหนูโสมสุภางค์แต่งงานกันแล้ว คุณเถาว์เครือก็คงจะไม่ต้องห่วงอะไรอีก เห็นว่าพอแต่งเสร็จ วันรุ่งขึ้นเขาจะไปจดทะเบียนสมรสกันเลย ไม่ได้ทำวันนั้นก็เพราะพิธีเช้าคงจะยุ่ง แม่ล่ะภูมิใจแทนคุณเถาว์เครือจริงๆ”

ooooooo

ขณะจำเรียงเตรียมจะไปเฝ้าบุญถิ่นที่โรงพยาบาล เจอเธอยืนโบกมือหยอยๆที่หน้าประตูรั้ว จำเรียงรีบไปเปิดรับ ต่อว่าว่าหมอยังไม่ทันให้กลับหนีมาแบบนี้เกิดแผลอักเสบขึ้นมาจะทำอย่างไร จังหวะนั้น ถกลขับรถมาจอดหน้าประตูรั้ว จำเรียงรีบดึงบุญถิ่นหลบข้างๆ เห็นเถาว์เครือลงจากรถ โดยมีชัยยงค์ส่งตาหวานให้

“ต่อไปนี้ใจผมก็ไม่ว่างอีกแล้ว เพราะผมคงต้องคิดถึงคุณ อย่าลืมนะครับว่าเรามีสัญญาอะไรกันไว้”

“ค่ะ เราจะเป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน” เถาว์เครือพูดจบ เดินผ่านหน้าจำเรียงและบุญถิ่นโดยไม่สนใจแม้แต่จะมอง บุญถิ่นอดน้อยใจไม่ได้...

อีกมุมหนึ่งหน้าห้องนอนของชิดชบา ตลับนาคเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับตะกร้าใส่ผ้า เห็นปฐวียืนลังเลอยู่ ก่อนจะเดินเข้าห้องปิดประตูล็อก เถาว์เครือมาทันเห็นพอดี โวยวายที่ว่าที่ลูกเขยยังจะใช้บริการของนางบำเรอทั้งๆที่จะแต่งงานในอีกวันสองวันข้างหน้า แล้วเหน็บชิดชบาว่าเหมือนของผิดสำแดง

“ฉันว่าคุณปฐวีน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ยังไงเขาก็ยังหนุ่มยังสาว ไอ้ของผิดสำแดงนี่มันต้องมีกำลังรับให้มันพอดีด้วยนะ คนแก่กินของผิดสำแดงเข้าไปน่ะ ระวังจะอ้วก” ด่ากระทบเสร็จ ตลับนาคผละจากไป ทิ้งให้เถาว์เครือยืนตัวสั่นด้วยความโมโห...

ทางด้านปฐวีบุกเข้าไปหาชิดชบาถึงในห้องน้ำ เห็นเธอนอนแช่ในอ่างอาบน้ำในมือถือแก้วไวน์ที่พร่องไปค่อนแก้ว สีหน้าบ่งบอกว่าเมาได้ที่ก็ไม่พอใจ สองคนมีปากเสียงกันเรื่องที่ปฐวีโกงชิดชงค์ ในเมื่อเขาได้บ้านนี้มาโดยไม่ชอบ เธอก็ขอมันคืน แล้วเขาจะไปขึ้นสวรรค์ลงนรกที่ไหนก็เชิญ เขาไม่ยอมคืนให้ เธอต้องอยู่ในเงื่อนไขของข้อตกลง หากอยากได้บ้านคืน เธอก็ต้องอดทน แล้วผละจากไปอย่างหัวเสีย

“อย่าทำให้ฉันเป็นนางมารนะ คุณอยากเห็นฉันเป็นนางมารใช่ไหม...ได้ แล้วคุณจะได้เห็น”...

ฝ่ายโสมสุภางค์ถึงกับปรี๊ดแตกเมื่อรู้ว่าแม่ตัวเองไปทำอะไรกับชัยยงค์ที่คอนโดฯที่พักตากอากาศของฝ่ายชาย ขอร้องให้ท่านเลิกยุ่งกับผู้ชายคนนี้ซึ่งไม่เคยหวังดีกับใคร เถาว์เครือรับประกันว่าชัยยงค์ดีต่อพวกเราอย่างจริงใจ เธอไม่เชื่อว่าคนแบบนั้นจะหวังดีกับใครโดยไม่มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง

“เลิกนะคะคุณแม่ อยู่ให้ห่างคนคนนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นชีวิตเราจะยุ่ง”

ooooooo

ด้วยความที่ต้องการแก้เผ็ดปฐวีและเถาว์เครือ ชิดชบาตัดสินใจจะไปร่วมงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานครั้งนี้ด้วย เลือกอยู่นานสองนานไม่มีชุดไหนถูกใจ กระทั่งเจอชุดราตรีสีดำที่แขวนแทรกอยู่ในชุดแต่งงานสีขาว ตัดสินใจคว้าชุดนั้นออกจากราวแขวน เป็นจังหวะเดียวกับอรุณณรงค์โทร.เข้ามือถือของเธอ

“ผมโทร.มาถามคุณว่า งานแต่งงานของคุณปฐวี คุณจะไปไหม”...

บุญถิ่นยังน้อยใจไม่หายที่อุตส่าห์ทำเพื่อเถาว์เครือทุกอย่าง แต่เธอกลับไม่ถามถึงอาการป่วยของตนเองสักคำ สมควรได้แต่ปลอบว่าอย่าคิดมาก เคยเตือนแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าไปทุ่มเทอะไรให้เถาว์เครือซึ่งไม่ได้เป็นนายจ้างของพวกเรา เงินที่เธอให้มาก็เพื่อซื้อประโยชน์จากเราเท่านั้น เห็นพวกเราเป็นแค่คนรับใช้ บุญถิ่นไม่อยากฟังให้เจ็บช้ำใจ บอกให้เขาหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ตนจะนอน

“พรุ่งนี้ก็ถึงวันแต่งงานของคุณปฐวีแล้ว ไม่สบายก็ไม่ต้องออกไปช่วยเขาหรอก เขาไปจัดพิธีการกันใหญ่โตที่โรงแรม ค่ำๆก็มีฉลองกัน นี่แม่ระรินกับยุวดีก็เห็นวุ่นวายหาเสื้อผ้าจะไปงานเลี้ยงด้วย ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ คุณชิดชบาเสียอีก ท่าทางเธอเฉยๆ”

“ฮึ จะไปในฐานะอะไรในเมื่อคนทั้งเมืองรู้ว่าเป็นนางบำเรอ”

สมควรด่าบุญถิ่นว่าเนรคุณ ชิดชบาเป็นคนช่วยชีวิตไว้แท้ๆ ยังอคติกับเธออีก ด่าเสร็จเดินออกจากห้อง บุญถิ่นถึงกับหน้าสลด...

พรุ่งนี้ตลับนาคจะไปทำบุญตักบาตร แล้วจะเลยไปดูความเรียบร้อยที่บ้านสวน ไม่อยากให้ชิดชบาต้องอยู่เหงาๆเพียงลำพังจึงชวนให้ไปด้วยกัน เธอปฏิเสธว่ามีงานปั้นต้องทำ เชิญท่านตามสบาย...

คืนก่อนงานแต่งงาน ปฐวีขอนอนแยกห้องกับโสมสุภางค์หนึ่งคืน แล้วต่อไปเขาจะให้เธอได้เห็นหน้าทุกเช้า เธอไม่ติดใจสงสัยอะไร กลับห้องตัวเองอย่างมีความสุข แทนที่ปฐวีจะไปที่ห้องนอนที่ว่า กลับไปหา ชิดชบาที่ห้องงานปั้น เพื่อบอกว่าหลังจากที่เขาแต่งงานแล้วเราสองคนคงต้องห่างๆกันสักพัก เพราะเขามีความจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของสามีไว้

“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ตามชอบใจ”

ชิดชบารู้ดีว่ามีหน้าที่ต้องรักษาสัญญาของเรา แล้วไล่ปฐวีกลับไปทำหน้าที่สามีของโสมสุภางค์ ก่อนจะใช้เกรียงแตะที่ปลายคางของเขา “อย่าคิดนะว่าจะมาสั่งลาฉันที่นี่ตอนนี้ ฉันเป็นคนนะ ไม่ใช่สัตว์”

ปฐวีโกรธที่ชิดชบารู้ทัน ผลุนผลันออกจากห้องอย่างอารมณ์เสีย

ooooooo

เช้าวันงานแต่งงาน เถาว์เครือเตรียมตัวจะไปสถานที่จัดงานพิธีสวมแหวน โดยมีช่างผมช่างแต่งหน้าเดินตามต้อยๆ เห็นตลับนาคถือตะกร้าใส่ของสำหรับใส่บาตร ทำทีเข้ามาแนะนำให้ชวนหลานสาวของเธอไปด้วย เผื่อไปทำใจที่วัด ตลับนาคงง ทำใจเรื่องอะไร

“ก็ทำใจเรื่องปฐวีต้องแต่งงาน แล้วลูกสาวฉันก็จะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาหลังจด ทะเบียนสมรส ไปนายสมควรไปส่งฉัน” เถาว์เครือมีรถจากโรงแรมมารับอยู่แล้ว แต่จะแกล้งตลับนาค เพราะรู้ดีว่าสมควรต้องเป็นคนขับรถไปส่งเธอที่วัด ตลับนาคไม่อยากให้มากเรื่องก็เลยจะนั่งรถแท็กซี่ไปเอง...

ในเวลาต่อมา จำเรียงยกอาหารเช้าไปให้ชิดชบาที่ห้อง เห็นเธอดื่มไวน์หมดไปครึ่งขวด ขอร้องให้เธอกินอะไรรองท้องบ้าง ดื่มแต่ไวน์อย่างเดียวเดี๋ยวจะเมา

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกจำเรียง มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”...

งานพิธีสวมแหวนตอนเช้าผ่านไปด้วยดี ท่ามกลางแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน ดูท่าแล้วแม่เจ้าสาวจะปริ่มเปรมเป็นปลื้มมากกว่าตัวเจ้าสาวเสียอีก...

งานเลี้ยงฉลองสมรสของปฐวีและโสมสุภางค์จัดขึ้นในตอนเย็นวันเดียวกัน แขกทยอยเข้างานไม่ขาดสาย แพรวายอมให้ธวัชพงษ์ติดสอยห้อยตามมาด้วย เถาว์เครือเห็นชัยยงค์มา ดีใจจนออกนอกหน้า ก่อนจะตัดพ้อทำไมเมื่อเช้าถึงไม่มาร่วมงาน เขาอ้างอาวุโสยังไม่ถึง ไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่แขกผู้ใหญ่ แล้วหันไปอวยพรคู่บ่าวสาวก่อนจะชมว่างานจัดได้สวยงามมาก แต่เขาว่ามันขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง

“คุณหมายถึงอะไร” ปฐวีนิ่วหน้าไม่พอใจ...สิ่งที่ขาดหายไปของชัยยงค์ กำลังเมาฟุบคาขวดไวน์ที่หมดไปหลายขวด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแผดเสียงอย่างคั่งแค้น “แกทำให้พ่อฉันฆ่าตัวตาย ฉันจะทำให้แกฆ่าตัวตายเหมือนพ่อ”...

กว่าจำเรียงจะรู้ว่าชิดชบาหายตัวไป ก็เป็นตอนที่ยกมื้อค่ำขึ้นมาให้ เดินหาทั่วห้องก็ไม่พบ เธอชักใจคอไม่ดี เกรงชิดชบาจะไปก่อเรื่องอีก

ooooooo

เป็นอย่างที่จำเรียงหวั่นใจ ชิดชบาสวมชุดดำถือพวงหรีดสำหรับงานศพเดินเมาแอ่นเข้ามาในงานฉลองสมรสของปฐวีและโสมสุภางค์ ทุกคนในงานต่างตะลึง รวมทั้งคู่บ่าวสาวด้วย เธอเหวี่ยงพวงหรีดมาตกตรงปลายเท้าปฐวีพอดี โสมสุภางค์ร้องกรี๊ดๆอย่างบ้าคลั่ง ตะคอกใส่ว่ามางานแต่งงานของตนทำไม

“ฉันมาทำหน้าที่นางบำเรอค่ะ ฉันเป็นนางบำเรอของคุณปฐวี ถึงจะไม่ได้รับเชิญฉันก็ต้องมาค่ะ มาเพื่อบอกกับทุกคนว่าฉันเป็นนางบำเรอของเจ้าบ่าวผู้มีภาพลักษณ์ของนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ประสบความสำเร็จ แต่มีเบื้องหลังเป็นนักพนัน” ชิดชบาอ้อแอ้เต็มที เถาว์เครือโกรธจัดปราดเข้ามาไล่

“เอาพวงหรีดของแกออกไปด้วย ไม่ว่าแกจะเป็นอะไร แกก็เป็นได้แค่นางบำเรอ ผู้หญิงอย่างแกจะมีความหมายอะไร ลูกของฉันต่างหากล่ะที่ได้แต่งงานเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของปฐวี”

ปฐวีเข้ามาช่วยขับไล่ชิดชบาอีกแรงหนึ่ง อรุณณรงค์สงสารเธอมากอาสาจะพาไปส่งบ้านให้เอง แล้วลากชิดชบาที่แข็งขืนออกจากงานได้ในที่สุด โสมสุภางค์โกรธมากตามไปเอาเรื่อง โดยมีเถาว์เครือตามไปอีกทอดหนึ่ง งานเลี้ยงต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย ปฐวีถึงกับทรุดตัวลงนั่งหมดเรี่ยวแรง แพรวาเดินเข้าไปหา

“ถ้าโสมสุภางค์เป็นอะไรไป ฉันจะโทษว่าเป็นความผิดของคุณ”...

ไม่นานนักอรุณณรงค์กับจำเรียงช่วยกันประคองชิดชบาที่เมาหนักมานอนที่เตียงของเธอ จำเรียงขอบคุณเขามากที่พาชิดชบามาส่ง โชคดีที่ตลับนาคไม่อยู่ไม่ต้องมาเห็นเธอในสภาพนี้ เขาเห็นเธอหลับเรียบร้อยก็ขอตัวกลับ โดยมีจำเรียงตามไปส่ง พอทั้งคู่คล้อยหลัง ชิดชบาลุกขึ้น ไปอ้วกในห้องน้ำ

อีกมุมหนึ่งหน้าตัวตึก บุญถิ่นกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน เห็นจำเรียงกับอรุณณรงค์เดินสวนออกมา รีบหลบมุม เป็นจังหวะเดียวกับโสมสุภางค์ขับรถเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งร้องไห้เข้าไปข้างในตัวตึก อึดใจเดียว เถาว์เครือลงจากแท็กซี่วิ่งตามลูกสาว จำเรียงกับอรุณณรงค์ได้แต่มองตาม

เถาว์เครือไล่ตามมาคว้าแขนโสมสุภางค์ไว้ ขอร้องให้ใจเย็นๆ อย่าไปเล่นตามเกมของชิดชบาที่หวังจะทำให้เธอโกรธจนโรคหัวใจกำเริบ เธอสติแตกเกินกว่าจะเชื่อฟัง ฮึดฮัดจะขึ้นไปฆ่านังนั่นให้ได้ สะบัดมือแม่ออกแล้ววิ่งขึ้นบันได เถาว์เครือวิ่งตามมาคว้าแขนลูกไว้อีกครั้งตรงโถงบันไดชั้นบน

“แม่บอกให้ฟังแม่ยังไงล่ะ เพราะหนูไม่เคยฟังแม่ ชีวิตถึงได้พังแบบนี้ ถ้าหนูเชื่อแม่ เรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้น รักนายปฐวีแล้วเป็นยังไง เขาทำให้หนูตาบอดได้ แต่เขาทำให้หนูหูหนวกไม่ได้ หนูมันโง่ๆๆๆได้ยินไหม”

“โง่หรือ คุณแม่น่ะสิโง่ รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณแม่เองก็กำลังจะถูกชัยยงค์หลอก”

ชิดชบาได้ยินเสียงเถียงกัน เปิดประตูห้องออกมาดู แม่ลูกสติแตกโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน จังหวะหนึ่ง เถาว์เครือโกรธจนลืมตัวกระชากโสมสุภางค์มาตรงบันได เธอพยายามดิ้นหนีก็เลยพลาดตกลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ชิดชบากรีดร้องสุดเสียง เถาว์เครือตกใจที่เห็นเธอยืนอยู่ พอตั้งสติได้ก็ร้องโวยวายทันที

“ช่วยด้วยๆ มันฆ่าลูกฉัน มันผลักลูกฉันตกบันได ช่วยด้วยๆ นังชิดชบาฆ่าลูกของฉัน”

บุญถิ่นซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด รีบหลบฉาก เสียงร้องเอะอะของเถาว์เครือทำให้จำเรียงกับสมควรวิ่งมาดู สวนทางกับบุญถิ่นที่วิ่งหน้าตื่น ทั้งคู่คว้าแขนเธอไว้ถามว่าข้างบนมีเรื่องอะไรกัน เธอได้แต่นิ่งอึ้ง จำเรียงกับสมควรไม่สนใจจะถามอะไรอีก รีบเข้าไปข้างใน

ooooooo

เถาว์เครือกอดร่างโสมสุภางค์ที่หมดสติร้องไห้ฟูมฟายกลัวความผิดที่ตัวเองได้ก่อขึ้น แต่พอเห็นจำเรียงกับสมควรเข้ามาเท่านั้นก็รีบโยนบาปให้ชิดชบาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“แกผลักลูกฉันตกบันได แกฆ่าลูกฉัน นังชิดชบา แกพยายามฆ่าลูกของฉัน”

จำเรียงบอกให้สมควรโทร.ตามรถพยาบาล ส่วนเธอเองเข้าไปดูอาการของโสมสุภางค์ ขณะที่เถาว์เครือยังร้องไห้ไม่หยุด ปากก็พร่ำกล่าวหาชิดชบาว่าเป็นคนผลักโสมสุภางค์ไม่ขาดปาก...

ในเวลาต่อมา ปฐวีขับรถเข้าบ้านอย่างรีบร้อน สวนกับรถพยาบาลที่มารับตัวโสมสุภางค์ เขาลงจากรถถลาเข้ามาจ้องหน้าชิดชบาที่ยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตะคอกใส่หน้าเธอต่อหน้าจำเรียงกับสมควร

“คุณ...คุณฆ่าโสมสุภางค์” พูดจบ ปฐวีกลับขึ้นรถ ขับตามรถพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว ชิดชบามองมือตัวเองสีหน้างุนงง พึมพำเบาๆ นี่เราเป็นคนผลักโสมสุภางค์ตกบันไดจริงหรือ ระรินกับยุวดีสาระแนทันที

“ไม่ใช่เธอแล้วจะใครล่ะ ถ้ามีใครสักคนอยากจะฆ่าโสมสุภางค์ก็คงต้องเป็นเธอ”

ยุวดีเห็นด้วยกับระริน ต้องเป็นฝีมือชิดชบาแน่นอน ผู้ถูกกล่าวหาชักจะเชื่อตามที่คนอื่นใส่ร้าย...

หมอช่วยชีวิตโสมสุภางค์ไว้ได้ แม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เธออาจเดินไม่ได้ไปสักพัก เถาว์เครือที่ยืนฟังอาการของโสมสุภางค์อยู่ข้างๆปฐวีถึงกับเข่าอ่อน ทำใจไม่ได้ที่ลูกของตัวเองต้องพิการ

ooooooo

ปฐวีโกรธจัด กลับบ้านไปเอาเรื่องชิดชบาที่ทำให้โสมสุภางค์ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จับไหล่เธอเขย่าอย่างแรงพร้อมกับแผดเสียงใส่หน้าจะจับเธอเข้าคุกข้อหาพยายามฆ่าโสมสุภางค์ เธอปฏิเสธทันที

“ฉันไม่ได้ฆ่า ถึงฉันจะเลวแค่ไหน ถึงฉันจะเป็นนางบำเรอของคุณ ฉันก็ไม่ฆ่าผู้หญิงด้วยกันเพราะคุณ”

“คุณฆ่าโสมสุภางค์ ผมจะแจ้งความจับคุณ”

ชิดชบาอุทานอย่างตื่นตระหนกที่เห็นสีหน้าเอาเรื่องของเขา ขณะที่เถาว์เครือซึ่งแอบฟังอยู่ถึงกับโล่งอกที่ปฐวีเชื่อสนิทใจว่าเป็นความผิดของชิดชบา...

ทั้งหม่อมจรัสเรืองและอุราศรีต่างเคืองมากที่อรุณณรงค์ไม่เชื่อว่าชิดชบาพยายามฆ่าโสมสุภางค์ ทั้งๆที่ใครต่อใครก็ปักใจเชื่อกันทั้งนั้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับยังลงข่าวเป็นทำนองเดียวกันว่าเธอเป็นคนทำ

“เชื่อเสียเถอะค่ะ ตำรวจยังเชื่อว่าชิดชบามีแรงจูงใจที่จะฆ่า ผู้หญิงคนนี้ใจร้ายเหมือนแม่มด”

“ใช่ คุณปฐวีแจ้งจับชิดชบาแล้ว”

อุราศรีท้า ถ้าอรุณณรงค์ไม่เชื่อก็ให้ไปที่สถานีตำรวจ จะได้เห็นผู้หญิงคนนั้นถูกจับฐานเป็นฆาตกร...

เป็นอย่างที่อุราศรีว่า ชิดชบาถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือเพื่อนำตัวไปฝากขัง ตลับนาควิ่งตามมาโวยวาย ไม่เชื่อว่าหลานสาวของตนจะจงใจผลักโสมสุภางค์ตกบันได นี่อาจเป็นแค่อุบัติเหตุ เถาว์เครือให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ ยืนกรานว่าตนอยู่ในที่เกิดเหตุเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ตลับนาคไม่อยู่บ้านจะมารู้ดีกว่าตนได้อย่างไร

“นายสมควร เอารถออก ฉันจะไปร่วมเป็นพยาน ชี้ความผิดของหลานสาวคุณตลับนาค”

ตลับนาคมองรถของเถาว์เครือที่แล่นตามรถตำรวจด้วยใจคอไม่ดี...

นอกจากอรุณณรงค์และตลับนาคที่ไม่เชื่อว่าชิดชบาใจคอโหดเหี้ยมขนาดจะฆ่าใครได้ ยังมีธวัชพงษ์อีกคนหนึ่งที่ไม่เชื่อเช่นกัน ทำให้แพรวาไม่ค่อยจะชอบใจนัก

“งั้นก็เอาความเชื่อของคุณไปแสดงให้ตำรวจเชื่ออย่างที่คุณเชื่อให้ได้ คุณจะได้ช่วยชิดชบา ถอยไป...ฉันจะไปดูโสมสุภางค์” แพรวาแดกดันจบผลักอกธวัชพงษ์พ้นทางแล้วจ้ำพรวดๆจากไป...

ทางด้านยุวดีและระรินไม่อยากมีส่วนกับเรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้น จัดแจงเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางจะไปจากบ้านของปฐวี ขณะที่บุญถิ่นมองตามทั้งคู่ลงจากตัวตึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จำเรียงเดินมาหา

“เก็บข้าวของไปกันหมดแล้วน้า ทิ้งขยะไว้เกลื่อนห้อง นังพวกนี้มันไม่มีสมบัติผู้ดีเลยจริงๆ...ไม่อยากจะเชื่อเลยนะน้าว่าคุณชิดชบาจะผลักคุณโสมสุภางค์ตกบันได แต่มันก็น่าคิดอยู่นะ หนังสือพิมพ์ยังลงข่าวกับรูปที่คุณ ชิดชบาใส่ชุดดำถือพวงหรีดไปอาละวาดในงานแต่ง น้า...น้าว่า...” จำเรียงยังไม่ทันพูดจบ บุญถิ่นรู้สึกผิดอยู่ลึกๆในใจ ทนฟังต่อไปไม่ได้ผลุนผลันกลับเรือนคนใช้ เธอได้แต่มองตามแปลกใจ

ooooooo

ปฐวียืนมองโสมสุภางค์ที่อยู่ในห้องไอซียูด้วยความเป็นห่วง แพรวาเข้ามายืนข้างๆ เห็นเพื่อนรักอยู่ในเครื่องช่วยหายใจมีสายอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมดก็โกรธ หันไปต่อว่าเขาว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของเขาที่ไม่เคยให้อะไรโสมสุภางค์เลยนอกจากความทุเรศ แม้แต่งานแต่งงาน

“ใช่ มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่รู้ว่าเรื่องทุเรศๆนั่นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ผมสัญญาว่าผมจะเอาผิดคนที่ทำร้ายโสมสุภางค์ให้ถึงที่สุด...ผมจะเอาชิดชบาเข้าคุกให้ได้” ปฐวีเข่นเขี้ยวด้วยความแค้น...

หลังจากใช้โฉนดบ้านสวนของตลับนาคประกันตัวชิดชบาออกจากห้องขัง เฉวียงยังต้องคอยกันไม่ให้ธวัชพงษ์มาวุ่นวายกับเธอ แม้เขาจะเป็นฝ่ายเดียวกันและเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาก็ตาม ธวัชพงษ์ได้แต่ถอนใจ หนักใจ มองตามรถของเฉวียงที่พาชิดชบาออกจากสถานีตำรวจ ก่อนจะหันไปเห็นอรุณณรงค์ที่นั่งอยู่ในรถ ถึงกับนิ่วหน้าแปลกใจ...

ครู่ต่อมา อรุณณรงค์ขับรถกลับถึงวัง หม่อมจรัสเรืองที่นั่งดื่มน้ำชายามบ่ายอยู่กับอุราศรี อดถามไม่ได้ว่า

แม่ฆาตกรเลือดเย็นคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง พอรู้ว่าเขาไม่ได้เจอกับชิดชบาถึงกับร้องอ้าว

“ผมควรรักชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าเห็นใจคนอื่น เพราะเกียรติกับอนาคตของผมสำคัญกว่า อย่างที่หม่อมแม่สอนยังไงล่ะครับ” ประชดเสร็จเดินหนีขึ้นตึก ไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาก่อนของหม่อมแม่...

ทางฝ่ายตลับนาคเป็นห่วงสภาพจิตใจของหลานรักที่ถูกแวดล้อมด้วยความชิงชัง ชวนเก็บข้าวของกลับไปตั้งหลักที่บ้านสวน เพราะคดีนี้ คงจะยาวแน่ๆ ชิดชบาไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น เกมยังไม่จบจะยอมแพ้ไม่ได้ ตลับนาคขอร้องให้พอได้แล้ว อย่าเอาชีวิตมาทิ้งกับบ้านหลังนี้อีกเลย กลับไปฝรั่งเศสไปดำรงชีวิตเหมือนที่เธอเคยเป็นยังดีกว่าอยู่ที่นี่ให้คนเขาเหยียบย่ำ เธอตัดพ้อ เชื่อว่าเธอเป็นฆาตกรเหมือนกันหรือ

“ป้าไม่เชื่อว่าหลานจะทำได้ แต่เราไม่มีหลักฐานอะไรจะไปสู้กับคำกล่าวหาของพวกเขา คุณนายเถาว์เครือเป็นแม่ ปากคำของคุณนายเถาว์เครือตำรวจให้น้ำหนักอยู่แล้วแล้วหนูจะรอดหรือ” สองป้าหลานกอดกันร้องไห้ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี...

บุญถิ่นนอนไม่หลับกระสับกระส่ายเพราะชิดชบาต้องมารับผิดแทนเถาว์เครือโดยที่ตนเองไม่ยอมพูดความจริง ยิ่งได้รู้จากสมควรว่าเธอได้ประกันตัวแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเข้าคุกอยู่ดี บุญถิ่นยิ่งรู้สึกแย่

ooooooo

เถาว์เครือไม่พอใจมากเมื่อเห็นชิดชบามาที่ห้องไอซียูเอ็ดเสียงเขียวว่ามาทำไม เธอจะมาดูว่า โสมสุภางค์เป็นอย่างไรบ้าง เถาว์เครือแดกดันว่ายังไม่ตาย ไม่ต้องมาเร่งวันเร่งคืนให้ลูกของตนตายเร็วๆ แนะให้เธอเอาเวลาว่างไปปรึกษาทนายความว่าจะ
สู้คดีอย่างไรจะดีกว่า

“คุณนายก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนบันไดคืนนั้น”

“ฉันรู้กับที่คนอื่นรู้ไม่เหมือนกัน เธอมีหน้าที่ต้องแก้ข้อกล่าวหา ไปสิ ไปบอกตำรวจว่าฉันเป็นคนทำให้ลูกตกบันได ไม่มีใครเชื่อเธอหรอก ฉันเป็นแม่ที่รักแล้วก็อยู่เคียงข้างลูกตลอดเวลา ฉันจะทำยังงั้นเพื่ออะไร กลับไปซะ ถ้าเข้าใกล้โสมสุภางค์ ฉันจะร้องดังๆ” เถาว์เครือกระซิบขู่ ชิดชบาจำต้องหันหลังกลับ สวนทางกับชัยยงค์ ชัยญาและถกลที่เดินเข้ามา ทันทีที่เถาว์เครือเห็นหน้าชัยยงค์ถึงกับปล่อยโฮด้วยความอัดอั้น ตัดพ้อต่อว่าว่าทำไมเพิ่งมา เขาดึงเธอมากอดปลอบใจ แต่แววตากลับยิ้มเยาะโดยที่เธอไม่เห็น

จากนั้นไม่นาน ชัยยงค์กับพวกก็ขอตัวกลับระหว่างเดินมายังที่จอดรถ ชัยยงค์บอกกับลูกไม่นึกเลยว่าโชคจะเข้าข้างเรา จากนี้ไปตนจะเป็นคนสำคัญของเถาว์เครือ ส่วนชิดชบาจะกลายเป็นฆาตกร และในที่สุดต้องระเห็จไปอยู่ในคุก ชัยญายังคาใจไม่หาย ไม่รู้ว่าคืนนั้นความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

“ใครจะอยากรู้ความจริง ฉันรู้แค่ชิดชบาเป็นคนผิดก็พอแล้ว ความจริงใครจะผลักใครก็ช่างหัวมันปะไรล่ะ ประโยชน์ที่เราได้ทางอ้อม คือเขี่ยชิดชบาออกไปจากบ้านหลังนั้น” พูดจบ ชัยยงค์เดินไปขึ้นรถโดยไม่ล่วงรู้เลยว่าธวัชพงษ์แอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งสีหน้าครุ่นคิดสงสัย...

เฉวียงได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจากปากชิดชบาแล้ว อดเป็นกังวลแทนไม่ได้ หากคดีถึงศาล น้ำหนักของทางเถาว์เครือดูจะมีมากกว่าเพราะคงไม่มีใครเชื่อว่าแม่จะทำแบบนั้นกับลูก และที่สำคัญเธอเป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ ถ้าเป็นแบบนี้ชิดชบาน่าจะตกอยู่ในฐานะลำบาก

“แต่หนูไม่ได้ฆ่านะ ถึงหนูจะดูเลว ดูชั่ว ดูเหมือนผู้หญิงแพศยา แต่หนูก็ไม่ใช่ฆาตกร ไม่ใช่”...

ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น ปฐวีเก็บความแค้นที่มีต่อชิดชบาอัดแน่นเต็มอก กลับถึงบ้านตัวเองมายืนตะโกนกลางห้องโถงว่าเกลียดเธอมากมายจนอยากจะฆ่าให้ตายเหมือนที่เขาทำให้พ่อของเธอต้องฆ่าตัวตาย ชิดชบาไม่กล้าออกมาเผชิญหน้า แอบอยู่ในหลืบด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

“ผมจะเอาคุณเข้าคุก แล้วยึดบ้านหลังนี้ คุณจงใจฆ่าโสมสุภางค์ คุณจะต้องเข้าคุก คุณรู้ไหมว่าทำไมพ่อคุณถึงต้องตาย เพราะเขาฆ่าพ่อผม เขาโกงเพื่อน เขาทำให้พ่อของผมหมดเนื้อหมดตัวจนต้องฆ่าตัวตาย คุณรู้ไหมว่าหลังจากนั้นผมโตมายังไง”...

ชิดชบาอยากเห็นสถานที่ที่พ่อของปฐวีฆ่าตัวตาย จึงขอร้องให้ธวัชพงษ์ช่วยพาไปที่นั่น เขาเล่าให้ฟังว่าได้สอบถามจากคนเก่าๆที่เคยอาศัยอยู่แถวนี้ ถึงได้รู้ว่าเดิมทีที่นี่ไม่ได้เป็นท่าข้าวใหญ่โตแบบนี้ แต่เป็นที่ที่เพื่อนสองคนล่องเรือค้าข้าวด้วยกัน พ่อของปฐวีกับพ่อของเธอ ชิดชบาเพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแค่เกมล้างแค้น และเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อมีที่ดินผืนนี้อยู่

“คุณปฐวีได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ มันรวมอยู่ในทรัพย์สินที่ลงพนัน คุณพ่อคุณคงรู้ว่านี่เป็นการล้างแค้น เขาถึงได้ฆ่าตัวตาย” คำพูดของธวัชพงษ์ทำให้ชิดชบาถึงกับสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว...

ความจริงที่เพิ่งประจักษ์ ทำให้ชิดชบาเก็บเอาไปฝันร้าย เห็นพ่อยิงตัวตาย ตกใจสะดุ้งตื่นเหงื่อท่วมตัว

ooooooo

หลังจากนั่งเฝ้าไข้อยู่หลายวัน ในที่สุดโสมสุภางค์ก็รู้สึกตัว แพรวาดีใจมากจับมือเธอมากุมไว้ เถาว์เครือกลัวความลับจะแตก ไล่แพรวาออกไปรอข้างนอกก่อน ให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน แล้วเดินมาหาโสมสุภางค์ซึ่งมองมาที่แม่ราวกับคนแปลกหน้า

“แม่ดีใจที่หนูฟื้นขึ้นมา อย่ามองแม่อย่างนั้น มันเป็นอุบัติเหตุ แต่เราจะหาประโยชน์จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ด้วยการส่งนังชิดชบาเข้าคุก” เถาว์เครือยิ้มเหี้ยมขณะที่โสมสุภางค์มองแม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย...

ข่าวโสมสุภางค์ฟื้นจากโคม่ารู้ถึงหูบุญถิ่นซึ่งดูจะโล่งใจมาก เพราะนั่นเท่ากับไม่ต้องมีใครฆ่าใคร จำเรียงยืนยันว่ายังมีอยู่ เถาว์เครือจะให้การปรักปรำว่าชิดชบาเป็นคนผลักโสมสุภางค์ตกบันได ปฐวีก็ร่วมให้การเช่นกัน อีกไม่นานก็คงต้องขึ้นศาล บุญถิ่นถึงกับหน้าสลด...

โสมสุภางค์ยังคงมึนตึงกับแม่ ไม่ยอมกินอาหารที่ท่านป้อน เถาว์เครือรู้ดีว่าลูกยังโกรธ แก้ตัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิด เธอยังคงนิ่งเฉยไม่หือไม่อือ จังหวะนั้นปฐวีเข้ามาในห้อง เถาว์เครือจึงขอตัวไปรอข้างนอก ปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง ปฐวีกุมมือโสมสุภางค์ไว้ ปลอบว่าเธอคงต้องใช้รถเข็นไปสักระยะหนึ่งก่อน แต่ไม่ต้องห่วง เธอพร้อมเมื่อไหร่เราจะจดทะเบียนสมรสกันทันที เขาดีใจมากที่เธอฟื้น จะได้รับรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับคนที่พยายามฆ่าเธอ แววตาของโสมสุภางค์หวั่นไหวเห็นได้ชัด

“โสมสุภางค์ ไม่มีอะไรที่คุณต้องกลัวนะ ถ้าคุณยังไม่อยากพูดอะไรกับผมตอนนี้ ก็ไม่ต้องพูด หลักฐานมัดตัวชิดชบา ผู้หญิงคนนั้นไม่รอดแน่”...

ฝ่ายเถาว์เครือทรุดตัวลงนั่งด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นกับท่าทีหมางเมินของลูก ชัยยงค์เข้ามานั่งใกล้ๆถามว่า

โสมสุภางค์ยอมร่วมมือด้วยหรือเปล่า เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ลูกนิ่งเฉยจนดูไม่ออก ทั้งที่เธอบอกแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เขาเร่งให้เธอรีบทำให้โสมสุภางค์ยอมร่วมมือกับเรา เอาชิดชบาติดคุกให้ได้ ถ้าโสมสุภางค์ไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ มันอาจจะไม่มีอีกเลยก็ได้ ส่วนเขาจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอแน่นอน แต่ต้องให้เรื่องนี้ผ่านไปเสียก่อน เถาว์เครือคว้ามือชัยยงค์มากุมไว้ รับปากจะทำตามแผนการของเขา

ทั้งสองคนไม่ทันเห็นแพรวยืนมองท่าทีของทั้งคู่ที่ดูสนิทสนมเกินคนรู้จักด้วยความสงสัย...

เนื่องจากไม่ค่อยจะไว้ใจชัยยงค์สักเท่าไหร่ แพรวาจึงสอบถามประวัติของเขาคร่าวๆจากธวัชพงษ์ ถึงได้รู้ว่าเขาไม่น่าคบหาด้วยนัก เพราะร่ำรวยมาจากธุรกิจผิดกฎหมาย ธวัชพงษ์อดถามไม่ได้ทำไมเธอถึงอยากรู้เรื่องชัยยงค์ เธอปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แค่อยากให้ธวัชพงษ์ช่วยตามดูพฤติกรรมของเขาให้

“ฉันสงสัยว่าเขาจะไม่หวังดีกับโสมสุภางค์”...

อรุณณรงค์ไม่ค่อยชอบใจนักที่หม่อมแม่กับอุราศรียังพูดถึงเรื่องชิดชบาเป็นฆาตกรไม่เลิกไม่แล้ว แถมยังหาว่าที่เถาว์เครือไม่ยอมให้ใครไปเยี่ยมโสมสุภางค์ก็เพราะกลัวชิดชบาจะตามไปฆ่าเธอถึงโรงพยาบาล เขาหาว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ใครจะไปทำอย่างนั้น อุราศรีหมั่นไส้ หากเขาเป็นห่วงชิดชบามากนักทำไมไม่ไปแสดงความห่วงใยด้วยตัวเอง อรุณณรงค์ยินดีทำตามคำท้า แล้วผลุนผลันออกไปทันที

ooooooo
ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น